คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3: Fing Clues
“ที่แท้ก็เรื่องนักเรียนใหม่อย่างงั้นเหรอเนี่ย”ทาสุคุเอ่ยถามเรื่องที่กาโอสงสัย---ไม่ใช่ซิ!เขาเองก็สงสัยด้วย
“ครับ! พวกผมสงสัยเลยอยากบอกกับรุ่นพี่ครับ”
“อย่างงี้นี่เองนอกจากเหมยลี่ก็น่าจะมีอีกสามคนซินะ”
“รุ่นพี่?”
“จริงซิ!กาโอคุงรู้จักชื่อมิโดริมั้ย”
“อะไรของรุ่นพี่เนี่ย!ผมก็ต้องรู้จักอยู่แล้วครับ ถามอะไรแปลกๆ”พอได้ยินเขาก็เบาใจและถอนหายใจเบาๆ
“นั่นซินะงั้นผมไปก่อนนะครับรุ่นพี่”ซึ่งทาสุคุพยักหน้าและโบกมือลากาโอก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องเรียน
ประตูห้องเรียนของทาสุคุเลื่อนออกแล้วเดินเข้าไปในห้องเรียน ดวงตาสีชาดตวัดมองซ้ายขวาเห็นร่างผมฟ้าอ่อนที่คุ้นเคยนั่งประจำโต๊ะเรียนกำลังจัดวางของบนโต๊ะ เขาจึงตัดสินใจเลือกเดินตรงไปหาเธอทันที
“มิโดริ”เสียงเรียกทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมาและเธอเอียงคอมองเล็กน้อยและถามด้วยความสงสัย
“อะไรเหรอคะ?”
“คือว่าฉัน---”
“อยู่ที่นี่เองเหรอมิโดริ?ฉันพอดีว่าจะบอกเรื่องหนึ่งกับเธอน่ะ”ทว่าก่อนที่เขาจะถามก็มีหญิงสาวผมม่วงทรงทวินเทลแทรกเข้ามาซะก่อน
“ค่ะ...คุณสุมิเระมีอะไรเหรอคะ?”
“อา...พอดีฉันกับเหมยลี่มีธุระเลยกลับช้าหน่อย ก็เลย...อยากให้กลับพร้อมยูกิกับซากุระล่ะนะ”สุมิเระทำหน้าหงอยพรางเอานิ้วชี้เกาแก้มข้างหนึ่ง ซึ่งมิโดริก็บอกว่าไม่เป็นไรและตอบตกลงด้วยซึ่งเธอก็พยักหน้าตอบตกลง แต่ก่อนทาสุคุที่จะอาสานั้นกลับโดนสายตาสีม่วงปรากฎความอาฆาตของสุมิเระเข้าซะก่อน
เวลาผ่านไปจนได้เวลากลับบ้าน ดวงตะวันกำลังลับฟ้าสะท้อนทุกอย่างเป็นสีแสดที่สวยงาม ใต้ตึกอาคารมัธยมต้น ร่างเล็กของมิโดริยืนพิงเสาปูนของตึกพร้อมฟังเพลงจากโทรศัพท์ผ่านหูฟังสีฟ้าข้างหนึ่ง
“คือว่า...”เสียงของทาสุคุจากทางด้านข้างให้เธอตกใจเล็กน้อยซึ่งเธอขยับตัวห่างเล็กน้อย
“...คือว่าเพื่อนของฉันยังไม่มาน่ะค่ะ”เธอตอบเสียงอ่อมแอ่มเล็กน้อยแต่สำหรับทาสุคุถือว่าเธอน่ารักมาก
“ถ้างั้นให้ฉันยืนรอด้วยคนนะ”เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม ซึ่งเด็กสาวพยักหน้าตอบรับ
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ...”
“ฉันชื่อริวเอ็นจิ ทาสุคุ เรียกฉันว่าทาสุคุก็ได้นะ”
“ค่ะ ฉันชื่อ---”
“โยชิดะ มิโดริ...ใช่มั้ย?”สีหน้าของเจ้าของชื่อตกใจเล็กน้อยแต่พอรู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องจึงพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้านิ่ง ทาสุคุที่เห็นสีหน้าของเธอจึงเลือกตัดสินใจที่จะเอ่ยถามคำถามภายในใจมาตลอด
“มิโดริ คือว่าฉันน่ะ...”
“มิโดริซัง!!”ทว่าเสียงหญิงสาวผู้มาใหม่ทำให้เขาต้องรีบหันไปมองและทำท่ายืนนิ่งปกติ
“คุณซากุระ คุณยูกิ”มิโดริเอ่ยชื่อหญิงสาวผมดำยาวดวงตาเขียวและหญิงสาวผมดำยาวดวงตาสีชมพู
“ขอโทษที่มาช้านะพอดีพึ่งทำความสะอาดห้องเสร็จน่ะ”เป็นหญิงสาวชื่อยูกิเอ่ยพรางยิ้มแห้งก่อนสายตาหันไปมองทาสุคุและโค้งตัวกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพก่อนจะเดินกลับไป
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ 'องค์ชายทาสุคุ'”
“เมื่อกี้นี้เธอเรียกฉันว่า...องค์ชายงั้นเหรอ?”คำพูดของมิโดริให้ทาสุคุเกิดความสงสัย...ทำไมถึงเรียกแบบนั้น?
