คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : chapter 12 : My ice prince
12
My ice prince
It’s not your fault , those hands are freezing
มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอก , มือพวกนั้นกำลังแช่แข็งแล้ว
Born from these childish days , you carry the scars
กำเนิดมาจากวันเหล่านั้น คุณคงต้องแบกรับรอยแผลพวกนั้นอยู่
Are you afraid to love someone?
คุณกลัวที่จะรักใครสักคนหรือเปล่า?
You pretend not to see the other side of the words
คุณแกล้งทำเป็นไม่เห็นด้านอื่นๆ ของคำเหล่านั้น
The embraced heart slowly starts to thaw . Like ice.
หัวใจที่กำลังถูกรัดเริ่มที่จะผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ ... เหมือนน้ำแข็ง*
* Love in the ice : TVXQ ,, Trans : enjoy xiah [writer]
หากเพียงว่าฮารุเป็นเจ้าหญิง แล้วเจ้าชายคนไหนกันหนอ... ที่จะโชคดีหรือโชคร้าย พรหมลิขิตบันดาลให้มาเจอกับฮารุ?
สำหรับวันนี้... น่าจะเป็นเจ้าชายน้ำแข็งแฮะ
วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่น่าเบื่อ เฮ้อ อะไรก็ดูขวางหูขวางตาไปเสียหมด เมื่อไร้คู่เดินเคียงข้าง ย้าก ไม่ได้ตั้งใจจะเน่า แต่มองไปรอบๆ ตัวแล้วมันเกิดอิจฉาคนมีแฟนก็เท่านั้น... ก็เท่านั้นเอง L
ปิดเทอมฤดูร้อนของเด็กสาวชาวญี่ปุ่น... มันควรจะได้ไปเดทสวีทวิดวิ่วกับแฟนหนุ่มมิใช่รึ? แล้วไหง... T[]T
ตอนนี้ฮารุกำลังเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวตรอกซอกซอยต่างๆ แหม ก็คนมันว่างนี่ แถมกะตังค์ยังอยู่ที่บ้าน เนื่องมาจากวิ่งหนีคำเรียกใช้งานแบกหามของแม่ (เคยโดนมาครั้งหนึ่งตอนสึนะซัง ขอบอกคำเดียวว่าเข็ดไปสามชาติเลยค่า)
...เฮ้ย แล้วทำไมแถวนี้มันเปลี่ยวงี้ฟะเนี่ย ไม่เอาๆ รีบลี้ดีกว่า
ฮารุคิดในใจและเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้น เพื่อลัดเลาะไปที่ทางออกซึ่งเป็นย่านที่มีคนพลุกพล่านกว่า และทันใดนั้น...
“อุ๊ย ฮิบาริซัง! ใช่จริงด้วย ว้าว! ยอดไปเลย!” ฮารุอุทานขึ้นเมื่อสายตาที่สอดส่ายระแวงไปทั่วดันมองไปเห็นชายหนุ่มผมดำหน้าโหด (แต่หล่อ) ที่คุ้นตา
“มีอะไรอีกล่ะ?” ฮิบาริซังปรายสายตามามองนิดหน่อย พอเห็นหน้าฮารุก็ถอนหายใจยาวออกมาอย่างไม่คิดจะรักษาหน้ากันเลย
...อ๊ากกก ทำหน้าแบบนั้นเวลาเจอเลดี้ผู้เปล่าเปลี่ยวแถมน่ารักสุดๆ อย่างฮารุมันหมายความว่าไงกันค้า!?
