คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตำนานบทที่ X : คู่หมั้น
-- ตำนานบทที่ X : คู่หมั้น --
กุบ กุบ ... เสียงรถม้าวิ่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ โดยมีสองสาวเซเรียและไอริสนั่งอยู่อย่างสงบภายในรถม้านั้น เซเรียนั้นมองออกไปนอกหน้าต่าง ท่าทางราวกับคิดอะไรอยู่ ส่วนไอริสนั้นก็มองหน้าเพื่อนสาวแล้วยิ้มกริ่มเหมือนกันคิดอะไรอยู่เช่นกัน “... คิดอะไรอยู่งั้นรึ ?” ไอริสเป็นฝ่ายเอ่ยถาม เพราะคิดอยู่นานเท่าไรก็ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่ เซเรียเบือนสายตากลับมาจ้องหน้าเธอแล้วส่ายหน้า
“... โกหก ...” ไอริสเอ่ยแล้วยิ้ม รอยยิ้มที่ใครเห็นก็ต้องอดยิ้มตามไม่ได้ ... แม้แต่เซเรียก็ตามที “คิดว่าชั้นไม่รู้จักเธอหรือไง ? เซเรีย ... เวลาเธอทำหน้าแบบนั้น เธอต้องกำลังคิดอะไรอยู่แน่ ๆ ไม่มีทางที่คนอย่างเธอจะนั่งเหม่อเฉย ๆ หรอกนะ ชั้นเดาถูกไหม ?” ไอริสยกมือขึ้นจับคางแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี สำหรับเธอคนนี้ ... ถึงแม้ว่าจะตกอยู่ในวงล้อมศัตรู ก็ยังคงยิ้มอยู่ ...
“ก็ ... ไม่ได้คิดอะไรหรอก ...” หญิงสาวยังคงยืนยัน แต่ว่าเจ้าของนัยน์ตาสีแดงนั้นก็ยังไม่ยอมเชื่อ “... ชั้นพูดจริง ๆ ชั้นแค่ เอ่อ ...” เซเรียนิ่งไปครู่หนึ่ง “ไม่ได้ ... เจอหน้าเขานาน ก็แค่นั้นล่ะ ...”
“... หมายถึงเขาคนนั้นใช่ไหม ? ... น่า ไม่เป็นอะไรหรอก พวกเธอทั้งสองคนน่ะถูกหมั้นหมายกันมาแต่เด็กแล้วนะ เธอเองก็ชอบเขาด้วยไม่ใช่รึ ? เซเรีย ... ไม่งั้นคงจะไม่ไปหา ‘เขา’ บ่อยแบบนี้หรอก” ไอริสพูดอย่างรู้ทันแล้วยิ้มร่า เซเรียหน้าขึ้นสีเลือดฝาดเล็กน้อย
“ชั้น ... ไม่รู้สินะ ชั้นไม่เคย ... เจอคนแบบ ‘เขา’ มาก่อน พอได้คุยกันและเจอกันบ่อย ๆ ชั้นก็คิดว่า ... เอ่อ ‘เขา’ คนนี้ เป็นคนดีมากแล้วก็ เอ่อ ... พึ่งพาได้ เธอเข้าใจใช่ไหม ?” เซเรียพูดติด ๆ ขัด ๆ
“อีกอย่าง ... ชั้นก็ใช่ว่าจะมีเวลา ... ตามหาคนที่ชั้นว่า ‘ใช่เลย’ สักหน่อย ...” เซเรียก้มหน้างุดไม่สบตาคู่สนทนา ไอริสลุกขึ้นแล้วมานั่งข้าง ๆ เธอ มือโอบไหล่เพื่อนสนิทเอาไว้อย่างอ่อนโยน มือข้างนึงก็ช้อนใบหน้างดงามของหญิงสาวขึ้นมองด้วยรอยยิ้มบาง
“ไม่เป็นไรหรอก เซเรีย ชั้นเชื่อ ... เชื่อว่า เขาคนนั้น ... เขาต้องดูแลเธอได้ดีแน่ ถึงตอนนี้เธอจะยังไม่รักเขา แต่เชื่อเถอะ พออยู่ด้วยกันเธอจะรักเขาเอง ชั้นก็ว่าเขาเป็นคนดีเหมือนกัน ‘คัตซ์ แมกมาดัส’ คนนั้นน่ะ” ไอริสยิ้มอย่างอบอุ่น ตลอดเวลา ... ตลอดเวลาที่ไอริสและเซเรียเป็นเพื่อนกัน ไอริสนั้นจะเป็นคนให้คำปรึกษาเซเรียอยู่เสมอ และเธอก็เป็นคนคนเดียวที่ได้เห็นใบหน้าร่าเริงของเซเรีย เพราะนอกจากเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันสองคน เซเรียนั้นจะดูจริงจังเสมอ ดูจริงจังจนน่ากลัว ...
