ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Four seasons to choose only one[1886 8086 5986 2786+6995]

    ลำดับตอนที่ #19 : chapter 18 : Trip ; Shining to that Maple Tree

    • อัปเดตล่าสุด 4 ก.ย. 53


    18

    Trip ; Shining to that Maple Tree

     

    แม้จะสดใส เจิดจ้าราวแสงอาทิตย์ แต่ลึก ๆ แล้วยังคงโหยหาสิ่งที่ไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีอยู่จริงหรือเปล่า

    ถึงแม้ว่าในฤดูใบไม้ร่วง ต้นเมเปิ้ลจะสวยงามราวภาพวาด แต่พอย่างเข้าสู่ฤดูหนาว มันจะผลัดใบ เหลือเพียงต้นไม้ที่ดูไม่ออกว่าต้นอะไรเท่านั้น ทั้งโดดเดี่ยวและเดียวดายอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ...แค่ช่วงเวลาที่มันต้องการอะไรสักอย่างมาเติมเต็ม...ขอให้แสงแห่งความอบอุ่นจงฉายลงมาที่ต้นเมเปิ้ลต้นนี้ด้วยเถอะ

    ...น้ำมะพร้าวช่างหวานชื่นใจ~

    “อ๊าห์ ขอบคุณนะยามาโมโตะซัง! อร่อยมากเลยล่ะ~” ฮารุเอ่ยขอบคุณคนใจดีที่เพิ่งให้น้ำมะพร้าวแก้วนี้มาเมื่อกี้

    “ไม่เป็นไรหรอก” เขาตอบพร้อมยิ้มให้

    พอพวกเราลงจากเรือแล้วก็เข้าเช็คอินที่โรงแรมเลย ขอบอกตรง ๆ ว่าโรงแรมหรูมากกก ดีใจที่ได้มาจริงจริ๊ง! >,.< และต่อจากนั้นก็จัดของให้เข้าที่ แน่นอนว่าฮารุซึ่งเป็นผู้หญิงได้นอนกับเคียวโกะจังซึ่งเป็นผู้หญิงเหมือนกันอยู่แล้ว แต่ก็ยังงง ๆ อยู่ว่าทำไมมีชายสี่หน่อที่ทำหน้าปูเลี่ยนตอนที่รีบอร์นจังตัดสินแยกห้องให้ฮารุนอนกับเคียวโกะจัง? ซึ่งสี่หน่อนั้นก็คือคนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นเอง

    หลังจากทำอะไรเสร็จหมดเรียบร้อย ทุกคนก็มารวมตัวกันที่ชายหาดหน้าโรงแรม และต่างจับกลุ่มแยกไปกันคนละทางด้วยการ ค้อน กรรไกร กระดาษ -_-; และผลที่ออกมาก็คือฮารุได้ไปเป็นคู่กับยามาโมโตะซัง ส่วนที่เหลือก็ไปกันประมาณกลุ่มละสามคน ไม่อยากเชื่อว่าทำไมถึงมีสองคนหลงมาได้เนี่ย? แต่ฮารุก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรือรังเกียจอะไรหรอกนะ แค่...ประหม่านิดหน่อยน่ะ

    แต่เห็นเขาทำตัวตามปกติก็รู้สึกเกร็งลดลงเยอะเลยล่ะ! ^^

    “แล้วต่อจากนี้เราจะไปทำอะไรกันดีอ่ะ”

    “อืม...ตอนนี้กี่โมงนะ?” เขาไม่ตอบ แต่กลับหันมาถามเวลากับฮารุแทน

    “บ่ายสามเกือบสี่โมง ถามทำไมเหรอ” ฮารุถามด้วยความสงสัย

    “ฉันคิดออกแล้วล่ะ เราไปข้างหลังเกาะกันเถอะ”

    “เอ๋ อะ...อือ ไปสิ ไป ๆ” ถึงจะยังงง ๆ อยู่ แต่ฮารุก็ตกปากรับคำไปแบบกะทันหันแล้ว เอาเหอะ เขาคงไม่พาเราไปปู้ยี่ปู้ยำหรอก อาจจะพาไปสถานที่สวย ๆ นั่งกินลมชมวิวก็ได้! >O<

    ยามาโมโตะซังเดินนำฮารุไปที่รถรางวิ่งรอบเกาะ ก่อนจะเปิดประตูและพยักเพยิดเป็นเชิงให้ฮารุเข้าไปก่อน และจากนั้นเขาก็ตามขึ้นมานั่งข้าง ๆ

    ...อุ๊ย สุภาพบุรุษส่งมาเกิด~ ใครได้เป็นแฟนนี่คงโคตรน่าอิจฉาเลยพะย่ะค่ะ (อย่างน้อยก็ตูล่ะวะที่อิจฉา!)