“นี่ ทำไมทำสีหน้าแบบนั้นเวลาเจอฮารุจังที่แสนน่ารักคนนี้กันคะ!? L” ฮารุเริ่มเปิดฉากโวย
“-_-“ แต่ฮิบาริซังไม่สนใจ เขาเบือนหน้าออกไป และก้าวเท้าเดินต่ออย่างไม่สนแล้ว
“จะไปไหนเหรอคะ?” ด้วยความหมั่นไส้นิดๆ ปนดีใจที่มีเพื่อนร่วมเดินทางแล้ว (รู้สึกเหมือนอันหลังมากกว่าประมาณสามสิบต่อเจ็ดสิบนะ) ฮารุจึงเดินกึ่งวิ่ง (ขายาวนักนะ ชิส์) ไปพร้อมกับถามเขา
“แล้วมันเรื่องอะไรของเธอล่ะ” เขาย้อนกลับด้วยสีหน้าเย็นชาปกติ แต่คำพูดกลับกวนโซนทีนอย่างน่าเหลือเชื่อ (ในโฆษณาก็มี แอบจิ๊กมุกมาใช้ ฮ่าๆๆๆ)
“เชอะ เรื่องของผู้ร่วมทางย่ะ ฮิบาริซังไปไหน ฮารุก็จะไปด้วย เพราะตอนนี้ฮารุ... ว่างมาก” ฮารุรับคำเสียงอ่อย (ในคำท้ายสุด) แต่ถึงจะพยายามทำตัวดีๆ คำตอบที่ได้รับจากเขาก็คือ
“ฉันไม่ว่างมาทำอะไรไร้สาระแบบสัตว์กินพืชกับเธอหรอก” ว่าแล้วเขาก็เร่งฝีเท้าเดินขึ้นอีก
“อ๊า รอด้วยสิ!” จากตอนแรกที่ต้องก้าวขายาวมากกว่าปกติเกือบเท่าเพื่อเดินตามเขาให้ทัน แต่ตอนนี้มันกลายเป็นวิ่งไปแล้ว วุ้ย ไอ้คนขายาว รอกันบ้างสิว้อยยย
“จะตามมาทำไมอีก” เขาพูดด้วยสีหน้ารำคาญหน่อยๆ
...เมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ ก็ต้องใช้ไม้อ่อนเข้าลูบ! (เอ๊ะ มันแปลกๆ นะว่ามั้ย?)
“นี่ฮิบาริซัง ไม่จำเป็นต้องปฏิเสธฮารุหรอก แค่เดินไปเงียบๆ เท่านั้นแหละ ส่วนฮารุเองแค่ขอเดินข้างๆ ไม่ได้... เหรอ?” ฮารุพูดพร้อมกับทำหน้าอ้อนวอนเหมือนหมาขอกระดูก
“-_-“ ฮิบาริยังคงทำหน้าเย็นชา
“น้าๆ” ฮารุขอร้องอีกรอบ พร้อมส่งสายตา
ปิ๊งๆ *O*
“-_-” หน้าเย็นชา
“*_*” ปิ๊งๆ (?)
“-_-;” เริ่มแล้วๆ
“*O*+” วิ้งๆ
“ฮึ L” ฮิบาริหันหน้าหนีและรีบเดินไป
แก๊งๆๆๆ
And the Oscar goes to
นังฮารุจอมมารยา
...เย้ ฮารุชนะเลิศในศึกจ้องตาครั้งนี้ค่า~ >O<
“ฮิ งั้นฮารุขอตามไปเงียบๆ นะ” ฮารุพูดขึ้นอย่างลิงโลด
“...คนอื่นมันไปตายที่ไหนกันหมด -_-^” ฮิบาริซังแอบสบถเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ขับไสไล่ส่งฮารุเหมือนเมื่อกี้
“ไม่รู้สิ ฮารุก็ไม่เห็นเลยเนี่ย ปิดเทอมนี่น่าเบื่อจัง” ฮารุตอบกลับ
ไม่รู้อะไรดลใจ อยู่ดีๆ พอฮารุมองเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของฮิบาริซังที่เต็มไปด้วยอณูความเย็นชาโหดร้ายแล้ว คำถามนี้ก็ออกจากปากไปซะเฉยๆ
“นี่... ทำไมฮิบาริซังถึงไม่เคยยิ้มให้ฮารุเห็นเลยล่ะ?” สิ้นคำถาม คนที่เดินอยู่ข้างๆ ก็ดูเหมือนจะชะงักฝีเท้าลงไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเดินต่อทันทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฉันไม่ชอบยิ้ม”
