ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -- Zeles -- สงครามศักดิ์สิทธิ์

    ลำดับตอนที่ #9 : ตำนานบทที่ VIII : สู่โลกภายนอก

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 49


    -- ตำนานบทที่ VIII : สู่โลกภายนอก --

     

    ... 1 ปีก่อน ...

     

    ในสงครามปราบกบฏที่ตั้งตัวต่อต้านเซเรียสซึ่งอยู่ทางเหนือ เหล่ากบฏมีอาวุธครบมือ และมีจำนวนมากมาย มังกรแห่งเซเรียสและกุหลาบรัตติกาลได้เข้าร่วมในศึกครั้งนี้ เพียงเวลาไม่กี่วันเท่านั้น กองทัพกบฏก็ถูกทำลายและถูกจับกุมจนสิ้น ศึกครั้งนั้นทำให้ชื่อเสียงของ คัตซ์ แมกมาดัสผู้บังคับบัญชาของ มังกรแห่งเซเรียสมีชื่อเสียงขจรกระจายไปทั่ว ด้วยความเด็ดขาดในการตัดสินใจและการวางแผนการรบอันยอดเยี่ยมของเขา และอีกหนึ่งบุรุษผู้เก่งกาจไม่แพ้กัน จ้าวแห่งการทำลาย ผู้ถือดาบยักษ์ไล่ทำลายเหล่าข้าศึกราวกับเทพอสูรอิอาซัน วอร์ครายหัวหน้ากองทหารรับจ้าง กุหลาบรัตติกาล...

     

    เหล่าชาวบ้านผู้ไม่เกี่ยวข้อง ถูกพาไปอยู่ในที่ปลอดภัย หลังจากนั้น ... การเผชิญหน้าของกองทัพกบฏและกุหลาบรัตติกาลก็เริ่มขึ้น อิซ , จิล และรีรีสต่างเป็นแกนนำที่สำคัญในการบุกทำลายข้าศึก พลังทำลายของอิซ ความรวดเร็วของจิล และเชิงดาบไร้ใครเทียบของรีรีส การที่ต้องบุกตะลุยในแนวหน้า โดยเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงนั้น มันก็เป็นธรรมดาของทหารรับจ้างอยู่แล้ว

     

    ตู้ม ! ! ! ...

     

    เพียงแค่การเหวี่ยงดาบเพียงครั้งเดียวของอิซ ก็ผ่าร่างของข้าศึกไปถึงสามคนในครั้งเดียว เลือดสีแดงฉานพุ่งกระจายเต็มร่างของอิซ แต่เขาก็ไม่สนใจ ... อิซยังคงควบดาบยักษ์ของเขาหมายจะทำลายข้าศึกให้สิ้นต่อไป ฝีมือการปามีดของจิลนั้นก็ใช่ย่อย ความแม่นยำของเธอหาใครเทียบ เพียงแค่การซัดมีดครั้งเดียว ก็สามารถสังหารศัตรูได้แล้ว และนั่นทำให้เธอได้รับฉายาว่า สังหารพริบตา

     

    เวลาผ่านไปไม่นานเท่าไร ... กองทัพกบฏก็ถูกทำลายจนไม่เหลือ ... แม้แต่คนเดียว และภาพหนึ่งที่อิซไม่มีวันลืมเลย ขณะที่เปลวเพลิงลุกไหม้บริเวณโดยรอบ ร่างของหญิงสาวผมสีเงินยาวสลวย แต่กลับถูกย้อมไปด้วยโลหิตของเหยื่อที่ต้องสังเวยให้กับคมดาบของเธอยืนอยู่เหนือกองซากศพจำนวนมาก ในมือยังจับดาบคู่ทั้งสองเล่มที่โชกเลือดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ขณะที่เปลวเพลิงก็เริ่มปะทุขึ้นเรื่อย ๆ

     

    ... รีรีส ... แววตาของอิซเบิกกว้างขึ้น เขาเอ่ยชื่อของหญิงสาว ... ที่ตอนนี้ดูราวกับเทพธิดาแห่งความตายที่คอยคร่าชีวิตเหล่าข้าศึกในสนามรบ แต่นั่น ... กลับทำให้เขารู้สึกหลงใหลในตัวเธอโดยไม่รู้ตัว และยังคงเป็นแบบนั้นเรื่อยมาจนเวลาล่วงเลยมาหนึ่งปีเต็ม จนถึงปัจจุบัน

     

    ........ ... อิซค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกช้า ๆ วงแขนที่กอดร่างของรีรีสไว้ค่อย ๆ คลายออก ใบหน้าขึ้นสีเลือดฝาด ไม่กล้าสบตาเธอตรง ๆ ... นี่ ... คือความรู้สึกของชั้น ... รีรีส ...

     

    ... ร่างของรีรีสยืนนิ่งไม่ขยับ เธอก้มหน้านิ่ง และไร้การตอบสนอง ...

    ... รีรีส ? ..

