ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Oleander's Felony ❤ กับดักรักร้ายของนายจอมโหด {1886 TYL}

    ลำดับตอนที่ #1 : Oleander's Felony ❤ } prologue

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.69K
      12
      12 พ.ค. 53





    ถ้าหากจะเปรียบฉันเป็นดอกไม้แล้ว…

    ฉันขอเปรียบตัวเองเป็นเหมือนดั่งดอกยี่โถ

    ดอกไม้ที่ภายนอกอ่อนหวาน แต่พอได้สัมผัสมันแล้ว…

    พิษของมันจะทำให้คนที่สัมผัส… ต้องตายมลายไป

    ใช่ ผู้หญิงหวานนอกร้ายในอย่างฉันนี่แหละ…

    จะเป็นคนละลายกำแพงน้ำแข็งในหัวใจนาย

    แล้วขยี้ให้มันไม่เหลือชิ้นดีเอง!

     

    If you know your love ,, be true to yourself… and follow your heart.

     

    ถ้าคุณรู้ว่าใครคือคนที่คุณรักแล้ว ,, ซื่อตรงต่อตัวเอง… และทำตามสิ่งที่หัวใจเรียกร้อง.

     

    บทนำ

     

    prologue

     

    ซ่า… ซ่า…

     

    “ฮึก… พ่อคะ”

     

    ในยามราตรีที่เสียงฝนตกกระหน่ำลงมานั้น ยังมีหญิงสาววัยยี่สิบกว่านั่งร่ำไห้กอดป้ายหลุมศพของผู้เป็นบิดาไว้อย่างเศร้าโศก  ที่หน้าหลุมศพมีดอกคาร์เนชั่นที่เจ้าของหลุมศพโปรดปรานวางไว้ช่อใหญ่  ที่ข้างๆ ช่อดอกไม้นั้นคือ… จดหมาย… ที่เต็มไปด้วยคราบเลือดน้ำตาล  เป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่า… ตอนที่เลือดกระเซ็นมาโดนจดหมายฉบับนี้ ผ่านมานานพอสมควรแล้ว

     

    ใช่ ผ่านงานศพของผู้ตายมาวันนึงไงล่ะ  และจดหมายฉบับนี้ จดหมายที่ตำรวจค้นเจอในห้องของผู้ตาย ได้ถูกเขียนไว้ให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ‘มิอุระ ฮารุ’

     

    แต่… เธอยังไม่ได้เปิดอ่านมัน  อาจเป็นเพราะความสูญเสียครั้งนี้ ครั้งที่ทำให้เธอแทบสิ้นสติเมื่อได้ยินคำพูดที่ว่า ‘พ่อของเธอตายแล้ว’ เธอทำใจยอมรับไม่ได้ ได้แต่นั่งเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิตอยู่ในห้องตัวเอง เพราะในตอนนี้… เธอไม่เหลือครอบครัวอีกต่อไปแล้ว…

     

    ไม่เหลือเลย… แม้ซักคน

     

    นี่เธอจะต้องอยู่เผชิญหน้ากับความโหดร้ายของโลกนี้ต่อคนเดียวงั้นรึ?

     

    เธอนั่งร้องไห้พลางคิดไปด้วยอย่างคนที่ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ใช่สิ ก็เธอไม่เหลืออะไรแล้วจริงๆ นี่นา…

     

    เจ็บใจที่สุด…

     

    เสียงในใจเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในสมองของเธอ พลันแววตาของเธอจากที่เคยเศร้าหมอง เปลี่ยนกลายเป็นแววตาโกรธขึ้ง เย็นชาดุจดั่งมัจจุราช อะไรกันนะที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปในชั่ววินาทีได้อย่างนี้?

     

    เพราะพวกตระกูลฮิบาริ เพราะพวกมันแท้ๆ!    

     

    เธอคิดขณะขบเคี้ยวเขี้ยวฟันจนเกิดเสียงดังกรอด…

     

    “หนูรับรองค่ะ หนูจะจองเวรพวกที่มันฆ่าคุณพ่อไปตลอดชาตินี้เลย!!”

     

    ซ่า… ซ่า…

     

    ท่ามกลางสายฝนที่สาดลงมาไม่หยุดยั้ง…

     

    …และจดหมายเปื้อนเลือดที่ยังคงไม่ได้เปิด

     

     

     

    10 . 26 p.m.

