ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เพื่อนทางจดหมาย ดอกไม้และสายลม

    ลำดับตอนที่ #10 : เขาไม่เคยยิ้มอย่างนี้มานานแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 13 ก.ค. 49


    แป้งรักเขามากเขารู้  --
     เขาสามารถสัมผัสความรู้สึกดีดีเหล่านี้ได้จากทุกคน
     ใครรู้สึกกับเขาหรือไม่--ไม่ต้องบอกด้วยถ้อยคำ เขาก็รู้สึกได้ 
     ความรู้สึกเขาไม่เคยผิด เขามีเซ้นส์เรื่องนี้
      เหมือนในระหว่างที่เขามีแป้งอยู่ไกลๆนั้นเขาก็มีเอินเข้ามา...
     
     
     
     เอิน...
     สาวน้อยหน้าใสที่เขาไม่เคยคิดว่าจะเดินเข้ามาในชีวิตเขาเหมือนง่ายๆ
      แค่ชื่อ อ อ่าง ก็สะดุดใจเขาแต่แรก
     เขาคิดไปถึงเอย  เพื่อนทางจดหมายคนแรกที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำอ่อนโยน
      ไม่มีวันไหนที่เขาจะลืมเอยได้ ไม่ว่าใครๆผ่านเข้ามาในชีวิตอีกกี่สิบคน
      เอยก็คงอยู่ในความรู้สึกดีดี พิเศษ และอบอวลด้วยอารมณ์สารพัดเมื่อนึกถึง..
     
     
     เขาเจอเอินครั้งแรกยังเรียกชื่อผิดๆถูกๆ เขามักเรียกเป็นเอย... เอย  และเอย
      เอินมักยิ้มเมื่อเขาเรียกชื่อผิดๆเพราะเอินรับรู้ทุกเรื่องราวในชีวิต
      เขาไม่เคยปิดบังความจริงกับใครๆที่เข้ามา เขาโกหกไม่เป็น
     
     
     เอินจึงรู้ทุกอย่าง และเป็นคนเดียวที่สัมผัสความนึกคิดเขาโดยไม่ต้องพูดคุย
      จนใครๆก็บอกว่า เหมือนเป็นคู่แฝด  แค่คิดเอินก็รู้ว่าจะทำอะไร จะพูดประโยคไหน
      เพราะคนบางคนเกิดมาเพื่อจะเป็นมากกว่าคนพิเศษ...
     
     
     แรกเจอหน้าเอิน บนถนนหน้าบ้านที่เขานำหนังสือไปวางไว้ให้
      เขาไม่กล้าลงจากรถ เขาแอบมองสาวน้อยร่างโปร่งมาหยิบหนังสือ
     ใจเขาตื่นระรัว เมื่อเอินมองมาและคล้ายจะเดินเข้ามาหาที่รถ
      เขารีบขับรถหนี เขาสั่นจนเลี้ยวผิดทางกลับบ้าน
     
     
     เอินงดงามมากกว่าที่เคยจินตนาการ เขาคุยทางโทรศัพท์กับเอินแค่อาทิตย์เดียว
      เขาหลงน้ำเสียงนุ่มนวล
     เขาคุยเมลกับเอินแค่ไม่กี่สิบเมล เขาสัมผัสถึงความจริงใจในตัวอักษรเพียงไม่กี่บรรทัด
     เขาสัมผัสอะไรง่ายๆ
     แต่เขาไม่เคยคิดว่า คนงดงามทั้งกายใจยังหลงเหลือเพื่อให้เขาพบเจอ ... พระเจ้า....
     
