คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตำนานบทที่ V : พรหมลิขิต
-- ตำนานบทที่ V : พรหมลิขิต ... --
ตำนานแห่งอดีต ... ตำนานที่สูญหาย ... ตำนานแห่งตระกูลต้องสาป
... ตำนานแห่งตระกูลแนซิส ...
... นรกชัง ... สวรรค์รังเกียจ ... กลายเป็นเพียงปีศาจผู้โดดเดี่ยวอยู่บนแผ่นดิน โหยหาซึ่งเลือดเนื้อ โหยหาซึ่งวิญญาณ โหยหาซึ่งคาวเลือด ! ... อยากจะครอบครอง อยากจะครอบครองทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ข้าจะต้องได้มัน ! ได้ทุกสิ่ง ! ทุกสิ่งล้วนเป็นของข้า ! ของข้าคนเดียว ! ! ...
อา ... ความมืดมิด ข้ารู้สึกชินกับมันตั้งแต่เมื่อไรกัน ? ... นานแค่ไหนแล้วที่มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตข้า กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งเลือดเนื้อและจิตวิญญาณ ! บัดนี้ ... ได้เวลาที่ข้าจะปกครองซึ่งทุกสิ่ง แผ่นดินจะลุกโชนด้วยเปลวเพลิงแห่งความตาย สีท้องฟ้าจะถูกย้อมกลายเป็นสีเลือด ! เสียงกรีดร้องที่ข้าชื่นชอบจะดังก้องไปทั่วแผ่นดินอาเคเดียส ! ...
ทายาทแห่งข้า ... เจ้าอยู่หนใดกัน ? ... จงกลับมาสู่ที่ ๆ เจ้ามา กลับมาสู่สิ่งที่เจ้าเป็น กลับมาหาข้า กลับมาหาข้าอีกครั้ง กลับมาร่วมกับข้า เพื่อทำให้โลกใบนี้ตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวอีกครา ! ...
แววตาสีแดงเลือดของร่างที่ประทับอยู่เหนือบัลลังก์หลังม่านส่องประกายออกมาอย่างน่ากลัว !
“... ! ...” เอลวิสสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก สีหน้าดูหวาดกลัว มือทั้งสองจิกผ้าห่มที่คลุมท่อนล่างอยู่อย่างแน่นหนา เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ปรากฎขึ้นจนทั่วใบหน้า “แฮ่ก ... แฮ่ก ...” เขาหอบออกมาราวกับเพิ่งได้พบกับสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่ได้เคยประสบ ...
เอลวิสยกมือขวาขึ้นกุมขมับ สีหน้าดูดีขึ้นบ้างแล้ว เขามองไปรอบ ๆ ... ไม่มี ไม่มี มันเป็นเพียงแค่ความฝัน แค่ความฝันเท่านั้น ความฝันที่ไม่อาจจะทำอะไรเขาได้ “ครอก ... ฟรี๊ ...” เสียงกรนของคนบางคนดึงความสนใจจากเอลวิส ที่เตียงข้าง ๆ เขานั้น ร่างของชายหนุ่มนาม ‘โครโน่’ นอนกรนอย่างสบายใจ ผ้าห่มของเขากระจายไปกองที่พื้นแล้ว แถมยังนอนอ้าแขนอ้าขาดูสบายจนเอลวิสแอบอิจฉา
คืนแรกของเขาที่นี่ ... ก็เหมือนกับทุก ๆ คืน ... ยังคงฝันถึงเสียงประหลาดนั้นอยู่ แต่ยามนี้ ... มันชัดเจนจนน่ากลัวราวกับความเป็นจริง ตุบ ... เอลวิสค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเตียง แล้วคว้าดาบคู่กายเดินออกไปจากห้องพักที่เขามีโครโน่เป็นเพื่อนร่วมห้อง
ตึก ตึก ... เพื่อนยามราตรีมีเพียงความเงียบเท่านั้น ... นานแค่ไหน ? นานแค่ไหนแล้วที่เขามีความเงียบเป็นเพื่อน มันเป็นเพื่อนที่ดีทีเดียว เอลวิสก้าวออกมาจากป้อม คิดว่า ... จะไปเดินเล่นชมจันทร์สักหน่อย
... คืนนี้จันทร์เต็มดวงดูงดงามยิ่ง ...