“... อือ ...” เซเรียพยักหน้าแล้วยิ้มให้กับเพื่อน ... เพื่อนที่เธอรักมากที่สุดตรงหน้า ที่จริง ... ทั้งคัตซ์ทั้งเซเรียนั้นควรจะได้แต่งงานกันแล้ว หากแต่ว่าเซเรียนั้นขอคัตซ์ให้ตนเองได้ทำงานรับใช้พระเจ้าอย่างเต็มที่เสียก่อน ซึ่งคัตซ์นั้นก็ไม่ได้ว่าอย่างไร ... ถึงแม้ว่า ... มันจะล่วงเลยมา 3 ปีแล้วก็ตามที แต่คัตซ์ก็ไม่ได้มีท่าทีจะเร่งรัดอะไรเซเรียเลยแม้แต่น้อย “แล้วเธอว่าเขารู้สึกยังไงกับชั้นละ ?” เธอถาม ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยอยู่
“ชั้นจะไปรู้ความรู้สึกของเขาได้ยังไงละ ?” ... ไอริสยิ้มแล้วหัวเราะคิกคัก “ทำไมเธอไม่ลองถามเขาดู ?” ... หญิงสาวเสนอความคิด แต่เซเรียกลับนิ่งไป ... แหงสิ เรื่องแบบนี้เธอถนัดซะที่ไหนกัน ? ไอ้การทำตัวหวาน ๆ เลี่ยน ๆ มันไม่ใช่นิสัยของเธอเลยแม้แต่น้อย ยิ่งความโรแมนติกนี่ ... เธอแทบจะไม่เคยสัมผัสเลย ไอริสก็รู้อยู่แล้ว แต่ว่าคงแกล้งถามไปอย่างนั้น
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องดูที่การแสดงออกของเขา” ไอริสยิ้มแล้วลูบผมเพื่อนสาวเบา ๆ เพื่อนของเธอคนนี้เวลาจริงจังก็จริงจังซะจนน่ากลัว แต่ว่าเวลาที่อยู่กับเธอนี่มักจะหลุดนิสัยแปลก ๆ ออกมาเป็นประจำ ถ้าอยู่ต่อหน้าคนอื่นรึ ... คงยังวางมาดเป็นหัวหน้ากองอย่างเต็มที่เลยล่ะ
“... ดูการแสดงออก ? ...” เซเรียถามกลับ แต่ไอริสไม่ตอบอะไร เพียงแต่ปล่อยให้เซเรียคิดต่อไปคนเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก มีเพียงเสียงของเกือกม้าที่กระทบกับพื้นดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เท่านั้น ในบางช่วงก็ได้ยินเสียงนกร้องเพลงอย่างไพเราะ จนเวลาล่วงเลยไปสักพักหนึ่ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ! “ถึงแล้วครับ” สารถีเคาะกระจกแล้วบอกกับหญิงสาวทั้งสอง ไอริสพยักหน้าแล้วเปิดประตูเดินนำเซเรียออกมา อัศวินคนหนึ่งวิ่งเข้ามาต้อนรับทั้งคู่ทันทีที่เห็น ... อัศวินหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแดงและดวงตาสีเทา ‘เชสเตอร์’ นั่นเอง
เขายืนตัวตรง ... ท่าทียังดูเกรง ๆ เซเรียอยู่บ้าง แหงล่ะ ... เซเรียในตอนนี้กลับเข้าสู่โหมด ‘หัวหน้ากอง’ เรียบร้อยแล้ว สีหน้าเรียบเฉยดูจริงจังและเป็นผู้ใหญ่ ... ทำให้เขารู้สึกหวั่นใจอย่างประหลาด “สวัสดีครับ ท่านเซเรีย ท่านไอริส ...” เชสเตอร์โค้งอย่างเป็นพิธี
“ไม่เห็นพวกท่านแจ้งมาเลยว่าจะมาในวันนี้ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ ?” เชสเตอร์เสนอตัวเข้าช่วย แต่ในใจก็รู้อยู่แล้ว เพราะยามที่พวกเธอมาที่นี่ ส่วนมากจะมาด้วยเหตุผลเดียว
