ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Oleander's Felony ❤ กับดักรักร้ายของนายจอมโหด {1886 TYL}

    ลำดับตอนที่ #15 : Oleander's Felony ❤ } 14 : 3rd Night

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 53


     


    14

    3rd Night

     

    คืนนั้น

    ฮารุที่นั่งเช็ดผมอยู่ที่ปลายเตียงเหลือบไปมองคนที่ตั้งแต่เดินหนีเธอมาก็นั่งคร่ำเคร่งอยู่กับงานในแล็ปท็อปนั่นตลอด ไม่เข้าใจว่าถ้าขาดมันไปสักวันจะตายหรือไม่ ใบหน้าหวานบูดบึ้ง เธอค้อนเขามาหลายทีจนตาจะเหล่อยู่แล้ว แต่เขากลับไม่แม้แต่จะหันมาเหลียวแล

    อ๊ะ ๆ อย่าเข้าใจผิด เธอไม่ได้ต้องการให้เขาหันมาสนใจ แค่เบื่อ ๆ เลยอยากหาคนทะเลาะด้วยเท่านั้นเอง (?)

    รออยู่นานจนทนไม่ไหว ร่างบางเลยลากเก้าอี้ที่อยู่แถวนั้นไปข้าง ๆ โต๊ะที่เขาใช้อยู่ นั่งลงและเท้าคางจ้องใบหน้าคมเขม็ง

    ฮิบาริเหล่มองท่าทีจริงจังแต่ดูเหมือนเด็กเอาแต่ใจนั้นเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปสนใจงานต่ออย่างไม่สนใจ พอเขาทำแบบนี้ฮารุเลยถอนหายใจออกมาเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้ลุกไปไหน แถมยังเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้น และยื่นใบหน้ามามองจอแล็ปท็อปของเขาอีกด้วย

    “ทำอะไร” เสียงทุ้มถามขึ้น เมื่อเห็นว่าฮารุนั่งจ้องงานที่เขากำลังทำอยู่อย่างสนอกสนใจจนออกนอกหน้า

    “ว้าว ๆ กำไรไตรมาสปีนี้ของนายสูงไม่ใช่เล่น แต่บริษัทฉันก็ไม่มีทางแพ้นายหรอก โฮ่ ๆ” ฮารุเอ่ย ยืดอกขึ้นมาเต็มที่อย่างอวด ๆ

    “แน่ใจ?” ร่างสูงอดถามอย่างหมั่นไส้นิด ๆ ไม่ได้ เธอยังเข้ามาบริหารงานแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น จะมาสู้คนที่ทำงานบริหารมาตั้งแต่เรียนยังไม่จบมหาวิทยาลัยอย่างเขาได้ยังไง

    “ชัวร์ !” สีหน้ามั่นใจเต็มเปี่ยมของฮารุทำให้ฮิบาริทอดถอนใจออกมาอีกครั้งในวันนี้

    “ไปนอนได้แล้วไป” เขาออกปากไล่ เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มจะสนใจงานของเขามากเกินไปแล้ว

    “เฮอะ ก็ไม่ได้อยากอยู่ด้วยนักหรอก !” ฮารุสะบัดหน้าและลุกขึ้นไปกระแทกตัวลงบนเตียงนอน

    ปิ๊บ !

    เสียงเปิดโทรทัศน์ทำให้ฮิบาริหันไปมอง และก็พบฮารุกำลังนั่งกอดหมอนดูหนังผีอยู่ มือที่กอดหมอนแน่นและคอยจะยกมันขึ้นมาปิดตาบ่อย ๆ เวลาที่ภาพในโทรทัศน์มีผีปรากฏขึ้นทำให้ฮิบาริแอบลอบยิ้มมุมปากอย่างขบขัน

    แต่เอ๊ะ

    ...ยิ้ม ?

    ...เมื่อกี้...เรายิ้ม...เพราะยัยนั่นงั้นเหรอ !!?