“...........” เขาเงยหน้ามองดวงจันทร์ ... มันยังคงเหมือนเดิม งดงามไม่เปลี่ยน ไม่เหมือนกับชีวิตมนุษย์ กระแสแห่งเวลาไม่อาจจะทำอะไรดวงจันทร์ที่ส่องประกายนั้นได้เลย เมื่อเทียบกับมนุษย์ แสงจันทร์ส่องสว่างพอที่จะทำให้เขาไม่ต้องใช้คบเพลิง ก็ทำให้สามารถมองเห็นบริเวณโดยรอบได้แล้ว
... ปราสาทเซเรส ...
ราวกับว่ามันจะอวดความยิ่งใหญ่เทียบเคียงดวงจันทร์ ยอดปราสาทสีขาวที่สูงลิบเหมือนกับจะขึ้นไปถึงดวงจันทร์เมื่อมองจากสายตาของคนที่อยู่เบื้องล่าง ป้อมและปราสาทนั้นอยู่ห่างกันไม่มาก เอลวิสมองความยิ่งใหญ่และความงดงามของปราสาทแห่งนี้ด้วยแววตาคิดคำนึง ... 18 ปีที่แล้ว มันงดงามเช่นนี้หรือเปล่านะ ? เมื่อสงครามครั้งที่แล้ว พวกคนในวังต่างถูกอพยพไปยังสถานที่ ๆ ปลอดภัย ด้วยความสามารถของนักเวทย์และความร่วมมือกันของประชาชน ทำให้การฟื้นฟูเมืองและการสร้างปราสาทใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องยากเลยแม้แต่น้อย เขาไม่มีโอกาสได้เห็นการเติบโตของเมือง เพราะเขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่นเสียนาน ...
‘... รู้ไหม !? เจ้าหญิงน่ะ สวยมากเลยล่ะ ! แล้วยังใจดีอีก ! สุดยอด ! ...’
คำพูดของโครโน่ดังขึ้นมาในหัวของเขา ส่วนมากเอลวิสจะเป็นผู้ฟังมากกว่า และเขาก็เป็นผู้ฟังที่ดีเสียด้วย นอกจากจะไม่พูดขัดแล้วยังตั้งใจฟังอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงเข้ากับโครโน่ได้ดีมากเลยทีเดียว ถึงเอลวิสจะทำท่าไม่สนใจว่าอยากจะพบกับ ‘เจ้าหญิง’ ที่โครโน่ว่านั่นซักเท่าไร แต่ว่าเมื่อฟังคำบรรยายของโครโน่ ก็อดที่จะอยากเห็นไม่ได้ ถึงตอนหลังโครโน่จะมาบอกเขาว่าไม่เคยเห็นเจ้าหญิงนั่นจริง ๆ ทีหลังก็ตามทีเถอะ
เอลวิสเดินเล่นมาจนถึงกำแพงวัง ... ไม่รู้ตัวว่าเขามาถึงตั้งแต่เมื่อไรกัน ? ... รั้วเหล็กสีดำสูงราวสองเมตรยาวออกไปจนสุดสายตาของเขา เอลวิสมองผ่านเข้าไปในรั้วนั้น ...
... สวนดอกไม้ ...
สวนดอกไม้ในวัง ดอกไม้บานสะพรั่งตลอดเวลาราวกับต้องมนต์ อยากจะเข้าไปดูข้างในบ้าง ... เอลวิสคิดในใจ ตอนกลางคืนแบบนี้ คงจะไม่มีใคร ... มาเฝ้าที่สวนดอกไม้แบบนี้หรอกมั้ง ? ...
ควับ ! ตุบ ... และเอลวิสก็ปีนเข้าไปเรียบร้อยแล้ว เขาเดินเล่นไปตามพื้นหินที่ล้อมรอบด้วยดอกไม้หลากหลายชนิดที่บานสะพรั่งอวดสีสันกัน ตรงกลางของสวนคือศาลาหินอ่อนสีขาว คงเอาไว้นั่งชมธรรมชาติและพักผ่อนเวลาที่เข้ามาในสวน เอลวิสเดินเข้าไปใกล้ แล้วนั่งลง มือสัมผัสดอกกุหลาบสีแดงสดตรงหน้าอย่างอ่อนโยน เอลวิสยิ้มเล็กน้อย เขาทำท่าจะเด็ดมัน ...
