คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Oleander's Felony ❤ } 8 : Okinawa
8
Okinawa
สามวันผ่านไป
“เอ้า แบกกันดีๆ ล่ะ กระเป๋านั่นแพงนะ หลุยส์ วิตตอง เชียวนะยะ” เสียงของฮารุบ่นกับคนขับรถ แต่น่าเสียดายหน่อยๆ ที่เขาไม่ใช่ฮิบาริ เพราะวันนี้โยโกะบอกให้นั่งรถตู้ไป ความซวยทั้งหมดจึงตกอยู่ที่คนขับรถวัยสี่สิบกว่าทันใด
ส่วนฮิบาริน่ะเหรอ... เขากำลังนั่งจิบกาแฟสบายใจเฉิบอยู่ในห้องรับแขก เพราะเขามั่นใจว่ากระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ของเขาปลอดภัยจากการประทุษร้ายของยัยฮารุแล้ว แหล่งข่าวที่เขารู้มาก็คือโยโกะนั่นเอง เบื้องหน้าของฮิบาริคือแลปท็อปสีดำแพงระยับของแอปเปิ้ล
เขาจำเป็นต้องหอบแลปท็อปนี่ไปด้วยเพราะถ้าเผื่อมีคนแจ้งข่าวสำคัญมาจะได้ไม่พลาด และจริงๆ แล้วเขาไม่ค่อยอยากไปเที่ยวสักเท่าไหร่หรอกนะ
“เอ่อ... ฮิบาริซัง เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ ขึ้นรถกันเถอะ” โยโกะที่เดินมาตามฮิบาริให้ไปขึ้นรถได้แล้วเอ่ยขึ้น เธออึกอักนิดหน่อยเพราะเรื่องด่วนที่แจ้งเข้ามาเมื่อกี้พอดี
“-_-” ฮิบาริปิดแลปท็อปและลุกขึ้นเดินออกจากประตูคฤหาสน์เพื่อขึ้นรถตู้ แต่พอประตูเปิดเขาก็ต้องชะงักกึกทันที เพราะมีฮารุนั่งอยู่แถวแรกของรถตู้
“ไปนั่งแถวสองนู่นไป ตรงนี้ให้พี่สาวนั่ง ห้ามนั่งข้างฉันเด็ดขาด รังเกียจ -_-+” ฮารุรีบพูด
“อย่าว่าแต่เธอ ฉันก็ ‘ขยะแขยง’ เธอเหมือนกัน” รู้สึกว่าคำตอกกลับของฮิบาริจะแรงกว่านะ
“กรี๊ด!! ไอ้บอดี้การ์ด!” ฮารุกรีดร้องเสียงดังเมื่อไม่สามารถโต้ตอบได้
“-_-” ฮิบาริที่นั่งอยู่บนเบาะแถวสองของรถตู้เรียบร้อยแล้วไม่ตอบอะไร เพราะขี้เกียจจะพูดกับฮารุเต็มที
ตึกๆๆ
เสียงวิ่งทำให้ฮารุหันไปมอง แล้วก็พบว่าเป็นโยโกะนั่นเอง ส่วนฮิบาริ... เขายังนั่งหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างอยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ
...ชิ อีตาขี้เก๊ก L
ฮารุแอบก่นด่าเขาในใจ และหันไปมองโยโกะที่หอบแฮกอย่างเป็นห่วง
“โทษทีนะทั้งสองคน ล่วงหน้าไปก่อนละกัน เดี๋ยวพี่ขับตามไป พอดีพี่ลืมจัดกระเป๋าน่ะ แหะๆ” โยโกะยิ้มแหยๆ เตรียมรับคำด่าจากปากน้องสาว
“หา!! ว่าไงนะพี่สาว! ทำไมพี่ขี้หลงขี้ลืมอีกแล้วฮะ! เราจะไปเที่ยวก็ต้องรีบจัดกระเป๋าไว้ก่อนสิ! เวลามีตั้งสามวันทำไมไม่จัดล่ะ!! แว้ดๆๆๆ!!” ฮารุที่รู้แล้วรีบบ่นทันที
“หุบปาก” แต่เสียงด่าที่ดังมาจากข้างหลังทำให้เธอต้องรีบปิดปากฉับทันที และพอรู้ตัวว่าใครเป็นคนด่า ปากของเธอก็เปิดขึ้นอีกครั้ง... ระเบิดปรมาณูลูกใหญ่ออกมาจากปากเธอแล้ว!
