ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศิลปินแห่งชาติ

    ลำดับตอนที่ #7 : [ พ.ศ. 2528 ] ครูเฟื้อ หริพิทักษ์

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 49





    ครูเฟื้อ หริพิทักษ์ ศิลปินแห่งชาติสาขา ทัศนศิลป์ จิตรกรรม

    อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน  พ.ศ. ๒๔๕๓ บิดาชื่อนายเปล่ง มารดาชื่อนางเก็บ บิดาถึงแก่กรรมก่อนท่านจะเกิดเพียง  เดือน และเมื่อท่านอายุได้  ขวบ มารดาก็ถึงแก่กรรม ท่านจึงอยู่ในความอุปการะของคุณยายทับทิม โดยอาศัยอยู่บริเวณหลังวัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ

    ท่านเริ่มเข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนประถมวัดสุทัศนเทพวรารามเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๑ ต่อมาเข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมวัดราชบพิธ จนสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ แล้วย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตรสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕ และกลับไปเรียนต่อโรงเรียนมัธยม วัดราชบพิตรอีก  ปี จนสำเร็จชั้นมัธยมศึกษาปีที่  ก็เข้าทำงานเป็นเสมียนรถไฟที่จังหวัดพิษณุโลก แต่ทำได้เพียง ๒ วันก็ลาออก เนื่องจากรู้สึกว่าอาชีพนี้ไม่เหมาะกับตัวท่าน และได้กลับเข้ามาศึกษาต่อที่โรงเรียนเพาะช่าง แผนกฝึกหัดครูในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ด้วยความเป็นผู้ชอบเขียนภาพมาแต่เด็ก ท่านศึกษาอยู่ที่นี่ ๕  ปี ก็ลาออกเข้าศึกษาเป็นการพิเศษกับขุนปฏิภาคพิมพ์ลิขิต(เปล่ง ไตรปิ่น)

    ปี พ.ศ. ๒๔๗๖ ท่านได้ไปศึกษาเพิ่มเติมที่โรงเรียนประณีตศิลปกรรมภายใต้ความรับผิดชอบของศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี ต่อมาท่านได้สมรสกับ ม.ร.ว.ถนอมศักดิ์ กฤดากร มีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ นายทำนุ หริพิทักษ์ (เป็นช่างเขียนอิสระตั้งใจจะดำเนินชีวิตวิชาช่างศิลปะตามบิดา) อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ ได้ไปศึกษาความรู้เพิ่มเติมที่ประเทศอินเดีย เมื่อกลับประเทศไทยท่านได้รับคัดเลือกจากศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี ให้เขียนภาพในช่องคูหาพระอุโบสถ วัดเบญจมบพิตร ในช่วงนี้เองท่านก็เริ่มออกสำรวจจิตรกรรมฝาผนังตามวัดวาอารามต่าง  และทำการคัดลอกภาพที่สำคัญเอาไว้เป็นหลักฐานก่อนที่ภาพในสถานที่จริงจะเสียหายไป โดยเริ่มต้นที่วัดสุทัศน์และวัดสุวรรณาราม

    ท่านเริ่มรับราชการครั้งแรกในตำแหน่งครูช่างเขียน คณะจิตรกรรมและประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร ต่อมาเดือนตุลาคม ๒๔๗๙ เดินทางไปศึกษาต่อ  ราชบัณฑิตยสถานที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยทุนของรัฐบาลอิตาลีเป็นเวลา ๒ ปี ช่วงเวลานี้เองที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถอันยิ่งใหญ่ของท่านในการสร้างสรรค์ศิลปะ ท่านถ่ายทอดความรู้สึกต่อสิ่งต่าง ๆที่ได้พบเห็นออกมาเป็นภาพที่งดงามจับใจ ภาพเขียนสีและภาพวาดด้วยเส้นที่มีจำนวนมากกว่า ๑๐๐ ชิ้น หลังจากนั้นท่านก็รับตำแหน่งอาจารย์และรับราชการจนครบเกษียณอายุ ประมาณเดือนตุลาคม ๒๕๑๓ แต่เนื่องจากท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความสามารถในการปฏิบัติราชการเป็นอย่างดี มีความเชี่ยวชาญด้านจิตรกรรมและศิลปไทย ทางคณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์จึงได้ทำเรื่องขอจ้างท่านเข้ารับราชการเป็นลูกจ้างชั่วคราวในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านจิตรกรรมและศิลปไทยโบราณ ตั้งแต่เดือน ๒๕๑๓จนอายุครบ ๖๕ ปีบริบูรณ์ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘

    ในชีวิตการรับราชการตลอด ๒๓  ปีจนเกษียณอายุ ท่านได้ทำหน้าที่เป็นอาจารย์สั่งสอนอนุชนรุ่นหลังอย่างเต็มความสามารถ เคยทำหน้าที่เป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุมในระดับชาติ ดำเนินการวิจัยและให้ความร่วมมือกับสถาบันอื่น ๆหรือหน่วยงานอื่น ๆ เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการดำเนินงานด้านอนุรักษ์โบราณสถาน วัตถุสถานที่สำคัญ ๆ ของชาติหลายครั้งหลายหน

    อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ รับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วย ความอุตสาหะ วิริยะ เห็นแก่ประโยชน์ราชการเป็นสำคัญยิ่งกว่าในส่วนตัวนับแต่แรกรับราชการ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๐ มีตำแหน่งหน้าที่ราชการและงานพิเศษหลายอย่าง ท่านได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเมื่อวันจันทร์ที่  ธันวาคม ๒๕๑๑ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตริตาภรณ์มงกุฎไทย

    คุณวิเศษของอาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ คือ ท่านเป็นผู้สร้างสรรค์ ศิลปกรรมและอนุรักษ์ส่งเสริมศิลปะไทย เคยได้รับรางวัลเกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหรียญทองจากการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติถึง  ครั้ง และรางวัลเกียรตินิยมอันดับ ๓ เหรียญทองแดง ๑ ครั้ง จนได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินชั้นเยี่ยมในสาขาจิตรกรรม ได้รับเกียรติให้เข้าร่วมเป็นกรรมการตัดสินการแสดงศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๑ และตำแหน่งนี้เรื่อยมา ผลงานจิตรกรรมและวาดเส้นของท่านเป็นผลงานที่ก้าวหน้า มีคุณค่าสูงให้ความประทับใจแก่ผู้ชมและส่งอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลัง เป็นผู้ที่รักและเข้าใจในจิตรกรรมไทยอย่างลึกซึ้ง มีการแสดงผลงานทางศิลปะของท่านหลายครั้งทั้งในและนอกประเทศ

    นอกจากนี้ท่านยังได้ศึกษาค้นคว้าวิจัยและเขียนบทความทางวิชาการไว้หลายเรื่อง

    ด้วยความรักและหวงแหนในศิลปะไทย อาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ ได้อุทิศตนทำงานเพื่อประโยชน์ทางการศึกษาศิลปะการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมอย่างแท้จริงตลอดมาเป็นระยะเวลาหลายปี ทำให้ท่านได้รับพระราชทานปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาจิตรกรรม จากมหาวิทยาลัยศิลปากรเพื่อเป็นเกียรติประวัติ เมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๓ และเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๖ มูลนิธิแม็กไซไซแห่งประเทศฟิลิปปินส์ ได้ประกาศให้รางวัลแม็กไซไซ สาขาบริการชุมชน ประจำปี พ.ศ. ๒๕๒๖ แก่อาจารย์เฟื้อ

    ท่านอาจารย์เฟื้อ หริพิทักษ์ นับเป็นปูชนียบุคคลของลูกศิษย์ และเป็นทรัพยากรบุคคลของชาติที่มีคุณค่าสูงส่ง สมควรที่ชนรุ่งหลังจะได้ดำเนินรอยตามความดีของท่าน    

    สำหรับอัธยาศัยของท่านนั้น เป็นคนซื่อตรงเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติมากกว่าตนเอง มุมานะในงานที่ตั้งใจทำเป็นผู้ที่พร้อมจะให้มากกว่าจะรับ  และตรงไปตรงมา ด้วยคุณสมบัติที่กล่าวมานี้ ท่านจึงเป็นที่รักใคร่นับถือดั่งครูใหญ่ในวงการศิลปวัฒนธรรม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×