“ดอกไม้น่ะ ... ยามที่อยู่รวมกัน มันจะงดงามมากกว่านะคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเอลวิส ... เขาลุกขึ้นช้า ๆ แล้วหันไปเผชิญหน้า ...
“เธอ ...” เอลวิสนิ่งไปครู่เลยทีเดียว เมื่อเผชิญกับ ‘ความงดงาม’ เบื้องหน้า ดวงตาสีฟ้ากลมโตน่ารักจับจ้องใบหน้าของเขาอยู่ เรือนผมสีบรอนซ์เงางามถึงกลางหลังสะท้อนกับแสงจันทร์ยิ่งทำให้ความงดงามนั้นทวีมากขึ้นไปอีก ใบหน้ารูปไข่ได้รูปสวยงามไร้การเติมแต่ง ผิวขาวราวกับหิมะ ชุดของเธอนั้นเป็นชุดนอนสีขาวยาวถึงเข่าดูเรียบร้อยและปิดอย่างมิดชิด จี้ผลึกปีกเทพธิดาดูสูงค่าห้อยอยู่ที่คอ ความงามของเธอดูราวกับเทพธิดามาปรากฎ ...
หญิงสาวตรงหน้าไม่ว่าอะไร เพียงแต่ยิ้มเท่านั้นเอง เธอสังเกตเห็นดาบที่ห้อยอยู่ที่เอวของเอลวิส “คุณ ... เป็นอัศวินงั้นหรือค่ะ ? สังกัดหน่วยไหนล่ะคะเนี่ย ?” รอยยิ้มเธอหมองลงเล็กน้อย แต่ก็ยังดูงดงามอยู่
“..........” เอลวิสไม่รู้จะพูดอะไร “เอ่อ ... คือ ... ครับ ...” เอลวิสพูด ใบหน้าตอนนี้ราวกับต้องมนต์สะกด ...
“เหรอค่ะ ? สังกัดหน่วยไหนล่ะค่ะ ?” ... รอยยิ้มงดงามฉายขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า หากคนที่ถูกมองใจไม่แข็งพอละก็ อาจจะถึงกับหมดแรงเลยทีเดียว
“... มังกรแห่งเซเรียส ... ครับ ...”
คำพูดแบบมีหางเสียง ... นอกเหนือจากการพูดกับผู้บังคับบัญชา ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้ว่าเธอคนนี้เป็นใคร ? ... “งั้นหรือคะ ” หญิงสาวยิ้มบางอีกครา “งั้นก็คง ... สู้รบเก่งมากเลยใช่ไหมคะ ?” เธอย่อตัวลงแล้วลูบดอกกุหลาบนั้นอย่างแผ่วเบา เอลวิสมองเธอตาไม่กระพริบ ...
“... ครับ” เอลวิสไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ... เขาย่อตัวลงข้าง ๆ เธอ ... เมื่อดูใกล้ ๆ ก็ยิ่งเห็นความงดงามได้อย่างเด่นชัด ผิวขาวนวลน่าสัมผัส ... ไม่น่าจะใช่คนธรรมดา “... แล้ว ... คุณคือ ?”
... สรรพนามเรียกจาก ‘เธอ’ กลายเป็น ‘คุณ’ ...
“จะถามชื่อคนอื่นก็ต้องแนะนำตัวก่อนสิค่ะ คุณอัศวิน คิก ~ ...” หญิงสาวยิ้มบางพร้อมกับลุกขึ้นยืน มือประสานกันบริเวณท้องน้อย ท่าทีดูสง่างามนัก ...
“... เอลวิสครับ , เอลวิส ไนท์ลอร์ด ...” เอลวิสแนะนำตัวแล้วโค้งเล็กน้อย ...