“รุ่นพี่ทาสุคุครับ”ทว่าเสียงเรียกด้านข้างของรุ่นน้องอย่างกาโอดึงสติของเขาก่อนจะเดินเข้ามา
“กาโอคุง...เธอรู้จักชื่อของมิโดริอยู่ซินะ”
“พูดอะไรของรุ่นพี่เนี่ย ผมบอกแล้วนิว่ารู้จักซิคร---”
“แล้วเพื่อนของกาโอคุงล่ะ”สีหน้าและท่าทางของเขาดูร้อนรนจนกาโอเกือบตั้งหลักและพูดไม่ทัน
“เอ่อ...เรื่องนั้นผมไม่ได้---หืม...พวกโนโบรุมาพาดีเลย นี่!!”เขาตะโกนเรียกพร้อมโบกมือไปมา เพื่อนทั้งสามที่เห็นต่างทำหน้าสงสัยแต่ก็เดินเข้าไปหากาโออยู่ดี
“เห้ยกาโอ!เรียกพวกเราเพราะอยากสู้กับฉันใช่ไหม?”โนโบรุเอ่ยถามสีหน้ากวน
“ไม่ใช่ๆคือรุ่นพี่แค่อยากถามพวกนายน่ะว่ารู้จักรุ่นพี่มิโดริไหมน่ะ แต่พวกนายคง---”
“มิโดริ...ใครกันน่ะ?”คำตอบนั่นเองทำให้ทั้งทาสุคุและกาโอยืนนิ่งและหน้าชา
“หรือว่าเป็นนักเรียนใหม่อีกคนเหรอ?”
“แต่ในข่าวนั่นว่ามีสี่คนไม่ใช่เหรอ?”
“นักเรียนใหม่อะไรของพวกนายเนี่ย รุ่นพี่มิโดริเป็นบัดดี้ไฟท์เตอร์ที่ร่วมสู้เป็นรุ่นพี่พวกเราไม่ใช่เหรอ?”กาโอเอ่ยทั้งสีหน้างงกับคำพูดของทั้งสามคน
“เอ่อ...ขอโทษนะกาโอ รุ่นพี่ทาสุคุด้วย...คือว่าพวกเราไม่รู้จักคนที่พูดถึงเลยค่ะ”
“ถ้างั้นพวกเราไปก่อนนะกาโอ รุ่นพี่ทาสุคุ”หลังจากทั้งสามคนเดินลงบันไดเลื่อนลง กาโอและทาสุคุยังยืนนิ่งเหมือนเดิม ดวงตะวันค่อยลับฟ้าจะแทนดวงจันทร์ไม่ช้า เงาสะท้อนแสงหักเหเด่นชัดด้วย
“รุ่นพี่ทาสุคุ นี่มันหมายความว่ายังไงครับ?”กาโอเอ่ยขึ้นพร้อมหันไปมองสีหน้าคอตกของรุ่นพี่ด้วยความสงสัย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทุกคนถึงจำเรื่องของมิโดริไม่ได้”
“ทุกคนเหรอ? หรือว่า...”
“แจ็คเองก็จำไม่ได้เหมือนกันน่ะ”มือทั้งสองของทาสุคุกำหมัดแน่น ในใจคิดคำถามขึ้นมากมายแต่จู่ๆเขากลับคิดเรื่องหนึ่งได้
“แต่ฉันมีเบาะแสเรื่องหนึ่งอยู่...ทั้งๆที่ทุกคนลืมเรื่องของมิโดริแต่ทำไมผู้หญิงสี่คนนั้นถึงจำเรื่องของเธอได้ล่ะ”
“นักเรียนหญิงสี่คนที่เข้ามาใหม่เหรอครับ?”
“ใช่...แต่ว่ามิโดริเองก็จำฉันไม่ได้เหมือนกันแต่กลับรู้จักพวกนั้นได้”เขากอดอกคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นอีกครั้ง
“หรือว่า!พวกนั้นจะลบความทรงจำของพวกเรา”เอ่ยพึมพำขึ้นมา สิ่งที่ได้ยินทำให้กาโอตกใจจึงเอ่ยถามกลับ
“แล้วกันถ้างั้นพวกเราทำไงดีครับ?”
“ถ้าถามพวกนั้นอาจได้คำตอบอะไรมาก็ได้”ทั้งสองรู้ดีว่าพวกนั้นคือใครแต่ว่าตอนนี้จะทำยังไงดีนี่ซิ!
“ถ้างั้นผมช่วยด้วยนะครับรุ่นพี่ทาสุคุ”
“แต่ว่ามันอันตรายนะกาโอคุง ให้ฉันจัดการเองเถอะ”
“แต่ยังไงผมก็จะช่วยรุ่นพี่ทาสุคุด้วยนะครับ”สีหน้าและดวงตาที่หนักแน่นเหมือนกันกับตอนนั้น...ตอนที่กาโออาสาช่วยตอนที่บัดดี้โพลิสถูกสปายของกาเอ็น เคียวยะยึดบัดดี้โพลิส
“...ขอบคุณนะกาโอคุง”เมื่อตกลงต่างแยกย้ายกลับบ้านเพื่อหาเบาะแสกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยหารู้ไม่ว่า...
