ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Androgyny - หัวใจไร้สถานะ [ Yaoi ] -END-

    ลำดับตอนที่ #9 : 09 ร่วมบ้าน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.14K
      87
      11 ม.ค. 62

    09


    หลังเหตุการณ์วันนั้น ทุกอย่างดำเนินไปเป็นปรกติชีวิตการเรียนของนิสิตก็ยังดำเนินต่อไป 
    ทุกคนเร่งอ่านหนังสือติวหนังสือกันแทบไม่ได้นอน 
    คาแฟ่อ่านหนังสือ 24 ชั่วโมงเป็นของขาดไม่ได้สำหรับเด็กวัยเรียนที่ยังติดเพื่อน 
    เมื่อสัปดาห์แห่งการสอบกลางภาคผ่านไปแล้ว 
    ฟานนั้นซึ่งหลังจากทุกคนตระหนักในความเป็นลูกคุณหนูของเขาแล้วต่างให้สมญาใหม่ว่าคุณชายฟาน 
    ฟานยังทำตัวปรกติ โดยทั่วไปแล้วฟานกลับบ้านนอนบ้านทุกคืน
    แต่การติวหนังสือทำให้เริ่มต้องกลับดึกๆดื่นๆกว่าเดิม เขายังคงไปรับส่งเดียร์สุดที่รักดังเดิม 

    "หวัดดีพี่เก้อ" 
    ฟานเดินล้วงกระเป๋าเข้าลานจอดรถคนเดียวเพราะเดียร์ไปกับแม่ 
    ไม่รู้สึกกลัวกลับรู้สึกอุ่นใจเพราะแลเห็นเงาตะคุ่มข้างรถยุโรปสีดำนั้นที่ยืนอยู่เหมือนรอใครสักคน 
    เจอกันในที่จอดรถทุกวัน ความสัมพันธ์กับไทเกอร์ดีขึ้นเวลากลับบ้านต้องมาเจอกันเป็นกิจวัตร 
    สามคนมักยืนตั้งวงคุยกันสัพเพเหระก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน 

    "เดียร์ล่ะ"
    "ไปกับที่บ้านครับ" 
    ฟานเดินเข้าไปใกล้ ยืนพิงรถตัวเอง 
    ขณะที่ไทเกอร์ก็ยืนพิงรถของเขาหันหน้าเข้าหากัน 
    รู้สึกว่าโดนจ้องด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกในความมืด จนแอบเคอะเขิน 
    "ฟาน พี่มีธุระวานหน่อยได้ไหมครับ"
    "เอาสิครับพี่"
    "พี่มีของอยากให้คน แต่ยังไม่ได้ให้ แล้วถ้าเก็บไว้ในรถกลัวโดนค้นเจอไม่เซอร์ไพรซ์ ฝากไว้รถฟานทีได้ป่าว กล่องเล็กๆ" 
    "ได้ครับ ไม่ใช่ยาบ้าเนาะ" 

    ตลับโลหะเย็นๆเท่ากล่องแหวนโดนยัดใส่มือ แล้วเจ้าของก็ขอตัวแยกไป 
    ฟานไม่คิดจะละลาบละล้วงดูหรอก แต่บังเอิญตอนเปิดเก๊ะหน้า กล่องมันร่วงลงเปิดอ้าของที่บรรจุหล่นออกมา
     นิสิตปีหนึ่งจากโรงเรียนนานาชาติผู้ไม่มีความรู้รอบตัวเรื่องตำนานมหาวิทยาลัย
    ก็เพียงแต่เก็บเฟืองนั้นใส่กล่องแล้วยัดใส่เก๊ะหน้ารถไว้ให้พี่เขา