“ชั้นแคร์เทียร่านะคะ” หญิงสาวนาม ‘แคร์เทียร่า’ ยิ้มให้เอลวิสอย่างอบอุ่น ราวกับว่า ... เธอยินดีที่ได้พบกับเขามากเหลือเกิน “แล้วแอบเข้ามาในนี้ไม่กลัวว่ายามจะเจอหรือคะ ?” เธอถามเขาตามตรง
“ถ้าผมกลัว คงไม่กล้าเข้ามาหรอก ... ครับ ...” เอลวิสยิ้มบางแต่ยังสงสัยเกี่ยวกับฐานะของหญิงสาวตรงหน้าอยู่
“แล้ว ... คุณแคร์เทียร่า ... อยู่ในวังนี่ ... งั้นหรือครับ ?” เอลวิสถามต่ออย่างสงสัย
“ค่ะ” แววตาของหญิงสาวดูร่าเริงและอบอุ่น ... “เรียกว่า ‘แคร์’ ก็พอแล้วล่ะค่ะ” แคร์ยิ้มให้เขา ... “ชอบดอกไม้หรือคะ ? ถึงได้ลงทุนเสี่ยงเข้ามาในวังแบบนี้ ?”
“... คงเพราะว่าดอกไม้ที่นี่มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างประหลาดล่ะมั้งครับ ?” เอลวิสยิ้มบางที่มุมปาก แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน สายตายังจับจ้องที่หญิงสาวที่กำลังดมดอกไม้และสัมผัสมันอย่างนุ่มนวล ...
... รู้สึกอยากจะเป็นดอกไม้นั้นอย่างประหลาด ...
... ได้รับสัมผัสจากปลายนิ้วนั้น ได้ใกล้ชิดกับใบหน้านั้น ช่างน่าอิจฉาเจ้านัก ...
แต่ความรู้สึกบางอย่าง กลับบอกเขาว่า หญิงสาวตรงหน้านั้น มีอะไรบางอย่าง ... อะไรบางอย่างที่ตัวเขามิอาจจะเอื้อมถึงได้ แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ จะขอซึมซับความงดงามตรงหน้าให้ได้มากที่สุด ก่อนที่ตนเองจะไม่มีโอกาสได้เห็นอย่างใกล้ชิดแบบนี้อีก “คุณแคร์” เอลวิสเอ่ย ทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเขาด้วยแววตาฉงน
“คุณแคร์ ... มาอยู่ที่นี่ทุกคืนเลยเหรอครับ ?” เอลวิสถาม ... อย่างมีหวัง ...
“ก็เป็นบางคืนน่ะค่ะ” เธอเอ่ย แสงจันทร์สะท้อนกับผมของเธอดูเป็นประกายงดงามยิ่งนัก ความทรงจำนี้เขาจะเก็บเอาไว้ เพียงคนเดียว ... ไม่บอกใคร ... ไม่บอกใครทั้งนั้น ...
... ขอเก็บไว้เป็นเพียงความทรงจำอันล้ำค่าของชั้นคนเดียว ...
“... เดินเล่นด้วยกันไหมค่ะ ? ... คุณอัศวิน” แคร์ยิ้มบางแล้วลุกขึ้นยืน มือประสานกันบริเวณท้องน้อย ดวงตาฉายแววความเป็นมิตรอย่างเต็มที่จนคนถูกชวนมิอาจจะปฎิเสธได้
“ครับ” แน่นอนว่าถึงจะใจแข็งหรือไม่อยากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยอมอยู่ดีเมื่อสบกับนัยน์ตาคู่สวยนั้น ทั้งสองเดินเล่นไปตามสวนดอกไม้ของวัง แสงจันทร์ส่องไปทั่วจนเห็นบริเวณโดยรอบ ประกอบกับความงดงามของหญิงสาวตรงหน้า ยิ่งทำให้ดูราวกับสวนสวรรค์มากยิ่งนัก ... เขาจะมีวันได้มาทำแบบนี้อีกไหมนะ ? ... ก็คงไม่อาจจะทราบได้ ทั้งสองเดินเล่นจนทั่วสวน โดยแคร์นั้นเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องในวังอย่างเป็นกันเอง และถึงแม้จะเพิ่งพบกัน เธอก็ยังเป็นกันเองจนเขายังแอบแปลกใจ
... ไม่สิ ... คนแปลกใจต้องเป็นเข้าต่างหาก เขายังไม่เคยคุยกับใครที่ไหนมากเท่านี้มาก่อนเลย ...