สายตาสีชาดของชายหนุ่มผมฟ้าบนนภาในชุดเกราะนักรบกับผ้าคลุมน้ำเงินมองก่อนจะหายตัวไปจากตรงนั้น
เวลาผ่านมาถึงยามค่ำคืนแสงจันทร์ส่องแสงกระทบโรงงานร้างแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากตัวเมืองที่มีแม่น้ำกั้น ภายในอาคารหนึ่งร่างของหญิงสาวผมดำและหญิงสาวผมน้ำตาลนั่งรอเพื่อนในกลุ่ม เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาปรากฎเป็นร่างหญิงสาวผมม่วงทรงทวิลเทลและหญิงสาวผมสั้นสีชมพูม้วนผมทรงหมวยสองข้าง
“มาช้านะคะมุราซากิ เหมยหลิน”ซากุระเอ่ยชื่อจริงของทั้งคู่ด้วยเสียงเยือกเย็นพรางกอดอกตนแน่น
“ขอโทษก็แล้วนะ...แต่คนที่ถ่วงเวลาคือเธอนะเหมยหลิน”มุราซากิตอบด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายขณะชี้นิ้วโป้งทางเจ้าของชื่อที่อยู่ข้างเธอที่กำลังยิ้มและเอามือไขว้ไว้ด้านหลัง
“ก็แหม่ๆระหว่างทางเจอคนระหว่างทางอ่ะนะ”เหมยหลินตอบทั้งยิ้มออกมาเหมือนเดิม
“ก็เลยใช้พลังยาโตะจนได้เลือดซินะ”เพราะได้กลิ่นเลือดจึงตอบออกไป เด็กสาวเย็นชาปรากฎยิ้มอารมณ์ดี
“โทษจ้า”เมื่อถูกจับได้เธอใช้มือเกาแก้มทั้งที่มีเลือดชุ่มที่ผ้าพันแผล และเป็นหน้าที่ของยูกิ หญิงสาวผมน้ำตาลใช้พลังของตนเองลบคราบเลือดรวมถึงกลิ่นคาวที่ติดมาด้วยจนหายไป ระหว่างที่สี่สาวคุยกัน ฝีเท้าเบากึ่งหนักดังขึ้นจากบันไดเหล็ก สายตาของทั้งสี่เห็นร่างหญิงสาวผมฟ้าอ่อนเดินลงมามองทั้งสี่คน
“อ่ะ!ท่านมิโดริ---ไม่ซิ! หรือว่าจะเป็น---”นายหญิง'ชิโนบุ'ของพวกเธอ เมื่อทั้งสี่นั่งรู้จึงคุกเข่าต่อหน้าเธอ
“ตอนนี้มีคนจำเรื่องของข้าปรากฎแล้วสองคน”เสียงเล็กแต่หนักแน่นกล่าวทั้งสี่คนต่างตกใจไม่น้อย
“สองคน...หนึ่งในนั้นมีท่านทาสุคุซินะ...แล้วอีกคนล่ะคะ”มุราซากิเอ่ยเสียงสุภาพ
“หนึ่งในเพื่อนพ้องของข้า เจ้าชายแห่งสุริยันและเป็นหัวหน้าของเจ้าด้วย...เหมยหลิน”เจ้าของชื่อที่เอ่ยตกใจที่ได้ยินแต่แสดงสีหน้านิ่ง แต่สำหรับเพื่อนพ้องอีกสามคนกลับแสดงสีหน้าตกใจที่เจ้านายเอ่ยแบบนั้น
“หัวหน้าของเหมยหลิน หรือว่าจะเป็นกาโอเหรอคะ?”ยูกิหันไปถามและคำตอบคือเธอพยักหน้าตอบ ใช่ซินะ!
“และที่ข้ามาเพราะมีเรื่องจะขอร้องอัศวินทั้งสี่ของข้า...พวกเจ้าจะทำหรือไม่”เด็กสาวเอ่ยถามทั้งสี่อีกครั้ง
“แน่นอนค่ะ พวกข้าพร้อมรับคำสั่งของท่านเจ้าค่ะ”มุราซากิเอ่ยตอบรับเสียงหนักแน่น นายหญิงของพวกเธอพยักหน้าตอบรับก่อนจะเอ่ยคำสั่งหนึ่งกับอัศวินสาวทั้งสี่ และคำสั่งของเธอนั้นทำให้ทั้งสี่ต่างมีสีหน้าตกใจ
“นายหญิงเอาจริงเหรอคะ?...แต่ถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับ---”ขณะเหมยหลินจะเอ่ยแย้งขึ้น
“อย่างงั้นเองเหรอเจ้าคะ”เสียงมุราซากิเอ่ยแผ่วเบาแต่ชัดเจนกับทั้งหมด
“รับทราบค่ะ!...ข้า มุราซากิ คาตาโกะ น้อมรับคำเจ้าค่ะ”คำพูดของเธอทำให้ทั้งสามตกใจก่อนอีกเสียงพูดขึ้น
“ถ้างั้น...ข้าโทโมเอะ โกซุย ขอรับคำสั่งเช่นกันค่ะ”เด็กสาวผมดำเอ่ยเสียงหนักแน่นเช่นกัน เป็นที่หน้าพอใจกับนายหญิงมากแล้วดวงตากลมโตมองหญิงสาวอีกสองคนที่จ้องมองกันด้วยสีหน้าลังเลก่อนจะตอบกลับไป
“...ข้าคัตสึกิ โคยูกิ/นักรบเหมยหลินแห่งเผ่ายาโตะ ขอรับคำสั่งเช่นกันเจ้าค่ะ”รอยยิ้มพอใจปรากฎบนใบหน้าของหญิงสาวร่างเล็กพร้อมพยักหน้าเล็กน้อยกับการตัดสินใจของทั้งสี่และคิดในใจว่าเธอคิดไม่ผิดที่เลือกพวกเธอทั้งสี่คนที่จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องหนึ่งที่กำลังเกิดขึ้นและชี้นำจนสำเร็จได้!