“แว้ดๆๆๆ @#%^&*%^#@^” แต่คราวนี้จุดหมายไม่ใช่โยโกะ จุดหมายของเธอคือไอ้คนที่นั่งทำหน้ารำคาญสุดขีดอยู่ข้างหลังนั่นต่างหาก
“หุบปาก หรือว่าอยากโดนขย้ำ!!” ฮิบาริพูดและทำท่าจะหยิบทอนฟาออกมา นั่นทำให้ฮารุสงบปากสงบคำได้... แป๊บหนึ่ง
และเธอก็เปิดปากต่อ “เอาเป็นว่าพี่สาวรีบจัดของและตามมาเร็วๆ นะคะ ฮารุไม่อยากอยู่กับไอ้คนข้างหลังนานๆ L” คำพูดของเธอทำให้ฮิบาริที่ปกติจะไม่ค่อยพูด แต่ขย้ำเลยหันขวับมามองตาเขียวทันที
“หุบปากเน่าๆ ของเธอซะ ยัยสัตว์กินพืช” เขาด่าเธอด้วยภาษาที่ไม่หยาบคาย แต่มันจี๊ดมากสำหรับฮารุ
“นี่!! นายนั่นแหละหุบปาก! ไอ้บอดี้กิ้งก่า!” คราวนี้ในที่สุดฮารุก็คิดหาคำที่จะด่าเขาออกซะที
“ว่าไงนะ!” ฮิบาริถามเสียงเย็น เขาทำท่าจะชักทอนฟาออกมา ทว่าโยโกะที่ไร้บทมานานก็ขัดขึ้น
“พอเถอะทั้งสองคน เดี๋ยวพี่จะรีบเก็บกระเป๋าและขับรถตามไปให้ทัน... ออกรถได้เลย” ประโยคหลังเธอหันไปสั่งกับคนขับรถที่นั่งตัวแข็งทื่ออย่างเกรงกลัวฮิบาริกับฮารุสุดๆ
บรื้นนนน
รถตู้คันใหญ่ราคาสูงลิ่วออกตัวนิ่มๆ ผ่านประตูรั้วขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ออกไป ในขณะที่โยโกะเดินกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง เธอมองไปที่เตียงนอนของเธอ
...บนนั้นมีกระเป๋าใส่เสื้อผ้าขนาดใหญ่ที่จัดไว้พร้อมอยู่แล้ว
“ขอโทษนะทั้งสองคน มันเป็นความต้องการของคุณพ่อน่ะ ขอโทษด้วยนะที่ต้องหลอกลวง” เธอพึมพำเบาๆ และเดินไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์สุดหรูของเธอ
บนรถตู้ที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ
ฮารุที่นั่งใส่เฮดโฟนฟังเพลงจากไอพอดของเธออยู่กระสับกระส่ายอยากรู้ความเป็นไปของศัตรูเต็มที่ เธอคิดมานานว่าอยากจะลองแอบชะโงกหน้าไปมองซะหน่อย เผื่อว่าหลับ จะได้ปล่อยลงกลางทาง
คิดอยู่สักพักเธอก็ค่อยๆ คุกเข่าขึ้น และหันหน้าไปข้างหลังซึ่งฮิบารินั่งอยู่
“หันมาทำไม ยัยสัตว์กินพืช -*-“ และนั่นคือคำตอบที่ได้ว่าเขาหลับหรือไม่
“เชอะ ไม่ได้อยากมองนักหรอก หน้าตาขี้โกงโหดเถื่อนของนายน่ะ แค่อยากดูว่าหลับหรือยังเท่านั้นแหละ เผื่อจะได้จับไปขายซะ รกหูรกตาจะตายไป” เธอตอบหลังจากรีบลนลานกลับมานั่งแล้ว
“งั้นก็อย่าหันมา ฉันเสียดายลูกตา” เสียงของฮิบาริดังลอยมาจากด้านหลัง เป็นเหตุทำให้ฮารุกระเด้งตัวลุกขึ้นหันหลังไปชี้หน้าด่าเขาทันที
“หน็อย นายจะด่าฉันว่าหน้าตาไม่ดีใช่มั้ยยะ!” ฮารุเริ่มปรี๊ดแตก
“เธอพูดเอง ยัยโง่” แต่ฮิบาริไม่สนใจ เขายังคงด่าฮารุหน้าตาเฉย
“นายคิดว่านายหน้าตาดีมากเลยงั้นเรอะ” ฮารุถามลองเชิง เพื่อคำนวณว่าเขาจะตอบกลับมาว่าอะไร
“ดีกว่าเธอ... เยอะ” แต่คำตอบของเขาทำให้เธอหน้าหงายเลยทีเดียว
“เฮอะ ไอ้หลงตัวเองเอ๊ย” ประโยคนี้ฮารุพยายามด่ากระแทกหน้าฮิบาริ แต่เขากลับยกมือปิดปากหาวเป็นคำตอบแทน
“ฮ้าว”
ปึ้ด!
