คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
บทนำ สู่โลกใบใหม่
ปี คริสตศักราช 2060 โลกได้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ คร่าชีวิตมนุษย์ทั่วโลกไปกว่า 80 % ของจำนวนมนุษย์ทั้งโลก มนุษย์ที่เหลือ หมดสิทธิ์ที่จะฟื้นฟูสภาพบ้านเมืองให้กลับมาเป็นดังเดิมได้ ทุกสิ่งทุกอย่าง กลับคืนสู่ธรรมชาติ พื้นบกตกไปอยู่ใต้การปกครองของสัตว์บกที่แข็งแกร่งที่สุด ใต้น้ำ เต็มไปด้วยสัตว์น้ำที่พร้อมจะทวงคืนความเป็นอิสรภาพจากมนุษย์ มนุษย์ไร้ทางสู้ นับวันยิ่งผ่านไปนานมากขึ้น สัตว์ทั้งหลายได้แปรสภาพตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเก่า จากหนูร่างเล็ก กลายเป็นสัตว์ร่างใหญ่ ขนาดเท่าสิงโต จากสิงโต กลายเป็น สัตว์คมเขี้ยวมหึมา ขนาดเท่าช้างแอฟริกัน แม้แต่นกกระจิบตัวเล็กๆก็กับกลายเป็นดังอินทรีย์ที่ผงาดอยู่กลางนภา มนุษย์ที่เหลือต้องใช้ชีวิต ด้วยสมองและความคิดที่ยังอยู่เหนือสัตว์พวกนั้น ไม่ว่าจะเป็น การหาที่พักอาศัยให้ห่างไกลจากพวกสัตว์ และการออกไปหาอาหาร และด้วยความช่างคิดช่างสงสัยของคน หรือจะเรียกว่า ปฏิกิริยาการเอาตัวรอดของมนุษย์ก็ว่าได้ 100 ปีต่อจากนั้น มนุษย์ได้ค้นพบแร่ ชนิดหนึ่ง สามารถดึงพลังจากร่างกายมนุษย์ออกมา แล้วแปรสภาพเป็นอีกพลังหนึ่ง แร่ชนิดนี้ จะมีสภาพแตกต่างกันไปเมื่ออยู่กับคนแต่ละคน มนุษย์เรียกสิ่งนี้ว่า แร่อภินิหาร มนาย์สามารถที่จะใช้พลังจากแร่อภินิหารได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะแปรเปลี่ยนพลังเป็น สายน้ำ คมมีดจากลม บอลไฟ หรือแม้แต่สร้างภูเขาลูกใหญ่ลูกใหม่ขึ้นมาได้ มนุษย์ได้ใช้พลังเหล่านั้นเพื่อปกป้องตัวเอง และครอบครัว จากสัตว์ร้ายทั้งหลาย และทำให้ สามารถสร้างหมู่บ้านที่มนุษย์จะอยู่อย่างปลอดภัยขึ้นมาได้ นับวัน มนุษย์เริ่มจะค้นคว้าพลังของแร่อภินิหารนี้ได้มากขึ้น ทำให้มนุษย์ขยายที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ความเป็นอยู่ดีขึ้น เริ่มมีบ้านที่ทำจากหิน เรียงรายเป็นแถวแนว มากขึ้น และมนุษย์ก็ได้คิดค้นวิธีใช้พลังจากแร่อภินิหารให้สะดวกกว่าเดิม นั่นคือการ ฝังมันให้เข้าเป็นเซลล์เดียวกับร่างกาย มนุษย์ทุกคน ได้รับการฝังแร่อภินิหารเข้าในร่างของทุกคน ทำให้สามารถใช้พลังได้อย่างใจคิด ทำให้สามารถสู้กับอันตรายจากพวกสัตว์ได้ดียิ่งขึ้น แล้วมนุษย์ก็ได้ทวงพื้นที่จากสัตว์เหล่านั้นคืนมาได้ถึง 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมดบนโลก และความพัฒนาต่างๆก็เข้ามาสู่มวลมนุษย์อีกครั้ง
