คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Oleander's Felony ❤ } 5 : Round 2!
5
Round 2!
If I could I would tell her not to be afraid
ถ้าฉันมีโอกาส ฉันจะบอกเธอว่าไม่ต้องกลัว
The pain that she's feeling, the sense of loneliness will fade
ความเจ็บปวดที่เธอกำลังรู้สึก , ความเหงาของเธอจะจางหายไป
So dry your tears and rest assured, love will find you like before
ดังนั้นเช็ดน้ำตาและพักผ่อนซะ , คุณจะพบกับความรักเหมือนก่อนหน้านี้
When she's looking back at me, I know nothing really works that easily
เมื่อเธอมองมาที่ฉัน , ฉันก็รู้ว่าไม่มีอะไรจริงๆ ที่ปฏิบัติได้อย่างง่ายดาย
Girl in the mirror : Britney spears ; trans : writer enjoy xiah
วันต่อมา
ผ่านวันอันแสนวุ่นวายชุลมุนมาได้วันหนึ่งแล้ว ทุกๆ อย่างก็ดำเนินไปตามปกติ เว้นก็แต่งานของเมดที่มันออกจะเพิ่มขึ้นสักหน่อย เนื่องจากว่าการ์ดและคนรับใช้ชายในบ้านผลัดเปลี่ยนกันมาทำงานตามอาการ พวกการ์ดส่วนใหญ่กำลังนอนหยอดน้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล โยโกะจึงต้องจ้างการ์ดมาเพิ่มชั่วคราว ส่วนคนรับใช้ผู้ชายก็เปลี่ยนกะกันเช้าเย็น เพราะว่าหลายคนต้องไปทำฟัน และหลายคนต้องเอ็กซ์-เรย์ร่างกาย งานของพวกเมดจึงหนักขึ้นเกือบสองเท่า กว่าจะได้หลับได้นอนก็เกือบเช้า เหตุผลล้วนๆ ก็เสียเวลาไปกับการเคลียร์อะไรหลายอย่างในคฤหาสน์ที่ตัวเดสทรอยเยอร์ของคุณหนูเธอก่อเอาไว้นั่นแหละ
และ... สิ่งสเปเชี่ยลอีกหนึ่งอย่าง... วันนี้เป็นวันแรกที่ฮารุจะมีบอดี้การ์ดคอยติดตาม ช่างน่าดีใจเสียนี่กระไร
ฮารุลงบันไดมาด้วยชุดเดรสสีดำ ทับด้วยวูแมนสูทรัดรูปคอกว้างสีเทา การแต่งตัวของเธอไม่ได้สำคัญอะไรเลยถ้าเทียบกับแผนการการเขี่ยบอดี้การ์ดสุดสวาทของเธอออกไปไกลๆ อาณัติของเธอซะ
“พี่โยโกะ บอดี้การ์ดน่าหมั่นไส้ของฉันมาถึงรึยัง L” ฮารุหันไปถามโยโกะที่นั่งจิบกาแฟอ่านนิตยสารอยู่
“มาถึงเมื่อกี้เนี่ยล่ะ พอเห็นว่าเธอกำลังจะเดินลงบันไดมาก็ลุกไปเลย” เธอเงยหน้าขึ้นมาตอบฮารุเบาๆ
“ชิ เดี๋ยวหมอนั่นจะได้เจอดีเข้าสักวันเนี่ยล่ะ เหอะๆ” ฮารุบ่นงึมงำกับตัวเองและนั่งลงดื่มกาแฟอย่างที่ทำทุกวัน แต่ว่าวันนี้...