... แต่ก็รู้สึกดีอย่างประหลาด ...
ทั้งสองมานั่งหยุดพักกันที่ศาลาหินอ่อน โดยแคร์นั้นมีดอกกุหลาบขาวทัดหูยิ่งทำให้ดูน่ารักเข้าไปอีก เอลวิสนั่งพิงหลังเสาแล้วมองหน้าเธอ ให้เธอเป็นฝ่ายพูด และจะพูดตอบเมื่อเธอถามอะไรเขาเท่านั้น ซึ่งช่วงหลังนี้เธอจะเป็นฝ่ายถามเขามากกว่า “การทดสอบเป็นยังไงบ้างคะ ? ... ยากไหม ?” เธอเอ่ยถามอย่างสนใจ
“ก็ ... ไม่ยากเท่าไรครับ แต่ว่าก็ตกกันเยอะเหมือนกัน สมัครกันหลายร้อย แต่ว่าผ่านเข้ามาได้แค่สามคน” เอลวิสว่าแล้วก็เริ่มอธิบายให้ฟังถึงวิธีการสอบเข้ากองของมังกรแห่งเซเรียส รวมทั้งเรื่องของพวกลูกชายขุนนางที่เกือบจะทำให้เขาหมดสิทธิ์ไปแล้วถ้าไม่ใช่โครโน่มาช่วยเขาเอาไว้ก่อน ...
“ไม่ดีเลยนะคะทำแบบนั้นน่ะ” แคร์ทำท่าโกรธแทนเขาแล้วทำแก้มป่อง ...
“ฮะ ฮะ ...” เอลวิสหัวเราะ ? ... ออกมา แล้วยิ้มบาง ... “ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงตอนนี้พวกนั้นก็คงไม่กล้ามายุ่งกับพวกผมหรอก” เอลวิสเอ่ย “แล้วคุณแคร์ล่ะครับ ?”
“... คุณแคร์ทำหน้าที่อะไรในวังงั้นหรือครับ ?” เอลวิสถามต่อ ... เพราะจากเรื่องราวในวังที่เธอเล่ามา ตั้งแต่ห้องครัวยันอาจารย์ในวังนั้น ชวนให้สงสัยนักว่าเธอทำหน้าที่อะไรกันแน่ ? แคร์กระอักกระอ่วนเล็กน้อยแล้วตอบเขา
“... คือ ชั้นเป็นเพื่อนเล่นของเจ้าหญิงน่ะค่ะ” แคร์โกหก ... แน่นอน ขืนพูดความจริงออกไป ความเป็นกันเองตอนนี้จะได้หายไปจนหมด และแทนที่ด้วยความรู้สึกอย่างอื่นแทน
“เห ? งั้นหรือครับ ... ดีจังเลยนะครับ ได้เจอกับเจ้าหญิงทุกวันเลยสิครับแบบนี้ ?” เอลวิสยิ้มบาง ...
“... อ่ะ ... ค่ะ ...” แคร์ไม่รู้จะพูดอะไรกับเขาดีในกรณีแบบนี้ แต่เอลวิสก็ยิ่งถามเธอมากขึ้นอีก ซึ่งเขายังแปลกใจอยู่หน่อย ๆ ว่าตนเองช่างพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน ?
“เจ้าหญิงนี่ ... สวยเหมือนกับที่เขาลือกันไหมครับ ?” เอลวิสเอ่ยถาม “แต่ผมก็พอจะเดาได้นะ ... ขนาดเพื่อนเล่นของเจ้าหญิงยัง เอ่อ ... สวยขนาดนี้” ใบหน้าเริ่มขึ้นสีเลือดฝาด ...
