คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ค่ำคืนที่ 2 ตัวผมในโลกนี้(?)[แก้คำ18/1/2559]
ค่ำคืนที่ 2 ตัวผมในโลกนี้(?)
“ไง”
เขาทักทายอีกรอบเมื่อเห็นผมไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้
“เหวอ!!”
ผมเผลอร้องออกมาและกระเถิบถอยห่างอย่างรวดเร็ว “นายเป็นใครน่ะ!!?” เขาหน้าตาเหมือนผมเลยทั้งผมสีดำสนิท
ใบหน้าสวย(?) และนัยน์ตาสีม่วงองุ่นแดง
เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับที่ผมใส่อยู่ตอนนี้
ทั้งที่เหมือนผมทุกอย่างแต่ทำไมเวลายิ้มเขาดูดีกว่าผมล่ะ โอ้ย แสบตา!
“ถามอะไรแปลกๆ ฉันก็คือนายยังไงล่ะ ตกใจอะไรกัน”
เขาหัวเราะเบาๆ
“ความจริงแล้วคนที่ต้องตกใจควรจะเป็นฉันมากกว่านะ”
เขาส่งยิ้มร่าเริงก่อนจะพูดต่อ “จู่ๆ
นายก็โผล่มาจากอีกโลกหนึ่งแล้วแย่งร่างฉันไปแบบนี้ ฉันตกใจแย่เลยนะรู้ไหม?” คำพูดของเขาทำผมสะอึก
“...ขอโทษ” ผมหลุบตาลงต่ำและพูดเสียงอ่อยด้วยความสำนึกผิด
ไม่คิดว่านอกจากผมจะทำผิดกับโลกแล้วผมยังทำผิดกับตัวเองด้วย เอ๊ะเดี๋ยว
ไอ้พื้นนี่มันอะไรกัน?
ผมมองไปยังพื้นใสด้านล่าง
ความเย็นที่สัมผัสได้ตามร่างกายราวกับกำลังสัมผัสกับน้ำโดยมีพลาสติกแผ่นบางกั้นอยู่
ส่วนรอบกายเป็นสีขาวโพลนยาวออกไปอย่างไร้ขอบเขต
“ที่นี่ที่ไหน?”
“บอกตามตรงฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
พอตื่นขึ้นมาก็อยู่ที่นี่แล้ว แต่คิดว่าอาจจะเป็นทางเชื่อมของโลกทั้งสองก็ได้”
“แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“นายลอยขึ้นมา” เขาชี้ไปยังจุดที่ผมตื่นขึ้น
ลอย? ผมเอามือสัมผัสกับพื้นเย็นเฉียบ มันสามารถยืดหยุ่นตามแรงกดของมือได้ราวกับเยลลี่
“นายไม่ต้องขอโทษหรอก อันที่จริงฉันเองก็หา The Night Sombra อยู่เหมือนกัน สงสัยมันจะส่งผลไปถึงนายนะ หึหึ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตรงหน้าผม
“อะไรนะ เดี๋ยวๆ
ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่านายเป็นคนทำให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นงั้นเหรอ ทำไม?”
“ก็เพราะว่ามันน่าเบื่อเกินไปน่ะสิ
ชีวิตที่นี่น่ะสำหรับนายมันอาจจะดูน่าสนใจ อาจจะดูน่าสนุก
แต่สำหรับคนที่เกิดมาในโลกแห่งความฝันตั้งแต่ต้นน่ะ พลังพิเศษมันก็แค่สิ่งที่สืบทอดต่อกันมาในครอบครัว
มอนสเตอร์ต่างๆ ก็เป็นแค่สัตว์ธรรมดาๆ พืชก็เป็นแค่พืช
ภารกิจก็เป็นเหมือนภาระงานที่ต้องทำเพื่อคะแนนและเก็บประสบการณ์ไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้น”
เขาหยุดพักครู่หนึ่ง
“ฉันได้ความทรงจำของนายบางส่วนแล้วล่ะ
โลกของนายน่าสนใจจริงๆ ไอ้ที่เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ นั่นมันมีไว้ทำอะไรกันแน่น่ะ?
