คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ
เช้าวันนี้เป็นเช้าธรรมดาที่ไม่ค่อยธรรมดาเท่าไหร่
ที่ธรรมดาก็คือผมกำลังเตรียมอาหารเช้าชนิดต่างๆ เหมือนทุกวัน
ที่ไม่ธรรมดาก็คือพอคุณหนูกลับมาจากวิ่งจ๊อกกิ้ง จู่ๆ ก็บอกว่าเขาอยากกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว สาเหตุคือตอนไปจ๊อกกิ้ง เขาวิ่งผ่านร้านขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัว ได้กลิ่นหอมของเนื้อแล้วรู้สึกว่าท่าจะอร่อยไม่เบา
ดังนั้นผมจึงต้องเริ่มต้มก๋วยเตี๋ยวอย่างกะทันหัน จากนั้นก็คิดหาสารพัดวิธีมาต้มเนื้อวัวให้นุ่มในเวลาอันสั้นที่สุด มิฉะนั้นคุณหนูจะไปมหาวิทยาลัยไม่ทัน...ดีนะที่ในตู้เย็นมีเนื้อวัวตุนไว้พอดี ช่างเป็นโชคดีในโชคร้ายจริงๆ
ติ๊งต่อง
เสียงกริ่งประตู? ใครกันนะมาตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้ ผมรีบตะโกนไปทางห้องรับแขกว่า “เกรน รบกวนเปิดประตูให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ”
“ฉันไปเปิดเอง!” เสียงตอบรับดังมาจากห้องรับแขกในทันที
นี่มันเสียงคุณหนู...ให้คุณหนูไปเปิดประตูเองแบบนี้ช่างเป็นเรื่องเสียมารยาทซะจริง แต่ในนาทีที่กำลังหัวหมุนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าสิบชนิดเช่นนี้ ผมว่าหยวนๆ หน่อยก็ไม่เสียหาย
“โจชัว” ทันใดนั้นคุณหนูก็ยื่นหน้าเข้ามาในห้องครัว
ผมรีบหันมาตอบว่า “ครับ”
“มีคนมาหานายแน่ะ”
มาหาผมเหรอ ผมอึ้ง ถามว่า “ไม่ทราบว่าใช่เอสโก้รึเปล่าครับ”
คุณหนูส่ายหน้าพูดว่า “เป็นคนที่ฉันไม่รู้จักน่ะ เขาบอกว่าเขาชื่อเคอร์ติส คริสตอฟ”
เคอร์ติส คริสตอฟ? ผมไม่คุ้นชื่อนี้เลยสักนิด หรือว่าจะเป็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์แวมไพร์ที่ได้ข่าวว่าผมอยู่ที่นี่ ก็เลยมาหา
ในเมื่อเขาไม่ได้แสดงตัวแบบเกะกะระราน ผมคิดว่าเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ตนนี้คงไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร แต่พอผมหันไปมองอาหารเช้าสิบชนิดแล้วก็รู้สึกกลุ้มหน่อยๆ
คุณหนูคล้ายจะเห็นถึงความกลัดกลุ้มของผม เขาจึงเสนอว่า “นายทำอาหารเช้าไปก่อน ฉันจะบอกให้เขารอก็แล้วกัน อย่าลืมทำอาหารอีกชุดเผื่อเขาด้วยนะ ท่าทางเขาจะเป็นมนุษย์ล่ะ”
ไม่ใช่เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์หรอกเหรอ ผมถอนหายใจแล้วพูดจากใจจริงว่า “ขอบคุณครับ”
ผมวุ่นอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าอีกประมาณสิบนาที เนื้อวัวยังคงถูกต้มอยู่ในหม้อ ส่วนอาหารอย่างอื่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วเข้าไปในห้องรับแขก พอก้าวเข้าห้องรับแขกปุ๊บก็มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งโผล่เข้ามาแย่งถาดในมือของผมไป จากนั้นก็เอามันไปวางลงบนโต๊ะ
ผมแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ลืมพูดอย่างมีมารยาทว่า “ขอบคุณครับที่ช่วย”
เขาหันกลับมาพูดในทันทีว่า “โปรดอย่ากล่าวเช่นนี้เลยครับ นายท่านเอนด์เลส”
...นายท่านเอนด์เลส?