“... ขอบใจ ...” เซเรียพูดอย่างวางมาด ไอริสยกมือขึ้นปิดปากพลางหัวเราะคิกคัก “... นาย ... เอ่อ ...” เซเรียทำท่าจะเรียกชื่อเชสเตอร์ แต่ว่าเธอคงจะลืมเรียบร้อยไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มาที่นี่ก็บ่อยพอสมควร และชายหนุ่มตรงหน้าก็เป็นคนคอยจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้แท้ ๆ
“เชสเตอร์ ...” ไอริสขยับตัวไปด้านหลังเซเรียแล้วกระซิบ ... เซเรียยกมือขึ้นทำท่ากระแอมไอเล็กน้อย
“เชสเตอร์ ช่วยไปบอก ‘คัตซ์ แมกมาดัส’ ที ... ว่าหัวหน้ากอง ‘เปลวสุริยา’ ต้องการจะขอพบ ...” เซเรียเอ่ยด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ แววตายังฉายแววจริงจังอยู่ เชสเตอร์โค้งรับคำสั่ง ขณะที่ไอริสก็ยังหัวเราะคิกคักอยู่ ก็นะ ... เมื่อครู่ยังทำตัวเหมือนเด็กขี้อ้อนอยู่เลย ดูท่า ... จะมีเธอคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นเซเรียแบบนั้น ไม่สิ ... เซเรียในตอนนี้นี่แหละคือเซเรียที่แท้จริง และที่ปรากฏออกมาเมื่อครู่ตอนอยู่ในรถม้านั้น คงจะเป็นเพียงแค่ ‘ความอ่อนแอ’ ที่ปรากฏขึ้นมาในบางครั้งเท่านั้น
“ตามผมมาเลยครับ เดี๋ยวผมจะเข้าไปแจ้งท่านคัตซ์ให้” เชสเตอร์เอ่ยแล้วเดินนำทั้งสองเข้าไปในกองอัศวิน ตลอดทางที่ทั้งสามเดินเข้าไปนั้น เหล่าอัศวินต่างจ้องมองพวกเธอ ... เพราะความสง่างามของเหล่าอัศวินแห่งศาสนจักรนั้นแตกต่างจากอัศวินธรรมดามากทีเดียว เชสเตอร์ดูภูมิใจเล็กน้อยที่ได้เป็นคนเดินนำทางสองอัศวิน ทั้งสามเดินเข้ามาได้สักพักก็มาหยุดที่หน้าห้องของคัตซ์ ...
เชสเตอร์ทำท่าจะเคาะประตู แต่ว่าก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงของผู้หญิงดังออกมาจากในห้องของคัตซ์ ... เสียงนั้นดูราวกับว่าเธอกำลังไม่พอใจ เชสเตอร์พยายามจะจับคำ แต่ว่าเธอพูดเร็วซะจนเขาไม่อาจจะฟังได้เลยว่าพูดอะไรบ้าง ไอริสและเซเรียมองหน้ากันเอง เซเรียนั้นดูประหลาดใจ แต่ไอริสนั้นสีหน้าราวกับจะได้เห็นเรื่องสนุกก็มิปาน
“... เออ !! เข้าใจแล้ว !! ...” ปึง ! ! ... เสียงของหญิงสาวดังขึ้นพร้อมกับแรงกระแทกจากประตูที่เปิดออก ส่งผลให้เชสเตอร์ลงไปนอนกุมจมูกอยู่บนพื้นอย่างเจ็บปวด ผมสีดำยาวสลวย ดวงตาสีเหลืองทองคมกริบ ... ‘รีเบล’ นั่นเอง เธอมองหน้าเซเรีย คิ้วค่อย ๆ ขยับเข้าหากัน สีหน้าดูไม่พอใจ สายตาของเธอไม่เหลียวแลเชสเตอร์ที่นอนดิ้นอยู่บนพื้นเลยแม้แต่น้อย “... ฮึ ...” รีเบลเหยียดยิ้มอย่างน่ากลัวแล้วก้าวฉับ ๆ จากไปโดยไม่หันกลับมามอง ...