     

    อิซค่อย ๆ เอื้อมมือทั้งสองเข้าไปหาเธอ ... ตุบ ! ... หญิงสาวกลับก้าวเท้าถอยหลังห่างจากตัวเขา และห่างไปเรื่อย ๆ จนเธอชนกับต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง สีหน้าของอิซดูเศร้าอย่างประหลาด รีรีส ... ชั้น ... เขาเดินเข้าไปหาเธอ ...

     

    อ ย่ า เ ข้ า ม า น ะ  ! ! ” รีรีสร้องเสียงดัง ! ... เธอยังคงก้มหน้านิ่งอยู่

     

    อิซหยุดตามคำขอของเธอ เขายืนนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ทั้งสิ้นราวกับรูปสลัก ... รี ... รีส ...

     

    ชะ ... ชั้น ... รีรีสค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลโชกเต็มใบหน้าสวยนั้น เธอรู้สึก ... รู้สึกได้ถึงบางอย่าง บางอย่างที่มัน ... ไม่ได้ ! ... จะเป็นแบบนี้ไม่ได้ ! ... แต่ทำไมกัน ร่างกายกลับเรียกร้องหาอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้นเหลือเกิน หากแต่ยังคงมีอะไรบางอย่างฝังลึกอยู่ในใจของเธอ และนั่นทำให้เธอไม่อาจจะตอบรับเขาได้

     

    ... ไม่ได้ ... ไม่ได้ ... !” หมั่บ ! รีรีสยกมือทั้งสองข้างกุมขมับแล้วส่ายหน้าไปมา หยาดน้ำใสจากดวงตายังคงไหลริน ... ขะ ... ขอโทษ ! ... ขอโทษ ! ... ตึก ตึก ! รีรีสหันหลังไปด้านทิศตรงข้ามกับอิซแล้ววิ่งออกไปอย่างเร็วโดยไม่หันกลับมามองชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย

     

    ... รีรีส ... อิซเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ แล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย ... คำพูดของเธอวกวนอยู่ในหัวเขา ไม่ได้ ... ? ทำไมถึงไม่ได้กัน ? คำถามนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในหัวของเขา กึ๊ด ... มือทั้งสองข้างของอิซกำแน่น ร่างกายสั่นระริก ...

     

    เปรี๊ยะ ! ... ต้นไม้ที่อยู่รอบตัวอิซนั้น ... เปลือกไม้ค่อย ๆ แตกออก ... และรอยแตกก็เริ่มขยายไปมากขึ้น ...

     

    ทำไม ! ! ! ...

     

    อิซคำราม เปรียะ ! เปรี้ยง ! ... ตึง ! ต้นไม้ที่อยู่บริเวณโดยรอบตัวเขาแตกกระจาย เพียงแค่แรงกดดันก็สามารถทำได้ถึงขนาดนี้ ... แทบจะไม่ใช่ความสามารถของมนุษย์แล้ว ... อิซเงยหน้ามองท้องฟ้ายามราตรี ... มีเพียงแสงดาวระยิบระยับจำนวนมากเท่านั้น

     

    ... ทำไม... คำถามนี้คงยังอยู่ในใจเขาต่อไป ...

     

    ทางด้านจิลที่แอบอยู่ห่างออกไปนั้น เธอยืนนิ่งราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ ใบหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกราวกับรูปสลัก เธอรู้สึก ... เศร้า ... เสียใจ ... ที่ทั้งสองเป็นแบบนี้ แต่บางอย่าง ... ความรู้สึกบางอย่างในใจลึก ๆ กลับรู้สึกโล่งใจเมื่อทั้งสองไม่ได้ลงเอยกัน เธอรู้สึกเจ็บแปลบในอก ... ด้วยความรู้สึกผิด ...

     

    ... ทำไม ? ... จิลเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ ... คำถามนี้ ทั้งสาม ... คงได้แต่นำกลับไปคิดเพียงลำพัง

     

    -- กองอัศวิน มังกรแห่งเซเรียส’ –

     

    วันนี้ ... เป็นวันพักผ่อนของเหล่าอัศวิน ซึ่งสัปดาห์หนึ่งจะมีวันนึง เป็นวันที่เหล่าอัศวินมังกรเซเรียสจะได้ออกไปเดินเที่ยวในเมืองอย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลถึงกฎระเบียบต่าง ๆ ในป้อมเลยแม้แต่น้อย และเป็นเวลาที่พวกเขาจะได้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่ รวมทั้งจะได้มีเวลาสานความสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ ในป้อมด้วย เวลาตีห้า ... เอลวิสก็แอบออกมาจากป้อม แล้วรีบตรงไปยังปราสาทเซเรส ที่ซึ่งเขานัดกับใครบางคนไว้ทันที

     

    หมั่บ ! ตุบ ... ! เอลวิสปีนขึ้นไปบนรั้ว แล้วกระโดดลงมาที่สวนดอกไม้อย่างคล่องแคล่ว แล้วเดินผ่านหมู่มวลไม้ไปยังศาลาตรงกลาง ... และเธอรออยู่ที่นั่นแล้ว รอยยิ้มยังคงงดงามไม่เคยเปลี่ยน ชวนให้ชายหนุ่มใจเต้นทุกครั้งที่ได้สัมผัสกับมัน ข้างตัวแคร์มีหญิงแก่ดูใจดียืนอยู่ข้าง ๆ เธอด้วย คงจะเป็นแม่นมของเธอ แคร์นั้นอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีขาวเรียบ ๆ ไม่มีอะไรเด่น ... จะเด่นก็เพียงแต่รูปหน้าอันงดงามราวกับเทพธิดาเท่านั้น

