ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : -- บทนำ --
โลกแห่ง ‘อาเคเดียร์’ ... -- 18 ปีที่แล้ว --
เมืองหลวง ‘เซเรียส’ แห่งมหาอาณาจักร ‘อาเคเดียส’ ... เสียงกรีดร้องระงมไปทั่วผืนแผ่นดิน ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยมนตราจนดูเหมือนกับสีแดงเฉกเช่นโลหิต ศพของมนุษย์ถูกกองเป็นภูเขาด้วยน้ำมือของมนุษย์กะโหลกที่สวมชุดเกราะสีดำและกวัดแกว่งอาวุธอย่างน่าเกรงขาม เหล่านักรบต่างพยายามต่อต้านอย่างสุดฝีมือ เหนือยอด ‘ปราสาทเซเรส’ ที่เมื่อก่อนคือปราสาทสีขาวแสนสง่าดูทรงอำนาจ แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยคราบเลือดและยอดปราสาทที่ถูกพังลง ร่างหนึ่งปรากฏอยู่บนนั้น มิอาจจะมองเห็นใบหน้าได้ มีเพียงแต่ผ้าคลุมขาดวิ่นที่ปลิวไสวตามแรงระเบิดและเปลวเพลิง เกราะแขนสีดำที่ออกมานอกเสื้อคลุมดั่งเกล็ดมังกรดูน่าเกรงขาม บู๊ทเหล็กที่เต็มไปด้วยคราบเลือดสีเดียวกับเกราะแขนดูหนักแน่น ดวงตาสีแดงส่องประกายอยู่ภายใต้เสื้อคลุมนั้น ...
-- โบสถ์ใหญ่ประจำเมืองเซเรียส
เหล่านักรบกลุ่มสุดท้ายและผู้คนที่หลงเหลือมารวมกันอยู่ที่โถงของโบสถ์ ปึง ! ปึง ! เสียงประตูถูกกระแทกด้วยค้อนขนาดใหญ่ของสั.ตว์ประหลาดสวมเกราะจากนรก ! เหล่าอัศวินต่างพยายามต้านทานด้วยแรงเฮือกสุดท้ายของพวกเขา สังฆราชพยายามปลอบผู้คนและสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าในยามสิ้นหวังนี้
“ยันเอาไว้ให้ได้ ! !” อัศวินคนหนึ่งในชุดเกราะสีเงินขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นแม่ทัพออกคำสั่งพร้อมใช้แขนของตนดันไว้อย่างสุดแรงเกิด “ขอเพียงเชื่อในศรัทธา ! ขอเพียง เชื่อในพระองค์ ! เราต้องรอดกันแน่ !” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลุกใจ เหล่าอัศวินรับคำ แล้วทำตามคำสั่งอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะเหลือเวลาเพียงน้อยนิด
หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มชาวเมืองกอดลูกน้อยของเธอไว้อย่างหวงแหนและเฝ้าสวดมนต์ตามสังฆราช อ้อนวอนให้เวลานี้ผ่านไปอย่างปลอดภัย “มาทางนี้เถอะ ที่นี่คงไม่ไหวแล้ว ...” เสียงของผู้เป็นสามีดังขึ้น พร้อมมือหยาบกร้านที่จับข้อแขนบางไว้ ก่อนจะดึงเธอออกจากกลุ่มผู้คนออกไปที่หลังโบสถ์
“ถึงเราจะตาย ... แต่เขาต้องรอด ...” เขาเอ่ยแล้วเปิดช่องลับบางอย่างที่อยู่ใต้รูปสลักเทพเจ้า หญิงสาวพยักหน้าแล้วค่อย ๆ วางเด็กชายตัวน้อยเข้าไปใต้นั้น ผู้เป็นพ่อดึงดาบของตนออกมาพร้อมกับจี้เงินที่เป็นลักษณะมังกรกำลังสยายปีกมีผลึกสีม่วงประดับไว้ตรงกลาง และวางไว้ข้างตัวลูกน้อยของเขา ...
ปึง ! ! ตู้ม ! ! อ๊ากกก ! !
ประตูโบสถ์ถูกพังทลาย พร้อมร่างของนักรบปีศาจก็ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นอันเกรี้ยวกราด แม้ว่าอัศวินทั้งหลายจะพยายามต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มรีบปิดประตูแล้วซ่อนช่องลับนั้นไว้ ก่อนที่คมดาบสีดำจะฟันศีรษะของเขาขาดกระเด็น ! แต่มือของเขาก็ยังจับมือของภรรยาที่ประสบชะตากรรมเดียวกันไว้อยู่ ...
วูบ ...