ไอริสนั้นหัวเราะคิกคักกับสภาพของเชสเตอร์อยู่ด้านหลังรีเบล แม้แต่เซเรีย ... ยังแอบอมยิ้มหน่อย ๆ แต่ก็เป็นรอยยิ้มที่แทบจะมองไม่เห็น ก๊อก ! ก๊อก ! ก๊อก ! เธอเคาะประตูที่เปิดอยู่ คัตซ์ละสายตาจากเอกสารตรงหน้าแล้วเงยหน้ามองผู้มาเยือน รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม
“... เชิญเลยครับ คุณเซเรีย , คุณไอริส ส่วนเชสเตอร์นายไปทำแผลซะ” คัตซ์ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่หน้าโต๊ะทำงานของเขา เซเรียเดินเข้าไป แต่ว่าไอริสกลับไม่ยอมเข้าไป “... ไม่เข้ามาหรือครับ ?” คัตซ์เอ่ยถาม
“ไม่ล่ะค่ะ ~ ชั้นไม่ได้มานาน ขอเดินชมมังกรแห่งเซเรียสจะดีกว่านะคะ แล้วก็ ... ไม่อยากจะรบกวนด้วย คิก ~” ไอริสยิ้มแล้วค่อย ๆ ปิดประตู จากนั้นจึงเดินเริ่มการสำรวจ ...
“.........” ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไร ... ทั้งคัตซ์ทั้งเซเรียเอาแต่จ้องหน้ากันเท่านั้น “... เป็นยังไงบ้างครับ ?” คัตซ์เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนโยนและอบอุ่น ... เซเรียไม่พูดอะไรเพียงแต่พยักหน้าน้อย ๆ เท่านั้น ตอนนี้เธอกำลังสับสน ... ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ? ...
“... งานที่ศาสนจักรเป็นยังไงบ้างครับ ?” คัตซ์ไม่ว่าอะไร เขาเพียงแต่ถามตอบ รอยยิ้มยังคงดูอบอุ่นเช่นเคย เซเรียนิ่งไปครู่หนึ่ง ...
“... ก็ ... ดีค่ะ ...” เซเรียยิ้ม ... ยิ้มออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ และนั่นทำให้คัตซ์ยิ้มออกมาอีกครั้งหนึ่ง เขาขยับเก้าอี้เล็กน้อยแล้วผายมือเชิญชวนให้เธอมานั่ง เซเรียพยักหน้าแล้วนั่งลงช้า ๆ คัตซ์นั่งลงที่ฝั่งตรงกันข้าม “แล้วคุณคัตซ์ เป็นยังไงบ้างค่ะ ? ได้ยินว่างานยุ่งมากเลยทีเดียว” เซเรียเป็นฝ่ายถาม ดูท่าจะเริ่มชิน ขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว คัตซ์ประสานมือแล้ววางไว้บนโต๊ะ
“... ก็ ... งานช่วงนี้มันก็ยุ่งแบบนี้ละครับ เกิดเรื่องหลายเรื่องตามชายแดน ทางผมก็เลยต้องตรวจสอบอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ได้นอนมาสองสามวันแล้วเหมือนกัน” คัตซ์ยิ้ม ... หากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่าใต้ตาของเขาดูคล้ำ ๆ ท่าทางจะพูดจริง เซเรียยิ้มให้กำลังใจเขา “... ทานอะไรหรือยังครับ ? ...” คัตซ์เปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“... ยังเลยค่ะ ทำไมหรือคะ ?” เซเรียถามกลับ ทั้ง ๆ ที่น่าจะรู้อยู่แล้วแท้ ๆ คัตซ์ยิ้มแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงเดินมายืนข้าง ๆ เธอ เซเรียลุกขึ้นตาม ทั้งสองมองหน้ากันเองแล้วยิ้ม จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องของคัตซ์ ส่วนทางด้านไอริสนั้น ... เธอเดินเล่นไปตามกองพร้อมกับสำรวจหลาย ๆ อย่าง เธอก็เป็นคนแบบนี้ล่ะ อยากรู้อยากเห็นไปหมด ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ... อัศวินหลาย ๆ คนคงกำลังทานข้าวอยู่ ไอริสเดินตรงไปที่ลานฝึก เผื่อจะได้เห็นการซ้อมกันของพวกอัศวินบ้าง และเธอก็ไม่ผิดหวัง เมื่อเจอสามสหาย เอลวิส , มิส และโครโน่ซ้อมด้วยกัน ... ดูท่าทางจะเป็นการซ้อมกันแบบตะลุมบอน เพราะทั้งสามต่างซัดกันเองอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะเอลวิสที่ดูจะยิ้มแย้มเป็นพิเศษ คงเพราะว่าเมื่อวานเขาได้มีความสุขทั้งวันแล้วนี่นา
วูบ ! โครโน่เหวี่ยงดาบยักษ์เข้าใส่คอของเอลวิส เอลวิสเบี่ยงตัวหลบลงด้านข้าง แต่ตอนนั้นเองที่มิสกระโดดถีบใส่เขาจากด้านหลัง “ชิ !” ฟุบ ! เขากลิ้งตัวหลบออกไป มิสนั้นเปลี่ยนเป้าหมายไปโจมตีโครโน่แทน หมัดของเธอซัดใส่เขาในระยะประชิดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้โครโน่ลำบากพอดู เพราะไม่อยากรุนแรง และไม่ถนัดการต่อสู้ด้วยท่าต่อเนื่องแบบที่มิสกำลังทำอยู่นี้
เปรี้ยง !! ... โครโน่ฟาดดาบลงพื้นอย่างแรง จนทำให้มิสเสียหลักเล็กน้อย เขายกดาบขึ้นอีกครั้งแล้วเหวี่ยงด้านดาบเข้าใส่สีข้างของเธอ แต่ก็ต้องเปลี่ยนทิศทางเมื่อเอลวิสบุกเข้าใส่เขาจากอีกทางหนึ่ง เคร้ง ! เสียงคมดาบปะทะกันอย่างแรง ซึ่งจะเกิดขึ้นบ่อย ๆ เวลาเอลวิสสู้กับโครโน่ คงเพราะว่าทั้งสองต่างไม่ยอมซึ่งกันและกัน และมักจะทุ่มพลังอย่างเต็มที่ในการต่อสู้ “... ฮึ ... แรงมีแค่นี้เองรึ ? โครโน่ ...” เอลวิสเอ่ย ... โครโน่แสยะยิ้มตอบขณะที่ทั้งสองต่างเริ่มวัดพลังกัน โครโน่ได้เปรียบเล็กน้อยเพราะว่าขนาดของดาบที่ใหญ่โตกว่าของเอลวิสมากนัก
“... ชั้นว่านายจะไม่ไหวแล้วนะเอลวิส ...” โครโน่เอ่ยแล้วเริ่มกดดาบมากขึ้น มากขึ้นจนเอลวิสเริ่มจะต้านไม่ไหว วูบ ! เอลวิสผ่อนแรงปล่อยให้ดาบของโครโน่ฟาดลงพื้น จากนั้นจึงยกดาบขึ้นฟาดใส่เขาขณะที่โครโน่ยังไม่ทันจะยกดาบ “เฮ้ย !” โครโน่ร้องอย่างตกใจ เคร้ง ! เขายกเกราะแขนขึ้นสกัดการโจมตีไว้ก่อน แล้วจึงยกดาบยักษ์ขึ้นด้วยมืออีกข้าง ดูท่าทาง ... มิสจะถูกลืมไปแล้วเรียบร้อย
“............” มิสยืนมองการต่อสู้อยู่ ... โดยไม่มีท่าทีว่าจะเข้าไปร่วมแจมอีกครั้ง คงเพราะว่าเวลาทั้งสองคนสู้กัน จะปลดปล่อยพลังบ้าออกมาอย่างเต็มที่ เหมือนกับกระทิงป่าที่อารมณ์ฉุนเฉียววัดพลังกัน ขืนเข้าไปห้าม ก็มีแต่จะเจ็บตัวเอาเปล่า ๆ ตอนนี้เอลวิสกำลังรุกอย่างดุเดือด และเน้นไปที่การโจมตีต่อเนื่องซึ่งเป็นจุดอ่อนของโครโน่ เคร้ง ! เคร้ง ! วูบ ! ... เคร้ง ! กึด ! ... โครโน่พยายามต้านอย่างเต็มที่แล้วกดดาบลงไปเพื่อให้เอลวิสเสียหลัก
“... อุ๊บ ! ...” เอลวิสเซถอยหลังไปชั่วขณะ ตอนนั้นเองที่โครโน่เห็นถึงโอกาสในการเอาชนะเอลวิส ! ทั้งสองเวลาต่อสู้กันจะมีการนับด้วยว่าแพ้กี่ครั้งและชนะกี่ครั้ง จากการสู้ซ้อมทั้งหมดสิบครั้ง เอลวิสชนะห้า โครโน่ชนะห้า และครั้งที่สิบเอ็ดนี้ ! ต้องเป็นชัยชนะครั้งที่หกของเขา !