อย่าตกใจว่าเสียงอะไร เสียงนี้คือเสียงเส้นความอดทนของฮารุขาดผึงนั่นเอง
“อ๋อ นายคิดว่าเดี๋ยวนี้จะดื้อกับคุณนายได้สินะ ด้ายยย ฉันจัดให้!” ฮารุทำท่าจะควักมือถือของเธอออกมา ฮิบาริเห็นท่าไม่ดีเลยรีบคว้าเจ้าแบล็กเบอรี่เจ้าปัญหาของฮารุไว้ก่อน
“เฮ้ย เอามานะ L” ฮารุที่นั่งคุกเข่าหันหน้าไปทางด้านหลังพยายามโน้มตัวไปเอาแบล็กเบอรี่ของเธอคืน แต่ฮิบาริก็เก็บมันลงกระเป๋าเสื้อของเขาไปเสียแล้ว
“เธอไม่จำเป็นต้องใช้มัน” เขาว่าหน้าตาย
“ฮึ่ย เอามานะเฟ้ย เกิดเคียวโกะจังพินมาจะทำไงล่ะ L” เธอเริ่มหงุดหงิด
“...ช่างหัวเธอ -_-“ คำตอบของเขาช่างเป็นคำตอบที่น่าฟังเหลือเกิน
“กรี๊ด ไอ้...!!” ระหว่างที่ฮารุกำลังจะอ้าปากแว้ดอีกครั้งนั้นเอง เสียงคนขับรถที่น่าสงสารก็ขัดขึ้นมา
“ถะ... ถึงสนามบินแล้วครับคุณหนู ฮิบาริซามะ TOT;;” เขาพูดเสียงสั่นๆ
“ถึงแล้วเหรอ? งั้นก็แบกไปสิ กระเป๋าฉันน่ะ อย่าต้องให้อารมณ์เสีย -_-^” ฮารุที่กำลังเก็บกดจากความพ่ายแพ้สงครามน้ำลายต่อฮิบาริเริ่มระบายความแค้นกับคนขับรถรุ่นพ่อที่แสนน่าสงสาร
การเดินทางไปยังโอกินาวานั้นมีหลายตัวเลือก แต่สำหรับยัยคุณหนูเลือกมากฮารุก็คงมีแค่เจ็ทลำใหญ่ส่วนตัวที่จอดอยู่ที่สนามบินเท่านั้นล่ะ
ลุงคนขับที่น่าสงสารต้องแบกกระเป๋าหลุยส์ขนาดใหญ่เท่าตู้เย็นไปขึ้นเจ็ท ทั้งๆ ที่มันก็มีล้อลาก แต่ด้วยความหงุดหงิดและกลัวกระเป๋าลูกรักจะเป็นอะไรไป ฮารุเลยสั่งให้แบกมันซะ และไม่ใช่แค่กระเป๋าของฮารุเท่านั้น ยังมีกระเป๋าสีดำใบใหญ่ของฮิบาริพ่วงมาด้วย งานนี้ถึงจะลากได้ แต่มันเป็นกระเป๋าของ DKNY ถ้าล้อลากมีรอยแม้แต่นิดเดียวสงสัยเขาคงไม่ได้มีโอกาสเห็นหน้าหลานเป็นแน่แท้
...ลำพังกระเป๋าคุณหนูฮารุก็มีตั้งสามใบแล้ว ยังมีกระเป๋าของฮิบาริซามะอีก ตายแน่งานนี้
คนขับรถผู้น่าสงสารได้แต่ครางหงิงๆ พร้อมบ่นในใจ เพราะถ้าปริปากพูดออกไปในสถานการณ์ที่ทั้งสองคนเพิ่งหงุดหงิดหลังจากการทะเลาะกันมาแบบนี้เขาคงจะโดนรุมสกรัมเละใต้ฝ่าเท้า
หลังจากคุณคนขับผู้โชคร้ายวางกระเป๋าทั้งหมดไว้ในเจ็ทแล้ว เขาก็ออกมานั่งที่เก้าอี้ด้านนอก จริงๆ เขาอยากจะกกลับไปนอนเหลือเกิน แต่มันติดที่ว่าคุณหนูฮารุสุดเลิฟของเขาดันขัดขึ้นมาว่า ‘ถ้าลุงไปแล้วใครจะขับรถพาฮารุไปไหนมาไหนบนเกาะล่ะ’ เท่านั้นแหละ ภารกิจของเขาก็ยังคงดำเนินต่อไป
