คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : อาการต่างๆ ในการเขียนนิยาย และวิธีแก้
อาการต่างๆ ในการเขียนนิยาย และวิธีแก้
อาการแป้ก! เป็นอาการอย่างหนึ่งของนักเขียนที่คาดหวังสูงๆ และมั่นใจสูงๆ เป็นบ่อย! และนั่นก็หมายความว่า มันมีทั้งข้อดี(น้อย) และข้อเสีย(บรรลัย)
ต้องนิยามกันสักหน่อยว่า แป้ก! กลายเป็นคำนิยมที่คล้ายกับตอนที่ มุกฝืด พูดตลก แล้วไม่ตลก ตั้งใจทำ แต่ไม่ได้รับผลตามที่คาดหวัง หรือสารพัดความหมายตามที่ แป้ก จะสื่อได้
แป้กบ่อยๆ ก็อาจทำให้พาลจะเลิกเขียนนิยายเรื่องที่แป้กเลยทีเดียว เพราะกลายเป็นว่าหมดมุก คิดไม่ออก ตันสมอง
คนที่แป้กบ่อยๆ ส่วนมาก วางโครงเรื่องนิยายไว้แบบหลวมๆ ซึ่งหลวมๆ ในทีนี้ก็คือ จะเขียนแล้วค่อยคิด หรือบางทีคิดออกแล้วแต่ยังมิได้เขียน และชอบคิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยเขียนตอนไหนก็ได้ เพราะยังไงก็สมองของฉัน ไม่มีวันหรอก ที่จะลืม!.. จนลืมจดเอาไว้(ส่วนพวกที่จดพล๊อตเอาไว้ แม้จะจดน้อย แต่ก็ยังพอคลำทางเขียนต่อได้ล่ะน่า~แต่ก็มีบ้างบางพวกที่ไม่ต้องจด นั่นก็คือพวกมืออาชีพ (ก็งานเขานี่เนอะ ห้าๆๆ ดังนั้น มือใหม่ก็ควรทำตามคำแนะนำเถอะค่ะ ส่วนมือเก่าก็ร่วมด้วยช่วยกันแนะนำด้วยนะคะ))
พอจะเขียนเข้าจริงๆ ก็ต้องมานั่งกุมหัวหน้าจอคอมพิวเตอร์ ด้วยศัพท์ง่ายๆ ทางวงการนิยายคือ 'ลืม'
คิดอะไรออกแล้วทำไมต้องจด?
แน่นอน! เพราะถ้าไม่จดมันก็ลืมอย่างไรเล่า นักเขียนที่ดีเขาต้องมีสมุดโน้ตติดตัวเสมอ บางทีคิดออกแบบสุดยอด จนแทบจะจบเรื่อง ประมาณว่าเรื่องของข้านี้อยู่ในหัว มิจำเป็นต้องเสียเวลามาจดให้ยุ่งยากหรอก เพราะการดำเนินเรื่อง จนไปถึงปมปริศนา ตัวข้านี้จำได้หมด(จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าให้จดโครงเรื่องขีดกรอบให้ตัวเองนะ แต่หมายถึงจดเตือนตัวเองกันลืม ในเวลาที่คิดออก)
พอเอาเข้าจริงๆ จำได้แค่บางส่วน นอกนั้น 'ลืม'
"เอ...แล้วต่อไป มันอะไรหนอ?"
"จะไปทางไหนต่อดี ก็เคยคิดไว้แล้วนี่นา?"
นี่แหละแป้ก!!
พอแป้กแล้วยังมิวาย ดันทุรังเขียนต่อจนออกทะเลไปแสนไกล จนไปเจอกับกัปตันแจ็ค สแป-รั่วเข้าให้เลยแน่ะ
ครั้นพอนึกโครงเรื่องเดิมๆ ออกก็ขี้เกียจแก้เข้าให้ซะแล้ว อุแหม~ ลงทุนเขียนไปซะตั้งขนาดนั้น(ออกทะเล) แล้วจะให้พากลับเข้าฝั่งเนี่ย ต้องคิดมากกว่าเดิมเสียอีก
แต่บางคนเป็นเอามากกว่า แป้ก เสียอีก และพี่สาวขอเรียกพวกนี้ว่า ...พวก มั่ว!!
พวกนี้จะ ปิ๊ง! ไอเดียอะไรได้ทั้งวัน และสิ่งที่ ปิ๊ง! พระแม่เจ้าก็จับยัดใส่ลงไปหมด จนเป็นต้มจับฉ่าย หม้อมหึมา!!
