ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เขาไม่เคยยิ้มอย่างนี้มานานแล้ว
แป้งรักเขามากเขารู้ --
เขาสามารถสัมผัสความรู้สึกดีดีเหล่านี้ได้จากทุกคน
ใครรู้สึกกับเขาหรือไม่--ไม่ต้องบอกด้วยถ้อยคำ เขาก็รู้สึกได้
ความรู้สึกเขาไม่เคยผิด เขามีเซ้นส์เรื่องนี้
เหมือนในระหว่างที่เขามีแป้งอยู่ไกลๆนั้นเขาก็มีเอินเข้ามา...
เอิน...
สาวน้อยหน้าใสที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเดินเข้ามาในชีวิตเขาเหมือนง่ายๆ
แค่ชื่อ อ อ่าง ก็สะดุดใจเขาแต่แรก
เขาคิดไปถึงเอย เพื่อนทางจดหมายคนแรกที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำอ่อนโยน
ไม่มีวันไหนที่เขาจะลืมเอยได้ ไม่ว่าใครๆผ่านเข้ามาในชีวิตอีกกี่สิบคน
เอยก็คงอยู่ในความรู้สึกดีดี พิเศษ และอบอวลด้วยอารมณ์สารพัดเมื่อนึกถึง..
เขาเจอเอินครั้งแรกยังเรียกชื่อผิดๆถูกๆ เขามักเรียกเป็นเอย... เอย และเอย
เอินมักยิ้มเมื่อเขาเรียกชื่อผิดๆเพราะเอินรับรู้ทุกเรื่องราวในชีวิต
เขาไม่เคยปิดบังความจริงกับใครๆที่เข้ามา เขาโกหกไม่เป็น
เอินจึงรู้ทุกอย่าง และเป็นคนเดียวที่สัมผัสความนึกคิดเขาโดยไม่ต้องพูดคุย
จนใครๆก็บอกว่า เหมือนเป็นคู่แฝด แค่คิดเอินก็รู้ว่าจะทำอะไร จะพูดประโยคไหน
เพราะคนบางคนเกิดมาเพื่อจะเป็นมากกว่าคนพิเศษ...
แรกเจอหน้าเอิน บนถนนหน้าบ้านที่เขานำหนังสือไปวางไว้ให้
เขาไม่กล้าลงจากรถ เขาแอบมองสาวน้อยร่างโปร่งมาหยิบหนังสือ
ใจเขาตื่นระรัว เมื่อเอินมองมาและคล้ายจะเดินเข้ามาหาที่รถ
เขารีบขับรถหนี เขาสั่นจนเลี้ยวผิดทางกลับบ้าน
เอินงดงามมากกว่าที่เคยจินตนาการ เขาคุยทางโทรศัพท์กับเอินแค่อาทิตย์เดียว
เขาหลงน้ำเสียงนุ่มนวล
เขาคุยเมลกับเอินแค่ไม่กี่สิบเมล เขาสัมผัสถึงความจริงใจในตัวอักษรเพียงไม่กี่บรรทัด
เขาสัมผัสอะไรง่ายๆ
แต่เขาไม่เคยคิดว่า คนงดงามทั้งกายใจยังหลงเหลือเพื่อให้เขาพบเจอ ... พระเจ้า....
พระเจ้าคงเก็บสิ่งงดงามนี้ไว้เพื่อเป็นรางวัลให้คนช่างฝันอย่างเขาแน่แท้
เขาคิดได้แค่นี้จริงๆเมื่อแรกเห็นเอิน
เขาเชื่อว่าพระเจ้า หรือสวรรค์เบื้องบนมีจริง
พระเจ้าคงอยากตอบแทนคนทำดี เขาไม่ใช่คนดี เขาเพียงแต่เชื่อในความดี
และพยายามจะทำแต่สิ่งดีดี
เขาเชื่อว่าสวรรค์มีตาที่จะมองเห็นการกระทำของทุกคน
เขาไม่กล้าทำสิ่งผิดๆสิ่งที่ทำร้ายคนอื่นๆ
บางครั้งความคิดก็แวบเข้ามาในใจ แต่แค่นั้นเขาก็รีบสลัดทิ้ง
เขารู้ว่าสิ่งเลวร้ายแค่ผ่านเข้ามาสู่ใจ-ก็ตกต่ำแล้ว
เพราะใจคือแหล่งนำทางของการกระทำทั้งหลาย
จริงๆแล้วใจสำคัญกว่าการกระทำ เพราะถ้าทำดีแต่ใจคิดตรงข้าม
ปากพูดดีแต่ใจคิดอีกอย่าง ก็ไม่ถือว่าเป็นคนดี