    พอวิ่งไปได้สักพัก รถก็หยุดลง ฮารุหันไปทำหน้าทำตาถามยามาโมโตะซังที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ประมาณว่า จะลงที่นี่ใช่มั้ย? ซึ่งเขาก็พยักหน้าตอบกลับมา

    เมื่อเปิดประตูรถออกไป สิ่งที่เห็นก็ทำให้ฮารุแทบตะลึง ท้องฟ้าสีครามที่บัดนี้เริ่มจะกลายเป็นสีส้มอ่อน ๆ และทะเลที่ถูกแสงอาทิตย์ยามเย็นย้อมสีส้มแผ่ขยายออกไปจนสุดลูกหูลูกตา ดวงอาทิตย์สีส้มเข้มดวงกลมโตลอยเด่นอยู่ในสายตาของฮารุ มันเป็นภาพที่ถ้าดูจากภาพถ่าย หรือโปสการ์ดจะไม่สวยขนาดนี้ บอกไม่ถูกจริง ๆ ถึงความรู้สึกเพียงแวบแรกที่ได้เห็น ตกใจ ตะลึงงัน มหัศจรรย์ใจ...หรือจะทั้งสามอย่างก็ไม่รู้สิ

    “ว้าว...” ฮารุหลุดคำอุทานออกมาเบา ๆ หลังจากนิ่งอึ้งอยู่นาน

    “สวยจังแฮะ” ยามาโมโตะซังเองก็เช่นกัน เขามองภาพตรงหน้าอย่างชื่นชม

    “จะ...เจ๋งชะมัดเลย ยามาโมโตะซัง! รู้จักที่นี่ได้ไงเนี่ย!?”

    “อ๋อ เจ้าหนูแนะนำมาน่ะ บอกว่า...ถ้าจะจีบหญิงให้พามาที่นี่น่ะ” ประโยคหลังคำพูดของเขาเบาราวกับจะกลืนไปกับสายลมที่กำลังพัดมากระทบตัวพวกเราอยู่ตอนนี้ แน่นอนว่าฮารุซึ่งหูไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งไม่ได้ยินเข้าไปใหญ่ ฮารุจึงขอให้เขาพูดซ้ำอีกครั้ง แต่เขากลับพูดว่า “ฮ่ะ ๆ ไม่มีอะไรหรอกน่ะมิอุระ เชื่อสิ”

    “งั้นเหรอ...อือ ถ้าว่าอย่างนั้นก็ไม่มีปัญหา”

    “งั้นเราไปนั่งตรงนั้นกันดีมั้ย” เขาว่าพลางชี้นิ้วไปที่รั้วกั้นที่วางพาดเป็นแนวยาวจากด้านซ้ายของเกาะมายังด้านขวา ซึ่งรั้วนี่สามารถนั่งได้ด้วย แค่ต้องระวังตกเท่านั้นเอง

    “อื้ม! ดีสิ” ฮารุตอบรับและรีบเดินไปนั่งที่รั้วที่ว่า

    ตอนนี้คนที่นี่มีไม่มากนัก อาจเป็นเพราะช่วงนี้คนมาเที่ยวน้อยก็ได้มั้ง แต่นั่นทำให้เราได้อานิสงส์ความเป็นส่วนตัวไปเต็ม ๆ จะนั่งจะนอนจะยืนบนรั้วก็ไม่มีใครมาเบียด ดีชะมัด!

    “สวยจังเลยเนอะ” ฮารุพึมพำออกมาเบา ๆ ขณะที่มองดวงอาทิตย์อยู่ รออีกนิดมันก็คงจะลับขอบฟ้าแล้วแหละ

    “ใช่ สวย” ยามาโมโตะซังตอบรับ แต่ที่แปลกก็คือ...ตาของเขาไม่ได้มองดวงอาทิตย์ ทว่ามันกลับจ้องมาที่ฮารุอยู่น่ะสิ!