     

    ... คุณแคร์ ... เอลวิสยิ้มให้กับหญิงสาว แล้วหันไปทางหญิงแก่ท่าทางใจดีที่อยู่ข้าง ๆ เธอ ... สวัสดีครับ เอลวิสยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร

     

    สวัสดีค่ะ คุณเอลวิส แคร์ยิ้ม ... อย่างงดงาม นี่ ... มาริซ่าเป็น ... เอ่อ ... แม่นมขององค์หญิงน่ะค่ะ ... มาริซ่ายิ้มให้เอลวิสอย่างใจดี ดูท่าทั้งสองคงเตี๊ยมกันมาเรียบร้อยแล้ว สำหรับมาริซ่านั้น ความสุขของแคร์ ถือว่าเป็นสิ่งที่เธออยากให้แคร์ได้รับมากที่สุด เธอจึงไม่มีท่าทีคัดค้านใด ๆ ยิ่งรู้ว่าเอลวิสนั้นเป็น มังกรแห่งเซเรียสแล้วด้วย เธอก็ยิ่งวางใจ ในเมื่อทุกคนที่ได้เข้าไปอยู่ใน มังกรแห่งเซเรียสล้วนแต่เป็นยอดฝีมือทั้งนั้น

     

    ฝาก ... เอ่อ ... แคร์เทียร่าด้วยนะคะ คุณเอลวิส มาริซ่ายิ้มให้เขา เอลวิสพยักหน้ารับคำแล้วจึงส่งมือให้กับแคร์ ...

     

    ... รอยยิ้มของชายตรงหน้า อบอุ่น และทำให้เธอมีความสุขอย่างประหลาดแบบไม่เคยมีมาก่อน ...

     

    หมั่บ ... แคร์ยิ้ม ใบหน้าขาวนั้นถูกแทนที่ด้วยเลือดฝาด มือของเธอค่อย ๆ ส่งให้เขา เอลวิสจับมือของเธอเอาไว้เบา ๆ สีหน้าไม่ต่างจากเธอเท่าไรนัก เอลวิสค่อย ๆ พาเธอเดินไปที่รั้วอย่างเงียบเชียบ ... มาริซ่าโบกมือให้พวกเขาจนลับสายตาไป ...

     

    เอลวิสค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปบนรั้ว แล้วค่อย ๆ พยุงตัวแคร์ขึ้น ... เป็นครั้งแรก ... ครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสตัวเธออย่างใกล้ชิดแบบนี้ และรับรู้ถึงความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในใจอย่างเต็มที่ พอทั้งสองพ้นรั้วออกมาแล้ว เอลวิสก็จับมือแคร์ แล้วพาเธอเดินไปเรื่อย ๆ ด้วยหัวใจเปี่ยมสุข ...

     

    ... ความสุขวันนี้ จะเก็บเอาไว้ตลอดไป ตราบนานเท่านาน ...

     

    แคร์นั้นดูตื่นเต้นอยู่พอดู แต่เธอก็เก็บอาการได้อย่างสมกับเป็นคนที่อยู่วัง เธอถามเอลวิสบ้างเป็นบางครั้ง สำหรับหลายสิ่งที่เธอไม่เคยได้พบมาก่อน เมื่อเอลวิสให้คำตอบเธอ เธอก็จะขอบคุณเขาแล้วยิ้มให้เขาอย่างงดงาม และนั่นเป็นสิ่งที่เอลวิสชอบมากเลยทีเดียว

     

    ... รอยยิ้มของเธองดงามทุกครั้งที่ได้เห็น ความอบอุ่นจากรอยยิ้มนั้นซึมลึกเข้าไปถึงหัวใจ ...

     

    ทั้งเอลวิสและแคร์เดินมาด้วยกันจนถึงตลาด เวลานี้ ... เธอต้องหยิบผ้าคลุมแบบมีฮู้ดขึ้นมาสวม เพราะว่าในเมืองนี้ คนที่ได้เห็นใบหน้าของเจ้าหญิงก็มีตั้งมากมาย ขืนเห็นว่าเจ้าหญิงออกมาเดินเล่นแบบนี้คงไม่ดีเท่าไรแน่นอน ใส่ทำไมหรือครับ ? ร้อนจะตาย ... เอลวิสถามเธอด้วยรอยยิ้ม ขณะที่แคร์ก็กระชับให้มันปิดใบหน้าของเธอ

     

    อะ ... เอ่อ ... คือ ... แคร์ไม่รู้จะบอกเหตุผลเขายังไงดี ... แสงแดดมันแรงน่ะค่ะ ... ชั้นแพ้แสงแดดด้วย แคร์แก้ตัวแล้วเอลวิสก็เชื่อซะด้วยสิ ...