คนดีในความคิดเขา คือดีจากข้างใน
คิดดีแต่จะทำดีหรือเปล่าอยู่ที่โอกาสจะเอื้อให้ทำได้แค่ไหน
เขาเชื่อว่า พระเจ้ารับรู้ในสิ่งที่เขาเป็น แม้บางครั้งเขาจะไม่ได้ทำดี อย่างที่คิด
....อย่างเช่น เขาเห็นคนยากจน เขาอยากช่วย ใจเขาหม่นหมองเหลือเกินที่ช่วยไม่ได้
พระเจ้าก็ควรรับรู้ว่าทำไมเขาช่วยไม่ได้
เพราะพระเจ้าไม่เคยให้เขาร่ำรวย ทดสอบเขาอยู่ตลอดเวลาให้เขาอดทน
ให้เขาอดกลั้น
ให้เขาเลือกเส้นทางระหว่างถูกหรือผิด เขาไม่หลงกลแยบยลใดๆเหล่านั้นหรอก
เขาต้องผ่านการทดสอบจากจิตสำนึกชั่วร้ายหรือดีงาม
ชีวิตเขาไม่ได้หยุดแค่กระกระทำในชาติเดียว
เขาเลือกที่จะทำสิ่งดีเพราะนี่เป็นบททดสอบว่าจะก้าวผ่านไปถึงภพหน้า
และสรุปในภพนั้นว่าเขาจะเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น บททดสอบทุกบท
ที่แฝงเล่ห์กลใดๆไม่สามารถชนะเขาได้
พระเจ้าเองนั่นแหละ
ที่ต้องทดแทนบางสิ่งชดเชยบททดสอบหนักๆที่ให้เขาเผชิญ
ด้วยการส่งเอินมาให้เขา เอินที่แสนงดงามทั้งใจกาย แต่ไม่เคยมีแฟน.... .
..ยังมีอยู่อีกหรือ ในโลกใบนี้
ที่พระเจ้าจะเก็บคนงดงามคนนี้ไว้เพื่อเขาจริงๆ เขาแทบไม่เชื่อ..
.หรือว่านี่คือบทหนึ่งของความเมตตาที่พระเจ้า
ต้องการให้รางวัลกับเขาจึงมีสิ่งมหัศจรรย์ใจให้ฉงนได้ปานนี้
คนงดงามมากๆที่ใครๆก็มารุมรัก ตามรัก
ทำทุกวิถีทางมาเป็นปีๆเพื่อจะได้รับรักจากเอิน แต่ใจดวงนั้นนิ่งเฉย
ไม่เคยรู้สึกกับใครคนไหนมาก่อนในวัย22 ปีที่แสนบอบบางเหมือนดอกไม้ผลิแย้ม
เอินไม่เคยรักใคร ไม่เคยมีใครเข้าถึง ....
.พระเจ้าขีดเส้นทางไว้ถูกต้องแล้ว
คนอย่างเขาเหมาะกับสิ่งงดงามนี้ที่สุด
ให้ความร่ำรวยแก่เขาก็ไม่ถูกใจเท่าให้คนงดงาม คนแสนดี
พระเจ้าเลือกชดเชยได้ถูกต้อง
เขาตื้นตันใจเมื่อขับรถหนีจากเอินมาครั้งนั้น..
.เขาอยากกลับถึงบ้านในไวที่สุด
เขาอยากฝัน....
........................
รอยยิ้มติดอยู่บนริมฝีปากและดวงตา ฉาบทาอยู่อย่างนั้นทุกวินาที
ที่ เขาฝันถึงร่างบางๆแก้มใส
และความหวังรุ่งโรจน์ก็ปะทุขึ้นอีกครั้งในชีวิต...
เขารู้ นี่แหละคือจุดหมายปลายทางที่เขาเดินมาถึง....
...................... ...........................
เขาไม่เคยคิดทิ้งแป้ง
แต่ความห่างไกลทั้งระยะทางและความเป็นไปไม่ได้ในชีวิต
ที่แป้งมีสามีอยู่ร่วมบ้าน
ก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่า พระเจ้าคงรับรู้ถ้าเขายังเดินทางเดิม
ไม่ใช่ทางที่ถูกต้องกับการไปมีสัมพันธ์กับภรรยาของใคร
จึงรีบนำของขวัญมาให้เขาในช่วงเวลาที่พอเหมาะกับการก้าวเดิน
เขาไม่ใช่คนที่ทำร้ายใครได้อย่างไม่รู้สึกรับรู้ความเจ็บปวด
แต่สิ่งนี้พระเจ้าเท่านั้นที่มองเห็น...
