คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตำนานบทที่ II : จุดเริ่มต้น
-- กองกำลังอัศวิน 'มังกรแห่งเซเรียส'
ชายหนุ่มผมเขียวในชุดอัศวินสีเงินเต็มยศนั่งอยู่ในห้องทำงานของเขา บริเวณห้องโดยรอบเป็นสีขาวสะอาดตา มีชั้นหนังสือสองสามชั้นวางเรียงติดกันยาว โต๊ะทำงานและเฟอนิเจอร์ต่าง ๆ เป็นสีน้ำตาลอ่อน ด้านหลังของโต๊ะทำงานมีเตาผิงขนาดใหญ่ติดไว้ด้วย และที่เหนือประตูตรงหน้ามีภาพของหัวหน้าป้อมรุ่นก่อน ๆ ติดเรียงรายกันไว้ เป็นการแสดงถึงประวัติอันยาวนานของ 'มังกรแห่งเซเรียส' กองกำลังไร้พ่ายอันทรงเกียรติ บนโต๊ะของชายหนุ่มมีแผนที่ของทวีปอาเคเดียสแผ่อยู่จนเกือบจะเต็มโต๊ะ และบนแผนที่นั้นก็มีตัวหมากสีแดง , ดำ และขาววางอยู่ตามเมืองต่าง ๆ เมือง 'เซเรียส' นั้น เป็นเมืองใหญ่ และด้วยอำนาจของกษัตริย์เคเดียส รวมทั้งความเข้มแข็งของกำลังทหาร ทำให้แต่ละเมืองในทวีปต่างขึ้นตรงกับเซเรียส และก็อยู่ในความสงบมานานแล้ว ถึงแม้ว่า จะมีบางครั้งที่เมืองใดเมืองหนึ่งตั้งตัวเป็น 'กบฏ' ก็จะถูกมังกรแห่งซาเรียสทำลายจนสิ้น
ก๊อก ! ก๊อก ! ก๊อก ! ... เสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มเงยหน้ามองไปยังประตูก่อนจะเอ่ย "... เข้ามา ..."
แกร่ก ! แอ๊ด ... ประตูเปิดออกแล้วร่างของหญิงสาวนาม 'รีเบล' ในชุดอัศวินเต็มยศก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไรนัก ดูท่าทาง การเรียกของเขาจะขัดเวลา 'นอนกลางวัน' ของเธอ นัยน์ตาสีเหลืองของเธอแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจจนเห็นได้อย่างชัดเจน ผมสีดำมัดไว้อย่างเรียบร้อย ดาบสองเล่มเหน็บไว้ที่ข้างเอวทั้งสองข้าง มือกอดหมวกเหล็กของตนไว้ "........" เธอมองหน้าเขาแล้วค่อย ๆ ขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมพูดอะไรเสียที
"มีอะไรก็ว่ามาคัตซ์ เสียเวลาชั้น"
"... ทำเด็กใหม่เสียขวัญอีกแล้วนะ" คัตซ์เอ่ยเรียบ ๆ "... แล้วก็ พูดกับผู้บังคับบัญชานะพูดดี ๆ หน่อยนะรีเบล"
"... ไม่จำเป็นสักนิด ..." รีเบลพูดเสียงเบาจนเขาไม่น่าจะได้ยิน เขี้ยวของเธอโผล่ออกมาเล็กน้อย แต่ดูท่าจะใช้ช่มขวัญคนตรงหน้าไม่ได้แม้แต่น้อย "แล้วจะให้ชั้นไปดูพวกเด็กใหม่อ่อนแอนั่นทำไมกันละ ? ... คนอื่นก็มีเยอะแยะ แกก็รู้ว่าชั้นเกลียดผู้ชาย ..." น้ำเสียงของเธอไม่ได้เกรงกลัว 'ผู้บังคับบัญชา' เลยแม้แต่น้อย
"( ... 'แก' อย่างนั้นเลยรึ เฮ้อ ... ) เอาเถอะ" คัตซ์เอ่ย ตุบ ... เขานั่งลงช้า ๆ แล้วยกมือขึ้นประสานกันวางไว้บริเวณตัก สีหน้าดูจริงจัง "แล้วก็ ... อีกเรื่องนึง" คัตซ์ชี้นิ้วไปยังจุดหนึ่งบนแผนที่ เป็นบริเวณชายแดนระหว่างทวีป 'อาเคเดียส' และทวีป 'เคทีเรียส'
ตึก ตึก ... รีเบลเดินเข้ามาใกล้โต๊ะของเขาแต่ก็ยังเว้นระยะห่างพอสมควรอยู่ เธอก็เป็นอย่างนี้ละ ไม่มีความไว้ใจผู้ชายเลยแม้แต่น้อย เพราะอะไรกันนะ ? ... "ชายแดน ? ... ปัญหาอะไรรึ ?"