“ขอบใจพวกเจ้ามาก ถ้างั้นข้าขอตัวไปหาเด็กคนนั้นก่อนล่ะ”นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนดวงตากลมโตลับตาลงพร้อมร่างของเธอมีแสงสีชมพูออกมาจากตัวก่อนจะพุ่งบนนภาแล้วหายไป
“นี่ฉัน...มาอยู่ที่นี่ได้ไง?---อ้าว!พวกคุณสุมิเระ ทำไมนั่งแบบนั้นด้วยคะ?”มิโดริเอ่ยพร้อมกับดวงตาสงสัย
“ค...คือว่า”ทั้งสี่พูดอะไรไม่ออกเมื่อรู้ว่าตรงหน้าคือมิโดริแล้วต่างทำหน้าลังเล
“จริงซิ!มิโดริซัง...ไหนๆอาหารก็เสร็จแล้วก็ทานข้าวกันเถอะนะคะ”เหมยหลินเอ่ยเสียงและท่าทางร่าเริง
“นั่นซินะคะ”มิโดริพยักหน้าตอบก่อนเดินกลับไปด้านบน เมื่อพ้นแล้วทั้งสี่สาวจึงถอนหายใจออกมา
“ความเกือบแตก...ทำได้ดีเลยนิเหมยหลิน”มุราซากิหันมาเอ่ยขอบคุณพรางยืนเท้าเอวที่ช่วยพูดไว้ได้
“เรื่องแค่นี้เองน่ะ...ไปกันเถอะนะสุมิจัง”
“สนุกจังโว้ย!!!”
ยามค่ำคืนแสงจากตัวเมืองและดวงจันทร์ส่องสว่าง แม้แต่ตึกสำนักงานบัดดี้โพลิสก็ยังมีแสงบ้างเพียงบางส่วนที่ยังเปิดบ้าง ร่างของทาสุคุเดินออกมาสำนักงานพร้อมกระเป๋านักเรียนเดินมาเรื่อยๆจนถึงอพารท์เมนต์ที่เขาอาศัย ประตูห้องเจ้าของห้องเปิดออกพร้อมกดสวิสต์ไฟให้ห้องสว่าง ห้องที่เขาอยู่เป็นห้องใหญ่พิเศษก็ได้เพราะเป็นห้องที่ตอนที่เขาได้รับจากหัวหน้าใหญ่ของบัดดี้โพลิสให้อยู่เป็นพิเศษกว่าห้องของอื่นๆเพราะสามารถพักได้มากกว่าสองคนและไม่ต้องจ่ายค่าห้องอีกด้วย ประตูห้องนอนเปิดทั้งไม่ได้เปิดไฟ กระเป๋านักเรียนวางบนเก้าอี้ แล้วพาร่างของตนนอนฟุบบนเตียงนุ่มเพราะตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยมากที่ทำงานทั้งวัน
รวมถึงตัวไรท์ด้วย...( ͡° ͜ʖ ͡°)
“สรุปมีแค่ฉันกับกาโอคุงที่จำเรื่องของเธอได้ซินะ”ทาสุคุบ่นเสียงเบาแล้วพลิกตัวใช้แขนนุนพร้อมหลับตาลง
“ตัวข้าเอ๋ย...”เสียงของชายคนหนึ่งดังก้องให้เขาพรุดลุกขึ้นมานั่งทันที...แต่เสียงเมื่อกี้เหมือนเสียงเขา
“ใครน่ะ?”แต่หารู้ไม่ว่าคำโบราณบอกว่า...
'ถ้าได้ยินเสียงแปลกๆขึ้นมา อย่าขานเรียกเด็ดขาด'อย่างที่พี่เอกHRKเคยกล่าวไว้
ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องราวนี้หรอก ข้ามๆ¯\_(ヅ)_/¯
สายตาของเขามองรอบๆห้องที่ไม่มีอะไรแต่สัญชาตญาณบางอย่างให้เขาเดินออกไป กระทั่งเท้าของเขาหยุดถึงต้นซากุระต้นหนึ่งในสวนสาธารณะตรงกับดวงจันทร์ที่กำลังสาดส่องให้ซากุระต้นนี้งดงามมากขึ้น
“ต้นซากุระ?”ทาสุคุพึมพำและสงสัยกับตนเอง ทว่าเสียงฝีเท้าหนึ่งหยุดด้านหลังให้หันกลับไป แต่สิ่งที่เห็นทำให้ดวงตาสีชาดตกใจมากเพราะคนตรงหน้าคือชายหนุ่มผมฟ้าในชุดเกราะสีขาวน้ำเงินและผ้าคลุมสีน้ำเงิน
ใช่...เขาคือตัวของทาสุคุอีกคน
ขณะที่จะขยับริมฝีปากถาม แสงสีฟ้าสว่างจ้าให้แขนทั้งสองยกขึ้นพร้อมปิดตาลง เมื่อแสงนั่นวูปหายไป แขนทั้งสองลดแขนลงพร้อมเปิดเปลือกตาขึ้น ทว่าดวงตาสีชาดต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจเพราะรอบๆตัวเขาคือบ้านเมืองสไตล์ญี่ปุ่น ตึกสูงสีฟ้าที่เด่นใจกลางเมืองและคนในเมืองที่สวมชุดกิโมโน แต่สิ่งที่แปลกคือมนุษย์ต่างดาวเดินสวนกับมนุษย์ด้วย แต่ทาสุคุคิดได้ว่าที่นี่ไม่ใช่สวนสาธารณะที่เขาอยู่เมื่อกี้นี้นิ...