ตอนนี้เจ็ทที่น่าจะออกได้แล้วกลับจอดรอการมาถึงของโยโกะ จริงๆ คนขับเจ็ทบอกว่าควรออกเครื่องให้เป็นเวลา แต่เจอเสียงแว้ดของฮารุเข้าไปก็ต้องยอมแพ้เสร็จสรรพล่ะนะ
~ ♫
ฮารุที่รู้ว่ามือถือของตนเองส่งเสียงน่ารำคาญอยู่รีบหยิบมันขึ้นมารับทันที “ฮัลโหลค่ะ”
[ฮารุ เอ่อ... ขอโทษนะ พี่คงไปโอกินาวากับพวกเธอไม่ได้แล้วแหละ] เสียงโยโกะดังลอดมาตามสาย
“หา!! ทำไมล่ะคะ!” แน่นอนว่ายัยฮารุต้องโวยวายเสียงดัง และแน่นอนอีกว่าฮิบาริต้องหันขวับมามอง
[ทางบริษัทมีลูกค้าติดต่อมากะทันหันน่ะ เธอไม่อยู่ คุณอาไปตกลงธุรกิจที่ต่างประเทศ พี่เลยต้องรักษาการแทนชั่วคราวอ่ะจ้ะ] ดูเสียงของโยโกะแล้วรู้ได้เลยว่าเธอกำลังเตรียมตัวเตรียมใจฟังเสียงวีนของฮารุเต็มที่
“โอ๊ย! แล้วจะติดต่อมาตอนนี้หาพระแสงอะไรล่ะเนี่ย! คนจะไปเที่ยวโว้ย!! @#$^&%#@$” ฮิบาริเองจากที่ตอนแรกรำคาญสุดๆ ก็เริ่มหันมาสนใจบทสนทนากับเขามั่งแล้ว
[ขอโทษนะจ๊ะ งั้นเราก็ไปกับฮิบาริซังเขาสองคนพ่วงคนขับรถไปด้วยละกัน เอ่อ งั้นแค่นี้นะ พี่ต้องไปทำงานแล้ว โชคดีนะจ๊ะ บาย~] โยโกะที่รีบวางหูเพราะรู้ตัวว่าเผลอพูดคำที่ทำให้ยัยฮารุปรี๊ดได้ไปแล้ว และตลอดห้าวันที่ไปเที่ยว เธออุตส่าห์ตั้งใจปิดมือถือหนีเลยทีเดียว
และไอ้คำที่เป็นตัวจุดชนวนอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนักของฮารุให้ฟิวส์ขาดก็คือ... ‘ไปกับฮิบาริสองคน’
“กรี๊ดดดดด!!” ฮารุกรีดร้องเสียงดังเนื่องจากว่าสติกำลังแตก แต่แก้วกาแฟที่ถูกเขวี้ยงมาเฉียดใบหูของเธอแค่นิดเดียวและไปชนผนังเจ็ทแตกดังเพล้งทำให้เธอต้องหยุดกึก
...ฮิบารินั่นเองที่เป็นคนปามันมา
“นี่ ไอ้บอดี้กิ้งก่า!! ปามาทำซากอะไรฮะ!!” ฮารุเริ่มวีน
“หุบปากซะ” เขาสั่งเสียงเฉียบ
“แล้วถ้านายรู้ว่าพี่สาวไปไม่ได้แล้วเราต้องไปกันสองคนนายยังจะเย็นอยู่มั้ยฮะ!! ...อ้อ พ่วงลุงคนขับรถอีกหนึ่งด้วย” ฮารุเหยียดสายตาไปมองคนขับรถที่ถึงกับสะดุ้งเฮือกเมื่อโดนพูดถึง
“ไม่เห็นเป็นไร ยังไงก็พักคนละห้อง จะกลัวอะไร -_-“ ฮิบาริพูดอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่...
