ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] You Belong to Me [พีรวิชญ์ x ก้องบดินทร์]

    ลำดับตอนที่ #1 : You Belong to me 01

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 52


    » Title : You Belong to me

    » Category : Fiction from drama "พรุ่งนี้ก็รักเธอ"

    » Pairing : พีรวิชญ์ x ก้องบดินทร์

    » Rate : PG13

    » Author : Hades

     

    - 01-

     

    ผมรักก้องบดินทร์

    ความรู้สึกนี้ชัดเจนเสมอไม่เคยเปลี่ยนนับตั้งแต่วันที่ผมได้สบตากับเขาที่ โรงพยาบาลในวันนั้น แม้มันจะฟังดูแปลก แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่สุด ผมไม่เคยใจเต้นจนรู้สึกเหมือนกับจะตายแบบนี้กับใครนอกจากเขาคนเดียว

    ทั้งๆที่รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย และอาจจะรับไม่ได้กับความรู้สึกแบบนี้ของผม แต่ผมเองก็ฝืนใจตัวเองไม่ให้แสดงออกไม่ได้ ในเมื่อเขาทั้งน่ารักและน่าแกล้งขนาดนั้น ผมชอบที่จะเห็นเขาทำสีหน้าแปลกๆ เวลาโดนผมหยอก ชอบที่จะเห็นเขาหงุดหงิดเวลาที่ไมได้ดังใจ และชอบที่จะเห็นเขาเขินเวลาที่ผมกำลังพยายามบอกความรู้สึกของผมกับเขาด้วย การกระทำ...เพราะมันดูเหมือนว่าเขาเองก็มีใจให้กับผม

    ก็แค่ดูเหมือนเท่านั้นล่ะ...เพราะเขาไม่เคยแสดงออกอะไรมากไปกว่านั้น
    แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญ...เพราะยังไงซะ ผมก็มั่นใจว่าผมจะต้องเอาชนะใจเขาได้แน่นอน

    เพราะผมไม่ใช่พวกที่จะยอมแพ้อะไรง่ายๆอยู่แล้ว
    ผมจะทำให้เขายอมรับความรู้สึกนั้นออกมาจากปากของเขาเองให้ได้

    RRRRRRR

    เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะความคิด และกดรับอย่างเสียไม่ได้เมื่อเห็นว่าใครโทรมา

    “ว่าไงครับแอนนา” ผมส่งเสียงตอบรับหวานๆไปอย่างที่เธอคงอยากจะได้ยินเพราะผมก็รู้ว่าเธอชอบผม จริงอยู่ว่าผมไม่ได้คิดพิศวาสอะไรเธอ แต่อย่างน้อยความที่เป็นเพื่อนกันและแอนนาก็เคยช่วยเหลือเมื่อสมัยเรียนอยู่ ที่อเมริกาในหลายๆเรื่องทำให้ผมปฏิเสธตรงๆไม่ได้

    “พี วันนี้บ่ายมีแข่ง ลืมรึเปล่าคะ?” สำเนียงภาษาไทยแบบแปร่งๆปนสำเนียงอังกฤษของเธอถามออกมาอย่างมีจริต และนั่นทำให้ผมนึกขึ้นได้เหลือบมองนาฬิกาบอกเวลาสิบเอ็ดโมง ตายหอง มัวแต่ใจลอยจนลืมไปเลย

    “หรือว่าพียังเจ็บขาอยู่?”

    “ผมลืมไปเลยแอนนา ไม่ไปได้รึเปล่า” ผมตอบไปตามตรง มาบอกเอาตอนนี้ก็ขี้เกียจจะไปซะแล้วล่ะ ผมเอนตัวกับโซฟาอย่างหน่ายๆ หยิบตารางงานประจำเดือนของก้องที่พี่ตุ่ม พี่แม่บ้าน(หรือพ่อบ้าน?) ของบ้านก้องแอบจดมาให้ผมดูเล่นไปพลางๆ

    “ได้ยังไงล่ะพี” เสียงเธอกระเง้ากระงอด “ตอนแรกพีสัญญาแล้วว่าจะมานะ เนี่ย เพื่อนๆแอนนามารอเจอพีกันเพียบเลย ที่สำคัญแอนนาคิดถึงคุณด้วย”

    เธอยังคงง๊องแง๊งไม่เลิก ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงรีบแล่นไปตั้งแต่ที่ได้ยินว่ามีสาวๆเพียบแล้ว แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ ผมไม่ค่อยอยากจะขยับออกไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่มีแรงจูงใจที่น่าสนใจพอ อย่างเช่น ออกไปดักรอก้องบดินทร์ถึงหน้าบ้านอะไรทำนองนั้น ผมอิดออดไม่ตอบคำเธอ ยังคงไล่สายตาไปตามตารางเวรอย่างอ้อยอิ่ง...วันนี้ออกเวรเที่ยงตรง...

    “นะพีนะ”

    “...ผม...”

    เลิกเที่ยง...บ่ายไม่มีแล้ว...ผมเม้มปากแน่นเมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก่อนจะยิ้มอย่างรู้สึกสนุก

    “ไปนะ นะค้า~ พีนะ แอนนาอยากเจอคุณนะ~”

    “ก็ได้ครับ งั้นเดี๋ยวบ่ายโมงเจอกัน โอเคนะ” ผมตกปากรับคำในที่สุดก่อนจะกดวางสายแล้วลุกขึ้นสาวเท้าไปทางห้องน้ำอย่าง เร่งรีบ...รู้สึกว่าต้องแข่งกับเวลาเสียแล้ว...