อะไรดี อะไรน่าสนใจ อันตัวข้านี้จับยัดใส่ปรุงรสลงไปในเรื่องเดียว เพราะหวังว่ามันจะสนุก
คิดกะเกณฑ์เอาคนเดียวว่า เศร้า,สนุก,ตื่นเต้น,ซึ้ง,ขำขัน มีครบทุกรสชาติในเรื่องเดียว (จริงๆ เอาแค่พอประมาณก็ได้นะคุณน้องขา)
และ...น้องๆ ก็ยังไม่ทราบว่า กำลังคิดผิดอย่างมหันต์ เพราะท่านน้องจะได้สัมผัสกับคำว่า มั่ว แบบจังเบอร์(รองเท้า) แน่นอน! ตอนนี้นิยายคุณน้องก็น่าจะออกทะเลไปงมปะการังกับพวกแป้ก...อย่างไกลแสนไกล
พวก มั่ว เจออะไรที่ประทับใจไม่ได้ มักจะคิดเอามายัดเยียดใส่นิยายตนเอง ทั้งๆ ที่มันหาที่ยัดเข้าไปแทบจะไม่ได้อยู่แล้ว หรือยากเกินกว่าจะแก้ไขเรื่องใหม่ด้วยซ้ำ
แล้วน้องๆ คงเกิดคำถามขึ้นมาอย่างเฉียบพลันใช่ไหม? ว่าทำอย่างไร ไม่ให้เจอกับเจ้าแป้ก และเจ้ามั่ว
คำตอบนั้นแสนง่าย ตัวคุณน้องก็ต้องเขียนโครงเรื่อง-จดพล๊อตไว้สิเจ้าคะ อย่าลืมว่า ตอนที่คิดจะเขียนนั้น มีเป้าหมายไว้ว่าอย่างไร และเรื่องแนวไหน เพราะถ้าไร้หลักยึด(โครงเรื่อง) น้องก็ไหลไปตามกระแสน้ำ(จินตนาการ) อยู่แล้ว ยิ่งพวกจินตนาการสูงๆ เนี่ย อย่าให้บอกเชียว! ว่า... มั่วได้ขั้นเทพ ออกทะเลไปกลับได้สามรอบนู่น ตั้งแต่มีพระถัง-ทำหยัง ไป จนถึงประตูทะลุมิติ กำลังภายใน เพลงยุทธสิบเจ็ดกระบวนท่า เรื่อยไปเรื่อย... จนในที่สุดก็ถึงอวกาศ ไปกระทั่งเป็น หลุมดำ!
ซึ่งน่าตกใจอย่างมากว่าพวกมั่ว ก็ไม่ใช่พวกที่เลวร้ายที่สุด เพราะยังมีอีก...ชะลาล่า~(เสียงฮัมเพลง)
โดยบทนี้เราจะย้อนกลับไปถึงบทที่แล้ว ที่พี่สาวขอยกตัวอย่างกลับมาพิมพ์สักหน่อย โดยพวกนี้คือพวก 'สั้น'
พวกสั้นคือพวกที่มีสมาธิสั้นจุ๊ดจู๋ ซึ่งบทที่แล้วพี่สาวได้กล่าวไปแล้ว ว่าพวกนี้ชะเอิงเอย ชอบวอกแวก หลบไปเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน อ่านนิยาย เปิดเว็บ คุยเอ็มเอสเอ็น เข้าเฟสบุ๊ค,ฮิห้า ในขณะที่เปิดหน้าเวิร์ดไว้เหมือนจะเขียน
แต่ลงท้าย แม่เจ้า เขียนอยู่ ..สองสามตัว มากสุดก็แค่หนึ่งหน้า
ดังนั้นพวก สั้น แป้ก มั่ว ล้วนเป็นกิเลสที่ควรได้รับการแก้ไขโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่ว่ามีแค่ใจอยากเขียน แล้วนิยายจะเดินนะเจ้าคะ ต้องมีการวางแผนกันสักหน่อย
จริง! ที่ว่านิยายที่ดี นักเขียนต้องสนุกที่จะเขียนด้วย แต่ถ้าไม่วางโครงเรื่อง ไม่จดพล๊อต ก็อาจจะแป้ก หรือไอเดียบันเจิดเกินไปก็อาจจะ มั่ว แต่ทั้งหมดนั้น ก็ยังดีกว่า สั้น
แต่สามเหล่าทัพนี้ ก็ยังมีอีก พวก คือ เวอร์
พวกนี้ย่อมาจาก พาวเวอร์ คือ พวกคิดว่าตัวเองไฟแรงจัด เขียนทีเดียวหลายๆ เรื่องได้ไม่มีปัญหา
ซึ่งพวกพาวเวอร์นี่ยังสามารถแบ่งเป็นหลายๆ แบบได้อีก เช่น…
เวอร์ + มั่ว
คือไอเดียฉันแจ่มจรัส แต่ก็ไม่อยากเอามาใส่ในนิยายเรื่องเดียว และรอไม่ไหวละ!!! ต้องเขียนมันออกมาเลย สรุปแต่งมันซะพร้อมๆ กันเลยเป็นไร เรื่องนี้ก็ชอบ เรื่องนั้นก็แจ่ม โอ้ย~ ฉันทำด้ายยยยย..
