คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตำนานบทที่ VI : ภัยมืด
-- ตำนานบทที่ VI : ภัยมืด --
-- สมาพันธ์จอมเวทย์แห่งเซเรียส
... เมื่อเช้านี้ ...
“เดินเล่นในเมือง ? ...” เสียงของหญิงสาวนาม ‘อัสเทีย’ ฟังดูประหลาดใจ เมื่อชายหนุ่มผู้มีนิสัยประหลาด ‘เวอลัส’ มาชวนเธอไปเดินเล่นในเมือง แปะ ... มือของเธอทาบที่ศีรษะของเขาพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด “เอ ... ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่นา ... หรือจะผีเข้า ? ให้ชั้นไปตามใครให้มาช่วยเอาผีออกจากตัวนายดีไหม ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงจริงจังจนดูน่าขัน
“..........” เวอลัสส่ายหน้าช้า ๆ “... ตกลงจะไปไหม ?” เขาถาม ...
“ปะ ... ไป ...” ดูท่าทางอัสเทียจะยังเหวอไม่หาย ทั้งสองออกมาจากสมาพันธ์แล้วเดินเล่นไปตามตัวเมือง ช่วงนี้เกิดเหตุการณ์ประหลาดมากมาย งานของทั้งสองจึงท่วมหัวซะจนต้องอยู่ทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ เวอลัสคงกลัวว่าอัสเทียจะเครียดตายไปก่อน เลยชวนเธอออกมาเดินเล่นให้รู้สึกดีขึ้นบ้าง
ทั้งสองเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดา เพราะขืนใส่ชุดจอมเวทย์ออกมาเดินตลาด คงตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งเมืองแน่ อัสเทียอยู่ในชุดกระโปรงยาวสีม่วงอ่อนแบบเรียบ ๆ ดูไม่เตะตามากนัก จะเด่นหน่อยก็คงเป็นใบหน้าอันสวยงามของเธอที่ทำให้หนุ่ม ๆ ในเมืองเหลียวหลังกลับมามองเท่านั้นล่ะ ส่วนเวอลัสก็สวมกางเกงผ้าและเสื้อหนังสีน้ำตาลไม่มีอะไรเด่นเลยแม้แต่น้อย
อัสเทียนั้น ... แทบจะไม่เคยใส่ชุดพวกนี้เลย เล่นเอาเวอลัสเหวอเล็กน้อยตอนเห็นเธอเดินออกมาจากห้องในชุดแบบนี้
... คงเพราะความงดงามของเธอ ที่แม้แต่ตัวเธอก็ไม่เคยรู้ล่ะมั้ง ? ...
ตลาดในวันนี้ ... ก็เหมือนเช่นทุกวัน พ่อค้าแม่ค้าต่างขนเอาสินค้าของตนออกมาวางขายกันมากมาย อัสเทียดูจะชอบใจพอดู เพราะว่าเธอแทบจะไม่ได้ออกจากสมาพันธ์เลยถ้าไม่ใช่เรื่องงาน ดูเธอ ... ร่าเริงอย่างประหลาด จนแม้แต่เวอลัสผู้มีสีหน้าเรียบเฉย ยังแปลกใจ ... รอยยิ้มนั้น ... รอยยิ้มของเธอ ... ดูแปลกไป
... ดูงดงาม ... มั้ง ? ...
“... อัสเทีย” เวอลัสเอ่ยชื่อของหญิงสาว อัสเทียที่กำลังสนใจกับผ้าแพรบางหันมาหาเวอลัสแล้วยักคิ้วเป็นสัญญาณให้เขาพูดต่อ “... อยากได้อะไรก็บอกนะ ...”
“...........” อัสเทียยืนอึ้งไป ... มองเวอลัสด้วยสายตาที่เหมือนกับกำลังมองคนแปลกหน้า “... นายใช่เวอลัสตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย ?” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง แล้วเดินเข้าไปใกล้เขา ...
... ใบหน้างดงามที่ไร้การเติมแต่ง ...
เวอลัสไม่พูดอะไร ควับ ... เขาหยิบกระดาษขึ้นมาแล้วตวัดพู่กันลงบนกระดาษเป็นรูปหน้าคนกำลังยิ้มและชูนิ้วโป้งอีกตังหาก อัสเทียรับไปแล้วยิ้ม ... “ตกลง”
“... ถือว่านายพูดแล้วนะ ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำล่ะ ! ...”
หงึก ... เวอลัสพยักหน้าเป็นการรับคำ ...