    ...เล่นเอาทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว T////T

    “เอ่อ ฮ่า ๆ” ฮารุหัวเราะแก้เก้อ มือที่เริ่มจะสั่นเพราะความตื่นเต้นยกขึ้นเกาหัวตัวเองเบา ๆ อย่างเขิน ๆ

    “ฮะ ๆ เราไปตรงนั้นกันมั้ย?” เขาเองก็หัวเราะกลับมานิดหน่อย และก็ข้ามประเด็นไปที่แหลมที่ยื่นออกไปในทะเล

    แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า...มันต้องปีนลงทางลาดซึ่งโคตรจะน่ากลัวไปน่ะสิ แถมยังต้องเดินผ่านป่าโปร่งกับทุ่งหญ้าไปด้วยกว่าจะถึงอีกต่างหาก

    “เอ่อ จริง ๆ ฮารุก็อยากไปนะ แต่อย่างฮารุจะไหวเหรอ”

    “ไหวสิ ฉันจะช่วยเธอเอง”

    ...เขายิ้มล่ะ...

    ความกลัวและกังวลใจในตอนแรก ๆ ของฮารุเริ่มจะหายไปทีละน้อย ๆ เพราะฮารุรู้สึกว่าเขาจะสามารถปกป้องฮารุได้ รอยยิ้ม คำพูด และดวงตาของเขาไม่ได้โกหกฮารุ

    “อื้ม!” ฮารุรับคำและลุกขึ้นเดินตามยามาโมโตะซังไปที่บันไดที่อยู่ระหว่างรั้ว

    บันไดนี้สั้นมากถึงมากที่สุด เพราะมีเพียงแค่ห้าขั้น จากนั้นก็จะเป็นพื้นดินพื้นทรายเรียบ ๆ ให้เราเดินไปเอง ซึ่งถ้ารองเท้ามีดอกยางน้อยสงสัยคงจะได้เล่นสกีเป็นแน่แท้ -_-^ เพราะมันเรียบจนน่ากลัวเหลือเกิน

    แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหา เพราะยามาโมโตะซังจะก้าวลงไปก่อน และคอยช่วยจับให้ฮารุค่อย ๆ กระดึ๊บมาทีละนิด ๆ จนมายืนอยู่บนโขดหินที่ยื่นออกมาได้

    เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เราก็มายืนอยู่ตรงหน้าป่าโปร่งที่มีต้นไม้เพียงน้อยนิดแต่มีอาณาเขตยาวไกลแล้ว คราวนี้ฮารุเก่งนะ ฮารุขอเดินนำเองเลย =w= ซึ่งยามาโมโตะซังก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่หัวเราะกลับมานิดหน่อยเท่านั้นเอง

    และอุปสรรคในการเดินป่าก็มาถึง ทางลาด! ทรายเรียบ ๆ กับทางลาด โฮ่ย จะอะไรนักหนากับฮารุเนี่ย เจ้าทางเดินงี่เง่า คนอยากจะสูดกลิ่นทะเลนะเฟ้ย จะขัดขวางกันไปถึงไหนเนี่ยยย

    “ไม่เป็นไรนะ ค่อย ๆ เดินชิด ๆ ตรงริม ๆ ไว้ ตรงนั้นยังพอมีหญ้าอยู่บ้าง คงจะไม่ลื่นใช่มั้ยล่ะ” เสียงสวรรค์ดังขึ้นอีกแล้ว ยามาโมโตะซังว่าพลางดึงแขนฮารุให้เดินตรงริมทาง ขณะที่ฮารุเดินนำหน้า เขาก็คอยจับแขนฮารุไว้เผื่อกันลื่น และยังคงรักษาสัญญาที่จะให้ฮารุเป็นคนเดินนำไว้ด้วย สุภาพบุรุษจริง ๆ

    “ฮ่าห์! ผ่านไปอีกหนึ่งล่ะ!” ฮารุร้องขึ้นอย่างดีใจ เพราะคิดไม่ถึงว่าพอผ่านเจ้าทางลาดนั่นมาแล้วจะเป็นทางเดินที่มีหญ้าสูง ๆ ขนาบข้างสองข้างเลย คราวนี้ก็เดินสบายแล้วล่ะ ย้าฮู้!