แสงสีขาวอร่ามปรากฏขึ้นเหนือเมือง ... ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีทองสลับขาว และดังกับพายุสีขาวทองพัดผ่าน แสงสว่างจ้าปรากฎขึ้น ร่างของเหล่าปีศาจถูกทำลายจนสิ้น ไม่เว้นแม้แต่เมืองและโบสถ์ ... ดั่งการพิพากษาแห่งพระเจ้า เมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากในพริบตา มีแต่รูปปั้นเทพเจ้าเท่านั้น ที่ไร้รอยขีดข่วน
หลังจากนั้น ...
ผู้คนที่เหลือรอดที่หนีออกไปนอกเมือง และจากหลาย ๆ เมืองช่วยกันสร้างเมืองขึ้นมาอีกครั้งตลอดเวลา 18 ปี ถึงแม้จะไม่สวยงามเท่าเดิม และเล็กกว่าเดิมมาก แต่ก็กลายเป็นเมือง ‘เซเรียส’ อีกครั้งนึง และพัฒนาต่อขึ้นเนื่องกันอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านศิลปะวัฒนธรรม , ด้านทหาร และด้านเศรษฐกิจ ชาวเมืองเพิ่มจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และมีความคึกคักขึ้นในเมืองดั่งเช่นในอดีต โบสถ์ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งในสถานที่เดิม และรูปปั้นเทพเจ้านั้นก็ยังคงอยู่ เรื่องราวของแสงสว่างที่ทำลายทุกอย่างยังคงเป็นเรื่องเล่าต่อมา แต่เด็กชายผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ยังคงอยู่รอด ...
ร่างของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินยาวเดินอยู่บริเวณแถบชายเมือง ดวงตาสีแดงเลือดดูน่ากลัว แต่ก็ดูอ่อนโยน ใบหน้าขาวราวกับผู้หญิง แต่เมื่อดูจากโครงหน้าโดยรวมก็บอกได้ว่าเป็นชาย 100 % ... ชุดเกราะบางสีเงินที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีน้ำตาลแบบมีฮู้ดขาดวิ่นส่องประกายเล็กน้อยกับแสงแดด สร้อยคอที่หลงเหลือจากผู้เป็นพ่อยังคงห้อยอยู่ที่คอ ดาบที่อยู่ในฝักโทรม ๆ ดูไม่มีอะไรเด่นเลยแม้แต่น้อย และนี่ ... ตำนานใหม่ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ...
เมืองหลวง ‘เซเรียส’ แห่งมหาอาณาจักร ‘อาเคเดียส’ ... เสียงกรีดร้องระงมไปทั่วผืนแผ่นดิน ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยมนตราจนดูเหมือนกับสีแดงเฉกเช่นโลหิต ศพของมนุษย์ถูกกองเป็นภูเขาด้วยน้ำมือของมนุษย์กะโหลกที่สวมชุดเกราะสีดำและกวัดแกว่งอาวุธอย่างน่าเกรงขาม เหล่านักรบต่างพยายามต่อต้านอย่างสุดฝีมือ เหนือยอด ‘ปราสาทเซเรส’ ที่เมื่อก่อนคือปราสาทสีขาวแสนสง่าดูทรงอำนาจ แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยคราบเลือดและยอดปราสาทที่ถูกพังลง ร่างหนึ่งปรากฏอยู่บนนั้น มิอาจจะมองเห็นใบหน้าได้ มีเพียงแต่ผ้าคลุมขาดวิ่นที่ปลิวไสวตามแรงระเบิดและเปลวเพลิง เกราะแขนสีดำที่ออกมานอกเสื้อคลุมดั่งเกล็ดมังกรดูน่าเกรงขาม บู๊ทเหล็กที่เต็มไปด้วยคราบเลือดสีเดียวกับเกราะแขนดูหนักแน่น ดวงตาสีแดงส่องประกายอยู่ภายใต้เสื้อคลุมนั้น ...