    ส่วนความสัมพันธ์กับเดียร์นั้นก็ดำเนินไปตามปรกติ ถ้าเดียร์เผลอก็แอบหอมหัวหอมเสื้อบ้าง 
    เดียร์ปล่อยปละละเลยการแสดงออกของฟานเพราะเข้าใจดีว่า 
    ที่ผ่านมาฟานกลัวการสกินชิพ การสัมผัสแตะต้องจากผู้คนแค่ไหนโดยเฉพาะผู้ชาย 
    ยิ่งดูมาโชแมนยิ่งรังเกียจ เดียร์เหมือนโอเอซิสให้ฟานระบายออก ได้สัมผัสผู้คนผ่านกายสัมผัสบ้าง 
    เดียร์สงสารเพื่อนจึงยอมให้ฟานกอดหอมบ้าง
    แม้รู้ตัวว่าภาพที่ออกมาจะไม่งามนักที่วัยรุ่นชายหญิงจะถูกเนื้อต้องตัวกัน 
    แต่ในสายตาเดียร์ฟานเหมือนลูกหมาหลงทางที่น่าสงสาร 
    สัมผัสของฟานไม่บ่งบอกเรื่องเพศแต่เป็นความมั่นคงทางใจล้วนๆ  
    แต่นอกจากเดอะแกงค์ที่ไม่เล่าให้ใครฟังแน่ๆแล้ว ก็ไม่มีใครเข้าใจ 
    ทุกคนมองภาพเดียร์ฟานเป็นคู่รักหวานจ๋อยที่ฝ่ายชายรักหลงฝ่ายหญิงจนโงหัวไม่ขึ้น 
    เลอาจจะเป็นอีกคนที่เข้าใจแต่เขาไม่เคยพูดให้ใครฟังเพราะมันไม่จำเป็น

    “อุณาโลม พบอาจารย์ที่ปรึกษาด้วย” 
    เมล์จากพี่วิชาการคณะทำให้เดียร์มายืนกุมมือประสานอยู่หน้าอาจารย์ที่ปรึกษา ทรุดนั่งลงตามคำเชิญ

    “อาจารย์มีโปรเจ็คประกวดโครงงานเข้ามาค่ะ” 
    อาจารย์ร่อนเอกสารโครงการมาตรงหน้าเดียร์
    “เป็นงานน่าสนใจมาก สถาบันการเงินจัดประกวดต้นแบบโครงการเพื่อเสริมสร้างการต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่ซัสเทนอีโคโนมี” 
    เดียร์ทำหน้าเหวอๆกับศัพท์แสง คือหนูอยู่ปีหนึ่งเองนะคะ
    “เป็นแค่งานเล็กๆสำหรับปีเด็กๆน่ะค่ะ อาจารย์เลยเรียกอุณาโลม ดูจากคะแนนมิดเทอม หนูอยู่ท็อปเท็น น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งหนู ทั้งคณะ และโครงการ”
    “อ๋อค่ะ” 
    เกรดมิดเทอมออกมาหรูหราอลังการ ฟานได้เอช้วน ส่วนเดียร์ได้บีบวกไปสองตัว 
    น่าแค้นจริงๆที่ฟานออกมาหรูหราอีกแล้ว นี่ก็เชิดจนคางจะติดเพดานไปแล้ว 
    เพื่อนๆที่เหลือไม่ขี้เหร่ไม่ต่ำกว่าบีกันทุกคน 
    นั่นทำให้สายตาของเพื่อนร่วมรุ่นมองเดอะแกงค์อย่างทึ่งจัด

    “อาจารย์ไม่เรียกมฤคคาแทนหนูล่ะคะ เขาสี่จุดศูนย์ศูนย์นะคะ”
    “ไม่ใช่ไม่เรียก เรียกแล้วไม่มา เลยเรียกหนูมาแทนเป็นแฟนกันไม่ใช่หรือ”
    “เอ้อ เปล่าค่ะ” 
    ไม่อยากโกหก
    “เอาน่ะ ไปหาสมาชิกมานะไม่เกินปีสอง  วิศวะคนนึง สถาปัตย์คนนึง ของเราสองคน หนูกับมฤคคา ดีเทลไปศึกษาเอกสารเอา อาจารย์จะแอสไซน์พี่ปีสามให้คุมงานแทนคนนึง ภรตแล้วกัน สปอร์ต ใจดี กทม.”

    อ๊า พี่เล..

    งานนี้ส่งงานในสี่สัปดาห์นี้ ทุกอย่างจึงต้องรีบเร่งไปหมด เดียร์รีบโทรหาคีย์แมน
    “สวัสดีครับ” 
    เสียงนุ่มตอบรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เดียร์รู้สึกจั๊กจี้หัวใจแปลกๆ
    “พี่เลคะ เดียร์ค่ะ สะดวกคุยไหมคะ”
    “ครับได้ครับ”
    “อาจารย์ฤทัยแจ้งว่า พี่เลเป็นที่ปรึกษาโครงการซัสเทนอีโคโนมีให้เดียร์น่ะค่ะ”
    “ครับ อาจารย์แจ้งแล้ว”
    “เดียร์อยากคุยเรื่องเดีเทลน่ะค่ะ เจอพี่ได้ไหม”
    “ได้ เดียร์อยู่ไหนพี่ไปหาได้ไหมครับ”
    “ไปร้านกาแฟที่หอกลางแล้วกันค่ะ เผื่อได้ค้นหนังสือ”
    “โอเค เจอกันครับ”