    ฮิบาริคิดในใจด้วยความตื่นตระหนก แค่เรื่องที่เขายิ้มแบบคนปกติก็น่าแปลกใจอยู่แล้ว (แบบคนปกติที่ว่าก็คือไม่ใช่ยิ้มชั่วร้าย ยิ้มเย้ยหยัน หรือยิ้มกระหายเลือดอ่ะนะ) แต่การที่สาเหตุมาจากยัยจอมยุ่งอย่างฮารุยิ่งทำให้เขายิ่งรู้สึกอะเมซ อะเฟรด เซอร์ไพรส์ ! เข้าไปใหญ่

    มันเป็นอะไรที่... อิมพอสซิเบิ้ลลลลลล ! (หมายเหตุ : ตอนพูดคำนี้ต้องลากเสียงยาว ๆ ทำตาเหลือก ๆ ไปด้วยถึงจะเหมาะกับความรู้สึกของพระเอกในตอนนี้)

    ฉัวะ !’

    อ๊ากกกกกก

    “กรี๊ดดดด” ทันทีที่ฮารุเห็นพระเอกหนังผีหน้าหล่อที่เธอติดตามเอามีดฟันฉัวะเข้าที่คอซอมบี้จนเลือดสาดก็ร้องลั่นออกมาทันที หมอนใบใหญ่ถูกยกขึ้นมาปิดหน้าปิดตา และเธอก็เขยิบตัวไปมุดอยู่ใต้ผ้าห่ม โผล่ออกมาแค่หัวที่ถูกหมอนบังมิดเท่านั้น

    ส่วนฮิบาริที่กำลังคิดฟุ้งซ่านนั้นได้ยินเสียงกรี๊ดก็ฌานแตกกระจาย กระพริบตาปริบ ๆ มองซ้ายมองขวางง ๆ และพอนึกได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ก็นึกได้อยู่ประโยคเดียว

    ฟุ้งซ่านหอกอะไรวะเนี่ย

    แฮ่ !’

    กรี๊ดดดด

    “กรี๊ดดดด” จังหวะที่นางเอกหนังผีกำลังเปิดประตูตู้เสื้อผ้า จู่ ๆ ก็มีผีโผล่หน้าออกมาจากด้านใน เธอตกใจจนร้องกรี๊ด ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ฮารุกรีดร้องเสียงหลงออกมาเช่นกัน จนทำให้เสียงดังคูณสอง คนที่กำลังรวบรวมสมาธิก็ถูกรบกวนจนคำว่าสมาธิหดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ดวงตาคมกริบตวัดมามองฮารุอย่างไม่สบอารมณ์ แต่สาวเจ้าก็ไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่นิด มือบางที่กำลังปิดตาสั่นระริก ดวงตาที่มองลอดออกมาจากช่องนิ้วที่จงใจแหกออกเล็กน้อยเพราะอยากดูเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เมื่อหันไปมองข้าง ๆ ก็พบว่าหมอนใบใหญ่กระเด็นตกลงมาจากเตียงเรียบร้อย

    ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเล็กน้อย มือเรียวเอื้อมไปปิดแล็ปท็อปลง เพราะคิดว่าถ้ายังเปิดหนังผีอยู่แบบนี้ เห็นทีคงไม่เป็นอันทำงาน อย่าว่าแต่ทำงานเลย แค่จะหลับตาลงนอนก็ไม่รู้จะทำได้หรือเปล่า

    และทันทีที่ล้มตัวลงนอน ร่างสูงก็พบว่าฮารุเขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที จนตอนนี้เธอนั่งเกยอยู่บนหมอนข้างแล้ว แต่กระนั้นทั้งที่รู้ว่ากลัวผี เธอก็ยังไม่เลิกดูหนังผีนั่นสักที ฮิบาริขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องมองร่างบางที่กำลังตัวสั่นเทิ้ม ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ใหล่ทั้งสองห่อเข้าหากัน

    โฮกกก !’

    “กรี๊ดดดด !

    ปิ๊บ !   

