ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ค่ายทหาร
หลังจากที่เอ็ดมันเดินออกไปได้ซักพัก คารินถึงตื่นขึ้นมา และต้องตกใจเป็นอันมากเมื่อพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องพักของหัวหน้าชั้นปี 1 ป้อมอัศวิน แต่มันเป็นกระโจมสีนวลขนาดใหญ่ บนผนังมีอาวุธห้อยอยู่ 2-3 ชิ้น เครื่องเรือนก็มีเพียงเตียงปูหนังสัตว์และตู้ไม้ พื้นปูด้วยพรมสีแดงธรรมดา แล้วที่นี่มันที่ไหนกัน เควินถามตัวเองในใจ พลางนึกไปถึงเมื่อคืนตอนเดินกลับหอพัก รู้สึกว่าจะถูกทำร้ายจนสลบ..........แบบนี้มันลักพาตัวกันชัดๆเลย!!!
แล้วคนพวกนี้คือใคร ทำไมต้องมาลักพาตัวเราด้วย ถ้าลอบฆ่าก็ว่าไปอย่างยังพอเข้าใจ แต่ไงก็ช่างเถอะหนีก่อนดีกว่า
ว่าแล้วก็รีบย่องออกไป จากการพิจารณาอย่างคร่าวๆ สรุปได้คำเดียวว่านี่เป็นค่ายทหารแถมยังเป็นค่ายที่ใหญ่มากเสียด้วย แต่เป็นของประเทศไหนกันล่ะ
“เฮ้ย นั่นใครน่ะ” เสียงเหี้ยมๆดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับความเย็นเฉียบของโลหะที่มาสัมผัสตรงต้นคอ
“ค่อยๆหันกลับมาอย่าตุกติก” เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง คารินจำใจต้องหมุนตัวกลับมา ในใจเธอคิดแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่หันกลับมาคารินอาศัยความเร็วร่ายเวทแช่แข็งอาวุธและแขนของศัตรู แล้วใช้จังหวะนี้วิ่งหนีไป แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้นสิ แม้มือจะยังถูกแช่แข็งไว้แล้ว แต่ก็ยังมีลิ้นให้พูดอยู่นี่นา
“มีผู้บุกรุก มีผู้บุกรุก” นายทหารคนนั้นร้องตะโกน พลันก็มีทหารจากไหนไม่รู้อีกกว่า 20 นาย ล้อมคารินไว้... โธ่ว้อย รู้งี้แช่ลิ้นมันด้วยดีกว่า เจ็บใจจริงคารินคิดขณะเรียกดาบมาไว้ในมือ
แม้จะมีอาวุธแล้วแต่คงยากที่จะชนะ คนเดียวสู้กับกองทัพทั้งกองแถมยังเป็นคนเดียวที่ป่วยเสียด้วย พูดได้คำเดียวว่ารอดยาก แถมยังอาจบาดเจ็บอีก ตัดกำลังตัวเองเปล่าๆ คิดแล้วก็โยนดาบลงกับพื้น
“ยอมแพ้”
ทางฝั่งเควิน...
“นี่เจ้าจะบอกข้าว่าไม่มีใครเห็นเขางั้นหรือ”
“เอ่อ...คือ...”
“อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง...เจ้าก็ด้วยเอ็ดมันข้าสั่งให้ดูแลเขาแล้วนี่มันอะไรกัน”
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ”
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ เจ้าพูดคำนี้มากี่ครั้งแล้ว หา รีบไปตามหาสิไม่เจอก็อย่ากลับมาให้เห็นหน้า”
“พ่ะย่ะค่ะ” ทหารทั้งหมดในบริเวณนั้นรับคำแล้วรีบแยกย้ายกันออกไป ก่อนที่ผู้เป็นนายจะเปลี่ยนใจมาลงโทษแทน
“เอ่อคือ...องค์เควิน”
“อะไรอีกเล่า” ร่างสูงหันมาตะคอก
“พวกข้าพระองค์เจอผู้บุกรุกพ่ะย่ะค่ะ เป็นชาวผิวขาว.....”