“เออ ก็จริงแฮะ -_-;” ยัยฮารุดันคล้อยตามซะงั้น
“ไม่มีอะไรจะพล่ามก็สั่งไอ้คนขับเจ็ทนั่นซะที” ฮิบาริหันไปสั่งฮารุอีกรอบแล้วเดินไปนั่งที่เบาะนั่งนุ่มๆ
“ออกเครื่องได้เลย” ฮารุเองก็ขี้เกียจเถียง เลยบ้าจี้สั่งคนขับเจ็ทอย่างที่ฮิบาริบอกไปจริงๆ
ทันทีที่ได้รับคำสั่ง คนขับเจ็ทหนวดแปรงสีฟันก็รีบนำเจ็ทลำใหญ่ออกบินทันที เพราะเดี๋ยวชักช้าไม่ทันใจคุณหนูแล้วจะได้หูชาอีกรอบ
ในเจ็ทลำใหญ่ที่กำลังบิน ฮิบารินั่งเปิดแลปท็อป ฮารุนั่งใส่เฮดโฟนฟังเพลงพร้อมดูทิวทัศน์ขณะบิน ส่วนคนขับรถ... นั่งตัวสั่นอย่างเกรงกลัวว่าจะมีระเบิดลงกลางเจ็ทเหมือนตอนในรถตู้
และคนขับรถผู้นับถือศาสนาคริสต์เต็มตัวก็ยกมือขึ้นประสานกัน พร้อมสวดภาวนาขอพรต่อพระแม่มารีอา พระเจ้า และพระอัลเลาะห์ให้พี่แกเดินทางอย่างสวัสดิภาพ ไม่มีสงครามเกิดขึ้นในเจ็ท และขอให้เขาอยู่รอดปลอดภัยได้มีหน้ากลับไปเจอลูกเมียด้วยเถิด... อาเมน
เมื่อเครื่องเจ็ทลงจอดที่สนามบินนาฮาบนเกาะเรียบร้อย คนขับรถก็ต้องเสียเหงื่อกับการช่วยคนขับรถตู้โรงแรมมายกกระเป๋าอีกรอบ โรงแรมส่งคนมารับให้อย่างดีเพราะโยโกะสั่งให้จ่ายเยอะๆ เพื่อความสะดวกสบายเวลาอยู่บนเกาะนี้
ตอนนี้ฮารุ ฮิบาริ และคนขับรถขึ้นมานั่งในรถตู้เรียบร้อย ฮารุที่ทำท่าครุ่นคิดอยู่นานก็พูดขึ้นว่า
“เดี๋ยวห้าวันนี้คุณไม่ต้องขับรถให้พวกฉันแล้วนะ ฉันเอาคนขับรถส่วนตัวมาด้วย” เธอพูดพลางหรี่ตามองคนขับรถที่น่าสงสาร
“ครับ” แล้วพนักงานโรงแรมก็ออกรถมุ่งหน้าไปที่โรงแรมห้าดาวติดชายหาดทันที
เมื่อมาถึงโรงแรม ยัยฮารุหยิบแว่นกันแดด Gucci มาใส่และรีบเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์พนักงานเพื่อเช็กอินทันที
