ลำดับตอนที่ #15
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : วรรณกรรมโลกออนไลน์ ศิลปศาสตร์เชิงอิสระหรือกลยุทธ์ทางการตลาด
ประเด็น วรรณกรรมโลกออนไลน์ ศิลปศาสตร์เชิงอิสระหรือกลยุทธ์ทางการตลาด
โดย Emperorsss
เมื่อกล่าวถึงงานประพันธ์สร้างสรรค์สมัยใหม่ หลายคนคงคิดถึงงานที่แสดงอยู่ใน
โลกไซเบอร์ที่ปัจจุบันมีหลายฝ่ายเอาจริงเอาจังและเห็นว่ามันน่าสนใจไม่ต่างจากผลงาน
ที่จัดแสดงอยู่ในแกลลอรี่มีชื่อของเมืองใหญ่ๆหรือพิพิธภัณฑ์ รวมถึงหอสมุดชั้นนำ
เพราะสังคมสมัยใหม่มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก และยิ่งมีกลิ่นของปัจจัยสำคัญ
ที่ไหลเวียนอย่างไม่หยุดนิ่งตลอดทุกวินาที นายทุนและผู้บริโภคเกือบทุกกลุ่มที่ใช้คอมพิวเตอร์
มักมองเห็นงานศิลปะเหล่านี้เผยแพร่รูปภาพ สื่อมัลติมีเดียหรือลายลักษณ์อักษรแสดงทักษะ
ทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงศิลปะ หากลองมองย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องราวของอินเตอร์เน็ต
ตั้งแต่เริ่มมีการใช้ระบบเชื่อมต่อความเร็วสูง ADSL
วงการออนไลน์ได้ให้ความสำคัญกับมัลติมีเดียมากขึ้น
เมื่อปัจจัยหลักไหลเวียนในโลกไซเบอร์อย่างต่อเนื่องและง่ายต่อการแพร่หลาย
นักลงทุนที่มุ่งทำธุรกรรมในสภาวะสังคมปกติและสังคมออนไลน์ ขอใช้คำว่า "สังคมปกติ" แทน
สังคมที่เราอยู่อาศัย ซึ่งเราเดินไปพบหน้าคร่าตากัน แบบจับต้องกายหยาบได้ และ
"สังคมออนไลน์" แทนสังคมที่เกิดขึ้นในระบบเน็ตเวิร์คหรืออินเตอร์เน็ตตามที่เราเข้าใจ
สังคมออนไลน์เป็นสังคมเปิดที่ใครก็รู้จักกันได้ ไม่จำกัดเพศ คุณวุฒิและวัยวุฒิ
ทุกคนพูดคุยกันได้ แสดงความรู้สึกผ่านแป้นพิมพ์และส่งทอดออกสู่สาธารณะออนไลน์
เช่นนั้นแล้ว งานศิลปะต่างๆย่อมสามารถปรากฏให้เห็นได้อย่างแน่นอน และนี่คือโลกยุคใหม่
แต่ในประเด็นนี้มุ่งเน้นผลงานที่เรียกว่า วรรณกรรมออนไลน์หรืองานประพันธ์ที่
ถูกเผยแพร่อยู่บนระบบเน็ตเวิร์ค และมันมีทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย ขอพูดถึงแบบเสียค่าใช้จ่ายก่อน
มันก็คือ คุณต้องเสียเงินซื้อมาด้วยการทำธุรกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อได้ผลงานนั้น
ถ้ากึ่งสินค้าทั่วไปก็ชำระราคาและรับสินค้าในลักษณะรูปเล่มมาครอบครอง แต่ถ้าเป็น
ธุรกรรมออนไลน์แบบเข้มข้น จะเป็นในลักษณะชำระราคาผ่านระบบอินเตอร์เน็ต และรับผลงาน
ในรูปแบบไฟล์ PDFหรืออิเล็กทรอนิกส์บุ๊ค(E-Book) ซึ่งปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการ
เมื่อถามว่า แล้วส่วนที่เป็นวรรณกรรมออนไลน์แบบฟรีเป็นอย่างไร ก็คือผลงาน
ที่ถูกโพสต์หรืออัพโหลดข้อมูลเข้าระบบเน็ตเวิร์คเพื่อให้นักอ่านออนไลน์เข้ามาอ่านและ
