คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : Oleander's Felony ❤ } 16 : Breaking Rules
Breaking Rules
ตูม !
เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ฮารุหลับตาปี๋รอรับความตาย แต่พอผ่านไปสักพักก็ทำใจกล้าลืมตาขึ้นมา และก็พบว่าตนเองกำลังนั่งพิงประตูเก่า ๆ ซึ่งเป็นทางเข้าออกทางเดียวบนชั้นดาดฟ้าของตึกสามชั้นที่เมื่อครู่เธอกับบอดี้การ์ดมาแอบหลบอยู่ตรงซอกตึกข้าง ๆ นี้ ควันที่ลอยขึ้นมาทำให้เธอปิดปากไอค่อกแค่กจนแทบน้ำตาไหล
"หือ เอ๊ะ? ฉันขึ้นมาอยู่บนนี้ได้ไงหว่า" ฮารุพึมพำอย่างงง ๆ พลางมองสำรวจรอบ ๆ ตัว แล้วก็ต้องอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อสายตาดันไปสะดุดเข้ากับก้อนกลม ๆ สีม่วงหลากหลายขนาดที่มีหนามแหลมงอกออกมา
"ว้าย ! นั่นอะไรน่ะ !"
...จะว่าลูกโป่งก็คงไม่ใช่ หนามมันแหลมเกินไปอ่ะ
ด้วยความสงสัยใคร่รู้ หญิงสาวจึงยื่นมือออกไปสัมผัสที่หนามแหลมของมันเล็กน้อย
เปรี้ยง ! ตูม ! โครม !
ฉัวะ !
"อุ๊บ..." เสียงหวานครางออกมาเล็กน้อยเมื่อมือบางข้างขวาที่ยื่นไปลูบ ๆ คลำ ๆ หนามแหลมของเจ้าลูกโป่งพิสดารรูปเม่น (ตั้งชื่อให้เรียบร้อย) มีเลือดไหลทะลักออกมาจากแผลถูกกรีดเป็นแนวยาวตรงบริเวณฝ่ามือ
เพราะเสียงอึกทึกครึกโครมที่เธอรู้สึกว่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเมื่อกี้ดังขึ้นทำให้เธอตกใจ จนมือไม้เผลอปัดไปโดนส่วนปลายของหนามที่มีขนาดเท่าปลาคาร์พทันที (ช่างเปรียบ)
"อูยยย เจ็บจัง..." ร่างบางทรุดลงนั่งพิงผนังในท่าเดิม มือซ้ายที่ว่างกุมข้อมือขวาไว้แน่น แต่ไม่ว่าจะบีบแน่นสักแค่ไหน เลือดก็ยังไม่ยอมหยุดไหลอยู่ดี...ใบหน้านวลที่มักจะมีเลือดฝาดอยู่เสมอในบัดนี้กลับซีดเซียวแทบไร้สีเลือด ลมหายใจเริ่มหอบกระชั้น ดวงตาคู่งามเหลือบมองไปทางอื่นที่ไม่ใช่มือของตัวเอง
เธอกลัวเลือด...โดยเฉพาะเลือดที่เป็นกรุ๊ปเดียวกันกับบิดาของเธอ
มันทำให้เธอนึกถึงวันนั้น...
ภาพอดีตสีเลือดที่ไม่อยากจำ...
ตุบ ! ตุบ !
เสียงตกลงพื้นของอะไรบางอย่างไม่ได้ทำให้ฮารุหันไปสนใจได้เลย เธอหลับตาลง ริมฝีบางเม้มเข้าหากันแน่น แต่แล้วเสียงพูดคุยกันที่เธอจำได้แม่นอยู่เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
"ผู้พิทักษ์แห่งวองโกเล่...? สอดมือเข้ามายุ่งทำไม ในเมื่อเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับนายสักนิด" เสียงแหบ ๆ ของชายคนแรกดังขึ้น
"เกี่ยวไม่เกี่ยวฉันก็จะขย้ำพวกแกให้สิ้นซากไปเสียให้หมด" อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบแต่ยังคงไว้ซึ่งรังสีอำมหิต และเสียงนี้เองที่ดึงความสนใจของฮารุกลับมาอีกครั้ง เธอลืมตาขึ้น ริมฝีปากบางเอ่ยชื่อของเขาออกมาแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ
"...ฮิบาริ?" เสียงของเธอช่างอ่อนระโหยโรยแรงจนน่าตกใจ แต่ดูเหมือนจะเป็นโชคไม่ดีที่ชายผู้มีเสียงแหบส่อเค้าลางว่าเป็นศัตรูดันได้ยินเต็มสองรูหู (ที่กางเหมือนจานบิน) สายตาคม ๆ ที่ไม่เหมือนเหยี่ยวแบบฮิบาริแต่ดูขี้โกงเหมือนงูตวัดมองหาต้นเสียงทันที
"นั่น...!" สิ้นเสียงอุทานอย่างตกใจปนดีใจของชายคนนั้น เขาก็พุ่งตรงมาทางฮารุทันที ติดอยู่ที่ว่า...