“งั้นไปกันเถอะ” อัสเทียยิ้ม หมั่บ ... มือของเธอคว้ามือของชายหนุ่มไว้ทันที โดยเจ้าตัวดูไม่มีท่าทีเขินอายเลยแม้แต่น้อย ... หารู้ไม่ว่า ... ใบหน้าของชายหนุ่มตอนนี้ร้อนผ่าว และหัวใจเต้นแรงอย่างประหลาด ... ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อน ตลอดเวลาที่ทำงานและอยู่ด้วยกัน เขากลับไม่รู้สึกอะไรแบบนี้เลย ...
... ไร้คำพูดใดจะเอื้อนเอ่ย อยากขออยู่แบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ...
ทั้งสองเดินเล่นด้วยกัน และเลือกของกันอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มร่าเริงของอัสเทีย ถือว่าเป็นสิ่งที่หายากยิ่งนัก เพราะว่าเธอนั้นเป็นคนเอาจริงเอาจัง ... เธอไม่รู้ตัวเลยว่า รอยยิ้มของเธอ รอยยิ้มที่แสนเป็นธรรมชาตินี้ งดงามราวกับใช้เวทย์มนต์เลยทีเดียว เวอลัสและอัสเทียเดินเล่นกันมาจนถึงน้ำพุในตัวเมือง ในมือของอัสเทียถือสายไหมสีชมพูดูน่าอร่อยเอาไว้ด้วย
“... นาน ๆ ทีออกมาแบบนี้ก็สนุกดีนะ เวอลัส งั่ม ~” อัสเทียเอ่ยแล้วดึงสายไหมเข้าปากพอดีคำ รอยยิ้มปรากฏขึ้นเพราะความหวานอร่อย ...
“... นั่นสิ” เวอลัสพยักหน้า ...
“เฮ้อ ...” จู่ ๆ อัสเทียก็ถอนหายใจออกมา แล้วหมุนสายไหมเล่นไปมาอย่างเรื่อยเปื่อย “ความสงบสุขแบบนี้ ... มันจะหมดไปเมื่อไร เราก็ไม่มีทางรู้เลยเนอะ เวอลัส ...” อัสเทียเอ่ย “ชาวเมืองยังใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข ทั้ง ๆ ที่ห่างออกไป ความเลวร้ายกำลังเกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ แท้ ๆ”
“...........” เวอลัสไม่พูดอะไร จนพักหนึ่ง ... “... คนเราไม่มีทางรู้ว่าตนเองจะตายวันไหน จู่ ๆ เธอหรือชั้นอาจจะตายไปเฉย ๆ ก็ได้ มันเป็นเรื่องของ ‘โชคชะตา’ ...”
“... เพราะงั้น เราควรจะใช้ชีวิตให้คุ้มค่าซะตั้งแต่ตอนนี้ จริงไหมละ ? อัสเทีย ...”
“นั่นสิ ... นายพูดถูก ...” อัสเทียยิ้ม ... “... หือ ?” น่าแปลกนัก ... ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่นั้นมีผู้คนเดินผ่านไปมาเต็มไปหมด แต่จู่ ๆ ก็เหมือนกับว่าเหลือเพียงแค่พวกเขาทั้งสอง
... ความรู้สึกเย็นยะเยือกนี้มันคืออะไรกัน ? ...
... “เวอลัส” อัสเทียเอ่ยขึ้นแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน สายตาสาดส่องไปทั่วอย่างไม่ไว้วางใจ “เรา ... ตกอยู่ในข่ายมนต์แล้ว ... ใช่ไหม ?” เธอเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ เวอลัสพยักหน้าเล็กน้อย
“... แปลก หากใช้ข่ายมนต์ เราต้องรู้สึก แสดงว่าอีกฝ่าย ... ฝีมือดี ดีจนน่ากลัวทีเดียว” เวอลัสพูดด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเรียบเฉย ถึงแม้ว่าภายในใจลึก ๆ จะรู้สึกหวั่นบ้าง
... พลังเวทย์ที่กดดันนี้ ไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน ...
ตึก ... ตึก ... “ใครน่ะ !?” อัสเทียร้องถาม แต่ก็ไม่มีคำตอบ ตอนนี้ ... ทั้งสองรู้สึกได้ถึงเสียงคนเดินรอบตัวของพวกเขา ใครกัน ? ... ใครกันที่มีพลังเวทย์สูงถึงขนาดใช้ข่ายมนต์ได้โดยที่พวกเขาทั้งสองซึ่งเป็นถึงจันทราวินาศไม่อาจจะรู้ตัวได้เลยแม้แต่น้อย
อัสเทียนั้นยิ่งระวังตัวมากขึ้น ... และที่แย่กว่านั้น คือเธอไม่ได้เอาคทาของเธอมาด้วย ! ... จึงไม่สามารถจะร่ายเวทย์ที่รุนแรงเพื่อต่อกรกับศัตรูได้เลยในยามนี้ คงต้องให้เวอลัสเป็นผู้นำ เวอลัสล้วงมือเข้าไปหลังเสื้อแล้วดึงกริชที่ทำจากเหล็กไหลขึ้นมาเล่มนึง นี่ล่ะ คือสื่อนำพลังเวทย์ของเขา ‘กริชจันทรา’ ...