     

    งั้นหรือครับ เอลวิสยิ้มแล้วค่อย ๆ ช่วยเธอจัดผ้าคลุมของเธอ ... ถึงเขาจะไม่ชอบนิด ๆ ที่ไม่ได้เห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจนก็ตามที แต่สำหรับเอลวิสแล้ว ... ความปลอดภัยของเธอนั้นต้องมาเป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว ... ... อ๊ะ ... เอลวิสเห็นอะไรบางอย่าง รอสักครู่นะครับ ... เขาวิ่งหายไปพักหนึ่ง แล้วจึงกลับมาพร้อมกับไอศกรีมช็อคโกแลตสองโคน แคร์นั้นมองมันอย่างสงสัย ไม่น่าแปลก ก็เวลาเธออยู่ในวังเธอทานแต่อาหารดี ๆ และของหวานก็จะเป็นพวกเค้กอะไรพวกนี้มากกว่า

     

    ... ของกินที่แพร่หลายสำหรับคนธรรมดากลับเป็นของแปลกสำหรับเธอ ...

     

    ... เชิญครับ เอลวิสยิ้มแล้วส่งมันให้กับเธอ เขาอยู่ใกล้เธอจนเพิ่งสังเกตเห็นสิ่งที่เธอห้อยอยู่ที่คอ ...

     

    ... จี้ดอกกุหลาบที่เขาให้เธอเมื่อคืนนั้น นี่เธอใส่มันด้วยหรือ ? ช่างรู้สึกยินดีนัก ...

     

    คุณแคร์ ... ใส่มันด้วยหรือครับ ?” เอลวิสถามเธอด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอบอุ่น ถึงจะรู้คำตอบอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็อดถามไม่ได้อยู่ดี แคร์จับมันไว้เบา ๆ แล้วเงยหน้ามองเขา

     

    ... ตอนนี้ มันกลายเป็นของสำคัญของชั้นไปแล้ว ... แคร์ก้มหน้าเล็กน้อยด้วยความเขินอาย ดวงหน้าขาวนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อ ในยามนี้เธอก็ดูน่ารักไปอีกแบบหนึ่ง ... ล่ะค่ะ ...

     

    ... ยินดีที่ได้ยินแบบนั้นครับ ... เอลวิสเอ่ย แล้วส่งไอศกรีมในมือให้เธอ เชิญครับ เดี๋ยวจะละลายเสียก่อน ไอศกรีมที่นี่อร่อยนะครับ ถึงผมจะเพิ่งเคยลองทานดูครั้งแรกก็ตามเถอะ

     

    ค่ะ แคร์ยิ้มแล้วรับมันมา จากนั้นจึงลองเลียมันเบา ๆ ...

     

    เมื่อริมฝีปากของเธอสัมผัสกับความหวานและความเย็นของไอศกรีม แคร์สะดุ้งเล็กน้อย เย็นจังค่ะ แต่อร่อย ... ขอบคุณนะคะ แคร์ยิ้มให้เขา อย่างอบอุ่น ... เอลวิสยิ้มตอบเธอ

     

    ... ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันอย่างเป็นสุข ราวกับเทพบุตรและเทพธิดาไม่มีผิดเพี้ยน ...

     

    ทั้งเอลวิสและแคร์ต่างเดินดูของในตลาด หลายสิ่งนั้นเป็นสิ่งประหลาดสำหรับแคร์ เธอถามคนขายด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร และไม่มีใครไม่ตอบเธอ เธอคนนี้ ... ดูราวจะเข้ากับทุกคนได้ เอลวิสมองภาพหญิงสาวที่งดงามราวกับมาจากสวรรค์ซึ่งกำลังสนอกสนใจเครื่องเรือนดินเผา ตอนนั้นเอง ... สิ่งหนึ่งที่เขาไม่อยากจะให้เกิด ก็เกิดขึ้นจนได้ มือของคนบางคนทาบลงบนไหล่เอลวิสพร้อมกับคำทักทายคุ้นเคย

     

    ไง ! เอลวิส ! มาเดินเที่ยวคนเดียวทำไมล่ะ !?” เสียงร่าเริงนั้นคุ้นหูเขายิ่งนัก แน่นอน ... เป็นเสียงเดียวกับเสียงกรนที่เขาได้ยินแทบทุกคืน เอลวิสหันไปและพบกับโครโน่ , มิส และเชสเตอร์ในชุดลำลองสบาย ๆ ง่าย ๆ ยืนอยู่เบื้องหน้าของเขา

     

    ... อะ ... อะ ... เอลวิสเหมือนจะพูดอะไรไม่ออก ... การที่ทั้งสามคนตรงหน้ามาอยู่ด้วยกันนี้ได้นั้น เหตุมันเกิดขึ้นเมื่อตอนราว ๆ เก้าโมงของวันนี้เอง เมื่อโครโน่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นเอลวิส

     

    ... ตอนนั้น ...