“ห้อง 102 ค่ะ ขอให้มาฮันนีมูนให้สนุกนะคะ ^^” พนักงานสาวแก่ผู้เป็นแม่หม้ายว่าพลางส่งสายตายินดีปรีดาปนอิจฉาไปทางฮารุ และส่งสายตาหวานเยิ้มปนเสียดายสุดๆ ให้ฮิบาริ
“ไม่ใช่นะคะ!! เขาเป็นศัตรูกับฉันค่ะ!!” ยัยฮารุรีบปฏิเสธทันที เธอโบกไม้โบกมือเป็นพัลวัน
“-_-^” ส่วนฮิบาริก็ทำหน้าไม่ชอบใจหน่อยๆ ที่ถูกกล่าวหาว่ามาฮันนีมูนกับคนบ้า
“เอ๋ แต่พวกคุณจองห้องสวีทหรูที่สุดในโรงแรมไว้ แถมยังเป็นเตียงคิงไซส์ซะด้วยนะคะ” พนักงานสาวเริ่มงง
“หา!!/O_O” เสียงร้องด้วยความตกใจของฮารุดังขึ้นพอดีกับที่ฮิบาริหันมาทำหน้าตกใจใส่พนักงาน
“ค่ะ จองให้โดย เซกิโนะ ยูมิกะ เลขาส่วนตัวของคุณโยโกะใช่มั้ยคะ” พนักงานสาวทำหน้าเหลอหลา
...เจอตัวแล้ว ยัยเลขาสมองนิ่ม! แค่จองห้องพักให้ยังจองผิดงั้นเรอะ!!
ยัยฮารุโวยวายในใจ ก่อนที่พนักงานสาวหม้ายจะเอ่ยขึ้น
“เพราะว่าเมื่อเช้าคุณโยโกะเธอโทรมาเองว่าขอยกเลิกห้องหนึ่งที่จองไว้ และห้องนั้นก็มีคนเข้าพักแทนแล้วน่ะค่ะ”
“ละ... แล้วมีห้องไหนเหลือบ้างคะ ^^;” ฮารุเริ่มเหงื่อตก คิดหาทางออกเต็มที่
“ไม่เหลือแล้วล่ะค่ะ ช่วงนี้เป็นไฮซีซั่น คนเลยมาพักกันเยอะ อีกอย่างที่นี่เป็นโรงแรมหรูห้าดาวที่มีชื่อ เศรษฐีหลายคนอย่างคุณก็มาพักที่นี่เหมือนคุณนั่นแหละค่ะ... แล้วตกลงไม่ใช่สามีภรรยากันใช่มั้ยคะ *O*” ประโยคหลังพนักงานสาวพูดด้วยดวงตามีประกาย และก็รีบส่งสายตาวิ้งๆ ไปให้ฮิบาริที่ก้มหน้าคิดอยู่ทันที
...มันใช่เวลาซะที่ไหนเล่าป้า!! L
ฮารุเริ่มพาลในใจ และฮิบาริก็พูดออกมาว่า “ไม่มีที่พักก็กลับ ไป”
แต่ฮารุก็เถียงกลับ “จะบ้าเรอะ นี่อาจจะเป็นการเที่ยวครั้งสุดท้ายในรอบปีนี้ของฉันก็ได้! ใครจะไปยอมเล่า!!”