แป้งรับรู้ และกว่าจะยอมรับได้ก็เจ็บปวดจนเขารู้สึกถึงความสูญเสีย ของแป้ง
ถ้าแบ่งภาคได้ เขาอยากชดใช้ทุกอย่างเพื่อแบกรับความเจ็บช้ำนั้น
แต่เขาทำได้ดีที่สุด คือความเป็นพี่ เป็นเพื่อนที่เข้าใจ
และพร้อมจะอยู่เคียงข้างถ้าแป้งยังต้องการ แต่แป้งบอกว่า
แป้งรับไม่ได้
ความรู้สึกมันเปราะบางเกินกว่าจะหลับตาแล้วไม่เห็นภาพคนที่แป้งรัก อยู่กับคนอื่น....
ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ
แต่บางครั้งเขาต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุด เลือกทำในสิ่งที่เป็นจริงที่สุด
ในเมื่อการมีแป้งอยู่ในชีวิตเสี่ยงอันตรายเกินไป
ครอบครัวเขาก็ห่วงว่าวันหนึ่งสามีแป้งอาจทำร้ายเขา
แม่ของเขา รักเขายิ่งกว่าอะไร
เขาเป็นน้องคนเล็กที่ยังไม่แต่งงาน ที่อยู่ไกลจากพ่อแม่พี่น้อง
การใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคน ครอบครัวเขาต้องรับรู้
เพื่อจะไม่ห่วงใยเขามาก
แต่ระหว่างเขากับแป้งสร้างความเป็นห่วงให้กับแม่มากที่สุด
เพราะเกรงสามีแป้งจะทำอันตราย แม้ว่าแป้งพร้อมจะหย่า แต่สามีก็ไม่ยอมหย่า
.....เขาก็ต้องเลือกในเส้นทางที่ดีที่สุด
ที่แม้แต่พระเจ้าก็เลือกเวลาที่จะให้เขาเดินจาก..
..แป้งคงเข้าใจ....เขาไม่ได้ทิ้งแป้งเพราะคนอื่น
แต่เพราะจังหวะชีวิตทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง...
แป้งอยู่ในความรู้สึกดีดีของเขาเสมอ ถ้าแป้งรับรู้....
............
กับเอินนั้นเมื่อพบกันอีกครั้ง
ความสนิทที่เกิดขึ้นจากภายในมากมายเกินกว่าจะทำให้ขับรถหนีได้อีก
เมื่อเอาหนังสือไปวางไว้ให้ตรงเสาไฟฟ้าริมรั้วบ้านครั้งที่สอง
เอินเดินช้าๆแบบไม่มั่นใจว่าจะเก้ออีกครั้ง
จริงๆเขายังอยากขับรถหนี แต่ใจเขาไม่อยากหนีอีกแล้ว เขาหนีไม่ลง
และเขาไม่อยากทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาหาแบบกลัวๆกล้าๆว่าจะเก้อเหมือนครั้งแรก
ต้องเก้อเป็นครั้งที่สอง
เขาสงสาร .....
เอินมาถึงข้างประตูเขาเอื้อมมือไปเปิด
เสียงร่ำร้องเรียกพระเจ้าอื้ออึงอยู่ในใจ..ดวง.ตาเขาคงส่องประกายเจิดจ้า
เขาขอบคุณพระเจ้า ในใจเขาคิดวนเวียนถึงแต่พระเจ้าเหมือนคนคิดอะไรไม่ออก
เอินเก้อเขินจนแก้มใสๆเปล่งประกายชมพูระเรื่อ
เมื่อเข้ามาเจอเขาครั้งแรกในรถ
แสงสว่างในเวลาทุ่มเศษๆปิดบังดวงตาระยิบของเขาได้บางส่วน
เขาแทบจะกลั้นหายใจ เขาแทบจะเก็บความสั่นไหวไว้ไม่ได้
เมื่อเห็นดวงหน้าอ่อนวัยนั้นชัดๆ
เขาบอกตัวเองซ้ำๆไปมา คนนี้แหละ
ใช่ที่สุด..
.ถ้าชีวิตนี้เขายอมปล่อยให้เอินหลุดรอดไปจากชีวิต
เขาจะโทษตัวเองให้ถึงที่สุด ..
...ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเดินมายาวนานเพื่อจะเจอ ใครสักคนที่แรกเห็นก็รู้ว่าใช่...
เขาช่างโชคดีได้เป็นหนึ่งในหลายล้านคนที่เดินทางมาถึงจุดหมายแห่งรัก และได้พบเจอจริงๆ
ยิ่งตอกย้ำความเชื่อ การทำดีได้ดีมากขึ้น..
. เขาเชื่อว่าพระเจ้าตอบแทนเขาแล้วจริงๆ...
