ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Androgyny - หัวใจไร้สถานะ [ Yaoi ] -END-

    ลำดับตอนที่ #6 : 06 หมู่มิตร

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.14K
      108
      11 ม.ค. 62

    06


    เขาวางเท็กซ์บุ๊คในมือลง แล้วหลับตาพักสายตานิดหนึ่ง 
    ยกมือขึ้นคลึงขมับที่รู้สึกปวดหนึบๆ 
    ใกล้สอบกลางภาคแล้ว งานชุกเต็มไปหมดทั้งรายงานทั้งโปรเจ็ค ทั้งบทความ นี่ยังจะสอบอีก 
    เท่านี้ก็ไม่มีเวลาให้อย่างอื่นแล้ว รวมถึงเรื่องของหัวใจด้วย 
    ภาพของน้องคนนั้นลอยขึ้นมาให้เห็นลางๆในความมืดของเปลือกตา 
    เด็กเด๋อผมพวงมาลัยกับแว่นเนิร์ดคนนั้น ในชุดเครื่องแบบโคร่งเคร่งใหญ่กว่าตัวทั้งเสื้อทั้งกระโปรง 
    แต่ความที่คนคนนี้เป็นคนที่เขาสนใจ 
    ทุกรายละเอียดจึงแม่นอยู่ในทุกสายตาที่มอง 
    มือนั้นเล็กนิดเดียว ผิวเนียนนั้นออกสีเหลืองเรื่อมากกว่าขาว 
    ขานั้นเรียวกว่าที่คิดเมื่อเจ้าตัวเผลอรวบกระโปรงสูงกว่าเข่าก็โชว์เรียวขาเนียนๆโดยไม่รู้ตัว 

    ว่าจะไม่มองก็เผลอแอบมองจนได้ 
    เขาเป็นผู้ชายนี่นะ แถมยังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์อีกต่างหาก 
    ดวงตาหลังแว่นเนิร์ดนั้นสุกใสเป็นเงาล้อมด้วยขนตาหนา 
    ปากทรงกระจับที่ใครๆพากันไปศัลยกรรมตามๆกัน 
    แต่นี่เป็นทรงธรรมชาติของตัวเองโดยไม่ได้แต่งอย่างใครๆ 
    ใต้เสื้อผ้าโคร่งนั้นเจ้าตัวตัวเล็กเอวบางนิดเดียว น่ากอดให้เอวขาดนัก

    อือม์ ตาสว่างขึ้นมาทันทีเมื่อนึกเรื่องผู้หญิงขึ้นมา

    แต่ช่วงหลังจากเจอกันที่ร้านอาหารวันนั้น เจ้าของชุดโคร่งก็ดูจะหายไปจากสายตาเขา 
    เหยียบเท้าเข้าไปในโรงอาหารทีไร สบตาแต่ไอ้เจ้าคู่รักกำมะลอคนนั้น 
    มองเขาหยั่งกับจะแทงให้ตาย หวงเพื่อนดีนักนะเรา 
    ส่วนคนที่เขาอยากเห็นแวบไปทันทีเหมือนนกรู้ เหมือนหลบหน้า 
    นึกถึงแววตาเขินนิดๆทุกครั้งที่เขาแวะคุยในช่วงซ้อมร้องเพลงกว่าเดือนนั้น 
    ตานั้นเงาวับหน้ายิ้มบ้าง เฉยบ้าง บึ้งบ้าง 
    ไม่ได้แย้มยิ้มตลอดเหมือนเวลาอยู่กับหมาแมวหรือเพื่อนกลุ่มสนิท 
    หน้านั้นแสดงอารมณ์ได้หลากหลายน่ารักเป็นที่สุด