    เราสองคนเดินไปเรื่อย ๆ ฮารุรู้สึกว่ายิ่งเดินเข้าไปใกล้ เสียงคลื่นซัดก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น มันทำให้ฮารุเก็บอาการไว้แทบไม่อยู่เลย

    ...แถวนี้สวยจัง ฮารุชอบหญ้าสูง ๆ พวกนี้ม้ากมากอ่ะ

    “เห ทำไมที่แหลมถึงมีทางเดินกรวดล่ะเนี่ย” ฮารุอุทานเบา ๆ อย่างงง ๆ เพราะเนื่องจากผ่านทางเดินหญ้าสูง ๆ นั่นมาแล้วก็ดันเจอกับทางเดินกรวดซะงั้น

    “ฮะ ๆ นั่นสิ แต่ผ่านตรงนี้ไปก็จะถึงแล้วนะ นั่นไง” เสียงยามาโมโตะซังพูด

    ฮารุรีบหันหน้าไปทางทิศที่เขาชี้ทันที

    แล้วก็เจอกับ...จุดสิ้นสุดของแหลมซึ่งอยู่ไม่ไกล มีคนอยู่ไม่กี่คนที่บากบั่นเดินมาถึง มีทั้งคู่รักที่นั่งพูดคุยกันอยู่ที่ก้อนหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง แม่ลูกที่นั่งอยู่บนก้อนหินอีกก้อน และผู้ชายที่ยืนถ่ายรูปอยู่อีกคนหนึ่ง

    “งั้นเรารีบไปกันก่อนพระอาทิตย์จะตกเถอะ นี่ก็ใกล้เต็มทีแล้วเนอะ” ฮารุหันไปเร่งยามาโมโตะซัง และก้าวเท้าผ่านทางเดินกรวดที่สั้นนิดเดียวไป

    น่าแปลก...ที่พอผ่านทางเดินขรุขระนั่นมาแล้วกลับเป็นต้นหญ้าสั้น ๆ นุ่มนิ่มเท้า แถมยังมีดอกหญ้าขึ้นอยู่เป็นกลุ่ม ๆ บนที่แถวนี้อีกต่างหาก

    ฮารุเดินไปนั่งที่ก้อนหินก้อนหนึ่งที่ยังว่างอยู่ และทอดสายตาไปที่จุดสิ้นสุดของแหลมซึ่งอยู่ตรงหน้า

    “ว้าว เราอยู่ที่ปลายแหลมกันแล้วล่ะ” ร่างสูงของยามาโมโตะซังที่เพิ่งเดินผ่านหน้าฮารุไปยืนอยู่ที่ปลายแหลมพูดเบา ๆ

    ฮารุลุกขึ้นไปยืนข้าง ๆ เขาบ้าง

    กลิ่นไอของทะเลที่สัมผัสได้ทุกครั้งที่สูดอากาศหายใจ เสียงคลื่นซัดที่ดังกังวานแต่กลับไพเราะมากเมื่อมายืนอยู่ใกล้ ๆ สายลมที่พัดผ่านตลอดเวลาไม่ใช่แค่เพียงเอื่อย ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับกรรโชก ทะเลและท้องฟ้าสีส้มเข้มที่กว้างไกลสุดจะหยั่งได้ ตอนนี้เส้นลับขอบฟ้ากลายเป็นสีม่วงอ่อน ๆ ไปแล้ว เช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะจมแล้วเช่นกัน

    ถ้าฮารุมาคนเดียว...คงจะไม่รู้สึกดีเท่านี้หรอก

    “สวยจังเนอะ ฮ้า เหมือนจะเอื้อมมือไปจับได้เลยล่ะ” ฮารุเอื้อมมือไปทำท่าประกอบโดยที่ไม่ได้สังเกตุเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งของคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กำลังจ้องมองอยู่

    “ฮารุ”

    “หืม...” ฮารุขานรับโดยยังไม่ละสายตาจากบริเวณที่คลื่นซัดฝั่ง เพราะจะเห็นผลึกขาว ๆ ของเกลือซึ่งงดงามมาก