ฉันเห็นคนของโลกความจริงเอามันมาทาบหูแล้วก็พูดกับมันด้วยล่ะ
มันเป็นสิ่งมีชีวิตงั้นเหรอ มันกินอะไรล่ะ? แล้วก็นั่นอีก ไอ้กล่องสี่เหลี่ยมใหญ่ๆ
บางๆ น่ะ ผู้คนสามารถเข้าไปอยู่ในนั้นได้ด้วยเหรอ มันเป็นเวทมนตร์สายไหนกัน
น่าสนใจจริงๆ !!” เขาค่อยๆ คลานเข้ามาหาในขณะที่ปากก็ยังทำงานไม่หยุด
ท่าทางดูกระดี๊กระด๊าเกินหน้าเกินตาจนผมยังต้องถอยหนี
พูดมากจริง
“ฉันได้ยินที่นายคิดนะ” คำพูดของเขาทำผมสะอึก
“ไม่แปลกหรอกที่นายจะคิดว่าฉันไม่เหมือนกับนาย
ทั้งๆ ที่ฉันก็คือนาย ตัวตนในโลกแห่งความฝันของทุกคนน่ะ
ความจริงแล้วเป็นส่วนลึกของตัวตนในโลกแห่งความจริง”
“หมายความว่าไง?”
“ก็หมายความว่าฉันเป็น ‘ตัวตนที่แท้จริง’ ของนายยังไงล่ะ
แต่เป็นตัวตนที่นายเลือกที่จะปิดกั้นมันเอาไว้”
ปิดกั้นงั้นเหรอ
“ถามหน่อย
นายใช้ชีวิตยังไงในโลกนี้เหรอ แล้วพลังพิเศษของเราคืออะไร จริงสิ
ฉันยังไม่รู้เลยว่าป่าทมิฬมันอยู่ที่ไหนน่ะ” ผมยิงคำถามรัวๆ
“ฮ่ะๆๆ ใจเย็นน่า คำถามแรก ฉันก็เหมือนกับนาย
พอแม่เสียไปพ่อก็เริ่มไม่อยู่บ้านและทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียว ส่วนสังคมเพื่อนก็ไม่ค่อยมีหรอก
นอกจากเจ้าฝาแฝดจอมป่วนคู่นั้นน่ะ”
“แม่ของฉันยังไม่เสียนะแค่แยกทางกับพ่อเฉยๆ ”
ผมขัดขึ้น พอได้ยินประโยคนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมมั่นใจว่าท่านยังไม่เสีย
ถึงแม้จะไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้วแต่หากเสียใปจริงๆ ก็ควรจะมีข่าวคราวอะไรมาบ้าง
“จริง...จริงเหรอ?”
เขาถามผมด้วยสีหน้าเหลือเชื่อสุดๆ ผมพยักหน้าแทนคำตอบ เขาหลุบตาต่ำลงราวกับครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ
สำหรับคำถามที่สองฉันว่านายน่าจะเรียนรู้ด้วยตัวเองน่าจะดีกว่านะ”
เขาพยักหน้ากับตัวเองเป็นเชิงว่า ‘แบบนี้แหละดีแล้ว’
เส้นเลือดบนขมับของผมกำลังเต้นตุบๆ
“ฮ่ะๆ อย่าเพิ่งโมโหน่า ฉันขี้เกียจอธิบายน่ะ
อีกเดี๋ยวนายก็รู้จะเอง ส่วนคำถามที่สาม นายควรจะไปถามแม่สาวที่ชื่อฟลอร่านะ” เขาบอกหน้าตาย
เส้นเลือดบนขมับกำลังเต้นแรงมากขึ้นและมีจำนวนมากกว่าเดิม
“ฮ่ะๆๆ ยังไงก็ฝากตัวด้วยก็แล้วกัน”
เขายื่นมือมาข้างหน้า
“อา” ทันทีทีผมสัมผัสกับมือเขา
พื้นน้ำรอบตัวก็ขยับเป็นระลอกคลื่น ก่อนที่น้ำกลุ่มหนึ่งจะค่อยๆ
มารวมตัวกันตรงหน้าของพวกเรา
หนังสือ The Night Sombra ปรากฏขึ้น
“มันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”
ผมเอื้อมมือไปหยิบมันมาแล้วเปิดดู อีกฝ่ายเขยิบตัวเข้ามาอย่างสนใจ
ตัวหนังสือ!! มันมาได้ยังไงกันนะ?
