ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vengeance : Zayn Malik

    ลำดับตอนที่ #1 : Vengeance : Zayn Malik I

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 57


    “เซน พ่อกับแม่จะออกไปหาเพื่อน ลูกรออยู่บ้านนะ”พ่อลูบหัวผมพร้อมกับพูดด้วยความเร็วรวดจนผมแทบจับใจความไม่ได้เลย
    “อะไรนะฮะ?! พ่อกับแม่จะไปไหน?”ผมถามอย่างร้อนรน มือเล็ก ๆของตัวเองพยายามเหนี่ยวรั้งท่านทั้งคู่ไว้
    “เซน..”แม่เรียกผมไว้ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ซึ่งแน่นอนว่าน้ำเสียงของแม่ทำให้ผมสงบลงได้ทุกครั้ง
    “ต้องไปแล้ว”เสียงพ่อขัดขึ้นก่อนที่แม่จะได้พูดอะไร แม่หันไปประสานสายตากับพ่อเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับผม
    “เซน แม่กับพ่อต้องไปเยี่ยมลูกสาวของเพื่อนพ่อน่ะจ้ะ”
    “ทำไมฮะ เธอเข้าโรงพยาบาลเหรอ?”แม่ยิ้มกว้าง
    “ใช่จ้ะ เธอเป็นเด็กไม่แข็งแรง พวกเขาไม่มีเงินเราต้องพาพ่อแม่ของเธอไปที่โรงพยาบาล ลูกอยู่บ้านรอพ่อกับแม่กลับมานะ”ผมมองออกไปนอกหน้าต่างหลังสิ้นคำพูดของแม่ ท้องฟ้ามืดครึ้มราวกับว่าท้องฟ้ากำลังพิโรธอะไรอยู่ และผมไม่ชอบท้องฟ้าแบบนี้เลย ผมไม่ชอบเลยสักนิด…
    “แต่ผมไม่อยากอยู่คนเดียวนี่ฮะแม่”ผมว่าพลางซุกหน้าไว้กับเอวแม่แน่น
    “แม่รู้จ้ะที่รัก แต่ลูกไม่ได้อยู่คนเดียว ลีโออยู่กับลูกเสมอ”ผมส่ายศีรษะพัลวัน ไม่มีทาง..ผมไม่ยอมให้พ่อกับแม่ออกไปตอนกลางดึกแบบนี้แน่!
    “นายน้อยให้คุณท่านกับนายหญิงออกไปเถอะครับ ชักช้าจะไม่ทันการเอา”ลีโอพูดประโยคโบราณซึ่งผมฟังจนชินหูแล้ว
    “ไม่เอา TOT ไม่ให้ไปหรอก แม่ฮะ พ่อฮะ”ผมร้องงอแง พยายามออดอ้อนด้วยลูกไม้ที่ใช้ประจำ
    “ไปเถอะครับนายท่าน ผมดูนายน้อยเอง”ลีโอพูดขึ้นขัด เขาเดินเข้ามาดึงตัวผมไว้ด้วยแรงที่มหาศาลมากกว่า ผมดีดดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของลีโอราวกับลูกลิงกำลังงอแง แม่ลุกขึ้นจับมือพ่อไว้แน่น ก่อนจะเดินถอยหลังทีละก้าว พวกท่านมองใบหน้าผมที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา รอยยิ้มบาง ๆของแม่ส่งกลับมาก่อนท่านทั้งสองจะเดินหายลับไป..
    “แม่ฮะ?!

     
     
    เฮือก!
     
    ผมสะดุ้งสุดตัว ดึงตัวเองออกมาจากความฝัน..
     
    ฝันร้ายอีกแล้ว..ฝันแบบนี้ตลอดสิบสามปี มันช่างน่าหดหู่เสียเหลือเกิน...
     