“... แสดงตัวด้วย ไม่ว่าท่านจะมาดีหรือจะมาร้าย ...” เวอลัสเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ค่อนไปทางเย็นชา
คิก ... ~
เสียงหัวเราะของหญิงสาวดังขึ้นสนองคำพูดของเวอลัส วูบ ... ร่างในชุดคลุมสีดำปรากฏขึ้นต่อหน้าของพวกเขาทั้งสอง ทั้งสองไม่รู้ว่าเธอปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร เหมือนกับโผล่ขึ้นมาเฉย ๆ ในมือของร่างนั้นถือคทายาวสีน้ำตาล ที่ปลายคทามีลักษณะเหมือนกับจันทร์เสี้ยวหงายและมีผลึกสีชมพูติดไว้ตรงกลาง แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นคือ ... ปีก ... ปีกนกสีเขียวที่ปรากฏออกมาทางด้านหลังของร่างนั้นอย่างชัดเจน
กึด ... เวอลัสกำกริชในมือไว้แน่นราวกับว่าร่างตรงหน้า จะเข้าทำร้ายเขาเมื่อไรก็ได้ ...
อัสเทียก็อยู่ในสภาพเตรียมพร้อมเช่นกัน ถึงเธอจะไม่มีคทาที่เป็นสื่อนำพลังเวทย์และช่วยเพิ่มพลังเวทย์ แต่เธอก็เป็นจอมเวทย์คนหนึ่งที่มีพลังเวทย์สูงอยู่แล้วในตัว เพราะงั้น ... เธอไม่มีทางเป็นตัวเกะกะเวอลัสแน่นอน และจะช่วยสนับสนุนได้อย่างเต็มที่ด้วย
ดวงตาสีน้ำตาลภายใต้เสื้อคลุมที่ปิดบังใบหน้านั้นส่องประกายน่ากลัวขึ้นมาชั่วขณะ ขณะที่ร่างนั้นย่างกรายเข้ามาหาพวกเขาทั้งสองใกล้ขึ้น ... ใกล้เรื่อย ๆ ... ยิ่งเข้ามาใกล้เท่าไร ทั้งสองก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงพลังเวทย์อันรุนแรงและจิตสังหารเต็มเปี่ยมราวกับว่าไม่ใช่มนุษย์ !
“... ช่างอ่อนแอเสียจริง” ร่างนั้นเอ่ยขึ้น เป็นเสียงของผู้หญิงไม่มีผิดเพี้ยน “นี่ล่ะนะ ... ขีดจำกัดของมนุษย์ พลังเวทย์ช่างบางเบา” เสียงนั้นแสดงความดูแคลน
“... หากจุดประสงค์ของท่านคือการมาพูดเพียงเท่านี้ ก็ปล่อยพวกเราไปได้แล้ว” เวอลัสเอ่ย สีหน้ายังคงเรียบเฉยเช่นเดียวกับน้ำเสียงของเขา
“.........” ร่างนั้นเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ดูท่าจะคงแปลกใจกับความเยือนเย็นของเวอลัสพอสมควร “... ไม่ได้หรอก” ร่างนั้นเอ่ย น้ำเสียงดูสนุก ... และสะใจ ...
“เพราะว่า ... งานของชั้น คือมาทำลายพวกเธอให้สิ้น ...”
“( ... ยังไงก็ต้องสู้สินะ ... )” เวอลัสคิด เขากำกริชในมือเอาไว้แน่น “... ถ้าเช่นนั้น พวกเราก็ไม่มีทางเลือกสินะ”
“ก็ ... มีอยู่นะ” ร่างนั้นยิ้ม แม้จะมองไม่เห็นก็ตาม “ฆ่าตัวตายซะ หรือไม่ก็ให้ชั้นฆ่าพวกเธอ ...” ... ข้อเสนอที่ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ต้องตายอยู่ดี และแน่นอนว่าคนอย่างเวอลัสไม่มีทางมายอมตายอย่างนี้แน่นอน “เอ้า ~ ! ว่าไง จะเลือกข้อไหน ?”