วูบ ! ... โครโน่ยกดาบยักษ์ด้วยมือข้างเดียว ไอริสที่มองอยู่ห่าง ๆ ออกอาการทึ่งเล็กน้อย “อู้ว ... แรงควายเป็นบ้าเลยแฮะ ~” เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดี “พ่อหนุ่มผมสีเงินนั่นจะทำยังไงน้า ...” ไอริสยิ้มกริ่มทำท่าคิด ดูท่าทางเธอกำลังสนุกมากเลยทีเดียวเชียว ~ ... ฟ้าว ! เสียงของคมดาบยักษ์แหวกอากาศ หมายจะจามหัวเอลวิสซะ !
เคร้ง ! ! ... เอลวิสยกดาบขึ้นสกัดไว้ หมั่บ ! มืออีกข้างต้องจับด้ามดาบเพื่อต้านรับแรงมหาศาลนั้น ตุบ ! เข่าของเอลวิสข้างหนึ่งทรุดลงกับพื้น
“... กรอด ... โครโน่ ... ครั้งที่หกนี่ชั้นไม่ปล่อยให้แกได้หรอก !” วูบ ! ผัวะ !! ... เอลวิสกลิ้งหลบแล้วเตะเข้าไปที่ข้อพับของโครโน่อย่างแรงจนโครโน่ที่ถือดาบยักษ์ไว้ล้มลง ตึง ! โครโน่บังคับดาบให้กดลงกับพื้นแล้วพยุงตัวเอาไว้
ชิ้ง ! ... แต่พอเข้ารู้ตัว คมดาบของเอลวิสก็จ่อเข้าไปที่คอของโครโน่เรียบร้อยแล้ว ... “ชัยชนะครั้งที่หก ชั้นขอนะ ... โครโน่ ...” เอลวิสเอ่ย รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้นบนใบหน้า โครโน่ทำหน้าบึ้งอย่างเสียดายแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นจึงเก็บดาบไว้ที่ด้านหลัง รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโครโน่
“... เสียใจด้วยนะ เอลวิส ... ชัยชนะครั้งนี้ไม่ใช่ทั้งของชั้นและของนายหรอก ...” โครโน่เอ่ย เอลวิสมีสีหน้าฉงน และก็รู้คำตอบอย่างรวดเร็วเมื่อมิสพุ่งเข้าประชิดตัวเขา จากนั้นจึงต่อยเข้าไปที่ท้องของเอลวิสอย่างแรงจนเขาทรุดลง “... แต่เป็นของมิสจี๊ ~ ...” โครโน่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วพยุงเอลวิสขึ้น ขณะที่มิสก็ตีลังกาสองสามหน ยินดีกับชัยชนะที่ได้มาสด ๆ ร้อน ๆ
“... ขะ ... ขี้โกงเป็นบ้า ...” เอลวิสดูท่าจะยังไม่หายจุก สีหน้าดูทรมานพอสมควร คงจะทรุดไปแล้วถ้าหากโครโน่ไม่พยุงเขาเอาไว้ก่อน แต่ว่ามิสนั้นไม่มีท่าทีสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย ที่จริง เธอออกจะอารมณ์ดีซะด้วยซ้ำไป มิสเดินเข้ามาหาเอลวิสแล้วยิ้มอย่างน่ารัก ~
“เสียใจนะจ๊ะ เอลวิส ... ในการต่อสู้ไม่มีคำว่า ‘ขี้โกง’ หรอก มีแต่ ‘แพ้’ กับ ‘ชนะ’ เท่านั้นละจ้า ~ ...” มิสว่าแล้วก็ยิ้มร่า จากนั้นจึงชกท้องเขาเบา ๆ อีกสองสามทีเป็นของแถม ส่วนโครโน่ก็ยิ้มให้กับความร่าเริงของเธอ ... หากเธอคนนี้น่ารักได้สักครึ่งหนึ่งของแคร์เทียร่า ... ชั้นคงจะเป็นสุขมากกว่านี้ เอลวิสคงกำลังคิดแบบนี้อยู่
... พอนึกถึงเธอคิดมา จิตใจก็ดีขึ้น ราวกับว่าอาการผิดปกติทั้งหลายหายไปจนสิ้น ตอนนี้เธอจะเป็นยังไงบ้างนะ ? ...