ฟึ่บ ฟั่บ ฟึ่บ ฟั่บ
ลูกตุ้มหนามหลายสิบลูกของฮิบาริต่างแหวกอากาศมาจับตัวเป็นปราการแน่นหนาที่ล้อมรอบหญิงสาวบอบบางคนหนึ่งไว้ ทำให้เท้าของหนุ่มเสียงแหบต้องหยุดกึก รังสีทะมึนถูกส่งไปที่ฮิบาริอย่างไม่พอใจสุด ๆ แต่ก็นั่นแหละ คู่ต่อสู้ของเขาคือฮิบาริเชียวนะ รังสีแค่นั้นโดนสะท้อนกลับด้วยการหรี่ตามองเพียงครั้งเดียว
...สาบานเลยว่าตอนไอ้คนหน้าตาขี้โกงนั่นพูด ฉันเห็นลิ้นเขาเป็นสองแฉกด้วยล่ะ คนหรืองูวะนั่น
...และฉันก็รู้สึกเหมือนเห็นซาตานในเงาของอีตาฮิบาริยังไงชอบกล อยากถามชะมัดว่าเกิดบนโลกหรือในนรก...เอิ่ม อย่าดีกว่า ดูท่าว่าถ้าถามไปคงได้ไปเกิดใหม่ในนรกแทนหมอนั่นแน่...
...แล้วนี่มัวมานั่งวิจารณ์บ้าอะไรอยู่เนี่ยยัยฮารุ ! เลือดยังไม่หยุดไหลเลยนะ ถ้าปล่อยไปอย่างนี้แล้วเลือดหมดตัว เธอซี้แน่
(ป.ล. ซี้ในที่นี้หมายถึงตายนะจ๊ะ แต่ถ้าซี้แบบอื่นคงเป็นซี้กับนรกแหละสำหรับฮารุ :P)
ฮารุอาศัยช่องว่างเล็ก ๆ ระหว่างลูกตุ้มหนามคอยแอบดูสถานการณ์ข้างนอก และมันก็ทำให้เธอแปลกใจไม่น้อย
อนึ่ง ทอนฟาของบอดี้การ์ดของเธอจุดไฟได้ด้วย แถมยังเป็นไฟสีม่วงอีกต่างหาก ว้าว !
สอง ดูจากลูกตุ้มหนามสีม่วงแบบเดียวกันที่อยู่รอบ ๆ ฮิบาริแล้ว แสดงว่าลูกโป่งพิสฯ (ชื่อเต็มคือลูกโป่งพิสดารรูปเม่น) นี่ต้องเป็นของหมอนั่น...
สาม เจ้าลูกโป่งพิสฯ นั่นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนฮารุไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวันแล้วววว !
สี่ เจ้าของของเจ้าลูกโป่งพิสฯ บ้านี่จะต้องเป็นคนรับผิดชอบที่เจ้านี่มาทำเธอเลือดตกยางออก...หึ ๆ ไว้ค่อยคิดบัญชีทีหลัง
ห้า คิดไม่ออกแล้ว...
สรุปคร่าว ๆ ได้ห้าข้อ (นับข้อห้าด้วย ?)
"โฮ่ ดูเหมือนว่าไม่คิดจะล่าถอยจริง ๆ สินะ ผู้พิทักษ์วองโกเล่..."