หน้ากระดาษที่เคยว่างเปล่าถูกแทนที่ด้วยตัวหนังสือมากมาย
ผมเปิดไปเรื่อยๆ พร้อมกับอ่านข้อความคร่าวๆ
ผมเริ่มจัดชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยเอกสารต่างๆ
มากมาย บางทีก็สงสัยเหมือนกันว่าพ่อของผมทำอาชีพอะไรกันแน่
เขามักจะไม่อยู่บ้านเป็นเวลานาน แต่พอกลับมาทีก็จะมีของแปลกๆ มาประดับบ้านอยู่เสมอ
เวลาของเขาส่วนใหญ่เสียไปกับการหมกตัวอยู่ในห้องทำงาน
โดยที่ผมไม่เคยรู้เลยว่าเขานั่งทำอะไร ไม่ว่าจะถามกี่ครั้งก็เอาแต่บอกว่าวิจัยๆ
แล้วก็ไล่อย่างกับหมูกับหมา
นี่มัน
“ฉันต้องการทดสอบเธอจะทดสอบว่าเธอมีคุณสมบัติพอที่ฉันจะสอนหรือเปล่าก็เท่านั้นล่ะ
วิชาพฤกษศาสตร์ของฉันจะไม่จบแค่การที่นักเรียนรู้จักพืชแค่ครึ่งๆ กลางๆ ”
เรื่องราวของผมนี่
ผมเปิดไปยังหน้าที่ตัวหนังสือสิ้นสุดลง
“สวัสดี”
“สวัสดี”
คำว่าสวัสดีปรากฏขึ้นพร้อมๆ
กับการกล่าวสวัสดีของตัวผมอีกคน
“โฮ่ ไอ้หนังสือนี่น่าสนใจไม่เบาเลยนี่นา” เขาคว้าหนังสือไปเปิดดูและเปิดไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงหน้ากลาง
“เดี๋ยวๆ หยุดก่อน”
ผมยกมือห้ามเขาก่อนจะหยิบหนังสือกลับมา
“ภาษาโบราณเปลี่ยนไป”
ผมพึมพำพร้อมกับมองหน้ากระดาษด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“นี่มันภาษาโอเรนช์นี่” เขาพูดอย่างตื่นเต้น
“นายรู้จักด้วยเหรอ?”
