ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตำนานบทที่ I : ชะตากรรมที่เริ่มแปรเปลี่ยน
...
....
.....
ไม่เปลี่ยนไปเลยสินะ ...
ไม่สิ ... จากซากปรักหักพัง ฟื้นฟูได้ขนาดนี้ก็ยอดเยี่ยมแล้วละ ฮึ ...
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินยาวที่ผูกไว้ด้วยรอบบิ้นสีน้ำเงินอย่างเรียบร้อยเดินไปตามตลาดเมืองซาเรียส พ่อค้าแม่ค้าต่างขนสินค้าของตนมาวางแผงขายกันอย่างครึกครื้น ดวงตาสีแดงของเขาจับจ้องสภาพเมืองโดยรอบพลางพินิจคิดพิจารณา
นั่นมัน ? ... ฮึ พวกแบบนี้มีทุกเมืองทุกที่จริง ๆ ...
ภาพที่เขาเห็นคืออัศวินในชุดเกราะสิเงินสองสามคนกำลังเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้าอยู่ หากไม่มีให้ ... พวกมันก็จะใช้กำลัง ช่างเลวจริง ๆ ... แม้ว่าอัศวินแห่งซาเรียสจะได้ชื่อว่ามีเกียรติ แต่ทุกที่ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ย่อมมีพวกคนประเภทนี้อยู่ทั่วไป และเขาก็ไม่ชอบเลยสักนิด แม้ว่าตนจะไม่ได้ชื่อว่า ‘อัศวิน’ แต่จิตใจนั้นกลับเต็มไปด้วยเกียรติแห่งอัศวิน เขาไม่ยอมยกโทษให้กับผู้ที่ทำให้เกียรติของอัศวินเสื่อมเสียแน่นอน ชายหนุ่มทำท่าจะเข้าไปจัดการพวกมัน แต่ว่า ...
“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง !?” เสียงนุ่มนวลของหญิงสาวดังขึ้นก่อนที่เขาจะเข้าไป พอเพ่งดูดี ๆ ก็พบกับหญิงสาวผมสีฟ้ายาวสลวย ดวงตาสีครามน้ำเงินดูแข็งกร้าว ใบหน้าขาวได้รูปในผ้าคลุมสีดำทำให้ดูตัดกันอย่างประหลาด ? ที่เธอแต่งตัวแบบนี้ คงจะเพิ่งเดินทางมาจากที่ไหนสักแห่งละมั้ง ?
“อย่ายุ่งน่าน้องสาว ~ ... พวกพี่เนี่ยอัศวินแห่งซาเรียสเชียวนะ” หนึ่งในอัศวินเหล่านั้นเอ่ย ... พลางใช้มือข้างหนึ่งจับมือหญิงสาวคนนั้นไว้แล้วแสยะยิ้มหน้าตาลามกพอดู
กล้าพูดเต็มปากเลยรึ ? ... ว่าตนเองเป็นอัศวิน น่าสมเพชจริง ๆ ...
ชายหนุ่มคิดในใจ แล้วยืนมองต่อ มือข้างนึงจับดาบไว้ เผื่อเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้เข้าไปช่วยได้ทันท่วงที การปกป้องสตรีเพศก็เป็นหน้าที่ของอัศวินเช่นกัน แต่ว่า ...
ผัวะ ! ! ! ตุบ !
กำปั้นของหญิงสาวกระแทกเข้าไปที่ท้องน้อยของอัศวินคนนั้นจนตัวลอย แล้วก็ล้มลงกับพื้นน้ำลายฟูมปาก ชายหนุ่มที่มองอยู่ถึงกับชะงักไป “ฮะ ... เฮ้ย ! นังนี่ !” ชิ้ง ! อัศวินที่เหลืออีกสองคนชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่หญิงสาวสองมือเงื้อดาบขึ้น
ฟุบ ! ปึด ! ...
ฉึก ! !
ราวกับภาพช้า หญิงสาวเอื้อมมือไปด้านหลังแล้วดึงผมออกมาเกือบสิบเส้น แล้วพุ่งผ่านลอดไปตรงกลางระหว่างอัศวินสองคนนั้น เส้นผมแปรเปลี่ยนเป็นเข็มที่ยาวกว่าหนึ่งเมตรและแทงทะลุร่างของพวกมันจนล้มลง “ฮึ ...” เธอแสยะยิ้มแล้วสะบัดผมเบา ๆ ดวงตาแฝงไว้ด้วยความสะใจระคนสนุก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเธอจึงหันมาหาชายหนุ่มที่มองเธออยู่ “หือ ? มองอะไรของนาย ?”
“... เปล่า” ชายหนุ่มผมสีเงินเอ่ยตอบแล้วค่อย ๆ ปล่อยมือจากดาบ หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขาพลางจับเข้าไปที่คางแล้วเงยหน้ามองเขา ภาพที่เห็นนี้ดูท่าทางจะกลับกัน ? ... “... มองอะไรของคุณ ?” ชายหนุ่มพูดพลางขมวดคิ้ว
“อัศวินหรือเปล่านายเนี่ย ? ...” เธอเอ่ยถามพลางยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูน่ากลัวอย่างประหลาด ...