“... ชั้นไม่ขอเลือก ...” เวอลัสตั้งท่า มือขวาของเขายกกริชขึ้นเตรียมพร้อม มือซ้ายพาดไปด้านหลัง เป็นท่าประจำที่เขาใช้ในการต่อสู้ มือขวาที่กำกริชอยู่นั้นเรืองแสงสีน้ำเงินขึ้นมา “อัสเทีย ... ขอขวดน้ำ” ...
“อะ ... อือ ...” อัสเทียส่งขวดน้ำให้กับเวอลัส ฟุบ ! ฉัวะ ! ... เขาโยนมันขึ้นไปกลางอากาศแล้วฟันด้วยกริชจนน้ำหกกระจาย เขากำลังสร้างความชื้น ... เพื่อให้ได้เปรียบ สักนิดก็ยังดี “... เวอลัส อย่าประมาทล่ะ ชั้นจะคอยช่วยสนับสนุนด้วยเวทย์ของชั้นเอง” อัสเทียเอ่ย มือทั้งสองข้างของเธอเรืองแสงสีดำ
... การต่อสู้ที่ไม่อาจจะทราบได้ว่าจะเอาชนะได้หรือเปล่า กำลังจะเริ่มขึ้น ...
“.........” ร่างนั้นดูจะไม่พอใจพอสมควร “เฮ้อ ... ต้องมาเสียเวลาจนได้” ควับ ! ... เธอยกคทาขึ้นเตรียมพร้อม ปีกของเธอค่อย ๆ สยายออกจนกางเต็มที่ดูงดงามและน่าเกรงขาม
วูบ ! ... ในชั่วพริบตา ร่างของเวอลัสก็หายไปจากบริเวณนั้นแล้ว ฟุบ ! เขามาปรากฏตัวอีกทีด้านหลังเธอ พร้อมเงื้อกริชในมือ ก่อนจะฟันฉับลงไปที่คอของร่างนั้น !! ...
เปรี้ยง ! เปรียะ ! ... เปรียะ ! ...
ราวกับว่ามีม่านพลังบางอย่างสกัดการโจมตีของเวอลัสเอาไว้ กริชของเวอลัสไม่อาจจะทะลวงเข้าไปได้เลยแม้แต่น้อย “กะ ... กรอด ...” เวอลัสกัดฟันแน่น เปรี้ยง ! ม่านพลังสีเขียวนั้นดีดร่างของเขากระเด็นออกมา มือของเวอลัสถึงกับชาเลยทีเดียว
“เวอลัส !” อัสเทียร้อง วูบ ... เธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นประสานกัน ! แว๊บ ... แสงสีดำวิ่งไปมาตามแขนของเธอ เปรี้ยง ! ... อัสเทียฟาดมือทั้งสองข้างลงกับพื้น วูบ ! ... เงาของเธอขยายยืดออกไปทั่วบริเวณกว้าง นี่ล่ะ คือความสามารถของเธอ
... จันทราวินาศผู้ใช้เงาเป็นอาวุธ ‘อัสเทีย คาแรนทิส’ ...
“ชาโดว์ สเปียร์ !!” ... วูบ วูบ วูบ ! หอกสีดำสนิทพุ่งขึ้นมาจากเงาของเธอเป็นจำนวนมาก เป้าหมายคือร่างในผ้าคลุมนั้น ! ... ร่างนั้นแสยะยิ้ม ...
เปรี้ยง ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
หอกเงาเหล่านั้นกระทบกับม่านพลังและสลายไปในแทบจะทันที โดยไม่สามารถทำอันตรายร่างนั้นได้เลยแม้แต่น้อย เวอลัสเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่องทันที วูบ ... ! ... ละอองน้ำจำนวนมากหมุนวนไปมารอบตัวเวอลัส มันค่อย ๆ แปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเข็มเล็ก ๆ จำนวนมาก หากโดยเข้าไปเต็ม ๆ คงไม่แคล้วพรุนทั้งร่างแน่นอน
“... ควบคุมน้ำงั้นรึ ? ใช้ได้นี่ ... แต่ว่ายังไม่ดีพอหรอกนะ” ร่างนั้นยิ้ม แล้วยกคทาขึ้นเหนือศีรษะ ... ราวกับว่ามีออร่าสีเขียวห่อหุ้มร่างของเธอจนทั่ว ฟ้าว ! ... กระแสลมเริ่มพัดอย่างรุนแรง จนอัสเทียต้องยกแขนขึ้นบังตาเอาไว้ แต่เวอลัสกลับยืนนิ่งเฉย โดยกระแสลมนั้นไม่อาจจะทำอะไรเขาได้เลย เวอลัสยกกริชขึ้นตั้งท่า
“... พินาศสิ้น ! ! ...” เวอลัสสะบัดกริช ! ...
