คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : First Blood !!
ณ สนามบินสุวรรณภูมิที่ผู้คนมากมายหลายเชื้อชาติต่างเดินกันขวักไขว่ ทั้งมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ หรือจะมาแบบแบคแพคเกอร์ ก็มีให้เห็นแทบทั้งสิ้น หนึ่งในนั้นเองมีชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนผมสีดำเซ็ทเป็นทรงตามเทรนญี่ปุ่นประเทศที่เขาเพิ่งจากมา ดวงเนตรใต้กรอบแว่นสีดำยี่ห้อดังมองไปรอบๆเหมือนกับกำลังหาใครสักคน แต่พอมองจนทั่วก็กลับไม่พบ ร่างสูงจึงถอนหายใจอ่อนๆ อย่างช่วยไม่ได้
“ถึงเสียทีนะ ประเทศไทย” เขาพึมพำกับตัวเอง
เมืองไทยนี่ ร้อนชะมัดยาก ไอ้เสื้อที่เขาใส่อยู่ก็มาซะเต็มแฟชั่นญี่ปุ่น ผ้าพันคอที่ก่อนหน้านี้เคยพาดบ่าไว้บัดนี้ถูกกระชากออกมาเก็บลงใส่กระเป๋าเดินทางเมื่อชายหนุ่มได้เดินออกมาด้อมๆมองๆหาแท็กซี่นอกอาคารใหญ่ยักษ์ด้านหลัง
“พี่ ไปโรงบาลXXX” พอหารถได้เขาก็บอกจุดมุ่งหมายกับคนขับทันที โชเฟอร์พยักหน้ารับก่อนจะกดมิเตอร์สำหรับคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้วพาเขาขับรถไปยังที่หมาย
คงไม่แปลกใช่ไหมถ้าเขาจะบอกว่า สถานที่ที่เขากำลังจะไปนี้ คือบ้านของเขา ใช่แล้ว ชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกหลานของเจ้าของโรงพยาบาลเอกชน ในตระกูลของเขานั้นล้วนแล้วเรียนจบแพทย์จากสถานศึกษาดังๆกันมาแทบทั้งสิ้น มีเพียงตัวเองเท่านั้นที่ผ่าเหล่าอยากเรียนออกแบบอนิเมชั่น(ถ้าไม่นับพี่ไมค์ที่เป็นญาติห่างๆอีกคน) และก็ได้เรียนสมใจเพราะพี่น้องและเหล่าญาติๆฝ่ายแม่ ต่างก็ทนลูกตื๊อไม่ไหว ปล่อยให้เขาได้เรียนในคณะที่ตนเองชอบในที่สุด
ตึกสูงตระหง่านเบื้องหน้าออกแบบมาได้อย่างลงตัว ถ้าไม่มีป้ายประกาศว่าเป็นโรงพยาบาล หลายคนคงคิดว่ามันต้องเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวแน่ๆ และเนื่องจากเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีค่ารักษาแพงหูฉี่ จึงทำให้ที่นี่ค่อนข้างเงียบสงบกว่าโรงพยาบาลของรัฐ ก็นะ มีแต่พวกไฮโซร่ำรวยมาเข้ารักษากันมากกว่า
ไอรวิณมองหาลิฟต์ทันทีเมื่อเขาย่างกายเข้ามาด้านในของโรงพยาบาลแล้ว ด้วยการที่จากไปนานถึง 2 ปี จึงทำให้เกิดอาการหลงๆลืมๆบ้าง แถมพวกเฟอร์นิเจอร์ต่างๆยังจัดการตกแต่งใหม่อีกเสียหมด บดบังทัศนียภาพเดิมที่เขาคุ้นตาเมื่อ 2 ปีก่อนไปอย่างมาก
“เจ้าวิน ! กลับมาตั้งแต่เมื่อไรน่ะ ทำไมไม่บอกแม่ล่ะหือ ?” ยังไม่ทันที่ไอรวิณจะได้ก้าวเท้าขึ้นลิฟต์ไป เขาก็ถูกผู้เป็นมารดาที่เดินผ่านเข้ามาเจอพอดีทักขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจปนตื่นเต้นเพราะคิดถึงเจ้าลูกชายที่นานทีปีหนจะเจอกันเสียที นับตั้งแต่ไอรวิณได้ไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น
“เพิ่งลงจากเครื่องมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วแม่ เป็นไงบ้างครับ คิดถึงผมหรือเปล่า ?” ไอรวิณตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสส่งไปให้ผู้เป็นมารดา