“ที่นี่มัน...ที่ไหน?”เขาพึมพำกับตนเองขณะสายตาของเขายังมองรอบพร้อมกับฝีเท้าที่ค่อยๆเดินออกไป
“ที่นี่คือเมืองเอโดะยังไงล่ะครับ”เสียงทาสุคุในชุดเกราะนักรบเอ่ยขึ้นจากด้านหลังให้หันหลังกลับไป
“...ตัวฉัน...งั้นเหรอ?”อีกฝ่ายพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับ
“ข้าก็คือตัวเจ้าในชาติก่อน...ไม่คิดว่าจะเจอใช่ไหมล่ะครับ”คำพูดของเขาทำให้ทาสุคุตกใจยิ่งกว่าเดิม
“หมายความว่ายังไงกัน?”
“โลกที่เจ้าอยู่มันไม่ใช่โลกจริง...มันคือโลกที่มีคนสร้างขึ้น”คำพูดต่อมายิ่งทำให้เขาสงสัย
“ถ้างั้นฉันขอถามได้ไหม...ว่าทำไมมิโดริถึงไม่มีความทรงจำแล้วผู้หญิงสี่คนนั้นคือใครกันแน่!?”แต่ที่ได้กลับมาคืออีกฝ่ายส่ายหน้าตอบ
“เรื่องนี้ข้าไม่รู้หรอก ก็นะ...เพราะว่าเธอไม่อยากให้เจ้ากับข้าต้องลำบากอีกแล้วนินะ”ตอบสีหน้าหมนหมองจนทาสุคุต้องสงสัยอีกครั้งแต่พอคิดดีๆแล้ว'เธอ'ที่พูดมาทำให้นึกถึง'มิโดริ'...หรือว่าคนที่เขาพูดถึงคือ....
ทว่าแสงสว่างสว่างขึ้นอีกครั้งจนแทบบดบังแสงไม่ทัน แต่จู่ๆภาพความทรงจำปริศนามากมายเรียงเป็นฉากแล้วฉายในโสนประสาท สายตาของเขาดูความทรงจำทั้งหมด จนเขาต้องทรุดตัวนั่งย่อเข่ากับพื้น
“ความทรงจำนี่...มันคืออะไร”ทาสุคุพึมพำพรางเอามือกุมศรีษะตนเอง ดวงตาของเขาปิดตาลงและเมื่อลืมตาขึ้น สถานที่ตรงหน้าเปลี่ยนไป ท้องฟ้ากลายเป็นสีเทามืดมนแสนน่ากลัว รอบตัวของเขาล้อมรอบไปด้วยร่างปีศาจและมนุษย์ล้มตายบนกองเลือด บ้างก็กำลังสู้รบกัน พอเห็นตอนนี้เขาจึงคิดได้ว่าที่นี่คือสนามรบ และภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง คราวนี้อยู่ในตอนกลางคืน เขายืนท่ามกลางต้นไม้และผีเสื้อสีฟ้าบินส่องแสงรอบตัว เท้าทั้งสองเดินพร้อมสายตามองรอบๆกระทั่งสายตาและเท้าของเขาหยุดหลังต้นไม้ต้นหนึ่ง ดวงตาสีชาดเห็นร่างเด็กสาวผมฟ้าอ่อนในชุดกิโมโนสีฟ้าลายผีเสื้อสีน้ำเงินนั่งกอดเข่าข้างต้นซากุระส่องสว่างจากดวงจันทร์เต็มดวง ถึงจะไม่รู้ว่าในใจจะไม่รู้ว่าเธอคนนั้นคือใครแต่ภายใจกลับเจ็บปวดอย่างบอกกมิได้ ทว่าดวงตาสีชาดเบิกตาโตด้วยความตกใจ เพราะเด็กสาวคนนั้นคือมิโดริที่กำลังร้องไห้ ก่อนที่ริมฝีปากจะขยับพูด ร่างของหนุ่มคนหนึ่งปรากฎด้านหลังของเด็กสาวซึ่งเขาตกใจอีกครั้งเพราะชายคนนั้นคือ...ตัวเขาอีกคนนั่นเอง
“นั่นมันฉันกับ...”ในหัวและจิตใจของทาสุคุเริ่มสับสนกับภาพตรงหน้า ตัวเขาอีกคนและมิโดริพูดคุยเรื่องบางอย่าง ทว่าแสงบางอย่างสว่างวาปอีกครั้งให้ต้องหลับตา เมื่อเขาลืมตาอีกครั้งก็อยู่ตรงหน้ามิโดริเสียแล้ว
“ข้าขอสัญญา...ว่าศึกนี้จบลงข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้า”คนที่พูดไม่ใช่ตัวทาสุคุ แต่เป็นตัวเขาอีกคนที่พูดคุยกัน
“ท่านสัญญากับข้าแล้วนะเจ้าคะ”เสียงเล็กของเธอเอ่ยถามกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขาพยักหน้าตอบ
“ไม่ต้องเรียกว่าท่านหรอกนะครับเพราะเราเองก็เป็นเด็กอายุเดียวกับเจ้านินะ”
“นั่นซินะ แต่ว่าข้ากลัว...กลัวเหมือนที่ทำกับชายคนนั้นที่ตอนนี้ข้าเกลียด...แล้วก็กลัวท่านตาย”สายตาและสีหน้าของเด็กสาวหลุบตาต่ำด้วยความกังวล
“อย่าพูดแบบนี้ซิ...ข้าน่ะ...”ทว่าเขาต้องชงักเพราะน้ำตาใสไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น มือของเขาสัมผัสและเช็ดน้ำตาออกจากแก้มเบาๆแล้วกุมใบหน้าอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ดวงตากลมโตคู่สีน้ำเงินสบตาเข้ากลับดวงตาสีชาดของอีกฝ่าย
“คิดว่าเจ้าไม่คิดว่าเจ้าเกลียดชายคนนั้นหรอก...แต่ว่าตอนนี้มันทำเจ้าเสียใจข้าก็จะทำลายเหมือนกับที่ทำ”
“ท่าน...แต่ข้าก็กลัวอยู่ดีเจ้าค่ะ แฮะๆ”
“ถ้าพวกเราตายจากและโชคชะตาของเรามีจริง...ขอทำให้เราเจอกันอีกครั้ง...ไม่ว่าชาติหน้า...หรือชาติใด...”
