คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : chapter 5 {Fake Love} :: at first sight ::
5
Fake Love
:: at first sight ::
ตอนเช้าตรู่ ณ บ้านซาซางาวะ
“เคียวโกะ! เดี๋ยวพี่จะออกไปวิ่งรอบเมืองนะ!! ถ้าจะออกไปไหนอย่าลืมล็อกบ้านด้วยล่ะ! ไปแล้ว!! วันนี้สุดหูรูดดดดด!!”
แอ๊ดดด! (ไม่ปิดประตู)
ซาซางาวะ เรียวเฮ ลูกชายคนโตของบ้านซาซางาวะ พูดกับซาซางาวะ เคียวโกะ ผู้เป็นน้องสาว ก่อนรีบออกจากบ้านไป ทิ้งไว้แต่น้องสาวที่ควรจะตกใจกับความบ้าระห่ำของพี่ชาย แต่เธอกลับยิ้มรับแล้วโบกมือให้พี่ชายที่หันหลังวิ่งได้แป๊บเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาวิ่งไปเกือบลับสายตาของเธอแล้ว
“โชคดีนะคะพี่
” เคียวโกะอวยพรให้พี่ชายของเธอเบาๆ แม้เขาจะไม่ได้ยินก็ตาม
ถ้าถามว่าถ้าเป็นคนอื่นมาเจอแบบนี้จะเป็นยังไงน่ะเหรอ? เธอตอบให้ได้เลยว่ายังนั่งช็อกอยู่กับที่น่ะแหละ ต่างกับเธอที่เป็นน้องสาว เห็นพี่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิด ย่อมชินเป็นธรรมดา
วันนี้เคียวโกะคิดว่าจะไปบ้านเพื่อนซะหน่อย แต่เธอต้องล้างจาน เก็บกวาดโต๊ะ และเคลียร์สิ่งของแถวๆ โต๊ะทานข้าวเสียก่อน เพราะเมื่อกี้พี่ของเธอทานข้าวแบบเอาเป็นเอาตายมากเกินไป ข้าวเลยหกเลอะเทอะ กลายเป็นภาระของผู้หญิงอย่างเธอไปเลย เพราะเรื่องอย่างนี้ ถ้าให้เรียวเธอช่วย มันต้องเละยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ
เมื่อเก็บจาน เช็ดโต๊ะ กวาดพื้นรอบๆ โต๊ะทานข้าวเสร็จ เธอก็ขึ้นไปแต่งตัวที่ห้องของเธอ
‘วันนี้จะแต่งชุดอะไรดีน้า? ไปบ้านสึนะคุงซะด้วย’ เธอคิดขณะที่มือก็หยิบชุดออกมาทาบทีละตัว
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เธอก็หยิบชุดเสื้อยืดแขนกุดสีชมพู กับกระโปรงอัดกลีบสีขาวยาวเลยเข่าขึ้นมา และปิดตู้เสื้อผ้าลงอย่างเบามือ
ทำไมเธอถึงไม่ต้องใช้เวลาเลือกเสื้อนานๆ เหมือนผู้หญิงทั่วไปกันนะ? คำตอบนี้ตอบได้ง่ายๆ เมื่อดูจากหน้าตาของเธอ
ไม่ว่าเธอจะแต่งชุดอะไร มันก็ทำให้เธอดูน่ารักได้เสมอ ด้วยหน้าตาของเธอ
ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนดึงดูดใจ ผมสีน้ำตาลคาราเมล ดวงหน้าขาวราวตุ๊กตาไล่ฝน แก้มอมชมพูนิดๆ ตามฉบับสาวสุขภาพดี และริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนๆ ที่สะกดใจคนมองตั้งแต่ครั้งแรก
สิ่งเหล่านี้ทำให้คนที่เห็นหน้าเธอครั้งแรก คิดว่าเธอเป็น ‘นางฟ้า’
เพราะฉะนั้นถึงเธอจะแต่งชุดมอมแมมสักแค่ไหน ความน่ารักของเธอก็ยังไม่ลดลงเลยแม้แต่น้อย
“อืม ฉันพร้อมแล้วสำหรับวันนี้” เธอพูดพลางมองตัวเองในกระจก
ตึกๆๆ
เธอเดินลงบันไดมาแบบเร่งนิดๆ เพราะเมื่อกี้เธอเพิ่งเอานาฬิกาข้อมือมาใส่ แล้วเมื่อมองดูหน้าปัดนาฬิกา เธอก็พบว่าถ้าเธอไม่รีบหน่อย เธอก็จะสายแน่นอน!