ปี คริสตศักราช 2256 ผ่านมา กว่าร้อยห้าสิบปี ที่มนุษย์สามารถใช้พลังจากสิ่งที่เรียกว่า แร่อภินิหารทำให้มนุษย์ชิงเขตแดนจากสัตว์ร้ายคืนมาได้ ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา ได้เกิดความพัฒนาต่างๆเพิ่มขึ้นมามากมาย เริ่มมีบ้านหลังใหญ่ เรียงรายเป็นแถว ปราสาททั้งหลาย มีการใช้พลังงานจากลมสร้างไฟฟ้า เริ่มมีวัฒนธรรม วัด โบสถ์ กลับมาเป็นเหมือนดังโลกยุคก่อนภัยพิบัติ และมนุษย์รุ่นหลังจากการค้นพบแร่อภินิหาร ก็สามารถใช้พลังพวกนั้นได้โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาแร่อีกแล้ว เนื่องจากเมื่อมนุษย์รุ่นแรกฝังแร่ลงไปในร่างกาย ทำให้แร่อภินิหารกลายเป็นเซลล์ในร่างกาย และเซลล์จากแร่ก็ได้ทำการพัฒนาตัวในร่างกายของมนุษย์เหล่านั้นเหมือนกับเซลล์ทั่วไปในร่างกายมนุษย์ที่พัฒนาอยู่เรื่อยๆ และเมื่อพวกเค้ามีทายาท ทายาทของเค้าก็สามารถใช้พลังนั้นได้เหมือนกับพ่อแม่ เนื่องจาก เซลล์เหล่านั้นได้กลายเป็นเหมือนกรรมพันธ์ ที่สืบทอดรุ่นต่อรุ่น
ปี คริสตศักราช 2300 มนุษย์มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนแยกเมืองถิ่นฐานทั้งหมดที่มนุษย์ครอบครองอยู่ ออกเป็น 5ส่วน เป็นเมืองส่วนเหนือ เมืองส่วนตะวันออก เมืองส่วนตะวันตก เมืองส่วนใต้ และเมืองส่วนกลาง ซึ่งเป็นศูนย์รวมของเมืองทุกส่วน และเป็นที่ตั้งของปราสาทพระราชา และเหล่ากองทหารส่วนกลางที่คอยดูแลประชาชนทั้งหมด และอีกทั้งยังเป็นที่อาศัยของครอบครัวเหล่าวีรชนที่ร่วมกันสร้างเมืองทั้งหมดนี้ขึ้นมา เป็นที่ตั้งของโรงเรียนระดับสูงที่ให้นักเรียนที่จบจากโรงเรียนระดับกลาง ที่เมืองส่วนต่างๆเข้ามาเรียนต่อเพื่อที่จะได้ทำงานในหน้าที่ต่างๆ
**ระดับในที่นี้หมายถึงระดับชั้นของการเรียน เหมือนกับ ชั้นประถม,มัธยม,ป.ตรี
ปีคริสตศักราช 2330
เมืองส่วนตะวันออก
“ขณะนี้เป็นเวลา 08.00น. ขอให้ผู้คนที่ผ่านไปมาบริเวณตลาด หยุดการกระทำสักครู่หนึ่ง เพื่อยืนไว้อาลัยให้กับ วีรบุรุษของพวกเราด้วยค่ะ” เสียงประกาศจากโบสถ์วิคตอรี่ เพื่อให้ประชาชนไว้อาลัยให้กับทหารที่สูญเสียชีวิตไป ในตอนที่ต้องต่อสู้กับสัตว์ร้ายเพื่อแย่งชิงดินแดน “ขอให้ทุกท่านหันหน้าไปทางรูปปั้นของ ท่าน ซีซาร์ ด้วยค่ะ..” เสียงประกาศดังไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้น ทุกคนที่ได้ยินต่างพร้อมใจกันยืนสงบนิ่งเพื่อไว้อาลัย ให้กับเหล่าวีรบุรุษทั้งหลายที่ทำเพื่อประชาชน เว้นแต่.....
