ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Detective Agency 19Nights คดีที่ 1 ปริศนาฆาตกรรมของตุ๊กตา SD

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 สำนักงานนักสืบ 19 คืน

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 52


    ภายในตึกสูงตระหง่านหลังหนึ่งของเขตซิ่นอี้แห่งกรุงไทเป เสียงดังกึกก้องในระดับเดซิเบลที่สามารถทำลายแก้วหูคนได้แหวกมวลอากาศแผ่ไปทั่ว...

    หวง ฝู่ เจวี๋ย เซิง! ผลงานเดือนนี้ของนายมันเกิดอะไรขึ้น ได้แค่งานกระจิ๊บกระจ้อยยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่ดันใช้ชื่อบริษัทไปเซ็นบิลติดหนี้ชาวบ้านเขาไว้อีก!? นายมันเป็นคนหรือเปล่า ยังอยากจะทำอยู่ไหม งานน่ะจะทำไหม!? ช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยซิ!”

    ชายวัยกลางคนผู้มีผมหงอกแซมแล้วกว่าครึ่งหัวตบโต๊ะทำงานอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง เขาหรี่ตาที่เดิมทีก็ตี่จนไม่รู้จะตี่ยังไงอยู่แล้วเพ่งมองพลางขบฟันกรอดรอคำตอบของชายหนุ่มตรงหน้าซึ่ง...ทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

    เรื่องเล็กแค่นี้เอง ต้องเรียกผมมาด้วยเหรอ...” หวงฝู่เจวี๋ยเซิง หรือที่เรียกกันในหมู่เพื่อนร่วมงานว่า เจสัน นั่งหาวหวอดพลางแคะหูท่าทางเซ็งๆ

    พระเจ้ารู้ดีว่าบ้านของเขาอยู่บนเขาด้านหลังมหาวิทยาลัยนิวตันในเมืองตั้นสุ่ยสุดปลายฝั่งตะวันตกของไทเปนู่น! หลังจากเขาได้รับโทรศัพท์สายด่วนตอนหกโมงเช้า เขาก็รีบ ติดจรวด บึ่งออกจากอพาร์ตเมนต์ มารายงานตัวที่สำนักงานในเขตซิ่นอี้ทางตะวันออกสุดอย่างเร็วที่สุดแล้ว

    นี่ถ้าเจ้านายไม่คิดถึงหัวอกลูกน้องที่จนแสนจนแล้วยังต้องเสียค่าแท็กซี่แพงลิ่วมาให้ทันตามคำสั่ง ก็น่าจะคิดถึงสังขารของคนที่วัยไม่ใช่น้อยๆ ของเขาบ้างนะ

    เขาไม่ใช่ซูเปอร์แมนนี่ จะให้เหาะไปรับใช้ได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเป็นร้านสะดวกซื้อหรือไง

    ทันใดนั้นเอง สมุดเล่มหนึ่งก็บินพุ่งมา...กระแทกเข้าที่แก้มของเขา

    โอย...เจ็บ!!!

    หัวหน้าทำอะไรเนี่ย! ถ้าหน้าหล่อๆ ของผมเป็นรอยขึ้นมา หัวหน้าจะชดใช้ยังไง!”

    ชดใช้? ค่าตัวนายยังไม่พอจะใช้หนี้ฉันเลย เพราะนายมันมีค่าไม่ถึงสามสิบสตางค์ด้วยซ้ำ!” หัวหน้าจงกู่ ผู้อำนวยการสำนักงานนักสืบชักสมุดจดของตัวเองกลับมาจากเจสัน ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดสมุดตรงจุดที่มันไปสัมผัสกับใบหน้าของเขาเข้าพอดี

    หนอย! เห็นเจ้าสมุดนั่นดีกว่าเขาอีกงั้นเรอะ

    หัวหน้าทำเกินไปแล้วนะครับ คนเขาอุตส่าห์ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำงานเต็มที่! ภารกิจของผมแต่ละครั้ง ถ้าไม่ปลอมตัวเป็นหนุ่มบ้านทุ่งก็ไปเป็นหนุ่มโฮสต์ให้ผู้หญิงลวนลาม ไม่อย่างนั้นก็เป็นอาตี๋เข็นรถประดับไฟขายของโชว์ห่วย ฮือๆๆ เจ้านายทำกับผมแบบนี้มันน่าน้อยใจจริงๆ เลย...”

    เจสันทำหน้าเป็นน้องหมาตัวน้อยผู้ไร้ความผิด ใบหน้าหล่อเข้มที่ผู้หญิงเห็นเป็นต้องหลงใหลได้ปลื้ม ผู้ชายเห็นเป็นต้องอิจฉานั้นกำลังทำท่าเหมือนลูกสะใภ้ถูกแม่สามีกลั่นแกล้ง

    เจสันน่าสงสารจังเลย หัวหน้าใจร้าย!”

    จริงด้วย ได้ยินว่าเจสันน่ะเคยเป็นยอดฝีมือในวงการเลยนะ หัวหน้ากลับส่งไปเข็นรถขายของ ทำกันเกินไปแล้ว!”

    ใช่! เจสันหล่อออกอย่างนี้ หัวหน้ากลับชอบแกล้งให้ทำงานยิ่งกว่าตอนตัวเองหนุ่มๆ มันเกินไปจริงๆ!

    ผู้เป็นหัวหน้าพูดไม่ออก

    การเผชิญหน้ากับความกดดันจากพนักงาน ผู้หญิง นั้นทำให้จงกู่ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะคว้าแจกันดอกไม้ขว้างใส่หน้าของเจ้าเจสันจอมลวงโลกคนนี้ดีไหม

    ถ้าหากทำอย่างนั้นจริงๆ คนที่จะเดินออกจากประตูนี้ไปไม่ได้คงเป็นตัวเขาอย่างแน่นอน

    อะแฮ่ม จงกู่กระแอม หางตาชำเลืองไปทางกลุ่มผู้หญิงที่ยืนออกันเป็นก้อนอยู่ด้านนอก แล้วเขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา เจสัน ถ้าหากนายทำคดีนี้สำเร็จ ฉันมีโบนัสพิเศษให้นายเท่านี้...”

    พอหัวหน้าจงกู่ชูมือขึ้นมา ห้า นิ้ว น้ำตาที่คลอรื้นของเจสันก็กลับทอประกายวิ้งวั้ง แต่เขาก็ยังเอียงคออย่างไม่เข้าใจ

    ห้าหมื่น! ฉันจะให้นายห้าหมื่นไงเล่า! สมองหมูของนายไม่เข้าใจอีกเหรอหัวหน้าตะเบ็งเน้นจำนวนเงินเสียงดัง แต่หางตาก็เห็นเหล่าสาวๆ แฟนพันธุ์แท้ ของพ่อหนุ่มเจสันยิ่งออกันมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากสายตาฆ่าคนได้ ชีวิตแก่ๆ ของเขาคงถูกพวกผู้หญิงที่อยากจะเขมือบเจสันชำแหละจนไม่เหลือซากไปแล้วมั้ง

    หัวหน้า? เจสันลดตุ๊กตาแมวกวักนำโชคของจงกู่ที่ยกขึ้นมาปิดหน้าลงอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

    ขอเล่าย้อนสักนิด สำนักงานที่สองคนกำลังประจำอยู่นั้นคือ อาคารจินเซิง ที่คิดค่าเช่าแพงที่สุดในเขตซิ่นอี้ซึ่งเจสันบ่นอยู่ตลอดว่าเป็นที่ทำงานที่ไกลมหาไกล

    ตึกสำนักงานนี้มีบริษัทเช่าทำการอยู่ถึง 50 บริษัท แต่มีเพียง สำนักปฏิบัติการจงกู่ ที่เดียวที่มีทีท่าว่าจะเป็นหนี้ แม้ว่าเขาจะวางตุ๊กตาแมวกวักลูกค้ากี่ร้อยตัวแล้วก็ตาม...

    งานที่เงินน้อย ภารกิจแยะ ไกลบ้าน แถมยังเปลืองแรง คือภาพที่วาดอยู่ในหัวของเจสันตอนนี้

    เฮ้อ...เดือนๆ หนึ่งถูกหักค่าประกันสังคมกับค่าธรรมเนียมนู่นนี่ทั้งหลายแหล่แล้วเหลือเงินไม่ถึงหมื่นสองเลย

    ฮือๆๆ...ชีวิตของเขามันช่างบัดซบอะไรแบบนี้!

    ก็เห็นอยู่ว่าเขาเป็นยอดฝีมือในวงการ แต่ดันจับให้เขามาอยู่ในที่ที่แสนจะต๊อกต๋อย หัวหน้าก็โหดเหี้ยม แถมผู้หญิงยัง ขอโทษเถอะ...ไม่เอาอ่าวแบบนี้เนี่ยนะ

    เจสัน เบื้องบนได้รับข่าวกรองมา ตอนนี้ทางย่านตะวันออก* มีสำนักงานนักสืบพิสดารแห่งหนึ่งเปิดดำเนินการอยู่ เพื่อไม่ให้สมองที่มีแต่ขี้เลื่อยของเจสันขมวดปมแน่นไปกว่านี้ จงกู่จึงรีบเข้ามาป้อนข้อมูลที่ข้างหูถึงเรื่องที่อยากให้เขาสืบ

    สำนักงานนักสืบ...พิสดาร?

    ถึงมันจะตั้งอยู่ในตรอกเล็กๆ แทบมองไม่เห็น แต่ก็มีคนจำนวนมากเข้าไปอุดหนุนไม่ได้ขาด ว่ากันว่าคนที่เดินเข้าไปในสำนักงานแห่งนั้นแล้วจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครรอดออกมาเลยซักราย!” พูดจบหัวหน้าก็ยิ้มแปลกๆ พลางหัวเราะอยู่ในลำคอ

    เจสันกลืนน้ำลายอย่างรู้สึกตงิดๆ ใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความฉงน

    แล้ว...ให้ผมไปทำอะไร

    หวงฝู่เจวี๋ยเซิง นายปัญญาอ่อนหรือไง?! ไอ้ปัญญาอ่อน!! ฉันพูดไปตั้งเยอะแยะ นายยังมีหน้ามาทำตาแบ๊วถามฉันว่า ให้ผมทำอะไร อีกเหรอ จงกู่ฉุนขาดเขย่าโต๊ะด้วยความโมโห ควบคุมตัวเองไม่ให้เข้าไปบีบคออีกฝ่ายอย่างเต็มที่ ดูเหมือนเขาจะไม่มีความสามารถในการสื่อสารกับคนปัญญาอ่อนเลยจริงๆ

    เฮ้! หัวหน้า...หัวหน้าจะฆ่าผมเหรอ เกินไปแล้วมั้ง ผมก็แค่...”

    เลิกพล่ามได้แล้ว! ไปสืบดูซิว่าสำนักงานบ้าๆ นั่นเกี่ยวข้องยังไงกับ คดีตุ๊กตา SD’ แต่ถ้าไปเซ็นบัญชีเชื่อของอะไรมั่วซั่วอีกล่ะก็ นายไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าเลย ได้ยินไหม!”

    หลังเสียงตวาดลั่นสำนักปฏิบัติการจงกู่สิ้นสุดลง เจสันก็ถูกถีบก้นออกมา จูจุ๊บ กับพื้นขัดมันอย่างดูดดื่มซาบซ่าน

    โอ๊ย...เจ็บ! หัวหน้านี่ไม่ยั้งเท้าบ้างเลย เจสันลูบสะโพกที่มีรอยบาทาประทับพลางบ่นอุบอย่างน้อยใจ

    ขอโทษนะคะ...คุณไม่เป็นไรใช่ไหม

    เสียงอ่อนหวานของหญิงสาวคนหนึ่งดึงความสนใจของเจสันไปทันที เขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งจับมือหญิงสาวมาจุมพิตตรงหลังมือด้วยมาดสุภาพบุรุษ มุมปากของเขาระบายยิ้มพราวเสน่ห์ชวนหลงใหล

    คุณผู้หญิงแสนสวยท่านนี้ ถ้าหากเป็นห่วงผมจริงๆ คุณช่วยระวังดวงตาดำขลับคู่สวยของคุณอย่าให้มาก่อกวนหัวใจผู้ชายอย่างผมได้ไหมครับ เพราะอันที่จริง แค่รูปร่างที่งดงามของคุณก็ตราตรึงในใจของผมแล้ว...” เจสันพูดพลางจับมือของอีกฝ่ายมาวางไว้ตรงหน้าอกตัวเอง และใช้ดวงตาสีอำพันลึกซึ้งของเขาเหนี่ยวรั้งสาวสวยที่เขาไม่เคยพบมาก่อน

    ที่จริงแล้ว การปกป้องทะนุถนอมผู้หญิงเป็นความสามารถเฉพาะตัวของเขาเลย

    หวงฝู่เจวี๋ยเซิง นายยังอยู่ตรงนั้นทำบื้ออะไรอีก! เมื่อกี้โดนน้อยไปใช่ไหม!? จงกู่แผดเสียงไล่หลังมาด้วยเดซิเบลไม่ต่างจากเดิมจนเจสันต้องรีบปล่อยมือสาวสวย แต่ก็ยังยิ้มแฉ่งให้เธอ

    รุ...รู้แล้วครับ! คนแก่ก็มักจะเป็นแบบนี้แหละครับ คนสวย ไว้พบกันใหม่นะครับ!”