เขามองเอินนิ่งๆในแสงสลัวของพระจันทร์ลิบๆและพุ่มไม้ไหวๆที่จอดรถแอบไว้ริมทาง
ไม่รู้ว่าดวงตาเขายิ้มแค่ไหน รู้แต่หัวใจอิ่มเอมกับการพบเจอ
มือไม้คงเป็นไปโดยอัตโนมัติที่เอื้อมคว้าร่างบางมากอดง่ายๆเหมือนไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร
กระแสความคิดถึงกรุ่นอวลจนไม่อาจบังคับได้สักอย่าง
โลกเหมือนหยุดนิ่งให้คนสองคนกอดกัน ...
.เขากอดเอินเบาๆ แค่พอที่จะเอื้อมแขนไปกอดได้
ที่ไม่กว้างในรถทำให้กอดไม่เต็มอ้อมโอบ
แต่เขารับรู้ถึงแรงตอบรับโอนอ่อนและเต็มใจ
ไม่มีการพูดคุยใดๆสักคำเดียวเมื่อโดยอัตโนมัติที่เขาซุกหน้าลงไปซบซอกไหล่
หอมกลิ่นเสื้อแตะจมูก กลิ่นอ่อนๆของน้ำยาปรับผ้านุ่มแบบที่เขาชอบ
ร่างอุ่นๆและมือเล็กๆที่กอดตอบกลับ
เหมือนเขาได้กอดโลกทั้งโลกไว้ในอ้อมแขน
โลกช่างเล็กนิดเดียวเมื่อความรักถูกถ่ายทอดให้กับคนที่ใช่...
อย่างช้าๆที่เขาเคลื่อนจมูกไปซุกกลิ่นเนื้อตรงลำคอขาวเนียน
กลิ่นหอมอ่อนๆของเหงื่อที่ค่อยๆซึมเพราะแรงเต้นของหัวใจ ช่างน่าสัมผัส
หัวใจเขาเหมือนได้รับสิทธิพิเศษให้ทุกอย่างในกายเคลื่อนไหวอย่างเนิบช้า
อ่อนโยนและแผ่วเบา
ริมฝีปากบางนุ่มนิ่มเหมือนปากทารกทำให้เขายิ่งลดแรงสัมผัส
เขาหลงรักริมฝีปากที่ค่อยๆอุ่นขึ้นทีละนิด
ละเมียดละเลียดอยู่ตรงปลายลิ้น
กลิ่นหอมอ่อนของลมหายใจผสมผสานอยู่ใกล้เสียจนไม่อยากปล่อยให้ล่องลอยไปจาก.
.ผิวเนียนนุ่มในดวงหน้าแนบชิดยิ่งรู้สึกถึงมนต์ขลังของแรงเบียด
บางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายใน...จนเขาต้องผละออก...
เอินเงยหน้ามองเขานิดๆ
ริมปากยังแดงจัดจนเข้าโน้มตัวลงไปสัมผัสเบาๆอีกครั้ง
ไม่รู้ความกลัวจนขับรถหนีครั้งแรกหายไปไหนหมด เหลือไว้แต่ความมั่นใจ
และความรักมากมายที่ถ้อยคำใดๆก็ไม่อาจเปรียบเทียบบอกเล่าถึงความรู้สึกปรี่ล้นขณะนั้นได้
เขาเหมือนคนมีพลังอำนาจที่กล้าจะทำทุกสิ่งแค่ได้มองเห็นคนคนนี้อยู่ตรงหน้า
แทบจะจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง จำได้ว่าพูดกันน้อยมาก
มองหน้าและดวงตาคงคุยกันภายใต้แสงสลัวของยามค่ำคืน
เขาขับรถกลับเหมือนล่องลอยอยู่ในสวรรค์
และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะหยุดรอยยิ้มได้
เขายิ้มไม่ยอมหุบจนถึงบ้าน
หัวใจเหมือนได้รับพลังวิเศษจนไม่รู้จักคำอื่นใดนอกเหนือจากอิ่มเอม
ต้นไม้ใบหญ้า นกกา สิ่งเคลื่อนไหวไปมาทุกชนิดแม้แต่ตึกรามบ้านช่อง
ดูสวยงามจนเขาส่งยิ้มให้เรื่อยๆ
เป็นยิ้มที่หวานแน่ๆถ้าเขาส่องกระจกเห็นตัวเอง
เขาไม่เคยยิ้มอย่างนี้มานานแล้ว
จนบางทีเคยคิดว่า เขาไม่รู้แล้วว่ารอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจเป็นอย่างไร
เอินทำให้เขารู้สึกว่าเมื่อหัวใจยิ้ม
ไม่มีแรงต้านทานใดจะห้ามริมฝีปากไม่ให้ยิ้มออกมาได้....