ปี๊นนนน
“หือ เสียงแตรรถ? ใครบีบฟะ” ฮารุชะเง้อคอแบบยีราฟมองลอดผ่านประตูบานใหญ่ไปแล้วก็เห็น... รถของบ้านเธอมาจอดอยู่หน้าบ้านและกำลังส่งเสียงดังน่ารำคาญอยู่
“อะ... อีตาบอดี้การ์ดนั่น หน็อย จะสั่งให้ฉันขึ้นรถเร็วๆ งั้นเหรอ โนเวย์ย่ะ -_-^” ฮารุสะบัดหน้าและยกแกแฟขึ้นดื่มอีกครั้งจนหมดแก้ว และเสียงแตรรถก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ทำให้มือที่กำลังจะเอื้อมไปหยิบขนมปังทาแยมหยุดกึกทันที
แป๊นนนนน
“-_-^^” เธอยังคงทำไม่สนใจและหยิบขนมปังทาแยมซึ่งเป็นถึงอาหารเช้าหนึ่งเดียวของเธอขึ้นมากัด
ปี๊นนน ปี๊นนนนนน ปี๊นๆๆๆ
“โว้ยยยย!! เออๆ รู้แล้วว้อย! ไปก็ไปฟะ ชิส์!! L” ฮารุตอบรับด้วยวาจาที่ไม่สมหญิงเอาซะเลย ทำเอาโยโกะค้อนเธอไปหนึ่งที
ขาไม่สั้นไม่ยาวของฮารุก้าวอย่างทุลักทุเลมาที่รถเบนซ์สีบรอนซ์เงินที่จอดรออยู่ ทั้งๆ ที่ในปากยังคาบแผ่นขนมปังทาแยมแผ่นเดิม เหตุผลที่เธอวิ่งอย่างไม่ค่อยสมประกอบนักก็เพราะว่าเธอยังใส่รองเท้าไม่เสร็จ แต่ไอ้คนขับก็ทำท่าจะบีบแตรรถอีกที มันช่วยไม่ได้ที่เธอจะต้องวิ่งออกมาด้วยเท้าที่มีรองเท้าคัชชูส้นสูงใส่อยู่ข้างเดียว มือซ้ายถือกระเป๋าชาแนล มือขวากำรองเท้าอีกข้าง และที่ปากก็คาบอาหารเช้าสุดสำคัญเอาไว้อย่างน่าอาดูร
ปังงง!!
เธอแกล้งปิดประตูรถเสียงดังประชด แต่ฮิบาริก็ไม่สนใจแม้สักนิด ก็แหงล่ะ ไม่ใช่รถเขาก็ไม่มีอะไรที่ควรค่าแก่การหันไปมองซะหน่อยนี่
ฮารุที่นั่งหลังตรงแบบธรรมชาติยัดขนมปังทาแยมซึ่งเป็นอาหารเช้าสุดสำคัญชิ้นสุดท้ายของเธอเข้าปากแล้วเคี้ยวหงุบหงับ ระหว่างที่เธอกำลังโน้มตัวลงไปใส่รองเท้านั้น บอดี้การ์ดซึ่งทำหน้าที่ได้ดีมากก็เหยียบคันเร่งเต็มแรง ทำให้รถพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ส่งผลให้ฮารุที่กำลังติดเข็มกลัดรองเท้ากระเด้งไปติดพนักพิงเบาะทันที
ปึก!
“อุ๊บ! นะ... นาย!! นี่นายทำบ้าอะไรเนี่ย! แล้วขับภาษาอะไรฮะ! เสียมารยาทที่สุด!!” ฮารุก่นด่าฮิบาริที่ขับปาดซ้ายปาดขวารถคันอื่นอย่างกวนประสาท เรื่องแบบนี้ถือว่าเป็นการเสียมารยาทในการขับรถ ใครๆ ก็รู้ คนที่นั่งขับอยู่ข้างหน้านี่ก็รู้ แต่เป็นที่รู้ๆ กันว่าฮิบาริน่ะ... ไม่เคยขับรถช้ากว่า 160 km./hr. อยู่แล้ว
และการที่ฮิบาริฝืนใจทำตัวเหมือนเป็นคนขับรถให้คนเสียสติที่นั่งบ่นเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ข้างหลังนั้นเป็นข้อบังคับของแม่บังเกิดเกล้าแสนใจดี (ประชดอย่างแรง) ทั้งหมด เขาจึงต้องหาทางแกล้งไม่ให้ยัยคนนี้ที่มีผู้หญิงที่น่ากลัวที่สุดหนุนหลังอยู่ให้แสบที่สุดเท่าที่จะทำได้!
...ความซวยเลยตกเป็นของยัยฮารุน้อยกลอยใจทั้งหมด โอ้ละหนอ ซวยจริงๆ
เอี๊ยดดดด!