ทัศนีย์ผู้เป็นมารดาอยู่ในชุดกราวสีขาวตามแบบฉบับของหมอ หน้าตาสวยเกินจะเชื่อว่าอายุปาเข้าไป 45 แล้ว แต่ยังดูสาวเหมือนเพิ่งอายุ 30 หมาดๆ เดินเข้ามากอดรับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้ด้วยความคิดถึง ก่อนจะหอมแก้มดังฟอด 1 ที แล้วจัดการพาไอรวิณเดินเข้าไปในลิฟต์เมื่อมันเปิดออกอีกครั้งหลังจากที่เขาพลาดที่จะขึ้นไปเมื่อสักครู่
“เป็นไงบ้างเราน่ะ ไม่เห็นส่งข่าวอะไรมาบ้างเลย แม่ก็นะรอแกไปเหอะ” ทัศนีย์พูดด้วยน้ำเสียงเคืองนิดๆที่ลูกชายสุกรักไม่ค่อยจะส่งข่าวคราวอะไรกลับมาเสียเท่าไร ยกเว้นจะถึงช่วงที่เจ้าตัวดีช็อตเงินหมดนั่นแหละนะถึงจะโผล่มาให้เห็นไม่ว่าจะด้วยการโทรศัพท์หรือสไกป์ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ก็แล้วแต่
“ก็ดีครับ ช่วงนี้ที่นู่นปิดเทอมพอดี ผมเลยกลับมาไง”
“หือ ปีที่แล้วแกก็ไม่เห็นจะกลับมาบ้านเลยนิ”
“อ่า แหมก็ปีนี้ผมคิดถึงแม่นี่นา อยากกลับมานอนกอดบ้างอ่ะ”
“อ้อนเชียวนะ”
สองแม่ลูกคุยกันอยู่ได้สักครู่หนึ่ง ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ทัศนีย์ขอตัวไปดูอาการคนไข้ก่อนเธอหอมแก้มลูกชายอีกทีก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ไป
ไอรวิณเดินทางมายังชั้นบนสุดของโรงพยาบาล ซึ่งเป็นที่ที่รู้กันว่า 3 ชั้นบนสุดนั้น เป็นเขตของตระกูลของเขา ถึงบางทีจะมีคนอื่นเผลอเดินขึ้นมาบ้างแต่ก็จะถูกลุงยามที่นั่งเฝ้าอยู่ขอให้กลับออกไป
“อ้าวคุณวิน สวัสดีครับ” ยามต๋อย เป็นลุงยามหน้าตาใจดี ทำงานให้เฝ้า 3 ชั้นบนให้กับโรงพยาบาลมาตั้งแต่ไอรวิณยังตัวเล็กๆอยู่เลย จึงทำให้รู้จักและสนิทสนมกันเป็นอย่างดี
“สวัสดีครับลุงต๋อย ไม่มีของฝากนะครับ แหะๆ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่หวังอะไรอยู่แล้ว แค่คุณตาของคุณวินเมตตาผมให้รับผิดชอบงานนี้ก็บุญท่วมหัวแล้วครับ” ยามต๋อยมักชอบพูดแบบนี้เสมอ เขาเป็นคนที่ลำลึกบุญคุณของคนอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้คนในตระกูลมักไว้เนื้อเชื่อใจลุงแกและลุงแกเองก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสุดๆ แม้จะอายุเยอะแล้วก็ตาม
หลังจากที่พูดคุยกันจนพอใจแล้วไอรวิณก็มุ่งตรงไปยังห้องของตัวเองก่อน เขาเก็บสัมภาระที่เอามาด้วยทั้งหมดไว้ในห้องอย่างลวกๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องของตัวเองแล้วเดินไปเปิดประตูอีกห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องของน้องสาวที่ขณะนี้เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงสีชมพูอ่อนลวดลายการ์ตูนน่ารัก บนศีรษะสวมหมวกทรงประหลาดที่มีสายคล้ายสายไฟเชื่อมต่ออยู่กับกล่องทรงสีเหลี่ยมผืนผ้ารูปร่างเหมือนเครื่องเล่นเกม
หรือนี่จะเป็นอุปกรณ์ในการเล่นเกมที่ว่านั่นกันนะ
ด้วยเหตุนั้นเอง เขาจึงไม่สามารถทักทายน้องสาวของตัวเองได้ จึงเดินออกจากห้องไปแบบเงียบๆ แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาวออกไป เขาก็เหลือบไปเห็นกล่องที่บรรจุเครื่องเกมอีกอันหนึ่งซึ่งวางไว้ใต้เตียงของน้องสาว และมีโน้ตเขียนแปะไว้ว่า