ผมเริ่มสำรวจอีกฝ่ายอย่างจริงจัง รูปลักษณ์ภายนอกของเขาสะอาดเนี้ยบเป็นพิเศษ เขาใส่สูทดำทั้งชุด ผูกหูกระต่ายสีแดง หวีผมเรียบแปล้เสยไปด้านหลัง แล้วยังใส่แว่นกรอบสี่เหลี่ยมด้วย นอกจากจะแต่งตัวเรียบร้อย สีหน้าของเขายังสำรวมสุดๆ แทบจะเรียกได้ว่าไม่แสดงอารมณ์อะไรเลย
แต่ไม่ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะเป็นยังไง ผมก็มั่นใจว่านี่ไม่ใช่คนที่ผมรู้จัก
ผมถามด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครเหรอครับ”
ทันใดนั้นเขาก็โค้งตัวลงคำนับเป็นมุมเก้าสิบองศากับพื้น แล้วแนะนำตัวเองว่า “ผมคือเคอร์ติส คริสตอฟ เป็นพ่อบ้านของคุณครับ นายท่านเอนด์เลส ต่อไปกรุณาชี้แนะด้วยครับ”
พ่อบ้านของผม? ผมงงหนัก ถามเขาไปว่า “จริงอยู่ว่าผมมีพ่อบ้าน แต่...”
“พ่อบ้านของพ่อบ้านเหรอ” ทันใดนั้นเกรนก็ร้องด้วยความประหลาดใจ “ตกลงเป็นอะไรกันแน่”
เมย์ตอบอย่างจริงจังว่า “ก็เป็นพ่อบ้านน่ะสิ”
“ไร้สาระ!”
“ไร้สาระแล้วนายถามทำไม” เมย์ถลึงตาใส่เขา
“โจชัว” คุณหนูดึงแขนเสื้อผม ถามอย่างสงสัยเต็มแก่ว่า “นายมีพ่อบ้านจริงๆ เหรอเนี่ย”
“เสียมารยาทเกินไปแล้ว!” ทันใดนั้นเคอร์ติสก็ตวาดเบาๆ แล้วตำหนิว่า “มาดึงแขนเสื้อนายท่านได้ยังไง แถมยังถามนู่นถามนี่อีก!”
คุณหนูเหวอไปเลย เขามองเคอร์ติส จากนั้นก็รีบปล่อยแขนเสื้อผม
ผมหันไปอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงความเข้มเล็กน้อยว่า “คุณคริสตอฟ ผมคิดว่าระหว่างเรามีเรื่องเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงอยู่นะครับ ท่านนี้คือคุณหนูที่ผมปรนนิบัติอยู่ เขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะถามคำถามผม แล้วผมก็ไม่ถือด้วยที่เขาดึงแขนเสื้อผม”
เคอร์ติสอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด หน้าเขาดูเกร็งเขม็ง แต่ยังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา เห็นท่าจะเป็นพ่อบ้านที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เขาโค้งคำนับแล้วขอโทษ “ขออภัยด้วยครับ เมื่อครู่คุณหนูท่านนี้มาเปิดประตู ผมเลยเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนรับใช้ประจำห้องรับแขก ต้องขออภัยอย่างสูงจริงๆ ครับ”
แต่ไหนแต่ไรมาคุณหนูไม่ใช่คนที่จะถือสาเรื่องพวกนี้ แน่นอนว่าเขาไม่โกรธ แค่หันมาถามผมอย่างอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ว่า “โจชัว คนรับใช้ประจำห้องรับแขกเป็นยังไงเหรอ”
ผมยิ้มตอบว่า “หมายถึงผู้ที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องในห้องรับแขก อย่างเช่นรับโทรศัพท์ ต้อนรับแขก เก็บกวาดห้องรับแขกให้สะอาดพร้อมรับแขกได้อย่างไม่อายใครอยู่ตลอดเวลา อะไรทำนองนี้น่ะครับ”
“มีของแบบนี้จริงๆ เหรอเนี่ย” เกรนร้องเสียงดัง “ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ พ่อบ้าน คุณไม่ได้โม้อยู่ใช่มั้ย ห้องรับแขกบ้านใครมันจะไปมีคนรับใช้มาดูแลโดยเฉพาะกัน!”