“อืม...ฮ้าววว” เสียงงัวเงียจากบ้านหลังหนึ่ง จากบริเวณท้ายตลาด ได้บอกถึงอาการของคนที่เพิ่งจะตื่นนอน “นาฬิกาๆอยู่ไหนเนี่ย..อืม...นี่...แปดโมงแล้วเหรอเนี่ย...พ่อ..แม่..ไปทำงานกันหมดแล้วสินะ ฮ้าวววว” เสียงเอี๊ยดจากเตียงไม้ ดังขึ้น เมื่อเด็กหนุ่มลุกออกจากที่นอนเพื่อที่จะเข้าห้องน้ำ
‘ซ่าา........เอี๊ยด’ เสียงจากก๊อกน้ำดังขึ้น บ่งบอกถึงภารกิจในห้องน้ำที่เสร็จสิ้นแล้ว “เงียบจังแฮะ ไม่ได้ยินเสียงเจ้าพวกเด็กบ้า ในตลาดเลย” เด็กหนุ่มบ่นออกมา พร้อมกับเดินไปตู้เย็นเพื่อที่จะหาอะไรกิน “แม่ทิ้งโน้ตอะไรไว้เนี่ย ?”
‘เอล! แม่ทำสตูว์ไว้ให้อยู่บนโต๊ะอาหาร อุ่นแล้วทานซะนะ แล้วก่อนออกจากบ้านปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยล่ะ อย่าไปสายเชียวนะ วันนี้วันเปิดเทอมวันแรกนะ’
“เปิดเทอม ?” เด็กหนุ่มอ่านแล้วรู้สึกงงงวยกับคำที่แม่ได้ฝากไว้ “เฮ้ย ! วันนี้ชั้นต้องไปโรงเรียนนี่หว่า สายแล้ววว” เด็กหนุ่มนึกขึ้นได้พร้อมกับ กระโจนไปยังตู้เสื้อผ้า เพื่อแต่งตัวไปโรงเรียน “สายแล้วๆ !!!!”
“ไปแล้วนะครับบบ !!” ‘ปัง !’ เสียงเด็กหนุ่มปิดประตูด้วยความเร่งรีบ
โรงเรียนระดับกลางขั้น2 เซนต์ฌองปิแอร์
โรงเรียนแห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากเป็นอันดับต้นๆ ในเมืองส่วนตะวันออก เพราะนักเรียนที่จบจากที่นี่ล้วนแล้วแต่เชี่ยวชาญการใช้พลังกันทุกคน ทำให้โรงเรียนนี้ ได้รับโล่สถาบันการศึกษายอดเยี่ยม จากพระราชาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก โรงเรียนแห่งนี้ ตั้งอยู่บน ภูเขา ห่างจากตลาดที่ติดกับบ้านของเด็กหนุ่ม หรือ อีลิค คริมสัน อาศัยอยู่ ถึง 5 กิโลเมตร เพราะฉะนั้นการเดินเท้ามาที่นี่จึงจำเป็นต้องใช้เวลามาก โดยเฉพาะ ช่วงสุดท้ายก่อนถึงหน้าประตูรั้วโรงเรียน ต้องเจอปราการเนินสูงชัน ระยะทางกว่า 500 เมตร เพื่อจะขึ้นมาถึงโรงเรียนได้
‘ ออดดดด..... ’ เสียงออดดังบอกเวลาเข้าเรียน
“วันนี้เป็นวันเปิดเทอม วันแรกของพวกเรานะคะ นักเรียนทุกคน หวังว่าทุกคนจะมีความกระตือรือร้นในการเรียนนะคะ” อาจารย์ ไวโอเล็ต อาจารย์ประจำชั้นปีแรกของนักเรียนระดับกลางขั้นหนึ่ง กล่าวกับนักเรียนในชั้น