    /////-----/////-----/////-----/////-----/////


    อยากจะขอบคุณความเป็นนักแข่งรถของตัวเองก็วันนี้ เทคนิคซิ่งรถฝ่าดงรถติดยามกลางวันของกรุงเทพช่วยให้ผมมาถึงสถานที่ที่อยากจะ มาได้ทันเวลาพอดิบพอดี และก็ทันเอาประตูที่นั่งข้างคนขับไปจ่อหน้าคนที่อยากเจอเอาไว้ได้อย่างฉิว เฉียด ร่างโปร่งในชุดเสื้อกาวน์แบบนักกายภาพบำบัดชะงักเท้าหยุดตัวเองตัวโก่งจนแทบ จะเสียหลักอย่างตกใจ แต่ว่านะ...ระดับผมจะพลาดไปชนให้เขาบาดเจ็บได้ยังไง

    “ไม่ชนหรอกน่าก้อง” ทันทีที่เปิดประตูออกไปเจอหน้าคนที่อยากเจอที่สุดได้ คำทักทายสุดกวนประสาทของผมก็ออกฤทธิ์...อันที่จริงแล้วผมก็อยากจะทักเขาให้ ดูน่าประทับใจกว่านี้อยู่เหมือนกันนะ...แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ปากผมมันก็ไวเหลือเกิน

    “เล่นบ้าอะไรของคุณเนี่ย!!” และก็เป็นไปตามคาด คุณก้องบดินทร์ที่น่ารักชักสีหน้าโมโหสุดๆ ใส่ผมขึ้นมาทันที แต่ว่านะ...มันไม่น่ากลัวเลยสำหรับผม ตรงกันข้าม หัวคิ้วยุ่งๆกับสายตาวาวๆที่เขามองมากลับทำให้ผมรู้สึกว่าน่ารักมากกว่า และใบหน้าตึงขุ่นนั่นล่ะที่ทำให้ผมใจเต้นทุกทีที่เห็น

    “ไม่ได้เล่นบ้า จะมารับกลับบ้าน” ผมพยายามยิ้มกลบเกลื่อนไอ้อาการหัวใจเต้นแรงของตัวเอง เท้าแขนกับหลังคารถยื่นหน้าไปหาเขาที่กำลังเม้มปากแน่น

    “มารับทำไม” ก้องยังคงพูดสั้นๆตามเดิม แม้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาจะดีขึ้นมาบ้างแล้วเพราะผมบังเอิญได้ไปช่วย พาแม่เขาส่งโรงพยาบาลได้ทันเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ก้องก็ยังรักษาระยะห่างเอาไว้อยู่ดี

    เขายังคงเกร็งทุกครั้งที่จะเข้าใกล้ผม...
    แต่เขาจะรู้ตัวบ้างมั๊ยนะ...ว่าสายตาเขาที่มองผมน่ะ...
    หลังๆมานี่มันไม่ได้ห่างอย่างที่แสดงออกเลย

    เพราะอย่างนี้ไงผมถึงไม่อยากยอมแพ้

    “เอ้า! ไหนๆก็ทางเดียวกัน กลับด้วยกันจะเป็นอะไรไปล่ะ”

    “ทางเดียวกันอะไร? พูดให้มันรู้เรื่องหน่อย” ผมล่ะชอบจริงๆเวลาที่เขาทำหน้ามุ่ยแบบนี้เนี่ย สงสัยผมจะเป็นเอสเอ็มมาโซอะไรพวกนี้รึเปล่านะ

    “ฮื้อ! คุณนี่ถามมากจริง บังเอิญผมมีธุระทางที่ต้องผ่านบ้านคุณ แล้วบังเอิญผมก็ผ่านมาทางโรงพยาบาลแล้วเห็นคุณบังเอิญเดินออกมาพอดี บังเอิญคิดว่าไหนๆคุณจะกลับแล้ว ก็เลยแวะมารับไง ไปด้วยกันสิ” ผมพูดยืดยาวให้เขางงๆ ก่อนจะพยายามทำตัวดีพูดดีๆ ชวนเขากลับด้วยกันในประโยคสุดท้าย

    “ชีวิตคุณนี่ดูจะบังเอิญไปซะทุกอย่างเลยนะ” ก้องแขวะผมขึ้นมาเบาๆ ท่าทางเอียงคอจ้องจับผิดของเขาทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้ ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนหรอกนะที่ทำท่าอย่างนี้แล้วจะน่ารักน่ะ เท่าที่ผมเคยเห็นก็มีแต่ก้องคนเดียวเนี่ยแหละ

    “เอาน่ะ ไปเร็วๆ เดี๋ยวผมไปไม่ทันธุระ” ผมไม่ปล่อยให้เขาได้คิดนานหรอก เดี่ยวได้สติขึ้นมาแล้วจะยุ่งว่าผมรู้ได้ยังไงว่าเขาจะกลับแล้วไม่ได้ไปรับ งานนอกที่ไหนต่อ ผมรีบเดินไปเปิดประตูแล้วดันหลังบังคับให้เขาขึ้นรถมาอย่างงงๆ แล้วทำมึนขับรถออกจากโรงพยาบาลมาทันที

    ผมเหยียบคันเร่งเร่งเครื่องยนต์ให้วิ่งรอบเร็วขึ้นเพราะเหลือเวลาอีกไม่มาก นัก ก้องที่ยังนั่งครุ่นคิดอยู่เริ่มจะขมวดคิ้วหนักแล้วเอ่ยปากถามออกมา

    “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่มีงานแล้ววันนี้” นั่นไง นอกจากเขาจะน่ารักแล้วเขายังฉลาดทันคนเอาเรื่องซะด้วย แต่ว่านะ...เขาไม่ทันผมหรอก

    “ก็คุณบอก” ผมยักไหล่ตอบสั้นๆง่ายๆ พ่อผมเคยบอกว่าถ้าริจะโกหกอย่าพูดยาว เพราะมันจะเป็นเชือกรัดตัวทีหลัง เอาสั้นๆ แล้วค่อยๆคิดดีที่สุด

    “บอก? ผมเนี่ยนะ จะบอกตารางงานกับคุณ ตลกแล้ว” เขาถอนหายใจออกมาอย่างไม่ค่อยจะเชื่อถือ ผมแอบหัวเราะในใจกับตัวเอง อันที่จริงเขาก็ไม่เคยจะเชื่อถือผมเป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้นผมเลยชินน่ะ

    “ก็ใช่น่ะสิ เมื่อคืนก่อนผมโทรไปหาคุณใช่มั๊ย?”