“พอได้แล้ว ไปพาตัวเขามาเดี๋ยวนี้”เควินพูดแทรกก่อนที่นายทหารคนนั้นจะพูดจบ อะไรบางอย่างบอกเขาว่านั่นคือคนที่เขาตามหา
“พ่ะย่ะค่ะ”แล้วกลุ่มทหารก็แหวกทางเผยให้เห็นร่างเล็กสีขาวถูกผูกติดอยู่กับม้า
“เฮ้ย นั่น”เควินอุทาน ก่อนจะถลาเข้าไปแก้มัดให้ร่างนั้น แล้วช้อนตัวอุ้มเข้ากระโจมไป
พลั่ก!โอ๊ย! คารินร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกจับโยนลงบนเตียง
“ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง ยังไม่หายดีแท้ๆ ยังออกไปเดินเตร็ดเตร่อยู่อีก ดูสิเดี๋ยวก็ป่วยอีกหรอก” ร่างสูงบ่นๆๆแล้วหันไปสั่งกับนางกำนัลว่า
“พวกเจ้าไปเอาน้ำกับผ้ามา แล้วก็ออกไปซะ”
“ใคร? นายเป็นใคร? ที่นี่ที่ไหน? แล้วจับเรามาทำไม”คารินถามออกมาเป็นชุด
“ทีละคำถามก็ได้ ชั้นชื่อเควิน ที่นี่เป็นค่ายทหาร และที่จับมาก็เพราะต้องการ”เควินตอบแบบรวนๆ แล้วเอื้มมือไปหยิบอ่างน้ำมา
“ค่ายทหาร ของเมืองอะไร”
“ถามมาหจัง ก็ของกาบาเรี่ยไง”
กาบาเรี่ยน ไม่เห็นคุ้นหู เป็นเมืองแถบไหนนะ หรือว่าเป็นพวกที่บุกโรงเรียน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่น่ะสิ คิดพลางใช้มือกุมมีดสั้นที่เหน็บไว้ตรงเอวแล้วเขยิบถอยออกมา เควินไม่พูดว่าอะไร เพียวแต่ยิ้มให้กับกิริยานั้น แล้วเขยิบร่างตามมาติดๆ
“นอนลงซะ”ร่างสูงสั่ง
“จะทำอะไร”คารินถามอย่างระแวง
“คิดว่าจะทำอะไรล่ะ” ร่างสูงค่อยๆโน้มหน้าลง
“นายใช่พวกที่บุกโรงเรียนรึเปล่า”
“ถ้าใช่ แล้วจะทำไม”
คารินหลับตาปี๋ด้วยความกลัว มือกลุ่มมีดสั้นไว้แน่น แล้วพลันก็มีสัมผัสเย็นๆมาโดนตรงหน้า
“ล้างหน้าซะ”พูดเสร็จก็เดินออกไป
เมื่อร่างสูงเดินลับออกไปแล้ว มือที่กุมมีดสั้นอยู่ก็ปลดออก แล้ววักน้ำขึ้นมาล้างหน้า เฮ้อ แย่จริงดันมาตกอยู่ในดงศัตรูซะได้ จะรอดไหมเนี่ยเรา
ซักพักอาหารก็ถูกยกมาวาง ท้องเจ้ากรรมอยู่ดีๆก็ร้องโครกคราก เมื่อนึกทบทวนดูเมื่อวานประชุมทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลย วันนี้ตื่นมาก็ไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน สรุปไม่มีอะไรตกถึงท้องมาวันกว่าแล้ว กลิ่นอาหารค่อยๆโชยมาแตะจมูก เควินไม่คิดอะไรแล้วเสริมพลังงานไว้ก่อนดีกว่า
เมื่อสำรับถูกยกออไป ถ้วยใบใหญ่ในถาดสีเงินก็ถูกยกเข้ามา จากการพิสูจน์ทางกลิ่น มันคงไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ ยาพิษรึเปล่าว่า? คงไม่ใช่มั้งถ้าจะฆ่า คงฆ่าไปตั้งนานแล้ว
“นั่นอะไรหรอ”คารินถาม
“โอสถเพค่ะ”
“แล้วเอามาให้ใคร”
“ก็ให้เจ้านั่นแหล่ะ”เสียงเควินดังขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาในกระโจม คารินหน้าซีดลงทันที ยาตั้งถ้วยนึง แหวะอ๊วกจะแตก
“ครึ่งเดียวได้ไหม”คารินถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ไม่ได้ ต้องกินให้หมด”
“แต่.....”
“ไม่มีแต่ หรืออยากให้ป้อน เราจะป้อนให้ แต่ต้องเป็นทางปากนะ”ร่างสูงว่ามือก็ขยับจะไปหยิบถ้วยยา
“ตกลง ตกลง เราจะกินเอง”ว่าแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกนึง ก่อนจะยกถ้วยจรดริมฝีปาก แล้วกลั้นใจดื่มเข้าไปรวดเดียว ขมปี๋เลย นั่นคือรสชาติที่เขาได้รับ
“เก่งมาก”เควินเอ่ยปากชม แล้วหยิบถ้วยยาเปล่ากลับใส่ถาดเงินให้นางกำนัลยกออกไปส่วนคารินก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“นอนพักซะนะ” ร่างสูงว่าแล้วเดินออกไปอีก
เรื่องอะไรจะนอนอยู่เฉยๆล่ะ เมื่อเควินเดินออกไปได้ซักพัก คารินก็ค่อยๆเดินออกไปตาม แต่เมื่อเปิดผ้ากั้นออก ก็ได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันดัง เคร้ง!