“แย่จังเลยเรา ดันเปลี่ยนชุดนานไปหน่อย ถ้าสายต้องแย่แน่เลย” เธอพึมพำออกมา
ทำไมเธอถึงคิดแบบนั้น? ในเมื่อถ้าเธอเปลี่ยนชุดนาน ผู้หญิงคนอื่นๆ คงจะเรียกว่าแอบงีบระหว่างใส่เสื้อเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็คงเรียกได้ว่า ‘นาน’ สำหรับเธอล่ะนะ
ตึกๆๆๆ
เสียงย่ำเท้าด้วยความรวดเร็วนั้นจะมาจากใครเล่า ถ้าไม่ใช่เคียวโกะที่กำลังรีบอย่างสุดๆ เธอรีบไปหน่อยจนไม่ได้ดูทาง จนไปชนกับใครไม่รู้ เสียงดังพลั่ก!
“โอ๊ย!” แต่ดูเหมือนเธอไปชนเขาคนเดียวนะ เพราะเธอล้มมาคนเดียว ส่วนเขายังยืนอยู่นิ่งๆ
‘แหม แข็งแรงจัง ขนาดฉันเดินไปชนเขา เขายังยืนนิ่งเป็นรูปปั้นอยู่เลย แต่คนชนกลับล้มก้นจ้ำเบ้าในสภาพน่าเกลียดอย่างนี้น่ะสิ แย่ชะมัดเลยเรา T_T’ เธอคิด
“เป็นอะไรมั้ยครับ?” เขาก้มลงถามเธอที่ยังนั่งอยู่กับพื้น
“มะ
ไม่เป็นไรค่ะ!” เธอตอบเขาอย่างลนๆ และรีบลุกขึ้น แต่
“โอ๊ยย!” ข้อเท้าของเธอมันไม่ฟังคำสั่งเลยนี่สิ
‘บ้าจัง! มาพลิกอะไรตอนนี้กันนะ! ฉันยิ่งรีบอยู่ด้วย!’ เธอต่อว่าข้อเท้าของเธอ
“ฮะๆ ดูท่าว่าคงจะไม่จริงซะแล้วนะครับ ^_^” เขาหัวเราะเบาๆ
‘อึ๋ยย แย่จัง น่าอายชะมัดเลยแฮะ T_T’ เธอคิดและเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าเขา
แล้วเธอก็พบว่า
!
“คะ
คุณ! O_O” เธอต้องตกใจขนานใหญ่ เมื่อพบว่าคนที่เธอ ‘เดินไปชน’ นั้นก็คือคนที่เธออยากจะพบมานานนั่นเอง
“ผมมุคุโร่ครับ อ่า
นั่งอยู่ตรงนี้คงไม่ดีแน่ มันสกปรกออกนะครับ เดี๋ยวผมพาไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ดีกว่านะ” เขาว่าพลางยื่นมือให้เธอที่นั่งอึ้งอยู่กับพื้นถนน
เธอมองมือนั้นอยู่สักพัก แล้วก็เอื้อมมือไปจับมือของมุคุโร่อย่างสั่นๆ
ที่เธอมองมือของเขาน่ะ ไม่ใช่ว่าลังเลหรืออะไรหรอกนะ
แต่เป็นเพราะเธอดีใจมาก! เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าเธอจะได้จับมือของเขาด้วย เหมือนความฝันเลย! เธอได้มาเจอกับเขา ได้คุยกับเขา และได้จับมือกับเขา!