    เจสันถอนหายใจพลางล้วง แฟ้มลับสุดยอด ที่ได้จากใต้โต๊ะของหัวหน้าออกมาจากอกเสื้อแล้วหยิบออกมากวาดสายตาอ่านอย่างรวดเร็ว

    สำนักงานนักสืบสิบเก้าคืน ชื่อแปลกจังแฮะ... ช่างเถอะ! อย่างน้อยก็ดีกว่าให้ฉันไปเป็นโคโยตี้เยอะเลย...ไปก็ไป!”

    เจสันบ่นพลางตรวจนับเศษเงินในกระเป๋ากางเกงว่าพอที่จะเรียกรถไปย่านตะวันออกหรือเปล่า

    เฮ้อ...ชีวิตคนจนนี่มันช่างบัดซบจริงๆ

     

    เจสันต้องจ่ายค่าแท็กซี่ไป 220 เหรียญ (รวมค่าที่โชเฟอร์พาอ้อมไปผิดทางด้วย) เขาใช้เวลาสองชั่วโมงสิบนาทีฝ่าหนทางที่แสนยาวไกลกว่าจะมาถึงที่ที่มีชื่อว่า สำนักงานนักสืบสิบเก้าคืนได้ในที่สุด

    อพาร์ตเมนต์สีเทาอ่อนดูหมองหม่นตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า สภาพมันทรุดโทรมรกร้างขนาดรอยเท้าแมลงสาบซักตัวยังไม่มี ดูยังไงก็ไม่เหมือนที่หัวหน้าสาธยายไว้ว่า มีลูกค้ามาใช้บริการกันแน่นขนัด เลยซักนิด

    เอ...หรือว่าเราจะมาผิดที่ แต่ที่อยู่ที่เขียนมันก็ไม่ผิดนี่หว่า เจสันเห็นป้ายแผ่นหนึ่งข้างตึกอพาร์ตเมนต์ถูกลมพัดจนจวนจะตกมิตกแหล่ บนป้ายนั้นมีข้อความว่า สำนักงานนักสืบสิบเก้าคืน เลขที่ 4 ชั้น 4 ซอย 44 แยกที่ 4

    ด้านบนยังมีข้อความแปลกๆ เขียนด้วยตัวอักษรเล็กๆ ว่า ผู้สนใจ กรุณาติดต่อ 09xx-xxxxxx เรา-รอ-คุณ-อยู่!’ เจสันเห็นแล้วถึงกับขนลุกซู่เมื่ออ่านจบ

    บรึ๋ย น่าขนลุกชะมัด ที่สับปะรังเคแบบนี้เนี่ยนะ ใครที่ไหนจะกล้าเข้ามากันเล่า หัวหน้าจงกู่โกหกชัดๆ

    ความกระตือรือร้นอยากจะสืบสวนมลายหายไปในพริบตาเมื่อเห็นสำนักงานที่ตรงข้ามกับจินตนาการไปหมดทุกอย่าง

    เจสันเบ้ปากพลางเก็บแฟ้มคดีเข้ากระเป๋าเสื้อและใช้ความคิดอย่างหนัก เขาเหลียวมองไปรอบด้าน นอกจากนกกระจอกที่บินมาจิกกินขยะอยู่แถวนี้แล้ว ก็ไม่มีเงาคนให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

    แต่ว่า...

    ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว ทำไมไม่ลองขึ้นไปสำรวจดูหน่อยล่ะ

    ต่อให้ข้างในไม่มีอะไรเลย อย่างน้อยก็ถ่ายรูป บันทึกเสียงกลับไปใช้เป็นยันต์กันหัวหน้าด่าได้...

    เอาล่ะ ลองขึ้นไปดูหน่อยแล้วกัน อูย...วันนี้อากาศออกจะร้อนอบอ้าว ไหงที่นี่มันถึงได้หนาวอย่างนี้ล่ะเนี่ย

    เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เจสันก็เดินเข้าไปในตัวตึกอย่างคนไม่คิดอะไร

    สมองของเขาไม่เชี่ยวชาญเรื่องการคิดอะไรซับซ้อน คิดแต่เพียงว่าอยากถ่ายรูปให้เสร็จเร็วๆ จะได้แวะไปลิ้มรสชาติช็อกโกแลตซันเดที่แสนอร่อยของร้าน ‘Egg Nest’ ที่อยู่ใกล้ๆ นี้เสียหน่อย!

    อืม...รสชาติหวานหอมที่ละลายทันทีที่เข้าปากมันช่างทำให้คนกินมีความสุขเหลือเกิน!

     

    “...แม้แต่บันไดยังดูมืดสลัวขนาดนี้ สยองชะมัด!”

    กลิ่นอับชื้นตามทางบันไดมืดๆ มันหนักหนากว่าที่เขาคิดไว้หลายเท่า

    แต่ละขั้นบันไดที่เจสันย่างก้าวไป นอกจากเสียงสะท้อนของฝีเท้าตัวเองแล้ว เหมือนจะได้ยินเสียงลมหนาวหวีดหวิวผ่านข้างหูตลอดเวลาด้วย มันทำให้เขาแอบขนลุก

    ป้ายหมายเลข 3ตัวใหญ่เป้งเขียนด้วยเมจิกสีแดงปรากฏอยู่ด้านหน้า เจสันจึงคลายความไม่สบายใจและความหวาดหวั่นลงไปได้

    หวงฝู่เจวี๋ยเซิง อีกแค่ชั้นเดียวเท่านั้น นายทำได้!

    ขึ้นไปอีกแค่ชั้นเดียวแล้วถ่ายรูปซักสองสามรูป แค่นี้ก็ได้บอก ‘Bye Bye’ ตึกโกโรโกโสชวนสยองนี่ซักที!

    ถ้าถึงร้าน Egg Nest แล้วดวงดีไม่ต้องรอคิวพอดีล่ะก็ อาจได้เบิ้ลไอติมหลายๆ ถ้วยเลยก็ได้

    ช็อกโกแลตซันเดรสเลิศ อยากกินแล้วกินอีกไม่รู้เบื่อ โว้ว...แค่คิดว่าจะได้กินของอร่อย น้ำลายก็ไหลซะแล้ว

    ดีล่ะ...สู้โว้ย เจสัน! ฮึ่ย พอส่งเสียงเรียกพลังดังสนั่น เจสันก็สูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะก้าวข้ามบันไดทีเดียวหลายๆ ขั้นเพื่อไปให้ถึงชั้นสี่ไวๆ

    แต่จะว่าไปก็แปลก ไม่ว่าจะวิ่งเท่าไหร่ จะตะเกียกตะกายยังไง ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้เห็นป้ายหมายเลข 4 เลย

    เจสันทุบขาที่ปวดเมื่อยแล้วเกาะยึดราวบันไดยันตัวเองไว้จากความเหนื่อยล้า ปากก็หอบแฮกไม่หยุดแฮ่ก... แฮ่ก... นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมไม่ถึงชั้นสี่ซักที หรือว่าเรา...ถูกผีหลอกกลางวันแสกๆ

    เหงื่อที่ไหลซึมเข้าตาพาให้การมองเห็นพร่ามัว เขากัดริมฝีปากตัวเอง พยายามดึงกำลังเฮือกสุดท้ายออกมา

    ไอ้ชั้นสี่!

    ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้งนะ!

    ถ้าไม่ยอมให้ฉันขึ้นไปถึงอีกล่ะก็ ฉันจะกลับจริงๆ ด้วย! ได้ยินหรือเปล่า...

    แม้ในใจจะคิดอย่างนั้น แต่ทันทีที่สมองผุดภาพตอนหัวหน้าคลุ้มคลั่งอาละวาดครั้งก่อนขึ้นมาก็พานทำให้เขาขนหัวลุก

    เฮ้ย...เวลาหัวหน้าระเบิดลงมันน่ากลัวจริงๆ นะ

    มีครั้งหนึ่งเขาถึงขั้นเก็บไปฝันสามวันสามคืนเลยทีเดียว...เขาฝันเห็นหัวหน้ากลายเป็นยักษ์เที่ยววิ่งไล่อาละวาด อูย...แค่คิดก็สยอง!

    ทันใดนั้นเอง มือเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งก็โผล่มาจับไหล่ซ้ายของเขา ร่างทั้งร่างของเจสันแข็งเป็นหิน

    แต่ก่อนจะแข็งทื่อนั้น เขาทันได้เหลือบเห็นมือใหญ่ที่ ไร้ซึ่งอุณหภูมิของร่างกาย ข้างนั้นแล้ว ผิวของมันปกคลุมด้วยหนังสีแดงเข้ม ซ้ำยังเต็มไปด้วยขนดกดำสุดจะหยาบแข็ง เล็บของมันยาวมาก ไม่สิ ต้องเรียกว่า ยาวเกิ๊น’!

    ยาวขนาดที่ว่า กรงเล็บพวกนั้นอาจเชือดคอเขาได้ง่ายๆ ถ้าเป็นคนธรรมดาคงได้ไปเฝ้ายมบาลแล้ว...ใช่แล้ว ถ้าเป็น คนธรรมดาน่ะนะ...

    เจสันลดตัวลงต่ำอย่างรวดเร็ว ใช้ความเร็วปานสายฟ้าแลบสะบัดมือใหญ่โตที่เต็มไปด้วยขนดกดำนั้นแล้วขยับพาร่างบึกบึนของตนเคลื่อนไปข้างหน้า

    มือข้างนั้นสั่นไม่หยุด ผิวหนังสีแดงเข้มมีของเหลวคล้ายน้ำหนองไหลออกมาน่าสะอิดสะเอียน แถมส่งกลิ่นเหม็นเน่ากระจายไปทั่ว

    มือซ้ายของเจสันถือปืนสีทองแวววาวตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ตาสีอำพันทั้งสองข้างลุกโชนผิดกับแววตาก่อนหน้านี้ สายตาอันเฉียบคมของเจสันจับจ้องเล็งหมูในอวยแล้วกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างผู้มีชัย

    โชคร้ายหน่อยนะที่มาเจอฉัน ฉันเนี่ยแหละ นักล่าปีศาจ มืออาชีพเลยจะบอกให้!” พูดจบเจสันก็ยิงปืนไปที่มือปีศาจนั่นทันที กระสุนเจาะทะลุมือปีศาจจนมันสั่นเกร็งไม่หยุด และแล้วมันก็ระเบิดออกเป็นน้ำหนองที่ทั้งเหม็นทั้งน่าขยะแขยงไหลเยิ้มมาทางเจสัน...

     อึ๋ย...น่าแหวะชะมัด

    เจสันหันหลังวิ่งขึ้นไปทางตรงข้ามกับเจ้าตัวประหลาดอย่างไม่ต้องคิด มันน่าแปลกตรงที่บันไดที่ตอนแรกดูเหมือนจะวิ่งไปไม่ถึงปลายทางนั้นกลับหายวับไปกับตา สิ่งที่มาแทนที่คือความมืดมิดอันไร้ขอบเขต

    น้ำหนองสีเขียวอื๋อคืบคลานเข้ามาไม่หยุด เจสันกัดฟันตัดสินใจพุ่งกลับไปทางด้านหลัง

    ไอ้เชื้อโรค... ช่วย...ช่วยด้วย!” เจสันกล้าพูดได้เลยว่าตัวเองไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่เขากลัวของสกปรกและน่าขยะแขยงแบบนี้ที่สุด!

    โรคอนามัยจัดนี้คงติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้ว เขาก็ไม่ได้อยากเป็นนักหรอก!

    น้ำหนองสีเขียวเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที แต่เขายังคงติดอยู่ในมิติดำมืดนี้

    ทำไงดี!? ยิงปืนออกไปจะมีประโยชน์ไหม ถึงจะเป็น ‘Desert Eagle’ ที่ปรับแต่งมาอย่างดีก็เถอะ แต่ถ้าต้องลองเสี่ยงใช้กับเจ้าพวกน่าขยะแขยงนี่ มันก็น่าเสียดายกระสุนอยู่เหมือนกัน

    ขอร้องล่ะครับ! กระสุนลูกหนึ่งมันไม่ใช่ถูกๆ นะ คนเงินเดือนไม่ถึงหมื่นสองอย่างเขาคงเหลือทางรอดเดียวแล้ว...โกยสิครับท่าน!