     
     พระเจ้าคงเก็บสิ่งงดงามนี้ไว้เพื่อเป็นรางวัลให้คนช่างฝันอย่างเขาแน่แท้ 
     เขาคิดได้แค่นี้จริงๆเมื่อแรกเห็นเอิน
     เขาเชื่อว่าพระเจ้า หรือสวรรค์เบื้องบนมีจริง
      พระเจ้าคงอยากตอบแทนคนทำดี  เขาไม่ใช่คนดี เขาเพียงแต่เชื่อในความดี
      และพยายามจะทำแต่สิ่งดีดี
     เขาเชื่อว่าสวรรค์มีตาที่จะมองเห็นการกระทำของทุกคน  
     เขาไม่กล้าทำสิ่งผิดๆสิ่งที่ทำร้ายคนอื่นๆ
      บางครั้งความคิดก็แวบเข้ามาในใจ แต่แค่นั้นเขาก็รีบสลัดทิ้ง
      เขารู้ว่าสิ่งเลวร้ายแค่ผ่านเข้ามาสู่ใจ-ก็ตกต่ำแล้ว
       เพราะใจคือแหล่งนำทางของการกระทำทั้งหลาย
      จริงๆแล้วใจสำคัญกว่าการกระทำ  เพราะถ้าทำดีแต่ใจคิดตรงข้าม
      ปากพูดดีแต่ใจคิดอีกอย่าง  ก็ไม่ถือว่าเป็นคนดี
     
       คนดีในความคิดเขา คือดีจากข้างใน
      คิดดีแต่จะทำดีหรือเปล่าอยู่ที่โอกาสจะเอื้อให้ทำได้แค่ไหน 
      เขาเชื่อว่า พระเจ้ารับรู้ในสิ่งที่เขาเป็น     แม้บางครั้งเขาจะไม่ได้ทำดี อย่างที่คิด 
      ....อย่างเช่น เขาเห็นคนยากจน เขาอยากช่วย  ใจเขาหม่นหมองเหลือเกินที่ช่วยไม่ได้
      พระเจ้าก็ควรรับรู้ว่าทำไมเขาช่วยไม่ได้
     
     เพราะพระเจ้าไม่เคยให้เขาร่ำรวย ทดสอบเขาอยู่ตลอดเวลาให้เขาอดทน 
    ให้เขาอดกลั้น
      ให้เขาเลือกเส้นทางระหว่างถูกหรือผิด  เขาไม่หลงกลแยบยลใดๆเหล่านั้นหรอก 
      เขาต้องผ่านการทดสอบจากจิตสำนึกชั่วร้ายหรือดีงาม 
     
     
      ชีวิตเขาไม่ได้หยุดแค่กระกระทำในชาติเดียว
       เขาเลือกที่จะทำสิ่งดีเพราะนี่เป็นบททดสอบว่าจะก้าวผ่านไปถึงภพหน้า
     และสรุปในภพนั้นว่าเขาจะเป็นอย่างไร
      เพราะฉะนั้น บททดสอบทุกบท
     ที่แฝงเล่ห์กลใดๆไม่สามารถชนะเขาได้  
      พระเจ้าเองนั่นแหละ
     ที่ต้องทดแทนบางสิ่งชดเชยบททดสอบหนักๆที่ให้เขาเผชิญ
      ด้วยการส่งเอินมาให้เขา  เอินที่แสนงดงามทั้งใจกาย แต่ไม่เคยมีแฟน....  .
     
     
     ..ยังมีอยู่อีกหรือ  ในโลกใบนี้
     ที่พระเจ้าจะเก็บคนงดงามคนนี้ไว้เพื่อเขาจริงๆ   เขาแทบไม่เชื่อ..
     .หรือว่านี่คือบทหนึ่งของความเมตตาที่พระเจ้า
     ต้องการให้รางวัลกับเขาจึงมีสิ่งมหัศจรรย์ใจให้ฉงนได้ปานนี้
     
      คนงดงามมากๆที่ใครๆก็มารุมรัก ตามรัก
     ทำทุกวิถีทางมาเป็นปีๆเพื่อจะได้รับรักจากเอิน   แต่ใจดวงนั้นนิ่งเฉย
     ไม่เคยรู้สึกกับใครคนไหนมาก่อนในวัย22 ปีที่แสนบอบบางเหมือนดอกไม้ผลิแย้ม
       เอินไม่เคยรักใคร  ไม่เคยมีใครเข้าถึง  ....
     