    ดวงตากลมโตที่กำลังหลับตาปี๋ด้วยความกลัวลืมขึ้นด้วยความงงงวย ก่อนจะหันไปมองคนข้าง ๆ ด้วยสีหน้าไม่พอใจที่เขามาปิดโทรทัศน์ที่เธอกำลังดูแบบนี้ แต่ก็อดโล่งใจไม่ได้ เพราะเธอรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ฮิบาริโยนรีโมตในมือเขาไปที่โต๊ะหัวเตียง ก่อนจะปิดไฟ และล้มตัวลงนอน เขาคิดไม่ผิดเลยที่ปิดโทรทัศน์ เพราะเสียงดังโหวกเหวกเมื่อกี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง ในขณะที่เขากำลังหลับตาลงนั้นเอง เสียงหวานที่แฝงความไม่พอใจไว้ก็เอ่ยขึ้นมา

    “นายปิดทีวีทำไม ฉันกำลังดูอยู่นะ” ฮารุพูดพลางกระเถิบตัวลงจากหมอนข้างและล้มตัวลงนอนบ้าง

    ฮิบาริเหลือบมองการกระทำนั้นนิดหน่อย พลางคิดว่า ถ้าอยากดูจริง ทำไมไม่หยิบรีโมตไปเปิดซะล่ะ นอนทำไม

    ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พูดมันออกไป แต่กลับเอ่ยถามกลับว่า “ถ้ากลัวมันนัก แล้วจะดูไปทำไม”

    ทั้งห้องเงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่ฮารุจะขมุบขมิบออกมาจับใจความได้ว่า “ก็มันชอบนี่...”

    ชายหนุ่มกำลังจะพูดโต้กลับ แต่เสียงหวานกลับขัดขึ้นก่อน “จริง ๆ ก็ไม่ได้ชอบอะไรมากหรอก ก็พ่อฉันชอบ ฉันก็เลยชอบ”

    ใบหน้าฮิบาริขรึมลง เมื่อแอบเหล่ตาดูคนข้าง ๆ ก็พบว่าเธอกำลังนอนหงายหลัง ลืมตามองดูเพดานอยู่

    “และทุกทีที่ดูฉันก็ไม่ได้กลัวมันมากเท่านี้ด้วย เพราะปกติฉันจะดูกับพ่อ เวลากลัวจะได้หลบหลังพ่อไง” เสียงพูดเรียบเรื่อยยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับมีมนตร์สะกดให้ฮิบารินอนเฉย ๆ ฟังไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วเขาคงจะทำเป็นไม่สนใจและนอนหลับไปนานแล้ว และเวทมนตร์ที่ว่าก็ทำให้ฮารุพูดออกมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวเช่นกัน

    ไม่รู้ตัว...แม้กระทั่งน้ำที่ขังอยู่ในตาที่ไม่ได้รับการปลดปล่อยมานานเริ่มจะไหลออกมาทีละน้อย

    “ครั้งสุดท้ายที่ดู รู้สึกจะเป็นเมื่อหนึ่งปีก่อนมั้ง”

    “...” ฮิบาริเงียบ ขณะลอบสังเกตุใบหน้าฮารุไปด้วย ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวว่ากำลังร้องไห้

    “ฉันกับพ่อสัญญาว่าปีนี้จะมาดูหนังผีด้วยกันอีก แต่พ่อไม่อยู่แล้วนี่ และพ่อก็ยังไม่ทำตามสัญญาเลย...ฉันไม่เคยดูหนังผีโดยไม่มีพ่อ หลังจากที่พ่อตาย ก็เลยไม่ได้ดูอีกเลย จนเปิดมาเจอเจ้านี่พอดีน่ะแหละ พอนึกได้ว่าเรื่องที่ตั้งใจว่าจะมาดูกันปีนี้คือเรื่องนี้ โชคดีที่มันเอามาฉายซ้ำ ก็เลยกะดูเผื่อพ่อไปเลยไง เผื่อว่าพ่อจะเหงา”

    “...”

    “แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว คนที่เหงาคงเป็นฉันมากกว่า เพราะตอนนี้พ่อไปอยู่กับแม่แล้วนี่ ทิ้งฉันกับพี่โยโกะไว้สองคน...เฮ้อ” หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ฮิบาริ เพราะเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่ากำลังร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตา เพราะกลัวเขาจะผิดสังเกต และรู้ว่าเธอร้องไห้ มันคงไม่ดี...ถ้าให้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจเห็นความอ่อนแอของตน

    ฝ่ายฮิบาริเมื่อเห็นว่าฮารุนอนหลับไปแล้วก็หลับตาลงบ้าง แต่ในหัวกลับมีทั้งคำพูดของฮารุและคำถามของเขาเองวิ่งวนไปวนมาเต็มไปหมด

    ...ก็พ่อฉันชอบ ฉันก็เลยชอบ...