"..." ฮิบาริไม่ตอบ ยังคงทำหน้ากวนโอ๊ยต่อไป
"พอคิดไปคิดมานายทำลายลูกน้องทั้งหมดสามสิบคนที่มาร่วมงาน 'กำจัดคุณหนูฮารุ' หมดเลยนี่...อย่างนี้ต้องได้รับการลงโทษกันเสียหน่อย นายว่าไหม?" รอยยิ้มน่ารังเกียจที่ให้ความรู้สึกเหมือนงูพิษปรากฏให้เห็น ในขณะที่เจ้าของรอยยิ้มย่างสามขุมเข้าไปหาร่างสูงของฮิบาริอย่างย่ามใจ
"..."
"ได้ยินว่านายเป็นผู้พิทักษ์ที่เก่งที่สุดไม่ใช่หรือไง? หึ ๆ ผมคงดังน่าดูเลยนะถ้ากำจัดนายได้น่ะ...โอ๊ะ ใช่สิ เสียมารยาทจัง ผมลืมแนะนำตัวไปเสียสนิท ผมคือ โฮเวิร์ด แต่ขอไม่บอกชื่อแฟมิลี่นะครับ"
"หึ..." หลังจากเงียบไปนาน ฮิบาริก็เผยเสียงหัวเราะเย้ยหยันออกมาเบา ๆ ซึ่งทำให้ฮารุใจชื้นขึ้นเป็นกอง เพราะทุกทีที่เขาหัวเราะแบบนี้...
ในเวลาปกติ...เธอมักจะเสียวสันหลังวาบเมื่อคิดว่าเขาต้องมีแผนการอะไรที่จะเอาชนะเธอแน่ ๆ
ในเวลาแบบนี้...มันก็คงจะหมายถึงความมั่นใจในชัยชนะล่ะสินะ
...ให้ตายเถอะ ฉันก็ไม่ได้อยากจะจำหรอกนะ แต่รู้เขารู้คุณนาย รบร้อยครั้งชนะพันครั้ง (สำนวนบัญญติเฉพาะของฮารุ) ข้อมูลของศัตรูเป็นอะไรที่ละเลยไม่ได้
"แกไม่จำเป็นต้องบอกชื่อหรอก..." เสียงเย็นยะเยียบถูกปล่อยออกมาพร้อมจิตสังหารที่น่าสะพรึงกลัวจนโฮเวิร์ดที่ยังทำท่ากร่างอยู่เมื่อกี้ถึงกับถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ฮิบาริกระชับทอนฟาในมือแน่น ก่อนจะพุ่งตัวอย่างรวดเร็วไปข้างหน้า เมื่อมาอยู่หน้าศัตรูก็ไม่รอช้าที่จะฟาดทอนฟาคู่ใจไปยังส่วนสำคัญต่าง ๆ บนร่างกายของเขา โฮเวิร์ดที่ยังคงตกใจไม่หายกับจิตสังหารที่รุนแรงของฮิบาริก็ปัดป้องอย่างยากลำบาก
ด้วยความรุนแรง ความรวดเร็ว และความแม่นยำ ที่ฟาดมาแต่ละครั้งของฮิบาริ ทำให้โฮเวิร์ดที่เดิมก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แล้วตั้งรับได้ไม่เต็มที่ สีข้างและไหล่ขวาของเขาโดนฟาดอย่างหนักหน่วง ความเจ็บปวดส่งผลให้เขาเริ่มที่จะก้าวถอยหลังมาเรื่อย ๆ โดยไม่รู้เลยว่าอะไรที่อยู่ข้างหลังเขา
ผัวะ !
แขนขวาของเขาเริ่มล้า และมันก็พลาดจนได้ เพราะขยับแขนไม่ได้เร็วอย่างที่ใจนึก ทอนฟาของฮิบาริจึงฟาดเข้าเต็ม ๆ หน้าของโฮเวิร์ดที่ยกแขนขึ้นมาป้องกันไม่ทัน
พลั่ก ! ฉึก !
"อึ๊กก...!"