“ไม่ใช่ แต่ก็อีกไม่นานนี้ละ” เขาบอกปัดแล้วดึงมือของหญิงสาวออกจากคางของเขา ความสูงของเธอก็ประมาณไหล่ของเขาเท่านั้นละนะ “... แปลกจังนะ วิชานั่นนะ” เขาเอ่ยถาม ... มันก็น่าสนใจจริง ๆ นั่นแหละ
“ความลับ ~” หญิงสาวตอบพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี “... หือ ? นี่อะไรนะ ?” หญิงสาวสังเกตเห็นสร้อยที่คอชายหนุ่ม มือของเธอทำท่าจะไปจับมัน ...
หมั่บ ! มือของชายหนุ่ม จับไว้ที่ข้อมือของเธอในทันใด เขายิ้มบางแล้วาส่ายหน้าช้า ๆ ... มือของเขาคลายออก เธอดึงมือกลับไปช้า ๆ “บุ่ย ๆ ... ไม่ให้ดูก็บอกดี ๆ สิ” เธอทำปากจู๋อย่างไม่พอใจเท่าไรนัก “แล้วนายชื่ออะไร ?” เธอถามด้วยรอยยิ้ม
“... เอลวิส ...” ชายหนุ่มตอบ “เอลวิส ไนท์ลอร์ด” ...
“อือ ! ยินดีที่ได้รู้จักนะ !” แปะ ... มือของเธอวางไว้บนไหล่เขาเบา ๆ “ชั้นอลิเซีย ... เรียกอลิซก็ได้”
“อะ อือ ...”
แปลกแฮะผู้หญิงคนนี้ ... จู่ ๆ มาถามชื่อเราแล้วแนะนำตัวเสร็จสรรพ เอาเถอะ ... เลยตามเลยละกัน ...
เอลวิสคิดในใจแล้วดึงผ้าคลุมให้กระชับตัวเล็กน้อย “แล้วที่นายบอกว่าใกล้จะเป็นอัศวินแล้วเนี่ย นายกำลังจะไปสมัครที่กรมงั้นเหรอ ?” อลิซถามแล้วยิ้มบาง เอลวิสไม่ตอบเพียงพยักหน้าช้า ๆ เท่านั้น แต่ในใจก็กำลังคิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงยุ่งกับเขามากจริง แต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนคุยบ้าง
“... แล้วมีที่พักหรือยัง ? ...” อลิซถามเอลวิสด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม การที่เธอยุ่งกับเขามากคงเพราะคิดว่าชายคนนี้มีอะไรบางอย่างคล้าย ๆ เธอกระมัง ? และบางอย่าง ... ในตัวของชายคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดผู้มีฝีมือ เอลวิสส่ายหน้าไปมา ดูท่าทางเขาจะไม่ค่อยชอบพูดเท่าไรนัก
“ชั้นก็ยังไม่มี” อลิซเอ่ยพลางยักไหล่ พรึ่บ ! เธอสะบัดผ้าคลุมออก แล้วเอามาพาดบ่า เธออยู่ในชุดกี่เพ้าสีส้มลายดอกเหมยเล็ก ๆ จำนวนมาก จากรูปร่างของเธอ นับว่าเธอหุ่นดีมากเลยทีเดียว “ไปหาด้วยกันไหม ?”
หงึก ... เอลวิสพยักหน้าเล็กน้อยแล้วปล่อยให้เธอเดินนำเขาไป จะว่าไปแล้ว ... เธอก็คงเป็นคนแรกกระมังที่พูดกับเขามากขนาดนี้ ทั้งสองเดินผ่านตลาดมาเรื่อย ๆ จนมาพบกับโรงแรมแห่งหนึ่ง เอลวิสดึงผ้าคลุมของตนเองออกเช่นกัน ชุดเกราะสีเงนบางเบาปรากฏขึ้นดูคล่องตัว กางเกงผ้าสีดำขลับและเลอะฝุ่นเล็กน้อย เกราะแขนสีดำที่ยาวไปถึงข้อศอกเช่นเดียวกับบู๊ทเหล็กสีดำ แต่พอเข้าไปในโรงแรมเอลวิสก็เดินนำอลิซไปที่เคาน์เตอร์ทันที “ห้องเดี่ยวห้องนึง” เขาพูดเรียบ ๆ แล้วเหรียญเงินไว้บนเคาน์เตอร์สองสามเหรียญ แล้วจึงรับกุญแจเดินขึ้นห้องโดยไม่สนใจอลิซ
“.......” เธอมองตามเขาจนเขาหายขึ้นไปบนห้องพัก “ขอห้องข้างห้องหมอนั่นนะ !” เธอเอ่ยแล้ววางเงินไว้บนเคาน์เตอร์ ...