     

    เธอนั่งรถแท็กซี่กลับคฤหาสน์ของเธออย่างเหม่อลอย  ในใจคิดถึงคำพูดของพ่อที่คอยปลอบประโลมเธอในวันที่เธอร้องไห้  สำหรับเธอแล้ว  คุณพ่อคือรักแรกของเธอ  ในตอนที่เธอยังเด็ก  เธอคิดถึงวันข้างหน้าว่าถ้าเกิดไม่มีพ่อแล้วเธอจะอยู่ได้ยังไง  จะมีชีวิตที่ดีมั้ย  แล้วใครจะช่วยอยู่กับเธอในวันที่เธอไม่เหลือใครแล้ว  และในวันที่เธออ่อนแอที่สุดอย่างเช่นวันนี้…

     

    เพราะผู้หญิงอย่างเธอไม่ชอบแสดงด้านที่อ่อนแอของเธอให้ใครเห็น…

     

    …ฉันจะทำยังไงต่อไปดีนะ

     

    เธอคิดอย่างจนใจ  เพราะครอบครัวของเธอเหลือเธออยู่คนเดียว  ที่เหลือก็เป็นญาติห่างๆ เท่านั้น  ไม่ได้สนิทอะไรมาก  หนทางข้างหน้าที่มืดมนจนเธอท้อ  ไม่ใช่ว่าชีวิตเธอจะลำบาก  แต่เธอจะไม่มีที่พึ่งทางใจแล้วต่างหากล่ะ  ต่อไปนี้เธอจะต้องนั่งทำงานในบริษัทคนเดียว  จะไม่มีเวลาว่างคุยกับพ่อ กับแม่  และกับเพื่อนอีกแล้ว 

     

    เธอนั่งเหม่อมองวิวทิวทัศน์ด้านนอกรถขณะที่รถยังแล่นไปเรื่อยๆ  สีสันยามค่ำคืนของโตเกียวนั้นสวยงามนัก  ต่างกับจิตใจของเธอที่มืดมนเหลือเกิน  ถึงจะเป็นอย่างนั้น  แต่เธอก็รู้แล้วว่ายังไงวันนี้ก็ต้องมาถึง  สิ่งที่คุณแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปนานแล้วด้วยโรคมะเร็งดังขึ้นมาในห้วงความคิดของเธอ

     

    ‘ฮารุ  ลูกจงเข้มแข็ง  ในวันที่พ่อกับแม่ไม่อยู่  สักวันลูกก็จะมีคนที่สามารถปกป้องลูกได้เดินเข้ามาในชีวิต’

     

    …แล้วมันอีกนานเท่าไหร่ล่ะ  จะต้องใช้เวลาอีกกี่ปีๆ เธอถึงจะได้เจอกับคนๆ นั้นกัน ?

     

    “คุณครับ  ถึงแล้วครับ” เสียงของโชเฟอร์ขับแท็กซี่ปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ที่แสนเหน็บหนาว

     

    “อ่า นี่ค่ะ” เธอยืนเงินให้เขาและเปิดประตูรถ  เดินไปที่คฤหาสน์ด้านหน้าเธอที่มีรั้วกว้างใหญ่

     

    “เชิญครับคุณหนู”  ยามที่เฝ้าอยู่ด้านหน้ารีบกดสวิตช์เปิดประตูรั้วให้เธอทันที

     

    เธอหันไปส่งยิ้มขอบคุณ  แต่มันดูเป็นยิ้มที่ไม่จริงใจเอาซะเลย  มองดูเหมือนยิ้มแกนๆ มากกว่า

     

    เธอเดินไปเรื่อยๆ อย่างเชื่องช้า  ประตูคฤหาสน์อยู่ข้างหน้าเธอแล้ว  แต่เธอกลับหมุนตัวเดินไปตามทางหินอ่อนด้านข้างแทน

     

    เสียงส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนดังกังวานเป็นระยะๆ  สุดปลายทางของทางเดินหินอ่อนเย็นเยียบนี่คือสวนดอกไม้แสนสวยที่มีดอกไม้อยู่นับร้อยนับพัน  หากแต่มีดอกไม้เพียงชนิดเดียว…

     