    เฮ้อ! ยังไงซะเขาก็เป็นคนจนนี่นา! คนจนไม่มีสิทธิ์จะตะโกนว่า ข้าจนนะโว้ย อวดใครซะด้วย

    โอ๊ย!” เหมือนว่าเขาจะไปชนเข้ากับของแข็งอะไรซักอย่าง แรงปะทะทำให้เขากระเด็นล้มลงตรงนั้น

    เจสันลูบคลำจมูกตัวเองป้อยๆ กลอกตากลั้นไม่ให้น้ำตาไหลเพราะความเจ็บพลางบ่นอุบ อะไรเนี่ย...ทำไมมันถึงเหมือน...กำแพง

    เขาขมวดคิ้วเป็นปมเงยขึ้นมองด้านหน้า มือก็ปิดดั้งตัวเองไปด้วย

    ถ้าไม่มองอาจจะดีกว่านะ เพราะสิ่งที่เห็นมันทำให้เขาช็อกยิ่งกว่าเดิม

    เบื้องหน้าของเขาคือผนังกระจกใสที่ภายในมีสาวน้อยแสนสวยถูกเถาวัลย์หนามพันมัดไว้กับไม้กางเขนอย่างโหดเหี้ยมทารุณ ร่างทั้งร่างของเธอนั้นอาบไปด้วยเลือด...

    ยังมีฝูงปีศาจน่าสะพรึงกลัวฝูงหนึ่งยืนห้อมล้อมจ้องมองเธอด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม พวกมันรุกคืบเข้าไปหาร่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง...

    เหล่าปีศาจโห่ร้องเอาชัยไม่ขาดสายแล้วก็ขว้างอาวุธน่ากลัวในมือของแต่ละตัวเข้าใส่ร่างของเด็กสาว...

    เจสันกล้าสาบานกับฟ้าเลยว่าไม่เคยพบเจอผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ขนาดสาวสวยที่เพิ่งเจอก่อนออกมาจากสำนักงานเมื่อกี้ยังไม่ได้หนึ่งในพันของเธอคนนี้เลย

    ...แม้ว่าคำเปรียบเปรยแบบนี้ดูจะเชยไปหน่อยอ่ะนะ!

    เธอไว้ผมสั้นสีดำเป็นเงางาม เส้นผมนุ่มสลวยบางกลุ่มชุ่มเหงื่อจนแนบติดผิวขาวนวลตรงข้างแก้ม เซ็กซี่มากเลยทีเดียว ดวงตาสีม่วงเข้มคู่นั้นราวกับมีอำนาจวิเศษ แค่สบตาเพียงแวบเดียวก็เหมือนจะดูดกลืนวิญญาณเขาเข้าไปทั้งตัวแล้ว ริมฝีปากสีชมพูระเรื่ออิ่มเอิบชุ่มชื้น สายตาชวนหลงใหลกับฟีโรโมนสุดยั่วเย้าดึงสติของเจสันให้กระเจิงไปทีละน้อย

    สาวน้อยน่ารักราวกับตุ๊กตาสวมเสื้อผ้าเนื้อบางที่ขาดวิ่น แขนขาเรียวเล็กของเธอนั้นถูกหนามกรีดเป็นแผลเหวอะ หยาดเลือดสีกุหลาบไหลรินตัดกับสีผิวขาวนวลของเธอจริงๆ

    เหล่าปีศาจไม่มีทีท่าที่จะหยุดโจมตี แต่เด็กสาวก็ไม่ส่งเสียงคร่ำครวญเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังวางท่าหยิ่งผยองไม่สะทกสะท้านเสียอีก เธอช่างดูสูงส่งราวกับดอกลิลลี่สีขาวบริสุทธิ์

     ไม่พอ...แผลเล็กน้อยแค่นี้ มีหวังนายใหญ่ได้เชือดเราไปให้จิ้งจอกกินแน่ เฮ้อ...” ปีศาจสีแดงตัวใหญ่เหมือนยักษ์แดงในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่นส่ายหน้าพูดอย่างเซ็งๆ

     แล้วจะให้ทำยังไง พวกเราทั้งฟัน ทั้งแทง ทั้งสับ ทั้งเชือด สารพัดจะทำแล้วยังได้ผลแค่นี้ นายใหญ่ต้องฉีกวิญญาณเราแหงมๆ เฮ้อ...”

    ปีศาจสีเขียวตัวจิ๋วส่ายหน้าถอนใจตามอย่างเจ้ายักษ์ตัวแดง สีหน้าของมันแสดงถึงความหวั่นวิตกราวกับว่า นายใหญ่ ที่พวกมันพูดถึงเป็นปีศาจกินคนที่มีสิบเศียรเก้ากร

    อย่าบ่นน่า! ถ้ามีเวลามานั่งถอนหายใจ สู้เอามาคิดหาวิธีใหม่ๆ ไว้เล่นงานให้มันเจ็บหนักกว่านี้ดีกว่า!” ปีศาจตัวเหลืองข้างๆ นั้นลากลิ้นยาวได้ถึงพื้น มันตวาดเสียงดังจนเจ้าปีศาจสองตนนั้นต้องรีบหยิบอาวุธใหม่ออกมาปาใส่เด็กสาวต่อทันที

    การซัดอาวุธของปีศาจกลุ่มนี้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง และแล้วร่างกายของเด็กสาวก็ชุ่มโชกไปด้วยเลือด

    นี่ นี่มันอะไรกันเนี่ย ปีศาจพูดได้ ฉันฟังภาษามันรู้เรื่อง!?” ถึงเขาจะเคยฆ่าปีศาจมานับไม่ถ้วน
    แต่ก็ไม่เคยเจอพวกที่พูดภาษาคนได้ หรือว่าโลกปีศาจมันจะเริ่มฮิตเรียนภาษาที่สองกันแล้ว

    เจสันอยากจะบ้าตาย มือทั้งสองข้างเกาะอยู่ที่ผนังกระจก เขาจ้องตาไม่กะพริบราวกับว่าถ้าเผลอกะพริบตาเมื่อไหร่ เด็กสาวแสนสวยจะอันตรธานหายไปทันที แล้วทั้งหมดที่เห็นอยู่นี้ก็เป็นเพียงแค่ภาพหลอนของเขาเท่านั้น

    ในหัวเขามีแต่ความฉงนสงสัย ทำไมเด็กสาวคนนั้นถึงโชคร้ายมาถูกพวกปีศาจที่นี่รุมทำร้ายได้นะ

    นายใหญ่ ที่เหล่าปีศาจต่างหวาดกลัวคือใครกัน

    แล้วยัง...

    ไอ้สำนักงานนักสืบผีสิงเน่าๆ นี่อีก มันเป็นที่แบบไหนกันเนี่ย!?

    ในใจของเจสันนึกคำด่าได้เป็นแสนล้านคำ ถ้าพูดออกมาเดี๋ยวเสียภาพลักษณ์หมด คิดเอาเองก็แล้วกันนะ

    จู่ๆ เด็กสาวก็ทำท่าเหมือนเห็นเขาแล้ว ดวงตาสีม่วงทอประกายราวกับอัญมณีจ้องตรงมาที่เขา คิ้วโค้งทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันทันที แถมใบหน้าเรียวเล็กก็ออกอาการไม่พอใจเท่าไหร่

    สมองที่แทบไม่มีรอยหยักของเจสันเข้าใจไปเองว่า อาการ ไม่พอใจ ของเด็กสาวนั้นเป็นเพราะเห็นหนุ่มหล่อมาดเท่ท่าทางสุภาพบุรุษยืนดูเธอทนทุกข์ทรมานขนาดนี้โดยไม่ยอมรีบเข้าไปช่วยเหลือได้ยังไง

    ท่าทางน่าสงสารและสายตาวิงวอนของเธอบอกให้เขาสวมบทชายชาตรีเข้าไปช่วยเหลือเธอชัดๆ!

    ช่วยไม่ได้แฮะ! ก็คนเขาขอร้องขนาดนี้แล้ว แถมการช่วยเหลือสาวสวยก็เป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเขาด้วยสิ ไม่ให้ช่วยยังไงไหว

    เฮ้อ...อย่างที่เขาว่านั่นแหละ!

    เกิดเป็นคนหล่อก็ย่อมมีความลำบากตามประสาคนหล่อ ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยสาวสวยทุกทีไป คงได้มีวันต้องตายก่อนวัยอันควรเข้าสักวัน

    เอาล่ะ...ที่รัก! รอผมก่อนนะ สุภาพบุรุษคนนี้จะไปช่วยเดี๋ยวนี้แล้ว!”

    ไม่รู้ว่าเขาฉลาดเกินเหตุหรือโง่มาแต่กำเนิดกันนะ เจสันเปิดเสื้อนอกสีดำซึ่งเก็บขวดยาหลากสีหลายชนิดออก แล้วหยิบขวดยาน้ำสีทองเทกรอกลงปากกระบอกปืน ‘Desert Eagle’ อย่างไม่ลังเล

    เจสันยักไหล่กระหยิ่มยิ้มย่อง ยกปืนขึ้นเล็งไปที่เป้าหมายอย่างคล่องแคล่วแล้วจ่อยิงผนังกระจกนั้นแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง

    ชั่วเวลาไม่ถึงสิบวินาที ผนังกระจกที่ขวางกั้นเจสันไว้ก็กลับกลายเป็นหมอกหนาแล้วค่อยๆ สลายไป

    เหล่าปีศาจหันความสนใจจากเด็กสาวมาทันทีที่ได้ยินเสียงปืน และเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง สันดานดิบแห่งการฆ่าฟันของปีศาจก็ถูกกระตุ้นเร้าให้ฮึกเหิม

    มนุษย์! มีมนุษย์อยู่ที่นี่ด้วย!”

    เจ้ามนุษย์หน้าโง่ กล้าบุกมาถึงโลกปีศาจเลยเหรอ ฆ่ามันซะ!”

    ฆ่ามัน ฆ่าไอ้พวกมนุษย์ที่เกะกะขวางหูขวางตานั่นซะ!”

    สิ้นเสียงคำรามก้อง ภูตผีปีศาจหลากสีหลายขนาดนับสิบตัวก็เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งมาทางเจสันทันที พวกมันถืออาวุธครบมือดาหน้าเข้าหาเขา

    แฮ่...”

    โอ้โฮ! ดุจริงวุ้ย... แต่ฉันเกลียดนักแหละเวลามีใครมายั่วประสาทแบบนี้

    เจสันระบายยิ้มที่ชวนหลงใหลพร้อมกระโดดข้ามหัวเจ้ายักษ์ตัวแดงตัวแรกพลางเอาปืนเคาะกะโหลกของมัน

    เจ้ายักษ์ตัวแดงเอื้อมมือไล่คว้าหวังจะจับตัวเจสัน แต่พอเจอทุบหัวมันก็เริ่มหน้ามืดตาลายเซเข้าใส่เจ้าปีศาจยักษ์ตัวม่วง ปีศาจทั้งสองกระแทกชนกันอีนุงตุงนังจนเห็นดาวเต็มไปหมด แล้วก็เริ่มโทษอีกฝ่ายว่าโง่ไม่ดูตาม้าตาเรือ

    โธ่เว้ย... ตายซะเถอะไอ้มนุษย์ตัวเหม็น!”

    ฮ่าๆๆ แน่จริงก็จับฉันให้ได้สิ!” เจสันยังคงท้าทายต่อ ตอนนี้เองกระบองเหล็กเปรอะเลือดก็เหวี่ยงซัดเข้ามาทางขวามือเขา เขาเอียงหัวหลบวูบไปได้อย่างหวุดหวิดก่อนจะหันไปสบตากับเจ้าตัวที่โจมตี ดวงตาสีอำพันข้างซ้ายกลายเปลี่ยนเป็นสีแดงทับทิมในพริบตา

    เล่นทีเผลอแบบนี้ไม่ดีเลยนะ ยิ่งเป็นพวกปีศาจตัวผู้ด้วยเนี่ย ฉันน่ะเกลียดนักแหละ!”