เธอนึกขอบคุณพระเจ้าและพรหมลิขิตที่ทำให้เธอได้มาเจอกับเขา ‘อีกครั้ง’
“เจ็บมากเลยเหรอครับ ถึงกับมือสั่นเลย? ^_^” เขาถามเมื่อจับมือเธอแล้วรู้สึกว่ามือของเคียวโกะน่ะ มันทั้งสั่น ทั้งเย็นเลยล่ะ
คงไม่ต้องถามนะว่าเพราะอะไร ไม่ใช่ว่าเธอตายแล้วแน่นอน เพราะมันไม่ได้เย็นอย่างเดียว แต่มันสั่นด้วย แสดงถึงอาการตื่นเต้นของเธออย่างเห็นได้ชัด
“อะ
เอ่อ เปล่าค่ะ สบายมาก!” เธอตอบเสียงสั่นๆ เพราะปากเธอมันสั่นด้วยแหละ
“งั้นก็ลุกขึ้นมาได้แล้วครับ ^_^” เขาว่าแล้วออกแรงดึงเธอขึ้นมา
“อ๊ะ!” แต่เมื่อเธอลุกขึ้นมาแล้ว เธอกลับตื่นเต้นจนลืมไปซะนี่ ว่าตอนนี้ขาเธอใช้การไม่ได้อยู่ข้างนึง ทำให้เธอเตรียมจะล้มลงไปอีกครั้ง!
เธอหลับตาปี๋ เตรียมตัวรับชะตากรรม แต่
หมับ!
มีแขนของใครคนหนึ่ง ช้อนหลังเธอเอาไว้ ทำให้เธอไม่ต้องล้มลงไปให้ขายหน้าประชาชี
ใช่แล้ว มือของมุคุโร่นั่นเอง!
ตอนนี้เธอกับเขาเหมือนอยู่ในท่าเต้นรำเลย เพราะมือข้างหนึ่งของเธอจับมือของเขาไว้โดยที่ยังไม่ปล่อย และเขาก็อ้อมแขนมารับตัวเธอที่กำลังเอนกายจะล้มมิล้มแหล่ไว้ข้างหลัง แหม เต้นแทงโก้ได้เลยนะเนี่ย
โดยไม่รู้ตัว เธอเผลอสบตากับเขาเนิ่นนาน เพราะดวงตาสีไพลินแสนมีเสน่ห์นั่นตรึงเธอไว้ไม่ให้ขยับเลยแม้แต่นิด
“ดูท่าว่าผมคงต้องพยุงคุณไปแล้วล่ะ เพราะถ้าเดินต่อไปน่าจะไม่รอดนะครับ ฮะๆ ^_^”
ปากที่ขยับขึ้นลงของเขาทำให้เคียวโกะที่ตกอยู่ในภวังค์การมองหน้าของมุคุโร่รู้สึกตัว
“ขะ
ขอบคุณมากค่ะ แล้วก็ขอโทษที่เดินมาชนด้วยนะคะ ><!” เธอพูดรัวเร็วด้วยอารามตื่นเต้น และหัวใจที่เต้นเร็วผิดปกติจากท่าเมื่อกี้
“ครับ ให้ผมช่วยนะครับ” แล้วเขาก็เอาแขนเธอไปพาดที่คอของเขา
“ขออนุญาตินะครับ” แล้วเขาก็เอามือไปโอบหลังเธอไว้
ด้วยความที่เขาและเธอมีส่วนสูงที่ต่างกัน ทำให้เธอต้องเขย่งขึ้นนิดหน่อย แบบแทบจะลอยเลยล่ะ แต่เขาก็ต้องย่อตัวลงมาเหมือนกัน
‘ก็ฉันสูงแค่หน้าหน้าคอของเขาเองนี่นา T_T’ เธอบ่นในใจ
เขาช่วยพยุงเธอให้เดินไปถึงเก้าอี้ไม้ตัวยาวที่ตั้งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แล้วเมื่อเธอนั่งลง เขาก็นั่งยองๆ ที่ตรงหน้าเธอ
“ว่าแต่
คุณชื่ออะไรเหรอครับ ^_^?” เขาถามชื่อเธอ
‘อ๊า บ้าจังเลยเรา คุยกันมาตั้งนาน ดันไม่ได้บอกชื่อซะงั้น เสียมารยาทที่สุดเลยเคียวโกะ!’ เธอต่อว่าตัวเองในใจ