ฝากให้วินด้วยนะไอด้า จากพี่ไมค์
เมื่อเห็นดังนั้น ไอรวิณไม่รอช้าที่จะกลับไปห้องตัวเองพร้อมกับกล่องที่บรรจุเครื่องเกมนั้น เขาจัดการอ่านคู่มือในการติดตั้งทันทีที่นั่งลงบนเตียงของตัวเอง ซึ่งวิธีการใช้ก็ไม่ยากอะไรมากแค่นำหมวกมาใส่และใช้สายไฟที่ให้มาด้วยเชื่อมต่อกับเครื่องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
วินเหลือบไปเห็นหนังสือคู่มืออีกอันหนึ่งซึ่งเขียนไว้ว่าคู่มือพื้นฐานในเกม เขาหยิบมันขึ้นมาอ่านอย่างรวดเร็ว เพราะระบบพวกนี้ค่อนข้างที่จะเข้าใจง่ายสำหรับเกมเมอร์อย่างเขาอยู่แล้ว อีกอย่างพี่ไมค์ก็ส่งคำแนะนำในการเล่นมาทางอีเมลให้เขาได้อ่านเมื่อวานหลังจากที่คุยโทรศัพท์กันเสร็จนั่นแหละ
เมื่ออ่านเสร็จวินก็จัดการเสียบสายไฟและเปิดเครื่องทำงาน พอทั้งสองอย่างเชื่อมต่อเข้าหากันแล้ว ก็ปรากฏหน้าจอใสๆขึ้น มันมีตัวอักษรภาษาอังกฤษมากมายวิ่งวนไปทั่วก่อนจะกลายเป็นหน้าจอที่มืดสนิท
“ระบบได้ทำการติดตั้งและจดจำเจ้าของอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว” เสียงประกาศเบาๆดังขึ้น แล้วไอรวิณก็รุ้สึกเหมือนจะหมดสติเอาเสียดื้อๆ จากนั้นไม่นานก็ผล็อยหลับลงไป
สักครู่หนึ่งไอรวิณก็รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ภาพที่เขาเห็นตรงหน้ากลับไม่ใช่ห้องของเขา แต่เป็นห้องโถงใหญ่สีขาวซึ่งตรงกลางนั้นมีหญิงสาวผมสีบรอนซ์หน้าตาสะสวยยืนอยู่ และเมื่อเธอเห็นเขาแล้วก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับขยับแว่นหนึ่งที
“ยินดีต้อนรับเข้าสู้โลกแห่ง เมต้าเวอร์ส ผู้ใช้อุปกรณ์เลขที่ MW000999 กรุณาบอกเลขบัตรประชาชนของท่านด้วยค่ะ”
ไอรวิณบอกเลขบัตรประชาชนของเขาไปอย่างว่าง่าย
“ขอบคุณค่ะ ทางเราได้ทราบข้อมูลของท่านแล้ว คุณคือ นายไอรวิณ สุดสายชล ถูกต้องใช่ไหมคะ ?”
“ครับ”
“ระบบได้ตอบรับคำยืนยันแล้ว ต่อไปเป็นการสร้างตัวละคร กรุณากรอกชื่อในเกมของท่านด้วยค่ะ”
Wataru
“ระบบได้ทำการตรวจสอบและผลปรากฏว่าสามารถใช้ชื่อนี้ได้ จะทำการบันทึกทันทีหรือไม่ ?”
“ครับ”
“ระบบต้องการให้ท่านเลือกเผ่าพันธุ์ในเกมของท่าน ซึ่งแต่ละเผ่าต่างก็มีคุณลักษณะที่แตกต่างกัน สามารถดูข้อมูลของเผ่าได้ด้วยการสัมผัสที่ชื่อของเผ่าพันธุ์นั้นๆที่ปรากฏอยู่บนหน้าต่างค่ะ”
ไอรวิณจ้องมองไปที่หน้าต่างบานใหม่ที่ปรากฏขึ้นมา มันแสดงเผ่าพันธุ์ที่เขาจะต้องเลือกเล่น ถึง 6 เผ่าพันธุ์
1 คือเผ่า มนุษย์ เป็นเผ่าที่มีค่าสถานะต่างๆเป็นกลาง ไม่มีจุดเด่นอะไร
2 คือเผ่า มนุษย์ดัดแปลง เป็นเผ่าที่มีค่าชีวิตสูง ค่าพละกำลังสูง แต่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ ซึ่งเผ่ามนุษย์ดัดแปลงจะมีชิ้นส่วนของเครื่องจักรกลอยู่ในตัว เช่นแขนที่สามารถกลายเป็นปืนกลได้