    เจสันคลี่ยิ้มชั่วร้ายใส่ เจ้าปีศาจตัวยักษ์นั้นก็ขยับไม่ได้ หงายหลังล้มตึงตายไปเลยทีเดียว

    ปีศาจตัวอื่นหยุดอึ้งกันเป็นแถว ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าพรรคพวกของตนจะถูกมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งใช้วิธีที่ไม่รู้ว่าคืออะไรมา จัดการ

    แต่เจสันก็ได้ใจได้ไม่นาน ไหล่ขวาของเขาเจ็บแสบขึ้นมาในทันใด และแล้วกลิ่นเลือดก็กระทบประสาทรับกลิ่นของเขา

    เขามองรอยแผลโดนกัดบนไหล่ขวา มันเปิดเหวอะลึกฉกรรจ์จนเห็นกระดูกและมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ความเจ็บปวดนี้เป็นสัญญาณบอกว่าพลังชีวิตของเจสันลดลงไป

    ไอ้มนุษย์โง่เง่า บังอาจมาสู้กับเราเผ่าปีศาจ ฉันจะทำให้แกตายแบบไม่เหลือซากเลย!” ปีศาจตนหนึ่งซึ่งครึ่งขวาเป็นคนครึ่งซ้ายเป็นสัตว์ชนิดหัวเป็นวัวหน้าเป็นม้าตัวเป็นงูแสยะปากอวดเขี้ยวเขียวอันแหลมคมของมันร้องขู่เสียงดังกึกก้อง

    เจสันมองเลือดที่ไม่ยอมหยุดไหลของตัวเอง สีหน้าเขาเคร่งขรึมลงไปมาก แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมาทำท่ายียวนได้อีกครั้ง เขาตวัดสายตาเฉียบคมปานประหนึ่งใบมีดจ้องเขม็งไปยังเจ้าครึ่งอสูรครึ่งคนตนนั้นก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหามัน

    ไอ้มนุษย์...แกคิดจะทำอะไร

    ทำอะไร แกคิดว่าไงล่ะ...”

    เมื่อเห็นเจสันท่าทางเปลี่ยนไปมาก เจ้าครึ่งอสูรจึงระมัดระวังตัวมากขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตีอย่างกะทันหัน

    ทำไมมนุษย์คนนี้ถึงได้มีพลังมหาศาลได้ถึงขนาดนี้นะ

    ขนาดหัวหน้าปีศาจระดับพลังขั้น C อย่างเขายังรู้สึกถึงพลังอำมหิตร้ายกาจได้อย่างชัดเจน...ใช่แล้วเหมือนพวกยมทูตผู้เลือดเย็นนั่นเลย ในตัวของพวกนั้นมักจะแฝงเร้นพลังที่น่าสะพรึงกลัวไว้

    เจ้าครึ่งอสูรกลั้นหายใจตั้งรับการโจมตีของเจสัน

    ไม่เป็นไรหรอกน่า...มันก็แค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง มนุษย์จะเอาชนะปีศาจได้ยังไง

    ทว่าพอเจ้าอสูรคิดมาถึงตรงนี้มันก็ต้องผวา เพราะด้านหน้านั้นไม่มีแม้แต่เงาของเจสัน มันตาลีตาเหลือกมองหาไปรอบทิศ แต่นอกจากพรรคพวกปีศาจที่นอนกองเจ็บระนาวแล้ว เจ้าคนที่มีกลิ่นอายยมทูตไปอยู่ที่ไหนกัน

    เฉื่อยไปหน่อยนะ... ฉันอยู่ทางนี้!”

    อะ...อะไรนะ!”

    เจสันโผล่มาจากด้านหลังอย่างเดียวกับพวกปีศาจ เขาถือคติที่ว่า หมากัดต้องกัดตอบ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มือข้างขวาตะปบท้ายทอยเจ้าปีศาจโดยไม่สนใจบาดแผลของตัวเอง นี่ถ้าบีบแรงอีกหน่อยให้แหลกกันไปข้างก็ไม่มีปัญหาเลย มันติดตรงที่มีเสียงตวาดกร้าวเล็กๆ ดังขัดขึ้นเสียก่อนเนี่ยสิ...

    เดี๋ยวก่อน อย่าฆ่าเขา!”

    เสียงของเด็กสาวร้องห้ามเจสันไม่ให้ ก่อการอุกอาจ เขาหันไปมองเธอด้วยความประหลาดใจ

    ไม่รู้ว่าเด็กสาวผู้มีรอยเลือดเต็มตัวหลุดพ้นออกมาจากดงหนามตั้งแต่เมื่อไหร่ ดวงตาสีม่วงไร้แววอ่อนโยนจ้องตรงมายังมือที่เตรียมจะ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ของเขา แต่แล้วเธอก็ระบายยิ้มเย้ายวนใจอย่างที่สุดออกมา

    โอ๊ยๆ

    เจสันปล่อยมือจากปีศาจแต่ไม่วายกระทืบเจ้าตัวประหลาดนั่นไปอีกที เสร็จแล้วเขาก็ปรี่เดินเข้าไปหาสาวน้อย ในใจมีแต่ถ้อยคำที่เขาใช้อยู่บ่อยๆ ดังวนเวียนรอบแล้วรอบเล่า...

    ‘...น่ารักจังเลย!’

    ทำไมถึงมีคนยิ้มได้น่ารักแบบนี้อยู่ในโลกนะ

    โอ้พระเจ้า!

    เธอใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาทีฉวยคว้าเอาใจที่เงียบเหงามานานแสนนานของเขาไป รอยยิ้มหวานๆ เปรียบเหมือนหยาดฝนชโลมใจ อย่างกับนางฟ้านางสวรรค์เลย ดวงตาสีม่วงคู่สวยทำให้เขาไม่อยากละสายตาไปไหน ที่สำคัญคือ...

    ใบหน้าพริ้มเพราน่ารักกว่าตุ๊กตานั้นสะกดใจคนยิ่งกว่าเทพีวีนัสเสียอีก โอ้ว! เขาไม่รู้จะหาถ้อยคำอะไรมาบรรยายสิ่งเลิศล้ำตรงหน้านี้ได้แล้ว...

    มาสิครับ นางฟ้า รีบมาซบอกอุ่นๆ ของผมเร็วเข้า!” เจสันอ้าแขนออกอย่างลืมตัว เขาไม่สำนึกเลยว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่อันตรายขนาดไหน ลืมแม้กระทั่งเรื่องที่เด็กสาวคนนี้หลุดออกมาจากพันธนาการโหดร้ายนั้นได้ ด้วยตัวเอง

    ถึงยังไงสาวสวยก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว จะป้องกันอะไรก็คงไม่ทันหรอก จะมีเวลาที่ไหนมาคิดปัญหาไร้สาระแบบนี้กันเล่า

    เพียะๆ

    ในบรรยากาศที่แสนวังเวง จู่ๆ ก็มีเสียงฝ่ามือปะทะบางอย่างดังก้องสะท้อนไปทั่ว

    เจสันยื่นนิ้วสั่นเทาชี้ไปทางนางฟ้าของเขาอย่างไม่เชื่อสายตา แววตาของเขาอึ้งตะลึงและเต็มไปด้วยความรวดร้าว

    นางฟ้าของเขา...

    นางฟ้าของเขาตบหน้าเขา

    แถมเป็นตบแบบเต็มแรงสองฉาดเลยด้วย

    นี่... นี่มันเรื่องอะไรกัน!?

    เจสันมองเธออย่างงงงัน เด็กสาวตรงหน้าแผ่รังสีความโกรธชนิดรุนแรงออกมา...

    เธอ...เธอตบฉัน!?” ปากเจสันอ้าค้างเป็นรูปตัวโอ สมองเขามึนตึ้บ

    ไม่ใช่แค่ตบหรอก ฉันจะฆ่านายด้วย...ไอ้ตัวก่อเรื่อง!” เด็กสาวพูดจาไร้เยื่อใยจบก็ทำท่าโบกมือ ฝูงปีศาจนับร้อยก็หายวับไปกับตา นี่ยิ่งทำให้เจสันงงหนักกว่าเก่า

    เดี๋ยว น้องหนู เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ควรพูดจาหยาบคายอย่างนี้นะจ๊ะ รูปลักษณ์ภายนอกเป็นเพียงภาพลวงตาประเดี๋ยวประด๋าว แต่นิสัยใจคอสิถึงจะเป็นสิ่งสำคัญ เด็กสาวสวยๆ อย่างหนูยิ่งไม่ควรพูดจาไม่สุภาพแบบนี้ออกมา...”

    พอเจสันออกอาการจู้จี้ขี้บ่น ยิงรัวคำเทศนามาเป็นชุด หน้าของเด็กสาวก็ยิ่งเครียดขรึมลงกว่าเดิม

    โดยเฉพาะเมื่อผู้ชายแปลกหน้าตัวสูงใหญ่เทอะทะกล้าเข้ามาเหยียบ กับระเบิด ที่อุตส่าห์วางไว้แถมเข้ามาบ่นไม่เลิก ถ้าไม่รีบหยุดปากเขาล่ะก็ เจ้าสิ่งนั้น จะต้องออกมาในไม่ช้านี้แน่

    นายปืนกล เมื่อกี้นายเรียกใครว่าน้องหนู

    เวลาที่ผู้ชายคนหนึ่งได้พบกับนางในฝัน...หา เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ เฮ้ย ฉันไม่ใช่ปืนกลนะ ฉันชื่อหวงฝู่เจวี๋ยเซิงหรือจะเรียกว่าเจสันก็ได้

    เจสันยังพล่ามคำสอนไม่จบก็เห็นดวงตาสีม่วงชวนพิศวงจ้องเขม็งมาเหมือนมีประกายสายฟ้าแลบออกมาด้วย ใบหน้างดงามไม่มีร่องรอยของความอ่อนหวานเลย

    วิธีรับมือกับคนโง่เง่าไม่มีใครเกินที่ดีที่สุดก็คือการบอกให้ชัดๆ ด้วยเหตุนี้เด็กสาวจึงถอนหายใจบอกไปว่า ฉันคือไนน์ทีนไนท์ เป็นเจ้าของสำนักงานนักสืบแห่งนี้ นายบุกรุกเข้ามาในเขตอาคมของฉันและยังทำลายการแสดงเปิดฉากที่ใช้เตรียมไว้ด้วย อีกเดี๋ยว ไอ้เจ้านั่น จะต้องมาหานายแน่...”

    ไอ้...เจ้านั่น?

    ไนน์ทีนไนท์สาธยายอะไรบางอย่างที่คงเป็นรหัสมอร์ส เพราะเจสันฟังไม่เห็นเข้าใจเลยซักนิด

    คิ้วของเขาชนกันจนแทบหนีบแมลงวันตายได้อยู่แล้ว เขาไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าอะไรคือไนน์ทีนไนท์ เขตอาคมอะไร การแสดงเปิดฉากอะไร ไอ้เจ้านั่นไหน แล้วสำนักงานนักสืบอะไร...

    หือ?

    สำนักงานนักสืบ?

    อีกอย่างนะ ฉันเป็นผู้ชายโว้ย อย่ามามองฉันด้วยสายตาเลี่ยนๆ แบบนั้นอีก

    อะ...อะไรนะ เธอพูดอะไร เธอเป็นผู้ชาย? โกหกน่า!”

    หัวใจของเขาแตกสลายซะแล้ว หนึ่งนาทีก่อนหน้านี้เขาเพิ่งพบรักที่ไม่ใช่ว่าจะหากันง่ายๆ แท้ๆ หนึ่งนาทีต่อมาเขาก็พบว่าตัวเองอกหัก...ไม่ใช่สิ! ควรจะพูดว่าตัวเองเกือบเป็นพวกชอบไม้ป่าเดียวกันต่างหาก!

    ฮือๆๆ โชคชะตาของเขาช่างบัดซบจริงๆ เลย

    ไนน์ทีนไนท์ขี้เกียจจะสนใจอาการคร่ำครวญของเจสัน ชั่ววินาทีนั้นเขาสัมผัสได้ว่าในอากาศมีความเคลื่อนไหวที่ไม่แน่ชัดบางอย่างผุดขึ้นมา เสียงหัวเราะบาดแหลมของปีศาจดังแหวกอากาศมาแต่ไกลและรบกวนโสตประสาทเฉียบไวของเขาเหลือเกิน

    ไนน์ทีนไนท์หลับตาลงพลางแยกจิตของเขาออกจากกายอย่างรวดเร็ว วิญญาณบางเบาของเขาหลุดลอยออกมาจากร่าง ความมืดเข้าครอบคลุมพื้นที่และกลายเป็นความเงียบสงบผิดธรรมดา

    ฮิๆๆ...ฮิๆๆ ฉันเจอเธอแล้ว!”

    อย่า...อย่าเข้ามา! ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยเปิดประตูที!”

