ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vengeance : Zayn Malik

    ลำดับตอนที่ #2 : Vengeance : Zayn Malik II

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 57


    เธอเหมือนพ่อของเธอมาก..เหมือนมากจริง ๆ..ผมคิดแบบนั้นนะ..ใบหน้าขาวซีดราวกับผีดิบทไวไลท์ ดวงตาของเธอเป็นสีฟ้าแต่แทนที่จะสดใสกลับดูน่าหม่นหมองเสียเหลือเกิน ริมฝีปากบาง ๆของเธอแตกเป็นรอยบ่งบอกว่าเธอไม่ได้ดูแลตัวเองเลยสักนิด ผมเผ้าของเธอถูกมัดขึ้นเป็นหางม้าอย่างลวก ๆ เธอใส่เสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อฮู้ดสีดำเก่า ๆตัวหนึ่ง สวมกางเกงยีนสีน้ำเงินแต่ทว่าหัวเข่าขาดจนควรที่จะเย็บหรือซื้อใหม่เลยก็ดี สวมรองเท้ายี่ห้อแวนส์ที่ดูเก่ามากที่สุดในสามโลกเท่าที่ผมเคยเห็นมา
     
    “เอาล่ะทุกคน! ช่วยฟังฉันนิดนึงนะ วันนี้ฉันมีนักเรียนใหม่มาแนะนำ แอล แอมเบอร์ ต่อไปนี้เธอจะมาเรียนร่วมกับพวกเราทุกคน”สิ้นเสียงของอาจารย์มายา นักเรียนในห้องส่งเสียงโห่ร้อง ผมได้ยินไม่ชัดเจนแต่ดูก็รู้ว่าพวกเขารังเกียจเธอมากขนาดไหน บางคนตะโกนว่าพ่อแม่ของเธอว่าเป็นตัวซวย บางคนตะโกนว่าเธอสกปรกหรือขอทาน ส่วนผมน่ะเหรอ? เหอะ! ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาเริ่มเกมแก้แค้น ยัง..ยังไม่ใช่เวลานี้...
    “เงียบ ๆ เงียบหน่อย?!”อาจารย์มายาพยายามยุติการโห่ร้องของนักเรียนในห้อง
    “อาจารย์ คะ หนูไม่แน่ใจว่าถ้าเราเรียนห้องเดียวกันกับคนในตระกูลแอมเบอร์แล้วหนูจะซวย หรือเปล่า?”เจนเริ่มการรับน้องและการแก้แค้นที่เธอบอกผมไว้
    “แอมเบอร์ก็เป็นนักเรียนเหมือนกับทุกคน เธอไม่ใช่ตัวซวยตามที่ใคร ๆพูดหรอกนะคุณเรเวน”เจนไหล่ไหวและหันมาสบตาผม ผมกระตุกยิ้มกลับไปเป็นการขอบคุณที่เธอช่วยทำให้ความแค้นของผมปะทุง่ายขึ้น
    “แต่ทุกคนก็รู้ว่าตระกูลแอมเบอร์เป็นตระกูลตัวซวย ไม่งั้นเธอคงไม่เก็บตัวเงียบจนทุกคนคิดว่าเธอตายไปแล้วหรอกค่ะ”ผมเห็นมือของแอลกำแน่นราวกับว่ากำลังระงับอารมณ์และสติของเธออยู่
    “แต่เธอก็ยังอยู่ เอาล่ะ! ถ้าทุกคนไม่ว่าฉันจะขอเริ่มสอนแล้วนะ”อาจารย์มายาพูดตัดบทนั่นแหละสิ่งที่อาจารย์ถนัดคือการตัดบท เธอพาแอลเข้ามาหาที่นั่งซึ่งมันเหลือเพียงที่เดียวคือตรงข้ามกับโต๊ะของอาจารย์
    “งั้นมาเริ่มกันที่การส่งการบ้านแล้วกันนะ การบ้านที่ฉันให้พวกเธอไปหาประวัติของตระกูลมาเมื่อวานรบกวนเอามาวางบนโต๊ะทีละคนด้วย”เสียงของอาจารย์มายาตะโกน นักเรียนทยอยเดินไปส่งที่โต๊ะอาจารย์โดยหลีกเลี่ยงที่จะเดินผ่านแอล ผมลุกขึ้นเป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม ทยอยเดินตามหลังเพื่อนตัวเองจนกระทั่งผมมาหยุดอยู่ที่โต๊ะของเธอ
    “แอล..”ผมเรียกเธอด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบา มีแต่เธอเท่านั้นที่ได้ยิน เธอหันมามองหน้าผมด้วยแววตาสงสัย ยิ่งผมจ้องมองแววตาของเธอเท่าไหร่ ผมยิ่งอยากจะขยี้เธอให้แหลกคามือ
    “....”
    >.^ ยินดีต้อนรับสู่นรก”ผมบอกเธอด้วยเสียงกระซิบดังเดิม และนี่คือสัญญาณที่บอกว่าเกมแก้แค้นของผมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในไม่ช้านี้ แอลทำตาโตใส่ผมเล็กน้อยก่อนจะรีบก้มหน้าลงต่ำ จดจ่ออยู่ที่โต๊ะตัวเองอย่างเดียว
     