“อืม
วิชาเสริมอีกวิชาที่ฉันเรียนก็คือวิชาภาษาโบราณน่ะ นี่เป็นภาษาที่ฉันเพิ่งได้เรียนเมื่อวันก่อนนี่เอง”
เขาตอบ
“มันอ่านว่ายังไง?” น่าแปลก
ทั้งที่ตอนนั้นผมอ่านออกตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแต่ตอนนี้กลับอ่านไม่ออกแม้แต่นิดเดียว
แสดงว่าที่อ่านออกตอนนั้นเป็นเพราะอิทธิพลจากตัวผมในโลกแห่งความฝันนี่เองสินะ
เขาพินิจตัวหนังสือเหล่านั้นก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
และพูดสำเนียงแปลกๆ ออกมาเป็นสำเนียงที่คุ้นเคยอย่างประหลาดทว่ายังไม่ทันหายมึน
พื้นรอบๆ ตัวมันก็ยุบลงพร้อมดูดกลืนร่างของผมลงไปอย่างช้าๆ “เหวอ นายทำอะไรน่ะ!!?”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นคาถารวมจิตน่ะ”
เขาหันมาตอบผมด้วยสีหน้ายิ้มระรื่นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นทุกข์ร้อนอะไรสำหรับเขา
สายตาของเขานั้นแฝงด้วยความรู้สึกมากมายทั้งยินดี เศร้าหมองและเวทนา
“คาถารวมจิต!!? แล้วยังไงต่อล่ะ
นายช่วยฉันหน่อยสิ” ผมพยายามดิ้นตะเกียกตะกาย
ตอนนี้ร่างของผมจมไปมากกว่าครึ่งแล้ว ข้างใต้พื้นใสๆ นั่นเย็นเฉียบราวกับกำลังถูกแช่แข็งที่อุณหภูมิติดลบหลายองศา
“รู้หรือเปล่า
ว่าทำไมนายถึงไม่ถูกส่งมาที่นี่ก่อนที่จะไปยังโลกแห่งความฝัน” เขาค่อยๆ
ลุกขึ้นยืนก่อนจะมองมาที่ผม สายตาหลากความรู้สึกนั่นทำให้รู้สึกว่างเปล่าชอบกล มุมปากเขากระตุกขึ้นจนกลายเป็นรอยยิ้มหยันที่ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะสามารถยิ้มได้ชั่วร้ายแบบนี้มาก่อน
“นั่นก็เพราะมันคือเงื่อนไขของเวทย์นี้ยังไงล่ะ ใครร่ายเวทย์ก่อนคนนั้นครอบครอง ฉะนั้นฉันได้เป็นคนควบคุมร่างกาย...ถือว่าหนึ่งวันนี้เป็นค่าชดเชยสำหรับการเสียเวลาของนายก็แล้วกัน”
อีกฝ่ายยิ้มเย็นเป็นการบอกลา
ผมมองเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อ นี่ผมถูกตัวเองหักหลังงั้นเหรอ!!?
ภาพของตัวเองอีกคนค่อยๆ เลื่อนออกไป
ภาพรอบด้านเริ่มกลายเป็นสีดำมืด ทว่ารอยยิ้มสุดท้ายนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจ เสียงสวดมนต์ดังระงมอยู่ในโสตประสาทสลับกับเสียงพูดคุยของผู้คนมากมาย
ผมเห็นเงาสีดำจำนวนมากค่อยๆ คืบคลานเข้ามาผ่านทางเปลือกตาที่ปิดไม่สนิท
ผมพยายามดิ้นทุรนทุรายทว่าร่างกายกลับหนักอึ้ง ทั้งเย็นเยียบ หนาวเหน็บและอึดอัดราวกับถูกหินทับ
หายใจไม่ออก
ผมกำลังจะตาย
“อ๊ากกก” ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเอง
ความอึดอัดเมื่อครู่ยังคงติดค้างอยู่ในความรู้สึก ผมมองไปรอบๆ
พร้อมกับพยายามปรับลมหายใจให้ช้าลง
เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ผมลุกออกจากเตียงและเดินไปทางหน้าต่าง
เมื่อครู่ผมเพิ่งจะถูกตัวเองหักหลังและน่าจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนในโลกแห่งความฝันแต่นี่…ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย
ผมเอื้อมมือจะไปเปิดผ้าม่าน
“ไม่ได้หักหลังสักหน่อย” ผมสะดุ้งก่อนจะหันไปหาต้นเสียงและพบกับตัวเองอีกคนกำลังนั่งอยู่บนเตียง
“นาย! นายมาที่นี่ได้ยังไง!!?”