เขาสามารถสัมผัสความรู้สึกดีดีเหล่านี้ได้จากทุกคน
ใครรู้สึกกับเขาหรือไม่--ไม่ต้องบอกด้วยถ้อยคำ เขาก็รู้สึกได้
ความรู้สึกเขาไม่เคยผิด เขามีเซ้นส์เรื่องนี้
เหมือนในระหว่างที่เขามีแป้งอยู่ไกลๆนั้นเขาก็มีเอินเข้ามา...
เอิน...
สาวน้อยหน้าใสที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเดินเข้ามาในชีวิตเขาเหมือนง่ายๆ
แค่ชื่อ อ อ่าง ก็สะดุดใจเขาแต่แรก
เขาคิดไปถึงเอย เพื่อนทางจดหมายคนแรกที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำอ่อนโยน
ไม่มีวันไหนที่เขาจะลืมเอยได้ ไม่ว่าใครๆผ่านเข้ามาในชีวิตอีกกี่สิบคน
เอยก็คงอยู่ในความรู้สึกดีดี พิเศษ และอบอวลด้วยอารมณ์สารพัดเมื่อนึกถึง..
เขาเจอเอินครั้งแรกยังเรียกชื่อผิดๆถูกๆ เขามักเรียกเป็นเอย... เอย และเอย
เอินมักยิ้มเมื่อเขาเรียกชื่อผิดๆเพราะเอินรับรู้ทุกเรื่องราวในชีวิต
เขาไม่เคยปิดบังความจริงกับใครๆที่เข้ามา เขาโกหกไม่เป็น
เอินจึงรู้ทุกอย่าง และเป็นคนเดียวที่สัมผัสความนึกคิดเขาโดยไม่ต้องพูดคุย
จนใครๆก็บอกว่า เหมือนเป็นคู่แฝด แค่คิดเอินก็รู้ว่าจะทำอะไร จะพูดประโยคไหน
เพราะคนบางคนเกิดมาเพื่อจะเป็นมากกว่าคนพิเศษ...
แรกเจอหน้าเอิน บนถนนหน้าบ้านที่เขานำหนังสือไปวางไว้ให้
เขาไม่กล้าลงจากรถ เขาแอบมองสาวน้อยร่างโปร่งมาหยิบหนังสือ
ใจเขาตื่นระรัว เมื่อเอินมองมาและคล้ายจะเดินเข้ามาหาที่รถ
เขารีบขับรถหนี เขาสั่นจนเลี้ยวผิดทางกลับบ้าน
เอินงดงามมากกว่าที่เคยจินตนาการ เขาคุยทางโทรศัพท์กับเอินแค่อาทิตย์เดียว
เขาหลงน้ำเสียงนุ่มนวล
เขาคุยเมลกับเอินแค่ไม่กี่สิบเมล เขาสัมผัสถึงความจริงใจในตัวอักษรเพียงไม่กี่บรรทัด
เขาสัมผัสอะไรง่ายๆ
แต่เขาไม่เคยคิดว่า คนงดงามทั้งกายใจยังหลงเหลือเพื่อให้เขาพบเจอ ... พระเจ้า....
พระเจ้าคงเก็บสิ่งงดงามนี้ไว้เพื่อเป็นรางวัลให้คนช่างฝันอย่างเขาแน่แท้
เขาคิดได้แค่นี้จริงๆเมื่อแรกเห็นเอิน
เขาเชื่อว่าพระเจ้า หรือสวรรค์เบื้องบนมีจริง
พระเจ้าคงอยากตอบแทนคนทำดี เขาไม่ใช่คนดี เขาเพียงแต่เชื่อในความดี
และพยายามจะทำแต่สิ่งดีดี
เขาเชื่อว่าสวรรค์มีตาที่จะมองเห็นการกระทำของทุกคน
เขาไม่กล้าทำสิ่งผิดๆสิ่งที่ทำร้ายคนอื่นๆ
บางครั้งความคิดก็แวบเข้ามาในใจ แต่แค่นั้นเขาก็รีบสลัดทิ้ง
เขารู้ว่าสิ่งเลวร้ายแค่ผ่านเข้ามาสู่ใจ-ก็ตกต่ำแล้ว
เพราะใจคือแหล่งนำทางของการกระทำทั้งหลาย
จริงๆแล้วใจสำคัญกว่าการกระทำ เพราะถ้าทำดีแต่ใจคิดตรงข้าม
ปากพูดดีแต่ใจคิดอีกอย่าง ก็ไม่ถือว่าเป็นคนดี
คนดีในความคิดเขา คือดีจากข้างใน