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมากจนฮารุงงไปหมด เธอเห็นเพียงเจ้าร่างทรงพญางู (โฮเวิร์ดในความคิดของฮารุ) เริ่มตั้งรับพร้อมถอยหลังไปด้วย แต่ตอนที่ฮิบาริเล็งทอนฟาไปที่หน้าของเขา เธอเห็นเขาทำหน้าเจ็บปวดตอนยกแขนขวาขึ้นมา แต่มันก็สายไป เพราะหน้าของเขาสะบัดไปตามแรงทอนฟาที่ฟาดมาเสียแล้ว และฮิบาริก็ฉวยโอกาสนั้นถีบโฮเวิร์ดกระเด็นไปข้างหลัง แต่สิ่งที่ทำให้เธอแทบจะหลุดเสียงกรี๊ดออกมาก็คือ...ข้างหลังของเขานั้นคือลูกตุ้มเหล็กขนาดเท่าตัวคน หนามแหลมของมันใหญ่เท่าแขนของเธอทั้งแขนเลยนะ ! และนายร่างทรงพญางูก็โดนเสียบเข้าเสียกลางหลังทะลุท้องออกมา หนามส่วนที่ทะลุออกมาจากท้องของเขานั้นน่ากลัวยิ่งนัก เพราะมันชโลมไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม อีกทั้งเลือดที่เขากระอักออกมาจากปากอีก...
ภาพพวกนั้นหวนกลับเข้ามาในความคิดของฮารุอีกครั้ง
เธอก้มมองมือตัวเอง ตอนนี้เลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว สังเกตุได้ว่ามันออกมาน้อยมากถ้าเทียบกับตอนแรกที่พากันทะลักออกมาเหมือนพุงที่ปริออกมาจากกางเกงคับ ๆ ทำให้ซิปแตกและได้รับการปลดปล่อยประมาณนั้น (ฮารุเป็นคนช่างฝันและช่างจินตนาการ เห็นได้จากการเปรียบเทียบที่ไม่เหมือนใครของเธอ)
"แกไม่จำเป็นต้องบอกชื่อ...เพราะฉันจะไม่จำชื่อคนที่ฉันกำจัดไปแล้วยังไงล่ะ" สุ้มเสียงเย็นชาดังขึ้นมาอีกครั้ง โฮเวิร์ดที่ดิ้นรนพยายามร้องขอชีวิตคอพับไปแล้ว และลูกตุ้มหนามที่อยู่รอบตัวฮารุก็ถูกดูดเข้าไปในกล่องเล็ก ๆ ที่ฮิบาริกำลังถืออยู่
ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะหันมามองที่เธอ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและกดโทรออกหาใครบางคน
"ส่งคนมาเก็บซากแถวที่ที่ฉันอยู่..."
[@#%%$^%^&&^(*(*]
"อย่าลืมเอาคนที่อยู่บนดาดฟ้าไปตรวจสอบล่ะ ฉันสงสัยอะไรบางอย่าง..."
[@#%&*(]
"สืบหาผู้ว่าจ้างของพวกนี้ ฉันกลับไปทุกอย่างต้องเรียบร้อย"
[หา !...#$%^&*()(*...ไม่ทัน...!]
ปิ๊บ !
ฮารุไม่เข้าใจว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไรกันอยู่ แต่เธอจับใจความเสียงที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ได้แค่นั้น เพราะมันดังเป็นพิเศษ เหมือนผู้พูดกำลังตกใจเลยตะโกนออกมาทำนองนั้น
เมื่อเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงแล้ว ในที่สุดดวงตาสีนิลไร้อารมณ์นั้นก็มองมาทางเธอจนได้ เธอ...ที่มีเลือดออกเต็มมือ และเลือดบางส่วนก็ไหลลงมาตามแขน ทำให้เสื้อผ้าชุดสวยมีคราบเลือดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
เธอที่ตอนนี้เสียเลือดมากจนผิวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดเข้าไปใหญ่จนเหมือนกับตุ๊กตาแสนบอบบาง สิ่งที่ทำให้รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่คือลมหายใจหนัก ๆ กับอกที่ขยับขึ้นลงเท่านั้น
"...ไปโดนอะไรมา" หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ฮิบาริก็ถามออกมาเบา ๆ น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ไม่มีความสมเพช ไม่มีความห่วงไย
"ก็ลูกโป่งพิสดารรูปเม่นของนายน่ะแหละ...มันแทงมือฉัน" เธอเบี่ยงประเด็นที่ว่าเพราะเธอเอามือไปจับมันเองเลยได้แผลเอาไว้ด้วยประการสองอย่าง ประการแรก ถ้าเขารู้ความจริงเธอคงไม่วายโดนสมเพชเป็นแน่แท้ ประการที่สอง เผื่อจะได้เรียกร้องค่าเสียหายเยอะ ๆ อย่างเต็มคุณค่าหน่อย แต่...