“โอ๊ย!!!” การแกล้งระลอกที่สองของฮิบาริมาอีกแล้ว เมื่อถึงสัญญาณไฟแดง ฮิบาริที่แอบเห็นยัยฮารุกำลังนั่งกดแบล็กเบอรี่อยู่ก็เหยียบเบรกซะมิด ส่งผลให้คุณเธอที่นั่งเอนหลังพิงพนักสบายใจนั้นเด้งมาติดเบาะหน้าอย่างแรง
“เจ็บ... เจ็บเฟร้ย!! เจ้าบ้า! นายเบรกภาษาติ๊ก สหวีวี่วี หรือไงเนี่ยหา!! จงใจแกล้งกันหรือว่าเบรกอย่างคนมีสมองไม่เป็นก็บอกกันมาตรงๆ เถอะ ไอ้บอดี้การ์ดบ้าเอ๊ยยย! -O-^^” ฮารุที่กำลังกุมดั้งน้อยๆ ที่น่าสงสารอยู่หันไประเบิดตู้มใส่ฮิบาริ
“ถามได้ ฉันก็ตั้งใจน่ะสิ โง่” ฮิบาริหันมาตอบแบบขอไปที เพราะเขาไม่มีอารมณ์ฟังอย่างแรง แต่หารู้ไม่ว่าคำว่า ‘โง่’ ที่มาท้ายประโยคนั่นจะทำให้คนข้างหลังกล่องความอดทนแตกโพละเพละ!!
“อ๊ากกกก!! นายว่าไงนะเฟ้ยยยย!! -O-++” เสียงของฮารุดังสนั่นลั่นรถ แต่ฮิบาริไม่สนใจเลย เขายังคงแกล้งฮารุในแบบเดิมๆ อีกสองสามรอบตลอดทาง
ฮิบาริเลี้ยวรถคันหรูเข้าไปจอดด้านในที่จอดรถของบริษัท โดยไม่ฟังคำทัดทานของฮารุที่ให้จอดรถให้เธอลงหน้าบริษัทก่อนเลย
หลังจากจอดรถเป็นที่เรียบร้อย เขาก็กดล็อกรถเมื่อเห็นว่าฮารุออกมาแล้ว
“นี่! อีตาบ้า! ทำไมนายไม่อ้อมไปเปิดประตูให้ฉันล่ะ ปกติคนขับรถฉันเขาทำกันแบบนี้นะ! L” ฮารุที่ปกติไม่เคยเปิดประตูรถเองโวยวายขณะเดินเข้าประตูทางด้านลานจอดรถไปในบริษัท
“ไม่มีมือรึไง?” เขาถามกลับโดยไม่หันมามองฮารุ และคำพูดของเขานั้นทำให้ฮารุปรี๊ดขึ้นอีกจม
“ไอ้บ้าเอ๊ยยย!!” เสียงฮารุตะโกนด่าเขาดังไปทั่วทั้งชั้น เรียกสายตาสงสัยจากพนักงานทุกคนได้เป็นอย่างดี
“อ๋อ แหะๆ ไม่มีอะไรจ้า ทำงานต่อเถอะทุกคน ^^;” ฮารุหันไปก้มหัวขอโทษพนักงานและส่งสายตาจิกกัดไปให้ฮิบาริ
ทั้งสองคนเดินมาเรื่อยๆ จนถึงห้องทำงานของเธอ ฮารุที่กำลังเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตนก็แอบบ่นฮิบารินิดหน่อย
“เนี่ย เพราะนายไม่ยอมจอดให้ฉันลงหน้าบริษัท ฉันเลยต้องเดินอ้อมมาที่นี่เลย มันไกลกว่าเดิมเกือบเท่าเชียวนะไอ้บ้า!”
แต่ฮิบาริไม่สนใจเสียงแว้ดๆ น่ารำคาญของฮารุ เขาเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาหนังแท้สีครีมในห้อง
“อ้อ แล้วจะบอกให้ว่านายต้องอยู่เฝ้าฉันทั้งวันด้วยนะคะพ่อคุณ เพราะฉันจะทำงานในห้องนี้ทั้งวัน มีตอนเที่ยงเท่านั้นล่ะที่จะออกไปกินข้าวข้างนอก เข้าจ๊ายยย?” ฮารุหันไปยิ้มเยาะใส่ฮิบาริที่ขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ทั้งวัน’
“ทั้งวัน?” เขาทวนคำอีกครั้ง
“อาฮะ ทั้งวันเลย จะนอนทั้งวันทั้งคืนก็เชิญนะคะ โฮะๆๆ” ฮารุหันไปหัวเราะชั่วร้ายใส่เขา และเริ่มลงมือทำงานของตัวเองอย่างขมักเขม้น
“-_-^” ฮิบาริได้แต่ทำหน้าเซ็งสุดขีดและโน้มตัวลงนอนอย่างที่ทุกคนคาด แต่ฮารุที่เพิ่งนึกอะไรออกก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“อ้อ เดี๋ยวเย็นนี้ ประมาณสี่โมง ฉันจะไปห้าง G นะ รับรู้ไว้ซะ”
ไม่มีสัญญาณจากหมายเลขที่ท่านเรียก ตื๊ด... ฮารุต้องทำหน้าหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อเธอยอมลุกจากโต๊ะทำงานของเธอไปส่องดูบอดี้การ์ดของเธอแล้วพบว่า...