     

    ... งืม ... เห ? เจ้าเอลวิสหายไปไหนของมันนะ ? ว่าวันนี้จะไปเดินตลาดด้วยกันสักหน่อย โครโน่เอ่ยอย่างงัวเงียแล้วลุกขึ้นบิดร่างกายไปมา เขามองออกไปนอกหน้าต่างพบมิสกำลังซ้อมอยู่กับกระสอบทรายที่ตั้งเอาไว้ เธอคนนี้ช่างขยันจริง ๆ แล้วยังนิสัยร่าเริงนั่นอีก นี่ล่ะมั้ง ? เหตุผลที่โครโน่อยากอยู่ใกล้ชิดกับเธอ เอ ... เจ้าเอลวิสไม่อยู่ ชวนมิสไปเดินตลาดดีกว่า ฮึ ฮึ ... โครโน่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

     

    ... เวลาทำคะแนนมาถึงแล้ว จะปล่อยให้มันหลุดไปได้ยังไง ? แต่คนที่คิดแบบนี้ก็ไม่ได้มีแต่โครโน่เพียงคนเดียว ...

     

    โครโน่อาบน้ำ ( ด้วยความเร็วแสง ) แล้วจึงเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง จากนั้นจึงรีบเดินลงไปหามิสที่อยู่ที่ลานฝึก และพบชายคนหนึ่งอยู่กับเธออยู่แล้ว ... ชายหนุ่มผมสีแดงเช่นเดียวกับเขา ดวงตาสีเทาดูลึกลับอย่างประหลาด รุ่นพี่ที่เขาไม่ค่อยจะเคารพสักเท่าไร เชสเตอร์นั่นเอง ดูท่าทาง เขาจะชวนมิสออกไปเดินเที่ยวในเมืองเช่นกัน โครโน่ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ แล้วเดินเข้าไปหามิส เชสเตอร์นั้นมองโครโน่ด้วยสายตาประมาณว่า ก้างขวางคอ...

     

    ไง มิส สวัสเด ... รุ่นพี่ ... โครโน่เน้นคำหลังเป็นพิเศษ เชสเตอร์มองโครโน่อย่างไม่พอใจแล้วทำท่าไม่สนใจเขา มิสหันมาทักทายโครโน่ตอบอย่างร่าเริง

     

    สวัสดี โครโน่ ! ... นี่รุ่นพี่เชสเตอร์จะมาชวนชั้นไปเที่ยวในเมือง ไปด้วยกันไหม !?” มิสเอ่ยด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี แต่ว่า ... ราวกับมันแฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่าง บางอย่างที่น่ากลัวลึก ๆ ...

     

    ... ที่เธอพูดไปนั้นไม่รู้ว่าหวังดี หรืออยากจะเห็นศึกชิงนางกันแน่ ? ...

     

    ........ โครโน่มองหน้าเชสเตอร์ เชสเตอร์ก็มองหน้าเขาตอบ เชสเตอร์ขยับปากโดยไม่ออกเสียงได้ความว่า ไป ให้ พ้น ซะ... โครโน่แสยะยิ้ม ... เขาไม่มีวันทำตามแน่นอน ไปสิ ~” โครโน่ยิ้มร่า ไปด้วยกันหลาย ๆ คนคงสนุกน่าดู จริงไหมครับ ? ‘รุ่นพี่เชสเตอร์ ... โครโน่เน้นเสียงอีกครั้ง เชสเตอร์แยกเขี้ยวขณะที่มิสก็หัวเราะคิกคัก

     

    ... เออ ... เชสเตอร์เพียงแต่ตอบสั้น ๆ เท่านั้น ... จากนั้นทั้งสามจึงเดินเข้ามาในตลาด โดยมิสนั้นอยู่ตรงกลาง และถูกขนาบด้วยสองหนุ่มที่ทำท่าจะกินเลือดกินเนื้อกันเองตลอดเวลา เชสเตอร์และ โครโน่... พอมิสสนใจอะไรนั้น ทั้งสองจะแข่งกันชวนเธอคุยเรื่องนั้นทันที และเมื่อมิสดูของอะไร ทั้งสองก็ยังคงแย่งกันเสนอตัวซื้อของให้มิส พอรู้ตัวอีกที ... ทั้งสองก็กลายเป็น ลิ่วล้อคอยถือของให้กับมิสไปแล้ว

     

    จนในที่สุด โครโน่ก็เห็นเอลวิสยืนอยู่คนเดียว และพามิสกับเชสเตอร์เข้ามาทักเขานั่นเอง เป็นอะไรของนาย ? ทำหน้าอย่างกับเห็นผี ?” โครโน่พูดแล้วหัวเราะเบา ๆ แคร์นั้นพอคุยกับคนขายเสร็จ เธอก็ยิ้มให้แล้วเอ่ยขอบคุณ จากนั้นจึงเดินกลับมาหาเอลวิส หะ ... เห !? ... มีสาวมาด้วยนี่นา !” โครโน่ทำท่าสนอกสนใจเกินเหตุ แคร์นั้นเหมือนกับจะกลัวท่าทีของโครโน่หน่อย ๆ เธอเดินมาจับแขนเสื้อเอลวิสแล้วยิ้มให้ทั้งสามอย่างเป็นมิตร