    ตลอดคาบเรียนช่วงเช้า ผมแทบไม่มีสมาธิที่จะเรียนหนังสือเลยสักนิด สายตาผมจับจ้องอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้น แค่จดจ้องความเครียดแค้นในใจของผมก็ยิ่งปะทุมากยิ่งขึ้น มันส่งผลทำให้ผมอยากจะเข้าไปขยี้เธอให้ตายคามือซะเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ผมกำลังเริ่มเกมแก้แค้นล่ะก็นะ..เธอคงแหลกคามือผมไปตั้งแต่ที่เดินเข้าห้องแล้ว
     
    และแล้วเสียงกริ่งบอกเวลาหมดคาบเช้าก็ดังขึ้น นักเรียนทุกคนต่างรีบวิ่งไปที่โรงอาหารเพื่อทำการจองที่และเพื่ออาหารที่สดใหม่กว่า
     
    “เซน ไปทานข้าวกัน”เสียงเจนเรียกผม
    “ไปก่อนเลย ฉันจะรอไปพร้อมเลียม”เจนชักสีหน้าเล็กน้อยแต่ใครจะสนเล่า! เธอก็แค่เรียกร้องความสนใจแต่ไม่เคยสำเร็จเท่านั้นเอง
    “ฉันจะรอคุณให้รางวัลที่โรงอาหารนะ”เธอกระซิบใส่ผม พร้อมด้วยการจูบแก้มผมเป็นการตบท้าย ผมแอบเห็นเลียมทำหน้าแหยะใส่ผมด้วยแฮะ -O-
    “อะไร?”
    “ลิปสติกเปื้อนแก้มแก”เลียมชี้มาที่แก้มผม ข้างที่เจนจูบไว้เมื่อกี้ ผมใช้แขนเสื้อตัวเองเช็ดออกอย่างลวก ๆพลางมองไปที่แอล เธอทำอะไรใต้โต๊ะสักพักก่อนจะค่อยลุกขึ้นเดินออกไป
    “เราไปชวนเธอกินข้าวดีมั้ย?”เสียงไนออลกระชากสายตาให้ผมหันมามองมัน
    “แกว่าอะไรนะ -_-+
    “ก็แค่บอกว่าไปชวนเธอมากินข้าวด้วยดีมั้ย เธอดูไม่มีเพื่อนเลย”
    “ถ้ามียัยนั่นนั่งรวมโต๊ะ ฉันสาบานว่าจะไม่กินข้าวกับพวกแกเด็ดขาด”
    “ฉันก็ไม่ไหววะ กลัวโดนความซวยเข้าเล่นงาน”ลูอิสว่าพลันทำท่าสยอง
    “ฉันว่าเธอก็ดูดีนะถ้าตัดความซวยในตัวเธอออกไป”แฮร์รี่สานต่อประโยคให้สมบูรณ์
    “อย่าบอกนะว่าแกยังคิดจะจีบเธออยู่?”ผมหันไปถามแฮร์รี่ นี่มันกะจะทำจริง ๆเรอะ?
    “จะบ้าหรือไง? ถอยตั้งแต่รู้ว่าเป็นตัวซวยแล้ว ไม่เอาดีกว่า ฉันยังอยากมีชีวิตอยู่กับสาว ๆในสต็อคของฉัน ^^” เหตุผลมันก็ดูดีนะ =_=
    “พวกแกก็พูดเกินไป อาจารย์มายาก็พูดอยู่ว่ามันแค่เรื่องที่คนอื่นเอาไปนินทา”เลียม..พ่อพระประจำกลุ่มพูดขึ้น
    “แต่ฉันว่ามันเรื่องจริงนะ ดูอย่างพ่อแม่เธอสิ ตายตั้งแต่เธอยังเด็กเลยนะ”
    “แต่เพราะอุบัติเหตุต่างหาก” เลียมกับลูอิสพยายามเถียงกันเรื่องอุบัติเหตุของพ่อแม่แอล โดยที่ไม่รู้เลยว่ามันส่งผลกระทบต่อจิตใจที่แสนเปราะบาง(?)ของผมมากแค่ไหน
     