    ดอกยี่โถหลากสีเบ่งบานในความมืด  เธอนั่งลงที่พื้นหญ้าแฉะๆ เนื่องจากฝนตก  แล้วเหม่อมองไปยังพุ่มที่มีดอกยี่โถสีชมพูดูอ่อนหวานนั้น…

     

    …ถึงแม้ตอนนี้มันจะเป็นสีดำเนื่องจากความมืดก็ตาม

     

    เธอยังจำได้ไม่เคยลืม  ว่าตอนเด็กๆ พ่อของเธอเคยพาเธอมาที่สวนดอกไม้ที่มีดอกยี่โถหลายสีนี้  แล้วถามเธอว่า

     

    ‘ฮารุเปรียบตัวเองเป็นดอกไม้อะไร  สีอะไรเหรอลูก ?’

     

    แน่นอนว่าเธอตอบว่าดอกยี่โถสีชมพู  เพราะดอกยี่โถนั้นภายนอกดูไม่มีพิษมีภัย  แต่พอได้สัมผัสมันแล้ว… พิษของมันอาจทำให้ตายได้เลยทีเดียว

     

    และที่เธอเปรียบเป็นสีชมพูนั้น  เหตุผลก็เพราะว่าผู้หญิงอย่างเธออ่อนหวานและเปราะบาง  แต่นั่นเป็นเพียงแค่เปลือกนอก  ภายในของเธอร้ายกาจ  แสบ แซสซี่มาก  เธอจึงเปรียบเทียบตนได้ดั่งดอกยี่โถซึ่งมีสีชมพูสวยหวานนั่นเอง

     

    เวลาผ่านไปนานทีเดียว  กว่าเธอจะลุกขึ้นและรีบเดินออกจากคฤหาสน์  เพื่อไปซื้อเสื้อผ้า  เพราะเธอฉุกคิดได้ว่า เสื้อผ้าของเธอนั้นเป็นชุดที่ไม่เหมาะกับการทำงาน  เธอจึงต้องไปซื้อเสื้อผ้าที่ดูสุภาพหน่อย

     

    เธอคิดได้ดังนั้นก็รีบจ้ำอ้าวออกจากประตูรั้วสูงของคฤหาสน์ไปทันที

     

      

     

    บรื้นนนน ซ่า…

     

    “…”

     

    ในรถแลมเบอร์กินีสีดำสุดหรู มีชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าหน้าตาหล่อเหลาอยู่คนหนึ่ง ใบหน้าขาวซีด ดวงตาสีดำรัตติกาลแสนเย็นชา และริมฝีปากบางสีแดงสดที่เหยียดเรียบตึงนั้น เป็นที่รู้จักดีในนามของ ‘ฮิบาริ เคียวยะ’ ผู้พิทักษ์เมฆาแห่งวองโกเล่ แฟมิลี่ รุ่นที่สิบ… อดีตกรรมการคุมกฎแสนโหดของโรงเรียนนามิโมริ ผู้ซึ่งเกลียดการรวมกลุ่มเป็นที่สุด… ใครที่อยู่ในวงการมาเฟียแล้วไม่รู้จักเขาก็ถือว่าไม่ใช่มาเฟียแล้วล่ะ!

     

    แต่ก็นะ… ผู้หญิงที่ไม่รู้จักเขาก็มีอยู่เยอะแยะ หมายถึงพวกผู้หญิงที่หลงรักเขาตั้งแต่แรกพบน่ะนะ มีผู้หญิงรุ่นเด็กจนถึงรุ่นป้าที่หลงรักเขา (แค่ภายนอก) เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบผู้ชายหล่อ เลว! แบบแบดบอยน่ะยิ่งใช่เลย ภายนอกของฮิบาริที่ดูเย็นชาแลดูร้ายกาจ ดวงตาสีดำนิ่งเรียบแสนเย็นชาของเขาก็กระชากใจสาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินผ่านเขาได้ไม่รู้กี่คนแล้ว แถมยังบุคลิกสุดเพอร์เฟกต์นี่อีก เรียกได้ว่า เขาน่ะ… ดูดีทุกระเบียดนิ้วเลยทีเดียว!