     

    สวัสดีค่ะ ... เพื่อน ๆ ของคุณเอลวิสหรือคะ ? ชั้นแคร์เทียร่าค่ะ แคร์ถามและแนะนำตัวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ทั้งสามเมื่อเห็นหน้าของแคร์นั้นก็แทบจะอึ้งไปชั่วขณะ แน่นอนว่า ... ไม่รู้ฐานะที่แท้จริงของแคร์แน่นอน มิสและโครโน่นั้นมาจากเมืองอื่น ส่วนเชสเตอร์นั้นถึงจะอยู่ที่เมืองนี้มาปีนึงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เคยได้เห็นหน้าขององค์หญิงเลยแม้แต่สักครั้งเดียว ทั้งโครโน่และเชสเตอร์นั้นแทบจะหลงไปกับความงามของแคร์

     

    สวัสดีครับ แฮ่ม ~ กระผม ... โครโนอัส ฟรอนเทียร์ เรียกโครโน่ก็พอครับ เป็นเพื่อนของเอลวิสเอง ... โครโน่วางของแล้วยกมือขึ้นแตะหน้าอกตนเองเบา ๆ ก่อนจะเริ่มแนะนำตัว ไม่รู้ทำไม ... เอลวิสถึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างประหลาด

     

    ... ผม ... เชสเตอร์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณผู้หญิง ... เชสเตอร์นั้นทำท่าจะเข้าไปจับมือของแคร์ แต่เอลวิสเดินออกมาข้างหน้าขวางมือของเชสเตอร์แล้วเปลี่ยนประเด็นเสียก่อน เชสเตอร์รู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย ...

     

    กึ๊ด ! ...

     

    ทั้งสองรู้สึกเจ็บแปลบที่ไหล่ขึ้นมาในทันที มิสนั่นเอง ... เธอหยิกเข้าไปที่ไหล่ของทั้งสองอย่างแรงด้วยข้อหาทำตัวน่าหมั่นไส้ ... ร้ายไม่เบาเลยนะ เธอเนี่ย ... มิสยิ้มน้อย ๆ แล้ว ... ไปเจอเธอที่ไหนล่ะ ? หรือว่าคบกันตั้งแต่ก่อนจะเป็นอัศวิน ว่าแล้ว หน้าตาอย่างนายเนี่ยต้องมีแฟนแล้ว ตุบ ๆ มิสชกหน้าอกเขาเบา ๆ

    อะ ... อือ ... เอลวิสเออออไปก่อน แคร์ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ ขอตัวก่อนนะ ... เอลวิสจับมือแคร์ไว้ แล้วพาเธอเดินหนีทั้งสามออกไปอย่างเร็ว

     

    อือ ! แล้วเจอกันที่ป้อมนะเอลวิส !” มิสโบกมือลาทั้งสองอย่างอารมณ์ดีแล้วหันมายังสองหนุ่มตัวแสบที่ยืนลูบไหล่ตัวเองอย่างแสบ ๆ อยู่ ดูท่า ... มิสจะหยิกเข้าไปซะเต็มแรง ........ มิสมองทั้งสองอย่างหน่ายใจ แล้วจึงเดินฉับ ๆ จากไป ... สองหนุ่มมองหน้ากันเองแล้วคว้าของที่อยู่บนพื้น จากนั้นจึงวิ่งตามมิสไปในทันที

     

    มิส / น้องมิส ผมขอโทษ ~ !” สองหนุ่มร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกัน ...

     

    เอลวิสพาแคร์เดินมาจนท่าทางจะไม่เจอใครที่รู้จักอีกแล้ว ... พวกเขามาถึงสวนสาธารณะของเมือง ที่ซึ่งเงียบสงบและปราศจากความวุ่นวาย มีเพียงสีเขียวของต้นหญ้าที่ไหวไปตามลม และต้นไม้จำนวนมากที่ให้บรรยากาศร่มรื่นเท่านั้น เสียงนกร้องขับขานไพเราะราวเสียงจากสวรรค์ ตุบ ! ... ทั้งสองนั่งลงบนสนามหญ้าโล่ง ๆ ที่ไม่น่าจะมีผู้คนเดินผ่านมา ... ถอดเสื้อคลุมออกเถอะครับ แดดไม่มีแล้ว อากาศเย็นสบายด้วยตอนนี้ เอลวิสยิ้ม

     

    แคร์นั้นค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมของตนออก แล้วปูมันไว้บนพื้นหญ้าต่างเสื่อ พอที่จะนั่งได้สองคน มานั่งบนนี่สิคะ จะได้ไม่สกปรก แคร์ยิ้มแล้วค่อย ๆ นั่งพับเพียบลงบนผ้าคลุมนั้น เอลวิสยิ้มบางที่มุมปากแล้วลุกขึ้นเดินไปนั่งข้าง ๆ เธอ มือทั้งสองข้างยันพื้นหญ้าด้านหลังไว้ ขาเหยียดตรงเพื่อผ่อนคลาย ใบหน้าเงยขึ้นรับลมเย็นแสนสบาย