    “ก็ใช่...แล้วไง?” พูดถึงเรื่องนี้เขาก็ถอนใจออกมาอีกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนั้น ก็คงนึกหงุดหงิดนั่นล่ะครับเพราะผมโทรไปตอนตีหนึ่งกว่าๆ ซึ่งเขาคงจะนอนแล้ว แต่ทำยังไงได้...อยู่ๆผมก็อยากได้ยินเสียงเขาขึ้นมาจนทนไม่ไหว ตั้งใจจะโทรไปคุยด้วยแค่สองสามคำ ไม่ได้ตั้งใจจะโทรไปกวนเลยจริงๆ

    “อย่าบอกนะว่าละเมอคุยจนจำไม่ได้ คุณน่ะบอกผมเองว่าจะนอนแล้วอย่ากวน ถ้าจะกวนค่อยโทรมาบ่ายวันศุกร์แล้วกันคุณว่าง”

    “ผมละเมอตอบคุณยาวอย่างนั้นเลยเหรอ” ก้องหรี่ตาถามอย่างแคลงใจจนผมต้องกลั้นหัวเราะ...ฉลาดอีกแล้ว ใช่แล้วล่ะ เขาจะไปตอบยาวอย่างนั้นได้ยังไง ก็เขาง่วงจนพูดไม่รู้เรื่อง บ่นว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้วอู้อี้ก่อนจะตัดสายไปดื้อๆ ทิ้งผมให้นั่งหัวเราะกับเสียงสัญญาณตัดโทรศัพท์อยู่คนเดียวกลางดึก

    “อื้อ” ตอบสั้นๆตามหลัก มึนๆเข้าไว้ มันไม่ใช่ปัญหาระดับชาติที่ต้องได้ความชัดเจนอะไรมากนัก ตอนนี้ปัญหาสำคัญกว่าคือผมจะพาเขาไปที่สนามแข่งรถยังไงไม่ให้เขารู้ตัว เพราะสนามแข่งน่ะมันอยู่คนละทางกับทางไปบ้านเขาเลยนี่นะ

    “งั้นเหรอ” เขาพึมพำอย่างช่วยไมได้ก่อนจะเอนตัวกลับไปนั่งดีๆ มึนตามผมล่ะสิ หึๆ

    “หิวรึเปล่า” ผมถามยิ้มๆ เมื่อก้องนิ่งไปนาน นึกขึ้นได้ว่านี่มันเที่ยงแล้ว เขาเพิ่งออกเวร...คงยังไม่ได้กินอะไรมา

    “ไม่หรอก ผมเพิ่งกินข้าวไปเมื่อสิบโมง ตอนนี้ง่วงมากกว่า คุณหิวเหรอ” ผมอมยิ้มดีใจที่ได้ยินว่าเขาเป็นห่วงผมแม้จะเป็นแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆก็ตาม ผมส่ายหน้าพลางย้อนถาม

    “ทำไมง่วงล่ะ นอนดึกเหรอ”

    “เปล่า ผมอยู่เวร” เขาตอบพลางกลั้นหาวเหมือนเด็กๆ ท่าทางนั้นทำให้อดที่จะยิ้มกว้างๆไม่ได้ ขยันทำให้ใจผมเต้นแรงจริงๆ สิน่าคุณก้องบดินทร์ ผมเอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบาๆอย่างเอ็นดู แน่นอนว่าเขาปัดออกทันที

    “ทำอะไรน่ะ!”

    “ง่วงก็หลับน่า ถึงแล้วจะปลุก”

    “ไม่เอา”

    ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าระหว่างผมกับเขาใครดื้อและปากเร็วกว่ากัน อะไรที่เถียงได้เขาก็จะเถียงฉับแบบนี้เสมอ แต่ยังไม่ทันถึงห้านาทีดี คนปากเก่งก็เป็นเสื้อสิ้นลายกลายเป็นแมวน้อยหลับคอพับกันไปดื้อๆ เขาคงเหนื่อยมากคงเพราะทำงานมาทั้งคืน ท่าขยับหลับพลางถูแขนตัวเองไปมาทำให้ผมหัวเราะกับตัวเอง ปรับแอร์ให้เบาลงแล้วเร่งเครื่องรถให้เร็วขึ้น ถึงจะเงียบๆหูไม่มีเพื่อนคุยไปหน่อยแต่ก็ยังดีกว่าที่ผมจะต้องโกหกหาข้ออ้าง มาหลอกเขาให้ยอมไปสนามแข่งด้วยกันอีก

    ...ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากจะโกหกอะไรเขาเลยสักอย่าง...
    ...ผมอยากให้เขาเชื่อใจ และวางใจว่าผมจริงใจกับเขาจริงๆ...

    /////-----/////-----/////-----/////-----/////


    ตอนนี้ผมชักรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องดีซะแล้วที่ผมพาเขามาที่นี่ เพราะสมาธิที่ปกติจะพุ่งไปที่สนามแข่ง ถนน และคันเร่งแบบท้าความตายของผมวันนี้โดนก้องชิงไปไม่มีเหลือและมันจะทำให้ผม แย่เพราะตอนนี้ผมแทบจะร่วงลงมาที่โหล่อยู่แล้ว!

    ผมหักพวงมาลัยเข้าโค้งที่สามอย่างไม่ค่อยจะมีสมาธินักเมื่อเหลือบไปมองบนอัฒ จรรย์แล้วเห็นก้องยืนมองลงมาที่รถของผมด้วยสีหน้าเฉยชา ข้างๆกันนั้นเป็นแอนนาและเพื่อนๆที่คอยโบกมือเชียร์ผมอยู่เป็นระยะ ก้องคงจะโกรธที่โดนผมหลอกพามาสนามแข่งด้วยเหตุผลที่ว่า เพื่อนผมโทรมาเรียกกะทันหันเพราะผมลืมนัดเสียสนิท บังเอิญว่าผมไม่แข่งไม่ได้เพราะสัญญาไว้แล้ว และที่ผมต้องพาเขามาด้วยเพราะผมไม่อยากปลุกเขาที่กำลังหลับสบาย ที่จริงผมไม่ได้โกหกนะ แอนนาโทรมาเรียกกะทันหันจริงๆ แต่โทรมาก่อนที่ผมจะไปรับเขาเท่านั้นเอง