คิดดีแต่จะทำดีหรือเปล่าอยู่ที่โอกาสจะเอื้อให้ทำได้แค่ไหน
เขาเชื่อว่า พระเจ้ารับรู้ในสิ่งที่เขาเป็น แม้บางครั้งเขาจะไม่ได้ทำดี อย่างที่คิด
....อย่างเช่น เขาเห็นคนยากจน เขาอยากช่วย ใจเขาหม่นหมองเหลือเกินที่ช่วยไม่ได้
พระเจ้าก็ควรรับรู้ว่าทำไมเขาช่วยไม่ได้
เพราะพระเจ้าไม่เคยให้เขาร่ำรวย ทดสอบเขาอยู่ตลอดเวลาให้เขาอดทน
ให้เขาอดกลั้น
ให้เขาเลือกเส้นทางระหว่างถูกหรือผิด เขาไม่หลงกลแยบยลใดๆเหล่านั้นหรอก
เขาต้องผ่านการทดสอบจากจิตสำนึกชั่วร้ายหรือดีงาม
ชีวิตเขาไม่ได้หยุดแค่กระกระทำในชาติเดียว
เขาเลือกที่จะทำสิ่งดีเพราะนี่เป็นบททดสอบว่าจะก้าวผ่านไปถึงภพหน้า
และสรุปในภพนั้นว่าเขาจะเป็นอย่างไร
เพราะฉะนั้น บททดสอบทุกบท
ที่แฝงเล่ห์กลใดๆไม่สามารถชนะเขาได้
พระเจ้าเองนั่นแหละ
ที่ต้องทดแทนบางสิ่งชดเชยบททดสอบหนักๆที่ให้เขาเผชิญ
ด้วยการส่งเอินมาให้เขา เอินที่แสนงดงามทั้งใจกาย แต่ไม่เคยมีแฟน.... .
..ยังมีอยู่อีกหรือ ในโลกใบนี้
ที่พระเจ้าจะเก็บคนงดงามคนนี้ไว้เพื่อเขาจริงๆ เขาแทบไม่เชื่อ..
.หรือว่านี่คือบทหนึ่งของความเมตตาที่พระเจ้า
ต้องการให้รางวัลกับเขาจึงมีสิ่งมหัศจรรย์ใจให้ฉงนได้ปานนี้
คนงดงามมากๆที่ใครๆก็มารุมรัก ตามรัก
ทำทุกวิถีทางมาเป็นปีๆเพื่อจะได้รับรักจากเอิน แต่ใจดวงนั้นนิ่งเฉย
ไม่เคยรู้สึกกับใครคนไหนมาก่อนในวัย22 ปีที่แสนบอบบางเหมือนดอกไม้ผลิแย้ม
เอินไม่เคยรักใคร ไม่เคยมีใครเข้าถึง ....
.พระเจ้าขีดเส้นทางไว้ถูกต้องแล้ว
คนอย่างเขาเหมาะกับสิ่งงดงามนี้ที่สุด
ให้ความร่ำรวยแก่เขาก็ไม่ถูกใจเท่าให้คนงดงาม คนแสนดี
พระเจ้าเลือกชดเชยได้ถูกต้อง
เขาตื้นตันใจเมื่อขับรถหนีจากเอินมาครั้งนั้น..
.เขาอยากกลับถึงบ้านในไวที่สุด
เขาอยากฝัน....
........................
รอยยิ้มติดอยู่บนริมฝีปากและดวงตา ฉาบทาอยู่อย่างนั้นทุกวินาที
ที่ เขาฝันถึงร่างบางๆแก้มใส
และความหวังรุ่งโรจน์ก็ปะทุขึ้นอีกครั้งในชีวิต...
เขารู้ นี่แหละคือจุดหมายปลายทางที่เขาเดินมาถึง....
...................... ...........................
เขาไม่เคยคิดทิ้งแป้ง
แต่ความห่างไกลทั้งระยะทางและความเป็นไปไม่ได้ในชีวิต
ที่แป้งมีสามีอยู่ร่วมบ้าน
ก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่า พระเจ้าคงรับรู้ถ้าเขายังเดินทางเดิม
ไม่ใช่ทางที่ถูกต้องกับการไปมีสัมพันธ์กับภรรยาของใคร
จึงรีบนำของขวัญมาให้เขาในช่วงเวลาที่พอเหมาะกับการก้าวเดิน
เขาไม่ใช่คนที่ทำร้ายใครได้อย่างไม่รู้สึกรับรู้ความเจ็บปวด
แต่สิ่งนี้พระเจ้าเท่านั้นที่มองเห็น...