    วิญญาณของไนน์ทีนไนท์ลอยอยู่ในอากาศ ดวงตาสีม่วงเปล่งประกายราวกับอัญมณีที่ส่องแสง สองตาของเขาเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกปีศาจตามฆ่าอย่างชัดเจน เธอกำลังหวาดผวาเหมือนกับว่าตอนนี้ถึงกาลอวสานของโลกแล้ว...

    โรงเรียนในยามค่ำคืน แสงจันทร์กระจ่างใสสาดส่องลงพื้นห้องเรียนบนชั้นสอง ช่วงเวลาที่ไม่เหลือใครอยู่ในโรงเรียนแม้แต่คนเดียวให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวมากทีเดียว

    เด็กสาววิ่งหอบหายใจแทบไม่ทัน ดวงตาหวาดกลัวเบิกกว้างจ้องตรงไปบนทางที่ไร้จุดสิ้นสุดเบื้องหน้า เหงื่อเม็ดโตไหลมารวมกับน้ำตา

    ไม่เอา...ฉันไม่เอาแล้ว....ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!” ในใจของเด็กสาวคิดแต่อยากจะออกไปให้พ้นจากโรงเรียนที่น่ากลัวนี้ แต่ร่างกายไม่เร็วเท่าใจคิดเลย เธอล้มลงกับพื้น ข้อเท้าพลิกจนบวมเป่ง

    แม้สองขาจะยืนไม่ไหวแต่เธอก็ยังคงคลานไปข้างหน้า เธอไม่สนใจแล้วว่าจะเจ็บเข่าและข้อศอกแค่ไหน ขอเพียงให้เธอหนีปีศาจตัวนี้พ้นเป็นพอ จากนั้นเธอก็จะหาหมอผีเก่งๆ มาจัดการกับมันซะ...

    ฮิๆๆ เพ่ยเฉิน เธอชอบคลานเหรอ

    ใบหน้าห้อยหัวโผล่ขึ้นตรงหน้าเธอ ดวงตาสีเขียวทะลักถลนโชกเลือดห้อยลงมาโดนบ่าของเพ่ยเฉิน เห็นเส้นผมตกย้อยเป็นสายเหมือนใยแมงมุมแล้วเพ่ยเฉินก็อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกเลย

    ปากของปีศาจสาวฉีกกว้างไปถึงหูขยับไม่หยุด ที่ปากของมันถูกเข็มเย็บปิดไว้สนิท แม้จะอ้าไม่ออกแต่ก็ส่งเสียงหัวเราะเขย่าประสาทเด็กสาวขี้กลัวอย่างเพ่ยเฉินได้

    ฮ่าๆๆ

    เพ่ยเฉินไม่สนใจความเจ็บปวดที่ขา เธอยันตัวลุกขึ้นวิ่งไปที่ห้องเรียนอย่างลนลาน จนกระทั่งเท้าซ้ายของเธอรู้สึกเย็นวาบ แล้วเธอก็พบว่าตัวเองกำลังวิ่งอยู่บนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยเลือด ขณะที่ใต้เข่าขวาของเธอมีเลือดไหลโชกออกมาจากแผลที่ถูกตัดขาด

    ฟางเพ่ยเฉินล้มคว่ำลงบนระเบียงทางเดิน เธอกรีดร้องอย่างเสียสติที่เห็นปีศาจสาวห้อยหัวตนนั้นถือน่องมนุษย์ข้างหนึ่งไว้ในมือทั้งยังแทรกลิ้นออกมาจากช่องปากที่ถูกเย็บเพื่อเลียมัน...

    รองเท้าที่ติดอยู่กับขาข้างนั้นเป็นคอลเล็กชั่นใหม่ของ PADINO ที่เหลืออยู่เพียงคู่เดียว เมื่อวานนี้พ่อของเธอเพิ่งซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เธอจำมันได้ดี...

    “...สับขาของเธอออก...ฟันมือของเธอทิ้ง...ฉีกร่างของเธอให้หมด...ตุ๊กตาที่ไม่เชื่อฟังก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนที่แสนทรมานอย่างนี้... ฮิๆๆๆ... ฮิๆๆๆๆ...”

    ไม่นะ! ฉันไม่ใช่ตุ๊กตา ไม่เอา...ฉันขอโทษ! ฮ่วนเอ๋อร์ฉันขอโทษ... เธออย่าฆ่าฉันนะ...”

    ฟางเพ่ยเฉินพร่ำขอโทษปีศาจสาว เสียงฝีเท้าเล็กๆ ดังขึ้นรอบกายเธอ เธอตัวสั่นงันงก ท่ามกลางความมืดมิด จู่ๆ ก็ปรากฏตุ๊กตาแสนสวยที่เลียนแบบคนจริงจำนวนมากมายทั้งผู้ชายผู้หญิง พวกมันส่งยิ้มหวานสดใสเดินมาหาเธอ

    ไป ออกไป! ไปให้พ้น!”

    ฟางเพ่ยเฉินซุกตัวเข้ากับมุมหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกได้ว่า ความตาย กำลังมาเยือน

    ตุ๊กตาสิบกว่าตัวปีนขึ้นมาบนตัวเธอจากทุกทิศทุกทาง พวกมันมีเสน่ห์ดึงดูดเหลือเกินจริงๆ ใบหน้าเล็กๆ กระจุ๋มกระจิ๋ม รอยยิ้มหวานใสเหมือนทูตสวรรค์ และแล้วฟางเพ่ยเฉินก็ยื่นมือลูบผมสีทองสลวยของตุ๊กตาผู้ชายตัวหนึ่งราวกับต้องมนตร์สะกด

    สวยจัง...ฉันไม่เคยเห็นตุ๊กตาที่สวยขนาดนี้มาก่อนเลย อ๊าย...เธอทำอะไรน่ะ!? ปล่อยนะ ปล่อยฉัน...โอ๊ยยย...”

    ใบหน้าปานประหนึ่งเทพบุตรของตุ๊กตาตัวนั้นพลันเปลี่ยนเป็นปีศาจร้าย จากผิวหน้าที่ขาวใสก็กลายเป็นเขียวคล้ำ เรียวปากชมพูบางฉีกอ้า ก่อนจะฝังเขี้ยวคมลงบนนิ้วฟางเพ่ยเฉิน

    ตุ๊กตาตัวอื่นๆ ก็กลายร่างไปเหมือนกัน พวกมันสวมวิญญาณหนูท่อเริ่มกัดแทะส่วนต่างๆ ของเธอ ทั้งขา ทั้งเอว หรือแม้แต่ใบหน้า กินทุกสิ่งทุกอย่างในตัวเธอ...

    คำที่หนึ่ง คำที่สอง คำที่สาม...

    ฟางเพ่ยเฉินเห็นนิ้วตัวเองถูกกัดกลืนไปต่อหน้าต่อตา นิ้วทั้งสิบกุดหายไปไม่มีเหลือ ไหนจะถูกลากพามาแทะเล็มต่ออีกด้าน กระดูกขาแขนโผล่ออกมาให้เห็น เลือดไหลเจิ่งนองเต็มทางเดิน บ้างก็พ่นพุ่งเปรอะเลอะบอร์ดติดประกาศบนผนังกำแพง

    หนึ่งในตุ๊กตาโรคจิตพวกนั้นคล้ายกับยังหิวไม่หาย มันปีนขึ้นมาบนหน้าเธอแล้วใช้เล็บสีแดงเจาะควักลูกตาของเธอขึ้นไปหมุนเล่น

    ฮิๆๆ คนคนนี้สายตาดี ลูกตาคงจะอร่อยมากแน่เลย!”

    ตุ๊กตาตัวนั้นพูดออกมาด้วยเสียงแหลมเล็กแบบเด็กๆ พอพูดจบมันก็เขมือบลูกตาเข้าไปอย่างตะกละตะกลามทั้งที่เจ้าของลูกตาก็ยังมองเห็นอยู่ทนโท่...

    ฟางเพ่ยเฉินน้ำตาไหลพราก เธออยากกรีดร้องกับความเจ็บปวดแสนสาหัส แต่เธอกลับไม่มีเสียงที่จะแผดร้องออกมา...

    เพราะเธอไม่มีปากแล้ว

    ช่องปากของเธอเพิ่งถูกตุ๊กตาอีกสองตัวกัดแทะทีละคำๆ ไปเมื่อกี้นี้เอง เธอยังได้ยินเสียงพึงพอใจของพวกมันเมื่อกินหมดด้วย

    ทำไมเธอไม่ตายซักทีนะ

    ทำไมเธอยังหายใจอยู่

    ไม่มีตัว ไม่มีแขน ไม่มีขา ไม่มีตา แถมยังไม่มีปากแล้ว ทำไมเธอถึงยังรู้สึกตัวอยู่

    ฟางเพ่ยเฉินผู้เหลือแต่หัวกลิ้งตัวเองลงไปจนถึงที่พักบันไดจากนั้นก็กลิ้งต่อไป...

    เฮ้อ...น่าเบื่อจริงๆ ทำไมฟ้าไม่สว่างซักทีนะ...” ยามผู้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนอ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่ายพลางบิดขี้เกียจไปมา แต่แล้วก็เห็นของบางอย่างขยับไหวอยู่ในพุ่มไม้ไม่ไกลนัก

    เอ๊ะ นั่นอะไร เขาเดินไปแหวกดูพุ่มไม้อย่างระวังตัว

    กะโหลกเกรอะเลือดใบหนึ่งไม่เหลือเค้าของรูปหน้าเจ้าของเดิมแม้แต่น้อย เบ้าตากลวงโบ๋ จมูกแหว่งหาย มันสมองไหลเยิ้มเป็นทาง ทว่าช่องปากเว้าเป็นโพรงนั้นคล้ายกับกำลังร่ำร้อง ช่วยด้วย...ช่วยฉันด้วย...”

    เหวออออ...”

    ความหวาดผวาพาให้เขาหยิบปืนออกมากระหน่ำยิงใส่กะโหลกใบนั้นอย่างไม่ยั้ง จนเมื่อกระสุนหมดก้อนกะโหลกและสมองก็แหลกเละกองจมอยู่ตรงนั้น...

    ยามหายใจหอบโยนด้วยความตื่นตระหนก เขาโซเซไปได้สองก้าวก็นั่งทรุดลงกับพื้นและนึกได้ว่าควรจะแจ้งเรื่องนี้กับตำรวจ

    พี่ยามคะ

    เอ๊ะ

    เสียงแหลมเล็กเรียกความสนใจของยามไป เขาหันไปทางเสียงที่ดังมาจากด้านล่างก็พบว่าเป็นตุ๊กตาแสนสวยตัวหนึ่งยืนอยู่ตรงขาเขา

    เขานั่งยองลงให้เท่าระดับกับตุ๊กตาโดยไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเรื่องที่เกิดเมื่อกี้หรือเปล่าที่ทำให้เขากล้าขนาดพูดคุยกับตุ๊กตาได้

    หนูตุ๊กตา เธอเรียกฉันงั้นเหรอ

    ตุ๊กตายิ้มใสซื่อดูบริสุทธิ์น่าหลงใหลราวกับเป็นทูตสวรรค์ที่ฟ้าส่งมา พี่คะ หนูกินพี่ได้ไหม

    ยามยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร ตุ๊กตาก็อ้าปากกว้างกระโจนไปที่หู มือนับร้อยพันพุ่งออกมาจากปากของตุ๊กตาตัวนั้นแล้วจับยามฉีกทึ้งกัดกินคำแล้วคำเล่า...

    เสียงโหยหวนดังก้องไปทั่วท้องฟ้า แต่ไม่นานนักทุกอย่างก็หายไปไม่เหลือร่องรอย

    เมื่อถึงเวลาพระอาทิตย์ลาลับ พวกตุ๊กตาจะออกหาอาหารของพวกมัน คืนนี้...จะถึงตาใครกันนะ

    ตุ๊กตา...พูดไม่ได้...

    เพราะเธอไม่มีปาก

    ตุ๊กตา...ไม่มีทางวิ่งหนี...