    ...คนที่เหงาคงเป็นฉันมากกว่า...

    ...พูดแบบนี้แสดงว่าเธอเหงาหรือไงยัยตัวแสบ

    ...แล้วยัยคนที่นอนร้องไห้อยู่ข้าง ๆ จะอยากรู้ไหมว่าคนที่ฆ่าพ่อของเธอเป็นใคร

    ...สงสัยจะต้องลงมือสืบเองอย่างจริงจังเสียแล้ว...

     

     

    วิ้ว... วิ้ว...

    ซ่า... ซ่า...

    เสียงหวีดหวิวของลมในยามค่ำคืนทำให้คนที่กำลังหลับสบายอย่างฮารุลืมตาตื่นขึ้นมา ดวงตาสีน้ำตาลกวาดมองไปรอบ ๆ ตัว ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าต่างระเบียงบานใหญ่ เงาของต้นไม้ที่ถูกแสงกระทบทาบทับเป็นรูปร่างประหลาดน่ากลัว และเพราะลมที่กำลังพัดทำให้ดูเหมือนมันจะเคลื่อนไหวได้

    ภาพในจอโทรทัศน์ที่เพิ่งดูไปครึ่ง ๆ กลาง ๆ กึ่ง ๆ ไม่ได้ดูของฮารุแล่นเข้ามาในหัวทันที ความคิดฟุ้งซ่านเริ่มแวบเข้ามาเรื่อย ๆ เหงื่อกาฬเยนเฉียบผุดขึ้นมาตามไรผม ร่างบางเริ่มขยับเข้าไปใกล้หมอนข้างขึ้นทุกที ๆ และถึงแม้รู้ว่าถ้าล้ำเขตหมอนข้างนี้ไปแล้วเธออาจจะตายได้ เธอก็ไม่สน ตายด้วยน้ำมือคนดีกว่าน้ำมือผี อย่างน้อยเธอก็มั่นใจว่าคนที่กำลังหลับอยู่ข้าง ๆ เธอสามารถฆ่าเธอให้ตายโดยไม่รู้สึกเจ็บได้ แต่ผีนี่ไม่แน่

    วิ้ววววว...

    ลมที่พัดแรงมากขึ้นส่งผลให้เงาต้นไม้ยิ่งขยับมากขึ้น จึงทำให้ฮารุคิดไปเองว่ามันกำลังจะเข้ามาหาเธอแล้ว

    “ฮิ...ฮิบาริ” เสียงเล็กร้องเรียกเบา ๆ แต่เพียงเสียง ๆ ก็ทำให้ร่างสูงตื่นได้ไม่ยาก เขาลืมตาขึ้น มองไปทางฮารุที่กำลังนั่งอยู่บนหมอนข้างพอดีเป๊ะไม่ขาดไม่เกินมาในพื้นที่ของเขา แล้วถามเบา ๆ

    “มีอะไร”

    “นะ...นั่น ! ผี~!” หญิงสาวหลับตาปี๋  มือชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปทางเงาต้นไม้

    เมื่อฮิบาริมองไปเห็นก็ทำหน้าเอือมระอา และพูดเตือนสติว่า “นั่นมันเงาต้นไม้ ยัยบื้อ”

    แม้จะไม่ชอบใจที่โดนด่าสักเท่าไร แต่ฮารุก็ยังเถียงกลับอยู่ดีว่า “เงาต้นไม้บ้าบออะไรขยับได้ฮะ ถ้าต้นไม้มันขยับได้จริงก็คงเรียกว่าเป็นต้นไม้ผีแล้ว !” ปากว่าปาว ๆ แต่กลับย้ายก้นมานั่งข้างฮิบาริเรียบร้อย แถมมือเล็ก ๆ ยังคว้าแขนเสื้อเขาไว้อีกต่างหาก