     

    และที่ลูกคุณหนูหลายๆ คน จ้องจะจับกินเขานั่นก็เพราะ… เขาคือทายาทของตระกูลฮิบาริ! ตระกูลฮิบาริที่แสนมั่งคั่ง โด่งดัง และเป็นที่รู้จัก ในนามของตระกูลเก่าแก่ของญี่ปุ่น และตระกูลโชกุนสูงศักดิ์

     

    พูดง่ายๆ คือ เขาหล่อ รวย เก่ง บุคลิกดี สมบูรณ์แบบ!

     

    แต่สาวๆ ที่จ้องเขาตาเป็นมันเหล่านั้น หารู้ไม่ว่าเขา… รำคาญผู้หญิง!

     

    ใช่ ข้อนี้ลูกสาวนักการทูตใหญ่ของญี่ปุ่นรู้ดี จากการที่เธอพยายาม (แกล้ง) เดินชนเขาในร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่ผลที่ได้รับมาก็คือ แววตาเย็นชาจับขั้วหัวใจ กับคำพูดเชือดเฉือนจิตใจที่ว่า…

     

    ‘เกะกะ…’

     

    แล้วเขาก็เดินจากไปราวสายลมพัดผ่าน ปล่อยให้คุณหนูผู้โชคร้ายนั่งขาแข้งอ่อนอยู่กับพื้น เพราะสายตาน่ากลัวของเขา

     

    ก็เขาเป็นมาเฟียนะ จะมายุ่งกับเรื่องความรักงี่เง่าของสัตว์กินพืชน่ารำคาญพวกนี้ทำไม… แม้แต่ผู้หญิง ก็ยังไม่เว้น ทฤษฎีนี้ของเขาใช้ได้ทั้งหญิง ชาย คนแก่ เด็ก คนท้องใกล้คลอด หรือแม้แต่สุนัขแม่ลูกอ่อนจริงๆ

     

    “ฮ้าว…” เขายกมือขึ้นปิดปากขณะหาว เพราะเวลานี้คือเวลาปกติที่เขาต้องเข้านอนแล้ว

     

    เพราะรถติด เขาจึงไม่สามารถขับรถแลมเบอร์กินีสุดหวงกลับคฤหาสน์ได้

     

    ถ้าไม่ต้องเอารถกลับบ้านตามคำสั่งใครบางคนล่ะก็ ฉันก็คงไม่ต้องมานั่งแหกตาขับรถอย่างนี้หรอก

     

    ฮิบาริคิดในใจขณะซิ่งรถผ่าไฟแดง โฉบกระโปรงผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถือของพะรุงพะรังไปอย่างรวดเร็ว

     

    ช่วยไม่ได้ อยากเดินมาเองทำไม

     

    เขาคิด ขณะทำหูทวนลมกับเสียงกรี๊ดของผู้หญิงคนนั้น และเสียงสบถด่าโคตรพ่อโคตรแม่ของเขาซึ่งดังมาจากรถข้างหลัง

     

    “เฮอะ… ถ้าฉันไม่ง่วง พวกแกถูกขย้ำเละไปแล้ว…” เขาพูดออกมาเสียงเรียบ ดูท่าจะเคืองอยู่ไม่น้อย

     

    บรื้นนนนน

     

    …แต่เขาก็ยังคงขับรถต่อไป และขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ ปาดซ้ายปาดขวาปาดตูดรถคันอื่นอย่างกวนประสาท ราวกับจะทำเพื่อระบายความหงุดหงิดของเขาอย่างนั้นแหละ…

     

    และแล้ว… วินาทีสวรรค์ของฮิบาริก็มาถึง การต้อนรับอย่างดีของคนเฝ้าประตูและคนใช้ในคฤหาสน์ญี่ปุ่นหลังใหญ่ของเขา ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมา… เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าตอนนี้เขาอารมณ์ยังไม่ถึงขั้นหาเรื่องใครเพียงแค่มองหน้าได้

     

    โล่งอก…

     

    ฮู้ย เสียวชิบเป๋ง…

     

    เสียงคนรับใช้ชายหญิงในบ้านคิดกันโครมครามในใจ ด้วยอารมณ์ไหนก็ไม่ทราบ

     

    “ฮิบาริ…” เสียงหญิงสาววัยกลางคนหน้าตาสะสวยคนหนึ่งเรียกเขาให้หันไปมอง

     