    อีกอย่างที่ทำให้ผมเกือบเข้าเกียร์ไม่รอดด้วยความพะวง คือก่อนแข่งผมเห็นสายตาของทั้งสาวๆและหนุ่มๆริมขอบสนามที่มองก้องอย่างสนใจ มากกว่าสิบคู่ ถึงก้องจะไม่ใช่ชายหนุ่มที่หล่อจัดเหมือนพวกพระเอกในละคร แต่ก้องของผมก็ถือว่าเป็นหนุ่มหน้าตาดีพ่วงมีเสน่ห์น่ามองเข้าไปอีกอย่าง เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าไอ้ท่าทางนิ่งๆ ขรึมๆ และชอบเม้มปากอย่างที่มักจะทำบ่อยๆ นั้นมันชวนให้คนมองใจเต้นแค่ไหน ไม่นับหน้าตาที่ค่อนมาทางน่ารักเหมือนเด็กหนุ่มๆนั่นอีก...

    “เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมาเมื่อคิดได้ว่ามันไร้สาระสิ้นดีที่ผมจะมัวเสียสมาธิอยู่ อย่างนี้ บ่นโง่ๆไปจะได้อะไร ในเมื่อถ้าผมไม่อยากให้ใครมองก้อง ผมก็ควรจะเร่งคันเร่งเข้าเส้นชัยเพื่อปิดการแข่งกันรอบนี้ให้เร็วที่สุดแล้ว พาก้องกลับต่างหาก เท้าขวาตอบสนองเร็วกว่าที่คิด ผมเหยียบคันเร่งจมเท้าเข้าประชิดคันหน้าก่อนจะแซงขึ้นมาอย่างรวดเร็วพลาง สัญญากับตัวเองว่าก้องจะต้องได้กลับบ้านภายในสิบห้านาทีนี้แน่นอน

    “กรี๊ดดดดด พี!!! เจ๋งที่สุดเลยค่ะ!!!” เสียงเชียร์แหลมๆ ดังทะลุแก้วหูผมทันทีที่ถอดหมวกนิรภัยออกหลังก้าวเท้าลงจากรถ หากนั่นไม่สามารถดึงความสนใจของผมไปจากใบหน้าตึงๆของใครบางคนได้ ผมส่งยิ้มให้ก้องที่ยืนทำหน้านิ่งสุดๆ อยู่บนอัฒจรรย์พลางยักคิ้วอวดผลงานอย่างภูมิใจ เห็นมั๊ยล่ะ พีรวิชญ์ไม่ได้แค่หน้าตาดีไปวันๆหรอกนะ

    แต่อีกฝ่ายก็ยังคงเป็นคุณก้องบดินทร์ที่น่ารักเหมือนเดิม เขาย่นจมูกทำหน้าหมั่นไส้ก่อนจะเดินหนีสายตาผมไปอย่างเอือมระอา ทั้งๆที่เป็นอย่างนั้นแต่ผมก็อดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้ ในโลกนี้จะมีใครที่ทำให้ผมอยากจะหัวเราะทุกห้านาทีได้อย่างเขาอีกมั๊ยนะ

    “พีเก่งจังเลยค่ะ” ความคิดของผมสะดุดเมื่อมีอะไรนิ่มๆเข้ามาคล้องเข้าที่แขน แอนนานั่นเอง...เธอมาพร้อมพาเพื่อนมาล้อมหน้าล้อมหลังผมอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งผมก็ยิ้มรับตามประสาสุภาพบุรุษ

    “ตอนแรกเห็นคุณผ่อนๆ แอนนาก็ใจหายคิดว่าคุณจะยังไม่หายดีซะแล้ว แต่ที่ไหนได้ฝีมือยังดีไม่ตกเลยนะคะ” เธอจีบปากจีบคอพูดพลางรัดท่อนแขนผมซะแน่นจนชักจะได้กลิ่นไม่ดีเสียแล้ว แล้วสัญชาตญาณของผมก็ดีเสียด้วย เมื่อเบือนหน้าไปเจอเข้ากับสายตาเย็นเยียบของก้องเข้าเต็มรัก

    “ก้อง” ผมเผลอเรียกชื่อเขาออกมาโดยไม่รู้ตัว พอเห็นเขาทำหน้าปั้นยากแล้วก็นึกอยากจะแกะมือสาวแอนนาออกจากแขนขึ้นมาทันที แต่โอกาสก็ไม่อำนวยเสียเลย

    “ใครเหรอคะพี?” แอนนาหันมาเอียงคอถามผมอย่างน่ารัก ผมหยุดคิดอยู่ชั่วครู่ ไหนๆก็ออกไปไม่ได้แล้วก็ดึงเขาเข้ามาร่วมวงเสียเลยดีมั๊ยนะ

    “ก้องบดินทร์น่ะ เขาเป็นนักกายภาพบำบัดของผม” ผมเน้นเสียงที่คำหลังเป็นพิเศษด้วยรอยยิ้มกริ่ม พลางทำสีหน้าเชิญชวนให้เขาเดินเข้ามาหา ซึ่งก้องก็ชักสีหน้าไม่ชอบใจขึ้นทันที คนฉลาดอย่างเขาต้องเข้าใจอยู่แล้วว่าผมเน้นเสียงที่คำหลังเพราะอะไร

    “สวัสดีครับ” เขาทักตอบสาวๆที่โบกมือให้อย่างเสียไม่ได้แต่ก็ไม่ได้ก้าวเข้ามาใกล้มากไป กว่าเดิมสักเท่าไหร่ ผมได้ยินเสียงวี๊ดว้ายเหมือนจะถูกใจที่ได้ยินเสียงก้องทักตอบจากสาวๆรอบๆตัว ไม่เบานัก เอ๊ะ...อย่างนี้ก็เริ่มกลิ่นไม่ดีเหมือนกันนะ ผมจำได้ว่ามีเพื่อนในกลุ่มแอนนาคนหนึ่งมองก้องตาหวานเลยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ

    “ขอบคุณนะคะที่ช่วยดูแลพีจนหายดี อ๊ะใช่! นี่รางวัลของคุณค่ะพี” แอนนาฉวยจังหวะที่ผมกำลังคิดหาทางหนีทีไล่แจกรางวัลเข้าที่แก้มผมฟอดใหญ่ ผมตกใจจนผงะร้องเฮ้ยออกไปเสียงดัง เบนสายตาไปมองที่ใครอีกคนตรงหน้าอัตโนมัติเห็นก้องยืนคอแข็งจ้องมาที่ผม เขม็ง ชั่ววินาทีที่เห็นท่าทีอย่างนั้นก็ทำให้ผมยิ้มร้ายออกมาอย่างช่วยไม่ได้

    “ขอบคุณครับ” ผมหันกลับไปยิ้มหวานราวกับยินดีนักหนาที่ได้รับรางวัลจากแอนนา ซึ่งเธอก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กอดผมแน่นขึ้นไปกว่าเดิม ผมยังคงเหลือบตามองก้องที่ตอนนี้เขาเบือนหน้าไม่สบตากับผมอีกแล้ว ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นจนน่ากลัวว่าจะช้ำก่อนจะหมุนตัวเดินหนีไปทันที สัญญาณไม่ดีแล้ว ผมผวาตามแต่ก็โดนรั้งไว้

    “เดี๋ยวสิพี เพื่อนแอนนาเค้าชอบคุณก้องน่ะ ขอเบอร์ได้รึเปล่าคะ” แอนนาว่าพลางส่งสายตาไปทางเพื่อนเธอที่แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดโชว์พุงขาวอยู่ ข้างๆผม เธอยิ้มเขินๆเมื่อแอนนาเปิดให้ก่อน ให้ตายเหอะ ว่าแล้วเชียว

    “ขอโทษครับ แต่ผมว่าคุณคงไม่ใช่แบบที่ก้องชอบหรอก ขอตัวก่อนนะ”

    ผมตอบตรงประเด็นพลางบิดตัวออกจากมือแอนนาอย่างสุภาพก่อนจะวิ่งตามก้องออกไป และมาทันเขาที่ลานจอดรถในที่สุด ถึงเจ้าตัวจะพยายามเดินให้เร็วขึ้นไปอีกเมื่อหันมาเจอหน้าผม แต่ก็ไม่ทันผมที่เอื้อมมือไปคว้าแขนเขามาจนได้

    “ก้อง! จะไปไหน!!” ผมรั้งเขาเอาไว้ได้แต่เขาก็สะบัดแขนผมออกอย่างโมโห

    “กลับบ้าน! ในเมื่อคุณไม่ไปส่งผม ผมกลับเองก็ได้”

    “เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนล่ะ รอผมคุยกับเพื่อนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็จะกลับแล้ว”

    “นี่คุณพีรวิชญ์ เข้าใจไว้ด้วยนะว่าที่ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพราะจะมาดูคุณแข่งรถ แต่ผมมากับคุณเพราะคุณบอกว่าจะไปส่งผมที่บ้าน” เขาต่อว่าผมพลางถอนหายใจแรงพยายามระงับอารมณ์ ถึงจะไม่ค่อยดีไปหน่อยที่เขาหงุดหงิด แต่ผมกลับรู้สึกดีอย่างประหลาดที่ได้เห็นท่าทางแบบนี้

    “ก็ไปส่งไง ถึงบ้านด้วย”

    “ผมจะกลับแล้ว! ถ้าคุณไม่ไปส่งก็ไม่เป็นไร ผมนั่งแท็กซี่กลับเองได้” เขาสวนขวับขึ้นมาทันทีพร้อมกับหันหลังเดินหนีผมอีกครั้ง ผมหรี่ตามองเด็กดื้อตรงหน้าก่อนจะวิ่งเข้าไปคว้าเข้าที่กระเป๋ากางเกงของเขา ก้องตกใจสะดุ้งโหยงเมื่อโดนผมฉุดเอาไว้ แล้วดึงเอากระเป๋าสตางค์ของเขาออกมา

    “ฮึ่ย!! คุณทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!!”

    “แล้วถ้าไม่มีไอ้นี่คุณจะกลับยังไง” ผมถามกลั้วหัวเราะ ชูกระเป๋าหนังสีดำไปมาอย่างเป็นต่อ ซึ่งผมคงไปกระตุกต่อมหงุดหงิดของเขาเข้าเต็มที่เข้าให้แล้วเขาถึงได้โถมเข้า มาหาผมทั้งตัว

    “เอาคืนมานะ”

    “ไม่”

    “บอกให้เอาคืนมาไง!!” ผมหัวเราะกับเสียงคำรามที่เหมือนแมวขู่ โยกตัวหลบขวาซ้าย ย้ายกระเป๋าหนี หมุนตัวหลอกคนที่ตั้งหน้าตั้งตาไขว่คว้าของคืนอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมสนุกกับการหยอกเขาอยู่สักพักก็จำเป็นที่จะต้องถอยห่างออกมาอย่างช่วยไม่ ได้ เพราะเริ่มกลัวว่า...หากเล่นกันนานกว่านี้ ผมอาจจะอดใจไม่ไหวคว้าเขาเข้ามากอดกลางลานจอดรถเข้าซะก่อน ก็กลิ่นหอมสะอาดของสบู่และแชมพูจากตัวก้องที่ลอยมาแตะจมูกมันชวนให้ผมคิด อกุศลน้อยอยู่ซะเมื่อไหร่ล่ะ

    “ยังไงผมก็จะไปส่งคุณให้ได้อยู่ดี” ผมทิ้งท้ายด้วยการโบกกระเป๋าของเขาไปมาแล้วเดินหนีกลับเข้าไปในสนามแข่งอีก ครั้ง เสียงฮึดฮัดของคุณนักกายภาพลอยตามมาให้ผมได้อมยิ้มอีกครั้ง

    นี่ถ้าผมได้อยู่กับเขาตลอดเวลา...ผมจะเมื่อยหน้าเพราะเอาแต่ยิ้มแบบนี้หรือเปล่านะ?

