ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Androgyny - หัวใจไร้สถานะ [ Yaoi ] -END-

    ลำดับตอนที่ #2 : 02 โดนดักตบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.77K
      132
      11 ม.ค. 62

    02


    สัปดาห์แรกเป็นสัปดาห์แห่งการทำความคุ้นเคย 
    เราแต่ละคนเป็นเด็กกรุงเทพฯจึงไม่มีใครอยู่หอในสักคน 
    นับจากวันแรกที่พบกัน ฟานได้กลายสาระร่างเป็นติ่งของเดียร์ไปเรียบร้อย 
    เขายัดเยียดตัวเองเข้ามาในวงจรชีวิตเดียร์ 
    เริ่มจากจะขับรถมารับเดียร์ตอนเช้าไม่ว่าจะปฎิเสธเท่าไหร่ 
    แล้วมามหาวิทยาลัยด้วยกัน เช้ากินข้าวด้วยกันทุกเช้า 
    เย็นก็รอกลับด้วยกันเสมอแม้เดียร์จะชักช้าหรือเถลไถลก่อนกลับบ้านฟานก็จะตามติดเป็นเงาตามตัว 
    เรื่องชักไปกันใหญ่เมื่อฟานขอลงทะเบียนออนไลน์พร้อมกันกับเดียร์ 
    แล้วผลออกมาเป็นว่าฟานลงทะเบียนเรียนแทบจะทุกวิชาเดียวกันและแทบทุกเซ็คเดียวกันกับเดียร์ 
    ขนาดเดอะแก็งค์จากโรงเรียนเดิมยังไม่เจอกันขนาดนี้เลย

    “อะไรเนี่ย” 
    เดียร์ถามตอนถุงกระดาษวางลงบนตักเมื่อเดียร์ก้าวเข้านั่งข้างคนขับเช้าวันจันทร์สัปดาห์ถัดมา 
    ข้าวของขนมนมเนยมีมาให้เดียร์ทุกวัน
    “ขนม ผมเอามาฝาก เดียร์กินนะ”
    เป็นคัพเค้กจากโรงแรมหรู

    “ไม่ต้องแล้วนะคราวหลัง เอามาฝากทุกวันเลยเนี่ย เกรงใจจะแย่แล้ว” 
    เดียร์บ่น
    แน่นอนว่าบ้านเดียร์ไม่ร่ำรวยเท่าฟาน แต่ที่บ้านเดียร์ไม่เคยสอนให้อยากได้ของใคร 
    แต่ฟานไม่เคยรับคำปฎิเสธเดียร์เลยต้องแบ่งส่วนบุญกุศลให้คนอื่นร่วมรับไปด้วย

    ที่จอดรถในมหาวิทยาลัยแทบไม่มีให้นิสิตจอด 
    พวกเราต้องจอดรถบริเวณสนามกีฬาหรือไม่ก้อที่จอดรถเสียเงินของสมาคมศิษย์เก่า
    ก่อนเดินลัดเลาะตึกต่างๆมาที่อาคารเรียน 
    วันนี้พวกเราจอดที่สมาคม ฟานจอดในช่องว่างระหว่างรถยุโรปคันใหญ่สีดำเงาปลาบคันเดิม ตำแหน่งเดิม 
    เดินกางร่มมารับเดียร์ฝ่าฝนปรอยๆไปด้วยกัน เมื่อถึงโรงอาหาร เก๋มากิก็นั่งรออยู่แล้ว 
    ฟานทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเดียร์ มันเป็นอย่างนี้เสมอ 
    ที่นั่งของฟานมีแค่สองที่ คือตรงข้ามเดียร์หรือข้างๆเดียร์ 
    ฟานแทบจะไม่พูดจาอะไรกับใครอื่นทั้งสิ้น นั่งฟังเดียร์คุยกับคนอื่น 
    อมยิ้มบ้างถ้าถูกใจคำพูดของเดียร์หรือ คนอื่นพูดถึงเดียร์ 
    ขนาดในกลุ่มยังแทบไม่พูด นอกกลุ่มไม่ต้องพูดถึง
    เดียร์ไม่เคยเห็นฟานคุยกับใคร นอกจากตอบรับเล็กๆน้อยๆ

    “เดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้” 
    ฟานพูดหน้านิ่งๆ เมื่อเดอะแก็งค์เริ่มเปิดถุงขนม 
    เก๋ขยับร่างท้วมกะทัดรัดเข้ามาทันที ที่ฟานหันหลัง 
    ขณะเดียวกันกับมากิขยับขายาวๆมาเบียดข้างเดียร์