“...”
“...ข้าจะรอเจ้าหญิงคางุยะมาเจออีกครั้งและทำให้เจ้ามีความสุขที่สุด”พูดจบชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าใกล้ประทับริมฝีปากเล็กแผ่วเบาและอ่อนโยน มือข้างเกี่ยวก้อยกันแน่น พอถึงตอนนี้ทาสุคุเริ่มเข้าใจเรื่องหนึ่ง
ถึงความรู้สึกและสาเหตุที่ตัวเขาในอดีตชาติพยายามสื่อบางอย่าง...
“!!?”ดวงตาของทาสุคุลืมตามองรอบๆก็รู้ว่าเขากำลังลอยเหนือก้อนเมฆเห็นดวงดาวและจันทราเต็มดวงบนท้องฟ้าราตรี
“ที่เห็นเมื่อกี้คือความทรงจำของข้า ไม่ซิ!...ของเจ้ากับเธอคนนั้นต่างหาก”เสียงของตัวเขาอีกคนพูดข้างหู เมื่อหันกลับไปจึงเห็นตัวเขาอีกคนในชุดนักรบลอยอยู่ด้านหลังของทาสุคุ แต่เป็นร่างเลือนรางคล้ายวิญญาณ ตัวเขาอีกคนกำลังยิ้มอยู่...แต่เป็นรอยยิ้มที่เศร้าหมองเหมือนสายตาที่กำลังมองเขาในตอนนี้
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนอีกครั้งโดยครั้งนี้เขากลับมายังฐานรบที่หนึ่ง แต่ครั้งนี้กลับอยู่ในวันฝนตกพอดีแต่น่าแปลกที่ร่างของเขาไม่เปียกฝนเลย ฝีเท้าของเขาเดินตรงไปกระทั่งเดินมาถึงกลุ่มคนจำนวนหนึ่งยืนเรียงตรงกัน จนได้ยินเสียงของทาสุคุสั่งเสียงหนักแน่นด้านข้างมีมิโดริในชุดเครื่องแบบกระโปรงสั้นสีดำสวมกับฮาโอริสีฟ้าลายกระต่ายสีขาว แต่สิ่งที่ให้เขาตกใจมากกว่าเดิมคือคนที่อยู่ด้านหลังเขาคือชายคนที่เขารู้จักอย่างดี
เฮียวริว คิริ หรือมิเซเรีย ราชันต์เขาจากดันเจี้ยนเวิร์ล แล้วทำไมถึง...
“!?”ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เขามายังที่สนามรบของจริง สายตาของเขาเห็นการต่อสู้ของมนุษย์ที่กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาด กระทั่งสายตาสีชาดเห็นร่างของตัวเขาอีกคนกำลังใช้ดาบฟันร่างจนล้มตายไม่ยั้ง เลือดจากศัตรูสาดกระเซ็นกับเสื้อผ้า ใบหน้าและคมดาบ ถึงจะบางครั้งได้รับบาดแผลของศัตรูบ้าง
จนกระทั่ง...
ฉึก!คมดาบยาวพุ่งทะลุงเข้าขั้วหัวใจ ดวงตาสีชาดเบิกตาโตก่อนร่างนั้นล้มลงและดวงตาที่หลับตาลงพร้อมรอยยิ้มแสนเศร้า ร่างบุรุษผมขาวคนหนึ่งเอ่ยบางอย่างก่อนจะใช้ดาบของร่างที่เริ่มไร้ลมหายใจฟันศรีษะนั่นลง
“นั่นคือภาพก่อนตายของข้า...และเจ้า”
“นี่คือความทรงจำของฉัน...ในอดีตชาติเหรอ นี่!!---”
ร่างของทาสุคุลุกขึ้นนั่งทันที ดวงตาสีชาดเบิกตาโตพร้อมเสียงหอบหายใจดังจนหน้ากลัว มือของเขากุมใบหน้าที่มีน้ำเหงื่อออกมา มืออีกข้างกุมอกฝั่งที่มีหัวใจกำลังค่อยๆเป็นปกติพร้อมกับลมหายใจของเขา
“ฝ...ฝันเหรอเนี่ย...เหมือนจริงมากเลย”ทาสุคุพึมพำแผ่วเบากระทั่งสายตาของเขามองกำไลของมือข้างซ้ายมีสีน้ำเงินอมฟ้าและติดกระดิ่งสีแดงเล็กสองพวงติดกัน จนบัดดี้ของเขาหรือแจ็คปรากฎร่างมังกรสีเขียวตัวจิ๋ว
“เป็นอะไรไปทาสุคุ?”แจ็คเอ่ยถามร้อนรนเพราะเห็นสีหน้าของชายผมฟ้าที่ไม่ดี
“แจ็ค...เมื่อกี้ฉันฝันเห็นตัวฉันอีกคน...บอกว่าเป็นตัวฉันในอดีต”คำพูดของทาสุคุทำให้แจ็คตกใจไม่น้อย
“ใจเย็นๆนะทาสุคุ เอ๊ะ!เมื่อกี้เจ้าบอกว่าฝันเห็นตัวนายหมายความว่ายังไง”
“แจ็ค...นายจำเรื่องของมิโดริได้ไหม?”