“-_-Zzz” ...เขาหลับไปแล้ว
“กรี๊ดดดด! ไอ้เลววว!”
“เดี๋ยวฉันจะเดินไปแต่ละร้านนะ นายตามมาเรื่อยๆ ล่ะ แต่ก็รออยู่หน้าร้านน่ะแหละ” ฮารุบอกกับฮิบาริเมื่อตอนนี้ข้างหน้าเธอคือร้านรวงขายเสื้อผ้าที่เรียงรายอยู่เยอะแยะ เมื่อเห็นว่าฮิบาริไม่ตอบกลับมา เธอก็ก้าวเข้าไปร้านแรกทันที
ฮารุรูดบัตรเครดิตทองจ่ายค่าเสื้อผ้าสุดหรูของเธอ และถือเจ้าถุงพวกนั้นมายื่นให้ฮิบาริที่มองมันเหมือนจะถามว่า ‘อะไร’
“เอ๊ ก็ถือน่ะสิ มันเป็นหน้าที่ของนายนะ” ฮารุบอกพร้อมยื่นเจ้าถุงสองใบนั่นเข้าไปใกล้ฮิบาริอีก
“-_-” ฮิบาริทำเพียงแค่ก้มมองของในมือฮารุน้อยๆ และปิดปากหาว
“อ่ะ!” เธอกระแทกเสียงและยื่นมันเข้าไปใกล้อีก
“-_-” แต่ฮิบาริยังคงไม่สนใจมันเลย
“เอ ฉันคิดว่าเราน่าจะชวนคุณนายมาห้างด้วยนะ คุณนายน่าจะอยากได้คนถือของอยู่พอดี J” ในที่สุดฮารุก็แงะไม้ตายออกมาใช้จนได้ เธอยิ้มเป็นต่อ มองหน้าฮิบาริที่หันมาทำตาเขียวปั้ดใส่ทันทีอย่างสะใจ
ฮิบาริแอบกัดฟันกรอดอย่างสะกดความแค้น แต่เขาก็จำเป็นจะต้องกระชากของในมือฮารุมาถืออยู่ดี
“นายนี่ช่างเจนเทิ้ลอะไรอย่างนี้น้า ดีใจจริงๆ ที่ได้นายมาเป็นบอดี้การ์ด โฮะๆ เอาล่ะ ตามฉันมาเรื่อยๆ อย่าให้ขาดตกบกพร่องนะจ๊ะ” ฮารุยิ้มเหยียดให้อีกครั้ง และก้าวเท้าเดินเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าสตรีที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ อีกร้าน
เวลาผ่านไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงได้ ตอนนี้ในมือฮิบาริคงแทบไม่มีช่องให้สอดถุงใส่เสื้อผ้ารองเท้าเข้ามาอีกแล้ว เพราะถ้าทำได้ก็อยากจะเอาส่วนหนึ่งที่อยู่ในมือคาบไว้ในปากแก้ขัด
และถ้าทำได้... เขาก็อยากจะปามันทิ้งไปไกลๆ เหมือนก๊านนน
...ถ้าไม่ติดว่ายัยนั่นจะเอาแม่สุดที่รัก (บวกสุดที่แค้น) ของเขามาขู่ล่ะก็นะ
“เอาล่ะฮิบาริ นี่มันก็เยอะแล้ว เรากลับกันเถอะ เดี๋ยววันหลังค่อยมาใหม่ J” ฮารุหันไปฉีกยิ้มให้ฮิบาริที่ทำหน้านิ่งแต่แอบซ่อนความแค้นเอาไว้อย่างแรง ที่ถือๆ อยู่ในมือมันไม่หนักเลยสักนิดเดียว แต่ความแค้นมันกดใหล่เขาจนรู้สึกหนักอยู่เนี่ย!!