ฟุบ ! ฟุบ ! ฟุบ ! ... เข็มวารีจำนวนมากนั้นพุ่งเข้าใส่หญิงสาวผู้ถือคทา ! ... แม้กระแสลมจะแรงเพียงเท่าใด แต่ว่าเข็มวารีเหล่านันก็ยังแหวกอากาศไปได้อย่างรวดเร็วโดยความเร็วไม่ตกเลยแม้แต่น้อย ...
โฟ่ว !! ... กระแสลมพัดแรงขึ้น ... และกลายเป็นพายุหมุนขนาดย่อม ! ... เข็มวารีของเวอลัสถูกดูดเข้าไปจนหมด ! ... กระแสลมค่อย ๆ หมดไป เสื้อคลุมสีดำของร่างนั้นปลิวหายไปด้วย เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามของหญิงสาวผู้ถือคทาจันทร์เสี้ยว ดวงหน้าขาวได้รูป ดวงตาสีน้ำตาลดูลึกลับ ผมสีเขียวสดใสต่างจากใบหน้าอันเย็นชา แต่ที่หน้าแปลกคือเขาสีน้ำตาลโค้งยาวไปด้านหลัง เมื่อรวมกับปีกนกสีเขียว ไม่สิ ... แค่ปีกก็ไม่ใช่มนุษย์แล้ว ! ...
“... เวทย์นี้ไม่เลวเลยทีเดียว สำหรับมนุษย์ ...” เธอเอ่ย “จิตมุ่งมั่นสามารถบังคับเข็มได้อย่างแม่นยำ ...”
ปึด ...
แก้มขาวนวลของเธอเกิดรอยขึ้นเล็กน้อย และเลือดก็ปรากฏขึ้นเป็นรอยแผลยาว ดูยังไงก็เป็นรอยแผลที่เกิดจากเข็มของเวอลัส สีหน้าของเธอดูแปลกใจระคนโกรธ ... “หน้าชั้น ...” เธอเอามือทาบกับแก้มที่เกิดรอยแผล ... แล้วยกมือขึ้นมองเลือดที่ติดมากับฝ่ามือ
“แก ... ใบหน้าของชั้น ... บังอาจนัก ...” ร่างของหญิงสาวสั่นระริก แววตาเบิกโพลงด้วยความโกรธ ... จิตสังหารเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ...
... ใบหน้าของหญิงสาวเป็นสิ่งที่พวกเธอหวงแหน คาดว่า ... เวอลัสคงไม่รู้ล่ะมั้ง ? ...
... ถึงแม้หญิงสาวคนนั้นจะไม่ใช่มนุษย์ด้วยก็ตามที ...
ฟ้าว ! ! ... กระแสลมพัดขึ้นมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง คทาของหญิงสาวผู้เกรี้ยวกราดส่องประกายเจิดจ้า ! ... คราวนี้แม้แต่เวอลัสยังต้องยกมือขึ้นเพราะความรุนแรงของกระแสลม ฟ้าว ! ! ... ศรสีเขียวที่เกิดจากกระแสลมอัดตัวกันพุ่งเข้าใส่เวอลัสอย่างบ้าคลั่ง
ตู้ม ! ... พื้นหินถึงกับแตกออกเมื่อศรนั้นกระทบกับพื้น ! ... เวอลัสก้าวหลบไปมาอย่างคล่องแคล่ว ฉัวะ ! ... ศรลูกหนึ่งพุ่งเขาเฉี่ยวต้นคอของเวอลัสไปอย่างฉิวเฉียด เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลและมากขึ้น ... ฟ้าว ! อีกลูกนึงพุ่งเข้าหาใบหน้าของเขา และมันใกล้เกินกว่าจะหลบได้อีก !
วูบ ! ... เงาสีดำสนิทปรากฏขึ้นด้านหน้าเวอลัส แล้วดูดกลืนศรสีเขียวหายไป อัสเทียนั่นเอง ... มือของเธอยังคงเรืองแสงสีดำอยู่ “( ถึงจะเป็นปีศาจ ... ก็ยังมีเงา ! )” ... วูบ ! ... เงาของอัสเทียพุ่งเข้าใส่เงาของหญิงสาว และยึดติดกันแน่น !