3 คือเผ่าไลท์เอลฟ์ เป็นเผ่าที่มีค่าความแม่นยำสูง ค่าพลังเวทย์สูง แต่มีค่าพละกำลังต่ำ ซึ่งเผ่าไลท์เอลฟ์เป็นเผ่าที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่จะสูงยาวกว่าและมีใบหูแหลม เป็นเผ่าพี่น้องกับเผ่าดาร์คเอลฟ์
4 คือเผ่าดาร์คเอลฟ์ เป็นเผ่าที่มีความว่องไวสูง ค่าพลังเวทย์สูง แต่มีค่าเทคนิคที่ต่ำ ซึ่งเผ่าดาร์คเอลฟ์เป็นเผ่าที่มีรูปร่างเหมือนเผ่าไลท์เอลฟ์แต่จะมีผิวสีน้ำตาลม่วง เป็นเผ่าพี่น้องกับเผ่าไลท์เอลฟ์
5 คือเผ่าเรดอาย เป็นเผ่าที่มีพลังชีวิตสูงที่สุด ค่าต้านทางสูง และมีค่าพลังเวทย์ค่อนข้างสูง แต่ค่าความว่องไวต่ำ ซึ่งเผ่าเรดอายจะมีดวงตาสีแดงเรืองแสงทุกคนและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเผ่าพันธุ์
6 คือเผ่าคนแคระ เป็นเผ่าที่มีค่าเทคนิคสูง ค่าความฉลาดสูง แต่เชื่องช้าและอ่อนแอ ซึ่งเผ่าคนแคระในเกมนี้ไม่เหมือนกับคนแคระทั่วไป อันที่จริงน่าจะเรียกว่าเผ่าเด็กเสียมากกว่าเพราะคนแคระทั้งเพศชายและหญิงต่างก็มีร่างกายและหน้าตาที่น่ารักเหมือนเด็กอายุ 9 ขวบ
เมื่อไอรวิณได้อ่านคำอธิบายของแต่ละเผ่าทั้งหมด เขาก็ตัดสินใจอยู่นานว่าจะเล่นเผ่าอะไรดี เพราะเกมที่เขาเคยเล่นมาส่วนใหญ่ก็มักจะมีระบบเผ่าแบบนี้ทั้งนั้น ถ้ายึดตามที่เขาชอบก็คงจะเป็นเผ่าเอลฟ์ แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาเลือกไปที่เผ่ามนุษย์ธรรมดาแทน
“ระบบได้ทำการบันทึกเผ่าของผู้เล่นแล้ว ขั้นตอนสุดท้าย เราจะพาท่านไปสู่การแก้ไขลักษณะหน้าตาของตัวละคร ท่านต้องการปรับเปลี่ยนร่างกายของท่านหรือไม่ ?” เลเมียผายมือไปทางห้องด้านขวาที่มีแท่นแคปซูลทรงกระบอกอยู่ตรงกลางห้อง ไอรวิณตอบรับคำเชิญนั้น เขาเดินตามเลเมียไปและเมื่อถึงแท่นนั้นแล้ว กระจกแคปซูลก็เปิดออก เขารู้หน้าที่ทันทีว่าจะต้องเข้าไปในนั้นและสักครู่ก็เริ่มมีหน้าต่างมากมายเปิดขึ้นมาให้เห็น เป็นออฟชั่นในการเลือกจัดแต่งตัวเองนั่นเอง
ไอรวิณเปลี่ยนสีผมของตัวเองให้กลายเป็นสีน้ำตาล เปลี่ยนทรงผมที่เคยชี้ตั้งให้ยาวขึ้นระต้นคอ สีตาก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวสดใส โครงหน้าเปลี่ยนแปลงจากเดิมเล็กน้อย ร่างกายก็ยังคงไว้เช่นเดิมเพียงแต่เพิ่มกล้ามเนื้อมาอีกนิด เป็นอันเสร็จการสร้าง
“ระบบได้ทำการสร้างตัวละครของท่านเรียบร้อยแล้ว อีก 10 วินาที ตัวละครของท่านจะถูกส่งไปยังเมืองแห่งการเริ่มต้น เซนทาโมไร ขอให้สนุกกับการเล่นเกมเมต้าเวอร์สออนไลน์ค่ะ” เมื่อเลเมียพูดจบ ก็มีตัวเลข 9 ปรากฏขึ้นมา ก่อนจะกลายเป็น 8 และถอยหลังไปเรื่อยๆ จนในวินาทีที่ 1 นั้นเอง เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังดิ่งลงมาจากอากาศ ไม่ใช่เหมือนสิ เขากำลังพุ่งลงมาจากฟ้าจริงๆเลยต่างหาก
ตุบ โครม!!
“อ๊ากกก เจ็บๆๆ” อาการเจ็บแปลบๆแล่นขึ้นมาทันที เพราะการตกกระทบจากศีรษะของเขากับหินโสโครกขนาดเขื่อง ถ้าเรื่องจริงนี่คงหัวแบะตายโหงไปเฝ้าท่านยมแล้วแหงๆ
แล้วที่นี่มันที่ไหน เมืองอะไรกันไม่เห็นจะมี แม่แต่ทุ่งหญ้าโล่งๆ กับฝูงวัวประหลาดที่กำลังเล็มหญ้ากันอย่างสบายอารมณ์
ป่อย !! บุ๋ง !!