“งั้นก็นอนกับฉัน จะเอายังไงก็เอา ฉันไม่เคยพิศวาสเธอแม้แต่นิดหรอก -_-“ ฮิบาริรีบพูดดักคอเมื่อเห็นสายตาไม่ไว้ใจของฮารุ
“ฉัน... ก็ต้องเลือกเที่ยวสิ!! คนอย่างฉันไม่เคยกลัวนายอยู่แล้ว!” ฮารุแอบกัดฟันพูด
“ตกลงว่าจะพักห้อง 102 ใช่มั้ยคะ?” เจ๊พนักงานถามอีกครั้ง
“อืม ยกกระเป๋าขึ้นไปให้ด้วยละกัน” ฮารุหันไปตอบและหันไปส่งสายตาจิกกัดให้ฮิบาริอีกรอบ แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะโล่งใจที่ฮิบาริบอกว่าไม่ได้คิดอะไรกับเธอ เอ๊ะ... หรือจะเสียใจดี? เธอก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน
เมื่อเข้ามาในห้อง เธอก็พบว่ามันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดนัก เพราะเตียงคิงไซส์ที่ว่าใหญ่พอดู แถมยังมีที่ข้างๆ เตียงกว้างใช่ได้ เฟอร์นิเจอร์ในห้องก็ชั้นเยี่ยม ห้องอาบน้ำก็มีของให้ครบ แถมยังมีอ่างจากุซซี่อีกด้วย
...แต่สิ่งที่กั้นระหว่างห้องอาบน้ำและห้องนอนมันก็คือ... ผ้าม่านสีขาวขุ่น
“นี่ ถามหน่อยสิ ทำไมใช้ผ่านม่านขุ่นๆ กั้นห้องแทนที่จะเป็นประตูล่ะ -_-;;” ฮารุที่กำลังเหงื่อตกหันไปถามบริกรชายที่กำลังเปิดแอร์ให้อยู่
“อ๋อ มันเป็นความต้องการของผู้จัดการโรงแรมน่ะครับ ว่าห้องไหนที่เป็นเตียงคิงไซส์ให้เปลี่ยนประตูห้องอาบน้ำเป็นผ้าม่าน เพื่อให้มีอารมณ์น่ะครับ” เขาหันมาตอบหน้าตาย
อึ้ก... คำตอบของบริกรชายทำให้ฮารุถึงกับต้องกลืนน้ำลายทันที
“ใครมันเป็นผู้จัดการฟะ!!” ฮารุโวยวายเมื่อบริกรเดินออกไปนอกห้องแล้ว
“พูดมาก ฉันไม่แอบดูเธออาบหรอก สยองตาย” ฮิบาริดูเหมือนจะร้อนตัวเพราะเขาพูดดักคอฮารุอีกแล้ว
“แต่มันเป็นสีขาวขุ่นนะ มันก็มองเห็นเงาดำๆ สิเฟ้ย!! อย่างกับในม่านรูดไม่มีผิดเลย ฮึ่ย!”
“-_-;;” ฮิบาริเองก็แอบเห็นด้วยนิดหน่อย
“แล้วใครจะนอนข้างล่างอ่ะ” ฮารุพูดพลางเหล่หางตาไปทางฮิบาริ
“เธอนั่นแหละ” เขารีบเอ่ยด้วยความเป็นสุภาพบุรุษเกินเหตุทันที
“นายเป็นผู้ชายนะ นายนั่นแหละ แถมนายยังเป็นบอดี้การ์ดให้ฉันด้วย” ฮารุเริ่มชักแม่น้ำทั้งสิบ
“ฉันไม่ยอมลงนอนข้างล่างเด็ดขาด -_-+” ฮิบาริส่งสายตาน่ากลัวให้ฮารุ
“ฉันเองก็ไม่มีทางยอมเหมือนกัน! -_-+” ฮารุเองก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย
“เตียงก็ออกจะใหญ่ นอนด้วยกันก็สิ้นเรื่อง” ฮิบาริตัดบท
“จะบ้าเหรอ! ฉันจะนอนกับนายได้ไงเล่า ฉันเป็นผู้หญิงนะ” ฮารุรีบโวยวายไว้ก่อน ถึงจะแอบเห็นด้วยก็ตามที
ปุบ!
ฮิบาริโยนหมอนข้างที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ลงกลางเตียง และพูดขึ้นว่า “ฉันจะนอนบนเตียง ถ้าเธอทนไม่ได้ก็ลงไปนอนข้างล่าง หรือถ้าจะนอนก็นอนตรงนี้ แล้วก็... ถ้าข้ามเจ้านี่มา เธอตายแน่ -_-+”
...ไอ้บ้า! ฉันต่างหากที่ต้องพูดอย่างนั้น! -_-++
แม้จะแอบบ่นในใจ แต่เธอก็ตอบรับไปซะแล้ว “เออ ก็ได้ฟะ!!”