แสดงความคิดเห็นต่อผลงานชิ้นนั้นๆ ซึ่งหากมองด้วยหลักทฤษฎีทั่วไป อาจมองได้ว่า
ผู้ประพันธ์ควรจะแสดงผลงานอย่างใดก็ได้ หากแต่มันเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ด้วย
หลักพื้นฐานของงานประพันธ์ที่ไม่ผิดจรรยาบรรณและเป็นที่ยอมรับของสังคม
หากแต่ในความเป็นจริง ผลตอบรับและอุปสงค์นักบริโภคหรือ Demand มันกลับ
บีบบังคับให้อุปสงค์ของผู้ผลิตหรือ Supply ต้องเป็นไปตามหลักการสมดุล
ง่ายๆ เมื่อมีความต้องการจึงเกิดการตอบสนอง และนั่นคือหลักที่แทรกอยู่ใน
อิสระเสรีของงานเขียนออนไลน์ที่ถูกลากไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพื่อให้เกิดธุรกรรมและกระบวนการของเชิงพาณิชย์ ยกเว้นเสียแต่ว่า ผู้ผลิตผลงานนั้นๆ
ไม่ได้ต้องการสนองตอบให้ผู้บริโภคหรือใครก็ตามที่ตนไม่เล็งเห็น และเน้นแสดง
ความเป็นปัจเจกของตนให้สังคมรู้
กลุ่มผู้ผลิตผลงาน คือนักประพันธ์ มีปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงจูงใจสร้างผลงาน
หนึ่งคือจากตัวเอง ต่อมาคือ สภาพกระแสนิยมของสังคม ความต้องการของนายทุน
และค่าความนิยมต่อแนวความคิดทั้งมวลที่ก่อให้เกิดธุรกรรมหรือค่าตัวเลขที่มากขึ้น
แต่ก็ยังมีกลุ่มนักประพันธ์อีกกลุ่มที่สร้างผลงานตรงข้ามจากข้างต้นที่กล่าวมา
นั่นคือ พวกเขาเป็นนักประพันธ์มีชื่อที่ต้องการเช็คอุปสงค์ใหม่ของกลุ่มนักอ่าน
หรือสร้างชื่อเสียงจากแนวความคิดเรื่องความล้ำสมัย(Post Modern) นักประพันธ์กลุ่มนี้
มีความแตกต่างของแนวความคิดและหลักการดำเนินงาน ซึ่งบางคนเป็นพวกอนุรักษ์นิยม
คือ เขียนเพราะใจรัก เขียนเพราะอยากเขียน และมันเป็นส่วนหนึ่งให้เกิดแนวคิดล้ำสมัย
ทีนี้มามองถึงกระบวนการวิเคราะห์ว่าผลงานพวกนี้มีแรกผลักดันของศิลปศาสตร์
หรือการตลาดมากกว่ากัน หากมองกันด้วยหลักวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ อาจจะคิด
ได้คร่าวๆดังนี้คือ
กลุ่มผู้ผลิตผลงาน(นักประพันธ์) แบบการตลาด
จุดเด่นหรือจุดแข็ง : แนวทางชัดเจนมีคุณสมบัติเหมาะแก่การนำเสนอต่อสำนักพิมพ์
หรือเพื่อใช้ในการค้า มีหลักเกณฑ์และรูปแบบตายตัวหรืออาจจะใช้หลักของแพทเทิร์นมาประกอบ
การสร้างผลงาน จึงทำให้ใช้เวลาในการผลิตผลงานมีความแน่นอนด้วยปัจจัยข้างต้น
และเป็นที่ยอมรับต่อนักอ่านได้ง่ายเพราะใช้หลักมุ่งเน้นให้ติดตลาดและเจาะจงกลุ่มนักอ่านได้ง่าย
จุดด้อยหรือจุดอ่อน : มีความซ้ำซากในส่วนของพล็อต เนื้อหามีขอบเขตในการนำเสนอ
หลักการของโครงสร้างตายตัว พล็อตสามารถเดาได้ง่ายและระดมความคิดสร้างสรรค์
ได้จำกัด หากผู้ประพันธ์ต้องการสื่อแนวความคิดเพิ่มเติม จำเป็นต้องตัดทอน
และวางองค์ประกอบให้ดี จึงจะไม่ขัดต่อกระบวนการหลักในเชิงการตลาด
โอกาส : กลุ่มผู้บริโภคมีขอบเขตกว้าง เป็นที่ยอมรับของตลาดได้ง่าย มีลักษณะดึงดูด