“... วะ ... วิชาอะไรกัน ! ... เงาชั้น แก !” หญิงสาวผู้ถือคทาคำราม พร้อมกับพยายามดิ้นเพื่อให้ตนเองหลุดรอดพ้นจากพันธนาการแห่งเงานี้ แต่พลังเวทย์ของอัสเทียก็ใช่ย่อย การจะดิ้นให้หลุดนั้นคงกินเวลาพักหนึ่ง ... ตอนนั้นเองที่เวอลัสเริ่มร่ายเวทย์ต่ออีกครั้ง
“ข้าแต่จิตวิญญาณแห่งสายน้ำ ขอจงมอบพลังแก่ข้า จงแปรเปลี่ยนเป็นศาสตราเพื่อพิชิตอริร้าย ...” วิ้ง ... กริชของเวอลัสเรืองแสงอีกครั้ง ละอองน้ำจำนวนมากพุ่งเข้ามาห่อหุ้มที่กริชของเขาจนกลายเป็นดาบยาว ... และใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนรวมแขนของเวอลัสเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับมัน สีหน้าของเวอลัสเริ่มซีดเล็กน้อย เขาใช้พลังเวทย์มากเกินไปแล้วตอนนี้ พลังเวทย์ของจอมเวทย์นั้นมีมากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละคน เวอลัสเป็นคนที่มีพลังเวทย์อยู่ในระดับกลาง ๆ เขาจึงฝึกใช้กริชอย่างคล่องแคล่ว เพื่อให้ฝีมือของตนเองพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
“... เอาเลยเวอลัส !” อัสเทียร้องบอก มือของเธอสั่นระริก ดูท่าจะพันธนาการไว้ได้อีกไม่นานแล้ว ! ...
ด า บ จั น ท ร า ว า รี วิ น า ศ ! ! !
ตุบ ... ฟ้าว ! ... เวอลัสพุ่งเข้าใส่ร่างของหญิงสาวที่กำลังดิ้นสุดแรงเกิด ! มือขวายกดาบวารีที่ใช้พลังเวทย์ทั้งหมดสร้างขึ้นหมายจะฟาดฟันลงไป ! ... แต่ทว่า ...
... ใบหน้าของหญิงสาวดูเศร้าสลดลงชั่วครู่ราวกับรอรับความตาย ...
“... อะ ...” เวอลัสชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง ... ใบหน้าที่เศร้าสลดนั้นแปรเปลี่ยนเป็นรอยเหยียดยิ้มอันแสนน่ากลัว
... ความใจอ่อนเป็นหนทางสู่ความตาย ...
เวอลัสเพิ่งได้รู้กับตัวก็วันนี้ล่ะ ... หญิงสาวหลุดจากพันธนาการ ปีกของเธอเรืองแสงสีเขียวแล้วสยายออกอย่างเต็มที่ มันเกิดขึ้นเร็วมากจนเวอลัสไม่อาจจะตั้งตัวได้ พอเขารู้ตัว ศรสีเขียวก็พุ่งทะลุร่างของเขาไปเสียแล้ว ... ตุบ ! ... ร่างของเขาทรุดลงกับพื้น กริชของเขากระเด็นออกไปพร้อมกับเวทย์ที่สลายไปแล้ว ร่างของหญิงสาวเจ้าของใบหน้าอันเย็นชายืนอยู่เหนือร่างของเวอลัสที่โชกไปด้วยเลือดของเขาเอง ...
“... เวอลัส ...” อัสเทียมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ... ตอนที่หญิงสาวผู้ถือคทาทำลายพันธนาการของเธอ อัสเทียโดนกระแสเวทย์ย้อนกลับมาทำร้ายด้วย และมันทำให้พลังเวทย์ของเธอหดหายไปมากเลยทีเดียว ...
“... จะต้องมาจบชีวิตที่นี่งั้นหรือ ? ...” เวอลัสพึมพำ ขณะที่เลือดก็ไหลออกมาจากบาดแผลมากขึ้น ๆ ... ดูแล้วท่าทางจะเจ็บมากเลยทีเดียว “( ชั้นมันใจอ่อนจริง ๆ ซะด้วย ... ไม่สิ ก็อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงนี่นา )” เวอลัสคิดในใจ
... จะให้ชั้นทำร้ายผู้หญิงได้ยังไงกันล่ะ จริงไหม ? ...
“มนุษย์ ...” หญิงสาวผู้ถือคทาเปรย “จิตใจอ่อนแอเสียจริง ... ช่างน่าสมเพชนัก ...” กึ๊ด ! ... รองเท้าส้นสูงของหญิงสาวขยี้ลงไปที่กลางตัวของเวอลัสพร้อมกับรอยยิ้มอันแสนน่ากลัว
อึก ! ...
เวอลัสกัดฟันแน่น และพยายามอย่างยิ่งที่จะสะกดกลั้นความเจ็บปวดนี้ เพื่อไม่ให้อีกฝ่าย ‘สนุก’ ไปมากกว่านี้ ...