    วางหูโทรศัพท์แล้วก็มองอยู่อึดใจ นี่ชอบพี่เค้าเข้าแล้วหรือเปล่านะ 
    แค่ได้ยินเสียงก็แปลบปลาบไปถึงปลายนิ้ว เสียงนุ่มฟังแล้วอยากจะเคลิ้ม 
    นึกถึงหน้าใสตัวขาวเปล่งประกายนั้นแล้วก็รู้สึกอยากจะยิ้มให้มันไปถึงพระจันทร์ 
    แต่แล้วภาพร่างเล็กๆตัวบางๆหน้าใสผมยาวคนนั้นก็แทรกเข้ามา 
    เดียร์รู้สึกห่อเหี่ยวขึ้นมาทันที 
    เดินจากหน้าห้องอาจารย์ไปยังหอกลาง ระหว่างนั้นก็ส่งข่าวไปในไลน์กลุ่มซึ่งบัดนี้มีฟานเข้ามาร่วมกลุ่มแล้ว
     ว่าต้องไปทำธุระ และขอให้ฟานตามมา

    นั่งรอที่ร้านกาแฟ หยิบเอาเอกสารออกมาอ่าน 
    เป็นโครงการของสถาบันการเงิน สภาวิศวกรรม สภาสถาปนิก 
    ไม่รู้มาจับมือกันท่าไหนจึงเสกสรรปั้นโครงการซับซ้อนแบบนี้ออกมา 
    ต้องมีด้านเศรษฐศาสตร์ วิศวกร สถาปนิก แล้วผลิตภัณฑ์ที่จะส่งเสริมมันจะเป็นอะไรได้วะเนี่ย
     อ๊อยยย ปวดหอ 
    เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเลื่อนแกรก เงยหน้ามาพี่เลก็ส่งยิ้มชวนระทึกใจมาให้ คนอะไรยิ้มน่ารักที่สุด

    “สอบกลางภาคเป็นไง”
    “ดีค่ะ แต่สู้ฟานไม่ได้ ฟานเอช้วน” พูดถึงเพื่อนอย่างภูมิใจ “แล้วพี่ล่ะ”
    “ดีครับดี” 
    ไม่บอกว่าได้เท่าไหร่ แต่จากเสียงลือเสียงเล่าอ้าง พี่เลเรียนเก่งใช้ได้ 
    ไม่งั้นอาจารย์คงไม่สั่งให้คุมงานให้แบบนี้

    เลหยิบเอกสารโครงการมาอ่านอย่างตั้งใจ ขณะที่เดียร์มองดูรุ่นพี่ที่อยู่ตรงหน้าเผลอๆ 
    นานเท่าไหร่ไม่รู้จู่ๆเลก็เงยหน้าขึ้นมามองสบตาเดียร์ที่เผลอมองเขาอยู่ 
    เดียร์ตกใจทำตัวแข็งไปพักหนึ่ง จ้องตากันสักพักก็เริ่มแดงไล่จากแก้มไปหูลามจนถึงคอ 
    แต่ยังจ้องหน้าเขาด้วยสายตานิ่งแบบนั้น 
    สักพักก็ทนไม่ไหว หลบตา ตาตกลงมองแก้วกาแฟ 
    ยกมือขึ้นประกบแก้มร้อนของตัวเอง แล้วพูดเสียงอ่อย

    “พี่.. มองพอแล้วนะ” 
    ไม่อยากคุยงานแล้ว อยากคุยอย่างอื่นกับน้องมากกว่า
    จู่ๆ ขายาวๆก็พาร่างสูงเพรียวเข้ามานั่งแทรกกลางหน้าตาเฉย 
    ฟานนั่นเอง 
    เขาหันไปมองเดียร์ที่นั่งแก้มแดงอยู่เห็นได้ชัด 
    อารมณ์หึงหวงมาเร็วเคลมเร็วพุ่งปรี๊ด

    “คุยงาน คุยงาน”
    เก๊กเสียงเข้ม
    เมื่อมีมือที่สามอย่างฟานเข้ามา บรรยากาศโรมานซ์เมื่อครู่เหือดหายไปอย่างรวดเร็ว