“ฉันซาซางาวะ เคียวโกะค่ะ ขอโทษนะคะที่ลืมแนะนำตัว แหะๆ ^_^;;” เธอหัวเราะแหะๆ อย่างรู้สึกผิด
“อืมม ชื่อน่ารักจังเลยครับ เหมาะกับคุณดี ^_^”
“คะ
ค่ะ ^^///” การชมตรงๆ ของเขานั้น ทำให้เธอรู้สึกเขินมากเลยทีเดียว
ว่าแต่
เธอลืมอะไรไปรึเปล่านะ? เธอรู้สึกเหมือนลืมอะไรบางอย่าง แต่ก็นึกไม่ออกซะที ทำให้เธอเลิกที่จะสนใจมัน แล้วกลับมาใช้สมาธิกับคนที่นั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าเธอแทน
“ขออนุญาติอีกครั้งนะครับ ผมกลัวว่าข้อเท้าคุณจะบวม ขอดูหน่อยนะ?” แล้วเขาก็ถอดรองเท้าเธอทันที
‘อึ๋ย เขินแฮะ ขนาดพี่ชายของฉันยังไม่เคยทำแบบนี้เลยนะเนี่ย >_<///’ เธอคิด
เคียวโกะปล่อยให้เขาจับข้อเท้าเธอพลิกไปมาเพื่อดูอาการ ในขณะที่เธอก็จ้องหน้าเขาที่กำลังจดจ่ออยู่กับข้อเท้าของเธออย่างเลื่อนลอยเช่นกัน
‘ทำไมเขาถึงได้หน้าตาดีจังนะ?’ เธอรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“อืม แบบนี้ซักสองสามวันคงหาย ไม่จำเป็นต้องพันผ้าก็ได้ เดี๋ยวผมนวดให้นะครับ”
ว่าแล้วเขาก็จับข้อเท้าของเธอบิดๆ ไปมา เธอเบ้หน้าด้วยความเจ็บเล็กน้อย แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมา
“ฮะๆ มันจะเจ็บแบบนี้แหละครับ แต่เดี๋ยวมันก็หายแล้ว ทนหน่อยนะครับ อ้อ
ถ้าเจ็บก็ร้องออกมาได้เลย ไม่เห็นต้องกำเสื้อจนยับยู่ยี่แบบนั้นเลยก็ได้นี่นา ^_^” เขายิ้มพลางมองไปที่มือของเธอที่กำชายเสื้อจนแน่น
“อะ
อุ๊ย!” เธอรีบเอามือออกอย่างรวดเร็ว และแกล้งมองไปทางอื่น ท่าทางเด็กๆ นั่นเรียกเสียงหัวเราะของเขาได้ดีเชียวล่ะ
“ฮะๆๆ” เขาขำและบิดข้อเท้าเธออีกครั้ง
“โอ๊ย” เธอร้องออกมาเบาๆ แต่ก็ยังดีกว่ากัดฟันไม่ร้องเหมือนเมื่อกี้เยอะน่ะนะ
“ฮ่ะๆ เสร็จแล้วครับเด็กน้อย ไม่เจ็บแล้ว ^_^” เขาแหย่เธอเบาๆ
“ฉันไม่ใช่เด้กน้อยนะคะ =^=” เธอเบ้ปากพูดกับเขาอย่างลืมตัว
“ครับๆ ผมรู้แล้ว ฮะๆ ^_^” เขายิ้มออกมาบางๆ แต่รอยยิ้มนั่นทำให้เธออึ้งไปเลยเชียวล่ะ
‘อย่ายิ้มแบบนั้นได้มั้ย? T^T’ เธอคิด
แล้วระหว่างที่เธอกำลังคิดเพลินๆ เขาก็เอาอะไรไม่รู้เย็นๆ มาแตะที่ข้อเท้าเธอ
เมื่อเธอมองลงไปเขาก็เอามันเข้ากระเป๋าเสื้อไปแล้ว
“ลองยืนดูนะครับ”
เธอลองยืนขึ้นดูตามที่เขาพูด แล้วเธอก็ต้องแปลกใจ เพราะว่าอาการเจ็บจนยืนไม่ได้เมื่อกี้มันหายไปแล้ว!