นายทหารสองคนที่ยืนอยู่หน้ากระโจม เอาหอกมากั้นไว้ไม่ให้คารินออกไป “องค์เควินสั่งว่าห้ามเจ้าออกไปไหน”
คารินอ้าปากค้าง ทำงี้ได้ไง มากักขังกันแบบนี้ ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมหรอก แต่ก็เดินกลับเข้ามานั่งดีๆ
พลันความคิดดีๆ ก็ปิ๊งแวบเข้ามาในหัวสมอง เมื่อออกทางดีๆไม่ได้ ก็มุดออกด้านข้างซะ ก็สิ้นเรื่องเมื่อคิดได้แล้วจะรอช้าอยู่ไย ปฏิบัติการเลย
แล้วร่างเล็กของคารินก็ค่อยๆมุดออกทางด้านข้ากระโจม แต่ยังไม่ทันได้มุดออกมาทั้งตัว ร่างครึ่งหลังที่ยังอยู่ในกระโจม ก็โดนใครซักคนลากกลับเข้ามา
คนที่ลากคารินเข้ามาเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ พอๆกับเควิน มีผิวสีดำแดง ข้างๆนั้นมีชายหนุ่มร่างโปร่ง เตี้ยกว่าคนแรกและมีผิวขาวเหลืองดูสวยแปลกตา
“ข้าพระองค์ชื่อเอ็ดมันพ่ะย่ะค่ะ” ชายคนที่ลากคารินเข้ามาพูด
“ส่วนข้าพระองค์ ปีเตอร์” ชายที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้นบ้าง
"ข้าพระองค์ทั้งสองได้รับคำสั่งให้มาดูแลท่านคารินพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดมันพูด
โธ่แย่เลย แล้วจะหนียังไงดีละเนี่ย คารินคิดอย่างอับจน
*---------------------------------------------------------------------------------*
มาอัพแล้วจ้าทุกๆคน ในที่สุดก็ยาวกว่าเดิม ถึงจะไม่ยาวมากมายก็เถอะ แต่ก็พยายามเต็มที่แล้วนะ ได้โปรดเมนท์กันหน่อยน้าจ๊ะ
แล้วคนพวกนี้คือใคร ทำไมต้องมาลักพาตัวเราด้วย ถ้าลอบฆ่าก็ว่าไปอย่างยังพอเข้าใจ แต่ไงก็ช่างเถอะหนีก่อนดีกว่า
ว่าแล้วก็รีบย่องออกไป จากการพิจารณาอย่างคร่าวๆ สรุปได้คำเดียวว่านี่เป็นค่ายทหารแถมยังเป็นค่ายที่ใหญ่มากเสียด้วย แต่เป็นของประเทศไหนกันล่ะ
“เฮ้ย นั่นใครน่ะ” เสียงเหี้ยมๆดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมกับความเย็นเฉียบของโลหะที่มาสัมผัสตรงต้นคอ
“ค่อยๆหันกลับมาอย่าตุกติก” เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง คารินจำใจต้องหมุนตัวกลับมา ในใจเธอคิดแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ทันทีที่หันกลับมาคารินอาศัยความเร็วร่ายเวทแช่แข็งอาวุธและแขนของศัตรู แล้วใช้จังหวะนี้วิ่งหนีไป แต่เรื่องมันไม่ง่ายอย่างนั้นสิ แม้มือจะยังถูกแช่แข็งไว้แล้ว แต่ก็ยังมีลิ้นให้พูดอยู่นี่นา
“มีผู้บุกรุก มีผู้บุกรุก” นายทหารคนนั้นร้องตะโกน พลันก็มีทหารจากไหนไม่รู้อีกกว่า 20 นาย ล้อมคารินไว้... โธ่ว้อย รู้งี้แช่ลิ้นมันด้วยดีกว่า เจ็บใจจริงคารินคิดขณะเรียกดาบมาไว้ในมือ
แม้จะมีอาวุธแล้วแต่คงยากที่จะชนะ คนเดียวสู้กับกองทัพทั้งกองแถมยังเป็นคนเดียวที่ป่วยเสียด้วย พูดได้คำเดียวว่ารอดยาก แถมยังอาจบาดเจ็บอีก ตัดกำลังตัวเองเปล่าๆ คิดแล้วก็โยนดาบลงกับพื้น
“ยอมแพ้”
ทางฝั่งเควิน...