    “มันเป็นโครงการจากสามสถาบันดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีสมาชิกจากหน่วยงานทั้งสามคือ เศรษฐศาสตร์ วิศวะ สถาปัตย์ เป้าหมายคือ ซัสเทนอีโคโนมี ไม่ใช่แค่การคิดผลิตภัณฑ์ ดังนั้นเราจะไม่จบที่เอาพุท แต่ต้องอยู่ที่เอาท์คัม” 
    เลสรุปง่ายๆ แม้จะศัพท์สูงไปนิดสำหรับปีหนึ่งแต่ก็พอเข้าใจได้
    “เราจะไปหา วิศวะกับสถาปัตย์จากไหนล่ะคะพี่”
    “วิศวะถ้าน้องไม่มีตัวในใจ พี่เสนอไทเกอร์ สถาปัตย์พี่มีน้องรู้จักคนนึง ชื่ออาร์ม เก่งมากเป็นสอถอ หมายถึงเป็นสถาปนิกไม่ใช่ไอดี ไม่ใช่ตกแต่งภายใน”
    “แล้วผลิตภัณฑ์ล่ะพี่ เอาอะไรดี”
    “พี่คิดว่ารอเจอทุกคนดีกว่า น่าจะเกี่ยวกับการก่อสร้าง เพราะเก้อเป็นซิวิล อาร์มเป็นเต็ค” 
    เลสรุปอย่างว่อง อ้อ พี่เก้อเป็นโยธานี่เอง ก็ไม่ได้เคยถามว่าเรียนวิศวะสาขาอะไร

    เลลุกขอตัวไปโทรศัพท์ไม่ส่งไลน์เพื่อความรวดเร็ว ฟานหันขวับมามองหน้าเดียร์
    “บอกมาว่าเมื่อตะกี้มันคืออะไร”
    เดียร์รีบฟุบหน้าลงกับโต๊ะ ยอมรับเสียงอ่อย
    “ตะกี้เขินพี่เค้าอยู่” 
    เดียร์ก็เป็นแบบนี้ ไม่มีจริตมารยาแบบคนอื่น ซื่อๆตรงๆ
    “ห้ามเด็ดขาด ห้ามเขิน ห้ามมอง ห้ามใกล้ ห้ามคิดถึง” ฟานฉอดๆ
    “จะทำยังงั้นได้ไง ก็พวกเรากำลังจะทำงานกับพี่เขาอยู่นี่ไง”

    เออจริงด้วย ทำไงดีวะ 
    ถ้าไม่กีดกันไว้ เดียร์ที่เป็นสมบัติของเดอะแก็งค์จะต้องโดนแบ่งไปให้ไอ้พี่เกาหลีนี่ 
    เวลาของเดียร์ที่เคยเป็นของเขาก็ต้องตกเป็นของมันไปด้วย 
    ทำไงดี ดีละ เขาจะขัดขวางกีดกันมันให้ถึงที่สุด 
    ว่าแล้วก็กระเถิบไปอยู่ข้างเดียร์ หอมหัวนิดนึง 
    เห็นเดียร์ไม่ว่า ก็เอนศีรษะซบพิงไหล่

    เก้าอี้ข้างหน้าโดนจับวางกระแทกกระทั้น จนฟานกับเดียร์ตกใจ 
    ผงกศีรษะขึ้นมอง ไทเกอร์นั่นเองหน้าบึ้งตึงเหมือนโกรธใครมาสักชาติ 
    เขานั่งลงกอดอกนิ่งๆส่งสายตาที่แปลไม่ออกแต่มองฟานกับเดียร์นั่งพิงกันอย่างเขม็ง 
    ฟานเริ่มรู้สึกตัวว่าออกจะเยอะในที่สาธารณะไปหน่อย ขยับตัวออกห่างเดียร์อย่างเก้อๆ 
    ความรู้สึกเคอะเขินเหมือนคืนที่รู้สึกโดนจ้อง รุกไล่ขึ้นมาไรๆ

    “พี่เก้อหวัดดี” 
    คนไม่มีความในใจอย่างเดียร์ทักเสียงแจ๋ว ไทเกอร์มองหน้าฟานเหมือนรอคำทัก
    “หวัดดี..พี่เก้อ” 
    ก็เท่านั้น 

    ไทเกอร์ยกมือกอดอกแล้วมองไปนอกกระจกอาคาร 
    เห็นคู่รักสวีทหวานกันแล้วขุ่นมัว เหม็นความรักโว้ย 
    ผู้ชายก็จะรักหลงเมียอะไรกันหนักหนา เดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอมอยู่นั่นแล้ว 
    แต่ก็ได้แค่นั้นแหละ เขามั่นใจว่าสองคนนี้ไม่มีอะไรเหนือกว่านั้น 
    ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของจูบแรกของฟานไปแล้ว

    พี่เก้อท่ามันจะบ้า อารมณ์แปรปรวนวัยทอง 
    เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวบึ้งอยู่นั่นแหละ จ้องอะไรหนักหนา 
    ฟานคิดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถ รอเลที่โทรตามอาร์มอยู่ 
    ไม่สนใจสายตาเข้มๆของไทเกอร์ที่มองเขม็ง 
    เขาชินแล้วกับการโดนมองโดนจ้อง 
    เลยตัดบรรยากาศออกจากสายตาตัวเองได้ง่ายมาก

    เลเดินนำร่างเล็กกะทัดรัดร่างหนึ่งเข้ามาที่โต๊ะ 
    “นี่อาร์มทุกคน อาร์มนี่ไทเกอร์ ฟาน เดียร์”
    อาร์มยิ้มให้ทุกคน อาร์มเป็นหนุ่มใสตัวเล็กไซส์กะทัดรัด 
    หน้าตาแบ๊วตาแป๋ว น่ารักมากมาย  ดูเหมือนเด็กมอหกมากกว่าปีสอง 

    การประชุมเริ่มต้นอย่างรวดเร็วโดยมีเลเป็นตัวกลาง 
    เขาไม่ตัดสินใจแต่ให้คำแนะนำและให้กลุ่มสี่คนเลือกทางออกเอง 
    ตรงไหนติดขัดเลจะเบรนสตอร์ม และโหวต ถ้าจำเป็นก็ตั้งดีเบตสดๆเดี๋ยวนั้น 
    เดียร์กับฟาน ได้แต่อ้าปากค้างทึ่งกับวิธีทำงานเปี่ยมประสิทธิภาพของพี่เลที่เพิ่งประจักษ์ชัดในสายตาก็วันนี้ 
    ในสายตาเดียร์ที่มองเลจึงผสมความชื่นชมมากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัวเมื่อได้ทำงานร่วมกัน 
    ทำยังไงดีชอบพี่เค้ามากขึ้นอีกจนล้นไปหมดแล้ว

    “โดยสรุปนะครับ ผลิตภัณฑ์เป็นวัสดุก่อสร้างงานอาคาร ที่ชุมชนเป็นคนคิดแล้วกลุ่มเอามาพัฒนา ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชนในการตัดสินใจทุกขั้นตอนการผลิตจนถึงหลังการผลิต” 
    งานที่แสนซับซ้อนสรุปออกมาเรียบง่ายอย่างไว 
    “ เดียร์ ฟาน ไปดูช่องการเงินการลงทุนการตลาดการขาย ไทเกอร์ไปหากระบวนการผลิต อาร์มดูการนำไปใช้การอแดป แพ็คเกจ และการพรีเซนท์โครงการ ทั้งสี่คนไปทบทวนวรรณกรรมและหางานวิจัยรองรับเรื่องของตัวเองพิมพ์มาให้เสร็จด้วย พี่จะหาชุมชนช่วยแล้วพวกน้องเลือกชุมชน โอเคจบไหมครับ” 
    ฟานนั่งจิ้มโนตบุคบันทึกการประชุมหน้าเครียด พยักหน้าตามช้าๆ 
    โอ้พี่เล เก่งอะไรขนาดนี้ ฉลาดขนาดนี้ 
    แล้วแผนการกีดกันของเขามันจะใช้ได้ผลเหรอเนี่ย

    “อีกสองสัปดาห์หน้าสุดสัปดาห์ เราต้องเข้าชุมชนนะครับ เตรียมตัวไว้ทุกคน พี่จะส่งรายชื่อให้โหวตในคืนนี้”