    ครับ..ผมชื่อ เซน มาลิค อายุสิบแปดปี และนั่นคือความฝันของผมตลอดสิบสามปีที่ผ่านมา ผมฝันแบบนี้มาตั้งแต่ที่พ่อกับแม่จากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมจดจำทุกอย่างในเหตุการณ์วันนั้นได้เป็นอย่างดี หลังจากที่พ่อกับแม่บอกลาผมไป ไม่ถึงสองชั่วโมงมีโทรศัพท์จากโรงพยาบาลโทรมาบอกผมว่าพ่อกับแม่เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ
     
    แม้ในตอนนั้นผมจะยังเด็กมากแค่ไหนก็ตาม แต่ผมก็รู้สึกได้เลยว่าหัวใจของตัวเองหนักอึ้งมากแค่ไหนที่ได้ยินประโยคแบบนั้น มันเหมือนกับว่าหัวใจของผมได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่เหลือชิ้นดีเลยสักนิด และตั้งแต่นั้นมา ทุก ๆอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ยิ่งโตมันเหมือนชีวิตของผมยิ่งวุ่นวายมากขึ้น...
     
    จริง ๆแล้วตระกูลมาลิคเป็นเจ้าของบริษัทเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ เมื่อประธานและรองประธานจากไปก่อนเวลาอันควร หน้าที่ที่ต้องดูแลบริษัทก็ตกทอดยังผมซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล แต่ทว่าในเวลานี้ผมยังคงเด็ก กรรมการบริหารต่างลงมติว่าผมยังไม่บรรลุนิติภาวะพอที่จะบริหารบริษัท หน้าที่รักษาการแทนจึงตกเป็นของคุณอาของผม
     
    แต่ ใช่ว่าพ้นจากเรื่องบริหารธุรกิจของตระกูลไปแล้วผมจะทำตัวลั้ลล้าได้ตามประสา วัยรุ่นนะครับ..การเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลที่ร่ำรวยแบบนี้มันยากที่คุณจะ หาคนจริงใจกับคุณได้ง่าย ๆ ยกตัวอย่างผมเลยแล้วกัน ผมมีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวตั้งแต่เกิดมา เราเล่นและเติบโตด้วยกันแม้กระทั่งเข้าเรียนเรายังเข้าเรียนด้วยกันเสมอ หมอนี่เป็นคนดีทีเดียวล่ะ

     
    “ไอ้เซน >[]<” และนี่คือคำพูดของเพื่อนสนิทผม
    “อะไร -_-
    “มานั่งเก๊กหล่ออะไรตรงนี้ เราสายห้านาทีแล้วนะ ฉันบอกว่าค่อยมากินข้าวที่โรงเรียนก็ได้”เลียมบ่นเป็นตาแก่วัยห้าสิบปี ส่วนผมก็ได้แต่พยักหน้ารับความผิดที่ก่อไว้คือการทำให้เราสองคนมาสาย
    “ก็ร้านนั้นมันอร่อยนี่หว่า - .-”ผมตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่ไม่รู้ไม่ชี้ ซึ่งแน่นอนว่าเลียมไม่เคยโมโห เอาจริง ๆคือมันเลิกโมโหใบหน้าของผมไปนานแล้วล่ะครับ อาจจะเพราะชินกับใบหน้ากวน ๆแบบนี้แล้วก็ได้
    “อร่อยตรงไหนวะ ฉันว่าอาหารมันจืด ๆ”เลียมบ่นงึมงำเรื่องรสชาติของร้านอาหารที่เราไปกินกันในตอนเช้าตลอดทางเดิน ส่วนผมน่ะเหรอ? ก็ฟังบ้างเป็นบางคำ บางคำก็ผ่านหูไป เลียมบ่นจนผมเริ่มชินกับคำบ่นแล้วล่ะครับ แต่เพราะมีเลียมนี่แหละ ผมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองไม่โดดเดี่ยว
     
    เลียมเคียงข้างผมมาตลอดสิบแปดปี เอาง่าย ๆเลยคือตั้งแต่ที่ผมเกิดมา พ่อของเลียมกับพ่อผมเป็นสนิทกัน ซึ่งนั่นมันคือเหตุผลที่ทำให้ผมได้พบกับเลียม ด้วยความที่เลียมเป็นเด็กเรียบร้อย(?)ประหนึ่งผ้าพับไว้ มันเลยง่ายที่ผมจะเข้าหาเขาก่อน จากนั้นเราก็สะสมความสนิทสนมจนกระทั่งได้เข้ามาเรียนในโรงเรียนมัธยมเหมือนกัน
     