"... ถูกทำลายจนไม่เหลือซาก ..." คัตซ์เอ่ยเรียบ ๆ "ทางสมาพันธ์จอมเวทย์ก็ส่งพวกจันทราวินาศไปแล้ว แต่อย่างว่า ไม่รอดกลับมาเลยสักคน" รีเบลขมวดคิ้ว
"ได้ยังไงกัน ? ... แล้ว 'สิ่งนั้น' ละ ... มันยังอยู่ดีหรือเปล่า ?"
"ผลึกของพวกจอมเวทย์ถูกทำลายแล้ว ... ไม่สามารถรู้ได้ เขาจึงมาขอให้ทางหน่วยเราส่งคนไป แต่อย่างว่า ขนาดจอมเวทย์ยังไม่กลับมา ชั้นจึงคิดว่า ..."
"ชั้นจะไปเอง" รีเบลแทรกขึ้นมา ... "อนุญาตไหม ?"
"... น่าจะรู้นะว่าชั้นจะตอบว่ายังไงนะ ?"
"แล้วจะเรียกชั้นมาทำไมกัน ?"
"เพราะเธอคือหนึ่งในคนที่ชั้นไว้ใจ ... ชั้นมีเรื่องจะบอ ..."
"เชอะ ... ถ้าไม่มีอะไรแล้วชั้นขอตัว" รีเบลว่าแล้วหันหลังกลับเดินไปทางประตู มือของเธอจับลูกบิดประตูแล้วทำท่าจะเปิดออก แต่ก็ชะงักไปเมื่อได้ยินคำพูดของคัตซ์
"... ดาบต้องสาปแห่งตระกุลแนซิส ..."
กึก ... เธอหันกลับมามองเขาช้า ๆ "จะพูดเรื่องตำนานงี่เง่านั่นทำไมกัน ? ... ก็รู้ว่ามันไม่จริง ถึงชั้นจะแค่เคยสนใจเรื่องนั้นก็ตามทีเถอะ"
"... 'ยามที่แผ่นดินลุกเป็นไฟ รัตติกาลเข้าครอบงำ ดาบต้องสาปจะสำแดงฤทธิ์' คำพยากรณ์ของซามีเทียส ปราชญ์ผู้ล่วงลับ" คัตซ์เอ่ยต่อโดยไม่สนใจคำพูดของเธอแม้แต่น้อย "ตำนานแห่งเทพและปีศาจที่ริบหรี่เต็มที โอกาสอาจจะเป็นแค่หนึ่งในล้าน ... ไม่สิ หนึ่งในสิบล้าน แต่ชั้นว่าคนชอบท้าทายอย่างเธอน่าจะหาทางพิสูจน์มันอยู่แล้ว"
"เชอะ ... ชั้นยอมฝึกให้เจ้าพวกนั้นก็ได้ แกไม่ต้องพูดเรื่องนั้นหรอก" แอ๊ด ... ปึง ! เธอปิดประตูอย่างแรงแล้วสวมหมวกเหล็ก จากนั้นจึงเดินตรงไปยังลานฝึกซ้อมของพวกเด็กใหม่ ...
คัตซ์ขยับนิ้วเคาะโต๊ะไปมาสองสามทีแล้วยิ้มออกมา "... ยังใช้งานง่ายเหมือนเดิม" เขาว่าแล้วเริ่มพิจารณาแผนที่บนโต๊ะต่อไป ด้วยรอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่าง ...