“เสียงอะไรฟะ” ไอรวิณหันไปหาต้นเสียงที่กำลังกระโดดเข้ามาใกล้ๆตัวเขา รูปร่างของมันคล้ายกับเยลลี่สีแดงสด ดูจะดูน่ากินมากถ้าเกิดว่าไม่เห็นส่วนที่เป็นเหมือนเครื่องในของมันล่ะก็นะ
เมื่อสายตาของเขาจดจ้องไปที่เยลลี่ตัวนั้น มันก็ปรากฏชื่อสีขาวขึ้นมาบนหัวว่า Red Slime
“อ้อ แค่สไลม์ธรรมดาสินะ ยังงี้ก็หมูๆ” ไอรวิณดัดมือดังกร๊อบแก๊บ พลางย่างสามขุมไปยังสไลม์โชคร้ายที่ไม่รู้สึกถึงชะตาของตัวเองแม้แต่น้อย
ว่าแต่ อาวุธล่ะ นี่ไม่มีอุปกรณ์เริ่มต้นสักชิ้นเลยเรอะ
ไอรวิณคิด มือก็พลางค้นไปทั่ว ทั้งเปิดหน้าต่างอุปกรณ์ขึ้นมาก็ยังไม่พบอาวุธใดๆ มีเพียงขวดยาฟื้นฟูพลัง 5 ขวดเท่านั้น
นี่มันจะงกเกินไปแล้วนะเว้ยไอ้พี่ไมค์ ทำกับคนเพิ่งเล่นใหม่แบบนี้ได้งะฟระ
โทษใครไม่ได้ก็โทษคนสร้างมันนั่นแหละ
“ต่อยเอาก็ได้วุ้ย” ว่าแล้วเขาก็จัดการซัดหมัดหลุนๆเข้าไปที่สไลม์ตัวนั้นทันที
1
เอ่อะ ดาเมจมันไม่น้อยไปหน่อยหรอ
MISS
หมัดที่สองพลาดเพราะสไลม์โยกตัวหลบได้ทัน ให้ตายเหอะแกไว้ขนาดนั้นได้ยังไงฮะ
MISS
...
Red Slime ได้ทำการโจมตีท่านด้วยพลังโจมตี 10
“อ๊ากกก เจ็บโว้ย ไอ้เยลลี่อัปลักษณ์” ไอรวิณที่ถูกโจมตีสวนมาถึงกับร้องลั่น เพราะดาเมจที่ได้รับนั้นมันทำให้เลือด 1 ใน 5 ของเขาลดลงไป
เลือดมีอยู่ 50 ลบ 10 เหลือ 40 โดนอีก 4 ที เขาก็ตาย เหอๆ ต้องมาแพ้สไลม์โง่ๆนี่หรอ
“ว๊ากกกกกก” ไอรวิณใช้แรงฮึดเตะสไลม์ตัวนั้น จนมันได้รับดาเมจไปเต็มๆ
5
เขาโยกหลบเยลลี่ที่กำลังพุ่งตัวเข้ามาโจมตีได้ทันและจัดการเตะซ้ำไปอีกที จนก้อนเยลลี่แตกกระจายเต็มพื้น
ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 8 exp
“ฮ่าๆ ไอ้เยลลี่หน้าโง่ ไม่ได้แอ้มตูหรอกเฟ้ย” ไอรวิณยืดอกภูมิใจที่สามารถจัดการกับมอนสเตอร์ที่อ่อนแอที่สุดในเกมลงได้ ก็ไม่รู้ว่ามันน่าภูมิใจตรงไหนกันนะ
ของที่ดรอปมีเพียง เศษซากเยลลี่นุ่มนิ่มเท่านั้นไม่มีอะไรพิเศษ แหงอยู่แล้ว จะไปหวังอะไรกับสไลม์ธรรมดา มันคงไม่ไปอมดาบของใครที่ไหนมาหรอก
“แล้วไงต่อล่ะที่นี้” เขายืนเกาหัวแกรกๆ มองไปรอบด้าน มีสไลม์แบบเดิมเริ่มออกมาเผล้นพล่านให้เห็นมากขึ้น ฝูงวัวที่เล็มหญ้าอยู่ก็ยังคงเดิม แต่รู้สึกเหมือนมันเงียบไปจนเขาวังเวงพิกล
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด” เสียงร้องของผู้หญิงดังลอดออกมาจากป่าข้างๆ ดังขนาดที่ไอรวิณที่ยืนอยู่ไกลจากปากทางเข้าป่ายังได้ยิน เขารีบเดินไปทางป่านั้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น และถ้าให้เดาเสียงนั้นต้องเป็นของผู้เล่นคนอื่นแน่ๆ
พอเดินมาตรงปากทางเข้าป่า เข้าก็เห็นเงาตะคุ่มๆกำลังวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว และเหมือนร่างที่กำลังวิ่งมานั้นจะเห็นเขาเข้าแล้วจึงตะโกนร้องสุดเสียง
“ช่วยด้วยยยยยย” เสียงแผดร้องของหญิงสาวผมสีดำดังขึ้นมาพร้อมกับร่างกายของเธอที่พุ่งออกมาจากป่า แต่สิ่งที่ตามเธอมาด้วยนั้นทำเอาไอรวิณออกอาการผวาทันที
“เหวออออ”
ฉัวะ !! เอื้อออออ !!