นักลงทุนหรือสำนักพิมพ์ให้สนใจในแนวความคิดและมุ่งเน้นเชิงพาณิชย์เช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะโอกาสที่จะเป็นจุดสนใจทำได้ง่าย
อุปสรรค : มีคู่แข่งจำนวนมาก และตัวเลือกรวมถึงสินค้าทดแทนมีจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้
เครดิตหรือชื่อเสียงในการผลักดันให้โดดเด่น หรือลดอัตราแข่งขันลง รวมถึงในบางครั้ง
มักเป็นที่โจมตีของนักวิจารณ์ จึงเป็นการดิสเครดิต ทำให้บทบาทของผู้บริโภคมีส่วน
อ่อนไหวต่อกระแสหลักของจูงใจหรือการให้ความสนใจ
กลุ่มผู้ผลิตผลงาน(นักประพันธ์) แบบศิลปศาสตร์
จุดเด่นหรือจุดแข็ง : แนวทางหลากหลายซึ่งส่งผลดีต่อการนำเสนอเพื่อทำให้เป็น
งานเชิงคุณภาพที่มีคุณลักษณะเป็นของตนเอง เนื้อหามีความยืดหยุ่นสูง
มีแนวทางหลากหลายแต่คงไว้ด้วยเอกลักษณ์ ในงานชิ้นเดียวกันสามารถแยก
และแก้ไขได้หลายจุด หรือเชื่อมโยงสู่หลักงานประพันธ์ทั้งแบบอนุรักษ์นิยม
และแบบล้ำสมัยได้
จุดด้อยหรือจุดอ่อน : ไม่มีแนวทางแน่นอนในการสร้างผลงานที่ก่อให้เกิดความสนใจ
ของตลาดหลัก ความเสี่ยงของเนื้อหาอาจไม่เป็นที่ยอมรับ หรือมีช่องโหว่ของหลัก
การเขียนในส่วนของการนำเสนออย่างตายตัว จึงทำให้เสียเวลาในการเรียบเรียง
หรือการวางผังงานให้เป็นไปตามแพทเทิร์นที่ชัดเจน
โอกาส : กลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆหรือการสร้างสรรค์งานให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม
มีคู่แข่งน้อยเพราะแนวทางเป็นเอกลักษณ์ มักไม่มีการเปรียบเทียบ และนักวิจารณ์
มักต้องใช้เวลาในการขัดเกลาบทวิจารณ์งาน และปัจเจกความคิดเหล่านี้ส่งผลให้
ผู้บริโภคอาจไม่ได้สนใจในเนื้อของการวิจารณ์
อุปสรรค : ปัจจัยในการดึงดูดผู้บริโภคน้อย ยิ่งเมื่อไม่มีเครดิตหรือชื่อเสียงแล้ว โอกาสที่
ผู้บริโภคจะสนใจในกรณีที่จะมีคู่แข่งในตลาดหรือไม่จึงมีอัตราใกล้เคียงกัน มีความเสี่ยง
ต่อความอ่อนไหวของกระแสตลาดหลัก กลุ่มผู้บริโภคมีเฉพาะกลุ่ม หรืออาจไม่เป็นที่ยอมรับ
ของสังคมหมู่มาก การจะเข้าถึงของผู้บริโภคไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เนื้อหาแต่ขึ้นอยู่กับความสนใจเป็นหลัก
ทั้งนี้กระบวนการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามหลักตายตัว
มีข้อยืดหยุ่นซึ่งมันขึ้นอยู่กับตัวของผู้ประพันธ์เอง และผู้บริโภคในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
หรือง่ายๆ ตามกระแสสังคมหมู่มาก แต่ที่อ้างถึงเป็นเพียงแนวความคิดคร่าวๆของผู้เขียนบทความ
เมื่ออ่านถึงจุดนี้ วรรณกรรมออนไลน์หรือผลงานที่กลั่นกรองว่าดีและมีคุณค่าในระบบ
เน็ตเวิร์คเพื่อออนไลน์ให้ผู้บริโภคได้บริโภคตามความต้องการ จึงเป็นสิ่งที่มีทั้งแง่มุม