ผมชี้หน้าเขา ร่างบนเตียงยิ้มขำก่อนจะตอบ
“แค่แวะมาเท่านั้นแหละ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญกลับไปได้แล้วล่ะ”
อีกเสียงหนึ่งขัดขึ้นเรียกความสนใจของผมให้หันไปทางตู้เสื้อผ้าทางด้านซ้ายและเห็นเงาของตัวเองในกระจกกำลังยิ้มอยู่ทั้งที่ตอนนี้มั่นใจได้ว่าตัวเองคงยิ้มไม่ออกแน่ๆ
ตัวผมในกระจกขยับลุกขึ้นก่อนจะยื่นแขนข้างหนึ่งออกมาจากกระจก
ทว่าแขนนั้นกลับกลายเป็นสีดำ
ขณะนั้นแขนอีกข้างก็ค่อยๆ ตามมา ผมถอยหลังจนไปชนกับโต๊ะเขียนหนังสือในขณะที่ร่างนั้น ค่อยๆ ลอดออกมาจากกระจก
ตัวของเขากลายเป็นสีดำสนิท ดวงตากลมๆ สีขาวโพลนว่างเปล่าลึกโหล
รอยยิ้มชั่วร้ายที่ประดับใบหน้ากับบรรยากาศที่หนักอึ้งทำให้เอาขนลุกไปทั่วร่างกาย
“สวัสดีอีกครั้ง ลูซ
อิวิลเลฮ์” ร่างสีดำกล่าวทักทายเสียงเย็น
“นายเป็นใคร?” ตอนนี้สติผมแทบจะบินออกจากร่าง
ผมโคตรไม่เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเลยสักนิด
ร่างสีดำที่ออกมาจากกระจกเป็นใคร แล้วไอ้คนที่หน้าตาเหมือนผมจริงๆ แล้วมันเป็นใคร
หรือแม้แต่ตอนนี้ผมอยู่ไหนแล้วก็เกิดอะไรขึ้นผมเองก็ยังไม่รู้เลย
“ถามแปลกๆ อีกแล้วนะ เราเพิ่งพบกันไม่ใช่เหรอ?”
ร่างสีดำกล่าวกับผมอีกครั้ง ก่อนจะเบือนหน้าไปทางคนที่นั่งสบายใจเฉิบอยู่บนเตียง
“คนที่ควรจะถามว่า ‘นายเป็นใคร’ ฉันว่าน่าจะเป็นนายคนนั้นมากกว่านะ”
ร่างสีดำพยักพเยิดไปทางคนที่นั่งยิ้มอยู่บนเตียงซึ่งหัวเราะอย่างเสแสร้งก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก
“จำกันไม่ได้แบบนี้ใจร้ายจัง”
ทันใดนั้นร่างสีดำกระโจนเข้าไปปล่อยหมัดอย่างรวดเร็ว
ทว่าร่างที่นั่งยิ้มอยู่กลับกลายเป็นหมอกสีดำไปเสียก่อนทำให้หมัดพลาดไปโดนเตียงจนหักเป็นสองท่อน
ตู้ม!!
“เล่นแรงจังเลยนะ” เสียงลึกลับดังขึ้น ในขณะที่กลุ่มหมอกสีดำรวมตัวกันเป็นม้าสีดำสนิท
“คืนนี้ฉันสนุกมากเลยล่ะ แล้วฉันจะแวะมาอีกบ่อยๆ นะลูซ...ก่อนไปก็ขอฝากฝันดีๆ
ให้เป็นของขวัญก็แล้วกัน” สิ้นเสียงระรื่นของม้าปีศาจ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มบิดเบี้ยว
ของเหลวสีแดงสดค่อยๆ ไหลออกมาจากร่องเพดานไม้หล่นใส่ตัวผมราวกับห่าฝนก็ไม่ปาน
“ละ เลือด!!!”
ผมอุทานพร้อมกับมองมือของตัวเองก่อนจะเงยหน้า กำแพงค่อยๆ ละลายเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่นอกกำแพง
ทันใดนั้นเสียงผู้คนกรีดร้องอย่างทรมารก็ดังระงมไปทั่ว นอกกำแพงนั้นมีผู้คนมากมายนอนจมกองเลือดอยู่
พวกเขาพยายามจะตะเกียกตะกายเข้ามาพร้อมกับกรีดร้องขอชีวิต
ภาพสยดสยองทำให้ผมแทบจะหายใจไม่ออก จวนจะอาเจียน
เนื้อตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้อยากจะออกไปให้ไกลแต่ก็ทำไม่ได้เช่นกัน
ครั้นจะเบือนหน้าหนีเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นก่อน
“ฝีมือของนายยังไงล่ะ” เสียงลึกลับกระซิบข้างหู
ผมตวัดสายตาไปหาต้นเสียงแต่ก็พบกับความว่างเปล่า สายตาเลื่อนจากภาพนอกกำแพงนั่นลงมายังมือของตัวเอง
ฝีมือของ...ผม?