    เพราะเธอไม่มีขา

    ตุ๊กตาแสนดีของฉัน ฉันจะฆ่าคนให้มากขึ้น เอาเลือดของพวกมันมาเลี้ยงผิวของเธอให้ผุดผ่องอ่อนเยาว์ไปตลอดกาล

     

    มีคน...ตายอีกแล้ว

    หลังจากไนน์ทีนไนท์ดูเหตุการณ์จบ วิญญาณของเขาก็กลับมาที่ร่างทันที

    เขาลืมตาขึ้น ในแววตาปรากฏความโศกเศร้าที่ไม่อาจเขียนบรรยายออกมาได้หมด

    เขากำมือแน่นโกรธแค้นตัวเองที่ไปยับยั้งการฆาตกรรมสยดสยองนั้นไม่ทัน ดูจากเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อกี้ เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นปีศาจสาวห้อยหัวตนนั้นมาก่อน แต่ว่า...เคยเห็นที่ไหนนะ

    เฮ้ๆ นาย เอ่อ...คุณไนน์ทีนไนท์ เจสันนั่งหาวอย่างเบื่อเซ็งอยู่ข้างๆ เพื่อรอให้ไนน์ทีนไนท์ดึงจิตกลับมา แต่พอเห็นไนน์ทีนไนท์หลับตาสนิทแถมทำหน้าเคร่งเครียด เขาจึงต้องขอขัดจังหวะซักหน่อย

    เขาคิดในใจว่าหนุ่มน้อยหน้าสวยคนนี้จะใช้เวลาถอดจิตเป็นศตวรรษเลยหรือไง

    ไนน์ทีนไนท์หันขวับไปมองใบหน้าเหลอหลาของเจสันก่อนจะถามอย่างเอือมระอา ทำไม ฉันกำลังยุ่ง

    ถึงฉันจะมีคำถามอยากถามนายมากมาย แต่น่าเสียดายที่ฉันมีเวลาไม่มากนักเลยขอถามคำถามสำคัญแค่ข้อเดียวก็พอ

    ฟังจากน้ำเสียงเรียบๆ ของเจสันที่ดูไม่เลี่ยนชวนสะอิดสะเอียนเหมือนเมื่อกี้แล้ว ไนน์ทีนไนท์ก็ยังไม่วางใจคอยรักษาระยะห่างไว้ กลัวว่าถ้าเกิดเขาคุมอาการไม่อยู่กระโจนเข้ามาเป็นหมาป่าจับลูกแกะมีหวังคงแย่แน่

    ไนน์ทีนไนท์เกลียด ของ ที่มาเกาะแกะวอแวตัวเขาที่สุด โดยเฉพาะตอนหน้าร้อน

    จะถามอะไรก็ถามมา ฉันไม่มีเวลาว่างมากพอจะมาเสียให้นายหรอก!” ไนน์ทีนไนท์ขมวดคิ้วขี้เกียจจะทน

    ฮึ่ย ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเปื้อนเลือดพวกนี้ออกก่อนแล้ว ขืนออกไปเจอผู้คนข้างนอกทั้งอย่างนี้คงได้มีคนช็อกตาย แล้วสำนักงานนักสืบของเขาคงได้ฤกษ์ปิดตัวก็คราวนี้

    นาย...ปล่อยฉันออกไปก่อนได้ไหม ถ้าไม่กลับไปภายในครึ่งชั่วโมง หัวหน้าคงจับฉันย่างเป็นปลาหมึกแน่!” เจสันยกมือไหว้ ไนน์ทีนไนท์เพิ่งรู้ตัวว่าพวกเขาทั้งสองยังอยู่ในมิติที่เขาสร้างขึ้น

    ก็จริงของนาย รอฉันเดี๋ยว ไนน์ทีนไนท์หลับตาลงอีกครั้ง เพียงแค่แป๊บเดียวมิติที่มีแต่ความมืดก็เริ่มบิดเบี้ยวและเกิดแรงดูดมหาศาลที่มากมายพอจะปั่นป่วนอวัยวะต่างๆ ของเขาให้ผิดรูปผิดร่างได้

    นี่มันเกิดอะไรขึ้น!? ไนน์ทีนไนท์ นายทำได้จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย...” แม้แต่เสียงของเขายังสั่นกระเพื่อม ประสาอะไรกับผิวหน้าที่ถูกลมฉีดพุ่งจนกระพือไหว

    พระเจ้า!

    หน้าตาหล่อๆ ของเขาจะเหี่ยวย่นหรือเปล่านะ

    หุบปาก อย่าทำให้ฉันเสียสมาธิ!” ไนน์ทีนไนท์เตือนเขาด้วยท่าทางจริงจัง แต่เหงื่อเม็ดเป้งกลับบ่งว่าเขาแอบรู้สึกหนาวๆ อยู่เหมือนกัน

    มีอะไรบางอย่างขัดขวางการเปลี่ยนมิติของเขา เพราะเมื่อกี้ทำพิธีเรียกปีศาจออกมามากมายเลยเสียพลังวิญญาณไปกว่าครึ่ง ไนน์ทีนไนท์ในตอนนี้ต้องพาสองชีวิตกลับไปที่สำนักงานนักสืบที่แท้จริงซึ่งมันทำให้เขาเหงื่อออกท่วมตัวและหอบหายใจไม่หยุด

    ทันใดนั้น ด้านหลังของเขาก็ปรากฏฝ่ามือซีดขาวนับสิบอวดกรงเล็บแหลมคม ตรงกลางฝ่ามือแต่ละอันนั้นมีลูกตาขนาดใหญ่เท่าลูกเบสบอลจ้องเขม็งมา

    กรงเล็บปีศาจตะครุบคอเรียวเล็กของไนน์ทีนไนท์แล้วดึงไปด้านหลังด้วยแรงพลังมหาศาล

    เหวอ...บ้าเอ๊ย!” มือของเขาจับฝ่ามือปีศาจไว้แต่ทำยังไงก็แกะการจับยึดนั้นไม่ออก ไนน์ทีนไนท์กัดฟันกรอด ทำได้แค่ปล่อยตามแต่มันจะต้องการ

    นี่! เดี๋ยวก่อน ไอ้มือน่าเกลียดนี่ก็เป็นฝีมือของนายใช่ไหม!? เจสันใจไม่ดี รีบวิ่งตามไนน์ทีนไนท์ที่ถูกลากไป แต่ความมืดครอบคลุมไปทั่วด้านทำให้เขาแยกทิศไม่ถูก

    ไนน์ทีนไนท์... เฮ้ ไนน์ทีนไนท์! นายอยู่ไหนอ่ะ!?

    เมื่อเจสันไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของไนน์ทีนไนท์ เขาก็หยุดเท้าและกลั้นหายใจรอฟังเสียง

    เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวกระหึ่มให้เขาตื่นตัวรีบเงยขึ้นไปมองด้านบน สายฟ้าสายหนึ่งฟาดลงมาเหนือหัวของเขา เจสันย่อตัวและกลิ้งหลบไปทางซ้าย ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียวชีวิตเขาคงดับดิ้นไปแล้ว

    อันตรายจริงวุ้ย! เกือบโดนฟ้าผ่าตายแล้วไหมล่ะ!” เขานึกแปลกใจขึ้นมาทันทีว่ามิติประหลาดที่ไนน์ทีนไนท์สร้างขึ้นนี้ชักจะระทึกขวัญเกินไปแล้ว ขนาดฟ้าผ่าก็มีด้วย

    ฮือ...เขาแค่จะมาถ่ายรูปแล้วก็ออกไปกินขนมให้สบายใจเท่านั้นเอง ทำไมมันถึงยุ่งยากแบบนี้ล่ะ

    คราวนี้หัวหน้าไล่เขาออกแหงมๆ

    ไม่ได้ๆ เขาคิดถึงเตียงสีขาวหลังใหญ่นุ่มสบาย ยังมีพุดดิ้งสตรอเบอรี่ที่แช่อยู่ในตู้เย็นด้วย แล้วไหนจะของสุดรักที่เขาวางไว้บนโต๊ะอีกล่ะ

    ของสุดรักที่ว่า...ภาพถ่ายใบนั้นไง

    พอคิดถึงตรงนี้ เหนือขึ้นไปข้างบนนั้นก็มีเสียงแหบพร่าดังขึ้น เสียงหัวเราะร่าน่ากลัวเขย่าขวัญคนที่ได้ยินให้ขนลุกชัน

    ฮิๆๆๆ ฮิๆๆๆ...

    จะควักลูกตาของเธอออกมาใส่ให้ตุ๊กตาของฉัน...

    ฉีกหนังของเธอออกแล้วมาห่อตุ๊กตาตัวเก่า...

    สูบเลือดของเธอให้หมด แล่เนื้อและถอนผมของเธอออกมาแต่งตุ๊กตาของฉันให้สวยยิ่งกว่าเดิม...”

    ไม่! เลือดของฉันไม่อร่อยหรอก รับรองได้เลยว่าถ้าเธอดื่มเข้าไปแล้วต้องอยากอ้วกออกมาแน่ ผมเหรอ...ที่จริงฉันหัวล้านนะ!” เจสันตะโกนขึ้นไปบนฟ้า น่าเสียดายที่ไม่มีเสียงใครตอบกลับมานอกจากเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง

    นี่มันเรื่องบ้าบออะไรเนี่ย เป็นเพราะเจ้าไนน์ทีนไนท์นั่นแท้ๆ ดันใช้ความสวยมาหลอกล่อฉัน...damn it!” เจสันนึกเคืองโยนความผิดไปให้คนอื่นทั้งยังลืมไปแล้วว่าตัวเองวิ่งมาตรงนี้ทำไม

    สวยงาม...ดวงตาสีม่วงลึกล้ำช่างสวยงามจริงๆ เลย...

    ฉันจะเอาดวงตาเปล่งประกายนี้ออกมา เจ้าแพะรับบาปเอ๋ย ให้ฉันได้ทำหน้าที่แทนพระเจ้าชำระล้างความผิดของเธอเถอะนะ...

    ฮิๆๆๆ ฮิๆๆๆๆ...”

    บอกแล้วไงว่าเลือดฉันไม่อร่อย เนื้อก็เหนียว ลูกตาก็ไม่ใช่สีม่วง...เอ๋ สีม่วงเหรอ

    แมงมุมสีเหลืองตัวยักษ์สูงขนาดตึกสองชั้นคลานขยุ้มๆ มาหยุดตรงหน้าเจสัน เผชิญหน้ากันจังๆ จนทำให้เขาอึ้งตะลึงค้างแทบหยุดหายใจ

    แมงมุม...สัตว์ที่เขาเกลียดที่สุดเลย แถมยังอัปลักษณ์สุดๆ เลยด้วย...

    ขาทั้งแปดมีขนขึ้นยุบยับอาจจะไม่แตกต่างอะไรกับแมงมุมทั่วไป ทว่าแต่ละขาดันมีหัวคนงอกโผล่ออกมานับไม่ถ้วนเนี่ยสิ หัวบางหัวก็ทำหน้าหวาดผวาแสดงให้เห็นถึงอารมณ์ก่อนตาย แต่ก็มีที่เหมือนโดนฆ่าไปทั้งที่ยังไม่ทันได้รู้ตัว สรุปคือแค่มองแต่หัวของคนพวกนั้นก็พะอืดพะอมกินอะไรไม่ลงแล้ว!

    บนตัวของแมงมุมเป็นโพรงรูปร่างแตกต่างหลากหลายเรียงกันเป็นตับ ภายในโพรงนั้นมีมือจำนวนมากเบียดเสียดยัดเยียดกันอยู่ในนั้นและมีเสียงโหยหวนชวนสยองสะท้อนก้องอยู่ข้างใน

    ถ้าหากเป็นไปได้ล่ะก็ เจสันไม่อยากจะหาถ้อยคำมาพรรณนาภาพเบื้องหน้าของตัวเองเลย ให้ตายสิ

    มือบางมือมีผิวที่ถูกกรีดเป็นริ้วๆ บ้างก็ฉีกเหวอะเห็นไปถึงกระดูก บางข้อกระดูกถูกตัดร่องแร่ง บ้างก็ขาดไปเลย บ้างก็บิดเบี้ยวผิดรูป สรุปอีกทีก็คือแต่ละชิ้นส่วนมันเละเทะเกินกว่าจะเอาไปเป็นตัวอย่างเรียนวิชากายวิภาคแล้ว

    ที่สำคัญคือ มือเหล่านั้นฝังลูกตาลูกหนึ่งไว้บนฝ่ามือด้วย มันยังกลอกกลิ้งไปมาได้อยู่เลย อึ๋ย สยดสยอง

    พระเจ้า...โอ้มายก็อด! น่าขยะแขยงจริงวุ้ย...” เจสันปิดปาก ไม่อยากมองมันอีกเลย แต่หัวของแมงมุมตัวนี้กลับ สะดุดตา เขาเหลือเกิน

    หัวของหญิงสาวคนหนึ่งทิ่มออกมาจากตัวแมงมุมในลักษณะห้อยลงมา ผมสีดำละเอียดยาวปกคลุมตัวแมงมุมยักษ์ตัวนี้ไว้ ทั้งยังมีประกายสีเขียวฟ้าน่าประหลาดฉาบทาเส้นผมนั้นด้วย มันขยับไหวเหมือนกับมีชีวิต

    หน้าของหญิงสาวคนนั้นอัปลักษณ์น่าดู น่ากลัวยิ่งกว่าแผลไฟไหม้ระดับที่สี่เสียอีก

    ดวงตาโปนทะลักของเธอถลนออกมานอกเบ้า ลูกตาสีเขียวก็เหลือกกลิ้งไปตามจุดต่างๆ บนตัวแมงมุมพร้อมหยดเลือด หญิงสาวไม่มีจมูก ปากที่ฉีกกว้างมาจนถึงใบหูถูกเข็มเย็บปิดสนิทไม่เหลือช่องให้ลมผ่าน แต่เธอก็ยังยิ้มและกลอกตามาหยุดที่หน้าของเจสัน...