"เหอะ เธอคงโง่เอามือไปจับมันเองมากกว่า..." เสียงเย้ยหยันปนดูถูกของฮิบาริกระแทกใจเธอเต็ม ๆ
"เออ ! ก็รู้อยู่แล้วนี่" ฮารุสะบัดเสียงอย่างหงุดหงิด
"..." ฮิบาริขมวดคิ้ว...'ลูกโป่งพิสดารรูปเม่น' งั้นเหรอ?
...ฟังคำนี้แล้วหงุดหงิดชะมัด
เห็นได้ชัดว่าฮิบาริไม่ชอบคำเรียกอาวุธกล่องของเขาที่ฮารุเรียกอย่างรุนแรง
"ถอยไป"
"หือ?" ฮารุขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่าย
"เธอขวางทางฉันอยู่"
"หา? อะ...อ้อ" หญิงสาวทำหน้างง แต่เมื่อหันไปมองข้างหลังก็เจอประตูทางเข้าออกของชั้นดาดฟ้าแห่งนี้พอดี ร่างบางที่ดูไม่ค่อยจะมีแรงอยู่แล้วขยับตัวไปข้าง ๆ อย่างยากลำบาก เพราะมือหนึ่งของเธอใช้การไม่ได้ อีกอย่างเธอรู้สึกเหมือนเรี่ยวแรงที่มีถูกสูบออกไปหมดนับตั้งแต่วินาทีที่เห็นเลือดแล้ว และสิ่งที่เธอเพิ่งค้นพบสด ๆ ร้อน ๆ ก็คือ...ข้อเท้าข้างซ้ายของเธอพลิก ! คงจะเป็นตอนที่ฮิบาริกระชากเธอให้วิ่งตามเขาไปน่ะแหละ เจ้าหมอนั่นไม่ได้ดูเล้ยว่าเธอใส่ส้นตึกมานะวันนี้...แต่ถึงรู้ก็คงไม่สนอยู่ดี
"...!" ฮารุขบริมฝีปากล่างเบา ๆ เมื่อตอนที่เธอขยับตัวแล้วเผลอไปโดนข้อเท้าซ้ายที่กำลังบาดเจ็บ แต่เธอไม่ยอมร้องออกมาหรอก เสียฟอร์มแย่
ถึงแม้หญิงสาวจะไม่ร้องออกมาสักแอะ แต่สีหน้าและท่าทางที่จับข้อเท้าซ้ายทันทีที่ทำหน้าเจ็บปวดนี่...มีหรือที่คนตาดีอย่างฮิบาริจะมองไม่เห็น
...เหอะ ปากแข็ง
มือใหญ่เอื้อมไปเปิดประตูเก่า ๆ ออก สองเท้าก้าวเข้าไปเรียบร้อยโดยไม่สนใจฮารุที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เลย
...ชิ ! ไอ้คนใจดำ ใจจืด ไม่มีหัวใจ ! เห็นเลดี้บาดเจ็บนั่งอยู่ตรงหน้าแล้วยังไม่คิดจะชายตาแลมองอีกหรือไง !
...แต่เอาเถอะ ถ้าหมอนั่นทำน่ะสิถึงจะแปลก ไม่สนใจคนอื่นนอกจากตัวเองมันก็เป็นเรื่องปกติของเขาอยู่แล้วนี่หว่า
...ทำอย่างกับว่าอยากให้ช่วยตายล่ะ ! ฉันช่วยตัวเองได้ย่ะ เฮอะ !
ตอนที่ชายหนุ่มก้าวผ่านเธอไปแล้ว ในใจของฮารุก็กำลังนินทาเขาอย่างเมามัน ก่อนที่เธอจะคิดอะไรออก ดวงตากลมโตกวาดสายตามองรอบ ๆ เมื่อไม่พบสิ่งที่ต้องการก็เอามือข้างที่ไม่บาดเจ็บคลำ ๆ ตามลำตัว
"มะ...ไม่มีอ่ะ โฮ ลืมมือถือไว้ในกระเป๋า...ดันฝากลุงคนขับไว้ด้วยสิ" เธอพึมพำออกมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก
แล้วเธอจะทำยังไงดีล่ะ ?
...เฮ้ย ใช่แล้ว ! อีตาฮิบาริมีมือถือนี่หว่า เมื่อกี้เห็นเอาออกมาใช้...