    หลังโหวต ทั้งห้าพากันขับรถแบบเช้าไปเย็นกลับเพื่อดูพื้นที่และวัสดุให้พร้อม
    ก่อนกลับมาเขียนรายงานเพื่อดำเนินการเตรียมโครงการต่อไป 
    วันต่อมา ทุกคนต้องนั่งล้อมวงกันทำงานที่ชุดโซฟาหน้าทีวี 
    ห้องสูทของไทเกอร์กับเลโอกลายเป็นสเตชั่นทำงานของโปรเจ็คท์นี้ 
    ตามไอเดียของไทเกอร์ที่ต้องการหาที่รวมกลุ่มทำงานด้วยกัน 
    ฟานยกมือไม่เห็นด้วยในตอนแรกเพราะยังเชื่อมั่นการประสานส่งงานกันทางไลน์ก็ทำได้ 
    ไม่จำเป็นต้องอยู่รวมกันก็ได้ 
    แต่สุดท้ายด้วยการโอ้โลมปฏิโลมของผู้ชายที่เหลือ ทุกคนก็ยอมมาทำงานด้วยกันที่ห้องสูทนี้ 
    ห้องนอนเลทุกคนยกเป็นห้องนอนของเดียร์ ส่วนที่เหลือหาที่นอนเอาเอง 
    ฟานส่งสายตาอาวรณ์อยากนอนร่วมห้องกับเดียร์ใจแทบขาด 
    แต่ไม่มีใครยอมเพราะกลัวชื่อเสียงเดียร์ซึ่งเป็นสาวอยู่คนเดียวจะเสียหายไปกว่านี้

    “หิว” 
    อาร์มส่งเสียงประท้วง ตอนนั้นสี่ทุ่มแล้ว 
    ที่สุดก็ตกลงกันได้ว่า จะขับรถไปกินราเม็งข้อสอบที่ห้างเปิด24ชั่วโมงกลางเมืองกัน 
    ไทเกอร์ขับนั่งคู่ไปกับเล เขาปล่อยใจไปตามภาพเมืองมหานครในยามราตรี 
    พอลงจากรถในที่จอด ไทเกอร์ก็ไม่พูดไม่จาเดินดุ่มๆมาลากข้อมือฟาน

    “เฮ้ย นั่นจะเอาแฟนคนอื่นไปไหน” 
    เลทักได้บาดหูมาก
    “เดี๋ยวตามไปร้านราเม็ง ไปแวะซุปเปอร์หน่อย” 
    ฟานใช้แท็กติกศิลปะการป้องกันตัวปลดมือออกมาได้
    “ไม่ชอบให้โดนตัว.. แล้วนี่จะพาไปไหน”
    “ก็เป็นคนกินยากกว่าคนอื่นไม่ใช่เหรอ ไปหาซื้อของกินซุปเปอร์กันก่อน”
    “ก็กินเสร็จแล้วมาพร้อมกันหมดก้ได้”
    “ไม่เอา เอาตอนนี้แหละ”

    ขี้เอาแต่ใจ 

    แต่ฟานก็เดินตามเข้าไปในซุปเปอร์อย่างว่าง่าย 
    แค่ห้าวันอยู่ร่วมกันไทเกอร์ก็รู้ซึ้งถึงความเป็นคุณชายฟาน 
    ทุกอย่างเลอเลิศวิไลไปหมดสมเกิดมาบนกองเงินกองทอง 
    ฟานเดินเลือกดูของกินกับไทเกอร์ไปเรื่อยๆ 
    ห้างในยามดึกปลอดคนนัก เย็นเงียบมีเสียงเพลงเบาๆ 
    ไทเกอร์เป็นเพื่อนช็อปปิ้งที่ดี ตามใจทุกอย่าง
    ฟานชี้นิ้วไปที่สินค้าก็หยิบมาบอกเล่ารายงานเป็นคุ้งเป็นแคว 
    แถมเล่าเรื่องตัวเองยัดเยียดให้เขาฟังไปเรื่อยๆ 
    สักพักก็เริ่มยืนเบียดเข้าใกล้เขาโดยฟานไม่ทันรู้ตัว 
    หยิบของมาชะโงกหน้าดูใกล้ๆกันบ้าง ยืนซ้อนหลังหยิบของให้บ้าง 
    พอไม่ว่าไม่หันไปมองหน้าก็ได้ใจใหญ่ แวบแอบเอาคางเกยไหล่เขาบ้าง 
    ฟานอึดอัดอยู่บ้างในช่วงแรก ช่วงหลังๆก็เริ่มชิน

    “โอ๊ะ พวกนั้นไม่รอตายแล้วเหรอเนี่ย” 
    แวบเดียวปาไปเกือบชั่วโมงสำหรับกิจกรรมผัวเมียซื้อของอย่างจงใจของไทเกอร์
    “ร้านนี้รออย่างต่ำชั่วโมงครึ่ง” 
    ไทเกอร์ตอบ ศึกษาวางแผนมาอย่างดีแล้ว ถึงได้คอนวินซ์ให้มากินกันที่นี่