    อา..คิดถึงจัง
    อยากบอกว่าพี่คิดถึง

    เดียร์คงโกรธไม่น้อย และคิดว่าเขาหลอกลวงตัวเองเมื่อเจอเอริกาเข้าไป 
    จริงๆเขาไม่ได้หลอกลวงใครเลย 
    เอริกาเป็นแค่น้องคนหนึ่งซึ่งที่บ้านหมายเอาไว้ว่ามีโอกาสเกี่ยวดองกันก็ทำไปเถอะ เพื่อการเชื่อมต่อของตระกูล 
    อย่าคิดว่าแนวคิดแบบนี้โบราณมันยังอยู่ในปัจจุบันตราบใดที่มีคำว่าผลประโยชน์ 
    การเชื่อมโยงครอบครัวผ่านความสัมพันธ์หนุ่มสาวแบบนี้ไม่เคยเชย 
    เพียงแต่มันมาอย่างแนบเนียนด้วยการให้รู้จักกันไว้แต่เด็ก 
    สำหรับเขาเอริกาเป็นแค่น้องลูกเพื่อนพ่อ พอๆกับไทเกอร์น้องลูกชายอา 
    ถ้าไทเกอร์หรือเขาสานสัมพันธ์กับเอริกาดีๆนั่นหมายความว่า 
    ดีไม่ดีอาจจะต้องไปเรียนโทเมืองนอกพร้อมกันก็ได้

    เดียร์เด็กใจดีคนนั้น ใจดีกับสรรพสัตว์ตกยาก รวมถึงเพื่อนชายมีปัญหาทางจิตอย่างไอ้ฟาน 
    ก็เพราะความใส่ใจต่อเดียร์นี่แหละทำให้เขาเป็นคนเดียวที่เฝ้าจ้องมองทุกเม็ด 
    จนดูออกว่าเดียร์ไม่ได้เป็นแฟนฟาน เลจึงไม่เคยแยแสข่าวที่ว่าเขาแอบชอบแฟนคนอื่น 
    มันเป็นแฟนกันที่ไหนเล่า เดียร์ปฏิบัติต่อฟานไม่ต่างกับหมาแมวตกยาก 
    ส่วนฟานก็ทำตัวเหมือนลูกหมาติดเจ้าของพันแข้งพันขาเจ้านายอยู่ตลอดเวลา 
    หวงเดียร์กับเขาเหมือนบางแก้วหวงเจ้านาย ไล่กัดคนที่เข้าใกล้เจ้าของมันเสมอ

    หยิบโทรศัพท์มือถือมาจ้อง มีหมดแหละ ทั้งเฟซ ไลน์ เบอร์โทร 
    แต่ไม่เคยกล้าติดต่อไปเลยสักครั้ง กลัวตัวเองจะทำมากไปมากกว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้  
    เท่าที่เป็นอยู่นี้ก็เสียหายเสียคนไปเยอะแล้ว 
    ตัวเองไม่กลัวหรอก แต่ถ้าน้องต้องมาโดนข่าวบ้าๆบอบอแบบนี้ 
    ในยุคนี้ที่คนเรายุ่งเรื่องคนอื่นมากกว่าเรื่องตัวเอง น้องอาจจะเสียหายได้ 
    ทั้งเขาทั้งน้องเองยังอายุไม่มาก ยังมีเวลาพัฒนาความสัมพันธ์ให้มั่นคงกว่านี้ 
    เวลาเพียงแค่เดือนกว่าไม่ควรเอามาตัดสินอนาคตที่จะอยู่ด้วยกันทั้งชีวิตไม่ใช่หรือ

     
    ก่อนสัปดาห์สอบกลางภาคหนึ่งสัปดาห์ก็เป็นวันปิดกีฬาเฟรชชี่ภายในมหาวิทยาลัยพอดี 
    เดอะแก็งค์ชวนกันไปให้กำลังใจไตตั้นซึ่งลงเป็นนักบอลตัวแทนคณะฯ 
    และปีนี้ได้เป็นคู่ชิงกับคณะวิศวะอย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน หักปากกาเซียนราบคาบ