แอ๊ด ... เอลวิสเดินเข้ามาในห้องพักของตนแล้วปิดประตูช้า ๆ แกร่ก ... โดยไม่ลืมล็อคประตู เขาชินแล้วละ กับการที่ต้องระวังตัวตลอดเวลา แน่นอนสิ ไม่รู้ทำไมถึงเกิดเรื่องร้าย ๆ กับเขาตลอดเวลา ? และยังกระทบไปถึงคนข้างตัวเขาด้วย ? ... นี่ละมั้งที่ผู้คนเรียกเขาว่า ‘ตัวซวย’ ช่างมันเถอะ คิดไปก็หนักหัวเปล่า ๆ
ตุบ ...
เอลวิสทิ้งตัวลงบนเตียงโดยถอดเกราะออกเรียบร้อย และยังไม่ลืมที่จะเอามีดสั้นของตนเก็บไว้ใต้หมอนด้วย โลกนี้มันก็แบบนี้ละ ต่างเอาแต่แย่งชิงกัน ... ไม่รู้จักคำว่า ‘เสียสละ’ แม้แต่อัศวินก็ยังมีคนแบบเมื่อครู่ โลกนี้มันช่าง เฮ้อ ... ช่างเถอะ นอนพักซะดีกว่า ...
ส่วนทางด้านอลิเซียนั้น เธอนั่งอยู่บนเตียงโดยมีเส้นลวด , มีดสั้นสองสามเล่ม วางอยู่บนเตียง เธอลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าออกช้า ๆ จนร่นลงไปอยู่ที่ข้อเท้า เรือนร่างขาวนวลน่าถนอมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งกระโจมอกแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
...
....
.....
-- สมาพันธ์จอมเวทย์แห่งเซเรียส
ตึก ตึก ...
เสียงคนเดินอยู่ในห้องโถงของสมาพันธ์ ซึ่งเป็นสิ่งก่อร้างรูปโดมสีฟ้าสะท้อนแสงขนาดใหญ่ ห้องโถงนั้นมีเสาทรงยุโรปสีขาวติดกันไปเป็นทางยาวและพื้นก็ปูด้วยผลึกแก้วสีม่วงดูงดงาม เพดานและผนังบริเวณรอบท้องทาด้วยสีม่วงอ่อน และมีประกายเพชรติดอยู่ทั่วบริเวณนั้นดูลึกลับและทรงพลัง ...
หนึ่งหญิงสาวและชายหนุ่มเดินเคียงข้างกันตรงไปยังศูนย์กลางของห้องโถง ซึ่งมีเพียงลูกแก้วสีขาวขุ่นตั้งอยู่เท่านั้น บริเวณอาณาเขตรอบลูกแก้วมีแสงสีขาวใสแผ่กระจายออกมาเรื่อย ๆ ดูท่าทาง จะเป็นเวทย์ป้องกันและลูกแก้วนั้นคงเป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว
“อัสเทีย คาแรนทิสค่ะ ...” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีกุหลามส้มเอ่ยพร้อมคุกเข่าลงช้า ๆ ดวงตาสีม่วงน้ำเงินอ่อนค่อย ๆ ปิดลงราวกับจะหลับไหล เธออยู่ในชุดกระโปรงยาวสีโอโรสอ่อนดูสง่างาม รองเท้าใยไหมแก้วส้นสูงมือข้างนึงของเธอแตะไว้ที่หน้าอกของตนเองเบา ๆ
“เวอลัส เฮช. เบเลเกลียครับ” ชายหนุ่มข้าง ๆ คุกเข่าลงตาม เขายกมือขึ้นปัดเรือนผมยุ่ง ๆ ขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลง ดวงตาสีเทาดูลึกลึบค่อย ๆ ปิดลงดังเช่นหญิงสาว ชุดคลุมสีดำทั้งตัวแสดงออกได้เลยว่าเป็นจอมเวทย์ เขาสะบัดหัวเบา ๆ ตุ้มหูสีเงินแกว่งไปมาเล็กน้อย
“... เป็นยังไงบ้าง ? ทางมิดัสเทลล์ ...” เสียงทุ้มราวกับคนแก่ดังออกมาจากลูกแก้วสีขาวขุ่นนั้น ทั้งสองลุกขึ้นยืนช้า ๆ อัสเทียเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ไม่ทราบค่ะ ... จู่ ๆ ผลึกเวทย์ที่เราไว้สังเกตการณ์บริเวณนั้นก็เหมือนกับ ... ถูกทำลายจนหมด” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วหันไปมองชายคนที่อยู่ข้าง ๆ เป็นเชิงบอกให้เขาพูดต่อ
“................” ชายหนุ่มกลับนิ่งไม่ยอมตอบ เพียงแต่ส่ายหน้าไปช้า ๆ เท่านั้น อัสเทียถอนใจเบา ๆ แล้วเอ่ยกับลูกแก้วนั้นต่อ