“นี่เจ้าจะบอกข้าว่าไม่มีใครเห็นเขางั้นหรือ”
“เอ่อ...คือ...”
“อย่ามัวแต่อ้ำอึ้ง...เจ้าก็ด้วยเอ็ดมันข้าสั่งให้ดูแลเขาแล้วนี่มันอะไรกัน”
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ”
“ขออภัยพ่ะย่ะค่ะ เจ้าพูดคำนี้มากี่ครั้งแล้ว หา รีบไปตามหาสิไม่เจอก็อย่ากลับมาให้เห็นหน้า”
“พ่ะย่ะค่ะ” ทหารทั้งหมดในบริเวณนั้นรับคำแล้วรีบแยกย้ายกันออกไป ก่อนที่ผู้เป็นนายจะเปลี่ยนใจมาลงโทษแทน
“เอ่อคือ...องค์เควิน”
“อะไรอีกเล่า” ร่างสูงหันมาตะคอก
“พวกข้าพระองค์เจอผู้บุกรุกพ่ะย่ะค่ะ เป็นชาวผิวขาว.....”
“พอได้แล้ว ไปพาตัวเขามาเดี๋ยวนี้”เควินพูดแทรกก่อนที่นายทหารคนนั้นจะพูดจบ อะไรบางอย่างบอกเขาว่านั่นคือคนที่เขาตามหา
“พ่ะย่ะค่ะ”แล้วกลุ่มทหารก็แหวกทางเผยให้เห็นร่างเล็กสีขาวถูกผูกติดอยู่กับม้า
“เฮ้ย นั่น”เควินอุทาน ก่อนจะถลาเข้าไปแก้มัดให้ร่างนั้น แล้วช้อนตัวอุ้มเข้ากระโจมไป
พลั่ก!โอ๊ย! คารินร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อถูกจับโยนลงบนเตียง
“ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง ยังไม่หายดีแท้ๆ ยังออกไปเดินเตร็ดเตร่อยู่อีก ดูสิเดี๋ยวก็ป่วยอีกหรอก” ร่างสูงบ่นๆๆแล้วหันไปสั่งกับนางกำนัลว่า
“พวกเจ้าไปเอาน้ำกับผ้ามา แล้วก็ออกไปซะ”
“ใคร? นายเป็นใคร? ที่นี่ที่ไหน? แล้วจับเรามาทำไม”คารินถามออกมาเป็นชุด
“ทีละคำถามก็ได้ ชั้นชื่อเควิน ที่นี่เป็นค่ายทหาร และที่จับมาก็เพราะต้องการ”เควินตอบแบบรวนๆ แล้วเอื้มมือไปหยิบอ่างน้ำมา
“ค่ายทหาร ของเมืองอะไร”
“ถามมาหจัง ก็ของกาบาเรี่ยไง”
กาบาเรี่ยน ไม่เห็นคุ้นหู เป็นเมืองแถบไหนนะ หรือว่าเป็นพวกที่บุกโรงเรียน ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่น่ะสิ คิดพลางใช้มือกุมมีดสั้นที่เหน็บไว้ตรงเอวแล้วเขยิบถอยออกมา เควินไม่พูดว่าอะไร เพียวแต่ยิ้มให้กับกิริยานั้น แล้วเขยิบร่างตามมาติดๆ
“นอนลงซะ”ร่างสูงสั่ง
“จะทำอะไร”คารินถามอย่างระแวง
“คิดว่าจะทำอะไรล่ะ” ร่างสูงค่อยๆโน้มหน้าลง
“นายใช่พวกที่บุกโรงเรียนรึเปล่า”
“ถ้าใช่ แล้วจะทำไม”
คารินหลับตาปี๋ด้วยความกลัว มือกลุ่มมีดสั้นไว้แน่น แล้วพลันก็มีสัมผัสเย็นๆมาโดนตรงหน้า
“ล้างหน้าซะ”พูดเสร็จก็เดินออกไป
เมื่อร่างสูงเดินลับออกไปแล้ว มือที่กุมมีดสั้นอยู่ก็ปลดออก แล้ววักน้ำขึ้นมาล้างหน้า เฮ้อ แย่จริงดันมาตกอยู่ในดงศัตรูซะได้ จะรอดไหมเนี่ยเรา
ซักพักอาหารก็ถูกยกมาวาง ท้องเจ้ากรรมอยู่ดีๆก็ร้องโครกคราก เมื่อนึกทบทวนดูเมื่อวานประชุมทั้งวันยังไม่ได้กินอะไรเลย วันนี้ตื่นมาก็ไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน สรุปไม่มีอะไรตกถึงท้องมาวันกว่าแล้ว กลิ่นอาหารค่อยๆโชยมาแตะจมูก เควินไม่คิดอะไรแล้วเสริมพลังงานไว้ก่อนดีกว่า
เมื่อสำรับถูกยกออไป ถ้วยใบใหญ่ในถาดสีเงินก็ถูกยกเข้ามา จากการพิสูจน์ทางกลิ่น มันคงไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ ยาพิษรึเปล่าว่า? คงไม่ใช่มั้งถ้าจะฆ่า คงฆ่าไปตั้งนานแล้ว
“นั่นอะไรหรอ”คารินถาม
“โอสถเพค่ะ”
“แล้วเอามาให้ใคร”
“ก็ให้เจ้านั่นแหล่ะ”เสียงเควินดังขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาในกระโจม คารินหน้าซีดลงทันที ยาตั้งถ้วยนึง แหวะอ๊วกจะแตก
“ครึ่งเดียวได้ไหม”คารินถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ไม่ได้ ต้องกินให้หมด”
“แต่.....”