    “บอลผีผลัก”
    “เวจทะเบิ้ลโกสต์” 
    ไตตั้นนำแล้วมากิเสริมเอาฮา ฟานนั่งสกินชิพเดียร์อยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ 
    ตั้งแต่จับมือโอบไหล่ถึงหอมหัว จนอีกฝ่ายเบิ๊ดเข้าให้หลายหนถึงหยุดมือ 
    หลังจากเปิดใจกันในวันนั้น สถานการณ์ในกลุ่มก็ดีวันดีคืน 
    ฟานพูดคุยกับเดอะแกงค์อย่างเป็นกันเองเกือบเท่ากับเดียร์ 
    ขณะที่ทุกคนเข้าใจความขาดของฟานกับสัมพันธภาพเยี่ยงเพื่อนที่ฟานทุ่มเทให้กับเดียร์มากว่าคนอื่นๆ 
    ข้าวของเงินทองยังคงประเคนให้เดียร์อย่างสม่ำเสมอ และเผื่อแผ่มาจนถึงเดอะแก็งค์ 

    ฟานพูดไม่เยอะแต่มีเงินและใช้เงินของเขาเพื่อแสดงความรักต่อเพื่อน  
    เพื่อนของฟานต่างเข้าใจเมื่อเห็นท่าทางหยิ่งยะโส 
    เหมือนเจ้าหอยเม่นที่แทงหนามออกมาห่อหุ้มเนื้อในอ่อนบางของมันไว้ 
    พวกเขาไม่รู้ทั้งหมดว่าฟานเจออะไรมาบ้าง 
    แต่มันคงเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์เอาเลยและทำร้ายความรู้สึกของฟานไม่น้อย 
    จนเขาต้องพองหนามแหลมปกป้องตัวเองที่อ่อนแอขนาดนี้ 
    บาดแผลนั้นเยียวยาไม่ได้ในหนึ่งวัน มันต้องการเวลานานกว่านั้น 
    ทุกคนพยายามไปพร้อมกับฟานเพื่อเยียวยาหัวใจบางของเขา


    ฟานไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน เพื่อนกลุ่มนี้เป็นเหมือนโอเอซิสของเขา 
    เหมือนดอกไม้ทะเลทรายบอบบางได้น้ำชุ่มชื่นใจ 
    ทุกวันฟานมาคณะอย่างมีความสุขที่สุด อยากจะบอกโลกว่าเขามีความสุขมากๆ 
    ที่ผ่านมาเขาก็มีความสุข แต่ไม่เคยรู้ว่าการมีเพื่อนมันมีความสุขขนาดนี้ 
    มีคนคอยยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ และปกป้องเขา เดินไปด้วยกัน สบตากัน 
    อยากขอบคุณน้องขาว เอม และสัญชาตญานของเขาที่ทำให้เขาเจอกับเดียร์ สุดที่รักหนึ่งเดียวคนนี้ 
    เดียร์ที่มอบความรัก และนำพาเขาไปพบกับเดอะแก็งค์อย่างทุกวันนี้

    อย่างไรก็ตามกรอบของฟานก็ยังขีดไว้แค่เดอะแก็งค์ 
    มันยังไม่รวมไปถึงโลกภายนอกอื่นๆ คนอื่นๆในสังคม 
    ฟานยังคงเป็นซุปเปอร์โมเดลเริดเชิดหยิ่งคนเดิม 
    ฟานยังเป็นคนดังแต่ความที่ฟานไม่เคยยอมให้ตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะ 
    ภาพของฟานจึงไม่เคยอยู่บนหน้าเพจหน้าเว็บได้เกินวัน 
    โนติสจากทนายประจำครอบครัวฟานซึ่งแสนจะตามใจลูกชายคนสวยเสมอ
    จะส่งตรงไปที่ทำการเพจนั้นๆทันที แม้แต่หน้าเพจของคณะหรือมหาวิทยาลัยก็ไม่เว้น

    ฟานทำสีผมใหม่เป็นสีควันบุหรี่ นั่นส่งเสริมความงามของฟานขึ้นไปอีก 
    ฟานดูเปล่งประกายสุกสว่างไปจนแสบตาคนดู
    พร้อมกับหน้าขาวปากแดงและผมสีอ่อนของเขา 
    ฟานรู้ตัวว่าหน้าตาดีและไม่เคยคิดจะปิดบัง