“หน่วย ‘จันทราวินาศ’ ที่ส่งเข้าไป ... ก็ไม่กลับมาเลยสักคนค่ะ” เธอเอ่ยต่อแล้วโค้งลงช้า ๆ แล้วกลับมายืนตรง เจ้าลูกกลม ๆ เสียงแก่ ๆ นี่ยิ่งใหญ่มากจากไหนกันนะ ? แต่เอาเถอะ ถึงกับที่ ‘จันทราวินาศ’ ยอมโค้งและเคารพขนาดนี้ก็คงยิ่งใหญ่พอดูละนะ
“... เข้าใจแล้ว ...” เสียงทุ้มเหมือนคนแก่ดังออกมาจากลูกแก้วอีกครั้ง “หากสถานการณ์มีความก้าวหน้า ... ก็จงรายงานด้วย ขอพลังแห่งจันทราจงคุ้มครองพวกเจ้า”
“ค่ะ / ครับ” ทั้งสองโค้งแล้วเดินออกไปจากห้องโถง มาโผล่ที่บริเวณสวนของสมาพันธ์แทน และแน่นอนว่าย่อมสวยงามไม่แพ้กับข้างใน ดอกไม้หลากหลายร้อยชนิดต่างเบ่งบานอวดสีสันกันอย่างสวยงาม พุ่มไม้ประดับสีเขียวเป็นย่อม ๆ แทรกอยู่ตามพื้นหญ้านุ่ม ๆ ดั่งพรมกำมะหยี่ “ทำไมนายไม่พูดอะไรเลย รู้อยู่แล้วนี่ว่าอย่าแสดงท่าทางไม่ดีเวลาเราอยู่ต่อหน้าสิ่งนั้น”
“นายนี่มัน เฮ้อ ! น่าเบื่อจริง ๆ !” อัสเทียเอ่ยอย่างรำคาญ แต่ก็เพราะนิสัยของเธอนั่นแหละ เพราะถ้าเธอเบื่อเขาจริง ๆ คงไม่ทนคบกันมาถึงสองปีได้หรอก ชายหนุ่มเพียงแต่ทำหน้านิ่ง ๆ แล้วควานหากระดาษขึ้นมาเขียนเป็นรูปหน้าคนกำลังยิ้ม แล้วส่งให้หญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“..........” อัสเทียรับมันมาแล้วส่งคืนไป อย่างน้อย ... ก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนะน่ะ “นายคิดยังไงกับทางมิดัสเทลล์ ? ... คิดว่าตอนนี้ ‘สิ่งนั้น’ ยังคงปลอดภัยดีอยู่ไหม ?” ... ชายหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ ...
“... ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลยละกัน ...”
...
....
.....
-- กองกำลังอัศวิน หน่วย ‘มังกรแห่งเซเรียส’
“รุ่นพี่รีเบล ! ... อยู่ไหนกันครับ !?”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นที่ข้างป้อมของกองกำลังอัศวิน ‘มังกรแห่งเซเรียส’ ซึ่งเป็นกองกำลังอัศวินที่กษัตริย์แห่งเซเรียสให้ความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างมาก ตำนานไร้พ่ายของพวกเขานั้นโด่งดังไปทั่วทีเดียว และผู้ที่อยู่ในป้อมนี้ก็ต่างมีฝีมือเก่งกาจ อัศวินรุ่นใหม่หลายคนต่างทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าไปยังป้อมแห่งนี้ ชายหนุ่มผมสีแดงสั้นในชุดอัศวินของเซเรียสกำลังเดินตามหาคนบางคนอยู่รอบ ๆ ป้อม ผิวสีแทนของเขาแสดงถึงความเป็นหนุ่กลางแจ้ง ดวงตาสีเทาดูสดใสสอดส่องสายตามองหาคนบางคนไปทั่ว
จนในที่สุดเขาก็ได้พบ หญิงสาวในชุดเกราะสีเงินแสดงถึงความเป็นอัศวิน นัยย์ตาสีเหลืองดูแฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่าง นอนหลับอยู่บนหลังคา ข้างตัวเธอมีดาบเล่มยาวสองเล่มวางอยู่ข้างตัว เธอผงกหัวมองผู้มาเยือน ฟันหน้าที่ถูกลับจนกลายเป็นเหมือนเขี้ยวโผล่ออกมาข่มขวัญเล็กน้อย “........” ดวงตาของเธอดูแข็งกร้าวราวกับจะถามว่า ‘มีอะไร ?’
“อะ ... เอ่อ ...” ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรต่อ หญิงสาวตรงหน้าทำให้เขากลัวจับใจทุกครั้งที่เจอ ถึงแม้จะไม่เคยพูดกันก็ตามที “คือ ... ท่านคัตซ์ให้มาตามไปพบนะครับ คือมีเรื่องจะคุยด้วย” เขาว่าแล้วรีบแว่บหายไปอย่างเร็ว
“.............” รีเบลขมวดคิ้วอย่างหน่ายใจแล้วคว้าดาบข้างตัว ก่อนจะกระโดดลงมา แล้วเดินเข้าไปในป้อม ...
....
.....
ไม่เปลี่ยนไปเลยสินะ ...