    เข็นรถไปถึงหน้าร้านราเม็ง พลพรรคบอกเหลือคิวรออีกสองคิวแล้ว 
    นั่งรอสักพักก้ได้เข้าไปกิน กว่าจะกินเสร็จออกมาก็ตีหนึ่งแล้ว 
    ขับรถกลับมาคอนโดก็ตีหนึ่งครึ่งตะละคนอ้าปากหาวหวอดๆ 
    เดียร์ขอตัวคนแรก ส่วนห้องผู้ชายนั้นเลหาที่นอนอัดลมนอนได้สองคนมาเสริม 
    ทุกคนก็สามารถนอนได้ไม่เดือดร้อน เลนอนโซฟาตั้งแต่แรก  
    สว่นฟานขอนอนพื้นคนเดียว 
    “ผมไม่ถนัดนอนร่วมเตียงกับคนอื่น” 
    อาร์มและไทเกอร์จึงนอนบนเตียงด้วยกัน

    ลุกขึ้นนั่งงัวเงียตอนเช้า มองไปบนเตียงฟานก็ตกใจ 
    ในแสงยามเช้านั้น ไทเกอร์นอนหลับสงบนิ่ง แขนข้างหนึ่งวางทอดแนบตัว 
    แต่แขนอีกข้างโอบประคองไหล่อาร์มที่นอนเกยก่ายขากับลำตัวเหมือนไทเกอร์เป็นหมอนข้างของเขา 
    หัวซุกอยู่ที่ไหล่มือวางไว้บนอกของไทเกอร์ 
    การกอดกันของผู้ชายมันไม่ได้ดูน่าเกลียด น่าขยะแขยง 
    ภาพสกินชิพของไทเกอร์กลับช่างน่าอบอุ่นใจน่าดูอย่างประหลาด

    ฟานลุกเดินโหย่งๆไปมองใกล้ๆขอบเตียง มองดูภาพนั้นอย่างเผลอๆ 
    ได้กอดไทเกอร์นอนนี่อุ่นไหมนะ ดูเหมือนจะนุ่มสบายดี 
    ฟานจำได้ว่าตอนที่เขาป่วยแล้วนั่งแท็กซี่มากับไทเกอร์ 
    เขานอนอิงไทเกอร์มาตลอดทางแบบนี้ มันให้สัมผัสนุ่ม 
    แม้ว่าอกไทเกอร์จะแน่นไปด้วยกล้ามเนื้ออย่างนักกีฬาแต่ก็เพรียวไม่ใช่กล้ามก้ามปูอย่างนักกล้าม 
    แขนตอนที่ประคองเขาขึ้นจากพื้นก็นุ่มนวล 
    จำได้ว่าพิงอยู่ในอ้อมแขนอ้อมอกนั้นสบายจริงๆ 
    อาร์มก็ดูสบายใจดูปลอดภัยจัง เหมือนที่เขารู้สึกในวันนั้นเลย 

    กลิ่นของไทเกอร์หอมเป็นกลิ่นน้ำหอมราคาแพงของผู้ชายเจือทะเลนิดๆสดชื่น 
    เขาได้กลิ่นตอนเมื่อวานระหว่างเดินเลือกซื้อของในซุปเปอร์กับไทเกอร์ 
    หอมชวนให้อยากไปดมจากผิวคนเดินข้างๆ มันเป็นช่วงเวลาที่ให้ความรู้สึกดีมาก 
    ได้พูดคุยซุบซิบกระเซ้าเย้าแหย่กัน เผลอมองเรื่อยจนถึงหน้าของไทเกอร์เขาเป็นคนหน้าตาดีมาก 
    แม้จะไม่ถึงระดับฟานแต่ก็เป็นคนหน้าตาดีดูคม ดูแมนอย่างลูกผู้ชาย ไม่ได้สวยอย่างเขา

    สักพักฟานก็เริ่มรู้ตัวว่ากำลังแอบแซ่บผู้ชาย แอบคิดถึงการสัมผัสคนอื่นที่ไม่ใช่เดียร์ 
    รู้สึกผิดบาปขึ้นมากระทันหันประหนึ่งกำลังคบชู้สู่ชาย 
    นี่ก็หกโมงเช้าแล้ว อาบน้ำแต่งตัวกินข้าวไปเรียนดีกว่า 
    แอบเปิดประตูออกมาจ๊ะเอ๋เข้ากับภาพเดียร์ยืนเอามือไขว้หลังก้มมองพี่เลคนหล่อหลับสนิทอยู่บนโซฟาพอดี
    เดียร์ผงะหน้าเหวอแล้วก็จุปากหน้าแดงย่องออกมาจากจุดยืนเงียบๆ