“งั้นเรามาเช็ค สมาชิกในชั้นกันก่อนเลยนะคะ”
“อดัม นีลสัน...เบอร์นาร์ด โจนส์...เอ็ดมัน เอลตัน...อีลิค คริมสัน... อีลิค คริมสัน ไม่มาเหรอ” อาจารย์ไวโอเล็ต ถามด้วยความสงสัย เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากนักเรียน
“มาครับครู แฮ่กๆ” เสียงตอบพร้อมความเหนื่อยอ่อนจากการวิ่งในระยะทาง 5 กิโลเมตร เพื่อมาโรงเรียน แถมต้องวิ่งขึ้นเนินชัน กว่า 500 เมตร ขึ้นมาอีก
“ทำไมถึงมาสายจังล่ะคะ คุณคริมสัน” อาจารย์ไวโอเล็ต ถามด้วยเสียงที่ไม่ค่อยพอใจ เนื่องจากนักเรียนมาสายในวันเปิดเทอมวันแรก
“เอ่อ..คือว่า”ยังไม่ทันที่ อีลิคจะตอบ ก็มีเสียงหัวเราะดังแทรกขึ้นมา
“555 เปิดเทอมวันแรกก็มาสายเลยหรือไงครับ คุณ ชาย เอล”
อีริคหันไปมองต้นเสียงที่ดังมาจากทางหลังห้องของชั้นเรียน เจ้าของเสียงเมื่อสักครู่คือ เด็กหนุ่มรูปร่างพอดี ผมซอยประบา ฟูนิดหน่อย ใส่แว่นกรอบเหลี่ยมสีดำ ถือหนังสือเล่มหนา ที่พอมองดูดีๆ จะรู้ว่าไม่ได้เกี่ยวกับการเรียนเลยซักนิด ท่าทางดูสุขุม กำลังมองมาทางอีริค
“เงียบเถอะน่า เบิร์น ชั้นแค่สับสนวันเปิดเทอมแค่นั้นเอง” อีริคตอบกลับไปด้วย น้ำเสียงอ่อนแรง และเพราะไม่อยากจะสนทนากับปลายเสียงนานๆด้วย
“หืมม สับสนวันงั้นเหรอ ได้ยินคำนี้จากปากนักเรียนดีเด่นตลอดกาลอย่างนายแล้วมันรู้สึกประหลาดนะ ว่ามั้ยเอล 555+” เสียงท่าทีเย้ยหยัน จากทางซ้ายของห้อง เด็กหนุ่มผมตั้งชี้ ผิวสีน้ำตาล หางตาชี้ ใบหน้าบ่งบอกความมั่นใจในตัวเองเป็นอย่างสูง คือเจ้าของเสียงที่ 2 นั้น
“คริส นายก็อีกคน เห้ออ ชั้นล่ะเบื่อพวกนายจริงๆ ทำไมถึงได้ชอบหาเรื่องชั้นจริงๆ ถ้าว่างเนี่ยเอาเวลาไปฝึกฝนดีกว่านะ” อีริค ตอบโต้กลับไปด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจ
“ หา ! นายจะลองดูก็ได้นะเฟร่ย เอล ว่าปิดเทอมที่ผ่านมา ชั้นอัพเกรดพลังของชั้นขึ้นแค่ไหน จริงมั้ย เบิร์น ” เจ้าของเสียงที่ 2 หรือ คริส คริสโตเฟอร์ แดน พูดท้า อีริคขึ้นมา พร้อมกับหันไปทาง เจ้าของเสียงที่หนึ่ง หรือ เบิร์น เบอร์นาร์ด โจนส์ นักเรียนภายในห้องเริ่มสนุก กับการทะเลาะกันของทั้ง สามคน บ้างก็เคาะโต๊ะเป็นจังหวะ บ้างก็ร้องเชียร์ให้ทั้งสองคนทะเลาะกันหนักกว่าเก่า
‘ปัง !!!’