...
แล้วทั้งคู่ก็ถูกส่งไปยังจุดเซฟของผู้เล่นใหม่ทันที
…
“ต้องขอโทษผู้เล่นใหม่ด้วยนะคะ ทางผู้ผลิตต้องการให้ผู้เริ่มต้นทุกคนได้ลิ้มรสความตื่นเต้นกันตั้งแต่ต้นเกม จึงสุ่มจุดเริ่มต้นไว้แบบนั้น และเพื่อเป็นการไถ่โทษโปรดรับกล่องของขวัญนี้ไปคนละกล่องนะคะ” พนักงานสาวกลางเมืองเซนทาโมไรอธิบายเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง ซึ่งนั่นเป็นการจงใจส่งพวกเขาไปอยู่ในที่ๆอันตรายแบบนั้นกันตั้งแต่เริ่มเกม นี่ถ้าพวกเป็นโรคหัวใจมาเล่นมันไม่ช็อคตายก่อนเรอะ
ไอรวิณและสาวเสือเขี้ยวดาบ(?) ต่างก็รับกล่องนั้นมาอย่างโดยดี แต่ยังคงมีสีหน้าเคืองๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่หาย พนักงานสาวที่มีชื่อขึ้นว่า Maria หัวเราะแห้งๆให้เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสอง แต่สักพักก็หันไปขอโทษขอโพยกับผู้เล่นคนอื่นที่โดนแบบเดียวกันกับพวกเขาต่อ
“เธอชื่อมิ้นต์หรอ” ไอรวิณถามสาวเสือเขี้ยวดาบ ซึ่งเธอก็ทำหน้างงๆประมาณว่ารู้ได้ยังไง
“ใช่ รู้ได้ไงน่ะ”
“ก็ชื่อตัวละครเธอเขียนว่า MindMint นี่”
“เอ่อ นั่นสินะ แล้วนายล่ะ ชื่อ วาตารุ หรือไง”
“ฮ่าๆ ก็ไม่เชิงนะ แต่เรียกผมว่า วาตารุ นั่นแหละ”
“ว่าแต่ต้องไปทำอะไรต่อล่ะเนี่ย” มิ้นถามพลางพลิกกล่องที่ได้มานั้นไปๆมาๆสำรวจดูว่ามันคืออะไร
“ก็คงต้องเก็บเลเวลทำเควสเหมือนเกมทั่วไปแหละ” ไอรวิณที่ตอนนี้เรียกตัวเองว่าวาตารุตอบ
“เอ๋ แล้วเก็บเลเวลกับทำเควสมันคืออะไรล่ะ” อนิสาทำหน้างงๆ แบบคนไม่เคยได้ยินศัพท์พวกนี้มาก่อน ถึงพอจะแปลออกว่าเลเวลคือระดับ แต่ทำเควสนี่ต้องมานั่งแก้ปริศนาอะไรหรือเปล่า ?
“หือพูดแบบนี้ แสดงว่าเธอไม่เคยเล่นเกมออนไลน์มาก่อนสินะ”
“ก็ใช่ ฉันเล่นแค่เกมเฟสบุคกับเกมไพ่บนคอมเท่านั้นแหละ”
“แล้วเธอหลงมาเล่นเกมนี้ได้ไงล่ะ”
“ได้มาฟรีน่ะเลยลองเล่น”
วาตารุพยักหน้าอย่างเข้าใจ และไม่คิดจะถามต่อว่าทำไมถึงได้ฟรี เขาไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคนอื่นเกินไป จากนั้นก็หันไปแกะกล่องที่มาเรียให้มาออก ซึ่งไอเท็มข้างในเป็นเพียงก้อนหินผิวเรียบดูธรรมดาๆ
“เฮอะ ไม่มีดวงเอาซะเลย” บ่นกับโชคชะตาของตัวเอง เขาพอจะรู้อยู่หรอกว่าไอ้กล่องใบนี้มันเป็นไอเท็มสุ่มของระดับต่ำกว่าหรือเท่ากับ Super Rare ทุกชนิดที่มีอยู่ภายในเกมขึ้นมา 1 ชิ้น แต่สิ่งที่เขาได้นี่มันเรียกว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรนอกจากขายทิ้งกับก่อกองไฟ เอ หรือจะเอาไปปาหัวมอนสเตอร์ดี “เธอก็เปิดบ้างสิมิ้นต์”
วาตารุเก็บหินก้อนนั้นลงไปในช่องใส่ไอเท็ม จากนั้นก็หันมามองไอเท็มที่มิ้นต์เปิดได้ขึ้นมา และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนี้เอามากๆ
เปิดได้ของระดับ Super Rare เลยแฮะ โชคดีจริงๆ = =a