ที่สอดคล้องกับศิลปศาสตร์ในเชิงของการรังสรรค์งานขึ้นมาเป็นผลงานสำเร็จ แต่ในทาง
สังคม งานเหล่านี้ยังคงต้องมีแนวสนับสนุนจากผลของการเอื้อประโยชน์โดยปัจจัยเชิงการตลาด
เพราะเมื่อพิจารณาให้ดี กรอบอิสระในการนำเสนอผลงานคือทฤษฎีพื้นฐานของการประพันธ์
ผลงานสู่สาธารณะ แต่มีตัวคัดสรรอีกระดับหนึ่งคือการยอมรับ โดยมีความต้องการของ
กระแสสังคม คอยบีบให้เกิดแบบแผนบางอย่างขึ้น
โดยบางครั้งงานประพันธ์แบบอนุรักษ์นิยมคือการเขียนด้วยใจ หรือจะด้วยเหตุผลอันใด
มาดลใจให้เกิดงานชิ้นนั้นขึ้นมา จนหลายคนเรียกนักประพันธ์แบบนี้บ่อยๆว่า "นักเขียนไส้แห้ง"
เพราะโอกาสที่จะได้รับการยอมรับมันไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าการอยากจะเขียน แม้บางคนหรือ
ส่วนน้อยจะติดลมบนมีชื่อเสียงขึ้นมา ซึ่งมันคือส่วนน้อย และนี่เองทำให้เกิด นักเขียนโมเดิร์น
หรือพวกที่มองการตลาด มองอะไรที่มันเป็นปัจจุบันมากกว่า และท้ายสุดเมื่อมีความเบื่อหน่าย
จึงเกิดนักเขียนที่อยากจะกระโดดไปสู่อนาคต คือนักเขียนแนวโพสต์โมเดิร์นขึ้นมา
ซึ่งแท้จริง นักเขียนแนวโพสต์โมเดิร์นมีความเป็นอนุรักษ์นิยมอยู่คือเขียนด้วย
แนวทางที่อยากเขียน แต่มีหัวทางด้านการเอาข้อมูลเชิงการตลาดมาใช้คู่กันไป และมันส่งผล
สำเร็จต่อพวกเขา การจะเข้าใจหลักการเหล่านี้ นักประพันธ์งานแบบล้ำสมัย ต้องรู้จักก่อนว่าอะไร
คืออนุรักษ์นิยม หรืออะไรคือนักเขียนแนวตลาดตามกระแสหลัก แล้วจึงกระโดดสู่งานระดับ
ล้ำสมัยได้ นักเขียนในอดีต หรือบุคลากรด้านศิลปะในอดีตหลายท่านก็เป็นโพสต์โมเดิร์น
เพราะผลงานของพวกเขาแม้ดำรงอยู่จนมาถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังคงร่วมสมัย ซึ่งมันบ่งบอกได้ว่า
เขาทำผลงานเพื่ออนาคตในเวลานั้น และเวลานี้มันกลายเป็นผลงานร่วมสมัย
หากแต่แท้จริง ถ้าผลงานชิ้นนั้นไม่เข้าทางกระแสสังคม ผลงานของเขาก็จะยังคงเป็น
ผลงานที่รอการยอมรับและมันอาจกลายเป็นงานเชิงอนุรักษ์นิยม ไปจนกว่าจะมี
การเปลี่ยนแปลงในอนาคตจนผลงานของเขาเป็นโมเดิร์น
ทั้งๆที่เขาอาจจะปรารถนาให้มันเป็นโพสต์โมเดิร์นก็ตาม
เช่นนั้นแล้วมาถึงส่วนสุดท้าย ผลงานประพันธ์ วรรณกรรมออนไลน์นั้น
เมื่อมองแล้วในแง่มุมของศิลปะ ความอิสระในแนวทางมีตัวแปรเป็นกาลเวลา
และค่านิยมของกระแสสังคมที่จะบ่งบอกว่ามันเป็นศิลปะตามลักษณะใด
หรืออาจจะมองด้วยตัวแนวทางแบ่งแยกออกไปเป็นปัจเจกลักษณะ
ซึ่งในเชิงการตลาดแล้ว กลยุทธ์ที่แทรกอยู่ในผลงานนั้น แม้ไม่ได้ชัดเจนสำหรับ
บางผลงานแต่มันก็มีหลักให้คิดและวิเคราะห์ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราสนใจมองแง่ใด
โดยตัวของผู้เขียนนั้น ก็เป็นนักประพันธ์คนหนึ่งและก็เป็นผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