-- ใจกลางเมืองเซเรียส --
ความมืดมิดแห่งรัตติกาลเคลื่อนตัวครอบคลุมท้องฟ้า จันทร์งามลอยเด่นท่ามกลางหมู่ดาวนับล้าน แต่บรรยากาศในเมืองก็ยังคึกคักไปด้วยพ่อค้าและแม่ค้า สภาพยามนี้ทำให้ชายหนุ่มเจ้าของผมสีเงินกลับนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมาได้ทุกครั้งไป ดวงตาสีแดงนั้นจับจ้องไปยังผู้คนที่เดินเพ่นพ่านกันเรื่อยไป แม่พาลูกออกมาเดินเล่นที่ตลาด ต่างจูงมือซึ่งกันและกันดูอบอุ่น ... เขาไม่อาจจะรู้ได้ ว่าความรู้สึกนั้นมันเป็นยังไงกันนะ ? สิ่งแรกที่จำความได้คือด้ามดาบที่เขาจับไว้ สิ่งแรกที่ได้ยินคือ ฟัน ! สู้ ! รบ ! ไม่เคยได้รับความอบอุ่นแม้แต่ครั้งเดียว
ครั้งแรกที่สังหาร ครั้งแรกที่เลือดสัมผัสใบหน้า ครั้งแรกที่คร่าชีวิตผู้อื่น ... ไม่รู้ว่าเหล่านักรบทั้งหลายจะเป็นแบบเขาหรือเปล่า ดวงตาไม่เคยปิดได้สนิทยามค่ำคืน เพราะเสียงของผู้ล่วงลับ ... ใช่แล้ว ผู้ล่วงลับที่เกิดจากน้ำมือของเขาเอง ! ... ต่างมาหาเขาทุกคืน ยิ่งฆ่าก็ยิ่งมาปรากฎ ทำไมกัน ? ทั้ง ๆ ที่หลายคนก็ต่างเคยฆ่าคนกันมาแล้ว แต่ทำไมเขากลับต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย ?
... สู้เพื่ออะไร ? ...
เขาคิดพลางยกมือขึ้นกุมศีรษะอย่างหน่ายใจ หลังเอนลงเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า ดวงตาทอดมองไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวนับล้าน เพื่อตนเอง ? เพื่อรักษาชีวิต ? หรือเพื่อเกียรติยศกัน ? เขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่ดี พรุ่งนี้ ... เขาจะไปรับการทดสอบเพื่อเข้าเป็นอัศวินของกองกำลัง 'มังกรแห่งเซเรียส' ด้วยความหวังลึก ๆ ที่ว่า เขาอาจจะได้ค้นพบสิ่งที่เขากำลังตามหาอยู่
เอลวิสยกมือขึ้นราวกับพยายามจะไขว่คว้าดาวที่อยู่เบื้องหน้าเขา แต่ก็คว้าได้แต่เพียงอากาศธาตุเท่านั้น "เฮ้อ ..." เขาถอนหายใจยาวแล้วประสานมือหลังศีรษะต่างหมอน ... แล้วตั้งท่าจะหลับใหลถ้าหากว่าไม่มีเสียงรบกวนเขาดังขึ้นมาก่อน
"มานอนอะไรบนนี้เนี่ย ? หนาวจะตาย บรื๊อ ..." อลิเซียปรากฏตัวข้าง ๆ เขา โดยไร้เสียง คงจะเป็นความสามารถพิเศษของเธอกระมัง ? แต่ที่เอลวิสแปลกใจไม่ใช่เรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องที่เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่บนนี้ตังหาก หญิงสาวนั่งลงข้าง ๆ เขาแล้วสยายผม ผมสีฟ้ายาวของเธอสะท้อนกับแสงจันทร์จนทำให้ดูงดงามอย่างประหลาด และปลิวเล็กน้อยด้วยกระแสลมยามค่ำคืน
"........." เอลวิสนิ่งมองเธออยู่ครู่นึง แต่ก็เบือนสายตาไปทางอื่น "มีธุระอะไรกับชั้นอีก ?"
"อะไรยะ ? พูดแบบนั้นหมายความว่าไง นายน่าจะดีใจนะที่คนอย่างชั้นมานั่งคุยเป็นเพื่อนนาย สาวงามแบบชั้นเนี่ยหายากจะตาย" อลิเซียโปรยรอยยิ้มใส่เอลวิส แต่ว่าใบหน้าก็ยังนิ่งราวกับรูปสลักอยู่เช่นเดิม "คนอย่างนายนะทำตัวเย็นชาไปก็ไม่ได้เท่ห์อะไรหรอกนะ ชั้นบอกไว้ก่อน ~" อลิเซียเอ่ยแล้วนั่งกอดเข่ามองสภาพของเมืองโดยรอบ
"... งั้นรึ ?" เอลวิสดูจะไม่ใส่ใจกับคำว่านั้น ... "... แล้วนักฆ่าอย่างเธอมาทำอะไรที่เมืองนี้กัน ?" เอลวิสหันหน้าไปหาเธอแล้วเอ่ยถาม แววตาของเธอดูแปลกใจพอดู เขารู้ได้ยังไงว่าเธอเป็นนักฆ่า ?