    “สายแล้ว ๆ>O<”เลียมบ่นไปวิ่งไป ส่วนผมก็วิ่งตามหลังแบบเดิม
     
    พวกเราสองคนวิ่งแหกโค้งต่าง ๆตามชั้นเรียนจนสุดท้ายเรามาหยุดอยู่ที่ห้องเรียนประวัติศาสตร์อังกฤษ เสียงนักเรียนในห้องพูดคุยจอแจนั่นแสดงให้เห็นว่าอาจารย์ประจำวิชายังไม่มา
     
    “ฟู่ว! ค่อยยังชั่วที่อาจารย์ยังไม่มา”เลียมหันมาทำสายตาคาดโทษใส่ผมก่อนจะเดินปึงปังเข้าห้องไป
    “ฉันบอกแล้วว่าไม่สาย”
    -_-+ ไม่สายบ้านแกสิเซน วันนี้มันฟลุ๊คเพราะอาจารย์มายามาสาย”เลียมหันมาแว้ดใส่ผมต่อ เรานั่งลงประจำที่นั่งของตัวเองคือหลังห้อง
    “นี่ ๆ ^o^ เมื่อกี้ฉันไปห้องทะเบียนมาล่ะ”ไนออลวิ่งหน้าตาตื่นมานั่งลงตุ้บข้าง ๆผม ไนออล ฮอแรนก็คือเพื่อนผมอีกคนครับแต่เราไม่ได้สนิทกันขนาดซี้ย่ำปึ้กอะไรขนาดนั้น
    “ไนล์...”
    O.Oอะไรเหรอ?”
    “แกไปกินขนมมาใช่มั้ย?”
    “เห้ย! แกมีจิตสัมผัสเรอะ? ทำไมรู้งะ?”เอ่อ..ไม่ต้องมีจิตสัมผัสก็ดูออกครับ เศษมัฟฟินยังติดอยู่ที่ปากมันเลย -O-
    “ฮ่ะ ^*^ เศษมัฟฟินติดอยู่ที่ปากแก”เลียมไขข้อข้องใจให้ไนออลเรียบร้อย ใบหน้าไนออล แดงก่ำด้วยความอายที่ผมกับเลียมเห็นความตะกละของมัน ไนออลรีบเช็ดเศษขนมออกก่อนจะเริ่มพล่ามเรื่องที่ค้างไว้
    “ฉันไปห้องทะเบียนมา ^^
    “รู้แล้ว แกบอกเมื่อกี้ไง”
    “และทายซิว่าฉันได้ยินอะไร แกต้องชอบใจแน่เซน^*^”ผมหันขวับไปมองไนออล ผมต้องชอบใจงั้นเหรอ? จะมีอะไรให้ผมชอบใจได้อีกนอกจากการนอนและการได้ควงสาวสวยประจำโรงเรียน ^[+++]^
    “อาฉันมาหรือไง?”
    (-_- ) ( -_-)
    “แล้วอะไรล่ะ?”
    “มีนักเรียนย้ายเข้ามาปีนี้ด้วย เธอชื่อ แอล แอมเบอร์”ทันทีที่ไนออลพูดชื่อนั้นจบ หัวใจของผมกระตุกรัว ภาพวันที่ได้ยินเสียงพ่อกับแม่บอกลาผม ภาพที่เห็นพ่อกับแม่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงโรงพยาบาลสีขาว ย้อนฉายเข้ามาในหัวผมราวกับการกอหนังแห่งความทรงจำ
    “เห้ย! จริงดิ ได้ข่าวว่าเธอไม่สบายหนักจนมาเรียนไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”เลียมถามไนออล
    “ไม่รู้สิ ฉันเห็นเธอมากับอาจารย์มายาด้วยล่ะ”ไนออลตอบกลับไป ส่วนผมได้แต่นั่งจมดิ่งอยู่ในห้วงความทรงจำอันแสนโหดร้าย..
     