“ไม่นะ...ฉันจำไม่ได้”ทาสุคุถึงกับหน้านิ่งเมื่อได้ยินคำตอบของบัดดี้ ทว่าความคิดบางอย่างจึงตัดสินใจที่จะ...
“ถ้าอย่างงั้น...ช่วยมาสู้กับฉันได้ไหม...ด้วยบัดดี้ไฟท์”คำชวนของหนุ่มผมฟ้าทำให้มังกรเขียวถึงกับสงสัยแต่ก็ยักไหล่เป็นการตอบตกลงไป
“จู่ๆอะไรของนายเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ!จะสู้ด้วยก็ได้”เมื่อได้ยินคำตอบนั้นชายหนุ่มก็ดีใจและจัดการแข่งที่พื้นและยื่นเด็คหนึ่งให้กับบัดดี้ของตนเองและก่อนจะถาม ทาสุคุหยิบการ์ดหกใบไว้บนมือขึ้นพร้อมแข่งให้สงสัยกับการกระทำแบบนี้ กระทั่งสายตาของแจ็คเห็นกำไลข้อมือที่ทาสุคุสวมอยู่ แต่สุดท้ายแจ็คก็ตัดสินใจวางเด็ดและหยิบการ์ดขึ้นมาอยู่ดี เก็บความสงสัยไว้คิดเท่านั้น...
“เรสเดอะเฟส!”
“สตาร์ดราก้อนเวิร์ล!”
“ดาร์กเนสดราก้อนเวิร์ล!”คำประกาศต่อมาทำให้มังกรเขียวอย่างแจ็คถึงกับตกใจและสงสัยในเวลาเดียวกัน
“ทาสุคุ...ทำไมนายใช้ดาร์กเนสดราก้อนเวิร์ลล่ะ?”
“ชาร์ตแอนต์ดรอว์...คอลมังกรทมิฬแห่งการทำลายล้าง เอิร์ลโบลไปช่องกลางและโจมตีใส่แจ็ค”ทาสุคุไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะหยิบการ์ดใบหนึ่งจากมือลงและหยิบการ์ดใบหนึ่งจากเด็คขึ้นมาและวางการ์ดมอสเตอร์ใบหนึ่งลงตรงหน้าและเลือกประกาศโจมตี แจ็คเลือกจะไม่ป้องกันทำให้พลังชีวิตเหลืออยู่แปดหน่วย แล้วทาสุคุประกาศจบเทิร์น
“ไม่อยากจะเชื่อเลยนะเนี่ยว่าจะใช้เผ่ามังกรทมิฬแทนอัศวินแห่งแดนชำระน่ะ”แจ็คพูดขณะหยิบการ์ดใบหนึ่งจากเด็ดขึ้นมือและวางการ์ดใบหนึ่งลงและหยิบการ์ดใบใหม่ขึ้นมาก่อนเหงยหน้าถามด้วยความสงสัย
“เผ่านี้น่ะเป็นเผ่าที่มิโดริใช้ร่วมกับเผ่ามังกรสวรรค์ของเธอเองน่ะ”ทาสุคุยิ้มตอบ แจ็คที่ได้ยินก็รู้สึกสงสัยมากขึ้น ทว่า...กลับมีความทรงจำหนึ่งเลือนลางแล่นเข้ามาในโสนประสาทจนชะงักไปชั่วครู่
“ใช้ร่วมกับ...เผ่ามังกรสวรรค์”
“แจ็ค...”ทาสุคุเรียกชื่อบัดดี้ตนเองแผ่วเบาถึงคำพูดบัดดี้ของเขาเอ่ยขึ้น
“ความทรงจำเมื่อกี้...แฟรี่ดราก้อนเวิร์ล...เหรอ?”แจ็คเอ่ยพรางกุมมือหนึ่งจับหัวตนเอง
“นายจำได้แล้วงั้นเหรอ”ภายในใจของเขาตอนนี้เริ่มมีความหวังมากขึ้นและวิธีการหนึ่งขึ้นมา
“มันเห็นแค่ภาพลางๆน่ะ”
“เทิร์นของแจ็คแล้วนะ”ทาสุคุยิ้มตอบและพายมือให้แจ็คจนได้สติขึ้นมา การเล่นบัดดี้ไฟท์ของทั้งคู่ผ่านไปต่างคนผลัดกันรุกรับกัน จนกระทั่ง...
“ทาสุคุ...ฉันจำเรื่องของมิโดริได้แล้วล่ะ”ความพยายามของทาสุคุสำเร็จด้วยดี ภายในใจของเขารู้สึกดีใจมากๆที่บัดดี้ของเขามีความทรงจำกลับมา...ดีใจจริงๆ
“ว่าแต่ทำไมฉันถึงจำไม่ได้ล่ะ?”แจ็คเอ่ยถามพรางสบัดหัวเบาๆ
“ไม่ใช่แค่นายหรอก คนอื่นๆก็ไม่มีความทรงจำของมิโดริไม่ได้เหมือนกัน”เขาส่ายหน้าตอบเบาๆ
“หรือว่ากาโอเองก็---”
“ไม่หรอก คนที่จำได้มีแค่ฉันกับกาโอแค่นั้นแหละ”ทาสุคุตอบเสียงนิ่งพร้อมมือของเขากำแน่นขึ้นมา ภายในห้องเงียบไปชั่วครู่ เสียงโทรศัพท์สั่นขึ้นจากกระเป๋ากางเกงและหยิบขึ้นมาดูชื่อปลายสาย
“กาโอคุง...สายันต์สวัสดิ์กาโอคุง”พูดแล้วกดปุ่มรับสายและแนบโทรศัพท์ทันที
“...คือว่ารุ่นพี่ทาสุคุครับ! พวกบัตส์จำรุ่นพี่มิโดริเลย...ทำไงดี”เสียงของปลายสายดังจนเกือบเอาห่างไม่ทัน
“พี่มีวิธีอยู่นะ...บัดดี้ไฟท์ไงล่ะ”ทาสุคุเอ่ยกับปลายสายพรางยิ้มจนแจ็คที่เป็นบัดดี้ต้องมองตามด้วย
“บัดดี้ไฟท์...ทำไม?”และดูเหมือนกาโอจะงงกับคำตอบที่ได้มา...บัดดี้ไฟท์เนี่ยนะ!?