“ค า ซิ ล เ วี ย !” เสียงทุ้มต่ำฟังดูทรงอำนาจดังขึ้นจากฟากฟ้า ! ... หญิงสาวผู้ถือคทาถึงกับชะงักและเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยท่าทีที่ดูเกรง ๆ อยู่บ้าง ...
“กลับมา ! ... กลับมา ! ... กลับมา ! ! ...” เสียงนั้นดังก้องขึ้นเรื่อย ๆ ฟังดูราวกับเสียงของนรก
“กลับมาเดี๋ยวนี้ ! ! ... ‘คิ ง’ ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ เ จ้ า ก ลั บ ม า ! ! ...”
“... รับบัญชา ...” ... หญิงสาวเจ้าของนาม ‘คาซิลเวีย’ โค้งเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ก้าวออกจากร่างของเวอลัส
“( ... ‘คิง’ ? ใครกัน ... สั่งนางปีศาจนี่ได้ หรือว่า ... เป็นไปไม่ได้น่า )” อัสเทียคิด เธอกำลังพยายามอย่างยิ่งที่จะขยับตัว แต่ว่ากระแสเวทย์ที่ถูกส่งออกมาจากเจ้าของเสียงนั้น มันกดดันซะจนพลังเวทย์ของเธอยิ่งลดต่ำลง รวมทั้งพลังกายของเธอด้วย ...
“... แล้วพวกนี้ล่ะคะ ... ‘คิง’ ...” คาซิลเวียเงยหน้าแล้วเอ่ยถามกับเจ้าของเสียง ...
“ปล่อยพวกมัน ....” เสียงนั้นยิ่งทุ้มต่ำมากขึ้น และยิ่งฟังดูน่าสยดสยอง “... ผู้ชาย ! ... ใช้ประโยชน์ ... ได้ ! ...”
“ค่ะ” คาซิลเวียโค้งรับ แล้วยกคทาของเธอขึ้น ... จับมันคว่ำลง และ ... ฉึก ! ... ใช้ส่วนที่เป็นจันทร์เสี้ยวแทงลงไปกลางหลังของเวอลัสอย่างแรง ! ... จนเลือดชุ่มคทา
อ๊ากกกก ! ! ...
แว๊บ ! ! ! ... แสงสีดำพุ่งลงมาจากท้องฟ้า ! ... แล้วเริ่มกระจายไปทั่ว ... ตอนนั้นเองที่อัสเทียพุ่งเข้าไปหาเวอลัสที่นอนจมกองเลือด แล้วกอดตัวของเขาเอาไว้ เธอหลับตาแน่น ... และ ...
วูบ ... ร่างของทั้งคู่ยังนั่งอยู่ที่บริเวณน้ำพุกลางเมือง ... ผู้คนเดินไปมาตามปกติราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลังเวทย์ของเธอยังอยู่ครบถ้วน รวมทั้งเสื้อผ้าที่เมื่อครู่ยังมีรอยฉีกขาด ก็ยังปกติ ...
... ราวกับว่าเรื่องเมื่อครู่เป็นเพียงความฝัน ...
แม้แต่ชายหนุ่มนาม ‘เวอลัส’ ก็ยังแปลกใจ เขายกมือขึ้นสัมผัสบริเวณคอที่โดนศรของคาซิลเวีย แต่ว่า ... ไม่มีแม้แต่รอยแผลเป็น มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ ? ... “อัสเทีย ... ชั้นไม่ได้บ้าใช่ไหม ?” ...
“ถ้านายบ้า ... ชั้นก็คงบ้าด้วย ...” อัสเทียเอ่ยแล้วมองหน้าเวอลัส “... จะมีใครเชื่อเราไหม ? ...”
“... คงจะไม่มี ...”
-- โรงแรมในเมือง ‘เซเรียส’
ร่างของหญิงสาวนาม ‘อลิเซีย’ นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องพักของตน ม่านทั้งหมดถูกปิด รวมทั้งไฟด้วย และในความมืดนั้น ก็มีชายสองคนนั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอ แรงกดดันนั้นมากเสียจนเหงื่อเม็ดโตค่อย ๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของหญิงสาว ... แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจจะเห็นร่างของชายทั้งสองได้อยู่ดี
“... นี่น่ะหรือลูกสาวนาย ~ ... ทายาทนักฆ่าแห่งตระกูลซาวาน่า น่ารักไม่เลวนี่นา” เสียงที่แสดงถึงความอารมณ์ดีดังขึ้นจากชายคนหนึ่ง ถึงจะอยู่ในความมืดก็รู้ได้ว่าเขามองหน้าอลิเซียอยู่ ซึ่งเธอไม่ชอบมันเท่าไรนัก เธอต้องมาอยู่ในที่ที่สว่างให้ทั้งสองมองหน้า ขณะที่สองคนในความมืดไม่ยอมให้เธอเห็นใบหน้าแม้แต่น้อย
“.........” อลิเซียไม่พูดอะไร เธอหันหน้าไปหาชายอีกคนที่อยู่ในความมืด “... ท่านพ่อคะ ชายคนนี้คือ ? ...”