“.......” ดวงหน้าขาวของหญิงสาวแทนที่ด้วยเลือดฝาด แต่ก็ไม่อาจจะสังเกตได้ชัดเจนเพราะความมืด “ก็ ... ไม่รู้สิคะ ชั้นเป็นเพื่อนเล่นกับเจ้าหญิงมาตั้งแต่เด็ก เลยรู้สึกเฉย ๆ” แคร์ว่า คงเพราะว่า ... เธอกำลังพูดถึงตัวเองอยู่ เธอจึงพูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ “คุณเอลวิสอยากเจอเจ้าหญิงมากหรือค่ะ ?”
“อะ ... อ๋อ ไม่หรอกครับ” เอลวิสรู้สึกว่าตนเองจะเสียมารยาทพอดู ที่พูดถึงผู้หญิงคนอื่นทั้ง ๆ ที่คุยอยู่กับผู้หญิงอีกคน แต่เพราะความอยากรู้เลยอดถามไม่ได้ “ก็แค่ ...”
“เพื่อนผมคนนึงเขาเล่าให้ฟังว่า เจ้าหญิงนั้น ทั้งงดงามและใจดี เลยอยากรู้น่ะครับ”
“สักวันก็คงจะได้พบนะคะ ...” แคร์ยิ้มบาง แต่รอยยิ้มนั้นดูรู้สึกผิดยังไงมิอาจทราบได้ ทั้งสองต่างพูดคุยและผลัดกันเล่าเรื่องของตนเองไปเรื่อย จนเวลาล่วงเลยมามากแล้ว เอลวิสก็รู้สึกว่าเขาควรจะกลับได้แล้ว ... หญิงสาวตรงหน้าก็เช่นกัน “นี่ก็ดึกมากแล้ว ... ชั้นขอตัวไปนอนก่อนนะค่ะ” แคร์ยิ้มบาง ...
“ครับ” เอลวิสยิ้มรับแล้วลุกขึ้นยืน พร้อมกับส่งมือให้กับหญิงสาวตรงหน้า เธอยิ้ม ... แล้วส่งมือให้เขาดึงขึ้นอย่างเต็มใจ เธอสัมผัสได้ถึง ... ความอบอุ่น ... ที่ชายคนนี้มี
“ถ้าอย่างนั้น ... ผมไปก่อนนะครับ คุณแคร์ ...” เอลวิสเอ่ย “ราตรีสวัสดิ์ครับ” เอลวิสโค้งให้เธอแล้วเดินฉับ ๆ ไปที่รั้วทำท่าจะปีนมันออกไป แคร์มองตามเขาไปพักหนึ่ง แล้วทำท่าจะกลับเข้าวัง ... “คุณแคร์ !” เสียงของเอลวิสทำให้เธอชะงัก และหันกลับมาด้วยรอยยิ้มอันงดงาม
... ถามไปเลยสิ ไม่เสียหายอะไรนี่นา ...
“... คุณ ... มาที่นี่ทุกคืนเลยหรือเปล่าครับ ?” ...
“เปล่าค่ะ” คำตอบที่ทำให้หัวใจของชายหนุ่มรู้สึกเสียดายเล็กน้อย “แต่ว่า ... พรุ่งนี้ชั้นจะมาค่ะ” แคร์ยิ้มแล้ววิ่งเหยาะ ๆ กลับเข้าวังไปอย่างเร็ว ทิ้งไว้เพียงแต่ชายหนุ่มที่รู้สึกดีขึ้น
ตึก ตึก ... เอลวิสปีนออกมานอกรั้ว แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะโบกมือให้กับหญิงสาวนาม ‘แคร์เทียร่า’ ... จากนั้นจึงเดินเล่นกลับมาถึงป้อม แล้วย่องขึ้นห้องอย่างเงียบกริบ ตอนนี้เวลาน่าจะประมาณตีสองได้แล้ว เมื่อเขาเข้าห้องไปแล้ว เสียงกรนของโครโน่ที่หลับอยู่บนเตียงเป็นสิ่งแรกที่เขาได้ยิน และสภาพของเขาก็ยังเหมือนตอนที่เอลวิสออกไปไม่มีผิดเพี้ยน “...........” เอลวิสไม่พูดอะไร เขาขึ้นไปบนเตียงแล้วหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน
... และเขาก็ไม่ฝันถึงดวงตาสีแดงนั้นเลยแม้แต่น้อย ...
... เช้าวันต่อมา ...