    หึ! แอล แอมเบอร์...สุดท้ายก็ได้พบกันซะทีนะ
     
    “เธอสวยหรือเปล่าวะ?”เสียงแฮร์รี่ สไตล์เด็กหัวหยิกและแสนเจ้าชู้บวกกระล่อนให้มันอีกคำดังขึ้น
    “ไม่เห็นวะ รู้แต่ว่าผมเธอยาวเป็นสีน้ำตาลแดง สวยดีนะ”
    -[]- ไม่เห็นแล้วแกรู้ได้ไงว่าเธอมีผมสีน้ำตาลแดง”เสียงลูอิส ทอมลินสัน เพื่อนในกลุ่มของผมอีกคน
    “ก็ฉันเห็นแต่ข้างหลังน่ะ”ไนออลตอบกลับด้วยท่าทีอุบอิบ
     
    แต่สำหรับผมแค่ชื่อก็จำได้ขึ้นใจแล้ว
     
    แอล แอมเบอร์คือสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ผมเกลียดมากที่สุด..
     
    เพราะเธอ ...เธอพรากทุกอย่างในชีวิตของผมไป..เป็นเพราะเธอพ่อแม่ของผมถึงต้องตาย?!
     
    “เซน!
    “.....”
    “ไอ้เซน?!”ผมสะดุ้งกับเสียงเรียกของเลียม และเสียงของมันก็ดึงสติสตางค์ของผมกลับมา
    “อะ..อะไร?”
    “เป็นอะไร ทำไมหน้าแกดูเครียดขนาดนั้น?”เลียมจ้องผมด้วยแววตาสงสัย เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่แค่เลียมแต่เพื่อนทั้งกลุ่มเลยล่ะที่จ้องมองผม
    “เปล่า...”
    “หรือแกรู้จักเธอ แนะนำให้ฉันหน่อยสิ ฉันชอบผู้หญิงผมสีน้ำตาลแดง ^&^”แฮร์รี่กระทุ้งศอกใส่ผมอย่างหยอกล้อ แต่ผมอยากจะตัดหัวหยิก ๆของมันมาเตะเล่นชะมัด!
    “รู้จักดีเลยล่ะ”ผมตอบกลับไปแต่ไม่รู้ว่าใบหน้าที่แสดงออกไปนั่นเป็นแบบไหน อาจจะด้วยใบหน้าที่แลดูชั่วร้ายหรือใบหน้าที่แลดูอยากจะแก้แค้นผู้หญิงคนนั้น
    “ทำไมหน้าไอ้เซนมันดูน่ากลัวจังวะ?” ผมได้ยินนะ =[]=!
    “ฉันได้ยินนะ >,<
    “แฮ่ ๆ ^^ ก็แค่ถามดูน่ะ แกดูเหมือนจะไม่ชอบเธอเลยทั้ง ๆที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันด้วยซ้ำ”
    “เธอเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉันเกลียดที่สุด”
    “เกลียด?! O[]O”พวกมันอุทานออกมาพร้อมกันด้วยใบหน้าที่แลดูตกใจ
    “เกลียดเธอทำไมอ่ะ แกไม่เคยเจอเธอด้วยซ้ำ”เลียมถามพลางกระตุกแขนผมเพื่อกระตุ้นเอาคำตอบ
    “เธอคือคนที่ทำให้พ่อแม่ฉันตาย”สิ้นเสียงของผม ใบหน้าของเพื่อนแต่ละคนถอดสี นั่นเพราะทุกคนรู้ว่าผมเป็นคนยังไง ผมไม่ใช่คนยอมอะไรง่าย ๆถ้าผมอยากจะได้ต้องได้ทุกอย่าง และถ้าผมเกลียดอะไร สิ่งที่ผมเกลียดนั้นผมจะทำลายมันจนไม่เหลือชิ้นดี
    “เอ่อ..ฮะฮะฮ่า ^^”..แก เอ่อ..จำผิดหรือเปล่าเซน พ่อแม่แกเสียชีวิตเพราะประสบอุบัติเหตุนะ”ลูอิสพูดด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ
    “สาเหตุมันมาจากเธอ มาจากผู้หญิงที่ชื่อ แอล แอมเบอร์?!”ผมตะโกนสุดเสียงนั่นส่งผลทำให้ภายในห้องเรียนที่เคยมีเสียงดังจอแจกลับเงียบลงราวกับว่านัดหมายกันเงียบมาอย่างนั้น
    “ใจเย็น ๆ เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้วนี่น่า แกยังคิดแค้นเธออยู่หรือไง? อีกอย่างแกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอทำให้พ่อแม่แกตายยังไง จะไปโทษเธอได้ไงล่ะ?”เลียมพูดด้วยเหตุผลผู้ใหญ่แต่มันใช้ไม่ได้กับผมหรอกนะ
    “นี่แกหาว่าฉันคาดโทษและกุเรื่องขึ้นมาเองหรือไง?”
    “ไม่ใช่แบบนั้น แต่แกไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำนะ”
    “รู้สิ ฉันรู้! รู้ว่าถ้าพ่อกับแม่ไม่ออกไปจากบ้านวันนั้น พวกท่านก็คงจะยังอยู่กับฉัน ชีวิตฉันก็ไม่ต้องมาพังพินาศแบบนี้ ไม่ต้องมานอนฝันร้ายในเหตุการณ์เดิม ๆทุกวัน ถ้าพ่อกับแม่ไม่ออกไปหาเธอ พวกท่าน..พวกท่านก็ยังคงอยู่”เสียงในประโยคสุดท้ายของผมลดลง เมื่อต้องพูดถึงพวกท่าน หัวใจของผมก็หนักอึ้งเกินกว่าจะพูดได้ เพราะเหตุนี้ทุกคนจึงไม่พยายามเอ่ยเรื่องนี้กันออกมา
    “ฉันขอโทษ”ผมเงยหน้ามองเสียงของเลียมและพบว่าใบหน้าของเพื่อนสนิทผมกำลังรู้สึกผิดที่ทำให้ผมต้องมานั่งโมโหแบบนี้
    “ไม่..ไม่ใช่ความผิดแกเลียม และไม่ใช่ความผิดฉัน แต่มันคือความผิดของเธอคนนั้นที่ทำให้เราต้องมานั่งขอโทษกันแบบนี้” (แกช่างมีเหตุผลมากเลยนะอิบัง -_-“)
    “เออ ก็มีเหตุผลดีนะ”ไนออลเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทั้งห้องเงียบไปได้สักพักหนึ่งแล้ว
     