     .พระเจ้าขีดเส้นทางไว้ถูกต้องแล้ว
     คนอย่างเขาเหมาะกับสิ่งงดงามนี้ที่สุด
      ให้ความร่ำรวยแก่เขาก็ไม่ถูกใจเท่าให้คนงดงาม คนแสนดี
       พระเจ้าเลือกชดเชยได้ถูกต้อง 
     เขาตื้นตันใจเมื่อขับรถหนีจากเอินมาครั้งนั้น..
     .เขาอยากกลับถึงบ้านในไวที่สุด
      เขาอยากฝัน....
     ........................
     
     
     รอยยิ้มติดอยู่บนริมฝีปากและดวงตา ฉาบทาอยู่อย่างนั้นทุกวินาที 
     ที่ เขาฝันถึงร่างบางๆแก้มใส
      และความหวังรุ่งโรจน์ก็ปะทุขึ้นอีกครั้งในชีวิต... 
      เขารู้  นี่แหละคือจุดหมายปลายทางที่เขาเดินมาถึง....
     ......................   ...........................
     
     
     เขาไม่เคยคิดทิ้งแป้ง
      แต่ความห่างไกลทั้งระยะทางและความเป็นไปไม่ได้ในชีวิต
     ที่แป้งมีสามีอยู่ร่วมบ้าน
     ก็ทำให้เขาเริ่มรู้สึกว่า  พระเจ้าคงรับรู้ถ้าเขายังเดินทางเดิม
      ไม่ใช่ทางที่ถูกต้องกับการไปมีสัมพันธ์กับภรรยาของใคร
      จึงรีบนำของขวัญมาให้เขาในช่วงเวลาที่พอเหมาะกับการก้าวเดิน
       เขาไม่ใช่คนที่ทำร้ายใครได้อย่างไม่รู้สึกรับรู้ความเจ็บปวด
      แต่สิ่งนี้พระเจ้าเท่านั้นที่มองเห็น...
     
     
     แป้งรับรู้ และกว่าจะยอมรับได้ก็เจ็บปวดจนเขารู้สึกถึงความสูญเสีย ของแป้ง
      ถ้าแบ่งภาคได้  เขาอยากชดใช้ทุกอย่างเพื่อแบกรับความเจ็บช้ำนั้น
     แต่เขาทำได้ดีที่สุด คือความเป็นพี่ เป็นเพื่อนที่เข้าใจ
      และพร้อมจะอยู่เคียงข้างถ้าแป้งยังต้องการ   แต่แป้งบอกว่า
     แป้งรับไม่ได้
      ความรู้สึกมันเปราะบางเกินกว่าจะหลับตาแล้วไม่เห็นภาพคนที่แป้งรัก อยู่กับคนอื่น....
     
     
     ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ
      แต่บางครั้งเขาต้องทำในสิ่งที่ดีที่สุด เลือกทำในสิ่งที่เป็นจริงที่สุด
      ในเมื่อการมีแป้งอยู่ในชีวิตเสี่ยงอันตรายเกินไป
      ครอบครัวเขาก็ห่วงว่าวันหนึ่งสามีแป้งอาจทำร้ายเขา
      แม่ของเขา รักเขายิ่งกว่าอะไร
     เขาเป็นน้องคนเล็กที่ยังไม่แต่งงาน  ที่อยู่ไกลจากพ่อแม่พี่น้อง 
     การใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคน  ครอบครัวเขาต้องรับรู้
     เพื่อจะไม่ห่วงใยเขามาก  
     แต่ระหว่างเขากับแป้งสร้างความเป็นห่วงให้กับแม่มากที่สุด
      เพราะเกรงสามีแป้งจะทำอันตราย   แม้ว่าแป้งพร้อมจะหย่า แต่สามีก็ไม่ยอมหย่า  
     .....เขาก็ต้องเลือกในเส้นทางที่ดีที่สุด
     ที่แม้แต่พระเจ้าก็เลือกเวลาที่จะให้เขาเดินจาก..
     ..แป้งคงเข้าใจ....เขาไม่ได้ทิ้งแป้งเพราะคนอื่น
      แต่เพราะจังหวะชีวิตทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง...
     