    #Elle
     
    อื้ม ม์..มาเรียนวันแรกก็ไม่แย่เท่าไหร่หรอกนะสำหรับเด็กที่ไม่แข็งแรงและไม่มี เพื่อนแบบฉัน..ก็แค่โดนทุกคนในห้องรังเกียจราวกับว่าฉันคือเชื้อโรคร้ายยัง ไงยังนั้น แต่มันก็สมควรแล้วที่พวกเขาจะรังเกียจฉัน ความเชื่อเกี่ยวกับครอบครัวของฉันมันคงจะดังมากจนพวกเขาขยาด
     
    “แอล ฉันขอโทษนะ”อาจารย์มายาพูดขึ้นในขณะที่เราสองคนอยู่ในห้องพักครูด้วยกัน
    “ไม่เป็นไรค่ะ หนูเข้าใจ แต่มันก็จริงอย่างที่พวกเขาพูดนะ”อาจารย์มายาหลบตาต่ำลง
    “เห้ออ! ไม่เอาน่าแอล อย่าสนใจเสียงนินทาแบบนั้นเลยนะ เธอเป็นคนดี ฉันเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กนี่น่า ^^
    “ค่ะ หนูรู้ ^^”ฉันยิ้มตอบกลับไปเพื่อให้อาจารย์มายาสบายใจ
     
    อาจารย์มายาเปรียบเสมือนแม่คนที่สองสำหรับฉัน ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่ฉันตายในอุบัติเหตุชีวิตฉันก็เปลี่ยนไปมาก ฉันไร้คนดูแลจนอาจารย์มายาที่เป็นเพื่อนของแม่ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย ไม่งั้นฉันคงไปอยู่สถานสงเคราะห์เด็กแล้วล่ะ และถ้าไม่มีท่านฉันคงไม่รู้จะไปเป็นอะไรอยู่ที่ไหนแล้ว
     
    เพราะเหตุนี้ไงฉันถึงได้ทนต่อแรงรังเกียจของเพื่อนนักเรียนในห้อง ฉันทนก็เพราะท่าน..อาจารย์มายาเป็นคนชักชวนให้ฉันมาเข้าเรียนที่นี่เพราะท่านจะได้ดูแลฉันได้ง่ายขึ้น ฉันไม่ใช่คนดื้อดึงหรือชอบขัดใจใครจึงยอมทำตามคำแนะนำของท่าน
     
    ฉันสาวเท้ามาโรงอาหาร เสียงผู้คนด้านในกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกออกรสออกชาติ บางทีฉันเองก็อยากจะมีส่วนร่วมในการพูดคุยที่แสนสนุกเหล่านั้น แต่ก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้..ทันทีที่ฉันก้าวเท้าเข้าโรงอาหาร ทุกสายตาจับจ้องมายังฉันราวกับว่าฉันคือตัวประหลาด จากนั้นน้ำเสียงโห่ร้องที่บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ต้อนรับฉันก็ดังขึ้น ฉันก้มหน้าลงพยายามไม่สบตากับใครเพราะนั่นอาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดก็ได้ ฉันเดินเข้ามาหยิบถาดอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย และพยายามเดินออกมาจากโรงอาหารนั่น
     