“พี่ลองใช้วิธีนี้กับแจ็คแล้วมันได้ผลน่ะ”
“อา...จะลองใช้ก็ได้ครับ เอ๋!แต่เมื่อกี้รุ่นพี่---!!”
“แค่นี้นะครับกาโอคุง”ไม่ทันที่ปลายสายจะถามจบ ทาสุคุกดปุ่มวางสายโทรศัพท์และใส่กระเป๋าดั่งเดิม
“แค่นี้ฉันได้รู้วิธีที่จะให้จำเรื่องของมิโดริได้...รวมทั้งวิธีถามจากคนพวกนั้นแล้วล่ะ”
“นายรู้วิธีอะไรแล้วเหรอ?แล้วคนพวกนั้นคือใครงั้นเหรอ?...ทาสุคุ”แจ็คถามขณะที่ทาสุคุเดินหันหลังให้
“อา...ถ้าฉันถามผู้หญิงที่ชื่อมุราซากิได้และถามเรื่องทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้วล่ะ”
“นั่นอะไรน่ะ?”ดวงตาสีทองของเด็กสาวผมสั้นประบ่าสีม่วงเหงยหน้ามองท้องฟ้าที่สัมผัสถึงความผิดปกติ
“ถึงจะดูไม่ชัดแต่เหมือนคลื่นมากเลยนะ”ดวงตาสีชาดของเด็กสาวผมแดงทรงทวิลเทลมองท้องฟ้าเช่นกัน
“มันคือพลังมิติที่ใครบางคนสร้างมันขึ้นมายังไงล่ะ”ร่างของหญิงสาวผมบรอนด์ใส่แว่นตาและสวมชุดนักเรียนสีน้ำเงินกระโปรงสวมทับเสื้อกันหนาวสีกรมท่ากับผ้าพันคอสีแดงออกมาจากการ์ดปรากฎออกมาด้านข้าง
“มิสเทอร์เรีย เฮโรอีนเอ็กซ์ อัลเตอร์”เด็กสาวผมสั้นสีม่วงหันไปมองด้านหลังด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ข้าก็สัมผัสได้เช่นกันและมันเป็นพลังชั่วร้ายมากเลยเจ้าค่ะ”ร่างของหญิงสาวเกอิชาสวมหน้ากากยักษ์สีขาวออกมาจากการ์ดและปรากฎด้านข้างเช่นกัน
“ถ้าอย่างงั้นเราก็ต้องจัดการ'มัน'ใช่ไหมคะ...มิชิโกะซัง”เด็กสาวผมแดงหันไปถามด้วยความสงสัย หญิงสาวเกอิชาพยักหน้าตอบและถอดหน้ากากยักษ์ออก ดวงตาสีดำเป็นสีแดงชั่วขณะและมองเด็กสาวตรงหน้า
“แต่พลังของข้าสองคนทำอะไรไม่ได้...ก็ต้องมีวิธีอยู่แน่นอน”หญิงเกอิชาตอบก่อนจะสวมหน้ากากดั่งเดิม
“นั่นซินะ!ถ้างั้นฝากหาข้อมูลด้วยล่ะ...ฉันกลับก่อนนะ”เด็กสาวผมม่วงเอ่ยและโบกมือลาก่อนจะเดินแยกย้ายกลับบ้านของตนเองพร้อมกับบัดดี้
“ไว้เจอพรุ่งนี้นะจ๊ะ”เด็กสาวผมชาดโบกมือลาเช่นกันจนลับตาและถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะเดินออกไป
“แต่ถ้าเป็นพลังของคนคนนั้น...อาจจะได้ผล”
To be continue...
เย้!ฟิคนี้กลับมาอีกแล้วจ้าหลังจากหายไปนานจากการแต่งนิยายของรูทมิโดริและได้เวลาช่วงพักที่เรียนออนไลน์ที่อาจารย์สั่งมายิ่งกว่าอะไรซะอีก จนบางครั้งสายตาตอนเพ่งจอก็เบลอนี่แหละและต้องพักผ่อนร่างกายด้วย จึงขอประชาสัมพันธ์ว่าไรท์จะกลับมาแต่งนิยายช้าหน่อยนะเจ้าคะ และตอนนี้เริ่มมีตล.ใหม่คู่หนึ่ง ซึ่งตล.ใหม่จะมาอีกตัวหนึ่งนะคะ แต่จะมาตอนที่เท่าไรก็เดากันเองนะคะ
อ้อ!แล้วก็ในตอนนี้จะอยู่ในตอนหนึ่งของรูทมิโดรินะคะ...แต่จะเป็นตอนไหนก็ให้เดากันนะคะ¯\_(ヅ)_/¯
ตอนนี้ขอตัวพักผ่อ---ไม่ซิ!ต้องใช้คำว่ากลับไปทำงานอาจารย์ส่งก่อน สำหรับตอนนี้<3(น้อยกว่าสาม)นะ
ความคิดเห็น