     

    ... อากาศดีมากเลยนะครับ ... เอลวิสเอ่ยขึ้นมา แคร์พยักหน้าน้อย ๆ แล้วเงยหน้ามองก้อนเมฆที่เป็นรูปแปลก ๆอยู่บนท้องฟ้า เอลวิสเงยหน้ามองตามเธอ ตุบ ... ร่างของเขาเหมือนกับถูกมือของใครสักคนจับให้เอนตัวลงนอนไปด้านข้าง พอรู้ตัว ... สิ่งที่เงยหน้าแล้วมองเห็น ก็คือใบหน้าอันงดงามของแคร์ หลังศีรษะของเอลวิสสัมผัสได้ถึงอะไรนิ่ม ๆ แคร์หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย โดยเธอไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจให้เธอจับเขาลงมานอนตักเธอแบบนี้กัน ? แต่เธอก็ทำไปแล้ว ...

     

    ... สบายไหมคะ ?” คำถามที่เรียบง่ายและแฝงไว้ด้วยความอบอุ่น ใบหน้าของเธอก้มลงมองหน้าของเขาที่เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อแล้วยิ้มออกมา ... ตอนอยู่ที่กองคงจะซ้อมจนเหนื่อย พักสักหน่อย อย่าฝืนนะคะ ... แคร์พูดยิ้ม ๆ มือลูบผมสีเงินของชายหนุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ

     

    ... ครับ ... เอลวิสเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ... ความอบอุ่นที่ได้รับในยามนี้ มากกว่าครั้งไหน ๆ ที่เคยสัมผัส อยากจะอยู่แบบนี้ตลอดไป ... ตลอดไป ... เพียงแค่สองเรา ...

     

    ส่วนแคร์นั้น ... เธอกำลังมีความสุขอย่างประหลาด แต่ในความสุขนั้นก็แฝงไว้ด้วยความทุกข์ จะบอกเขาดีไหม ? แล้วถ้าบอก ... เขาจะมีอาการอย่างไร ? เขาจะเหมือนเดิมไหม ? แต่สักวันเขาก็ต้องรู้ความจริง และสักวันที่ว่านั้นก็ใกล้จะมาถึงแล้วด้วย ใบหน้าของแคร์ยามนี้ดูเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด เอลวิสมองหน้าเธอด้วยความฉงน

     

    ... คุณแคร์ ... เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ? ... เขาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ... มีอะไรบอกผมได้นะครับ ...

    ... คุณเอลวิส ... แคร์มองหน้าเขา ดวงตาของเธอทอประกายความเศร้า ชั้น ... มีเรื่อง ... ต้องบอกคุณค่ะ ... เป็นเรื่องสำคัญมาก ... ทีเดียว ... แคร์พูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าหมอง

     

    เอาเลยสิแคร์ บอกเขาไปเลย ... เธอจะได้ไม่ต้องมากังวลใจแบบนี้ บอกให้เขารู้ไปเลย ! แคร์เทียร่า ! ... เธอพยายามจะพูด แต่ราวกับว่ามันติดอยู่ที่ลำคอ ไม่อาจจะพูดออกมาได้ เธอกลัว ... เธอกำลังกลัว กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากเธอบอกเขาไป เธอไม่อยากจะสูญเสียช่วงเวลานี้ ใบหน้าของแคร์เปื้อนด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม รอยเศร้าหมองเมื่อครู่จางหายไป ... สำหรับวันนี้ ขอบคุณมากนะคะ คุณเอลวิส ชั้น ... มีความสุขมากเลย ... เธอพูดด้วยรอยยิ้ม

     

    ... ผมก็เช่นกันครับ ... ใบหน้าของเอลวิสดูดีขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอยิ้มแล้ว ... สุข ... ที่สุดในชีวิตของผมเลยทีเดียวครับ เอลวิสเอ่ย ... หมั่บ ... มือของเขาขยับขึ้นมาจับมือแคร์ไว้ แล้วยกมืออีกข้างขึ้นมากุมมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน ใบหน้าของทั้งคู่ต่างขึ้นสีแดงระเรื่อ แต่เธอไม่ได้มีท่าทีรังเกียจใด ๆ

     

    ... คุณเอลวิส ... แคร์ไม่พูดอะไร เพียงแต่ยิ้มตอบชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น ... โลกที่เธอได้สัมผัสวันนี้ มันช่างงดงาม งดงามยิ่งกว่าสวนดอกไม้ในวังเสียอีก และเธอ ... คงจะไม่ได้สัมผัสมันแน่นอน หากไม่ได้พบกับชายที่นอนหนุนตักเธออยู่นี้ ... ขอขอบคุณ ... อีกครั้งค่ะ ...

     

    ... ครับ ... มือของเขากุมมือเธอไว้แน่นขึ้น ราวกับจะประกาศอะไรบางอย่างให้เหล่าธรรมชาติได้รับรู้ เสียงนกร้องเพลงยังคงดังต่อไป ต่อไป ... และต่อไปตราบนานเท่านาน

     

    ... ตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต ...