    ผมได้แต่พยักหน้าให้เพื่อนทุกคนเพื่อบ่งบอกว่าผมสบายใจแล้ว ไม่ต้องมานั่งคิดมากเรื่องของผมหรอก แต่ความเป็นจริงแล้วสมองของผมกลับทำงานหนักกว่าครั้งก่อน ๆ ....
     
    ผมไม่ได้ยินชื่อ แอล แอมเบอร์ มาเป็นเวลาสิบสามปีแล้วตั้งแต่ที่พ่อแม่ผมตาย ทุกคนในโรงเรียนบอกว่าเธอตายตามครอบครัวไปแล้ว บ้างก็ว่าเธอป่วยหนักจนออกจากบ้านไม่ได้ บ้างก็ว่าเธอเป็นบ้าตายเพราะต้องอยู่คนเดียว
     
    สิ่งเดียวที่ผมรู้เกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้คือ เธอเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อกับแม่ผมต้องตายและผมให้สัญญากับตัวเองไว้ว่า ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่บนโลกนั่นคงเป็นเพราะพระเจ้าเข้าข้างผม เพื่อผมจะได้แก้แค้นแทนชีวิตของพ่อกับแม่ แต่ถ้าเธอตายแล้วนั่นก็ถือว่าเป็นเวรกรรมของตัวเธอเอง
     