...แต่ฝันไปเถอะ ! ฉันจะไม่ขอความช่วยเหลือจากหมอนั่นเด็ดขาด ตายก็ไม่ยอม เชอะ !
วิ้ว...วิ้ว...
ลมที่พัดมาทำให้ร่างบางกอดกระชับต้นแขนตนเองแน่น ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เธอยังลัลล้ารับลมแบบเดียวกันที่หน้าผาอยู่เลยแท้ ๆ แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่ามันหนาวเหลือเกิน
...อุณหภูมิในร่างกายเริ่มลดแล้วสินะ แหงสิ ก็เสียเลือดไปเป็นแทงก์เลยนี่นา
...ง่า ตอนมีเมนส์ก็เสียเลือดเยอะนะ แต่ทำไมไม่รู้สึกหนาวบ้างล่ะ
...คงต้องรอให้ลุงคนขับมาช่วยอย่างเดียวสินะ
"เฮ้อ..." เธอถอนหายใจเบา ๆ
เมื่อไม่มีอะไรทำ ความคิดฟุ้งซ่านเมื่อกี้ก็กลับมาอีกหน
...เลือด มีแต่เลือดเต็มไปหมด...
...ไม่อยากมอง ไม่อยากรู้ ไม่อยากเห็น...
ออกไปจากหัวฉันนะ !
ริมฝีปากอวบอิ่มที่ตอนนี้เริ่มซีดแล้วเม้มเข้าหากันเบา ๆ เสียงพึมพำอย่างเหนื่อยอ่อนของเธอก็ดังขึ้นเบา ๆ เช่นกัน
"ชักจะ...ง่วงแล้วสิ..."
"นี่เธอ อยากนอนตายเป็นซากสัตว์กินพืชอยู่แถวนี้หรือไง" เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังดึงสติที่กำลังเลือนรางของฮารุให้กลับมา แม้จะยังไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เถอะ
"นาย...ฮิบาริ? มีอะไร...กับฉันอีกล่ะ กลับมาทำไม" เสียงพูดปนเสียงหอบของเธอและดวงตาปรือ ๆ ที่จะปิดไม่ปิดแหล่อยู่แล้วเป็นหลักฐานอย่างดีว่าเธอใกล้จะไม่ไหวแล้ว แต่หญิงสาวก็ยังยืดหลังตรง ทำเป็นว่าไม่เป็นอะไร ชายหนุ่มที่มองดูอยู่พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ พลางคิดว่า
...ยังจะอวดดีอีกนะ
"มาเก็บศพ" เขาลอยหน้าลอยตาตอบ
"..." ฮารุไม่พูดอะไร ดูเหมือนว่าเธอจะมาได้แค่นี้ ร่างกายที่เดิมทีก็อ่อนแออยู่แล้วต้องมาเจอเรื่องหิน ๆ แบบนี้ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ หลังที่ตั้งตรงได้แป๊บเดียวเริ่มกลับไปพิงผนังอีกครั้ง
"ลุกขึ้นมาได้แล้ว เสียเวลา" แต่ถึงกระนั้นฮิบาริก็ยังยืนนิ่งออกคำสั่งเหมือนเดิม
"อย่ามา...ยุ่งกับฉัน" เสียงพูดเบา ๆ ของฮารุถึงกับทำให้เขาคิ้วกระตุก
...ปากดี สภาพอย่างนี้แล้วยังจะอวดเก่งอีก น่าจะปล่อยให้ตาย ๆ ไปซะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นหน้าที่คงจะทำไปนานแล้ว
"จะไม่ลุกใช่ไหม"
มือใหญ่เอื้อมไปกำรอบ ๆ ต้นแขนเรียวเล็ก ก่อนจะกระชากทีเดียว ร่างทั้งร่างของเธอก็แทบจะปลิวมาหาเขา
"โอ๊ย !" หญิงสาวร้องครางออกมาเสียงดัง เมื่อข้อเท้าข้างซ้ายของเธอได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรง
ดวงตาคมดุจเหยี่ยวของฮิบาริยังคงเรียบเฉย น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นเบา ๆ ว่า "อย่าสำออย"
"ปล่อย ! ฉัน...แฮก ไม่ได้สำ...ออย" แม้แรงจะพยุงตัวให้อยู่ก็แทบไม่มี ต้องใช้แรงที่ฮิบาริจับเธออยู่ช่วย แต่ฮารุก็ยังพยายามปรือตาขึ้นมาและเถียงสู้
"หึ...ดี ทนให้ได้ตลอดแล้วกัน"
"รังเกียจฉันมาก...ไม่ใช่หรือไง งั้นก็...ปล่อยฉัน แฮก...ได้แล้ว"
...เจ็บนะ !