ไม่สิ ... จากซากปรักหักพัง ฟื้นฟูได้ขนาดนี้ก็ยอดเยี่ยมแล้วละ ฮึ ...
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินยาวที่ผูกไว้ด้วยรอบบิ้นสีน้ำเงินอย่างเรียบร้อยเดินไปตามตลาดเมืองซาเรียส พ่อค้าแม่ค้าต่างขนสินค้าของตนมาวางแผงขายกันอย่างครึกครื้น ดวงตาสีแดงของเขาจับจ้องสภาพเมืองโดยรอบพลางพินิจคิดพิจารณา
นั่นมัน ? ... ฮึ พวกแบบนี้มีทุกเมืองทุกที่จริง ๆ ...
ภาพที่เขาเห็นคืออัศวินในชุดเกราะสิเงินสองสามคนกำลังเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้าอยู่ หากไม่มีให้ ... พวกมันก็จะใช้กำลัง ช่างเลวจริง ๆ ... แม้ว่าอัศวินแห่งซาเรียสจะได้ชื่อว่ามีเกียรติ แต่ทุกที่ ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม ย่อมมีพวกคนประเภทนี้อยู่ทั่วไป และเขาก็ไม่ชอบเลยสักนิด แม้ว่าตนจะไม่ได้ชื่อว่า ‘อัศวิน’ แต่จิตใจนั้นกลับเต็มไปด้วยเกียรติแห่งอัศวิน เขาไม่ยอมยกโทษให้กับผู้ที่ทำให้เกียรติของอัศวินเสื่อมเสียแน่นอน ชายหนุ่มทำท่าจะเข้าไปจัดการพวกมัน แต่ว่า ...
“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง !?” เสียงนุ่มนวลของหญิงสาวดังขึ้นก่อนที่เขาจะเข้าไป พอเพ่งดูดี ๆ ก็พบกับหญิงสาวผมสีฟ้ายาวสลวย ดวงตาสีครามน้ำเงินดูแข็งกร้าว ใบหน้าขาวได้รูปในผ้าคลุมสีดำทำให้ดูตัดกันอย่างประหลาด ? ที่เธอแต่งตัวแบบนี้ คงจะเพิ่งเดินทางมาจากที่ไหนสักแห่งละมั้ง ?
“อย่ายุ่งน่าน้องสาว ~ ... พวกพี่เนี่ยอัศวินแห่งซาเรียสเชียวนะ” หนึ่งในอัศวินเหล่านั้นเอ่ย ... พลางใช้มือข้างหนึ่งจับมือหญิงสาวคนนั้นไว้แล้วแสยะยิ้มหน้าตาลามกพอดู
กล้าพูดเต็มปากเลยรึ ? ... ว่าตนเองเป็นอัศวิน น่าสมเพชจริง ๆ ...
ชายหนุ่มคิดในใจ แล้วยืนมองต่อ มือข้างนึงจับดาบไว้ เผื่อเกิดอะไรขึ้น เขาจะได้เข้าไปช่วยได้ทันท่วงที การปกป้องสตรีเพศก็เป็นหน้าที่ของอัศวินเช่นกัน แต่ว่า ...
ผัวะ ! ! ! ตุบ !
กำปั้นของหญิงสาวกระแทกเข้าไปที่ท้องน้อยของอัศวินคนนั้นจนตัวลอย แล้วก็ล้มลงกับพื้นน้ำลายฟูมปาก ชายหนุ่มที่มองอยู่ถึงกับชะงักไป “ฮะ ... เฮ้ย ! นังนี่ !” ชิ้ง ! อัศวินที่เหลืออีกสองคนชักดาบออกมาแล้วพุ่งเข้าใส่หญิงสาวสองมือเงื้อดาบขึ้น
ฟุบ ! ปึด ! ...
ฉึก ! !
ราวกับภาพช้า หญิงสาวเอื้อมมือไปด้านหลังแล้วดึงผมออกมาเกือบสิบเส้น แล้วพุ่งผ่านลอดไปตรงกลางระหว่างอัศวินสองคนนั้น เส้นผมแปรเปลี่ยนเป็นเข็มที่ยาวกว่าหนึ่งเมตรและแทงทะลุร่างของพวกมันจนล้มลง “ฮึ ...” เธอแสยะยิ้มแล้วสะบัดผมเบา ๆ ดวงตาแฝงไว้ด้วยความสะใจระคนสนุก แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดเธอจึงหันมาหาชายหนุ่มที่มองเธออยู่ “หือ ? มองอะไรของนาย ?”
“... เปล่า” ชายหนุ่มผมสีเงินเอ่ยตอบแล้วค่อย ๆ ปล่อยมือจากดาบ หญิงสาวเดินเข้ามาหาเขาพลางจับเข้าไปที่คางแล้วเงยหน้ามองเขา ภาพที่เห็นนี้ดูท่าทางจะกลับกัน ? ... “... มองอะไรของคุณ ?” ชายหนุ่มพูดพลางขมวดคิ้ว
“อัศวินหรือเปล่านายเนี่ย ? ...” เธอเอ่ยถามพลางยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูน่ากลัวอย่างประหลาด ...