เอลวิสลุกขึ้นแต่เช้า และมองไปยังโครโน่ที่ตื่น ‘อย่าปลุกชั้นเข้าใจนะ ! ชั้นอยากจะนอน’ คือคำพูดที่โครโน่เอ่ยกับเอลวิสก่อนจะนอน ... เข้าใจล่ะ ... แกร่ก ... เอลวิสคว้าดาบของตนแล้วเดินไปยังลานฝึกซ้อม พระอาทิตย์เพิ่งจะโผล่ขึ้นมาเล็กน้อย ยังคงเช้ามืดอยู่ และไม่มีคนเลยที่ลานฝึกซ้อม
ฟุบ ! ฟุบ ! เอลวิสชักดาบขึ้นมาแล้วเริ่มกวัดแกว่งมันไปมาเป็นการเรียกเหงื่อยามเช้า ... โดยไม่รู้เลยว่ามีอีกคนกำลังมาหาเขาทางด้านหลัง ...
“ไง ! เอลวิส ทำอะไรอยู่จ๊ะ !” เสียงนั้นฟังดูคุ้นเคย เอลวิสหันกลับไปมองเจ้าของเสียง ร่างของหญิงสาวนาม ‘มิส’ เดินเข้ามาหาเขาในชุดประจำของเธอ ที่มือของเธอถือสนับมือและสนับเข่ามาด้วย ดูท่า ... เธอจะตื่นแต่เช้าขึ้นมาซ้อมละมั้ง ? ... “ขยันจังเลยนะ มาแต่เช้าเลยนี่ ~”
“... อือ” เอลวิสพยักหน้ารับ เขาไม่รู้ตัวเอง ... ว่าทำไมเวลาพูดกับผู้หญิงคนอื่นแล้ว น้ำเสียงของเขาถึงดูแปลกไปจากเวลาที่คุยกับแคร์นะ ?
“... มาซ้อมด้วยกันไหม ? เอลวิสคุง ...” มิสว่าแล้วยิ้ม สองมือสวมสนับมือเข้าไปแล้วตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจจะทราบได้
ส่วนโครโน่ที่นอนหลับอยู่นั้น ก็ลืมตาตื่นขึ้นช้า ๆ “ฮึ ... หมอนี่ แอบไปไหนตอนดึกกันนะ ? ...” โครโน่พึมพำอย่างสงสัย เขารู้ทั้งหมดที่เอลวิสออกไปกลางดึก และกลับมาตอนตีสอง แต่เขาก็ไม่คิดจะตามไป คงเพราะว่าเขา ‘ขี้เกียจ’ ก็เป็นได้ ...
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ... จากหน้าต่างห้องนี้ สามารถเห็นสภาพของลานฝึกซ้อม และที่เขาเห็นคือ ! ...
... เอลวิสกำลังซ้อมกับมิสอย่างดุเดือดอยู่ ...
“อู้ว ... ให้ตายเถอะ ! ซ้อมกันน่าสนุกอย่างนั้นนไม่ชวนชั้นบ้างเลย !” โครโน่รีบแต่งตัวแล้วคว้าดาบยักษ์ของตน ก่อนจะวิ่งออกไปจากห้อง ตรงไปยังลานฝึกอย่างรวดเร็ว ...