แปะ ๆ ! ... เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมกับร่างของไอริสที่เดินเข้ามาหาทั้งสาม “เป็นการซ้อมที่สุดยอดมาก พวกเธอสินะ ? มังกรแห่งเซเรียสรุ่นใหม่ ...” ไอริสถามพร้อมกับรอยยิ้มอารมณ์ดี ส่วนทั้งสามก็ยังดูงง ๆ อยู่ แน่นอนว่าต่างไม่เคยเห็นอัศวินแห่งศาสนจักรเลยแม้แต่ครั้งเดียว “... พลังเยอะดีนะ ~ เธอน่ะ” ไอริสเดินเข้าไปหาโครโน่แล้วยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติตามแบบฉบับของเธอ
“อะ ... เอ่อ ... ขอบคุณครับ ว่าแต่ ...” โครโน่ทำท่าจะถามว่า ‘คุณเป็นใคร’ แต่ว่ามิสนั้นแย่งถามขึ้นมาก่อนที่เขาจะพูดจบ
“คุณเป็นใครคะ ?” ... มิสถามแล้วยิ้มให้ไอริส ส่วนเอลวิสนั้นไม่พูดอะไร ... ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ เขาไม่เคยไว้ใจคนแปลกหน้าง่าย ๆ หรอก ... แกร่ก ! เอลวิสเก็บดาบเข้าฝักแล้วจัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย สายตาไม่ได้มองไอริสเลยแม้แต่นิดเดียว
“ชั้น ... ไอริสจ๊ะ ‘ไอริส เบลโลนิส’ อัศวินแห่งศาสนจักร สังกัดกอง ‘เปลวสุริยา’ ...” ไอริสแนะนำตัว รอยยิ้มนั้นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธออยู่ โครโน่และมิสแนะนำตัวพร้อม ๆ กัน
“โครโนส ฟรอนเทียร์ เรียก ‘โครโน่’ ก็ได้ครับ / มิสเทรส วาโอเน่ เรียก ‘มิส’ ค่ะ !” ไอริสยิ้มให้ทั้งสอง และเบือนสายตาไปทางเอลวิสที่จัดเครื่องแต่งกายอยู่ เอลวิสก็พอจะรู้ตัวว่าถูกมองอยู่จึงหยุดการกระทำแล้วเงยหน้ามองหน้าไอริส
“... เอลวิส ‘เอลวิส ไนท์ลอร์ด’ ...” เอลวิสเอ่ย ... แล้วยืนนิ่ง รอยยิ้มของไอริสนั้นจางลงไปเล็กน้อย คงเพราะยังไม่เคยเจอใครที่เธอยิ้มด้วยแล้วไม่ยิ้มตอบกระมัง ? ... และเธอคนนี้คงไม่เคยเจอ ‘อิอาซัน วอร์คราย’ ด้วย ... ขนาดเวอลัสแห่ง ‘จันทราวินาศ’ ยังยิ้มตอบเธอ แม้มันจะเล็กน้อยก็ตามที
“ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ ~ ... ซ้อมกันเสร็จแล้วไปทานข้าวด้วยกันไหม ?” ... ไอริสเอ่ยถามทั้งสาม เธอคนนี้ช่างมีมนุษยสัมพันธ์ดีจริง ๆ ผิดกับเซเรียลิบลับ ราวกับว่าในตัวเธอมีอะไรบางอย่างที่ทำให้คนรอบข้างอารมณ์ดีก็เป็นได้
“ดีครับ ! / ยินดีค่ะ ! / .....” ทั้งสามตอบ ? พร้อมกัน ไม่สิ ... ทั้งสองตอบพร้อมกัน แต่เอลวิสนั้นพยักหน้าน้อย ๆ ไม่พูดอะไร หลังจากนั้นทั้งสี่ก็พากันเดินไปโรงอาหาร โดยมีโครโน่และมิสเดินประกบไอริสพร้อมกับพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ส่วนเอลวิสนั้นเดินตามหลังโดนรักษาระยะห่างราว ๆ เมตรนึงได้ สองมือล้วงกระเป๋าไม่พูดอะไร แตกต่างจากกลุ่มคนข้างหน้านัก ...
... เบื้องหน้าคือ ‘แสงสว่าง’ แต่เบื้องหลังนี้คือ ‘เงา’ สินะ ...