แป้งรับรู้ และกว่าจะยอมรับได้ก็เจ็บปวดจนเขารู้สึกถึงความสูญเสีย ของแป้ง
ถ้าแบ่งภาคได้ เขาอยากชดใช้ทุกอย่างเพื่อแบกรับความเจ็บช้ำนั้น
แต่เขาทำได้ดีที่สุด คือความเป็นพี่ เป็นเพื่อนที่เข้าใจ
และพร้อมจะอยู่เคียงข้างถ้าแป้งยังต้องการ แต่แป้งบอกว่า
แป้งรับไม่ได้
ความรู้สึกมันเปราะบางเกินกว่าจะหลับตาแล้วไม่เห็นภาพคนที่แป้งรัก อยู่กับคนอื่น....
ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ
แต่บางครั้งเขาต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุด เลือกทำในสิ่งที่เป็นจริงที่สุด
ในเมื่อการมีแป้งอยู่ในชีวิตเสี่ยงอันตรายเกินไป
ครอบครัวเขาก็ห่วงว่าวันหนึ่งสามีแป้งอาจทำร้ายเขา
แม่ของเขา รักเขายิ่งกว่าอะไร
เขาเป็นน้องคนเล็กที่ยังไม่แต่งงาน ที่อยู่ไกลจากพ่อแม่พี่น้อง
การใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคน ครอบครัวเขาต้องรับรู้
เพื่อจะไม่ห่วงใยเขามาก
แต่ระหว่างเขากับแป้งสร้างความเป็นห่วงให้กับแม่มากที่สุด
เพราะเกรงสามีแป้งจะทำอันตราย แม้ว่าแป้งพร้อมจะหย่า แต่สามีก็ไม่ยอมหย่า
.....เขาก็ต้องเลือกในเส้นทางที่ดีที่สุด
ที่แม้แต่พระเจ้าก็เลือกเวลาที่จะให้เขาเดินจาก..
..แป้งคงเข้าใจ....เขาไม่ได้ทิ้งแป้งเพราะคนอื่น
แต่เพราะจังหวะชีวิตทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง...
แป้งอยู่ในความรู้สึกดีดีของเขาเสมอ ถ้าแป้งรับรู้....
............
กับเอินนั้นเมื่อพบกันอีกครั้ง
ความสนิทที่เกิดขึ้นจากภายในมากมายเกินกว่าจะทำให้ขับรถหนีได้อีก
เมื่อเอาหนังสือไปวางไว้ให้ตรงเสาไฟฟ้าริมรั้วบ้านครั้งที่สอง
เอินเดินช้าๆแบบไม่มั่นใจว่าจะเก้ออีกครั้ง
จริงๆเขายังอยากขับรถหนี แต่ใจเขาไม่อยากหนีอีกแล้ว เขาหนีไม่ลง
และเขาไม่อยากทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาหาแบบกลัวๆกล้าๆว่าจะเก้อเหมือนครั้งแรก
ต้องเก้อเป็นครั้งที่สอง
เขาสงสาร .....
เอินมาถึงข้างประตูเขาเอื้อมมือไปเปิด
เสียงร่ำร้องเรียกพระเจ้าอื้ออึงอยู่ในใจ..ดวง.ตาเขาคงส่องประกายเจิดจ้า
เขาขอบคุณพระเจ้า ในใจเขาคิดวนเวียนถึงแต่พระเจ้าเหมือนคนคิดอะไรไม่ออก
เอินเก้อเขินจนแก้มใสๆเปล่งประกายชมพูระเรื่อ
เมื่อเข้ามาเจอเขาครั้งแรกในรถ
แสงสว่างในเวลาทุ่มเศษๆปิดบังดวงตาระยิบของเขาได้บางส่วน
เขาแทบจะกลั้นหายใจ เขาแทบจะเก็บความสั่นไหวไว้ไม่ได้
เมื่อเห็นดวงหน้าอ่อนวัยนั้นชัดๆ
เขาบอกตัวเองซ้ำๆไปมา คนนี้แหละ
ใช่ที่สุด..
.ถ้าชีวิตนี้เขายอมปล่อยให้เอินหลุดรอดไปจากชีวิต
เขาจะโทษตัวเองให้ถึงที่สุด ..
...ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเดินมายาวนานเพื่อจะเจอ ใครสักคนที่แรกเห็นก็รู้ว่าใช่...
เขาช่างโชคดีได้เป็นหนึ่งในหลายล้านคนที่เดินทางมาถึงจุดหมายแห่งรัก และได้พบเจอจริงๆ
ยิ่งตอกย้ำความเชื่อ การทำดีได้ดีมากขึ้น..
. เขาเชื่อว่าพระเจ้าตอบแทนเขาแล้วจริงๆ...