    /////-----/////-----/////-----/////-----/////


    คุณนักกายภาพของผมเอาแต่นั่งหน้าหงิกไม่พูดไม่จามากว่าครึ่งทางแล้ว ถึงจะรู้ว่าเป็นเพราะผม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแกว่งปากหาเสี้ยนเพิ่ม ต้องโทษเขาล่ะที่ทำให้ผมรู้สึกรื่นรมย์เวลาเห็นเขาทำท่าเหมือนจะ ‘หึง’ ได้ขนาดนี้

    “แอนนาเค้าน่ารักดีว่ามั๊ย?”

    “ก็ดูน่ารักดีนี่ เหมาะกับคุณดีนะ”

    “จริงเหรอ?” ผมร้องถามอย่างแปลกใจ ไหงยอมยกผมให้หับคนอื่นๆง่ายๆอย่างนั้นล่ะ “แต่ผมชอบเพื่อนแอนนาอีกคนนึงมากกว่านะ คนที่สูงๆ ขาวๆ ผมยาวๆ คุณเห็นมั๊ย?”

    ผมเปลี่ยนคนกันดื้อๆ ดูสิว่าเขาจะยกผมให้แม่คนนี้อีกรึเปล่า แล้วผมก็พล่ามไปเรื่อยถึงความสัมพันธ์อันดีที่เคยมีสมัยเรียนที่อเมริกากับ เจ้าหล่อน

    “....”

    เงียบ...ครั้งนี้เขาเงียบไปนานมาก นี่เขาคิดจะไม่พูดกับผมไปตลอดทางเลยหรือไงนะ ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็เหงาแย่เลยสิ

    “ก้อง? หงุดหงิดอะไรเนี่ย ผมยังไมได้แกล้งอะไรคุณเลยนะ” ครั้งนี้ผมลองขยับเอาไหล่ข้ามไปชนเขาที่นั่งข้างๆ ซึ่งได้ผล เขาหันขวับมามองผมตาขุ่นทันที

    “คุณจะทำอะไรก็เรื่องของคุณเหอะ” ฟังดูก็รู้ว่าตอบปัดรำคาญ แต่แน่ใจเหรอว่าถ้าผมทำอย่างนั้นจริงๆ เขาจะไม่โกรธผมอีกน่ะ...ผมไม่เชื่อหรอก

    “อะไรกันล่ะ ทำหน้าอย่างนั้น ยังหงุดหงิดอยู่อีกเหรอ?” เมื่อผมวกเข้าเรื่องเดิมเขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

    “จอดเลยผมจะลง”

    “ลงทำไม ผมกำลังจะไปส่งคุณที่บ้านไง”

    “พอเลย คุณกำลังทำให้ผมรำคาญ” เขาบ่นออกมาอย่างหัวเสียที่โดนผมกวนประสาท แต่มีเหรอที่ผมจะสะทกสะท้าน

    “รำคาญ? เรื่องอะไร?”

    “จอดรถ” เขาไม่ตอบคำแต่เปลี่ยนเป็นสั่งผมแทน

    “อ๋า ผมรู้แล้วว่าคุณรำคาญผมเรื่องอะไร? คุณรำคาญที่ผมเอาแต่คุยเรื่องผู้หญิงใช่มั๊ยล่ะ โธ่ มันไม่มีอะไรหรอกน่า” ผมแกล้งทำมึนถามหน้าเหรอหราก่อนจะหัวเราะออกมา นี่ถ้าผมยังแกล้งเขาต่อไปคุณนักกายภาพของผมเขาจะหน้าแก่กว่าวัยภายในสามวัน เจ็ดวันรึเปล่านะ บึ้งแล้วบึ้งอีกจนจะติดกันทั้งหน้าอยู่แล้ว

    “พอเลยจอด! ผมจะลง!” ก้องตวาดอย่างเหลืออด ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ขู่แต่ก้องหันไปจับหมับเข้าที่ประตูจนผมตกใจรีบเอื้อมไป คว้ามือเขาไว้แทบไม่ทัน

    “ก้อง!! ทำอะไร?!!” แต่นั่นก็ทำให้รถเสียหลักออกจากเลนด้วย

    เอี๊ยดดดดดด

    “เฮ้ย!!” ทั้งผมและเขาร้องออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ เสียงล้อบดถนนเพราะมาลัยบิดกะทันหันทำให้ก้องตกใจจนหน้าเสีย เขามองทางข้างหน้าที่ส่ายไปมาแล้วก็หันกลับมาจับมือผมผลักมาลัยกลับไปที่ เดิม แต่นั่นมีแต่จะทำให้สถานการณ์แย่ลง

    “คุณ! ขับดีๆสิ!”

    “เฮ้ย! ก้องใจเย็นๆ อยู่นิ่งๆ” เกิดสงครามแย่งชิงมาลัยอยู่สักพัก ผมรู้ว่าเขาตกใจเพราะไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ผิดกับผมที่อยู่กับการบังคับรถบนถนนยากๆมาจนชิน แต่ทำอะไรไม่ได้มากอยู่ดีเพราะเขายังจับมือผมแน่นไม่ได้สติ ผมส่งเสียงตวาดเขาไปสองสามครั้งหวังให้เขาได้สติขึ้นมาบ้างซึ่งก็ได้ผล...รถ ที่ยังทรงตัวไม่ได้ดูน่าหวาดเสียวว่าถ้ามีรถสวนมาอาจจะเกิดอุบัติเหตุร้าย แรงได้ทำให้สองแขนเขาเปลี่ยนมากอดแขนผมแน่น ก่อนที่รถจะเสียหลักไปกระแทกกับอะไรสักอย่างที่วางอยู่บนไหล่ทาง เสียงปัง! ดังขึ้นทางล้อซ้ายและรถเริ่มส่ายแบบแปลกๆ ผมบังคับล้อให้กลับมาในทิศทางที่ควรจะเป็นและหยุดรถได้ในไม่กี่วินาทีถัดมา