    แต่ทว่า..ฉันยังเดินได้ไม่ถึงสิบก้าว ถาดอาหารที่ฉันถืออยู่ในมือถูกใครบางคนปัดตกอาหารในถาดกระจายเต็มพื้นห้อง นั่นทำให้เสียงโห่ร้องเงียบลงทันที
     
    “อุ้ย! โทษทีนะแอลฉันไม่ทันมองน่ะ ^^”ฉันเงยหน้ามองเจ้าของเสียงเล็ก ๆนั่น เธอคือเพื่อนร่วมห้องเรียนของฉันและคงเป็นผู้หญิงที่ป๊อบไม่เบาเหมือนกัน
     
    ฉันไม่ได้ตอบอะไรเธอกลับไป แค่นั่งลงเก็บเศษอาหารที่กระจัดกระจายเต็มพื้นนั่น แต่ทว่ามือฉันกลับโดนบางสิ่งบางอย่างเหยียบเข้าอย่างจัง
     
    “โอยยย!”ฉันร้องพลางชักมือตัวเองออกจากเท้าใครสักคน
    “อุ้ย! ขอโทษอีกแล้ว ฉันไม่เห็นอีกแล้วจริง ๆน่ะ”ผู้หญิงคนเดิมว่าก่อนจะชักเท้าตัวเองกลับไป รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากเธอและนักเรียนในห้องอาหารอีกหลายคน ฉันพยายามข่มความเจ็บและนั่งเก็บเศษอาหารต่อไปจนหมด
    “นี่ ๆ! อย่าเข้ามาในนี้อีกเลยนะถ้ายังอยากให้พวกเราทานอาหารกันได้อยู่น่ะ”เสียงนักเรียนบางคนพูดขึ้นในขณะที่ฉันกำลังหอบถาดอาหารไปเก็บ
    “ใช่ ๆ! ก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองเป็นตัวซวยก็ไม่น่าจะเข้ามาเรียนที่นี่เลยนะ”
    “เป็นฉันคงฆ่าตัวตายไปแล้วล่ะ!”เสียงทุ้มนี้ฉันจำได้แม่น เสียงของเขาเรียกให้ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงเพื่อเช็คให้แน่ใจว่าฉันไม่ได้คิดผิด
     
    และก็เป็นเขาจริง ๆ..
     
    เซน มาลิค ผู้ชายที่กระซิบบอกฉันในห้องเรียนว่า ยินดีต้อนรับสู่นรกฉันจดจำเขาได้แม่นกว่าใครเพื่อนเพราะเขาคือลูกชายคนเดียวของเพื่อนพ่อฉัน
     
    ฉันรีบวิ่งออกมาจากห้องโรงอาหารทันที..ฉันรู้ว่าทุกคนรังเกียจฉันและนั่นคือความจริงที่ฉันต้องยอมรับมาตั้งแต่ที่ฉันเกิด ไม่ใช่แค่ฉันที่ทุกคนรังเกียจแต่รวมถึงพ่อกับแม่ฉันที่เสียไปแล้วด้วย..ฉันพยายามคิดว่าตัวเองทำอะไรผิดถึงได้กลายเป็นตัวซวย พ่อกับแม่ของฉันทำอะไรผิดถึงได้กลายเป็นตระกูลที่มีแต่คนรังเกียจ แต่ไม่ว่าจะนึกยังไงฉันก็นึกไม่ออกซะที
     
    เท้าของฉันวิ่งมาหยุดอยู่ที่ห้องน้ำหญิง เห้อออ..ไม่มีที่กินข้าวแล้วนี่ กินในนี้เอาก็ได้ อย่างน้อยก็เป็นส่วนตัวและไม่ต้องมานั่งระแวงว่าจะถูกใครด่าหรือว่าเราบ้าง
     