    สิ่งที่สร้างความประทับใจให้เจสันเหลือเกินก็คือหลอดเลือดใหญ่ตรงคอของเธอถูกตัดขาด สายเลือดจึงพุ่งกระฉูดขึ้นบนฟ้าราวกับน้ำพุ

    เลือดและของเหลวสีเขียวหนืดล้นทะลักออกมาจากแมงมุมหัวคน มันส่งเสียงซืดๆ พร้อมเดินขยุ้มๆ มา น่ากลัวชะมัด!

    “...หา เจอ แล้ว...”

    เจ้าแมงมุมส่งเสียงผสมทั้งผู้ชายผู้หญิงดังออกมาพร้อมกัน สำหรับคนที่ชื่นชมแต่ของสวยๆ งามๆ น่าอภิรมย์อย่างเจสันนั้น นี่มันเสียงปีศาจกวนโสตประสาทหูชัดๆ เลย

    ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะปราบเจ้าแมงมุมยักษ์ที่ทำท่าเหมือนจ้องจะกินเขาท่าเดียวยังไงนั้น ร่างของใครคนหนึ่งก็สะดุดสายตาเขา

    ไนน์ทีนไนท์!” เจสันตะโกนออกไป แต่เสียงโหยหวนของหัวมนุษย์บนตัวแมงมุมดังกลบเสียงของเขาจนหมด

    ร่างของไนน์ทีนไนท์ถูกแมงมุมเหวี่ยงไปมาอยู่กลางอากาศ หัวของหญิงสาวยังคงระบายยิ้มเจ้าเล่ห์

    ฉับพลันนั้น ขาแมงมุมอีกข้างหนึ่งก็แทงทะลุร่างของไนน์ทีนไนท์ เขากระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก สีเลือดแดงสดเหมือนกลีบกุหลาบรินรดลงบนหัวมนุษย์ที่ขาแมงมุม ตอนแรกพวกมันก็ทำท่าหวาดกลัวแต่เดี๋ยวเดียวก็แย่งกันลิ้มรสเลือดนั้น

    ไม่...ไม่ได้นะ...” ร่างของเจสันขยับไม่ได้เลย เขาปากคอสั่นพร่ำร้องห้ามอยู่อย่างนั้น

    เขาอยากช่วยไนน์ทีนไนท์ แต่เขาขยับตัวไม่ได้เสียแล้ว!

    แมงมุมที่อยู่ตรงหน้ากำลังแสดงฉากฆ่าคนให้เขาดู โดยที่มือปราบปีศาจอย่างเขากลับทำอะไรไม่ได้เลย!

    ความโกรธแค้นอัดแน่นอยู่ในอก เขาโกรธ โกรธจริงๆ แล้ว ดวงตาสีอำพันทั้งคู่เริ่มเปลี่ยนไป...

    ปากของปีศาจสาวค่อยๆ คลี่แยกรอยเย็บออกกลายเป็นอ่างเลือดขนาดใหญ่ และแล้วลิ้นยาวหลายเมตรก็ทะลวงออกมาจากปากกว้าง

    เธอเลียร่างของไนน์ทีนไนท์ราวกับกำลังเลียไอศกรีมแสนเย็นฉ่ำชื่นหวาน แต่เสียงดังจ๊วบจ๊าบนั่นกลับชวนสะอิดสะเอียนจริงๆ

    โอ๊ย...”

    เลือดยังไหลออกมาจากร่างไนน์ทีนไนท์ไม่หยุด ท้องของเขาถูกเจาะเป็นรูกว้าง ดวงตาที่เหมือนคริสตัลสีม่วงคู่นั้นค่อยๆ ปรือขึ้นมาในที่สุด

    ไม่! ไนน์ทีนไนท์ อย่าลืมตานะ!!”

    เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว แมงมุมก็พุ่งขาแหลมอีกข้างทิ่มลูกตาของไนน์ทีนไนท์เข้าไปอย่างรวดเร็ว

    ขาของมันพาร่างของไนน์ทีนไนท์กระแทกลงพื้นอย่างจัง หลังจากเสียงกึกก้องกัมปนาทดังขึ้นครั้งหนึ่ง หมอกควันก็ลอยฟุ้งในอากาศ เจสันเห็นไนน์ทีนไนท์นอนร่างกายแหลกเหลวไม่ไหวติงอยู่ตรงพื้น มันทำให้เขากำหมัดแน่นแหงนหน้าขึ้นกู่ร้องด้วยอารมณ์ที่เดือดพล่าน...

    ดวงตาสีอำพันของเจสันเริ่มหมุนวนอยู่ในเบ้าตาจนร้อนผ่าว

    เขาร้องตะโกนขึ้นฟ้าอย่างเจ็บปวด สองมือปาดเช็ดน้ำตาผสมเลือดที่ไหลพรูลงมาจากตาอย่างรวดเร็ว

    เลือดร้อนๆ ของเจสันฉีดพุ่งสู่ใบหน้าที่เกร็งเบี้ยว มือของเขาก็เปื้อนเลือดสีแดงวาวใสที่เป็นตัวแทนของความผิดบาป

    อ๊ากกกก...”

    เจสันคุกเข่าลง สองมือถูหน้าอย่างทรมาน เสียงที่ผิวหนังเสียดสีกันดังครืดๆ อุณหภูมิในร่างกายร้อนขึ้นเรื่อยๆ ความร้อนปานประหนึ่งไฟนรกกำลังแผดเผากลืนกินเขาไปทั้งตัว

    น้ำตาเลือดของเจสันแทรกผ่านช่องนิ้วและไหลเรื่อยลงไปอาบผิวแทบจะทั่วร่าง สีแดงเข้มของเลือดช่างตัดกับสีผิวของเขาเหลือเกิน

    ฮิๆๆ กับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงวัน จะต้องทรมานขนาดนี้เลยเหรอ เจ้ามนุษย์หน้าโง่...”

    แมงมุมยักษ์ชักขาออกมาจากร่างของไนน์ทีนไนท์ เลือดของเขาจึงกระฉูดขึ้นมา หัวมนุษย์บนขาแมงมุมไม่วายโห่ร้องอย่างยินดี ภูตผีปีศาจจากนรกพวกนั้นร้องเรียกหาเลือดอย่างหื่นกระหาย ขาทั้งแปดของแมงมุมยักษ์จึงผลัดกันแปะลงบนพื้น เพื่อให้ทุกหัวบนนั้นได้ลิ้มรสชาติที่หวานอร่อย

    หัวที่ห้อยต่องแต่งของหญิงสาวกรีดเสียงหัวเราะแหลมผ่านปากที่กว้างแสนกว้าง ดวงตาปูดโปนยาวยืดเหมือนเขาของหอยทากมุ่งมาทางเจสัน

    หึๆ...หึๆๆๆ...”

    เสียงหัวเราะทุ้มต่ำของเจสันดังขัดเสียงแหลมเล็กของแมงมุม

    “...เจ้ามนุษย์ แกหัวเราะอะไร

    หญิงสาวในร่างแมงมุมชะงักกึก ดวงตาของมันกลอกส่ายไปมา ขาทั้งแปดก้าวมาอย่างระมัดระวังเพื่อรายล้อมเจสันไว้

    หึๆๆ...ฮ่าๆๆๆ แกตายแน่...”

    ดวงตาเลือดสีแดงของเจสันมีปีศาจที่ใหญ่กว่าเจ้าแมงมุมยักษ์พุ่งกระโจนออกมา หัวของมันมีเขาแหลมพ่นเปลวไฟสีแดงพวยพุ่ง ร่างกายของมันกำยำราวกับยักษ์ทวารบาลที่คอยเฝ้าอยู่หน้าประตูวัด ใบหน้าถมึงทึงเขย่าขวัญเหล่าปีศาจได้ทุกตน

    มือข้างหนึ่งของมันกำโซ่เหล็กที่ยาวประมาณสามเมตร มืออีกข้างถือตุ้มเหล็กแหลมคมขนาดมหึมา บนตุ้มเหล็กนั้นมีสัญลักษณ์ลึกลับสีทองประกายตกแต่งอยู่แปดอัน แถมยังมีรอยเลือดเปรอะเปื้อนอยู่เต็มไปหมด แยกไม่ออกเสียด้วยสิว่าเป็นเลือดคนหรือเลือดปีศาจกันแน่...

    เป็นไปไม่ได้!”

    มนุษย์ธรรมดาๆ จะเรียกเทพเจ้าแห่งปีศาจขั้น S ออกมาได้ยังไง!?

    ปีศาจแมงมุมหัวคนถอยกรูดไปหลายก้าว แสดงชัดว่าหวาดกลัวปีศาจสีแดงผู้มีกลิ่นอายของ เทพเจ้า นี้มาก

    หญิงสาวกรีดร้องสุดใจขณะที่หัวมนุษย์ตรงขาแมงมุมหวาดกลัวยิ่งกว่าพยายามหดหัวหลบเพราะกลัวว่าแค่สบตากับปีศาจที่มาใหม่นี้แล้วตัวเองจะดับสลายไปภายในพริบตา

    ผิดแล้วล่ะ ฉันไม่ได้เรียกมันมา แววตาของเจสันจ้องเขม็งไปยังปีศาจสาว มุมปากของเขาฉาบรอยยิ้มเยือกเย็น มันคือ เถี่ยเยี่ยน เทพปีศาจเปลวเพลิงเหล็กที่อาศัยอยู่ในร่างฉันต่างหาก อ้อ จะบอกอะไรไว้อย่างนะ มันน่ะ ชอบตีแมงมุมที่สุดเลย...”

    ปีศาจสาวอ้าปากกว้างเมื่อเห็นตุ้มเหล็กฟาดใส่ตัวอย่างไม่ทันตั้งตัว ตุ้มเหล็กแหลมคมบดทับตัวแมงมุมจนเละ ของเหลวสีเขียวเหนอะหนืดถูกตุ้มเหล็กดูดซับเข้าไปกลายเป็นพลังที่เพิ่มมากขึ้น

    เถี่ยเยี่ยนหันกลับมาเรียกชื่อจริงของเจสันพลางทำหน้าตาไม่พอใจใส่

    เจวี๋ยเซิง ปีศาจตัวนี้พลังอ่อนชะมัด ไม่พอยาไส้ฉันหรอก! แล้วก็...ฉันเกลียดแมงมุมที่ตายแล้วด้วย!”

    เปลวไฟบนเขาของเถี่ยเยี่ยนอ่อนแรงลง มันมองลูกตุ้มเหล็กที่ไร้ซึ่งพลังชีวิตอย่างเบื่อเซ็งพลางบ่นไม่เลิก

    ก็ได้ๆ คราวต่อไปฉันจะพยายามมากกว่านี้ ถึงตอนนั้นนายห้ามบ่นว่าอิ่มเกินไปละกัน เจสันหันไปมองร่างไม่สมประกอบของไนน์ทีนไนท์พลางใช้ความคิด และแล้วเขาก็พูดขึ้นอย่างเศร้าใจ เถี่ยเยี่ยน...นายกลับไปก่อนเถอะ ฉันยังมีเรื่องต้องจัดการ...”

    เข้าใจแล้ว นาย...อย่าเสียใจให้มากนักล่ะ

    สายควันหอบหนึ่งพัดวูบเข้าใส่เจสัน ปีศาจยักษ์สีแดงพลันหายกลับเข้าไปในตัวเขา น้ำตาเลือดและสีดวงตาที่น่ากลัวเมื่อครู่ค่อยจางหายไปจนไม่เหลือร่องรอย

    ท่ามกลางความมืดที่ครอบคลุมอยู่ในตอนนี้เงียบสงัดวังเวงน่าใจหาย โลกทั้งโลกเหลือเพียงเสียงฝีเท้าหนักแน่นของเจสันเท่านั้นเอง

    เขาเดินไปหาไนน์ทีนไนท์แล้วย่อตัวลงตรงข้างร่างแน่นิ่ง ดวงตาสีอำพันมีแต่ความเศร้าสลด

    ขอโทษนะที่ช่วยนายไว้ไม่ทัน

    เจสันพูดพึมพำจบก็ยื่นมือออกไปคิดจะแตะเศษซากร่างแหลกเหลวของไนน์ทีนไนท์...