พวกเขาเดินเข้าไปในโรงอาหาร ... แน่นอนว่าทั้งผู้บังคับบัญชาหรือใครก็ตาม ล้วนแต่ต้องมาทานอาหารที่นี่ มีโต๊ะอยู่หลายแบบ ทั้งโต๊ะเป็นคู่ เป็นกลุ่ม หรือจะรักสันโดษทานคนเดียวก็ทำได้ โครโน่เดินไปซื้ออาหารชุด ซึ่งดูแล้ว มีแต่อาหารที่เสริมพลังทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัวอบก้อนโต หรือขนมปังแถวขนาดใหญ่ มิสนั้นทานแต่พวกผักและผลไม้ เพราะเธอเคยบอกพวกเขาไว้ว่าจะลดน้ำหนัก แต่ในสายตาเอลวิสและโครโน่นั้น เธอไม่จำเป็นจะต้องลดน้ำหนักแล้วด้วยซ้ำ ควรจะเพิ่มน้ำหนักที่สักหน่อยแทนจะดีกว่า
เอลวิสทานแต่อาหารเรียบ ๆ แบบจานเดียว ... สำหรับเขาแล้ว อะไรเขาก็สามารถทานได้ แม้แต่ว่าพวกหญ้าหรือว่าแมลง หากต้องการจะเอาชีวิตรอดบนโลกอันโหดร้ายนี้ได้ ก็ต้องทานให้ได้ทั้งหมด
... เรากินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน ...
ไอริสนั้นดูจะชอบอาหารที่นี่เป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าทำไม ? คงเพราะว่าอาหารที่กองของเธอนั้นมันรสชาติแย่ล่ะมั้ง ? เธอนั้นคุยกับโครโน่และมิสในเรื่องต่าง ๆ ราวกับว่าคบกันมานาน และทั้งสองคนนั้นก็คุยกับเธออย่างเป็นมิตร ผิดจากชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินที่นั่งทานอย่างเงียบ ๆ จริง ๆ ... เอลวิสนั้นจะพูด ... จะพูดมากก็เฉพาะเวลาซ้อมเท่านั้น แต่ส่วนมากนั้นเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกส่วนตัวเพียงคนเดียว โลกที่ไม่มีใครเข้าถึง มีเพียงเขาคนเดียว และเขาก็พอใจในโลกที่เขาอยู่ ...
หากแต่ว่า ... ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป มันจะดีแล้วหรือ ? ... นี่ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เอลวิสคิดอยู่ในใจเวลาอยู่คนเดียว ตอนนั้นเองที่ทั้งสามเริ่มจับกลุ่มนินทาคนสองคนที่อยู่ห่างออกไป ... หัวหน้ากองเปลวสุริยา ‘เซเรีย’ และหัวหน้ากองมังกรแห่งเซเรียส ‘คัตซ์’ ... “... นี่ ๆ พวกเธอรู้ไหม ? สองคนนั้นน่ะ เขาเป็น ‘คู่หมั้น’ กันนะ ...” ไอริสเอ่ยเสียงเบา “ห้ามบอกใครละ ~ ...”
“เห ~ ห ! ... จริงหรือค่ะ !” มิสนั้นดูมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็นอย่างออกนอกหน้า โครโน่นั้นก็ดูจะมีท่าทีสนใจไม่แพ้กัน “ละ ... แล้วพวกเขาพบกันได้ยังไงค่ะ ?” ... มิสถามต่อ ผู้หญิงก็แบบนี้ล่ะ พวกเรื่องแบบนี้น่ะ ชอบกันนักกันหนา เจ้านั่นก็เหมือนกัน เป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่กลับสนใจไปด้วย ไม่สิ ... คงจะทำเป็นสนใจตามมิส ...
และแน่นอนว่าความคิดนั้น ... ถูกแน่ ... ตอนนี้โครโน่กำลังเบื่อสุดขีด แหงล่ะ คนที่ชื่นชอบการต่อสู้อย่างโครโน่นั้นคงจะไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้เท่าไร แต่เพื่อทำคะแนน เลยต้องเออออไปกับมิสก่อน ... อา ... ความรักนี่มันช่างน่ากลัวนัก ตอนนี้โครโน่นั้นอยากจะไปคุยกับเอลวิสเรื่องการซ้อมเมื่อครู่เต็มทนแล้ว
... ความรัก เป็นได้ทั้งยาพิษและยาแก้พิษ ...
-- ตำนานบทที่ X : คู่หมั้น จบ --
ความคิดเห็น