    “เธอโง่หรือโง่ เห็นมั้ยว่าลมมันพัดอยู่ ต้นไม้ก็ต้องขยับเป็นธรรมดา” ด้วยการอธิบายด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกชัดว่า กรูเซ็งเต็มที่ฮารุเลยเข้าใจแจ่มแจ้ง มือซ้ายเกาหัวเขิน ๆ และยิ้มแหย ๆ ออกมาเล็กน้อย

    “อะ...อ้าวเหรอ แหะ ๆ”

    “ดูหนังผีแล้วเก็บมาคิดเป็นตุเป็นตะ” ฮิบาริพึมพำเบา ๆ พร้อมกับส่ายหน้า

    “...?” ฮารุเอียงคอมองเขาอย่างสงสัยว่าเขาพูดอะไร แต่ยังไม่ทันถาม เขาก็ชิงเอ่ยขึ้นก่อน

    “กลับไปที่ตัวเองได้แล้ว” ชายหนุ่มพูดพลางบุ้ยหน้าไปที่เตียงอีกด้านซึ่งเป็นที่นอนของฮารุ

    “เออน่ะ ก็ไม่อยากมานักหรอก ที่ของนายน่ะ ฮึ” ฮารุเบ้หน้าบ่นกระแทกกระทั้น

    “...เพราะฉันรังเกียจ” คำพูดต่อจากประโยคที่แล้วที่มาพร้อมกับการใช้มือปัดเบา ๆ ตรงที่ที่เธอเคยนั่งอยู่ทำให้ฮารุอารมณ์พุ่งปรี๊ด โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ชี้หน้าด่าคนที่กำลังเอนตัวลงนอนอีกครั้ง แต่กลับไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าเขาดี หรือพูดง่าย ๆ ก็คืออาการจุกปากนั่นเอง

    “ไอ้...ไอ้...ไอ้เลวววว” นั่นคือคำคำเดียวทที่ฮารุด่าเขาได้ในตอนนั้น...

    แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ร่างบางที่ยังไม่หายขวัญอ่อนอยู่ดีก็เขยิบเข้าไปใกล้ หยิบหมอนข้างออกอย่างแผ่วเบา และเคลื่อนตัวไปนอนข้างเขาอย่างเงียบเชียบพลางคิดว่า

    ...อย่างน้อยมีคนอยู่ข้าง ๆ ก็ยังดีกว่านอนคนเดียวกับผีล่ะว้า

    แต่พอมองไปเห็นใบหน้ายามหลับที่แม้แต่เวลาหลับก็ยังคงความนิ่งไว้ได้เหมือนตอนตื่นเดี๊ยะ ๆ เธอก็เริ่มคิดแล้วว่า

    ...หรือบางทีฉันอาจจะกำลังนอนข้างผีดิบอยู่ก็เป็นได้นะ

     

    (End 3rd Night)

     

     

    TBC Next Chapter .,

    ขอกราบสวัสดีแฟนฟิคทุกท่านงาม ๆ ค่ะ. คิมจอยซูกลับมาแล้ว ! หายไปนานเท่าไหร่นั้นไม่สำคัญ, สำคัญแค่ว่ากลับมาแล้ว และไม่ได้ทิ้งอะไรไป ฮาฮ่า. ไม่ได้เข้าเด็กดีมานานเลย คิดถึงค.รู้สึกตอนได้คุยกับทุกคนตอนอั๊พตอนเป็นบ้า คิดถึ๊งคิดถึงนะคะ กลับมาครั้งนี้จะไม่ทำให้ผิดหวังค่า

    พีเอสซึ; เข้าค่ายมา ปวดขาโฮก คะแนนสอบอยู่ในเกณฑ์ “นู๋พอใจฮะ” แล้วล่ะ :D

    ปอลอ. บทนี้มีหลายอารมณ์มาก ฮาก็มี ดราม่าก็ด้วย และยังคงกัดกันเหมือนเดิม จอยชอบตอนนี้อ่ะ ! ;3



    Thankz Theme : nu eng

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×