“O_O ปะ
เป็นไปได้ไงเนี่ย?” เธอพึมพำออกมาเบาๆ แต่ก็ดังพอที่มุคุโร่จะได้ยิน
“ฮะๆ เป็นเพราะเวทมนตร์วิเศษของผมไงล่ะ” เขาพูดติดตลก
“อย่ามาหลอกกันเลย ฉันไม่ใช่เด็กๆ แล้วซะหน่อยนะคะ” เธอหันไปบ่นกับเขา
“ครับ คิกๆ” เขาแอบหัวเราะออกมานิดหน่อยในท่าทางของเธอ
แต่แล้วเธอก็นึกได้
ว่าสิ่งที่เธอนึกไม่ออกเมื่อกี้คืออะไร!
“ตายแล้ว! นัด!” เธอตะโกนออกมาอย่างลืมตัว
“อ่า
ใช่ ผมก็ต้องรีบไปแล้วเหมือนกัน” เขาพูดพลางมองนาฬิกาที่ติดอยู่ที่ร้านขายเสื้อผ้า
“งะ
งั้นคุณ เอ่อ
จะมาที่นี่อีกมั้ยคะ?” เธอถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“มาสิครับ ผมจะมาที่นี่ทุกสัปดาห์
วันนี้
เวลาประมาณนี้
”
“งั้นเหรอคะ อืม งั้นฉันจะมาที่นี่บ่อยๆ ละกัน เผื่อจะได้เจอคุณด้วย” เธอพูดสิ่งที่คิดอยู่ออกไป
‘เพราะฉันอยากเจอเขามากไงล่ะ’ เธอคิด
“ดีใจจังครับ ^_^ ฮะๆ เรียกผมว่ามุคุโร่ก็ได้ครับ” เขายิ้มตอบรับเธอ
“งั้น
ฉันจะเรียกมุคุโร่ว่ามุคุโร่คุงนะ?”
“ได้ครับ ยินดีอย่างยิ่งเลย
อ๊ะ ผมต้องไปแล้วล่ะ ไปก่อนนะครับ” เขาโบกมือลาเธอ แล้วเดินผ่านเธอไป
‘น่าเสียดายจัง ไปอีกทางเหรอเนี่ย
แต่ไม่เป็นไร รออีกสัปดาห์นึงก็ได้! ^_^’ เธอคิดอย่างมีความหวัง
“ตายแล้ว! สายแล้วฉัน!” เธอนึกได้ว่าลืมนัดไปครั้งที่สอง แล้วก็รีบวิ่งไปทางบ้านซาวาดะ
ตัดมาบ้านซาวาดะกันบ้างนะ
“เคียวโกะจังเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย ทำไมยังไม่มานะ?” ซาวาดะ สึนะโยชิ พูดออกมาอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เคียวโกะน่ะ
” เด็กตัวกระเปี๊ยกใส่ชุดมาเฟียสีดำเดินเข้ามาพูดกับสึนะโยชิ
“แต่นี่มันสายมาสี่สิบนาทีแล้วนะ หรือว่า
” สึนะโยชิเว้นช่วงอย่างไม่อยากพูด
“หรือว่าเคียวโกะจะลืมนัดแล้ว แกจะพูดอย่างนี้ใช่มะ?” เด็กคนนั้นต่อประโยคให้อย่างรู้ทัน
“อืม
” สึนะโยชิยอมรับออกมาเสียงเบาหวิว
“รีบอร์น
เคียวโกะไป
” สึนะโยชิถามเด็กที่มีชื่อว่า ‘รีบอร์น’ ยังไม่ทันจบ เด็กคนนี้ก็แทรกขึ้นมา
“ฉันบอกแล้ว ก็วันนี้ม้ามืดหัวใจเขาจะมาทำให้แกแห้วนี่นา” รีบอร์นพูดเสียงเรียบ
“งั้นเหรอ? -*-” สึนะโยชิรับคำเสียงแผ่ว และทำหน้าไม่เข้าใจรีบอร์น ที่เป็นเด็กที่ฉลาดเกินกว่าจะเป็นเด็ก
ติ๊งหน่อง~
“อ๊ะ!”