“ไม่ใช่ แต่ก็อีกไม่นานนี้ละ” เขาบอกปัดแล้วดึงมือของหญิงสาวออกจากคางของเขา ความสูงของเธอก็ประมาณไหล่ของเขาเท่านั้นละนะ “... แปลกจังนะ วิชานั่นนะ” เขาเอ่ยถาม ... มันก็น่าสนใจจริง ๆ นั่นแหละ
“ความลับ ~” หญิงสาวตอบพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี “... หือ ? นี่อะไรนะ ?” หญิงสาวสังเกตเห็นสร้อยที่คอชายหนุ่ม มือของเธอทำท่าจะไปจับมัน ...
หมั่บ ! มือของชายหนุ่ม จับไว้ที่ข้อมือของเธอในทันใด เขายิ้มบางแล้วาส่ายหน้าช้า ๆ ... มือของเขาคลายออก เธอดึงมือกลับไปช้า ๆ “บุ่ย ๆ ... ไม่ให้ดูก็บอกดี ๆ สิ” เธอทำปากจู๋อย่างไม่พอใจเท่าไรนัก “แล้วนายชื่ออะไร ?” เธอถามด้วยรอยยิ้ม
“... เอลวิส ...” ชายหนุ่มตอบ “เอลวิส ไนท์ลอร์ด” ...
“อือ ! ยินดีที่ได้รู้จักนะ !” แปะ ... มือของเธอวางไว้บนไหล่เขาเบา ๆ “ชั้นอลิเซีย ... เรียกอลิซก็ได้”
“อะ อือ ...”
แปลกแฮะผู้หญิงคนนี้ ... จู่ ๆ มาถามชื่อเราแล้วแนะนำตัวเสร็จสรรพ เอาเถอะ ... เลยตามเลยละกัน ...
เอลวิสคิดในใจแล้วดึงผ้าคลุมให้กระชับตัวเล็กน้อย “แล้วที่นายบอกว่าใกล้จะเป็นอัศวินแล้วเนี่ย นายกำลังจะไปสมัครที่กรมงั้นเหรอ ?” อลิซถามแล้วยิ้มบาง เอลวิสไม่ตอบเพียงพยักหน้าช้า ๆ เท่านั้น แต่ในใจก็กำลังคิดว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงยุ่งกับเขามากจริง แต่ก็ยังดีที่มีเพื่อนคุยบ้าง
“... แล้วมีที่พักหรือยัง ? ...” อลิซถามเอลวิสด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม การที่เธอยุ่งกับเขามากคงเพราะคิดว่าชายคนนี้มีอะไรบางอย่างคล้าย ๆ เธอกระมัง ? และบางอย่าง ... ในตัวของชายคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดผู้มีฝีมือ เอลวิสส่ายหน้าไปมา ดูท่าทางเขาจะไม่ค่อยชอบพูดเท่าไรนัก
“ชั้นก็ยังไม่มี” อลิซเอ่ยพลางยักไหล่ พรึ่บ ! เธอสะบัดผ้าคลุมออก แล้วเอามาพาดบ่า เธออยู่ในชุดกี่เพ้าสีส้มลายดอกเหมยเล็ก ๆ จำนวนมาก จากรูปร่างของเธอ นับว่าเธอหุ่นดีมากเลยทีเดียว “ไปหาด้วยกันไหม ?”
หงึก ... เอลวิสพยักหน้าเล็กน้อยแล้วปล่อยให้เธอเดินนำเขาไป จะว่าไปแล้ว ... เธอก็คงเป็นคนแรกกระมังที่พูดกับเขามากขนาดนี้ ทั้งสองเดินผ่านตลาดมาเรื่อย ๆ จนมาพบกับโรงแรมแห่งหนึ่ง เอลวิสดึงผ้าคลุมของตนเองออกเช่นกัน ชุดเกราะสีเงนบางเบาปรากฏขึ้นดูคล่องตัว กางเกงผ้าสีดำขลับและเลอะฝุ่นเล็กน้อย เกราะแขนสีดำที่ยาวไปถึงข้อศอกเช่นเดียวกับบู๊ทเหล็กสีดำ แต่พอเข้าไปในโรงแรมเอลวิสก็เดินนำอลิซไปที่เคาน์เตอร์ทันที “ห้องเดี่ยวห้องนึง” เขาพูดเรียบ ๆ แล้วเหรียญเงินไว้บนเคาน์เตอร์สองสามเหรียญ แล้วจึงรับกุญแจเดินขึ้นห้องโดยไม่สนใจอลิซ
“.......” เธอมองตามเขาจนเขาหายขึ้นไปบนห้องพัก “ขอห้องข้างห้องหมอนั่นนะ !” เธอเอ่ยแล้ววางเงินไว้บนเคาน์เตอร์ ...