     แป้งอยู่ในความรู้สึกดีดีของเขาเสมอ  ถ้าแป้งรับรู้....
     
     ............
     
     
     
     
     กับเอินนั้นเมื่อพบกันอีกครั้ง
      ความสนิทที่เกิดขึ้นจากภายในมากมายเกินกว่าจะทำให้ขับรถหนีได้อีก
     เมื่อเอาหนังสือไปวางไว้ให้ตรงเสาไฟฟ้าริมรั้วบ้านครั้งที่สอง
      เอินเดินช้าๆแบบไม่มั่นใจว่าจะเก้ออีกครั้ง
     
     
     จริงๆเขายังอยากขับรถหนี แต่ใจเขาไม่อยากหนีอีกแล้ว เขาหนีไม่ลง
     และเขาไม่อยากทำให้คนที่กำลังเดินเข้ามาหาแบบกลัวๆกล้าๆว่าจะเก้อเหมือนครั้งแรก
     ต้องเก้อเป็นครั้งที่สอง
     เขาสงสาร  .....
     
     
     เอินมาถึงข้างประตูเขาเอื้อมมือไปเปิด 
     เสียงร่ำร้องเรียกพระเจ้าอื้ออึงอยู่ในใจ..ดวง.ตาเขาคงส่องประกายเจิดจ้า
     เขาขอบคุณพระเจ้า   ในใจเขาคิดวนเวียนถึงแต่พระเจ้าเหมือนคนคิดอะไรไม่ออก
     เอินเก้อเขินจนแก้มใสๆเปล่งประกายชมพูระเรื่อ
     เมื่อเข้ามาเจอเขาครั้งแรกในรถ  
     แสงสว่างในเวลาทุ่มเศษๆปิดบังดวงตาระยิบของเขาได้บางส่วน
      เขาแทบจะกลั้นหายใจ เขาแทบจะเก็บความสั่นไหวไว้ไม่ได้
      เมื่อเห็นดวงหน้าอ่อนวัยนั้นชัดๆ 
     เขาบอกตัวเองซ้ำๆไปมา คนนี้แหละ
     ใช่ที่สุด..
     .ถ้าชีวิตนี้เขายอมปล่อยให้เอินหลุดรอดไปจากชีวิต
      เขาจะโทษตัวเองให้ถึงที่สุด  ..
     
     
     
     ...ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเดินมายาวนานเพื่อจะเจอ  ใครสักคนที่แรกเห็นก็รู้ว่าใช่...
     เขาช่างโชคดีได้เป็นหนึ่งในหลายล้านคนที่เดินทางมาถึงจุดหมายแห่งรัก และได้พบเจอจริงๆ
     ยิ่งตอกย้ำความเชื่อ การทำดีได้ดีมากขึ้น..
     . เขาเชื่อว่าพระเจ้าตอบแทนเขาแล้วจริงๆ...
     
     
     
     เขามองเอินนิ่งๆในแสงสลัวของพระจันทร์ลิบๆและพุ่มไม้ไหวๆที่จอดรถแอบไว้ริมทาง 
     ไม่รู้ว่าดวงตาเขายิ้มแค่ไหน รู้แต่หัวใจอิ่มเอมกับการพบเจอ
      มือไม้คงเป็นไปโดยอัตโนมัติที่เอื้อมคว้าร่างบางมากอดง่ายๆเหมือนไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร
      กระแสความคิดถึงกรุ่นอวลจนไม่อาจบังคับได้สักอย่าง
      โลกเหมือนหยุดนิ่งให้คนสองคนกอดกัน ...
     