จึงพอเข้าใจสภาพจิตใจที่เราได้ทำและถูกทำ และได้เขียนเป็นงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อ
แสดงวิสัยทัศน์ต่อวรรณกรรมออนไลน์ ที่มีความหลากหลายและสามารถพบเห็นได้ใน
โลกอินเตอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง
โดย Emperorsss
เมื่อกล่าวถึงงานประพันธ์สร้างสรรค์สมัยใหม่ หลายคนคงคิดถึงงานที่แสดงอยู่ใน
โลกไซเบอร์ที่ปัจจุบันมีหลายฝ่ายเอาจริงเอาจังและเห็นว่ามันน่าสนใจไม่ต่างจากผลงาน
ที่จัดแสดงอยู่ในแกลลอรี่มีชื่อของเมืองใหญ่ๆหรือพิพิธภัณฑ์ รวมถึงหอสมุดชั้นนำ
เพราะสังคมสมัยใหม่มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก และยิ่งมีกลิ่นของปัจจัยสำคัญ
ที่ไหลเวียนอย่างไม่หยุดนิ่งตลอดทุกวินาที นายทุนและผู้บริโภคเกือบทุกกลุ่มที่ใช้คอมพิวเตอร์
มักมองเห็นงานศิลปะเหล่านี้เผยแพร่รูปภาพ สื่อมัลติมีเดียหรือลายลักษณ์อักษรแสดงทักษะ
ทั้งในเชิงพาณิชย์และเชิงศิลปะ หากลองมองย้อนกลับไปพูดถึงเรื่องราวของอินเตอร์เน็ต
ตั้งแต่เริ่มมีการใช้ระบบเชื่อมต่อความเร็วสูง ADSL
วงการออนไลน์ได้ให้ความสำคัญกับมัลติมีเดียมากขึ้น
เมื่อปัจจัยหลักไหลเวียนในโลกไซเบอร์อย่างต่อเนื่องและง่ายต่อการแพร่หลาย
นักลงทุนที่มุ่งทำธุรกรรมในสภาวะสังคมปกติและสังคมออนไลน์ ขอใช้คำว่า "สังคมปกติ" แทน
สังคมที่เราอยู่อาศัย ซึ่งเราเดินไปพบหน้าคร่าตากัน แบบจับต้องกายหยาบได้ และ
"สังคมออนไลน์" แทนสังคมที่เกิดขึ้นในระบบเน็ตเวิร์คหรืออินเตอร์เน็ตตามที่เราเข้าใจ
สังคมออนไลน์เป็นสังคมเปิดที่ใครก็รู้จักกันได้ ไม่จำกัดเพศ คุณวุฒิและวัยวุฒิ
ทุกคนพูดคุยกันได้ แสดงความรู้สึกผ่านแป้นพิมพ์และส่งทอดออกสู่สาธารณะออนไลน์
เช่นนั้นแล้ว งานศิลปะต่างๆย่อมสามารถปรากฏให้เห็นได้อย่างแน่นอน และนี่คือโลกยุคใหม่
แต่ในประเด็นนี้มุ่งเน้นผลงานที่เรียกว่า วรรณกรรมออนไลน์หรืองานประพันธ์ที่
ถูกเผยแพร่อยู่บนระบบเน็ตเวิร์ค และมันมีทั้งแบบฟรีและเสียค่าใช้จ่าย ขอพูดถึงแบบเสียค่าใช้จ่ายก่อน
มันก็คือ คุณต้องเสียเงินซื้อมาด้วยการทำธุรกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อได้ผลงานนั้น
ถ้ากึ่งสินค้าทั่วไปก็ชำระราคาและรับสินค้าในลักษณะรูปเล่มมาครอบครอง แต่ถ้าเป็น
ธุรกรรมออนไลน์แบบเข้มข้น จะเป็นในลักษณะชำระราคาผ่านระบบอินเตอร์เน็ต และรับผลงาน
ในรูปแบบไฟล์ PDFหรืออิเล็กทรอนิกส์บุ๊ค(E-Book) ซึ่งปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่เปิดให้บริการ
เมื่อถามว่า แล้วส่วนที่เป็นวรรณกรรมออนไลน์แบบฟรีเป็นอย่างไร ก็คือผลงาน
ที่ถูกโพสต์หรืออัพโหลดข้อมูลเข้าระบบเน็ตเวิร์คเพื่อให้นักอ่านออนไลน์เข้ามาอ่านและ
แสดงความคิดเห็นต่อผลงานชิ้นนั้นๆ ซึ่งหากมองด้วยหลักทฤษฎีทั่วไป อาจมองได้ว่า