    กึก!!! เพราะหยุดกะทันหันทำให้ตัวเราทั้งคู่ถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับคอนโซลรถแรงพอประมาณ

    “เล่นอะไรบ้าๆ เนี่ยก้อง!! แล้วคุณเป็นอะไรรึเปล่า” ผมถามเสียงดังอย่างลืมตัว พลางไล่สายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของคนข้างๆอย่างร้อนใจ ก้องที่เงยหน้ามาจากไหล่ผมแล้วยังคงมีสีหน้าตื่นตกใจอย่างเห็นได้ชัด และพอได้สติเขาก็เขย่าแขนผมแรง

    “ผมไม่เป็นไร คุณล่ะ! เจ็บตรงไหน มีแผลตรงไหนรึเปล่า!!” เขาละล่ำละลักถามพลางมองที่ขาขวาของผมเป็นอย่างแรกด้วยสายตาสำนึกผิด เพียงเท่านั้นความโกรธของผมก็หายไปทันที จริงอยู่ที่ผมนึกโกรธไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผมโกรธตัวเองที่ผมประมาทมากไปจนเกือบจะทำให้เขาต้องเจ็บตัวต่างหาก ไม่ใช่เพราะผมโกรธเขา

    “ผมไม่เป็นไร แต่อาจจะเป็นถ้าคุณยังบีบแขนผมแน่นแบบนี้” ผมตอบเสียงอ่อนลงเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ เขาก้มลงมองมือตัวเองแล้วรีบปล่อยมันออกจากแขนผมก่อนจะเมินหน้าหนีหลบตาไป มองทางอื่นอย่างเขินๆ ผมเหล่มองแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ จริงๆเลยนะ ต่อให้เขาดื้อยังไงผมก็โกรธเขาไม่ลงอยู่ดี

    ผมเปิดประตูรถลงไปสำรวจความเสียหาย แล้วก็พบว่าล้อหน้าซ้ายแตกตามคาด ผมสบถออกมาอย่างหัวเสียที่ต้องเสียเวลา แต่ดูเหมือนก้องจะเข้าใจไปว่าผมโกรธที่เขาทำให้รถผมพัง

    “คุณ...ผมจ่ายค่าซ่อมรถให้ก็ได้นะ เพราะผม...มันเลยเป็นแบบนี้” เขายิ้มแหยบอกเสียงแหบ ผมไม่ค่อยได้เห็นเขาในเวอร์ชั่นนี้สักเท่าไหร่จึงอดไม่ได้ที่จะแหย่เข้าให้ อีก

    “ไม่ต้องหรอก คุณจ่ายไม่ไหวแน่”

    ได้ฟังอย่างนั้นคนขี้โมโหก็เชิดหน้าขึ้นทันที “จริงสินะ ผมลืมไปว่าคุณน่ะมันคนรวยยยยยย”

    คุณก้องบดินทร์ที่น่ารักเขาลากเสียงยาวท้ายประโยคอย่างประชดประชันจนผมขำ และคงจะไม่จบแน่ถ้าผมไม่ยอมให้เขาชดใช้ค่าเสียหาย ผมยื่นข้อเสนอว่าให้เขาเลี้ยงข้าวผมสักมื้อก็แล้วกัน ซึ่งนั่นก็เป็นเงื่อนไขที่เขายอมพยักหน้าตกลงในที่สุด

    “แต่ผมขอพาสาวๆไปด้วยนะ” เรื่องแกว่งปากหาเสี้ยนนี่คงจะไม่มีใครเกินผม จะว่าผมนิสัยเสียผมก็ยอม แต่ผมมีเหตุผลนะ

    “คุณจะพาใครไปด้วยก็เรื่องของคุณ จะมาบอกผมทำไม” ปากเจ้ามือบอกว่าโอเค แต่หน้าไม่เห็นจะโอเคด้วยเลยสักนิด ดูเถอะ ทำหน้าเย็นชาจนเสียวสันหลังวาบทีเดียว แต่ท่าทางนั้นก็ทำให้หัวใจของผมเต้นถี่ขึ้นมาทันตา

    “ก็ไม่ทำไม แค่อยากดูอาการ...” ผมตอบยียวน

    “อาการอะไร?” เขาย้อนถามเสียงแข็ง แต่ดูเหมือนจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร สงสัยว่าสายตาของผมมันคงจะแบ๋ไต๋ออกไปหมดไส้ว่าผมกำลังรู้สึกอะไรยังไงกับ เขา เพราะแก้มเขาดูจะซับสีเลือดขึ้นมาทีละน้อย
     
    “เปล่า” ผมลอยหน้าลอยตาตอบ ทำเป็นสนใจล้อรถเจ้ากรรมที่แตกยับ แต่ก็ยังไม่เลิกยิ้มยั่วเขาอย่างเป็นต่อ

    อาการมันชัดมากนะคุณก้องบดินทร์ ไม่รู้จริงๆเหรอ

    /////-----/////-----/////-----/////-----/////


    ผมกันก้องให้ออกไปนั่งหลบร้อนอยู่ทางหนึ่ง ส่วนผมก็ลงมือเปลี่ยนล้อรถให้เร็วที่สุด ผมไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ เพราะท่าทางก้องจะยังง่วงนอนอยู่มาก เอาเป็นว่ารีบพาไปนอน แล้วผมก็อยู่กินมื้อเย็นกับป้าฟองต่อน่าจะเป็นแผนที่ดี เพราะถ้าโชคดีผมก็อาจจะได้ทำความรู้จักกับพี่แก้วพี่สาวของก้องด้วยก็เป็น ได้

    คนเราถ้าจะรักใครก็ควรจะรักครอบครัวของเขาด้วย ผมเชื่อถือในหลักการนี้มาเสมอ ผมบอกแล้วว่าผมเป็นคนดี แต่ดูเหมือนก้องจะไม่ยอมรับเรื่องนี้สักที...จริงๆเลยนะ หึๆ

    ระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินๆ ไอเย็นๆก็มากระทบหน้าผมพร้อมกับขวดน้ำที่ยื่นมาตรงหน้า ผมเงยหน้าขึ้นไปมองแล้วก็ต้องยิ้มกว้าง คุณนักกายภาพบำบัดของผมเขาทำเป็นมองไปทางอื่นพูดอะไรงุบงิบ

    “เอ้า ผมซื้อมาให้”

    ให้มันได้อย่างนี้สิก้องบดินทร์ ผมล่ะอยากจะลุกขึ้นไปหอมแก้มที่แดงแดดนั้นสักฟอดสองฟอดเป็นรางวัลซะจริง แต่กลัวว่าแทนที่จะได้กินน้ำ จะกลายเป็นโดนขวดน้ำฟาดหัวแตกซะก่อนเลยยั้งใจเอาไว้ได้ทัน ทำได้แค่รับขวดน้ำนั่นมาแล้วขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้มเต็มที่ ผมรีบยกน้ำขึ้นมาดื่มเพราะจะว่าไปผมก็รู้สึกกระหายไม่น้อย อากาศเมืองไทยนี่มันร้อนบรรลัยจริงๆ

    ผมดื่มน้ำไปก็มองหน้าเขาไป มีความสุขดีเหมือนกันนะ ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าความรักจะทำให้คนเรามีความสุขได้ถึงขนาดนี้ รอยยิ้มบางๆที่เขาส่งกลับมาให้ผม ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ถึงก้องจะแหย่ง่ายไปหน่อย แค่เขาก็ไม่เคยใจร้ายโกรธผมได้นานเลยสักครั้ง จนบางทีผมก็อดคิดเข้าข้างตัวเองเต็มที่ไม่ได้ว่าเขาเองก็รักผมเหมือนกัน ซึ่งถ้ามันเป็นอย่างนั้นมันคงจะดีมากๆ จริงๆ

    “แอนนา...เค้าเป็นเพื่อนผมจริงๆนะ” เพราะไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดจนอะไรๆมันผิดที่ผิดทาง บางทีผมควรจะแกล้งเขาให้น้อยกว่านี้หน่อย แต่พอผมพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็หุบยิ้มลงทันที

    “นี่ยังไม่เลิกพูดถึงเรื่องนี้อีกเหรอ”

    ท่าทางของเขาทำให้ผมหัวเราะหึๆออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ที่คุณไม่อยากฟังเรื่องแอนนาเนี่ย เพราะว่าคุณไม่สนใจ หรือว่าคุณ...” ผมจงใจเว้ยช่องว่างเอาไว้ให้เขาลุ้นเล่น ซึ่งคราวนี้เขาโดนผมปั่นหัวจนชักจะตามไม่ทันแล้ว

    “ผมทำไม?” เข้าแก๊ปอย่างง่ายดาย

    “เปล่า...ก็ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ผมคงนึกว่าคุณ...” ผมยิ้มร้าย จ้องดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นอย่างค้นหา...ค้นหาความจริงที่เขาเก็บเอาไว้

    “หึงผม” ผมต่อสั้นๆ ซึ่งเขาก็สวนขึ้นมาทันที

    “จะบ้าเหรอ คุณพูดอะไรน่ะ!” เขาพูดได้แค่นั้นก็เมินหน้าหนี คงกะจะไม่ให้ผมเห็นว่าเขาอายจนหัวหูแดงล่ะสิ ไม่ทันหรอก ผมยักคิ้วใส่เขาอย่างเป็นต่อ

    “ผมก็พูดไปตามที่ผมเห็นน่ะ หรือว่าคุณ...คุณหึงผมจริงๆใช่มะ?” ครั้งนี้ผมย้อนถามด้วยแววตาคาดคั้น แค่นั้นก็ทำให้คนถูกกล่าวหาว่า ‘หึง’ ทำตาโตอ้าปากค้างทำท่าจะไปไม่เป็นอยู่พักใหญ่ก่อนจะคว้าขวดน้ำไปจากมือผม แล้วเดินหนีไปอีกทาง

    “เอ้า จะเอาไปไหนล่ะ ผมร้อนนะ”

    “ถ้าร้อนก็รีบเปลี่ยนยางให้เสร็จเร็วๆดิ” ดูเขาตอบสิครับ ตกลงผมหรือเขากันแน่นะที่เป็นเจ้าของรถเนี่ย? แต่ก็เถอะนะ เรียกว่ารถของเราน่าจะดูเข้าที

    “เอามานี่ก่อนเร็ว ผมร้อนจริงๆนะ” ผมอ้อนเสียงอ่อนลง บางครั้งเด็กดื้อก็ต้องใช้ลูกอ้อนเข้าว่าเหมือนกัน และคงได้ผลเพราะเขายอมเดินเอากลับมาให้ แถมใจดีเปิดฝาให้อีกต่างหาก ผมอมยิ้มมองท่าทางนั้น ก่อนจะสะดุ้งหลบแทบไม่ทันเมื่อเขาสาดน้ำใส่ผมเต็มรัก

    “เย็นยัง?” เขาย้อนถามกวนๆ เป็นท่าทางกวนๆที่น่าจับมาลงโทษด้วยการตีจมูกลงที่แก้มเป็นที่สุด ผมจ้องแก้มเขาอย่างหมายมาด ซึ่งเขาก็คงรู้ตัวรีบยัดขวดน้ำคืนใส่มือผม เบือนหน้าหลบแล้วเดินหนีไปนั่งหลบร้อนที่ฝั่งตรงข้ามทันที

    “ระวังตัวไว้เลยนะ” ผมพึมพำตอบให้ตัวเองได้ยินคนเดียว ไอ้เรื่องจะห้ามไม่ให้ยิ้มน่ะไม่ต้องพูดกันเลย ผมทำไม่ได้แน่อยู่แล้ว ใครจะไปหุบยิ้มลงได้ ในเมื่อคุณก้องบดินทร์เขาทำตัวน่ารักออกขนาดนี้

    แล้วแบบนี้จะให้ผมปล่อยมือจากเขาได้ยังไง

    /////-----/////-----/////-----/////-----/////

     

    To be continue...
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×