    “ฉัน...อยากจูบ” ยามาโมโตะซังพึมพำเสียงค่อยจนเสียงคลื่นซัดกลบจนมิด เดิมเราก็ต้องพยายามพูดเสียงดังแข่งกับเสียงคลื่นอยู่แล้ว ยิ่งเขาพูดเสียงเบาก็ยิ่งไม่ได้ยินใหญ่

    “หา อะไรนะ ฮารุไม่ได้ยิน”

    “ฉันบอกว่า...” เขาหันหน้ามาทางฮารุ และจับตัวฮารุหมุนมาให้หันหน้าเข้าหาเขาเช่นกัน

    ...ดวงตาสีน้ำตาลขุ่นของเขากำลังจ้องมองมา...

    ...ในขณะที่มือทั้งสองข้างของเขาจับบ่าของฮารุไว้ ตัวของเราอยู่ใกล้ชิดกันเพียงแค่คืบ...

    ...ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ...

    ฮารุ...รู้สึกได้ถึงสัมผัสแผ่วเบาที่ริมฝีปาก...มันทั้งนุ่มนวล อบอุ่น อ่อนโยน และอ่อนหวาน...

    การจูบที่แท้จริง...ไม่ใช่แค่เพียงการประกบปากหรือเอาปากแตะกันเฉย ๆ มันมีอะไรลึกซึ้งกว่านั้น...

    ...เหมือนเวลากินช็อกโกแลต ที่ทั้งนุ่ม หอมหวาน และยากที่จะหยุดยั้งไม่ให้กินได้...

    ...ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย...

    ผ่านไปสักพัก เมื่อเห็นว่าฮารุเริ่มจะหมดลมหายใจ เขาก็ผละออกจากตัวฮารุ และเฉลยคำพูดที่ค้างไว้เมื่อกี้ให้กระจ่าง       

    “เมื่อกี้ฉันบอกว่า...ฉันอยากจูบ” คำพูดพร้อมรอยยิ้มทะเล้นของเขาทำให้ฮารุแทบจะล้มทั้งยืน ถ้าไม่คว้าแขนของเขาไว้ก่อน...คงได้ขาอ่อนลงไปกองกับพื้นแน่ ๆ

    “ไม่ได้เหรอ...?”

    …”

    “ฮะ ๆ”

    “ก็...ไม่ได้บอกว่า...ไม่ได้ซะหน่อย...” ฮารุพึมพำแผ่วเบา

    ยามาโมโตะซังนี่นะ เห็นใสซื่ออย่างนี้...ที่แท้น่ะกะล่อนชะมัดเลย!

     

    TBC ,, I’m coming back !

    หายหน้าหายตากันไปนาน คิดถึงกันมั่งรึเปล่า ? :’) นับเวลาจากที่อัพไปครั้งล่าสุดก็แทบจะเดือนนึงแล้วมั้ง ไม่ได้เรียนหนัก ไม่ได้ยุ่งมาก ไม่ได้อะไรหรอก แค่ติดซีรี่ส์เกาหลี ฮ่า ๆ ๆ และช่วงนี้ก็จะไปติดเรื่องใหม่ด้วย “SungKyunKwan (and) Scandal” หนังเกาหลีสมัยราชวงศ์โชซอนที่ “ปาร์ยูชอน แห่ง ทงบังชินกิ” รับบทเป็นพระเอกค่ะ ฮิ้ววว หลังจากที่ทำเราเจ็บปวดใน “Beautiful Love” หนังญี่ปุ่นซึ่งฮีเป็นพระเอกไปแล้ว เรื่องนี้เขาจะมาในคราบหนุ่มเพอร์เฟ็กแต่ดันเย็นชาเจ้าค่ะ = = ดูไปก็ฮาไป หน้าลุงเหมือนสตรอเบอรี่เลยอ่ะ งุงิ ~ ><