"ชั้น ... ก็แค่มาเที่ยวนะ ..." อลิเซียว่าแล้วยิ้มบาง เธอรวบผมตัวเองมาลูบเล่นไปมาเบา ๆ "ตอนแรกพ่อชั้นบอกเหมือนกันว่าให้ชั้นไปฆ่าคนนู้นคนนี้ แต่มันขี้เกียจนะ ~" เธอพูดเหมือนมันเป็นเรื่องไม่สำคัญ เอลวิสดูแปลกใจพอสมควร ท่าทีแบบนี้นะหรือ 'นักฆ่า' แต่กลิ่นเลือดที่เขารับรู้ มัน ...
"แล้วนายละ !?" เธอหันมาถามเขาด้วยรอยยิ้มตามแบบของเธอ ...
"กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด" เอลวิสตอบแล้วนิ่งไป เขาขยับตัวเล็กน้อยให้นอนได้ถนัดขึ้น สายตายังจับจ้องหมู่ดาวบนท้องฟ้า "แล้วก็ ... จะมาเป็นอัศวินด้วย" เอลวิสพูดต่อ "ก็แค่นั้นละ"
"บู ... นั่นเหรอ 'ความฝัน' ของนาย น่าเบื่อชะมัด ~ วัน ๆ เอาแต่ฝึก ๆ แล้วก็รบ ๆ ท่าเดียว ไม่เหมือนนักฆ่าอย่างชั้น ใช้ชีวิตอย่างตื่นเต้นโลดโผน" อลิเซียพูดแล้วทำปากจู๋ เอลวิสมองเธอแล้วพูดต่อ ...
"ไม่ใช่ความฝัน เพียงแค่เป็นเพื่อตามหา 'จุดมุ่งหมาย' ..." เอลวิสเอ่ย เขายังสงสัยตัวเองอยู่ว่าตนเองทำไมถึงยอมพูดกับผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้ เหมือนกับว่าเธอมีอะไรบางอย่างที่จะทำให้คนที่พูดกับเธอยอมเปิดใจได้ แต่สำหรับเขาแล้ว ... ประตูหัวใจนั้นลงกลอนไว้แน่นเลยทีเดียว ถึงการคุยกับเธอจะทำให้เหมือนกับเอารถถังมายิงถล่มประตูก็ตามที "ช่างมันเถอะ"
"ว้า ~ แล้วนายจะนอนอยู่บนนี้เนี่ยนะ ?" อลิเซียถามแล้วลุกขึ้นไปยืนเหนือหัวเขา จนภาพที่เอลวิสเห็นคือใบหน้าเธอที่บดบังหมู่ดาวที่เขาดูอยู่
"อย่าบังวิวสิ ..."
"เชอะ ! ไปก็ได้ ..." อลิเซียทำแก้มป่องแล้วหันหลังก้าวฉับ ๆ เดินกลับห้องของตน ทิ้งไว้เพียงแต่เอลวิสที่นอนดูดาวอยู่อย่างนั้น ...
-- ทวีปเคทีเรียส ใจกลางมิดัสเทลล์
ทวีปเคทีเรียส ผู้คนเรียกมันว่า 'ดินแดนไร้สุริยา' ... มีเพียงแต่ผืนดินที่แห้งกรอบ ต้นไม้ที่เ!่ยวเฉา แอ่งน้ำเล็ก ๆ กระจายไปทั่วทุกหนแห่ง มีแต่สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวและอันตราย มิดัสเทลล์ ดินแดนปีศาจ ... มันคือทางเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์และโลกปีศาจ โดยมีประตูที่ถูกผนึกไว้อย่างดี และบริเวณโดยรอบก็ผลึกสังเกตการณ์ของเหล่าจอมเวทย์กระจายอยู่ทั่ว แต่ตอนนี้ ... มันกลับแตกสลายจนสิ้น ท้องฟ้าเหนือประตูยามนี้มีแต่เมฆสีดำที่หมุนวนเป็นเกลียว กึก กึก ! ครืน ... พื้นดินเกิดการสั่นไหว ...
เปรียะ ... เปรียะ ... ครืน ! ! !