-- โบสถ์ใหญ่ประจำเมืองเซเรียส
เหล่านักรบกลุ่มสุดท้ายและผู้คนที่หลงเหลือมารวมกันอยู่ที่โถงของโบสถ์ ปึง ! ปึง ! เสียงประตูถูกกระแทกด้วยค้อนขนาดใหญ่ของสั.ตว์ประหลาดสวมเกราะจากนรก ! เหล่าอัศวินต่างพยายามต้านทานด้วยแรงเฮือกสุดท้ายของพวกเขา สังฆราชพยายามปลอบผู้คนและสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้าในยามสิ้นหวังนี้
“ยันเอาไว้ให้ได้ ! !” อัศวินคนหนึ่งในชุดเกราะสีเงินขนาดใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นแม่ทัพออกคำสั่งพร้อมใช้แขนของตนดันไว้อย่างสุดแรงเกิด “ขอเพียงเชื่อในศรัทธา ! ขอเพียง เชื่อในพระองค์ ! เราต้องรอดกันแน่ !” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงปลุกใจ เหล่าอัศวินรับคำ แล้วทำตามคำสั่งอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้ แม้ว่าจะเหลือเวลาเพียงน้อยนิด
หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มชาวเมืองกอดลูกน้อยของเธอไว้อย่างหวงแหนและเฝ้าสวดมนต์ตามสังฆราช อ้อนวอนให้เวลานี้ผ่านไปอย่างปลอดภัย “มาทางนี้เถอะ ที่นี่คงไม่ไหวแล้ว ...” เสียงของผู้เป็นสามีดังขึ้น พร้อมมือหยาบกร้านที่จับข้อแขนบางไว้ ก่อนจะดึงเธอออกจากกลุ่มผู้คนออกไปที่หลังโบสถ์
“ถึงเราจะตาย ... แต่เขาต้องรอด ...” เขาเอ่ยแล้วเปิดช่องลับบางอย่างที่อยู่ใต้รูปสลักเทพเจ้า หญิงสาวพยักหน้าแล้วค่อย ๆ วางเด็กชายตัวน้อยเข้าไปใต้นั้น ผู้เป็นพ่อดึงดาบของตนออกมาพร้อมกับจี้เงินที่เป็นลักษณะมังกรกำลังสยายปีกมีผลึกสีม่วงประดับไว้ตรงกลาง และวางไว้ข้างตัวลูกน้อยของเขา ...
ปึง ! ! ตู้ม ! ! อ๊ากกก ! !
ประตูโบสถ์ถูกพังทลาย พร้อมร่างของนักรบปีศาจก็ถาโถมเข้ามาดั่งคลื่นอันเกรี้ยวกราด แม้ว่าอัศวินทั้งหลายจะพยายามต่อต้าน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มรีบปิดประตูแล้วซ่อนช่องลับนั้นไว้ ก่อนที่คมดาบสีดำจะฟันศีรษะของเขาขาดกระเด็น ! แต่มือของเขาก็ยังจับมือของภรรยาที่ประสบชะตากรรมเดียวกันไว้อยู่ ...
วูบ ...
แสงสีขาวอร่ามปรากฏขึ้นเหนือเมือง ... ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีทองสลับขาว และดังกับพายุสีขาวทองพัดผ่าน แสงสว่างจ้าปรากฎขึ้น ร่างของเหล่าปีศาจถูกทำลายจนสิ้น ไม่เว้นแม้แต่เมืองและโบสถ์ ... ดั่งการพิพากษาแห่งพระเจ้า เมืองทั้งเมืองกลายเป็นซากในพริบตา มีแต่รูปปั้นเทพเจ้าเท่านั้น ที่ไร้รอยขีดข่วน
หลังจากนั้น ...
ผู้คนที่เหลือรอดที่หนีออกไปนอกเมือง และจากหลาย ๆ เมืองช่วยกันสร้างเมืองขึ้นมาอีกครั้งตลอดเวลา 18 ปี ถึงแม้จะไม่สวยงามเท่าเดิม และเล็กกว่าเดิมมาก แต่ก็กลายเป็นเมือง ‘เซเรียส’ อีกครั้งนึง และพัฒนาต่อขึ้นเนื่องกันอย่างรวดเร็ว ทั้งทางด้านศิลปะวัฒนธรรม , ด้านทหาร และด้านเศรษฐกิจ ชาวเมืองเพิ่มจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และมีความคึกคักขึ้นในเมืองดั่งเช่นในอดีต โบสถ์ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งในสถานที่เดิม และรูปปั้นเทพเจ้านั้นก็ยังคงอยู่ เรื่องราวของแสงสว่างที่ทำลายทุกอย่างยังคงเป็นเรื่องเล่าต่อมา แต่เด็กชายผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ก็ยังคงอยู่รอด ...
ร่างของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินยาวเดินอยู่บริเวณแถบชายเมือง ดวงตาสีแดงเลือดดูน่ากลัว แต่ก็ดูอ่อนโยน ใบหน้าขาวราวกับผู้หญิง แต่เมื่อดูจากโครงหน้าโดยรวมก็บอกได้ว่าเป็นชาย 100 % ... ชุดเกราะบางสีเงินที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีน้ำตาลแบบมีฮู้ดขาดวิ่นส่องประกายเล็กน้อยกับแสงแดด สร้อยคอที่หลงเหลือจากผู้เป็นพ่อยังคงห้อยอยู่ที่คอ ดาบที่อยู่ในฝักโทรม ๆ ดูไม่มีอะไรเด่นเลยแม้แต่น้อย และนี่ ... ตำนานใหม่ก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น