    “หล่อก็ยอมรับสิว่าหล่อ จะต้องปิดบังไปทำไม” 
    เขามองตาเดียร์ 
    “ผมไม่มีอะไรปิดบัง”
    เดียร์เมินหน้า รู้แก่ใจว่าโดนว่ากระทบ
    “มันเป็นความไม่เคารพตัวเองอย่างที่สุด”
    ฟานประกาศ

    “ทำไมคนเราถึงไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอย่างที่เป็น การตกแต่งมันจะผิดเพี้ยนไม่ว่าด้านบวกหรือด้านลบ ไม่ว่าให้สวยเกินจริง หรือน่าเกลียดเกินจริง ก็เป็นความไม่จริงทั้งนั้น หลอกลวงทั้งนั้น หลอกใครไม่ว่าหลอกตัวเองนี่แหละแย่ที่สุด”
    “มันอาจจะกลับกันก็ได้นะ มันเป็นวิธีการเคารพภายในอย่างที่สุดต่างหาก ไม่ว่าภายนอกจะเป็นยังไง ลวงตายังไงที่สำคัญที่สุดก็คือภายในไม่ใช่หรือ ความเป็นมนุษย์ไม่ได้อยู่ที่ผัสสะลวงตาแต่อยู่ที่การกระทำของเขาต่างหาก”
    เดียร์เถียง
    ฟานโต้กลับ
    “คนทุกคนไม่ได้ตาบอดทุกคน ผัสสะอาจจะลวง แต่มันก็เป็นจริงในส่วนของมัน การปฏิเสธภาชนะว่าไม่มีจริง ก็เท่ากับว่ามันบรรจุของใช้ไว้ไม่ได้เช่นกัน  จานข้าวก็เป็นจริงทั้งจานและข้าวไปพร้อมกันนะ ไม่ใช่แต่ข้าวที่เป็นจริง”

     “พอเถิ๊ดดดด”
    เดอะแกงค์เรียกร้อง
    “พ่อคุณแม่คุณนักปรัชญา ข้าน้อยหิวข้าวกันแล้ว ไปหาอะไรกระแทกปากกันเถอะ หยุดเรื่องความจริงความงามอะไรพวกนี้ได้แล้ว หิวแล้ว”

    ยกเว้นเรื่องนี้แล้ว ฟานไม่เคยขัดใจขัดคออะไรเดียร์เลยสักอย่าง 
    ทุกอย่างของเดียร์ดีไปหมดสำหรับฟาน 
    แต่เขาขัดใจที่สุดเรื่องที่เดียร์พยายามแสดงตัวเป็นคนขี้เหร่เหมือนนางเอกละครปลอมตัว 
    ทั้งที่ตัวเองสวยเจิดออกอย่างนั้น

    “ตลกน่ะ เหมือนนางเอกต้องปลอมตัว เหมือนพระสังข์กับรจนาอะไรแบบนั้น”
    “ช่างเดียร์เหอะฟาน เดียร์ไม่ได้เสแสร้งขนาดนั้น เดียร์เป็นแบบนี้ตั้งแต่มอปลายแล้ว” 
    ทุกคนจึงจำภาพและเข้าใจว่านี่เป็นเดียร์มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว 
    หล่อนเองก็สาสมใจกับการแปลงกายนี้มาตลอด

    “มันมีประโยชน์มากนะ เดียร์เข้าไปหาใครก็ได้ ไม่เคยมีใครมองในแง่ลบ คนขี้เหร่อยู่กับใครก็ไม่เสียหาย ใครก็กล้าคุยด้วย อย่างฟานน่ะ ถ้ามีใครสักคนเข้ามาคุยแม้แต่ฟานเองก็คิดใช่ไหมล่ะว่าเขาเข้ามาแล้วต้องคิดกับฟาน หรือฟานเดินเข้าไปหาใคร ก็ต้องมีคนจับจ้องมองว่าฟานอยากได้อะไร ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องชู้สาวไปหมด นั่นไม่น่าเบื่อไม่น่ารำคาญเหรอ”
    นั่นก็จริง หน้าตาดีมันควบคู่ไปกับคำครหาเสมอ ฟานรู้ดีกว่าใคร