“ไม่จริง ไม่จริง!!!” ความสับสนและความหวาดกลัวประดังเข้ามาในจิตใจ
มือสองข้างยกขึ้นกุมหัวด้วยหวังว่ามันจะช่วยปกป้องอะไรได้บ้าง
ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ขอร้องละเอามันออกไปที!
“ใจเย็นน่า”
ร่างสีดำคุกเข่าลงตรงหน้าก่อนจะยื่นมือมา “จับมือฉันไว้สิ”
“เจ้านั่นมันก็แค่ฝันร้ายที่เข้ามาแทรกเท่านั้น
เดี๋ยวฉันจะไล่มันเอง” ร่างสีดำกล่าวช้าๆ อย่างอ่อนโยน
ผิวสีดำเริ่มหลุดออกจากตัวเผยให้เห็นผิวคนปกติที่อยู่ข้างใน เขาไม่รอช้ารีบคว้ามือผมไปทันที
สำเนียงประหลาดดังขึ้นจากปากของเขาอีกครั้งหนึ่ง
“จากนี้รวมเป็นหนึ่ง เมื่อครู่ต้องขอโทษด้วยที่จู่ๆ
ก็ร่ายคาถาออกมา ความเข้าใจผิดของฉันทำให้เราทั้งคู่เกือบต้องตาย
ขอโทษด้วยนะ” เขากระซิบและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ
กลายเป็นสีขาว
ความทรงจำกำลังไหลเข้ามา เป็นความทรงจำของตัวเองที่อยู่ในโลกแห่งความฝัน
ผมเห็นตัวเองออกไปทำภารกิจกับคู่ฝาแฝด แล้วก็ออกไปทำภารกิจง่ายๆ คนเดียว ได้เห็นการใช้ชีวิตที่ผ่านๆ
มา รวมถึงความรู้ที่เคยได้รับมาทั้งหมดด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างไหลเข้ามาเหมือนสายน้ำ
บางอย่างก็เลือนรางแล้วก็ขาดๆ หายๆ แต่บางอย่างก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง ภาพทุกอย่างค่อยๆ
เลื่อนผ่านไปเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนภาพยนต์เรื่องหนึ่งและเมื่อภาพยนต์จบลงผมก็ตื่นขึ้น
!!!
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้องตัวเองอีกครั้งและพยายามอ้าปากหายใจจู่ๆ
ก็ปวดหัวจี้ดขึ้นมา ผมนอนอีกสักพักให้อาการทุเลาลงก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาดู
ไม่มีเลือด
ผมค่อยๆ ลุกไปเปิดหน้าต่างรับอากาศยามเช้า
แต่ก่อนที่มือจะเอื้อมไปเปิดผ้าม่านนั้นผมก็หันกลับไปด้านหลังทันทีด้วยความหวาดผวาว่าจะมีใครสักคนมานั่งสบายใจอยู่บนเตียงหรือเปล่า
แต่เตียงยังคงว่างเปล่า ทำให้ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่งออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเปิดม่านรับแสงแดดยามเช้า
วันอันแสนธรรมดาของผมเริ่มต้นอีกครั้ง
เมื่อคืนผมได้เจอกับเรื่องมหัศจรรย์ต่างๆ มากมาย
ทั้งเรื่องน่าดีใจ น่าตื่นเต้น และน่ากลัวพร้อมๆ กัน
แต่เรื่องทั้งหมดมันเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นเมื่อผมตื่นจากความฝัน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้จากความทรงจำนั่นก็คือ...
ในโลกแห่งความฝันผมดำเนินชีวิตในฐานะผู้ไร้พลังพิเศษ
ความคิดเห็น