    “แอบแซ่บผู้ชาย”
    ฟานกล่าวหา ลืมไปว่าเข้าตัว
    “งื้อ พี่เลนอนน่ารักมากๆเลย”
    เดียร์ละเมอไม่ปฎิเสธ
    “ชอบเขามาก ว่างั้น” 
    อารมณ์หวงกรุ่นๆ ไม่อยากให้รวมกลุ่มก็เพราะแบบนี้ ใกล้กันมันหวั่นไหวได้ง่ายๆ 
    สองคนนี้ปลื้มกันเองจนออกนอกหน้า ส่วนเขาเองยังแอบรู้สึกดีกับไทเกอร์ไปตั้งเยอะ 
    น่าเสียดาย นั่นนอนกอดอาร์มไปแล้ว สองคนคงสานสัมพันธ์ต่อไปในอนาคต 
    คนนึงสถาปัตย์ออกแบบ อีกคนวิศวะก่อสร้าง สมกันดีโคตรๆ 
    แล้วอีเศดสาดแบบเขานี่ล่ะมันเหมาะกับใครกัน

    “ชอบมากๆเลยล่ะ และจะไม่ปิดบังด้วย จะเปิดให้หมดเลย”
    เดียร์พูดอย่างมาดมั่น
    “แล้วริกานั่นล่ะจะทำยังไง”
    เดียร์หน้าสลดเหมือนดอกไม้โดนน้ำร้อนลวก
    “เป็นเรื่องของพี่เขา เดียร์ชอบก็แค่ชอบเปล่าวะ วันนี้ไม่มีอะไรชัดเจนก็อยู่เพื่อวันนี้ ถ้าพี่เขาชัดเจนก็รู้เองนั่นแหละ”

    เดียร์กลายเป็นของที่อยู่ไกลเกินคว้าของเขาไปแล้ว 
    สมบัติลับอาวุธลับของเขา โอเอซิสของเขา แต่นี้จะต้องแบ่งไปให้พี่เลมัน 
    ฟานรู้สึกใจหายวูบเดินเข้าไปโอบเดียร์จากด้านหลัง 
    ยื่นแก้มไปแนบแก้ม โยกกายไปมา
    “แล้วผมละเดียร์ เดียร์ยังมีพื้นที่ให้ผมไหม ผมจะขาดเดียร์ได้ไหม เดียร์เป็นสุดที่รักของผมคนเดียวนะ”

    ได้ยินคำพลอดรักของฟานเต็มสองรูหู จากร่างที่หันหลังให้เขาโอบรัดกันอยู่ 
    เป็นภาพคู่รักที่น่ารักเหลือเกิน ไทเกอร์ยืนพิงกรอบประตูห้อง รู้สึกใจแวบหายอย่างบอกไม่ถูก 
    เมื่อคืนที่เดินเลือกซื้อของด้วยกันเป็นโมเมนต์น่ารักที่เขาตรึงใจจริงๆ 
    ฟานที่ไม่ได้แค่ทำหน้าเชิดเย่อหยิ่งกวนตีนอย่างที่เคยรู้จัก 
    เมื่อได้ทำงานร่วมกันได้หยอกล้อคุยเล่นกัน ถึงได้รู้จักตัวตนว่านี่เหมือนเด็กไร้เดียงสาคนหนึ่ง 
    สักพักก็ร้ายสักพักก็ดี สักพักงอแงขี้อ้อน สักพักก็เย่อหยิ่ง 
    เต็มไปด้วยอารมณ์และชีวิตจิตใจ ไม่เหมือนภาพพจน์หล่อจองหองซุปเปอร์โมเดลลวงโลกอันนั้นเลย 
    แต่สิ่งที่เขาไม่เคยได้ ก็คือโมเมนท์ตอนนี้แหละ แบบที่ฟานให้เดียร์ 
    โมเมนท์หวานสุดขีดพร่ำพรอดออดอ้อนคนรักแบบนี้ มีเดียร์ได้รับมันอยู่คนเดียว 
    อยากจะเป็นบ้าตายด้วยความอิจฉาน้อง ค่อยๆถอยหลังกลับไปในห้อง 
    มองอาร์มที่นอนล้วงมือเกาไข่ดูดน้ำลายแจ๊บๆ เด็กเปรตนี่นอนดิ้นอย่างวายร้าย 
    แล้วก็เลยหยิบผ้าไปผลัดอาบน้ำ






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×