ผมยังไม่ทันได้อ้าปากตอบ เคอร์ติสก็ตอบอย่างจริงจังว่า “นายท่านเอนด์เลสมีคนรับใช้ประจำห้องรับแขกสองคน สาวใช้เจ็ดคน คนสวนอีกสี่คน พ่อครัวสองคน เลขาฯ หนึ่งคน แล้วก็พ่อบ้านอีกหนึ่งคนครับ”
พอเขาพูดจบ ทุกคนก็เบิกตามองผม ในดวงตาฉายแววไม่เชื่อ
ผมแอบถอนหายใจ พูดว่า “ผมเข้าใจแล้ว ซาดีนาส่งคุณมาใช่มั้ยครับ”
“ครับ ท่านหญิงซาดีนาส่งผมมา” ตอนเคอร์ติสเอ่ยถึงซาดีนา เขายังโค้งตัวลงเล็กน้อยคล้ายกับนับถือเธออย่างยิ่ง
“ซาดีนาเหรอ” คุณหนูถามอย่างอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ดึงแขนเสื้อผมแล้ว
ผมอธิบายอย่างละเอียดว่า “คุณหนู ซาดีนาเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเองครับ เธอเป็นผู้นำคนปัจจุบันของตระกูลพ่อบ้านของผม ผมให้เธอช่วยดูแลคฤหาสน์ทั้งสองหลัง คิดว่าพ่อบ้านรุ่นก่อนคงจะลาออกหรือเสียชีวิตไปแล้ว ดังนั้นเธอก็เลยส่งพ่อบ้านคนใหม่มาให้ผมพิจารณาน่ะครับ”
ผมมองเคอร์ติส แม้จะไม่ได้เอ่ยปากสอบถาม แต่พ่อบ้านที่ดีควรจะรู้ว่าตัวเองควรทำอะไรจากการส่งสายตาของเจ้านาย
“มิได้ครับ นายท่าน” เคอร์ติสรีบตอบทันที “พ่อบ้านผู้ดูแลคฤหาสน์ของคุณยังอยู่ในตำแหน่ง”
“งั้นทำไมคุณถึงมาที่นี่ล่ะ” ผมเริ่มงงนิดหน่อย ซาดีนาคงไม่ส่งพ่อบ้านมาหาผมโดยไม่มีสาเหตุ เธอรู้ดีว่าผมกำลังเป็นพ่อบ้านอยู่
“เพื่อให้ผมเป็นผู้ดูแลตระกูลพ่อบ้านรุ่นต่อไปครับ ท่านหญิงซาดีนาอายุมากแล้ว เธอคิดจะเกษียณตัวเอง ดังนั้นจึงคิดจะเลือกผู้สืบทอดตำแหน่งครับ”
“งั้นซาดีนาเลือกเองก็ได้นี่” ผมงงหนักกว่าเดิม
เคอร์ติสอธิบายอย่างละเอียดว่า “ท่านหญิงซาดีนาบอกว่าเธอเป็นเพียงผู้ที่ดูแลตระกูลในนามตัวแทนของคุณเท่านั้น ดังนั้นเธอไม่มีสิทธิ์แต่งตั้งผู้ที่จะมารับตำแหน่งต่อ จึงให้ผมมารับการทดสอบจากคุณ ให้ผมมาปรนนิบัติคุณหนึ่งปี ถ้าคุณรู้สึกว่าผมสามารถรับตำแหน่งได้ก็ให้คุณตั้งผมเป็นผู้ดูแลตระกูลพ่อบ้านรุ่นต่อไปครับ”
ซาดีนานี่จริงๆ เลย...แม้ว่าตอนแรกท่านพ่อจะมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้ผม แต่ผมก็ไม่ได้อยากจะเป็นเลย จึงคิดจะมอบตำแหน่งให้ซาดีนาซึ่งเป็นญาติผู้น้อง แต่ซาดีนากลับบอกว่าเว้นแต่จะให้เธอดูแลตระกูลในนามตัวแทนของผม มิฉะนั้นเธอจะไม่ยอมรับเด็ดขาด
ผมตกลง ตอนนั้นผมคิดว่านานวันเข้าซาดีนาก็จะกลายเป็นผู้นำตระกูลอย่างเป็นทางการไปเอง แต่นึกไม่ถึงว่าผ่านไปห้าสิบปีแล้ว เธอก็ยังหัวแข็งขนาดนี้
“โจชัว” คุณหนูมองนาฬิกาบนผนังพลางพูดว่า “ฉันจะไปเรียนสายแล้วนะ ถึงฉันจะไม่ว่าอะไรถ้าต้องไปสาย แต่นายต้องรู้สึกผิดมากแน่ๆ ฉันก็เลยเตือนนายน่ะ”
อ๊าก!