    “…?” เขาหันไปเลิกคิ้วถาม ทำนองว่าให้พูดมาได้เลย  เขาฟังอยู่ 

     

    “นานๆ ทีกลับมาบ้าน น่าจะค้างสักหน่อยนะ” เธอพูดเสียงปกติ ไม่มีท่าทางสั่นกลัวเลยแม้แต่น้อย

     

    “สองวัน” ฮิบาริตอบสั้นๆ และเดินขึ้นบันไดไป

     

    เธอเป็นใครกันนะ ผู้หญิงในชุดนอนผ้าแพรสีดำคนนี้…? คนที่สามารถคุยกับฮิบาริได้ปกติซะด้วย!

     

    ริมฝีปากบางสีแดงคลี่ยิ้มร้ายกาจ  มองดูฮิบาริเปิดประตูเข้าห้องอย่างคนมีแผนการ และดวงตาสีดำของเธอก็ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา… เหมือนหมาป่าจะขย้ำลูกแกะเลยทีเดียว

     

     

     

    ณ คฤหาสน์ตระกูลมิอุระ

     

    “เธอดูสิ! เคียวโกะจัง! ไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ขับรถเฉี่ยวสุภาพสตรีสุดสวยที่อ่อนแอบอบบางอย่างฉันอ่ะ! มันน่า…”

     

    [โธ่ เอาเถอะน่าฮารุจัง! เขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอกจ้ะ]

     

    “ไม่ได้ตั้งใจบ้าอะไรล่ะ! ขับผ่าไฟแดงซะเร็วฉิวขนาดนั้นน่ะ! ไอ้ไม่ตั้งใจน่ะพอรับได้ แต่มันไม่โผล่หัวมาดูดำดูดีฉันที่ถูกรถมันเฉี่ยวทั้งๆ ที่ถือของพะรุงพะรังอย่างนั้นเนี่ยนะ! โห แมนชิบเป๋งเลย!”

     

    [เขาเป็นตัวผู้?]

     

    “ใช่!”

     

    [โห งั้นตามใจเธอจ้ะ แหะๆ]

     

    “ฮึ่ย แต่ก็ดี๊! โดนแลมเบอร์กินีราคาเหยียบยี่สิบล้านเฉี่ยว ดีกว่าโดนปิ๊กอัพขนชาเขียวเฉี่ยว หึๆ”

     

    [เอ่อ… -_-;;]

     

    “เอาเหอะ! ยังไงพรุ่งนี้ฉันก็จะเริ่มทำงานในบริษัทพ่อวันแรกละ ให้กำลังใจหน่อยสิ”

     

    [จ้ะ สู้ๆ นะ ฉันจะคอยซัพพอร์ทกับเป็นกำลังใจให้เธอเอง!]

     

    “กรี๊ด อวยถูกใจอ่ะ”

     

    [ฮ่าๆๆ]

     

    “ฮ่าๆๆ…”

     

    แหมะ…

     

    มิอุระ ฮารุ หัวเราะทั้งน้ำตาที่ใหลลงมาจากดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยแสนเศร้า…

     

    ถึงแม้ภายนอกเธอจะยังร่าเริง แต่ภายใน… ไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอกนะ

     

    เพราะเธอไม่อยากให้ใครเป็นห่วง… และโดยเฉพาะเคียวโกะซึ่งขี้เป็นห่วงด้วยแล้ว  ไม่มีทางเด็ดขาดเลย

     

    เฮ้อ เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ มิอุระ ฮารุ… เธอควรจะรีบหาเบาะแสสิ! แต่นี่เธอกลับ…

     

    “บ้าจริง!”

     

    [หา?]

     

    “อ๋อ! เปล่าจ้ะ แค่ฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลยน่ะ ตอนนั้นฉันหกล้ม ล้มลุกคลุกคลานอยู่กับพื้นถนนแฉะๆ น่ะ แล้วตอนนี้ยังไม่ได้อาบน้ำเลยด้วย เลยรู้สึกหงุดหงิดน่ะ” เธอพูดรัวๆ พร้อมกับเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ

     

     [งั้นฮารุจังไปอาบน้ำซะนะจ๊ะ อากาศเย็นแบบนี้เดี๋ยวไม่สบายเอา]

     

    “งั้นแค่นี้ก่อนนะเคียวโกะจัง บ๊ายบาย”

     

    [บายจ้ะ]

     

    ปิ๊บ!