“ไม่มีแต่ หรืออยากให้ป้อน เราจะป้อนให้ แต่ต้องเป็นทางปากนะ”ร่างสูงว่ามือก็ขยับจะไปหยิบถ้วยยา
“ตกลง ตกลง เราจะกินเอง”ว่าแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกนึง ก่อนจะยกถ้วยจรดริมฝีปาก แล้วกลั้นใจดื่มเข้าไปรวดเดียว ขมปี๋เลย นั่นคือรสชาติที่เขาได้รับ
“เก่งมาก”เควินเอ่ยปากชม แล้วหยิบถ้วยยาเปล่ากลับใส่ถาดเงินให้นางกำนัลยกออกไปส่วนคารินก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ
“นอนพักซะนะ” ร่างสูงว่าแล้วเดินออกไปอีก
เรื่องอะไรจะนอนอยู่เฉยๆล่ะ เมื่อเควินเดินออกไปได้ซักพัก คารินก็ค่อยๆเดินออกไปตาม แต่เมื่อเปิดผ้ากั้นออก ก็ได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันดัง เคร้ง!
นายทหารสองคนที่ยืนอยู่หน้ากระโจม เอาหอกมากั้นไว้ไม่ให้คารินออกไป “องค์เควินสั่งว่าห้ามเจ้าออกไปไหน”
คารินอ้าปากค้าง ทำงี้ได้ไง มากักขังกันแบบนี้ ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมหรอก แต่ก็เดินกลับเข้ามานั่งดีๆ
พลันความคิดดีๆ ก็ปิ๊งแวบเข้ามาในหัวสมอง เมื่อออกทางดีๆไม่ได้ ก็มุดออกด้านข้างซะ ก็สิ้นเรื่องเมื่อคิดได้แล้วจะรอช้าอยู่ไย ปฏิบัติการเลย
แล้วร่างเล็กของคารินก็ค่อยๆมุดออกทางด้านข้ากระโจม แต่ยังไม่ทันได้มุดออกมาทั้งตัว ร่างครึ่งหลังที่ยังอยู่ในกระโจม ก็โดนใครซักคนลากกลับเข้ามา
คนที่ลากคารินเข้ามาเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ พอๆกับเควิน มีผิวสีดำแดง ข้างๆนั้นมีชายหนุ่มร่างโปร่ง เตี้ยกว่าคนแรกและมีผิวขาวเหลืองดูสวยแปลกตา
“ข้าพระองค์ชื่อเอ็ดมันพ่ะย่ะค่ะ” ชายคนที่ลากคารินเข้ามาพูด
“ส่วนข้าพระองค์ ปีเตอร์” ชายที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้นบ้าง
"ข้าพระองค์ทั้งสองได้รับคำสั่งให้มาดูแลท่านคารินพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดมันพูด
โธ่แย่เลย แล้วจะหนียังไงดีละเนี่ย คารินคิดอย่างอับจน
*---------------------------------------------------------------------------------*
มาอัพแล้วจ้าทุกๆคน ในที่สุดก็ยาวกว่าเดิม ถึงจะไม่ยาวมากมายก็เถอะ แต่ก็พยายามเต็มที่แล้วนะ ได้โปรดเมนท์กันหน่อยน้าจ๊ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น