วูบ ! ... หมัดของมิสซัดเข้ามาที่ใบหน้าของเอลวิสอย่างเร็ว เอลวิสเบี่ยงคอหลบได้อย่างทันท่วงที แล้วเหวี่ยงดาบไม้ ( สำหรับฝึกซ้อม ) เข้าใส่เธอที่กลางลำตัว
“ช้านะเอลคุง !” วูบ ! มิสกระโดดหลบแล้วใช้มือแทนเท้า จากนั้นจึงเหวี่ยงขาขวาเข้าใส่กกหูของเอลวิสอย่างรวดเร็ว จนเอลวิสถึงกับทึ่งในความเร็วของเธอคนนี้ ... ปึก ! เอลวิสยกแขนข้างหนึ่งกันได้ทันท่วงที แล้วฟาดดาบลงใส่มิสที่ใช้มือแทนเท้าอยู่
หมั่บ ! เอลวิสพลาด ... เท้าทั้งสองข้างของมิสล็อคคอเข้าไว้ แล้วหมุนตัวอย่างเร็วเพื่อให้ตัวเขาล้มลง เอลวิสเซไปตามแรงหมุนของเธอ ตึง ! เขากระแทกเท้าต้านแรงเธอเอาไว้ วูบ ... ตุบ ! มิสดีดตัวออกไปแล้วยกแขนทั้งสองข้างทำท่าตั้งรับ “ไม่เลวเลยนา ~ หลบท่าของชั้นได้ด้วยเนี่ย ...” มิสยิ้มพลางหัวเราะคิกคัก เอลวิสก็ชักจะเริ่มสนุก รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้น
“เธอนี่ไม่เบาเลยนะ มิส ...” เอลวิสเอ่ยแล้วแสยะยิ้ม วูบ ! เขาเข้าประชิดตัวเธออย่างรวดเร็ว จนเธอแอบแปลกใจเล็กน้อย เพราะอัศวินส่วนมากจะบ้าพลัง ไม่คิดถึงความเร็วเท่าไรนัก ดูอย่างโครโน่เป็นตัวอย่าง
“ฮัดชิ้ว !” โครโน่ที่กำลังลงมาจากป้อมจามออกมา ... “ใครนินทาเราเนี่ย ?” เขายกนิ้วขึ้นถูจมูกแล้ววิ่งไปยังลานฝึก
ผัวะ ! ! ... ดาบไม้ปะทะกับสนับมือ ! ... วูบ ! มิสสวนหมัดอีกข้างเข้าใส่ที่ไหล่ของเอลวิส ปึก ! และมันก็โดนอย่างจังเสียดาย ขนาดเป็นแค่สนับสำหรับซ้อม แรงเธอยังเยอะขนาดนี้ เอลวิสกดดาบลงไปมากขึ้น แล้วเบี่ยงไหล่เข้าใส่ตัวเธอให้เธอต่อสู้ได้ลำบากยิ่งขึ้น !
วูบ ! เปรี้ยง !! ... ดาบไม้แตกกระจาย เมื่อมิสกระโดดแล้วใช้เท้าของเธอฟาดเข้าไปที่ตัวดาบอย่างแรง จนมันกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่เพราะว่ามันเป็นไม้ ... ถ้าเป็นดาบจริง ทำอย่างนั้นคงเจ็บเท้าแย่เลยทีเดียว “นายหมดอาวุธแล้ว ! เอลวิสคุง ! ชั้นชนะ !” มิสยกมือขวาขึ้นแสดงความเป็นผู้ชนะด้วยท่าทีร่าเริงจนเอลวิสอดยิ้มไม่ได้
ตอนนั้นเองที่โครโน่วิ่งมาถึงลานฝึกซ้อม ! “มันยังไม่จบนะมิส !” โครโน่เอ่ยแล้วยกดาบของตนขึ้นชู “เธอยังไม่ชนะชั้นเลย เข้ามาเลย !” โครโน่วางดาบลงแล้วคว้าดาบไม้พุ่งเข้าใส่มิส มิสก็ดูจะชอบใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“... ใครแพ้ ต้องรับใช้คนที่ชนะหนึ่งวันนะ !” มิสเอ่ยแล้วพุ่งเข้าปะทะกับโคร่โน่ การต่อสู้ดำเนินต่อไป ขณะที่พระอาทิตย์ขึ้นสูงเรื่อย ๆ ... พวกเขายังคงสู้กัน เล่นกันราวกับคบกันมานาน ... เอลวิสเงยหน้ามองไปยังยอดหอคอยของปราสาทเซเรส ... วันนี้คงเป็นวันแรก ที่เขาขอให้ถึงยามค่ำคืนเร็ว ๆ ...
... นี่คงเป็น ‘พรหมลิขิต’ ก็ว่าได้ ...
... แม้ว่าจะมีอุปสรรค ... มากมายแค่ไหนก็ตาม ...
...
....
.....
“... คำสั่งสังหารเจ้าหญิงแห่งเซเรียส มาถึงแล้ว ...”
-- ตำนานบทที่ V : พรหมลิขิต ... - จบ --
ความคิดเห็น