    ฉันจัดการเดินเข้าไปในห้องน้ำ โชคดีที่ห้องน้ำในชั้นนี้คงไม่ค่อยมีคนมาใช้มันเท่าไหร่นัก ฉันมีแต่ขนมปังก้อนเก่าที่กินเหลือจากเมื่อวานกับนมที่อาจารย์มายาซื้อให้เมื่อเช้า แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับมื้อกลางวันของฉันแล้วล่ะ

     


     
    เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ฉันมาเรียนโดยมีเสียงโห่ร้องของเพื่อนร่วมชั้นเรียนพร้อมกับเสียงนินทาต่าง ๆนานาที่พวกเขาสรรหามาพูดให้ฉันได้ยิน ฉันพยายามอดกลั้นด้วยการหยิบหนังสือเล่มเก่ามาอ่าน มันเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้ฉันสบายใจและไม่ต้องสนใจสิ่งรอบข้างมากนัก เพราะนั่นคือหนังสือเล่มโปรดของพ่อ แม้มันจะเก่าจนสันปกแทบไม่เหลือแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากจะรักษามันไว้แบบนี้
     
    ปึก!
     
    จู่ ๆร่างฉันก็เซไปข้างหน้าโดยไม่ทันตั้งตัว แรงส่งมาจากด้านหลังตรงหัวไหล่นั่นส่งผลทำให้กระเป๋าเป้และหนังสือของพ่อที่ฉันถืออยู่ร่วงลงพื้น ฉันรีบก้มเก็บมันแต่ไม่ทันการเมื่อมีบางคนคว้ามันขึ้นได้ก่อนฉัน ฉันรีบเงยหน้าเพื่อขอหนังสือคืน
     
    “เรเวนขอหนังสือคืนเถอะนะ”ฉันบอกเจน เรเวนเพื่อนร่วมชั้นที่ขยันมากลั่นแกล้งฉันมากทีเดียว =*=
    “อี๋! หนังสือสกปรกจัง ไม่รู้จักซื้อใหม่บ้างล่ะ”เธอว่าพลางทำท่ารังเกียจหนังสือของฉัน
    “ขอร้องล่ะเรเวน เอาหนังสือฉันมา”ฉันพยายามเดินเข้าไปหาเธอ แต่ทว่าร่างกายของฉันกลับโดนผู้หญิงสองคนที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของเรเวนล็อคตัวไว้
    “หนังสือเน่า ๆแบบนี้ฉันไม่อยากได้นักหรอกนะ”
    “งั้นก็เอาคืนมาสิ”ฉันพยายามดิ้นร้นแต่คนที่ล็อคฉันไว้กลับแข็งแรงเสียจนฉันดิ้นแทบไม่กระดิกเลย
    “อื้มม์..”
    “เจน!”เสียงทุ้มของเซนดังขึ้นข้างหลังเธอ เขาเดินยิ้มราวกับผู้มีชัยเข้ามาหาเจน ฉันเพิ่งได้รู้ว่าพวกเขาสองคนเป็นแฟนกันและดูท่าทางพวกเขาค่อนข้างเหมาะสมดีกันเลยทีเดียวล่ะ
    “ไงคะที่รัก ^^”เจนตอบรับด้วยการโอบเอวเซนไว้แน่นพลางมองดูฉัน
    “หนังสือของแอลเหรอ?”
    “ใช่ สกปรกเนาะว่ามั้ย?”เซนพยักหน้ารับก่อนจะผลักเจนออก เขาหยิบหนังสือของฉันมาจากมือเจนก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาฉัน แต่ทว่าเว้นระยะห่างไว้เพราะเขายังคงรังเกียจฉัน
    “ของเธอเหรอ?”ฉันพยักหน้าให้คำตอบเขา...และฉันไม่ชอบเวลาที่ต้องมาเผชิญหน้ากับเขาเลยสักนิด ดวงตาของเขามันให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเขาจะอยากจะฆ่าฉันให้ตายคามือ ขยี้ให้แหลกเป็นผงและโยนลงทะเลให้ฉันลอยออกไปไกลจากโลกที่เขาอยู่
    “ได้มันมายังไง?”เขาถามเสียงเข้ม ฉันพยายามหลบตาต่ำไม่อยากที่จะสบตาเขาเพราะเท่านี้ แค่ที่เขาพูดกับฉัน สันหลังของฉันก็เริ่มกระตุกรัวแบบห้ามไม่ได้
    “ของพ่อ ฉันขอคืนได้มั้ย?”ฉันพยายามอ้อนวอนเขา และฉันได้ยินเสียงเซนหัวเราะในลำคอราวกับตัวร้ายในละครหลังข่าวที่ฉันเคยเปิดผ่าน เซนเดินถอยห่างจากฉันไป นั่นทำให้ฉันต้องเงยหน้ามองว่าเขากำลังจะทำอะไร เซนเดินตรงไปยังระเบียงทางเดินที่มีหน้าต่างเปิดอยู่ และเขาก็ทำในสิ่งที่ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำ
     