     

    “หึ… ซักวันเถอะ ฉันจะจัดการพวกมันให้ได้เลย คอยดู!”

     

    เธอพูดพร้อมปาดน้ำตาและเดินเข้าห้องน้ำไป…

     

    ทิ้งจดหมายของพ่อเธอไว้บนโต๊ะ…

     

    สุดท้ายจดหมายก็ยังไม่ถูกเปิดเหมือนเดิม…

     

    แต่ถ้าเธอเปิดมันแล้วอ่านดู… เรื่องราวโศกนาฏกรรมรักครั้งนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น…

     

    ต้องขอบคุณความขี้หลงขี้ลืมของเธอจริงๆ…

     

    ไม่สิ… มันเป็น ’พรหมลิขิต’ ต่างหากล่ะ ที่ทำให้เธอและเขาได้มารักกัน!

     

    ใช่ พรหมลิขิตที่ถูกกำหนดไว้โดย ‘ใครบางคน’

     

    คนที่ทำเหมือนเรื่องทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ความจริงแล้ว คนๆ นั้นชักใยเรื่องทั้งหมดอยู่เบื้องหลัง

     

    ใครคนที่ทำให้เธอเข้าใจผิดว่าการตายของพ่อเธอนั้นเป็นฝีมือของ ‘ตระกูลฮิบาริ’

     

    และต่อไปนี้ ใครอีกคนที่เหลือ จะทำให้สองตระกูลที่เคยเกี่ยวดองกันในอดีตแต่หักร้างในปัจจุบัน…

     

    กลับกลายมาเป็นเหมือนอดีตอีกครั้ง

     

    โดยใช้สายสัมพันธ์ระหว่าง ‘เขา’ และ ’เธอ’

     

     

    เรื่องราวทั้งหมดเริ่มจากตรงนี้สินะ

     

     

     

    (End prologue)

     

     

     

     

    To be continued ,, Next chapter !!

     

    อ๋า แวบมาเปิดเรื่องใหม่จ่ะ ;) หลาย ๆ คนบอกว่าเฉย ๆ กับ 1886 ภาคอนาคต ซึ่ง … จอยอาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้มั้ง L แต่ขอรับรองว่ามันไม่ได้ดราม่าอะไรมากแบบในบทนำหรอก จริง ๆ ออกคอมมิดี้ด้วยซ้ำมั้ง = =; เพราะจากการสำรวจ {ตัวเอง} จอยพบว่าจอยเป็นคนชอบแต่งแนวมีสีสันมากกว่าแนวเศร้านะ แบบว่าไม่ชอบทรมานนางเอกง่ะ ;( ขอรับรองว่าตอนอื่น ๆ ไม่เหมือนตอนแรกหรอก มันจะมีดราม่านิด ๆ ในแต่ละตอน แบบนาน ๆ ทีมีนะ เอาให้พอนั่งยานกลับโลกมาได้มั่ง {เพราะมันหลุดโลก ๕๕๕} ตอนอื่นโหด มันส์ ฮาแน่จ้า J

     

    อยากจะบอกว่าช่วงนี้เหงาหงอยแหละ ,, ถ้าไม่มีฟิคต้องจัดการนี่กุคงนอนมองเพดานห้องไปแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ,, ทำตัวเป็นพวกจิตตกอ่ะ แบบคิดอะไรปกติได้แปบเดียว ครู่ต่อมากุเอาเลยค่ะ … กุบิ๊วตัวเองให้ร้องไห้อีกละ เฮ้อ ตอบเม้นบ้างอะไรบ้าง เพื่อคลายเครียดให้ตัวเอง … คุยกับแคสก็จิตสูงขึ้นในระดับนึงอ่ะนะ ฮ่ะ ๆ รักเพื่อนรวมชะตากรรมมว๊ากกกกค่ะ อยากโตไว ๆ จัง …

     

    จะยังไงขอให้ช่วยกันติดตามต่องแต่งด้วยนะคะ จะอัพให้เร็ว ๆ นะค้า

     

    ด้วยรักและด้วยใจหนึ่งห้อง

     

    ไรท์เตอร์ เอ็นจอย ซีอา {enjoy xiah}



    nu eng
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×