เขามองเอินนิ่งๆในแสงสลัวของพระจันทร์ลิบๆและพุ่มไม้ไหวๆที่จอดรถแอบไว้ริมทาง
ไม่รู้ว่าดวงตาเขายิ้มแค่ไหน รู้แต่หัวใจอิ่มเอมกับการพบเจอ
มือไม้คงเป็นไปโดยอัตโนมัติที่เอื้อมคว้าร่างบางมากอดง่ายๆเหมือนไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร
กระแสความคิดถึงกรุ่นอวลจนไม่อาจบังคับได้สักอย่าง
โลกเหมือนหยุดนิ่งให้คนสองคนกอดกัน ...
.เขากอดเอินเบาๆ แค่พอที่จะเอื้อมแขนไปกอดได้
ที่ไม่กว้างในรถทำให้กอดไม่เต็มอ้อมโอบ
แต่เขารับรู้ถึงแรงตอบรับโอนอ่อนและเต็มใจ
ไม่มีการพูดคุยใดๆสักคำเดียวเมื่อโดยอัตโนมัติที่เขาซุกหน้าลงไปซบซอกไหล่
หอมกลิ่นเสื้อแตะจมูก กลิ่นอ่อนๆของน้ำยาปรับผ้านุ่มแบบที่เขาชอบ
ร่างอุ่นๆและมือเล็กๆที่กอดตอบกลับ
เหมือนเขาได้กอดโลกทั้งโลกไว้ในอ้อมแขน
โลกช่างเล็กนิดเดียวเมื่อความรักถูกถ่ายทอดให้กับคนที่ใช่...
อย่างช้าๆที่เขาเคลื่อนจมูกไปซุกกลิ่นเนื้อตรงลำคอขาวเนียน
กลิ่นหอมอ่อนๆของเหงื่อที่ค่อยๆซึมเพราะแรงเต้นของหัวใจ ช่างน่าสัมผัส
หัวใจเขาเหมือนได้รับสิทธิพิเศษให้ทุกอย่างในกายเคลื่อนไหวอย่างเนิบช้า
อ่อนโยนและแผ่วเบา
ริมฝีปากบางนุ่มนิ่มเหมือนปากทารกทำให้เขายิ่งลดแรงสัมผัส
เขาหลงรักริมฝีปากที่ค่อยๆอุ่นขึ้นทีละนิด
ละเมียดละเลียดอยู่ตรงปลายลิ้น
กลิ่นหอมอ่อนของลมหายใจผสมผสานอยู่ใกล้เสียจนไม่อยากปล่อยให้ล่องลอยไปจาก.
.ผิวเนียนนุ่มในดวงหน้าแนบชิดยิ่งรู้สึกถึงมนต์ขลังของแรงเบียด
บางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายใน...จนเขาต้องผละออก...
เอินเงยหน้ามองเขานิดๆ
ริมปากยังแดงจัดจนเข้าโน้มตัวลงไปสัมผัสเบาๆอีกครั้ง
ไม่รู้ความกลัวจนขับรถหนีครั้งแรกหายไปไหนหมด เหลือไว้แต่ความมั่นใจ
และความรักมากมายที่ถ้อยคำใดๆก็ไม่อาจเปรียบเทียบบอกเล่าถึงความรู้สึกปรี่ล้นขณะนั้นได้
เขาเหมือนคนมีพลังอำนาจที่กล้าจะทำทุกสิ่งแค่ได้มองเห็นคนคนนี้อยู่ตรงหน้า
แทบจะจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง จำได้ว่าพูดกันน้อยมาก
มองหน้าและดวงตาคงคุยกันภายใต้แสงสลัวของยามค่ำคืน
เขาขับรถกลับเหมือนล่องลอยอยู่ในสวรรค์
และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะหยุดรอยยิ้มได้
เขายิ้มไม่ยอมหุบจนถึงบ้าน
หัวใจเหมือนได้รับพลังวิเศษจนไม่รู้จักคำอื่นใดนอกเหนือจากอิ่มเอม
ต้นไม้ใบหญ้า นกกา สิ่งเคลื่อนไหวไปมาทุกชนิดแม้แต่ตึกรามบ้านช่อง
ดูสวยงามจนเขาส่งยิ้มให้เรื่อยๆ
เป็นยิ้มที่หวานแน่ๆถ้าเขาส่องกระจกเห็นตัวเอง
เขาไม่เคยยิ้มอย่างนี้มานานแล้ว
จนบางทีเคยคิดว่า เขาไม่รู้แล้วว่ารอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจเป็นอย่างไร
เอินทำให้เขารู้สึกว่าเมื่อหัวใจยิ้ม
ไม่มีแรงต้านทานใดจะห้ามริมฝีปากไม่ให้ยิ้มออกมาได้....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น