ผู้ประพันธ์ควรจะแสดงผลงานอย่างใดก็ได้ หากแต่มันเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ด้วย
หลักพื้นฐานของงานประพันธ์ที่ไม่ผิดจรรยาบรรณและเป็นที่ยอมรับของสังคม
หากแต่ในความเป็นจริง ผลตอบรับและอุปสงค์นักบริโภคหรือ Demand มันกลับ
บีบบังคับให้อุปสงค์ของผู้ผลิตหรือ Supply ต้องเป็นไปตามหลักการสมดุล
ง่ายๆ เมื่อมีความต้องการจึงเกิดการตอบสนอง และนั่นคือหลักที่แทรกอยู่ใน
อิสระเสรีของงานเขียนออนไลน์ที่ถูกลากไปทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพื่อให้เกิดธุรกรรมและกระบวนการของเชิงพาณิชย์ ยกเว้นเสียแต่ว่า ผู้ผลิตผลงานนั้นๆ
ไม่ได้ต้องการสนองตอบให้ผู้บริโภคหรือใครก็ตามที่ตนไม่เล็งเห็น และเน้นแสดง
ความเป็นปัจเจกของตนให้สังคมรู้
กลุ่มผู้ผลิตผลงาน คือนักประพันธ์ มีปัจจัยที่ทำให้เกิดแรงจูงใจสร้างผลงาน
หนึ่งคือจากตัวเอง ต่อมาคือ สภาพกระแสนิยมของสังคม ความต้องการของนายทุน
และค่าความนิยมต่อแนวความคิดทั้งมวลที่ก่อให้เกิดธุรกรรมหรือค่าตัวเลขที่มากขึ้น
แต่ก็ยังมีกลุ่มนักประพันธ์อีกกลุ่มที่สร้างผลงานตรงข้ามจากข้างต้นที่กล่าวมา
นั่นคือ พวกเขาเป็นนักประพันธ์มีชื่อที่ต้องการเช็คอุปสงค์ใหม่ของกลุ่มนักอ่าน
หรือสร้างชื่อเสียงจากแนวความคิดเรื่องความล้ำสมัย(Post Modern) นักประพันธ์กลุ่มนี้
มีความแตกต่างของแนวความคิดและหลักการดำเนินงาน ซึ่งบางคนเป็นพวกอนุรักษ์นิยม
คือ เขียนเพราะใจรัก เขียนเพราะอยากเขียน และมันเป็นส่วนหนึ่งให้เกิดแนวคิดล้ำสมัย
ทีนี้มามองถึงกระบวนการวิเคราะห์ว่าผลงานพวกนี้มีแรกผลักดันของศิลปศาสตร์
หรือการตลาดมากกว่ากัน หากมองกันด้วยหลักวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ อาจจะคิด
ได้คร่าวๆดังนี้คือ
กลุ่มผู้ผลิตผลงาน(นักประพันธ์) แบบการตลาด
จุดเด่นหรือจุดแข็ง : แนวทางชัดเจนมีคุณสมบัติเหมาะแก่การนำเสนอต่อสำนักพิมพ์
หรือเพื่อใช้ในการค้า มีหลักเกณฑ์และรูปแบบตายตัวหรืออาจจะใช้หลักของแพทเทิร์นมาประกอบ
การสร้างผลงาน จึงทำให้ใช้เวลาในการผลิตผลงานมีความแน่นอนด้วยปัจจัยข้างต้น
และเป็นที่ยอมรับต่อนักอ่านได้ง่ายเพราะใช้หลักมุ่งเน้นให้ติดตลาดและเจาะจงกลุ่มนักอ่านได้ง่าย
จุดด้อยหรือจุดอ่อน : มีความซ้ำซากในส่วนของพล็อต เนื้อหามีขอบเขตในการนำเสนอ
หลักการของโครงสร้างตายตัว พล็อตสามารถเดาได้ง่ายและระดมความคิดสร้างสรรค์
ได้จำกัด หากผู้ประพันธ์ต้องการสื่อแนวความคิดเพิ่มเติม จำเป็นต้องตัดทอน
และวางองค์ประกอบให้ดี จึงจะไม่ขัดต่อกระบวนการหลักในเชิงการตลาด
โอกาส : กลุ่มผู้บริโภคมีขอบเขตกว้าง เป็นที่ยอมรับของตลาดได้ง่าย มีลักษณะดึงดูด