     

    -- สมาพันธ์จอมเวทย์แห่งเซเรียส

     

    จอมเวทย์แต่ละคนนั้นจะมีการแบ่งระดับชั้นตามความสูงส่งของพลังเวทย์ อัสเทียและเวอลัสนั้นถือว่าอยู่ในระดับสูง และพวกที่อยู่ในระดับสูงในระดับหนึ่งนั้นจะมีห้องเป็นของตัวเอง ส่วนพวกจอมเวทย์ที่เข้าใหม่นั้น จะอยู่รวมกับจอมเวทย์คนอื่น ๆ อีกราวสองสามคน เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์สำหรับการทำงานร่วมกันในอนาคต ...

     

    ... ในห้องของเวอลัส ...

     

    เวอลัสนอนอยู่บนเตียงของเขา ดวงตาเลื่อนลอยราวกับคิดอะไร เรื่องเมื่อวานนี้ราวกับว่าเขาฝันไป หากไม่ใช่ว่าอัสเทียก็เห็นอย่างที่เขาเห็น เวอลัสนอนจ้องเพดานอยู่แบบนี้มาตั้งแต่หัววัน ... เขาฝัน ... ฝันถึงอะไรบางอย่างที่น่ากลัว บางอย่างที่น่ากลัวมาก ดวงตาสีแดงที่เหมือนกับจะสูบเอาวิญญาณของเขาไปยามที่เขาจ้องมองมันในความฝัน ... เขาไม่อยากจะหลับ ไม่อยากจะเห็นภาพนั้นอีก เวอลัสลุกขึ้นยืนแล้วค่อย ๆ ถอดเสื้อของตนออก มือขยับขึ้นสัมผัสต้นคอที่น่าจะมีรอยแผลอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     

    เวอลัสเดินผ่านกระจก ... ที่กลางหลังของเขานั่นเอง คือรอยสักรูปจันทร์เสี้ยวหงายที่ไม่รู้ที่มาว่ามาได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ก่อนเกิด เหตุการณ์นั้นมันยังไม่มีเลยแท้ ๆ ยามที่เขาสัมผัสมัน เขาจะรู้สึกเจ็บปวด ... เขายังจำได้ถึงความเจ็บปวดยามที่คทาของหญิงสาวนาม คาซิลเวียแทงเข้ามาที่กลางหลังของเขา มันทั้งร้อน ... และทรมานมาก

     

    ........ เวอลัสมองภาพที่สะท้อนในกระจกแล้วถอนใจยาว เขาไม่อยากจะบอกอัสเทีย เพราะถ้าบอก เธอคงเป็นห่วงเขามากแน่ และเธอคงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อเอามันออกไปแน่นอน แล้วเขาจะหันไปพึ่งใครดีล่ะ ? พวกจอมเวทย์ในนี้ล้วนนิสัยแปลก ๆ ดูท่า ... เขาคงต้องไปหาใครสักคน ใครสักคนที่มีความรู้เรื่องการรักษาเป็นอย่างดี แล้วใครกันล่ะ ? ...

     

    ... เร็น มิสติน่า...

     

    หนึ่งในหญิงสาวผู้สังกัด แสงสุริยาเขาไม่รู้ว่าเธอจะช่วยเขาได้หรือเปล่า ? แต่ว่าเขาก็ต้องลองดู หากไม่ลอง คงไม่รู้สักที เธอคนนั้นมีความรู้เยอะ เพราะว่าเป็นคนคอยตรวจเอกสารต่าง ๆ ให้กับแสงสุริยา หากไปขอให้เธอช่วยดูถึงที่มาของรอยสักนี้ น่าจะรู้อะไรบ้าง ไม่มากก็น้อย หมั่บ ! พรึ่บ ! ... เวอลัสคว้าเสื้อและเสื้อคลุมขึ้นมาสวม ก่อนจะเดินออกมาจากห้องแล้วก้าวฉับ ๆ ไปที่หน้าสมาพันธ์

     

    เวอลัสขึ้นรถม้าไปอย่างเร็ว ... โดยไม่คิดจะบอกอัสเทีย เพราะเขารู้ ... เขารู้ว่าถ้าบอกไปเธอต้องเป็นห่วงอยู่แล้ว เพราะงั้น การปิดเงียบคงจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาทั้งสอง ในเวลาไม่นานมากนัก เวอลัสก็มายืนอยู่ที่หน้าโบสถ์เซเรสแล้ว มันยังคงเต็มไปด้วยความสง่างามและศักสิทธิ์เหมือนเช่นทุกครั้งที่เขามองมัน

     

    ........... แอ๊ด ~ ด ... เวอลัสค่อย ๆ ดันประตูโบสถ์เข้าไป ... ตึก ตึก ... เขาค่อย ๆ เดินเข้าไปตามพรมกำมะหยี่สีแดง และพบว่า ... ข้างในโบสถ์นั้น มีคนยืนอยู่ที่หน้ารูปปั้นเทพเจ้าแล้วสามคน ...

     

    ... พวกคุณคือ ...

     

    -- ตำนานบทที่ VIII : สู่โลกภายนอก จบ --

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×