เสียงทุบโต๊ะ ดังขึ้น จากหน้าชั้นเรียน
“หวังว่าทุกคน คงจะไม่ลืมใช่มั้ยคะ ว่าเรากำลังเรียนกันอยู่...นะคะ ฮึ่มมม” เสียงโมโห ปนรำคาญของอาจารย์ ไวโอเล็ต ได้ดึงให้นักเรียนทั้งหมด กลับเข้าสู่สภาวะปกติ
“คุณคริมสันคะ เชิญ นั่ง ที่ ได้แล้วค่ะ”
“เอ่อ...ครับ คุณครู” อีริค ต้องทำตามทันที เพราะกลัวว่า ถ้าไม่ทำตามจะโดนการลงโทษที่แสนน่ากลัวจาก อาจารย์ ไวโอเล็ต
“เอาล่ะ ลืมเรื่องเช็คชื่อนี่ไปก่อน ครูจะขอพูดถึงเรื่องที่พวกเธอต้องทำ หลังจากที่พวกเธอย้ายก้นจาก โรงเรียนระดับกลางขั้น1 เลื่อนขึ้นมา เป็นขั้น2 เลยละกันนะ”
“ในชั้นปีนี้ พวกเธอทุกคน ต้องเจอกับการฝึกฝนการใช้พลังอย่างสาหัส จะไม่มีการปราณีกับนักเรียนจอมอู้ทั้งหลาย ทั้งหมดก็เพื่อให้พวกเธอเติบโตให้ถึงที่สุด เพื่อการไปเรียนต่อในเมืองส่วนกลาง และรับการทำงานที่ดีๆยิ่งขึ้นต่อไป เวลา 2 เทอมต่อจากนี้ ขอให้พวกเธอทุกคนตั้งใจทำให้ดีที่สุด เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจครับ/ค่ะ”
“ดีมากค่ะ นักเรียนที่น่ารักของครู ครูได้รับข้อมูลพลังของพวกเธอและข้อมูลการเรียนทั้งหมดแล้ว คิดว่าคงไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายอีกแล้ว ครูให้เวลา 5 นาที เตรียมตัวให้พร้อม เราจะรื้อฟื้นพลังของพวกเธอ หลังจากการหยุดพักไปสองเดือนกัน” สิ้นเสียงครูไวโอเล็ต นักเรียนทุกคน ยืนขึ้นแล้วเช็คสภาพร่างกาย สภาพพลัง ยืดเส้นยืดสาย ตรวจเช็คอุปกรณ์ทั้งหมด
“หมดเวลาค่ะ เตรียมพร้อมเข้าสู่การเรียนของเราได้เลยยยย”
“โอ้ !!!!” นักเรียนทุกคนต่างชูมือขึ้น พร้อมตะโกนเสียงออกไป เพื่อแสดงความพร้อม ที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมหลังจากการเรียนในระดับกลาง ขั้น1
ประตูออกนอกเมือง บริเวณเขตแดนเมืองส่วนกลาง
“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ” เสียงจากบุคคลปริศนาในชุดคลุมสีแดง พูดกับคนที่เป็นเหมือนหัวหน้ากลุ่มของเค้า “พร้อมแล้วสินะ หึหึหึ ออกเดินทางกันเลย เหล่าสหายของข้า” สิ้นเสียงนั้น กลุ่มคนในชุดคลุมสีแดง ประมาณ สิบถึงยี่สิบคน ก็เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากประตู ตรงไปยัง ป่าแห่งซาก ศูนย์รวมของที่ถูกทิ้งจากอดีต และรังของสัตว์ร้าย...
ความคิดเห็น