นักลงทุนหรือสำนักพิมพ์ให้สนใจในแนวความคิดและมุ่งเน้นเชิงพาณิชย์เช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะโอกาสที่จะเป็นจุดสนใจทำได้ง่าย
อุปสรรค : มีคู่แข่งจำนวนมาก และตัวเลือกรวมถึงสินค้าทดแทนมีจำนวนมาก จำเป็นต้องใช้
เครดิตหรือชื่อเสียงในการผลักดันให้โดดเด่น หรือลดอัตราแข่งขันลง รวมถึงในบางครั้ง
มักเป็นที่โจมตีของนักวิจารณ์ จึงเป็นการดิสเครดิต ทำให้บทบาทของผู้บริโภคมีส่วน
อ่อนไหวต่อกระแสหลักของจูงใจหรือการให้ความสนใจ
กลุ่มผู้ผลิตผลงาน(นักประพันธ์) แบบศิลปศาสตร์
จุดเด่นหรือจุดแข็ง : แนวทางหลากหลายซึ่งส่งผลดีต่อการนำเสนอเพื่อทำให้เป็น
งานเชิงคุณภาพที่มีคุณลักษณะเป็นของตนเอง เนื้อหามีความยืดหยุ่นสูง
มีแนวทางหลากหลายแต่คงไว้ด้วยเอกลักษณ์ ในงานชิ้นเดียวกันสามารถแยก
และแก้ไขได้หลายจุด หรือเชื่อมโยงสู่หลักงานประพันธ์ทั้งแบบอนุรักษ์นิยม
และแบบล้ำสมัยได้
จุดด้อยหรือจุดอ่อน : ไม่มีแนวทางแน่นอนในการสร้างผลงานที่ก่อให้เกิดความสนใจ
ของตลาดหลัก ความเสี่ยงของเนื้อหาอาจไม่เป็นที่ยอมรับ หรือมีช่องโหว่ของหลัก
การเขียนในส่วนของการนำเสนออย่างตายตัว จึงทำให้เสียเวลาในการเรียบเรียง
หรือการวางผังงานให้เป็นไปตามแพทเทิร์นที่ชัดเจน
โอกาส : กลุ่มผู้บริโภคใหม่ๆหรือการสร้างสรรค์งานให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม
มีคู่แข่งน้อยเพราะแนวทางเป็นเอกลักษณ์ มักไม่มีการเปรียบเทียบ และนักวิจารณ์
มักต้องใช้เวลาในการขัดเกลาบทวิจารณ์งาน และปัจเจกความคิดเหล่านี้ส่งผลให้
ผู้บริโภคอาจไม่ได้สนใจในเนื้อของการวิจารณ์
อุปสรรค : ปัจจัยในการดึงดูดผู้บริโภคน้อย ยิ่งเมื่อไม่มีเครดิตหรือชื่อเสียงแล้ว โอกาสที่
ผู้บริโภคจะสนใจในกรณีที่จะมีคู่แข่งในตลาดหรือไม่จึงมีอัตราใกล้เคียงกัน มีความเสี่ยง
ต่อความอ่อนไหวของกระแสตลาดหลัก กลุ่มผู้บริโภคมีเฉพาะกลุ่ม หรืออาจไม่เป็นที่ยอมรับ
ของสังคมหมู่มาก การจะเข้าถึงของผู้บริโภคไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เนื้อหาแต่ขึ้นอยู่กับความสนใจเป็นหลัก
ทั้งนี้กระบวนการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามหลักตายตัว
มีข้อยืดหยุ่นซึ่งมันขึ้นอยู่กับตัวของผู้ประพันธ์เอง และผู้บริโภคในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง
หรือง่ายๆ ตามกระแสสังคมหมู่มาก แต่ที่อ้างถึงเป็นเพียงแนวความคิดคร่าวๆของผู้เขียนบทความ
เมื่ออ่านถึงจุดนี้ วรรณกรรมออนไลน์หรือผลงานที่กลั่นกรองว่าดีและมีคุณค่าในระบบ
เน็ตเวิร์คเพื่อออนไลน์ให้ผู้บริโภคได้บริโภคตามความต้องการ จึงเป็นสิ่งที่มีทั้งแง่มุม
ที่สอดคล้องกับศิลปศาสตร์ในเชิงของการรังสรรค์งานขึ้นมาเป็นผลงานสำเร็จ แต่ในทาง
สังคม งานเหล่านี้ยังคงต้องมีแนวสนับสนุนจากผลของการเอื้อประโยชน์โดยปัจจัยเชิงการตลาด