ผืนดินแยกออก ! พร้อมกับยอดปราสสาทสีดำสนิทก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาจากรอยแยกนั้น แล้วค่อย ๆ โผล่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จนมันหยุด ... ปราสาทสีดำขนาดยักษ์ลอยอยู่เหนือรอยแยกนั้น วูบ ... วูบ ... แสงสีดำแผ่กระจายไปทั่วอาณาเขตโดยรอบ กลิ่นอายแห่งความตายโชยไปทั่วบริเวณนั้น เหนือยอดปราสาท ... นักรบเกราะสีดำสนิทในผ้าคลุมขาดวิ่นยืนอยู่บนนั้น ดวงตาสีเหลืองทองส่องประกายในความมืดมิดราวกับเทพปีศาจ ...
...
....
.....
-- กองทหารรับจ้าง 'กุหลาบรัตติกาล'
กองทหารรับจ้าง 'กุหลาบรัตติกาล' เป็นกองทหารที่ขึ้นตรงกับ 'มังกรแห่งเซเรียส' ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของเซเรียสเลยทีเดียว หัวหน้าของกองกำลังนี้อดีตเคยเป็นนักดาบเรร่อนมาก่อน แต่ก็รวบรวมผู้คนจนกลายมาเป็นกองทหารชั้นยอด กองกำลังนี้จะตั้งอยู่ที่บริเวณใกล้ ๆ กับ 'มังกรแห่งเซเรียส' แต่จะเป็นลักษณะเต้นท์แบบพวกเรร่อนซะมากกว่า กองทหารรับจ้างนี้ไม่มีระเบียบแบบแผนอะไร เพียงแต่รบเพื่อเงินเท่านั้น และรายได้ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนที่ฆ่าได้ และถ้ายิ่งฆ่าพวกแม่ทัพ รายได้ก็จะยิ่งสูงมากขึ้นไปอีก หัวหน้าของ 'กุหลาบรัตติกาล' นั้นถูกใจในอัธยาศัยของ 'คัตซ์ แมกมาดัส' ผู้บังคับบัญชากองทหาร 'มังกรแห่งเซเรียส' จึงอยู่ร่วมรบกับกองทหารนี้อยู่เสมอมา ยามค่ำคืนนี้ก็เป็นเวลาที่พวกเขาจะล้อมรอบกองไฟ และพูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ
"........"
ชายหนุ่มผมสีดำยาวถึงบริเวณต้นคอ ดวงตาสีดำขลับเหมือนตัวด้วง คิ้วหนาได้รูป ผิวไม่ขาวไม่ดำ ร่างกายกำยำแลเต็มไปด้วยรอยแผลในเสื้อกล้ามสีดำและกางเกงผ้าสีดำชุดเดียวกันนั่งอยู่บนท่อนซุงที่เอามาแทนที่ม้านั่ง ข้างตัวมีเกราะไหล่และชุดเกราะส่วนต่าง ๆ รวมทั้งดาบที่ดูราวกับท่อนเหล็กเคลือบสนิม ในมือถือแก้วสังกะสีใส่เหล้าขาวไว้ ดวงตาจับจ้องเข้าไปยังกองไฟที่ส่งเสียงปะทุออกมานาน ๆ ครั้ง บรรยากาศชวนนึกถึงอดีต ... อดีตที่ไม่อยากจะจดจำ
แก๊ง ... ! หินก้อนเล็กถูกซัดใส่แก้วที่ชายหนุ่มถืออยู่ แต่ว่ามันก็แทบไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าเขารู้อยู่แล้วว่าจะโดนโจมตีเช่นนี้ "ไง !" เสียงใสเอ่ยทักทายเขา
ร่างของหญิงสาวผมสีเงินปรากฏขึ้นในความมืดแล้วเดินลงมานั่งข้างตัวเขา เธออยู่ในเสื้อแขนกุดสีดำสนิทเอวลอยเห็นสัดส่วนได้อย่างชัดเจน กางเกงสีน้ำตาลเข้มดูทะมัดทะแมง ที่เอวมีเข็มขัดสองสามเส้นคาดไว้เพื่อช่วยพยงดาบคู่สองเล่มที่ห้อยเอาไว้ กำไลทองที่ข้อมือทั้งสองข้างของเธอสะท้อนเปลวไฟในความมืด "ทำหน้าซังกะตายเชียวนะ 'อิซ' ... มาซัดกันหน่อยไหม ?" เธอเอ่ยพลางแย่งแก้วจากมือเขามาดื่ม