...ซื้อมาขนาดตั้งร้านขายได้แล้ว แต่ยัยบ้านี่ยังคิดจะมาใหม่อีกงั้นเรอะ
เขาคิดในใจ พลางมองของในมืออย่างรับไม่ค่อยได้ซะเท่าไหร่
ถึงแม้จะกำลังคิดแผนแก้แค้นอยู่ในอก แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าขาทั้งสองของเขาจะก้าวเดินไปอย่างปกติ และฮารุที่เดินอยู่ข้างหน้าเขาบนรองเท้าส้นสูงนี่ก็แอบยิ้มสะใจอยู่เล็กๆ
หลังจากทั้งสองคนขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว ฮิบาริก็เหยียบเต็มที่ แถมได้โอกาสแกล้งฮารุอีกทีต่างหาก แต่คราวนี้... ยัยฮารุดันไหวตัวทัน คาดเข็มขัดนิรภัยข้างหลังเรียบร้อยโรงเรียนสอนขับรถ เรียกสีหน้าหงุดหงิดของฮิบาริได้อีกรอบของวัน
“ฮิๆ” เธอแอบหัวเราะน้อยๆ กับชัยชนะเล็กๆ นั่น คราวนี้เกมกลับมาเสมอกันอีกแล้ว...
Round 2
Hibari vs Haru
1 : 1!
(End Round 2!)
To be continued ,, Next chapter !!
หวาดเสียวมากค่ะทุกท่าน ,, เสียวอะไรน่ะเหรอ ก็เสียวฮิบาริฟาดฮารุน้อยหอยสังข์กระเด็นน่ะสิเคอะ ๕๕๕ อีตาฮิบาริก็เหลือเกิ๊น จะเย็นชาโหดเหี้ยมให้กุแต่งยากไปไหนวะ??? เด๋วแม่แต่งให้เป็นเอ๋อเลยนี่! แง่ง ๆ ขี้เกียจไปร.ร. ว่ะ L เซ็งจิต ได้ยินมั้ยว่ากุเซ๊งงงง โฮ ๆ ชีวิตนี้มันช่างหนักหนานักแล งื๊อ
เมื่อวานนี้ซื้อรองเท้าใหม่มา (เป็นครั้งที่สิบแล้ว พอดีเป็นโรคจิตชอบซื้อเกือกอ่ะ อีเดียตมาก = =;) เด๋วนี้ซื้อรองเท้าก็ต้องซื้อแบบหุ้มส้นตามเทรนด์ค่ะ เอิ๊ก ๆ เอ้อ ซื้อเสื้อแจ็คเก็ตใหม่มาด้วย แม่ด่าระงมเลย พูดว่า “ลูกจะซื้อแจ็กเก็ตมาทำไม นี่มันหน้าร้อนนะ!” ฮ่า ๆ ๆ -_-; เอิ่ม หนูก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะออมม่า เพียงแต่สะดุดตาสะดุดใจ แถมเซลล์ยี่สิบเปอร์เซ็นต์แน่ะ ฮว๊าก ไม่ซื้อไม่ด้ายยย แต่ก็โดนนังเพื่อนสนิทด่ามาเหมือนกัน “เอทูแซดแม่งเซลล์ทั้งปี มันเอาแจ็คเก็ตหน้าหนาวมาเซลล์หน้าร้อนนะเว้ย แกก็เจือกโง่ซื้อมาอีก วุ้ย! หงุดหงิด ไอ้โง่!” นั่นล่ะค่ะ คือผลลัพธ์ของการซื้อของเซลล์ไม่เลือกหน้า อ่ะฮ่า ๆ L
เอาเป็นว่าที่อู้อัพไปนี่แค่ไปนั่งชิลฟังเพลงทงบังนะคะ (กุชิลอีกและ นักอ่านก็ด่า “เชี้ย” อีกตามเคย ๕๕๕) แล้วกลับมาพบกันคราวหน้าค่ะ บั๊บบาย~ J
ด้วยค. หวังดี
ไรท์เตอร์ผู้น่ารัก เอ็นจอย ซีอา (enjoy xiah)
nu eng
ความคิดเห็น