     
     .เขากอดเอินเบาๆ แค่พอที่จะเอื้อมแขนไปกอดได้ 
     ที่ไม่กว้างในรถทำให้กอดไม่เต็มอ้อมโอบ
     แต่เขารับรู้ถึงแรงตอบรับโอนอ่อนและเต็มใจ
      ไม่มีการพูดคุยใดๆสักคำเดียวเมื่อโดยอัตโนมัติที่เขาซุกหน้าลงไปซบซอกไหล่
     หอมกลิ่นเสื้อแตะจมูก กลิ่นอ่อนๆของน้ำยาปรับผ้านุ่มแบบที่เขาชอบ
      ร่างอุ่นๆและมือเล็กๆที่กอดตอบกลับ
     เหมือนเขาได้กอดโลกทั้งโลกไว้ในอ้อมแขน 
     โลกช่างเล็กนิดเดียวเมื่อความรักถูกถ่ายทอดให้กับคนที่ใช่...
     
     
     อย่างช้าๆที่เขาเคลื่อนจมูกไปซุกกลิ่นเนื้อตรงลำคอขาวเนียน
      กลิ่นหอมอ่อนๆของเหงื่อที่ค่อยๆซึมเพราะแรงเต้นของหัวใจ ช่างน่าสัมผัส
     หัวใจเขาเหมือนได้รับสิทธิพิเศษให้ทุกอย่างในกายเคลื่อนไหวอย่างเนิบช้า
     อ่อนโยนและแผ่วเบา
     
     ริมฝีปากบางนุ่มนิ่มเหมือนปากทารกทำให้เขายิ่งลดแรงสัมผัส
      เขาหลงรักริมฝีปากที่ค่อยๆอุ่นขึ้นทีละนิด
     ละเมียดละเลียดอยู่ตรงปลายลิ้น
      กลิ่นหอมอ่อนของลมหายใจผสมผสานอยู่ใกล้เสียจนไม่อยากปล่อยให้ล่องลอยไปจาก.
     .ผิวเนียนนุ่มในดวงหน้าแนบชิดยิ่งรู้สึกถึงมนต์ขลังของแรงเบียด
     บางสิ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายใน...จนเขาต้องผละออก...
     
     เอินเงยหน้ามองเขานิดๆ
     ริมปากยังแดงจัดจนเข้าโน้มตัวลงไปสัมผัสเบาๆอีกครั้ง
      ไม่รู้ความกลัวจนขับรถหนีครั้งแรกหายไปไหนหมด เหลือไว้แต่ความมั่นใจ
     และความรักมากมายที่ถ้อยคำใดๆก็ไม่อาจเปรียบเทียบบอกเล่าถึงความรู้สึกปรี่ล้นขณะนั้นได้
      เขาเหมือนคนมีพลังอำนาจที่กล้าจะทำทุกสิ่งแค่ได้มองเห็นคนคนนี้อยู่ตรงหน้า
     แทบจะจำไม่ได้ว่าพูดอะไรออกไปบ้าง  จำได้ว่าพูดกันน้อยมาก
      มองหน้าและดวงตาคงคุยกันภายใต้แสงสลัวของยามค่ำคืน
     
     เขาขับรถกลับเหมือนล่องลอยอยู่ในสวรรค์
       และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะหยุดรอยยิ้มได้
      เขายิ้มไม่ยอมหุบจนถึงบ้าน 
      หัวใจเหมือนได้รับพลังวิเศษจนไม่รู้จักคำอื่นใดนอกเหนือจากอิ่มเอม
     ต้นไม้ใบหญ้า นกกา สิ่งเคลื่อนไหวไปมาทุกชนิดแม้แต่ตึกรามบ้านช่อง
     ดูสวยงามจนเขาส่งยิ้มให้เรื่อยๆ 
     เป็นยิ้มที่หวานแน่ๆถ้าเขาส่องกระจกเห็นตัวเอง
     
     
     เขาไม่เคยยิ้มอย่างนี้มานานแล้ว
      จนบางทีเคยคิดว่า เขาไม่รู้แล้วว่ารอยยิ้มที่ออกมาจากหัวใจเป็นอย่างไร
     เอินทำให้เขารู้สึกว่าเมื่อหัวใจยิ้ม
     ไม่มีแรงต้านทานใดจะห้ามริมฝีปากไม่ให้ยิ้มออกมาได้....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×