เพราะเมื่อพิจารณาให้ดี กรอบอิสระในการนำเสนอผลงานคือทฤษฎีพื้นฐานของการประพันธ์
ผลงานสู่สาธารณะ แต่มีตัวคัดสรรอีกระดับหนึ่งคือการยอมรับ โดยมีความต้องการของ
กระแสสังคม คอยบีบให้เกิดแบบแผนบางอย่างขึ้น
โดยบางครั้งงานประพันธ์แบบอนุรักษ์นิยมคือการเขียนด้วยใจ หรือจะด้วยเหตุผลอันใด
มาดลใจให้เกิดงานชิ้นนั้นขึ้นมา จนหลายคนเรียกนักประพันธ์แบบนี้บ่อยๆว่า "นักเขียนไส้แห้ง"
เพราะโอกาสที่จะได้รับการยอมรับมันไม่ใช่ประเด็นหลักเท่าการอยากจะเขียน แม้บางคนหรือ
ส่วนน้อยจะติดลมบนมีชื่อเสียงขึ้นมา ซึ่งมันคือส่วนน้อย และนี่เองทำให้เกิด นักเขียนโมเดิร์น
หรือพวกที่มองการตลาด มองอะไรที่มันเป็นปัจจุบันมากกว่า และท้ายสุดเมื่อมีความเบื่อหน่าย
จึงเกิดนักเขียนที่อยากจะกระโดดไปสู่อนาคต คือนักเขียนแนวโพสต์โมเดิร์นขึ้นมา
ซึ่งแท้จริง นักเขียนแนวโพสต์โมเดิร์นมีความเป็นอนุรักษ์นิยมอยู่คือเขียนด้วย
แนวทางที่อยากเขียน แต่มีหัวทางด้านการเอาข้อมูลเชิงการตลาดมาใช้คู่กันไป และมันส่งผล
สำเร็จต่อพวกเขา การจะเข้าใจหลักการเหล่านี้ นักประพันธ์งานแบบล้ำสมัย ต้องรู้จักก่อนว่าอะไร
คืออนุรักษ์นิยม หรืออะไรคือนักเขียนแนวตลาดตามกระแสหลัก แล้วจึงกระโดดสู่งานระดับ
ล้ำสมัยได้ นักเขียนในอดีต หรือบุคลากรด้านศิลปะในอดีตหลายท่านก็เป็นโพสต์โมเดิร์น
เพราะผลงานของพวกเขาแม้ดำรงอยู่จนมาถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังคงร่วมสมัย ซึ่งมันบ่งบอกได้ว่า
เขาทำผลงานเพื่ออนาคตในเวลานั้น และเวลานี้มันกลายเป็นผลงานร่วมสมัย
หากแต่แท้จริง ถ้าผลงานชิ้นนั้นไม่เข้าทางกระแสสังคม ผลงานของเขาก็จะยังคงเป็น
ผลงานที่รอการยอมรับและมันอาจกลายเป็นงานเชิงอนุรักษ์นิยม ไปจนกว่าจะมี
การเปลี่ยนแปลงในอนาคตจนผลงานของเขาเป็นโมเดิร์น
ทั้งๆที่เขาอาจจะปรารถนาให้มันเป็นโพสต์โมเดิร์นก็ตาม
เช่นนั้นแล้วมาถึงส่วนสุดท้าย ผลงานประพันธ์ วรรณกรรมออนไลน์นั้น
เมื่อมองแล้วในแง่มุมของศิลปะ ความอิสระในแนวทางมีตัวแปรเป็นกาลเวลา
และค่านิยมของกระแสสังคมที่จะบ่งบอกว่ามันเป็นศิลปะตามลักษณะใด
หรืออาจจะมองด้วยตัวแนวทางแบ่งแยกออกไปเป็นปัจเจกลักษณะ
ซึ่งในเชิงการตลาดแล้ว กลยุทธ์ที่แทรกอยู่ในผลงานนั้น แม้ไม่ได้ชัดเจนสำหรับ
บางผลงานแต่มันก็มีหลักให้คิดและวิเคราะห์ได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราสนใจมองแง่ใด
โดยตัวของผู้เขียนนั้น ก็เป็นนักประพันธ์คนหนึ่งและก็เป็นผู้บริโภคด้วยเช่นกัน
จึงพอเข้าใจสภาพจิตใจที่เราได้ทำและถูกทำ และได้เขียนเป็นงานชิ้นนี้ขึ้นมาเพื่อ
แสดงวิสัยทัศน์ต่อวรรณกรรมออนไลน์ ที่มีความหลากหลายและสามารถพบเห็นได้ใน
โลกอินเตอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น