    ก่อนหน้านี่ก็เพิ่งจะมาดู Postman of heaven ที่แจแสดงไป เพราะตอนแรกกะรอแผ่นออก แต่ปรากฏว่าแม่มไม่ทำออกมา คราวนี้ก็เลยได้พึ่งหนังซูมเอาซะเลยเว้ย = =^ และก็ซีรี่ส์เรื่อง Heading to the ground ที่ยุนโฮแสดงก็เพิ่งได้ดู เพราะเพิ่งจะได้แผ่นมา ฮา ดูแล้วบ่อน้ำตาแตกไปตั้งหลายรอบ ไม่ได้สงสารชาบงกุนนะ สงสารชองยุนโฮ กร๊ากกก ก็ดูภาพแล้วนี่มันเจ็บจริงเลยนิหว่า ยุนทุ่มเทมากนะเรื่องนี้ ดูจบก็ร้องอีก ไม่ใช่ว่าซึ้ง แต่ตื้นตั้นใจต่างหาก ประมาณว่า...พี่ทำได้ดีมากเลย...แบบนี้อ่ะ หลงรักทั้งตัวตนของชาบงกุนและชองยุนโฮเลยยย อร๊ายย >__< สนุกม๊าก ! ใครยังไม่มีไปซื้อซะนะ (ฮา ขายของอีกตรู)

    ลงคูไปนานแล้ว เข้าเนื้อบ้างละกัน ที่ที่ยามาโมโตะพาฮารุไปเที่ยวนั้น ไม่ใช่ว่ามาจากจินตนาการจอยทั้งหมดนะคะ มันมาจากค. ทรงจำตอนไปเที่ยวส่วนหนึ่ง ซึ่งสถานที่ที่นึกถึงก็ “แหลมพรหมเทพ” บ้านเรานี่เอง เคยไปกันรึยังเอ่ย ? อยู่ที่ภูเก็ตอ่ะ การเขียนบทนี้เหมือนจอยได้รื้อค. ทรงจำที่ไปเที่ยวครั้งนั้นขึ้นมาเขียนไดอารี่เลยแฮะ และก็นั่นแหละ ตอนไปที่ปลายแหลมเป็นอะไรที่ลำบากมากสำหรับจอย เราไปที่แหลมกันสองสาวแม่ลูก ส่วนท่านพ่อนั่งถ่ายรูปอยู่ข้างบน ฮา (พ่อไม่รู้ว่าเราแอบลงไป อิ ๆ) ไม่มีใครช่วยก็ช่วยจับกันเอง ตอนลงไปก็เพิ่งรู้เลยนะว่าตัวเองเป็นคนกลัวค. สูง เพราะขาสั่นมากจนแม่ต้องถาม และเวลามองลงไปข้างล่างแล้วเหมือนมันกลัว ๆ อ่ะ ใจมันวูบ ๆ หวิว ๆ ไปเลย ฮ่า ๆ ๆ แต่ตอนนี้ก็จำฟีลมันไม่ได้แล้วแหละ ผ่านมาครึ่งปีแล้วนี่นะ =]

    จะมาแชร์ภาพที่จอยกับพ่อถ่ายไว้ มีไม่มาก (แต่ยังเอามาไม่หมด) เพราะที่เหลือเอาไปถ่ายรูปอย่างอื่นจนแบตจะหมด แล้วก็ลืมเอาที่ชาร์ตไปด้วย ฮา เลยอาศัยซื้อถ่านเอา แต่พอดีตอนที่ไปที่แหลม แบตถ่านมันจะหมดแล้วไง เลยต้องถ่าย ๆ ปิด ๆ ไป คิดแล้วก็ขำชะมัด รู้ก็รู้นะว่าต้องไปเที่ยวเป็นสัปดาห์ ยังจะลืมเอาที่ชาร์ตไปอีก ฮู๊ยย เซ๊อะเบ๊อะจริง ๆ ;D

      

    สวยใช่มั๊ยล่ะ อุตส่าห์มาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวดี ๆ เลยนะ ภูเก็ตนี่โคตรไกลเลยอ่ะ จากกรุงเทพไป ถ้าไม่นั่งเครื่องบินก็ขับรถตั้งหลายชม. ไปทีต้องเอาให้คุ้ม !

    ครั้งหน้ามาพร้อมกับอาหารซีฟู๊ด ..... หัวปลาหมึกมาแล้ว ! ๕๕๕๕

    อั๊พช้าไปหน่อย อย่าเคืองกันเลยน๊า X3

    ไรท์เตอร์ เอ็นจอย ซีอา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×