    “เราสองคนนี่มันตรงข้ามกันจริงๆเลยนะ ผมนี่อินโทรเวิร์ทผู้เปิดเผยความงาม แต่เดียร์คือเอ็กซโทรเวิร์ทผู้ปกปิดความงาม ต่างก็มีปัญหากันไปคนละแบบ” 
    เดียร์อมยิ้ม กับบทสรุปของฟาน
    “โอ๊ะ หลบไม่ทันแล้วล่ะ มีบางคนเดินมาพร้อมประกายในดวงตา”
    ฟานแซว เมือเห็นหนุ่มขาวยาวเพรียวนายหนึ่งเดินมาด้านหลังเดียร์ในระยะประชิด

    “สวัสดีครับฟาน สวัสดีครับเดียร์”
    อารมณ์หวงเพื่อนเริ่มพลุ่งพล่าน 
    ฟานโอบไหล่เดียร์ขณะที่อีกฝ่ายสะดุ้งตีมือเผียะ จึงชักมือกลับทำหน้าแหยๆ
    “ครับ” 
    เปิดโหมดกลัวดอกพิกุลร่วง จะว่าไม่ทักแต่น้ำใจเลวันมีเรื่องก็ยังติดค้างอยู่
    “เดียร์ไม่สนใจทักพี่มั่งเลยนะครับ”
    เดียร์เงยหน้าขึ้นสบตาแล้วก็เมิน
    “- ดีค่ะ” 
    อีกฝ่ายถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะ ขณะที่เดียร์นั่งคอแข็งเชิดคางเกือบเหมือนฟาน
    “ติวสอบกลางภาคกันอยู่เหรอครับ” 
    เงียบ แต่เลไม่ละความพยายาม

    “แล้วนี่จะไปเชียร์บอลวันนี้กันไหมครับ ไตตั้นลงด้วยนี่ใช่ไหม”
    พูดถึงไตตั้นทำไม พูดเรื่องคนขี้หลอกลวงดีกว่าไหม
    “ถ้าไปแล้วเจอกัน พี่นั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
    ที่สาธารณะอยากนั่งก็นั่งสิ นั่งกับอักษรโน่นสิไม่ดีกว่าเหรอ
    “ว้า ไม่มีคนคุยด้วยเลย งั้นพี่ล่วงหน้าไปก่อนดีกว่านะครับ”
    ง่ะ ไม่พูดต่ออีกสักหน่อยเหรอ จะไปจริงๆง่ะ

    “ก็..” 
    ดียร์อดไม่ได้ 
    “ เดี๋ยวก็ว่าจะไปเหมือนกันค่ะ”
    อ๊า อยากตีปากตัวเอง ไปพูดกับเขาทำไมเนี่ย หยุดเดี๋ยวนี้นะอุณาโลม
    “เดี๋ยวพี่ซื้อน้ำซื้อหนมไปนั่งรอ แล้วเจอกันนะครับ”
     เลขยับลุกเดินไปชวนเพื่อนที่นั่งโต๊ะใกล้ๆกัน 
    ฟานหันไปมองจ้องเดียร์เขม็ง
    “ผมรู้สึกได้ว่า เขารู้ว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกัน”
    “ก็เราก็ไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆสักหน่อย”
    “ผมรู้ แต่โลกและทุกคนรู้แบบนั้น แล้วเขารู้ได้ไงว่าเราไม่ใช่ คนอะไรจะกล้ามาเต๊าะแฟนคนอื่นต่อหน้าแฟนเขาแบบนี้”
    สีหน้าฟานบอกว่าไม่พอใจ ฟานเป็นเจ้าของเดียร์นะ 
    ใครในโลกก็ไม่ควรมาแย่งเวลาของเดียร์ไปจากเขาสิ







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×