คิดแล้วก็แอบชำเลืองมองหินก้อนน้อยในกระเป๋าตัวเอง เฮ้อ โชคชะตาชั่งกลั่นแกล้งกันได้
ไอเท็มที่อนิสาเปิดได้ก็คือ เสื้อมีฮู้ดสีขาวดูสะอาด มีไหมสีทองปักเป็นรูปปีกนกอยู่ตรงหลังเสื้อ และเมื่อมิ้นต์ทำการตรวจสอบไอเท็มก็ได้พบว่ามันคือ
(S) Angeluce White Hoodie : เสื้อฮู้ดสีขาวทำจากเส้นใยของอารัคเน่ ถูกฟอกจนขาวสะอาดด้วยเวทมนตร์ของชาวไลท์เอลฟ์ ปักลวดลายปีกด้วยไหมสีทองจากทองคำแท้บริสุทธิ์ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายอยู่เสมอแม้จะอยู่ในอุณหภูมิใดก็ตาม เพิ่มพลังความว่องไว และสามารถกระโดด 3 สเตปกลางอากาศได้ พลังชีวิต +500 ความว่องไว+40
“อิจฉาจัง” วาตารุมองเสื้อตัวนั้นตาละห้อย ทางด้านมิ้นต์ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรก็ทำหน้าสงสัยว่าเขาจะมาอิจฉาเธอทำไม ก็แค่เสื้อธรรมดาตัวหนึ่งเท่านั้น
“มันดีมากเลยหรอไง” มิ้นต์ถามอย่างสงสัย ขณะเดียวกันก็ลองใส่เสื้อนั้นดู เพราะที่จริงแล้วเธอก็ชอบมันตั้งแต่แรกเห็น ดูขาวสะอาดแถมยังมีเนื้อผ้าที่นุ่มมืออีกต่างหาก
พอมิ้นต์ได้สวมใส่มันลงไป เธอก็รู้สึกว่าเสื้อตัวนี้มันใส่สบายสุดๆ อุณหภูมิก่อนหน้านี้ที่ร้อนนิดๆ ตอนนี้มันกลับให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ที่มีร่มเงาบดบังความร้อนจากแสงแดด และยังทำให้เธอรู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้นอีกด้วย
“ดีมากเลยล่ะ เป็นของระดับ 4 เชียวนะ” วาตารุยังคงส่งสายตาอิจฉาไม่เลิก แล้วเขาก็อธิบายถึงระดับไอเท็มให้มิ้นต์ฟัง แต่ก็มีความสงสัยนิดๆว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อ่านคู่มืออีกอันหนึ่งมาหรือยังไงกัน สงสัยจะอ่านแต่คู่มือการติดตั้งเบื้องต้น คงไม่ได้อ่านคู่มือพื้นฐานในเกม
เขาอธิบายให้มิ้นต์ได้ฟังว่า ไอเท็มประเภทอุปกรณ์ ชุดเสื้อผ้า หรืออาวุธ ในเกมจะมีระดับบ่งบอกอยู่ ซึ่งจะมีด้วยกัน 5 ระดับ กับอีก 1 ระดับพิเศษ
ระดับที่ 1 ระดับ Common จะใช้ตัวย่อว่า (C) หน้าชื่อไอเท็ม เป็นไอเท็มระดับปกติทั่วไปสามารถหาได้ง่ายดายตามร้านค้าหรือมอนสเตอร์ระดับต่ำและการเปิดกล่อง
ระดับที่ 2 ระดับ Great จะใช้ตัวย่อว่า (G) หน้าชื่อไอเท็ม เป็นไอเท็มระดับดีกว่าระดับ C ขึ้นมาหน่อย หาได้จากบางร้านค้า การเปิดกล่อง และตามมอนสเตอร์ระดับกลางลงไป
ระดับที่ 3 ระดับ Rare จะใช้ตัวย่อว่า (R) หน้าชื่อไอเท็ม เป็นไอเท็มระดับหายาก เริ่มมีคุณสมบัติแฝง และเพิ่มค่าสถานะให้กับผู้ใช้ หาได้จากมอนสเตอร์ระดับกลางขึ้นไป และการเปิดกล่อง
ระดับที่ 4 ระดับ Super Rare จะใช้ตัวย่อว่า (S) หน้าชื่อไอเท็ม เป็นไอเท็มระดับหายาก มีคุณสมบัติแฝงที่ดีกว่าระดับ R และมักจะมี ออฟชั่นเสริมหลายออฟชั่น หาได้จากมอนสเตอร์ระดับบอส การเปิดกล่อง และหีบสมบัติราชา