...เท่านี้เรื่องก็จบ
(End Okinawa)
To be continued
ฮ่า ~~ จบตอนจ้า ! มัดมือชกโคตร ๆ เลยแฮะตอนนี้ - -* แต่ก็ไม่รู้ว่าแต่งไงเหมือนกัน แต่งจบตอนแล้วลืมเลย เด๋วจะรออ่านพร้อมกับทุกคนค่ะ (ฮา) ทุกคนคงสงสัยว่า “อินี่มันแต่งเองจริงป่าววะ??” ฮ่า ๆ ๆ แต่งเองค่ะ แต่งเอ๊ง ! แต่แต่งตอนนี้ค้างมานานและ ไม่ได้มาอ่านทวนเหมือนกัน เพราะตอนนี้แต่งบทอื่นอยู่จ้ะ เห็นม๊า ๆ ไม่ใช่ว่าอู้น๊า แค่ขี้เกียจอัพ ... จริง ๆ ไม่แก้ตัวดีกว่ามั้ง แก้ตัวให้ดูอนาถลงกว่าเดิมอีกว่ะตู T T
ตอนต่อไปมีลุ้น ! ราวน์โฟร์จ้ะ ๕๕๕ เริ่มล้างแค้นกันอีกแล้ววว ยังไม่รู้เลยว่าสรุปตอนจบมันจะรักกันได้ยังง๊ายย ?? (ใครรู้ช่วยบอกนู๋ทีสิเค๊อะ ฮ่า ๆ) ตอนนี้เอ้าเฮ้เอ้าเฮกันหน่อย ... จำนวนแฟนคลับของเรา พุ่งขึ้นเป็น 18 แล้ววว ! สมการฮิบาริซามะค่า ฮ่ะ ๆ ๆ (ฉลองไป เจ้าตัวจะรู้มั้ยเนี่ย จอยว่าคงไม่รู้ชัวร์อ่ะ - -“) ใครอ่านตอน 287 แล้วจะรู้ (จอยอ่านวันนี้ตอนเช้า ซับไทยยังไม่ออก อ่านอังกฤษกันมันส์หยดเลยอ่ะ ๕๕) ... รู้ว่านังอดีลไฮด์มันน่ายิงลูกศรปักนมขนาดไหน = =^ อินมโต ! หน็อย ๆ ๆ คัพไรยะเนี่ย บึ้มเหลือเกินนะหล่อน ! ชิ ๆ ๆ อิชชี่ว่ะ - -^ แต่ตกใจแม๊ก ชิม่อนแข็งแกร่งเท่าวองโกเล่ ! เอ็นมะก็กลายเป็นแบดบอยไปเรียบร้อยโรงเรียนนามิโมริ ฮือ ๆ โฮกกกก เอ็นมะลูกแม่ ~~ ชิทท์ พี หัวล้านน่าเกลียดโคตรเลย แถมใช้บาปกันแบบไม่บันยะบันยัง ม๊ายยย
คิดถึงยามะ คิดถึงมุคุโร่ คิดถึงอิริเอะ คิดถึงทงบัง (ไม่เกี่ยวย่ะ !) อ้าว ลืมตัว ๕๕๕ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปดูฟิครีบอร์นที่ผุดขึ้นมาใหม่ ๆ บ้างเลย จมอยู่แต่ฟิคเก่า ๆ ที่คนแต่งละเลย ไม่มาเล่นเด็กดีแล้ว T T เห็นว่าคงไม่มีแววมาอัพแล้วล่ะ ก็เลยลบออกจากfavฯ เหลืออยู่ฟิคเดียวที่ติดตามแล้วฮ่ะตอนนี้ ที่เหลือก็เป็นบทความเพื่อตนเอง - -“ เฮ้อ นี่คือสัจธรรมของโลก ปลงไว้เถอะจอยเอ้ย
ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจที่มีให้จอย ขอบคุณคำปลอบโยนที่มีให้เวลาได้ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับทงบัง ตอนนี้ไม่ใช่ว่าจอยทำใจได้ แม้หลาย ๆ คนที่เคยมานั่งร้องไห้ด้วยกันจะปลงและทำใจรอแล้วก็ตาม แต่จอยไม่เลิกหวังเด็ดขาด ใครจะหาว่าหลอกตัวเองก็ไม่สน จอยเชื่อมั่นในโลกแห่งความสัมพันธ์ ไม่ใช่ในโลกธุรกิจ และจะไม่เสียใจและไม่หวั่นไหวง่าย ๆ แล้วด้วย จะยิ้มยิ้มยิ้ม ! J
ขอบคุณค่ะ
ไรท์เตอร์ เอ็นจอย ซีอา
nu eng
ความคิดเห็น