แอ๊ด ... เอลวิสเดินเข้ามาในห้องพักของตนแล้วปิดประตูช้า ๆ แกร่ก ... โดยไม่ลืมล็อคประตู เขาชินแล้วละ กับการที่ต้องระวังตัวตลอดเวลา แน่นอนสิ ไม่รู้ทำไมถึงเกิดเรื่องร้าย ๆ กับเขาตลอดเวลา ? และยังกระทบไปถึงคนข้างตัวเขาด้วย ? ... นี่ละมั้งที่ผู้คนเรียกเขาว่า ‘ตัวซวย’ ช่างมันเถอะ คิดไปก็หนักหัวเปล่า ๆ
ตุบ ...
เอลวิสทิ้งตัวลงบนเตียงโดยถอดเกราะออกเรียบร้อย และยังไม่ลืมที่จะเอามีดสั้นของตนเก็บไว้ใต้หมอนด้วย โลกนี้มันก็แบบนี้ละ ต่างเอาแต่แย่งชิงกัน ... ไม่รู้จักคำว่า ‘เสียสละ’ แม้แต่อัศวินก็ยังมีคนแบบเมื่อครู่ โลกนี้มันช่าง เฮ้อ ... ช่างเถอะ นอนพักซะดีกว่า ...
ส่วนทางด้านอลิเซียนั้น เธอนั่งอยู่บนเตียงโดยมีเส้นลวด , มีดสั้นสองสามเล่ม วางอยู่บนเตียง เธอลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าออกช้า ๆ จนร่นลงไปอยู่ที่ข้อเท้า เรือนร่างขาวนวลน่าถนอมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมานุ่งกระโจมอกแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
...
....
.....
-- สมาพันธ์จอมเวทย์แห่งเซเรียส
ตึก ตึก ...
เสียงคนเดินอยู่ในห้องโถงของสมาพันธ์ ซึ่งเป็นสิ่งก่อร้างรูปโดมสีฟ้าสะท้อนแสงขนาดใหญ่ ห้องโถงนั้นมีเสาทรงยุโรปสีขาวติดกันไปเป็นทางยาวและพื้นก็ปูด้วยผลึกแก้วสีม่วงดูงดงาม เพดานและผนังบริเวณรอบท้องทาด้วยสีม่วงอ่อน และมีประกายเพชรติดอยู่ทั่วบริเวณนั้นดูลึกลับและทรงพลัง ...
หนึ่งหญิงสาวและชายหนุ่มเดินเคียงข้างกันตรงไปยังศูนย์กลางของห้องโถง ซึ่งมีเพียงลูกแก้วสีขาวขุ่นตั้งอยู่เท่านั้น บริเวณอาณาเขตรอบลูกแก้วมีแสงสีขาวใสแผ่กระจายออกมาเรื่อย ๆ ดูท่าทาง จะเป็นเวทย์ป้องกันและลูกแก้วนั้นคงเป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว
“อัสเทีย คาแรนทิสค่ะ ...” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีกุหลามส้มเอ่ยพร้อมคุกเข่าลงช้า ๆ ดวงตาสีม่วงน้ำเงินอ่อนค่อย ๆ ปิดลงราวกับจะหลับไหล เธออยู่ในชุดกระโปรงยาวสีโอโรสอ่อนดูสง่างาม รองเท้าใยไหมแก้วส้นสูงมือข้างนึงของเธอแตะไว้ที่หน้าอกของตนเองเบา ๆ
“เวอลัส เฮช. เบเลเกลียครับ” ชายหนุ่มข้าง ๆ คุกเข่าลงตาม เขายกมือขึ้นปัดเรือนผมยุ่ง ๆ ขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าลง ดวงตาสีเทาดูลึกลึบค่อย ๆ ปิดลงดังเช่นหญิงสาว ชุดคลุมสีดำทั้งตัวแสดงออกได้เลยว่าเป็นจอมเวทย์ เขาสะบัดหัวเบา ๆ ตุ้มหูสีเงินแกว่งไปมาเล็กน้อย
“... เป็นยังไงบ้าง ? ทางมิดัสเทลล์ ...” เสียงทุ้มราวกับคนแก่ดังออกมาจากลูกแก้วสีขาวขุ่นนั้น ทั้งสองลุกขึ้นยืนช้า ๆ อัสเทียเอ่ยขึ้นมาก่อน
“ไม่ทราบค่ะ ... จู่ ๆ ผลึกเวทย์ที่เราไว้สังเกตการณ์บริเวณนั้นก็เหมือนกับ ... ถูกทำลายจนหมด” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แล้วหันไปมองชายคนที่อยู่ข้าง ๆ เป็นเชิงบอกให้เขาพูดต่อ
“................” ชายหนุ่มกลับนิ่งไม่ยอมตอบ เพียงแต่ส่ายหน้าไปช้า ๆ เท่านั้น อัสเทียถอนใจเบา ๆ แล้วเอ่ยกับลูกแก้วนั้นต่อ
“หน่วย ‘จันทราวินาศ’ ที่ส่งเข้าไป ... ก็ไม่กลับมาเลยสักคนค่ะ” เธอเอ่ยต่อแล้วโค้งลงช้า ๆ แล้วกลับมายืนตรง เจ้าลูกกลม ๆ เสียงแก่ ๆ นี่ยิ่งใหญ่มากจากไหนกันนะ ? แต่เอาเถอะ ถึงกับที่ ‘จันทราวินาศ’ ยอมโค้งและเคารพขนาดนี้ก็คงยิ่งใหญ่พอดูละนะ