ระดับที่ 5 ระดับ Legend จะใช้ตัวย่อว่า (L) หน้าชื่อไอเท็ม เป็นไอเท็มระดับตำนาน มีคุณสมบัติมากมายและออฟชั่นเสริมมากกว่า 3 ชนิด และจะมีเพียงชิ้นเดียวในเกมเท่านั้น เมื่อมีผู้ครอบครองแล้ว ไอเท็มชิ้นนั้นจะไม่ปรากฏและจะไม่ดรอปจากที่ไหนได้อีก ไม่ทราบแน่ชัดว่าสามารถหามาใช้ได้ยังไง และไม่ถูกบรรจุอยู่ในกล่องและหีบสมบัติทุกชนิด
สุดท้ายกับไอเท็มระดับพิเศษ ระดับ Unique จะใช้ตัวย่อว่า (U) หน้าชื่อไอเท็ม เป็นไอเท็มที่ระดับจะขึ้นอยู่กับผู้สร้าง ซึ่งการจะได้มานั้นมีทั้งมาจากผู้เล่นสายนักสร้าง จากเควส จาก NPC และจากพนักงานในเกมที่จัดกิจกรรมขึ้นมา มีคุณสมบัติเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละชิ้น ถ้าผู้สร้างมีความสามารถสูงก็จะมีระดับที่เทียบเท่ากับระดับ S แต่ถ้าผู้สร้างไม่มีความสามารถระดับที่ได้อาจต่ำกว่าระดับ C หรือก็คือใช้การไม่ได้นั่นเอง
“อื้อหือ ระดับอะไรกัน ยุ่งยากจริงๆเลย” เมื่อมิ้นต์ได้ฟังวาตารุอธิบายเสียยืดยาวก็ทำเอาไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว ไอ้เข้าใจเธอก็เข้าใจอยู่ แต่ตัวเองแค่คิดอยากจะทดลองเล่นเฉยๆ ไม่หวังจะไปหาไอเท็มยากๆพวกนั้นมาใช้จริงๆจังหรอกนะ
“ฮ่าๆ คนไม่เคยเล่นเกมแบบเธอนี่มักโชคดีแบบนี้เสมอแหละ ผมล่ะเห็นประจำพวกคนที่ไม่ค่อยจะรู้อะไรมักจะดรอปของหายากได้เสมอ” วาตารุพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ ก็จริงนี่นะ เขาเล่นเกมทีไรก็มักจะเจอพวกมือใหม่ชอบเอาของดีๆมาเร่ขายถูกๆเสมอ หารู้ไม่ว่านั่นน่ะในตลาดเขาขายกันราคาแพงกว่าที่ตั้งห้องขายถึง 20 เท่าเลยนะ “เอางี้ เธอปาร์ตี้กับผมดีกว่า เผื่อจะได้ช่วยเหลืออะไรกันได้ อีกอย่างผมก็ไม่มีอาวุธอะไรจะไปต่อกรกับมอนสเตอร์เลย คงต้องพึ่งคุณแล้วล่ะมิ้นต์”
ไม่ใช่ว่าเขากำลังหลอกเธอนะ แต่สถานการณ์ตอนนี้มันจำเป็นต้องเกาะติดเธอไปก่อน เผื่อโชคดีมิ้นต์ได้ของดีๆมาอีก เขาจะได้ริปเอาไปใช้บ้าง
พระเจ้า อย่าหาว่าผมชั่วร้ายเลย มันจำเป็นจริงๆ แค่ท่านให้หินผมมาก้อนเดียวผมก็แทบจะเลิกเล่นแล้วล่ะครับ T T
“เอาสิ เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน ฉันจะได้เรียนรู้อะไรจากนายด้วย เพราะยังไงแล้วฉันก็ไม่เคยเล่นเกมออนไลน์แบบนี้มาก่อนอยู่ดี ฝากตัวด้วยล่ะ” มิ้นต์ยื่นมือมาด้วยรอยยิ้ม นั่นทำให้วาตารุเพิ่งจะสังเกตว่า ผู้หญิงตรงหน้านี้มีใบหน้าที่น่ารักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ยิ่งตอนเธอยิ้มเล็กๆส่งมาแล้ว เหมือนกับพระแม่มารีมาโปรดก็ไม่ปาน
อะไรจะเวอร์ขนาดนั้น
“ฮื่อฝากตัวด้วยเหมือนกัน” เขายิ้มตอบรับและจับมือกับมิ้นต์เขย่าเชคแฮนด์กันก่อนจะกดคำสั่งเชิญชวนเข้าสู่ปาร์ตี้ และไม่ลืมที่จะแอดเพื่อนไว้ด้วยเช่นกัน
และแล้วการเดินทางในโลกเกมออนไลน์ของทั้งสองก็กำลังจะได้เริ่มต้นขึ้นในไม่ช้านี้…
ความคิดเห็น