แล้วพวกนี้ ต่อมาจะเจอ แป้ก ในภายหลัง หรือไม่ก็มีอาการ 'สน' นั่นคือสับสน งงเรื่องมึนหัวไปเสียเอง
เดี๋ยวเขียนชื่อพระเอกผิดเรื่องมั่งล่ะ เดี๋ยวจำบุคลิกตัวละครสลับกันกับอีกเรื่องมั่งล่ะ โอ๊ย~สารพัดปัญหาที่จะเกิด
มือใหม่... ควรเริ่มแบบนี้หรือเปล่า? น้องๆ ลองคิดดูนะคะ
ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ค่อยๆ โต เดี๋ยวจะติดนิสัยการวางตัวก่อนเขียนแบบผิดๆ ทำให้เส้นทางนักเขียนยาวไกลขึ้นไปอีก
เพราะ ไม่ว่าวิชาชีพใด ก็ต้องการระเบียบวินัยด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งถ้าเป็นเจ้านายตัวเองแล้วไซร้ ไฉนเลยจะไม่ต้องการความเป็นระเบียบ(ความรับผิดชอบด้วยนะเอ้อ)
ส่วน เวอร์ + แป้ก อันนี้ตายตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว
เวอร์ + สั้น พวกนี้ดองงานยาวพะย่ะค่ะ
และบทนี้พี่สาวคงไม่ต้องเขียนย้อนหลักสูตรอะไรมากมาย เพราะบทก่อนหน้านี้พี่สาวก็สอนพื้นฐานไปหมดแล้ว
และพี่สาวก็ทราบดีว่า 'ส่วนใหญ่' น้องๆ พอเขียนได้แล้ว แต่ติดตรงที่ แป้ก สั้น มั่ว แล้วก็ เวอร์ นี่แหละ
แล้ววิธีแก้ปัญหาล่ะ
พี่สาวขอแนะนำ
ลองมาเป็นนักอ่าน นักวิจารณ์ดูสิ
สุภาษิตเขาว่าไว้ เห็นความผิดคนอื่นเท่าขุนเขา ความผิดเราเท่าเส้นผม หรืออาจจะเล็กเท่าจุลินทรีย์ หรืออาจจะเล็กมากกว่านั้น แล้วแต่นักเขียนผู้มีความมั่นใจในตนเองสูงเกินไปแต่ละคนจะคิด
ซึ่งพอมาเป็นนักวิจารณ์ เราก็มักจะได้อ่านเรื่องของคนอื่น แล้วตอนนี้ล่ะ! เราก็สามารถรู้สึกได้ว่ามันติด มันขัด มันดี มันเจ๋ง ตรงไหน ถ้าเรื่องที่เราอ่านมันยังไม่ดี มีข้อบกพร่อง เราเห็น แน่นอน เราเห็นความบกพร่องของคนอื่นว่าทำไม เรื่องนี้มันสนุก เรื่องนั้นมันไม่สนุก
และผลลัพธ์ที่ได้ไซร้ นำมาประยุกต์ใช้กับตัวเองซะสิ เพราะมันได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่อยู่แล้ว ทั้งคนวิจารณ์เอง และคนได้รับคำวิจารณ์ก็ด้วย
เรารู้จุดบกพร่องเรื่องนั้นเรื่องนี้ ตรงไหนอ่อน ตรงไหนแข็ง แล้วย้อนกลับมาดูตัวเรา เราก็แก้ไขปัญหาได้
แถมยังสร้างกำลังใจ และความมั่นใจให้ตนเองขึ้นอีก
ถ้าไปวิจารณ์เรื่องที่เขียนดีๆ เราก็จะได้จุดดี-จุดแข็งจากงานของเขามาด้วย ได้มิตรภาพด้วย ได้คนกลับมาอ่านงานเขียนของเราด้วย
แต่การเป็นนักวิจารณ์ที่ดี ก็มิใช่ว่าจะเดินเข้าไปโต้งๆ อ่านแล้วพิมพ์วิจารณ์บอกคนเขียนเรื่องนั้นๆ แบบขวานผ่าซาก(ไม่ได้บอกว่ามันผิด แต่ไม่น่ามีคนชอบ) ซึ่งมันก็ต้องใช้ศิลปะในการแนะนำกันสักหน่อย แล้วผลลัพธ์มันจะดีกว่าการลดทอนจิตใจผู้อื่น
ถ้าคิดได้นะ ขนาดตัวเราเองยังไม่ชอบที่จะโดนแบบนั้น(คำวิจารณ์ที่แรงไป) แล้วทำไมคนอื่นต้องชอบด้วยเล่า?