"อย่ามายุ่งกับชั้น 'รีรีส' ... ถ้ายังไม่อยากตายก่อนกำหนด" ชายหนุ่มว่าโดยไม่มองหน้าเธอ ดวงตาสีดำของเขาสะท้อนแสงเปลวเพลิงในดวงตาลึก ๆ "มีอะไรก็ว่ามา"
ผัวะ ! หมัดของหญิงสาวนาม 'รีรีส' กระแทกไหล่ของชายหนุ่มเบา ๆ แต่ก็น่าจะมีรอยช้ำอยู่บ้างแหละ "ถ้าพูดไม่ดีแบบนี้ก็อย่าพูดเลยดีกว่าไ อ้ปากหมา" เธอพูดโดยไม่มีความเป็นกุลสตรีเลยสักนิด สีหน้าดูเอาเรื่อง
".........." อิซลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะเดินจากไปอย่างหน่ายใจ
"... ข่าวลือบอกว่าเราใกล้จะได้ออกรบกันอีกแล้วนะ" กึก ! ... อิซหยุดทันที แล้วหันมาหาหญิงสาวที่ยิ้มระรื่นอยู่ตรงหน้า
"... รู้ได้ยังไง ?" อิซเอ่ยถาม ใบหน้านิ่งเฉย แม้จะรู้ว่าหน่วยข่าวกรองที่เธอคนนี้สนิทด้วยหูตาไว้แค่ไหน ...
"ค่าข่าว ~ ... 10 เหรียญทอง ~" รีรีสยิ้มร่า ~ แล้วแบมือไปทางอิซ ...
"ตกลง ถ้าข่าวผิดชั้นซัดเธอตายแน่"
-- สมาพันธ์จอมเวทย์แห่งเซเรียส
วูบ ! เปรี้ยง ! เปรี้ยง !
แสงสีดำปะทะกันไปมา ณ โรงฝึกของสมาพันธ์จอมเวทย์แห่งเซเรียส วูบ ! ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งพุ่งผ่านไปตามเงาของเธอได้อย่างรวดเร็ว ในมือของเธอถือคทาขนนกยาวกว่าหนึ่งเมตรไว้ด้วย เรือนผมสีกุหลามส้ม ... อัสเทียนั่นเอง และอีกร่างหนึ่งก็ปะทะกับเธอได้ไม่แพ้กัน ผมสีเขียวซอยยาวประบ่าพัดไปมาตามจังหวะที่เธอเคลื่อนตัวไป การแต่งกายของเธอดูคล่องแคล่ว ด้วยผ้าพันอกสีดำ กระโปรงสีขาวตัวเล็กดูน่ารัก และสวมทับด้วยเสื้อคลุมสีขาว ในมือถือไม้เท้ายาวที่ส่วนหัวของไม้เท้าคดงอเล็กน้อย
"เร็วกว่านี้มาเรีย !" อัสเทียเอ่ยแล้วยกคทาของเธอขึ้น "ชาโดว์ แสลช !" ฟุบ ! ฟ้าว ! ฟ้าว ! เงาของเธอแยกออกเป็นสายแล้วพุ่งเข้าใส่หญิงสาวผู้คือคทายาว
ควับ ! ตึง ! เด็กสาวนาม 'มาเรีย' ควงไม้เท้าแล้วปักลงด้านหน้าตน "......" เธอพึมพำอะไรบางอย่าง แว๊บ ! แสงสีดำพุ่งกระจายออกจากไม้เท้าของเธอ ! ลูกประคำที่สวมอยู่ที่ข้อมือข้างขวาสั่นไหวไปมา บาเรียสีดำสนิทแผ่กระจายป้องกันเธอไว้
ตู้ม ! ตู้ม ! ตู้ม ! เงาของอัสเทียพุ่งเข้าใส่เกราะนั้นอย่างบ้าคลั่งและรุนแรง นี่หรือ อำนาจของจอมเวทย์จันทราวินาศ ? ... รุนแรง หนักหน่วง ... พวกเขานี่ละคือ 'ผู้ทำลายล้าง' แห่งเซเรียส แสงสีดำแผ่กระจายไปทั่ว แล้วร่างของทั้งสองก็เดินออกมาพร้อม ๆ กัน
"... ดูท่า จะพร้อมปฎิบัติภารกิจจริงแล้วสินะ มาเรีย ..."
ความคิดเห็น