“ทำไมล่ะคะ คนหน้าตาดีอย่างนายน่ะ เวลายิ้มต้องยิ้มสวยแน่ๆ เลย” เมื่อได้ยินคำตอบของเขา ฮารุก็ยิ่งคะยั้นคะยอใหญ่
“...มันเรื่องของฉัน” เขาว่าและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น จนฮารุต้องก้าวเท้ายาวขึ้นเพื่อตามให้ทัน
“งั้นอีกคำถามนะ ทำไม... นายถึงไม่ยอมเปิดใจให้คนอื่นเลยล่ะ” มาถึงคำถามนี้ ดูเหมือนว่าคนที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินเหลือเกินจะหยุดนิ่งไม่ติงนังไปเลยแฮะ
“ฮารุไม่รู้หรอกว่าทำไม แต่สิ่งที่ฮารุรู้ก็คือ ถ้านายยังเป็นมนุษย์ นายก็ขาดเพื่อนไม่ได้หรอก”
วิ้ววว ซ่า
เสียงลมที่พัดมาดังขึ้นท่ามกลางความเงียบของเรา ลมนั้นพัดเอาใบไม้ปลิว ต้นหญ้าโยกไหว แต่ลมที่พัดมากระทบร่างของฮารุและเขาในเวลานี้... เหมือนลมที่พัดมีดนับร้อยนับพันมาปักยังร่างของเราเลย
...เพราะตอนนี้ที่นี่เต็มไปด้วยความอึดอัด
เนื่องมาจากคนข้างๆ หยุดนิ่ง สายตาที่เคยโหดร้ายเย็นชากลับว่างเปล่า เหมือนกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ฮารุรู้... ดวงตาสีดำสนิททั้งสองข้างไม่ได้หันมาทางฮารุ แต่พวกมันเหม่อมองไปในที่ที่ไกลแสนไกลต่างหาก
นี่... หรือว่าฮารุพูดแทงใจดำเขาเหรอ?
“เอ่อ ไม่ตอบก็ไม่เป็นไรนะ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ” ฮารุพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิด
“...” คำตอบจากเขายังคงเป็นความเงียบ
“นี่ฮิบาริซัง”
“...?” เขายอมละสายตาจากที่ที่เหม่ออยู่ และหันมามองฮารุ
“ช่วยไปกับฮารุหน่อยได้มั้ย?”
“หือ -*-?” เขาขมวดคิ้วเป็นเชิงคำถาม
“เอาน่าๆ ไม่ไปฮารุจับปล้ำจริงๆ นะ L” เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ฮารุก็เริ่มต่อรองแบบเด็กๆ
“ฮืม... เธอเนี่ยนะ” เขาแสยะยิ้มชั่วร้าย
“เอาน่ะ ตามมาๆ ฮารุจะไถ่โทษที่ทำให้คิดมากละกัน รับรองว่าคุ้มเกินราคา ^^” ฮารุดึงแขนเสื้อเขาเบาๆ และหันไปแย้มรอยยิ้มที่คิดว่าดูดีที่สุดในชีวิตให้เขา... เพื่อให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น
โดยที่ฮารุไม่รู้ ว่าเมื่อกี้นี้... คนที่เดินตามมาช้าๆ ข้างหลัง จ้องมองรอยยิ้มของฮารุเนิ่นนานเหมือนต้องมนตร์สะกดเลยทีเดียว
“เอ้า ถึงแล้วจ้า~” ฮารุพูดด้วยเสียงเริงร่าเมื่อมาถึงที่หมาย
ที่ที่ฮารุพาเขามาก็คือสวนสาธารณะที่โกคุเดระซังเคยพามาเมื่อวันก่อนนู้น เพราะฮารุคิดว่ามันเป็นที่ที่ทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลายได้ดี ถึงแม้ว่ามาแล้วจะอดคิดถึงดวงตาสีเขียวอ่อนเศร้าๆ ของเขาไม่ได้ก็ตาม
...ฮิบาริซังก็คงเป็นแนวเดียวกับเขาล่ะมั้ง พวกไม่เคยได้รับความอบอุ่นน่ะ
(เดี๋ยวนี้ไม่กล้าเรียกปลาหมึก เพราะเห็นความเจ็บปวดของเขาแล้วรู้สึกว่าตัวเองเลวมากที่ไปล้อเขา แง)