    มือหนาโยนหนังสือเล่มเดียวในชีวิตฉันลงไปข้างล่าง ฉันคงไม่เดือดร้อนถ้าข้างล่างนั่นไม่ใช่แม่น้ำที่ติดโรงเรียนของเรา
     
    “ไม่นะ!”ฉันร้องลั่นพยายามสะบัดตัวเองออกมาจากการล็อคของเพื่อนเจน และเมื่อหลุดพ้น เท้าฉันรีบวิ่งไปยังด้านล่าง หวังว่าหนังสือคงยังไม่จมน้ำเพื่อที่ฉันจะได้ลงไปเก็บมัน แต่ทว่าเมื่อวิ่งลงมาถึงกลับพบแต่ความว่างเปล่า...มีแค่หน้าปกที่ขาดออกจากเล่มลอยอยู่เหนือน้ำ
     
    ฉันรีบก้าวลงไปในแม่น้ำ มันไม่ได้ลึกมากจนขนาดต้องว่ายน้ำไปเก็บปกหนังสือ น้ำตื้นเพียงแค่เอวของฉันเท่านั้นเอง ฉันไม่รีรออะไรอีกแล้ว ฉันรีบสาวเท้าไปยังที่อยู่ของปกหนังสือและคว้ามันมาไว้แนบอก
     
    หมดกัน..ฉันไม่มีเงินที่จะซื้อหนังสือแพง ๆแบบนั้นแล้ว และนี่ก็เป็นเล่มเดียวที่เหลืออยู่ คล้าย ๆกับของที่ฉันไว้ใช้ดูต่างหน้าพ่อ แต่ตอนนี้มันคงไม่เหลือแล้ว...
     
    ฉันก้าวขึ้นจากน้ำและเดินขึ้นมาที่ล็อคเกอร์ของตัวเอง ทุก ๆคนทยอยหลีกทางให้ฉันราวกับว่าฉันคือคนดัง แต่จริง ๆแล้วพวกเขาไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่ว่าฉันจะเดินไปที่ไหน ทุกคนจะหลีกทางให้นั่นเพราะไม่อยากจะเข้าใกล้ความซวยของฉัน
     
    ฉันเปิดล็อคเกอร์ หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปกหนังสือที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ แต่นั่นมันคงทำให้แห้งไม่ได้หรอก ฉันตัดสินพับปกหนังสือใส่กระเป๋าเป้และเดินออกมาเพื่อเข้าห้องเรียน
     
    “อ้าว..แอล ทำไมตัวเปียกแบบนั้นล่ะ?”อาจารย์มายาเอ่ยถามเมื่อท่านเห็นฉันเดินตัวเปียกเข้ามา ฉันมองไปยังเซนและเจนที่นั่งคู่กัน พวกเขายิ้มรับ เซนก้มศีรษะให้ฉันราวกับว่าเยาะเย้ยฉัน
    “หนูทำหนังสือตกน้ำน่ะค่ะ”อาจารย์มายาเพียงแค่พยักหน้า ฉันยิ้มบาง ๆให้ท่านและนั่งลงที่ตัวเอง
     
    การเรียนการสอนวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น จริง ๆมันราบรื่นตั้งแต่สองวันที่แล้วโน่นล่ะ เพราะทุกคนเริ่มชินที่จะต้องเรียนกับคนอย่างฉัน ยังมีบางคนที่ผูกใจเจ็บและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้การเรียนติดขัด
     
    ทันทีที่เสียงกริ่งดังบอกว่าหมดเวลาเรียนแล้ว ฉันเก็บหนังสือเรียนเข้ากระเป๋าพลางกระชับเสื้อฮู้ดที่สวมใส่อยู่เพราะอากาศรอบตัวของฉันเริ่มหนาวแล้ว บางทีฉันอาจจะใกล้เป็นหวัดแล้วล่ะนะ =.,=
     
    “แอล วันนี้ฉันมีประชุม เธอปั่นจักรยานกลับบ้านแล้วกันนะ ^^”อาจารย์มายาเอ่ยบอกฉันในขณะที่ท่านกำลังเก็บของเพื่อเตรียมกลับไปประชุมอาจารย์
    “ค่ะ ^^
    “เอ่อ..กลับได้ใช่มั้ยจ๊ะ?”ฉันพยักหน้า
    “ได้ค่ะอาจารย์ ไม่ต้องเป็นห่วงหนูหรอกค่ะ หนูจะทำอาหารเย็นไว้ให้”อาจารย์มายาลูบศีรษะฉันก่อนจะยิ้มกว้างเพื่อให้กำลังใจ
    “ลำบากหน่อยนะแอล แต่พอพ้นปีนี้เธอก็จะสบายแล้วล่ะ”
    “ไม่ลำบากหรอกค่ะ แค่ได้เรียนก็พอแล้ว ^^”อาจารย์มายาพยักหน้าช้า ๆ ท่านเก็บอุปกรณ์เสร็จสรรพก็เดินออกจากห้องไป ฉันจึงหันมาเก็บกระเป๋าตัวเองบ้าง วันนี้ฉันต้องไปเอาหนังสือที่ใส่ล็อคเกอร์ไว้นี่น่า..
     
    บางทีการเดินไปที่ล็อคเกอร์ก็กลายเป็นเรื่องที่ฉันขยาดมากที่สุดไปแล้วล่ะมั้ง เพราะทุกครั้งที่เปิดมันออกมักจะมีสิ่งแปลก ๆเด้งออกมาเสมอ ไม่ตุ๊กแกปลอมก็จำพวกสัตว์ที่น่ากลัวปลอม ๆทั้งหลายแล่
     
    แต่สุดท้ายก็ต้องมาเปิดจนได้สินะ...ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆกดกุญแจเปิดล็อคเกอร์
     
    และทันทีที่ประตูล็อคเกอร์เปิดออก น้ำสีแดงได้กระจายออกมากระทบใบหน้าและลำตัวของฉันอย่างจัง ส่งผลให้เสื้อผ้าของฉันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำสีแดงนั่น
     
    “ฮะฮะฮ่า..อุ้ยตาย! เป็นอะไรหรือเปล่าจ้ะ?”เสียงเจนดังมาจากด้านหลังฉัน ฉันไม่ได้หันกลับไปมองเธอหรือใครก็ตามที่กำลังหัวเราะเยาะฉันอยู่ ฉันพยายามเช็ดน้ำสีแดงที่เปียกใบหน้าของตัวเอง พร้อมกับการควานปกหนังสือที่ฉันสอดใส่ไว้ในหนังสือเรียน
     
    ไม่นานฉันก็พบมันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำสีแดง สีเดียวกันกับที่เลอะตัวฉัน ฉันรีบปิดล็อคเกอร์และตรงดิ่งไปยังห้องน้ำทันทีเพื่อล้างสีแดง ๆออกไป
    “เห้อออ..” ฉันถอนหายใจใส่ตัวเอง

    ต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกนานเท่าไหร่กันนะ? ฉันจะต้องมีความอดทนมากขนาดไหนกันกว่าฉันจะเรียนจบจากที่นี่...




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×