    “จ๊ะเอ๋ที่รัก ^^”เสียงเล็ก ๆของคู่ขาผมดังขึ้นข้างหู พร้อมด้วยมือเล็ก ๆโอบประคองใบหน้าผมไว้
    “เจน..”
    “ค่ะ ฉันเอง ทำไมทำหน้าเครียดจัง”เจนนั่งลงบนตักของผมพลางใช้แขนของตัวเองโอบรอบคอผมไว้
    “ไม่มีอะไร ลงไปจากตักซิ อึดอัด”ผมผลักร่างเล็กของเธอให้หลุดพ้น
    “พูดจาไม่น่ารักเลยนะ เมื่อวานไหนบอกจะให้เจนไปค้างบ้านคุณไง?”เธอยังคงมีความพยายามสูงมากในการที่จะกลับเข้ามานั่งตักของผมอีกครั้ง
    “โทษทีแต่ขี้เกียจขึ้นมากะทันหันเลยไม่ได้โทรบอกน่ะ”เสียงหัวเราะหลุดออกมาจากปากเพื่อนของผมทั้งสี่คน เจนหันไปสบตาพวกมันด้วยสายตาอาฆาตนั่นจึงทำให้พวกมันเงียบและลอยหน้าไปทางอื่นแทน
    “นี่คุณคงไม่ได้พยายามจะเขี่ยเจนทิ้งหรอกนะเซน”ผมถอนหายใจพรืดใส่เธอ วุ่นวายชะมัด -_-
    “ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าคุณยังทำตัวน่ารำคาญแบบนี้ สักวันผมคงต้องทำแบบนั้น”เจนทำตาโตใส่ผม แต่ใครจะสนเล่า! ผมอึดอัดจะตายที่ต้องมาคบกับผู้หญิงที่ทำตัวสวยแต่โง่ไปวัน ๆ
     
    เจนเป็นลูกสาวของลูกค้าคนสำคัญในบริษัทของผม เรารู้จักกันเพราะคุณอาแนะนำให้ผมรู้จักในงานวันเกิดของพ่อเธอ จากนั้นเจนก็ตามตื้อถึงขั้นย้ายโรงเรียนมาเรียนที่เดียวกันกับผม ลงทุนมากเลยนะครับ ว่ามั้ย? แต่ผมมองว่ามันช่างไร้ประโยชน์ที่สุด ผมไม่ชอบผู้หญิงที่ไล่ตามผู้ชายแบบนี้เลย มันให้อารมณ์เหมือนง่ายเกินไป..คุณจะว่าผมหยาบคายก็ได้นะ แต่ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ
     