“หืม...” คนที่เงียบมาตลอดทางครางออกมาเบาๆ ฮารุคิดว่าอารมณ์ของเขาตอนนี้คงจะเป็น... พอใจล่ะมั้ง? ฮี่ๆ
“เนี่ย ฮารุได้ยินว่าฮิบาริซังเป็นคนรักสันโดษ ฮารุคิดว่าที่นี่มันเงียบและคนน้อยดี ก็เลยกะพามาสูดอากาศเล่นแน่ะ” ฮารุเริ่มสาธยายสรรพคุณของที่นี่เหมือนเคยมาเป็นสิบครั้ง แต่จริงๆ ก็แค่ครั้งสองครั้งอ่ะ
“...” คนข้างๆ หันมาจ้องฮารุอย่างแปลกใจ
“อ้าว ไม่ถูกใจเหรอ -3-“ ฮารุแกล้งทำเสียงงอน
“...เปล่า... ทำไมเธอถึงรู้ดีนักล่ะ” คำตอบต่อมาของเขาทำให้ฮารุยิ้มออก
...แหม ถูกใจอ่ะเด้ ปากแข็งนะยะ กิ๊วๆๆ J
“ผิดด้วยเหรอที่เราจะต้องการรับรู้ความเป็นอยู่และอุปนิสัยของคนสำคัญในชีวิตเรา?”
“
!” ฮิบาริดูอึ้งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ
“...โกหก”
“หา?” ฮารุทำหน้างง ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาพูด
“สัตว์กินพืชอ่อนแอทุกตัวมันก็พูดกันแบบนี้! ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมันก็แค่อยากเอาอกเอาใจ สักพักพอให้ความสำคัญ พอมันเจอคนใหม่มันก็จากไป! เหลือแต่คำโกหกโง่ๆ ที่ให้คนโง่หลงเชื่อเท่านั้นแหละ!”
เสียงที่ดังขึ้นของเขาทำให้ฮารุถึงกับสะดุ้ง สีหน้าเย็นชาโหดเหี้ยมอำมหิตขณะพูดของเขาทำให้ฮารุกลัวจับใจ แต่เมื่อลองพิจารณาคำพูดดูดีๆ แล้ว...
...เขาคือคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกด้านเดียวที่น่าสงสารมาตลอดเลยสินะ
...เขาไม่เคยได้รับความจริงใจจากใคร ไม่ว่าจะจากพ่อ แม่ ครอบครัว และคนรอบข้าง เขาจึงเติบโตมาพร้อมกับความคิดผิดๆ ที่ว่า ‘ทุกคนบนโลกนี้ไม่มีใครสามารถเชื่อใจได้ นอกจากตัวเองเท่านั้น’
งั้นเหรอ... ภายใต้สีหน้าเย็นชาโหดเหี้ยมของเขา มันคือความรู้สึกอะไร ฮารุพอจะรู้แล้ว และฮารุเชื่อว่าเขาพยายามหลอกตนเองมาตลอดว่าเขาไม่ต้องการ ‘สิ่งนี้’
“แน่ใจหรือว่านายอยากจะปฏิเสธความจริงใจของฮารุจริงๆ”
“ความจริงใจ? หึ ในโลกโสมมใบนี้มันยังมีความจริงใจอยู่อีกงั้นเรอะ น่าขำ” เสียงที่กระแทกแดกดันของเขาไม่ได้ทำให้ฮารุโกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ฮารุเข้าใจ... ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนน่าสงสารที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นหรือความจริงใจจากคนรอบข้างเลย
ฮารุเดินอ้อมไปข้างหลังเขา และพูดเบาๆ ราวกระซิบ แต่เพราะบริเวณนั้นไม่มีคน มันจึงดังก้องไปทั่วรอบๆ ตัวเราสองคน
“เป็นฮารุได้มั้ย?”
“?”
“ฮารุสัญญา ฮารุจะพิสูจน์ให้ดูว่า ถ้าไม่มีใครจริงใจกับนายเลย... ผู้หญิงคนนี้นี่แหละที่จะอยู่ข้างๆ นายเอง”
“...!”