    ทันใดนั้น ทุกอย่างรอบข้างก็บิดเบี้ยวไปอย่างรวดเร็ว ลำแสงสว่างเจิดจ้าสายหนึ่งสาดส่องลงมา เจสันยกมือขึ้นบังหน้าขณะที่เกิดเสียงเลื่อนลั่นสนั่นไหว ก้อนหินที่พื้นลอยขึ้นตามแรงดึงดูดมหาศาลจากด้านบน

    เจสันไม่ทันได้คว้าเกาะอะไรเป็นสิ่งยึด เขาจึงลอยขึ้นไปพร้อมกับเศษหินดินทราย และแล้วหลุมดำขนาดใหญ่ก็ดูดกลืนร่างของเขาเข้าไป

    เสียงแหวกอากาศดังขึ้นที่ข้างหู เจสันลืมตามองดูทันทีแต่เมื่อต้อง ลงจอด ที่พื้นเขาก็ไม่สามารถควบคุมการทรงตัวของตัวเองได้จึงเซถลาล้มลง เอวของเขากระแทกอย่างจังเจ็บจนร้องไม่ออกเลยทีเดียว

    อูย...เอ๊ะ เขาลูบคลำเอวที่เกือบ หักก็อย่างว่าล่ะ อายุปูนนี้แล้ว ร่างกายมักบอบบางกับการกระแทกกระทั้นเป็นธรรมดา

    ทว่าเบื้องหน้าของเขาในตอนนี้กลับมีเรื่องให้ประหลาดใจมากกว่า มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขาจะเอาเงินเดือนน้อยนิดของตัวเองไปเป็นค่ารักษาพยาบาลได้ยังไงหรอก แต่มันคือตัวอักษรสีแดงเลือดตัวเบ้อเริ่มที่อยู่ห่างจากเขาไปไม่ถึงห้าเซนติเมตรนี่ต่างหาก...หมายเลข 4

    ฉัน...ฉันมาถึงแล้ว!”

    เขาโห่ร้องอย่างตื่นเต้นดีใจ ขณะเดียวกันนั้นประตูใหญ่ก็ค่อยๆ แง้มเปิดช้าๆ...

    เด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตางดงามหมดจดคนหนึ่ง ใบหน้าที่แสนจะคุ้นเคยนั้น...กำลังนั่งสบายใจเฉิบอยู่บนโซฟาขนมิ้ง

    ข้างกายของเขามีจิ้งจอกขนสีเงินเป็นเงาวาวหมอบชิดอยู่ไม่ห่าง เจสันเห็นจิ้งจอกขนสวยตัวนี้แล้วก็ให้นึกถึงจิ้งจอกเก้าหางผู้นำพาความวุ่นวายในตำนานขึ้นมาทันที

    ไนน์...ไนน์ทีนไนท์? เขายังมีชีวิตอยู่เหรอเนี่ย นี่มันเรื่องอะไรกัน

    ไนน์ทีนไนท์ยกขาขึ้นมาพาดไขว้อย่างสบายอารมณ์ ใบหน้าจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตาของเขาอวดยิ้มยโส มือทั้งสองกำหมัดแน่น ดวงตาประดุจพลอยม่วงที่ใครเห็นก็ไม่อาจลืมนั้นจ้องมองเจสันซึ่งๆ หน้า ยินดีต้อนรับสู่สำนักงานนักสืบไนน์ทีนไนท์ คุณหวงฝู่เจวี๋ยเซิง

    สำนักงาน...นักสืบ...โอ้...” เจสันผลักประตูเข้าไป อพาร์ตเมนต์ที่ภายนอกทรุดโทรมเกินจะรับแต่ภายในกลับตกแต่งสไตล์จีนไว้อย่างหรูหรางดงาม สวยจนไม่รู้จะเปรียบยังไงเลย

    เขาก้าวเข้าไปอย่างระแวดระวังตัว กลัวเหลือเกินว่าจะเผลอเหยียบเข้าไปในมิติบ้าบออะไรอีก

    ใช่แล้ว ยินดีด้วยที่นายผ่านการทดสอบ แต่ความสามารถของนายยังห่างจากที่ฉันคาดหวังไว้มากอยู่เหมือนกัน พยายามต่อไปละกันนะ!” ไนน์ทีนไนท์ลุกขึ้น เจ้าจิ้งจอกก็ลุกตามพลางสะบัดขนเงินของตัวอย่างแช่มช้า ในสายตาของมันมีแต่ไนน์ทีนไนท์เท่านั้น

    การทดสอบ? หมายความว่า...เมื่อกี้ ที่ฉันเห็นทั้งหมด...” ทั้งพวกปีศาจสารพัดสีกับไอ้แมงมุมหัวคนน่าขยะแขยงนั่น ทั้งหมดเป็นแค่ภาพลวงตาอย่างนั้นเหรอ!?

    ล้อกันแรงขนาดนี้เลยเนี่ยนะ!

    คนที่รู้จักเขาต่างก็รู้ดีว่านายหวงฝู่เจวี๋ยเซิงคนนี้เกลียดการถูกล้อเล่นที่สุดเลย!

    ฮึ่ย นายไนน์ทีนไนท์ตัวแสบ...

    แมงมุมหัวคนเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันเอง น่ารักใช่ไหมล่ะ

    ใช่ มันน่ารักซะอยากจะอ้วกเลย

    ไนน์ทีนไนท์คล้ายกับยิ้มเยาะในที เขาเดินอ้อมตัวเจสันไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

    กลิ่นหอมพิเศษอย่างหนึ่งลอยมาแตะจมูกเจสัน เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าตั้งแต่เหยียบเท้าเข้ามาในสำนักงานนักสืบนี้ก็ได้กลิ่นหอมหวานที่ชวนให้คนหลงใหลออกมาจากตัวของไนน์ทีนไนท์นั่นเอง

    เจสันมองไปทางจิ้งจอกขนเงินแสนสวย มันคลอเคลียตรงขาของไนน์ทีนไนท์ไม่หยุด ส่วนไนน์ทีนไนท์ก็มองมันด้วยสายตาที่อบอุ่นและรักใคร่เอ็นดูจนเจสันพานรู้สึกหมั่นไส้

    หมั่นไส้?

    ทำไมเขาต้องหมั่นไส้ล่ะ!?

    ดูยังไงเจ้าไนน์ทีนไนท์คนนี้ก็เป็นแค่เด็กหนุ่มที่อายุไม่เกิน 17 แต่เขาเป็นชายหนุ่มเต็มตัววัย 25 เชียวนะ!

    เฮ้ๆ เขาต้องเป็นผู้ใหญ่หน่อยสิ ของที่สวยงามมักจะมีพิษภัยแอบแฝง ไนน์ทีนไนท์คนนี้ก็คงมีไม่ต่างกัน

    อะแฮ่ม ฉัน... ที่จริงแล้วฉันมาจากสำนักปฏิบัติการจงกู่...”

    ฉันรู้แล้ว จงกู่เป็นคนส่งนายมาสืบคดี ไนน์ทีนไนท์ลูบหัวจิ้งจอกเงินอย่างทะนุถนอมแล้วทำท่าให้มันเข้าไปด้านใน เจ้าจิ้งจอกหันมามองเจสันด้วยสายตาไม่เป็นมิตรก่อนจะหายวับไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งสอง

    นายรู้ได้ยังไง!? เขาคงไม่รู้หรอกนะว่าล็อตเตอรี่งวดนี้ออกอะไร มหัศจรรย์อะไรอย่างนี้!?

    ไนน์ทีนไนท์ชำเลืองมองเจสันแวบหนึ่ง จากนั้นก็หยิบเอกสารหนาหนักบนโต๊ะขึ้นมาสองฉบับ เขาโยนฉบับหนึ่งให้เจสันแล้วพูดโดยไม่สนใจท่าทางของเจสัน เจียงฮ่วนเอ๋อร์ อยู่ชั้น ม.3/1 โรงเรียนมัธยมกวงหมิง เป็นเด็กเรียนดีประจำห้อง นิสัยเงียบๆ เก็บตัว ไม่มีเพื่อน

    “...ที่แท้นายก็ชอบเด็ก ม.ต้น นี่เอง...” เจสันถอนใจมองหน้าไนน์ทีนไนท์ด้วยสายตาเศร้าปนสงสาร

    น่าเสียดายจัง ไนน์ทีนไนท์ออกจะหน้าตาดีแต่กลับเป็นพวกโลลิคอนซะได้ เฮ้อ...

    ไนน์ทีนไนท์เหล่มองเจสันทีหนึ่ง เขาพูดต่อโดยไม่ใส่ใจคำพูดงี่เง่าของอีกฝ่าย โรงเรียนมัธยมกวงหมิงเกิดคดีคนหายตัวต่อเนื่องมาแล้วกว่า 3 คดี นอกจากกะโหลกจมกองมันสมองของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในที่เกิดเหตุกับการหายตัวไปของยามเฝ้าโรงเรียนแล้ว เด็กนักเรียนที่ชื่อเจียงฮ่วนเอ๋อร์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยมากว่าหนึ่งอาทิตย์เหมือนกัน

    เจสันเฝ้าสังเกตเวลาที่ไนน์ทีนไนท์เล่าถึงสำนวนคดีที่แสนจะโรคจิตและน่าสยดสยอง ท่าทางเขาช่างนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก ขนาดน้ำเสียงยังราบเรียบเป็นระนาบเดียวไปหมด

    ไม่เห็นเหมือนหนุ่มอายุ 17 เลยแฮะ

    อืม...อย่างนี้นี่เอง เอ๋ ที่ฉันเห็นเมื่อกี้ไม่ใช่ภาพลวงตาทั้งหมดน่ะสิ!? เด็กผู้หญิงที่ถูกตุ๊กตากัดกินกับยามจอมซวยคนนั้น หรือว่าพวกเขาจะถูก...

    ถูกต้อง เรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเป็นของจริง ฉันใช้เครื่องตรวจหาร่องรอยของโลกวิญญาณสืบหาจนได้ภาพออกมา ไนน์ทีนไนท์ก้มหน้าลงศึกษาเอกสารกองโตในมือ ขนตาเป็นแพหนาแถมงอนยาวกะพริบครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้ทำไม ใบหน้าที่มุ่งมั่นจริงจังของเขาถึงทำให้เจสันรู้สึกอ่อนไหวและอยากปกป้องเขาเหลือเกิน

    อะแฮ่ม! ถึงฉันจะไม่เข้าใจว่าอะไรคือเครื่องตรวจหาร่องรอยของโลกวิญญาณ แต่ฉันคิดว่าเอกสารพวกนี้ก็น่าจะเพียงพอจะช่วยให้ฉันสืบ คดีตุ๊กตา SD ฆ่าคน ได้แล้ว ไนน์ทีนไนท์ ขอบใจนะ นายนี่เป็นคนดีจริงๆ ช่วยฉันได้มากเลย

    เจสันพยายามเบนความสนใจของตัวเองไปที่การตกแต่งสำนักงานนักสืบที่หรูหรากว่าคอนโดฯ ชุดสุดหรูนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความรู้สึก สับสนในตัวเอง อีก

    ช่วยนาย? ไนน์ทีนไนท์หัวเราะเบาๆ พลางหรี่ตาไล่มองเจสันตั้งแต่หัวจรดเท้าจากนั้นก็เย้ยหยันนิดๆ เวลาพูดกับเจ้านาย นายทำท่ายโสโอหังอย่างนี้ตลอดเลยหรือเปล่า

    อะไรนะ!? เจ้านาย...!? เจสันเบิกตาโตร้องอย่างไม่เชื่อหู เจ้าเด็กที่สูงไม่พ้นหัวไหล่เขาดีเนี่ยนะ บอกว่าตัวเองเป็น...เจ้านาย

    ไนน์ทีนไนท์ตบฝุ่นออกจากกางเกงยีนสีซีดของตัวเองเบาๆ แล้วยืดแขนบิดขี้เกียจก่อนจะพูดขึ้น จงกู่เป็นรุ่นน้องของฉัน สำนักงานจะเจ๊งแหล่ไม่เจ๊งแหล่ที่นายทำอยู่ก็คือสาขาย่อยของสำนักงานนักสืบนี้ ไปกันได้แล้ว! พวกเราต้องไปที่โรงเรียนกวงหมิงซักหน่อย!”



    * ย่านตะวันออก หมายถึงศูนย์กลางธุรกิจทางฝั่งตะวันออกของไทเป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×