สายตาของเธอสื่อออกมาได้แบบนั้น และเมื่อฮิบาริเหลือบตาไปมองต้นแขนของเธอก็รู้ว่าเธอหมายถึงอะไร...ต้นแขนเรียวขาวในตอนแรกได้เปลี่ยนเป็นสีแดงรูปมือของเขาไปเสียแล้ว มือใหญ่ ๆ ของเขาแทบจะกำได้ทั้งสองแขนของเธอแน่ะ
สายตาคมมองไล่ไปทั่วร่างของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วก็พบว่าเธอนั้นบอบบางอย่างกับแก้วที่จะแตกได้ทุกเมื่อหากไม่รักษาดี ๆ
"เฮอะ ยัยสัตว์กินพืชอ่อนแอ..." ริมฝีปากบางพึมพำเบา ๆ แต่ก็ยอมคลายกำมือออกเล็กน้อย แต่พอมองไปที่หน้าของฮารุก็พบว่า...เธอสลบไปแล้ว
...ไม่เหลือแรงทำเก่งแล้วสินะ
"..." ร่างสูงทอดมองใบหน้าซีดเซียวที่ดูเหมือนไร้ชีวิตของอีกฝ่ายอย่างเงียบงัน
...ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น...
ฮิบาริช้อนใต้หลังและข้อพับของเธอที่กำลังสลบไสลไม่ได้สติขึ้นมา ก่อนจะเดินลงไปตามชั้นบันไดของตึก
...ที่สัตว์กินเนื้อที่แข็งแรงกว่าอย่างฉันจะลดตัวมาช่วยสัตว์กินพืชอ่อนแออย่างเธอ
"ฮะ...ฮิบาริซามะ ! คุณ...คุณหนูฮารุ ! โอ๊ยยยยย ตาย ๆ ๆ ทำไมคุณหนูถึงได้เลือดโชกแบบนี้ล่ะคร้าบบบ" คนขับรถตาลีตาเหลือกเข้ามาหาทั้งสองที่เพิ่งเดินออกมาจากตึก เขานั่งรออยู่แถวนี้มานานพอสมควรแล้ว กำลังเป็นห่วงอยู่เลยว่าทั้งสองคนจะเป็นอะไรหรือเปล่า
(แชะ !)
...แต่ถึงห่วงก็ยังไม่ลืมกดชัตเตอร์... (แบบลับ ๆ)
ฮิบาริส่งฮารุในอ้อมแขนให้ลุงคนขับดูแล ส่วนลุงแกก็โวยวายโหวกเหวกให้เรียกรถพยาบาลอย่างนั้นอย่างนี้ วุ่นวายกันใหญ่ ร่างสูงที่รู้สึกรำคาญเลยเดินออกมารับลมข้างนอกแทน
...ถึงแม้มันจะผิดกฎ 'สัตว์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะอยู่รอด' และ 'สัตว์ที่อ่อนแอกว่าจะถูกขย้ำโดยสัตว์ที่แข็งแรงกว่า' ของเขาก็เถอะ
นี่คงเป็นครั้งแรก...ที่เขาทำผิดกฎ...ของตัวเขาเอง
(End Breaking Rules)
TBC.
สวัสดีค่า ครั้งนี้นู๋จอยอัพถี่ โฮะโฮะ จากครั้งที่แล้วที่ค้างกันไว้ มาแล้วจ้าปลาเผาร้อนร้อน ! จากที่ตอนแรกก็ยังงงเง็งไปกับทุกคนว่าสองคู่นี้มันจะลงเอยยังไง ตอนนี้ก็พยายามแก้ให้ค.สัมพันธ์มันดีขึ้นนน แล้วผลเป็นยังไงน๊อ จะถูกใจกันมั๊ยคะ :P คิม จอยซู-เอ็นจอย ซีอา
Thanks Theme : super may
ความคิดเห็น