“เย็นชานักใช่มั้ย? โหดเหี้ยมนักใช่มั้ย? ได้ ฮารุจะค่อยๆ ละลายน้ำแข็งในหัวใจนายเข้าไปทีละนิด และสักวัน... ฮิบาริซังก็จะรู้เองว่าความจริงใจมีอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ”
“...”
“อย่ากลัวที่จะยอมเปิดใจให้ใคร อย่ากลัวที่จะรักใคร เพราะสุดท้าย ถ้านายมัวแต่หลอกตัวเอง คนที่จะเจ็บปวดที่สุดก็คือตัวฮิบาริซังเองนะ”
“...หึ สิบคะแนนสำหรับนิทานหลอกเด็ก” หลังจากเงียบอยู่นาน ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น
“ว่าไงนะยะ? -_-+”
“...แล้วจะเก็บไปคิดดูละกัน” เขาพูดและหันหลังเดินจากไป
ทิ้งให้ฮารุยืนยิ้มอยู่คนเดียว...
...แหม เวลาสั่งสอนเด็กดื้อตัวใหญ่ด้วยความพยายามสุดๆ แล้วในที่สุดเขาก็ยอมนิดๆ แต่แอบฟอร์มได้น่ารักสุดๆ เนี่ย... รู้สึกภูมิใจที่สุดเลยยยย ><
ดีใจจังที่วันนี้มีนายอยู่ข้างๆ... เจ้าชายน้ำแข็งของฉัน
Next chapter ,, Waiting for our Yamamoto Takeshi !!
โผล่หัวมาใหม่ หลังจากไม่ได้อัพมายาวนาน ๕๕๕ ดองอีกแล้วตู ฮ๊ะ ๆ แหม ๆ คือจริง ๆ แอบเตรียมพร้อมไว้ตั้งนานแล้วแหละ เพลงก็ทรานส์ซะเรียบร้อย แปลเองด้วยนะ จากอังกฤษเป็นไทย โฮ่ ๆ ๆ เพราะฉะนั้นมันอาจจะมีบางคำที่ไม่ค่อยสละสลวยนัก เนื่องจากจอยนึกคำมาแปลได้ทื่อมาก ๆ แต่ก็พอจะมองภาพรวมออกแล้วนะ เพลงนี้ ... เหมาะกับคุณพี่ฮิบาริมว๊ากกกก ชื่อเพลง Love in the ice ของทงบังชินกิ (อีกแล้วกุ ขายของอีกแล้ว กร๊ากก.) แต่เป็นเวอร์ชั่นเจแปน บางคนอาจจะเคยได้ยินเพลงนี้มาบ้าง เพราะเป็นเพลงที่ความหมายลึกซึ้งมาก แถมเวลาร้องอาแคปเปลล่ายังเพราะจนรู้สึกขนลุกเลยทีเดียว อะไรจะร้องเก่ง+เสียงดีกันปานนั้น โอ้ มายดาร์ลิ่ง มาจ๊วบที๊ *O* ฮ๊า ๆ ๆ ๆ
พาร์ทนี้เป็นพาร์ทมายปริ๊นซ์ ออกแนว ... ไรท์เตอร์คิดมุกม่ายออก ฮ่า ๆ ๆ ไม่เกี่ยว ๆ ออกแนวเทพนิยาย แต่จริง ๆ แล้วมันก็เบสิกโคตร ๆ อย่างที่เห็นอ่ะ แต่มันจะออกซึ้ง ๆ ฮิ ๆ ,, เออฟ่ะ ลืมคำว่า “ฮาฮิ” ไปเลยอ่ะ แง้ อิมเมจหนูฮารุหลานจอยหายไปหมดแย้วววว
เปิดเทอมแล้ว สู้ ๆ นะ เอ๊ะ รู้สึกเหมือนกุเพิ่งเปิดอยู่คนเดียว ๕๕๕ ยังไงก็จะพยายามมาอัพให้เร็วที่สุดละกันค่ะ
รักมากมายขาก่ายหน้าผาก
ไรท์เตอร์ เอ็นจอย ซีอา {enjoy xiah}
ความคิดเห็น