“สหายของพ่อเอง ...” พ่อของอลิเซียเอ่ย ... “เขา ... จะมาช่วยในแผนการของเรา ...”
“แผนการ ? ...” อลิเซียเอ่ยถาม
“... มีคำสั่งสังหารเจ้าหญิงแห่งเซเรียส ... และลูกต้องเป็นคนลงมือ อลิเซีย ...” ผู้เป็นพ่อพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขณะที่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หัวเราะเบา ๆ อย่างอารมณ์ดี ส่วนอลิเซียนั้นมีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด “เป็นอะไรไป อลิเซีย ?” พ่อของเธอถามเมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาว
“ฆ่า เจ้า หญิง เนี่ย นะ !” อลิเซียเน้นเสียงทีละพยางค์ “พ่อจะบ้าหรือเปล่า ! องครักษ์มีตั้งมากมายขนาดนั้น แค่จะเข้าไปในวังยังลำบากเลย ! ... ไปตายชัด ๆ แบบนั้น !”
“... แล้วก็นะ ! ...”
“หนูไม่อยากทำ ! ... หนูไม่อยากฆ่าคน !” อลิซเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ไม่พอใจที่มีแต่คนมาบงการชีวิตเธอ ... ถึงจะเถียงไปก็ไร้ประโยชน์ ... คำสั่งของพ่อเธอคือประกาศิต หากไม่ทำตามก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘คนทรยศ’ ...
“... แต่ลูกเป็นนักฆ่า อลิเซีย ... นักฆ่าก็คือนักฆ่า ไม่อาจจะเป็นอย่างอื่นไปได้ งานของลูกคือสังหารเป้าหมาย” ... ผู้เป็นพ่อย้ำถึงตัวตนของเธอ ...
... สิ่งแรกที่ได้ยินคือ ‘ฆ่า’ สิ่งแรกที่จับคือ ‘มีด’ ...
“........” อลิเซียอดกลั้นความรู้สึกต่อต้านไว้ แล้วเริ่มสงบลง ... “... แล้วเพื่อนของพ่อคนนี้คือใครกันคะ ? หวังว่าเขาคงมีชื่อให้หนูเรียกนะ ไม่งั้นหนูคงได้แต่เรียกว่า ‘เพื่อนของพ่อ’ ...”
“... เรียกผมว่า ‘คริส’ ก็พอ ... คุณหนูซาวาน่า” ... ชายคนนั้นแนะนำตัว “... นักโจรกรรม ~ ...”
“... เคยได้ยินแต่ชื่อ ...” อลิเซียเอ่ย “แผนของคุณคืออะไรกัน ... คุณคริส ? ... และคุณคงไม่ได้ทำลงไปเพื่อแค่ช่วยให้ชั้นสังหารเจ้าหญิงด้วยใช่ไหม ?” ... คริสสะดุ้งเล็กน้อย เด็กสาวตรงหน้าฉลาด ... ฉลาดมากเลยทีเดียว
... แต่ก็ยังอ่อนต่อโลกอยู่ ...
“... อีกไม่กี่วันนี้ จะมีงานเลี้ยงฉลองวันเกิดขององค์หญิงแคร์เทียร่าแห่งเซเรียส ...” คริสเปรย ...
“... เราสองคน ผมและคุณหนู จะแฝงตัวเข้าไปในงานเลี้ยง ผมให้สัญญาณ ... คุณหนูก็จัดการเชือดเจ้าหญิงซะ ก็เท่านั้นล่ะ ~” คริสพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับมันเป็นเรื่องง่าย ๆ
“... คุณพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่าย ๆ คุณคริส ...” อลิเซียกอดอกอย่างไม่พอใจ ...
“สำหรับ ‘คริสเตียน ออทัมลีฟ’ คนนี้ ... แผนของเขาไม่เคยพลาด คุณหนูตระกูลซาวาน่า” คริสเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แม้ไม่อาจจะมองเห็นได้ในความมืดมิด
“... เข้าใจล่ะ ...”
-- ตำนานบทที่ VI : ภัยมืด จบ --
ความคิดเห็น