“... เข้าใจแล้ว ...” เสียงทุ้มเหมือนคนแก่ดังออกมาจากลูกแก้วอีกครั้ง “หากสถานการณ์มีความก้าวหน้า ... ก็จงรายงานด้วย ขอพลังแห่งจันทราจงคุ้มครองพวกเจ้า”
“ค่ะ / ครับ” ทั้งสองโค้งแล้วเดินออกไปจากห้องโถง มาโผล่ที่บริเวณสวนของสมาพันธ์แทน และแน่นอนว่าย่อมสวยงามไม่แพ้กับข้างใน ดอกไม้หลากหลายร้อยชนิดต่างเบ่งบานอวดสีสันกันอย่างสวยงาม พุ่มไม้ประดับสีเขียวเป็นย่อม ๆ แทรกอยู่ตามพื้นหญ้านุ่ม ๆ ดั่งพรมกำมะหยี่ “ทำไมนายไม่พูดอะไรเลย รู้อยู่แล้วนี่ว่าอย่าแสดงท่าทางไม่ดีเวลาเราอยู่ต่อหน้าสิ่งนั้น”
“นายนี่มัน เฮ้อ ! น่าเบื่อจริง ๆ !” อัสเทียเอ่ยอย่างรำคาญ แต่ก็เพราะนิสัยของเธอนั่นแหละ เพราะถ้าเธอเบื่อเขาจริง ๆ คงไม่ทนคบกันมาถึงสองปีได้หรอก ชายหนุ่มเพียงแต่ทำหน้านิ่ง ๆ แล้วควานหากระดาษขึ้นมาเขียนเป็นรูปหน้าคนกำลังยิ้ม แล้วส่งให้หญิงสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“..........” อัสเทียรับมันมาแล้วส่งคืนไป อย่างน้อย ... ก็รู้ได้ว่าเขาไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนะน่ะ “นายคิดยังไงกับทางมิดัสเทลล์ ? ... คิดว่าตอนนี้ ‘สิ่งนั้น’ ยังคงปลอดภัยดีอยู่ไหม ?” ... ชายหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ ...
“... ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลยละกัน ...”
...
....
.....
-- กองกำลังอัศวิน หน่วย ‘มังกรแห่งเซเรียส’
“รุ่นพี่รีเบล ! ... อยู่ไหนกันครับ !?”
เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นที่ข้างป้อมของกองกำลังอัศวิน ‘มังกรแห่งเซเรียส’ ซึ่งเป็นกองกำลังอัศวินที่กษัตริย์แห่งเซเรียสให้ความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างมาก ตำนานไร้พ่ายของพวกเขานั้นโด่งดังไปทั่วทีเดียว และผู้ที่อยู่ในป้อมนี้ก็ต่างมีฝีมือเก่งกาจ อัศวินรุ่นใหม่หลายคนต่างทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้าไปยังป้อมแห่งนี้ ชายหนุ่มผมสีแดงสั้นในชุดอัศวินของเซเรียสกำลังเดินตามหาคนบางคนอยู่รอบ ๆ ป้อม ผิวสีแทนของเขาแสดงถึงความเป็นหนุ่กลางแจ้ง ดวงตาสีเทาดูสดใสสอดส่องสายตามองหาคนบางคนไปทั่ว
จนในที่สุดเขาก็ได้พบ หญิงสาวในชุดเกราะสีเงินแสดงถึงความเป็นอัศวิน นัยย์ตาสีเหลืองดูแฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่าง นอนหลับอยู่บนหลังคา ข้างตัวเธอมีดาบเล่มยาวสองเล่มวางอยู่ข้างตัว เธอผงกหัวมองผู้มาเยือน ฟันหน้าที่ถูกลับจนกลายเป็นเหมือนเขี้ยวโผล่ออกมาข่มขวัญเล็กน้อย “........” ดวงตาของเธอดูแข็งกร้าวราวกับจะถามว่า ‘มีอะไร ?’
“อะ ... เอ่อ ...” ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรต่อ หญิงสาวตรงหน้าทำให้เขากลัวจับใจทุกครั้งที่เจอ ถึงแม้จะไม่เคยพูดกันก็ตามที “คือ ... ท่านคัตซ์ให้มาตามไปพบนะครับ คือมีเรื่องจะคุยด้วย” เขาว่าแล้วรีบแว่บหายไปอย่างเร็ว
“.............” รีเบลขมวดคิ้วอย่างหน่ายใจแล้วคว้าดาบข้างตัว ก่อนจะกระโดดลงมา แล้วเดินเข้าไปในป้อม ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น