ผมรีบพูดว่า “ผมจะรีบเสิร์ฟอาหารเช้าให้นะครับ”
“นายท่าน ให้ผมช่วยนะครับ” เคอร์ติสพูดขึ้นทันที
ผมหันไปขัดเคอร์ติสด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งว่า “คุณรอในห้องรับแขกสักครู่ อีกเดี๋ยวผมค่อยคุยกับคุณ”
“ครับ” เขานั่งลงตามคำสั่ง
ตอนนี้คุณหนูกับเกรนพากันมองเขายิ้มๆ เหมือนกับสนใจเขาเต็มที่ ดังนั้นก่อนที่ผมจะเดินเข้าห้องครัวจึงสั่งเขาต่อว่า “ถ้าคุณหนูถามอะไรก็ตอบไปเลยนะครับ”
เคอร์ติสพยักหน้ารับอย่างแข็งๆ “ครับ”
ผมรีบเดินเข้าห้องครัวไป จากนั้นก็เข้าๆ ออกๆ เพื่อเอาอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ เมื่อผมยกอาหารทั้งหมดมาวางเสร็จเรียบร้อยแล้วทุกคนก็มานั่งที่โต๊ะ คิดว่าคงจะหิวกันเต็มที่
ก่อนลงมือกินคุณหนูยังกวักมือเรียกเคอร์ติสแล้วพูดว่า “มากินด้วยกันสิครับคุณพ่อบ้าน”
ไม่รู้ว่าเมื่อครู่พวกคุณหนูถามอะไรเขา รอยยิ้มที่เคอร์ติสฉีกออกมาถึงดูฝืนๆ อยู่บ้าง เขาตอบว่า “ผมกินมาแล้วครับ”
สีหน้าคุณหนูค่อนข้างผิดหวัง แต่เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ เริ่มลงมือกินอาหารเช้า
จนถึงตอนนี้ ในที่สุดบนหน้าของเคอร์ติสก็แสดงความรู้สึกออกมา เขามองคุณหนูกินอาหารเช้าด้วยความตื่นตระหนก ถ้าคุณหนูเห็นเข้าคงจะพูดว่า ‘ตาของเขาเบิกกว้างขึ้นหนึ่งเซนติเมตรล่ะ’
เขายังต้องฝึกฝนเรื่องสีหน้าอีกมาก ผมแอบจำจุดนี้เอาไว้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกยืดเล็กๆ เพราะคุณหนูมักจะบอกว่าตาและมุมปากของผมเปลี่ยนไปแค่ศูนย์จุดสอง ศูนย์จุดสาม หรือกระทั่งศูนย์จุดศูนย์ศูนย์ อะไรสักอย่างนั่นเท่านั้น
ตอนนี้ทุกคนต่างกินอาหารเช้ากันเงียบๆ เทียนฉาหยิบรีโมตโทรทัศน์ขึ้นมาทำท่าจะกดเปิด ทันใดนั้นกริ่งประตูก็ดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง นี่ทำให้ผมกลุ้มเหลือเกิน เหมือนว่าประตูห้องนี้ถ้าไม่ใช่เงียบฉี่ตลอดก็จะดังไม่หยุด
ผมกำลังคิดจะเดินไปเปิดประตู แต่เคอร์ติสกลับชิงตัดหน้าเสียก่อน ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่
เคอร์ติสเปิดประตูออกด้วยท่วงท่ามาตรฐานของพ่อบ้าน จากนั้นก็ถามอย่างมีมารยาทเต็มที่ว่า “สวัสดีครับ ที่นี่บ้านเอนด์เลส ไม่ทราบว่าคุณมาหาใครครับ”
ไม่ใช่ ที่นี่เป็นห้องของคุณหนูอันเซียร์ ต้องบอกว่าบ้านอันต่างหาก ผมแอบถอนใจอยู่คนเดียว
นอกประตูมีผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ เธอไม่แค่หน้าตาดูคลาสสิกอย่างเดียว แต่การแต่งตัวก็คลาสสิกและเป็นเอกลักษณ์มากด้วย มันเป็นชุดกี่เพ้าสีแดงที่ปักลวดลายประณีตงดงาม ให้กลิ่นอายตะวันออกไม่น้อย
“บ้านเอนด์เลสใช่มั้ยคะ งั้นก็ถูกที่แล้ว” เธอคลี่ยิ้มสวยหวานออกมาแล้วถามอย่างมีมารยาทว่า “ไม่ทราบว่าคุณชายโจชัวอยู่มั้ยคะ”
...คุณชายโจชัวเหรอ
ความคิดเห็น