ถ้ารู้จักอ่าน รู้งานเขา และงานเรา เอามาเทียบกัน รบร้อยครั้ง ก็ชนะร้อยครั้ง
ดังนั้นอยากเป็นนักเขียนที่ดี ก็ต้องเริ่มจากการเป็นนักอ่านที่ดี
อยากให้คนอื่นใส่ใจในงานของเรา แล้วเราล่ะ? ได้ใส่ใจในงานของคนอื่นบ้างไหม
นักเขียนสมัยก่อนใช้วิธีตอบจดหมายวิจารณ์กันตามนิตยสาร สมัยนี้เทคโนโลยีช่วยได้ขนาดนี้แท้ๆ น้องพี่ยังไม่คิดว่ามันออกจะ 'ง่าย' อีกหรือ?
โลกออนไลน์ ถ้าใช้มันให้เป็น พี่สาวว่าค่อนข้างจะสะดวกเลยนะ อย่ามัวแต่หลงเสพงานนิยาย การ์ตูน เกมส์ สื่อ ในช่วงที่น้องคิดพล๊อตนิยายออก!!
ถ้าหันกลับมาเสพความเป็นงานเขียนของตัวพวกเราเองจะดีกว่าม๊า~ ไม่เสียสะตุ้งสตางค์สักกะบาท (อาจจะมีพวกหัวเสบางคนบอกว่าอ่านการ์ตูน หรือเล่นเว็บก็ไม่ได้เสียสตางค์สักบาทเหมือนกัน ทิงนองนอยเล้ยจริ๊งๆ)
สุดท้ายที่อยากจะฝากฝัง
หาสมุดจดสักเล่ม เมื่อคิดออก ก็.. จด
ปิ๊ง! ไอเดียออก ก็ ..จด
ดูรายละเอียดว่ามันโอเคไหม พยายามไม่ให้ มั่ว
ดูกรอบ โครงเรื่อง ว่าเราคิดไว้แค่ไหน
อย่าเป็นพวก เวอร์ ถ้ารู้ตัวว่ายังไม่แน่จริง
เขียนให้จบเป็นเรื่องๆ พอให้มัน รอด ก่อน
ถ้า แป้ก แล้ว ต้องรู้ตัว รับทราบก่อน ว่าเรามีระเบียบวินัยพอไหม? หรือหาข้อบกพร่องตัวเองให้เจอ
ถ้า สั้น ลองเขียนอะไรก็ได้ ที่ตัวเองชอบลงไป(พิมพ์ๆไป แบบเอาสนุก) ปลูกฝังให้รักการเขียน เพราะพิมพ์เอ็มเอสเอ็นยังได้มากกว่าพิมพ์นิยายเลย ทำไมจะไม่ลองล่ะ? จริงไหม แล้วก็วกกลับมาวางแปลนระเบียบวินัยให้ตัวเองรักษา ปฏิบัติเป็นกิจวัตรซะ แล้วมันจะดีขึ้นเอง
ส่วนใครที่ แป้ก สั้น มั่ว เวอร์ ฯลฯ พี่สาวว่า ลองตรวจสอบตัวเองให้ดีๆ อย่า รำไม่ดี โทษปี่โทษกลอง อยู่เลยเจ้าค่ะ แก้ไขตัวเองได้แล้ว(บางคนไม่ใช่ ไม่มีความรู้ที่จะเขียน แต่เป็นข้ออ้างในการผลัดวันจะเขียน หรือจะแก้ไขมากกว่า)
งานที่ดี อย่าลืมตรวจทานก่อนเสมอนะคะ
รักทุกคน BY อัญยา
บทความนี้ได้ใช้รูปแบบการเขียน 'เชิงกันเอง' หวังว่ามันคงช่วยให้น้องๆ อ่านเข้าใจได้มากขึ้นกว่าเดิมนะเจ้าคะ สวัสดี
แก้ประโยคคำตก โดย น้อง เจ้าลม
ความคิดเห็น