    “วันนี้มีนักเรียนเข้ามาใหม่ด้วยแหละ”เจนเอ่ยกระซิบผม เธอแย่งที่นั่งเลียมที่ประจำอยู่ข้าง ๆผมเป็นที่เรียบร้อย
    “รู้แล้ว”
    “งั้นคุณคงรู้ว่าเธอเป็นใคร?”เจนพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ผมกระตุกหางตาไปมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะพยักหน้า
    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?”ผมโพล่งถามออกไป พลางสะบัดหน้าไปทางอื่นเพราะเสื้อนักเรียนที่เธอใส่มันไม่ได้ติดกระดุมเม็ดบน เห็นแล้วมันน่าลากเธอไปทิ้งจริง ๆ -*- มันไม่ได้ให้อารมณ์พิศวาสเลยสักนิด ผมกลับมองว่ามันน่ารำคาญชะมัด!
    “เพราะฉันจะบอกว่า เธอคือสาเหตุที่ทำให้พ่อแม่คุณเสียชีวิตและฉันจะช่วยแก้แค้นให้ไง”เธอพูดด้วยรอยยิ้มเหยียด ๆ
    “คุณจะช่วยผมแก้แค้น?”
    “ใช่ แล้ว ปกติคนทั้งโรงเรียนก็ไม่ได้รู้สึกดีที่จะต้องเรียนร่วมชั้นกับคนในตระกูลแอ มเบอร์หรอกนะ”จริงอย่างที่เจนพูดครับ..คนในตระกูลแอมเบอร์ออกแนวเป็นพวกที่ น่ารังเกียจของสังคม บ้างก็ว่าตระกูลนี้มีอาถรรพ์ล้มละลายเลยไม่มีใครคบ บ้างก็ว่าคนในตระกูลนี้คือตัวซวยของโลกเลยล่ะ
    “ขอบคุณแล้วกัน”ผมหอมแก้มเจนเป็นการตอบแทนทีหนึ่ง เพราะนั่นคือสิ่งที่เธออยากได้
    “งั้นเจนไปนั่งที่ก่อนนะ ^^”เธอหอมแก้มผมกลับมาทีหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งที่ตัวเอง ผมหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเองที่กำลังทำหน้าเหมือนคนแพ้ท้อง -//-
    “อะไร?”
    “ไหนว่าไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ?”แฮร์รี่ทำเสียงคำถามใส่ผม
    “ก็ไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ”ผมตอบกลับไป ยกขายาว ๆของตัวเองพาดโต๊ะเรียน
    “แล้วไปหอมแก้มเธอทำไมล่ะ?”ไนออลถามพลางหยิบขนมที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะมากิน
    “มันคือสิ่งที่เธออยากได้และไม่เสียหายอะไร”
    “เพราะแกทำมากกว่าหอมแล้วน่ะสิ”เลียมต่อประโยคของผมจนจบ
    “ก็เธอเสนอมาเอง ฉันแค่สนองในสิ่งที่เธอต้องการ เราเสมอกันทั้งคู่ อีกอย่างเจนก็ไม่ใช่ว่าไม่สวยอะไร”
    “เห้ออ! เกิดเป็นแกมันดีอย่างนี้นี่เอง จะควงกับใครก็ได้ อยากนอนกับใครก็แค่กระดิกนิ้วพวกเธอก็คลานตามตูดแกขึ้นเตียง แถมไม่ต้องรับผิดชอบอีกต่างหาก”ลูอิสถอนหายใจพรืดตบท้ายประโยค ผมได้แต่แค่นหัวเราะเพราะที่มันพูดน่ะความจริง
     
    ครับ..นั่นแหละตัวตนของผม เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า เจ้าชู้ตัวพ่อ เพลย์บอย หรืออะไรที่ผู้คนจะสรรหาเรียกผม ผมไม่แคร์หรอกเพราะนั่นคือตัวตนของผมจริง ๆ สังคมรอบข้างพยายามยัดเยียดให้ผมมีภาพลักษณ์เป็นแบบนี้ทั้ง ๆที่ผมเพิ่งจะอายุสิบแปดปีแต่ก็เปลี่ยนคู่ควงไม่ซ้ำหน้า แต่ตัวตนลึก ๆของผมก็ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งพวกนี้หรอกนะ เพราะผมเป็นผู้ชายมันไม่ได้เสียหายอะไร และก็อย่างที่บอกว่าผู้หญิงทุกคนที่เข้าหาผม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่พวกเธอเต็มใจให้ผมครอบครองพวกเธอ ไอ้ผมก็ปฏิเสธใครไม่เป็นด้วยสิ ^&^
    “ระวังโรคด้วยนะเซน ฉันไม่อยากให้แกตายเพราะติดโรค”เลียมเอ่ยบอกผม
    =[]=+ รู้หรอกน่า ฉันระวังอยู่แล้ว”ผมเถียงมันกลับไป
     
    ผมกับเลียมยังไม่ทันเถียงเรื่องโรคที่เลียมพยายามเตือนผมจนจบ =*= เสียงฝีเท้าของอาจารย์มายา อาจารย์ประจำวิชาประศาสตร์ก็ดังขึ้นซะก่อน มันเป็นธรรมเนียมที่นักเรียนทุกคนจะต้องหยุดคุยและมองดูอาจารย์เดินเข้าห้อง

     
    แต่ทว่า..วันนี้กลับแปลกไป นักเรียนในห้องส่งเสียงดังจอแจ เสียงกระซิบกระซาบบ่งบอกว่ากำลังพูดถึงนักเรียนใหม่ที่เดินตามหลังอาจารย์มายาเข้ามา

    เธอเดินก้มหน้าก้มตา มองที่พื้นอย่างเดียวจนกระทั่งอาจารย์มายาหยุดที่ด้านหน้าของห้อง เธอจึงเงยหน้าสบตาทุกคน
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×