“นั่นไง มาแล้ว ไปเปิดซะสิ เจ้าห่วย!” รีบอร์นว่าและออกแรงถีบสึนะโยชิออกไปนอกห้อง
พลั่ก!
“โอ๊ย เจ้าบ้าเอ๊ย ถีบมาได้! -*-
ช่างเถอะ” เขาบ่นนิดๆ และเดินไปเปิดประตู
หน้าบ้านของเขามีผู้หญิงหน้าตาน่ารักคนหนึ่งยืนหอบแฮ่กๆ อยู่อย่างน่าสงสาร
“แฮ่กๆๆ ขอโทษนะจ๊ะสึนะคุง ฉัน เอ่อ
ตื่นสายไปหน่อยน่ะ” เธอพูดพร้อมหอบแฮก
ใช่แล้ว เธอคือซาซางาวะ เคียวโกะ นั่นเอง
ถึงแม้จะเป็นเหตุผลที่น่าอาย แต่เธอก็ต้องโกหกสึนะโยชิไป เพื่อไม่ให้รู้เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เธอมาสายเกือบชั่วโมง
“อืม เข้ามาเถอะ เคียวโกะจัง ฉันไม่โกรธเคียวโกะจังหรอกนะ ^_^” สึนะโยชิยิ้มรับและพาเคียวโกะเข้าบ้านไป
ตัดมาที่ซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง
“ขอบคุณที่ให้ยืมร่างนะครับ โคลม
” ชายผู้มีผมสีน้ำเงินและดวงตาสีไพลินพูดเบาๆ
แต่เขาจะพูดกับใครล่ะ? ที่ซอยเปลี่ยวนี่มีเขายืนอยู่คนเดียวนี่!
ฟิ้วๆๆ
ลมพัดเข้ามาที่ซอยเปลี่ยวรกร้างน่ากลัวแห่งนี้ ทำให้ผมที่ปิดตาข้างหนึ่งของเขาไว้พลิ้วไหวตามลม
ภายใต้เรือนผมสีน้ำเงินเข้มนั้น
คือดวงตาสีแดงที่มีตัวเลขภาษาจีนอยู่ในดวงตา
“คิหึหึหึ หัวเราะแบบนั้นนี่มันยากจังนะครับ โคลม
” เขาพูดออกมาเบาๆ ในที่ที่ไม่มีใครอยู่เลย
“เดี๋ยวผมขอให้พลังฟื้นตัวก่อน ตอนนี้ผมขอไปพักเดี๋ยวนะครับ ขอบคุณมากนะ โคลม
” เขาพูดเสร็จก็มีกลุ่มหมอกสีเทาที่หนามากห่อหุ้มร่างกายของเขาไว้
แล้วเมื่อหมอกนั้นจาง กลับมีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งล้มลงนอนที่พื้นแทน
[To be continued
]
อ๋า จบแล้วๆๆ >_<
โฮ่ย ทำสถิติเจ็ดหน้าเวิร์ดค่ะ เยอะมว๊ากกกก
นั่งพิมพ์ตั้งแต่เที่ยงยันบ่ายสาม กรั๊กๆๆ
เพื่อโทรมาถาม ‘แกทำไรอยู่’ ก็ตอบไปว่านั่งปต่งฟิคอยู่
มันก็ถอนหายใจเซ็งมาให้ แล้วก็ด่าๆๆ บ่นๆๆ มาว่า ‘แกไม่มีไรทำแล้วหรือไงวะ’
แล้วมันก็วางไปเลย กร๊ากกกกก สะใจ!
นี่อัพเร็วนะเนี่ย ความจริงขี้เกียจจะตาย T_T
เพราะงั้น ขอเม้นครบ 82 แล้วค่อยอัพละกัน ไม่ไหวแล้ว ขออู้ตลอดชาติค่ะ!
บายยยยย
ความคิดเห็น