    “ยังไงเดียร์ ยังไงว่ามาซิ” 
    เก๋เบิกตาโตจ้องตาเดียร์ มากิหนุ่มแว่นขยับกรอบแว่นเงี่ยหูรอฟังอย่างสนใจ

    “อะไรยังไง” 
    เดียร์ก้มลงอุ้มถมทองแมวส้มประจำคณะมานั่งตัก เกาคางมันไปมา
    “หยั่มมาแอ๊บสวย เรื่องของฟานไง ยังไงกับแกเหรอ”
    “ไม่ยังไงนี่ เพื่อน เพื่อนกัน”
    “เพื่อนอะไรติดกันขนาดนี้ ทุ่มขนาดนี้ นี่ชั้นได้ส่วนบุญของหรูๆทุกวันเลยนะ”
    “จริงๆ มันไม่มีอะไรจริงๆ”

    เดียร์พูดอย่างจริงใจ ไม่ได้แกล้งแอ๊บสวย แอ๊บเล่นตัวว่า ปล่าวนะคะผู้มิได้มาจีบค่ะ 
    สองสามวันแรกเดียร์แอบสงสัยเสน่ห์ตัวเองเหมือนกันว่าดึงดูดคนหน้าตาดีมาชอบพอได้จริงๆเหรอ 
    แต่ฟานไม่เคยเกินเลย ยังสุภาพ ไม่มีคำพูดจาส่อในเชิงล้ำลึกอย่างอื่น 
    นอกจากมิตรภาพผ่านข้าวของและบริการ 
    ฟานเดินหิ้วถุงแก้วเครื่องดื่มสำหรับสี่คนกลับมา 
    เรืองรองเจิดจ้าเป็นซุปเปอร์โมเดลอยู่กลางโรงอาหารเช่นเดิม 
    สาวนางหนึ่งดูทรงไม่ใช่คนแถวนี้ โฉบเข้าไปขวางทางพร้อมถุงขนม

    “ฟานคะ เกดซื้อขนมมาฝาก” 
    ฟรานหน้านิ่ง ผงกศีรษะรับเนิบๆ แล้วรับหิ้วถุงเพสตรี้นั้นกลับมาวางที่โต๊ะ 
    ผ่านมายังไม่ถึงสองก้าว อีกหนึ่งหนุ่มโฉบเข้ามาล้วงกระเป๋าขวางทาง ดูเก๋ไก๋มาก 
    ฟานเหลือบสบตามองในระยะประชิด แต่สองฝ่ายไม่ได้มีใครหลบใคร

    “ฟานครับ พี่มีของมาฝาก” 
    เขายัดเยียดถุงกระดาษขนาดย่อมใส่มือฟาน
    “จำไว้นะครับ พี่บีวิศวะเป็นคนให้”
    ฟรานยังหน้านิ่ง แต่คราวนี้ดูร่างเครียดเขม็งตึงกว่าเมื่อครู่เป็นอย่างมาก

    “กินกัน มีคนเอามาฝาก” 
    อยู่กับคนหน้าตาดีนี่มันดีจริงๆ ลาภปากทุกวัน วันละเยอะๆด้วย

    “ในถุงหลังอะไรน่ะฟาน” 
    มากิเผือก ฟานวางถุงนั้นไว้ต่อหน้ามากิ
    “ไม่รู้ อ่ะให้”
    “เอ๊ย อะไร คนอื่นเขาให้ฟานนะ เที่ยวไปยกให้ใครได้ไง”
    ฟานไม่พูด ตามองเจ้าถมทองบนตักเดียร์แล้วก็ยิ้มนิดๆ 
    พลิกข้อมือใส่นาฬิกาดูเวลาแทนที่จะดูมือถือเหมือนคนอื่นๆ
    “รีบกินเหอะ ใกล้เวลาแล้ว” 
    ถุงใบหลังยังวางอยู่ตำแหน่งเดิม จนมากิรู้สึกสงสารเจ้าของถุงเลยหิ้วไปให้ด้วย

    วันนี้เริ่มสัปดาห์แรกแห่งการเรียน 
    ในปีแรกยังเป็นปีแห่งการเรียนวิชาศึกษาทั่วไป จึงต้องเดินไปที่อาคารเรียนรวม 
    เนื่องจากเป็นวิชาเรียนรวม จึงมีคนจากคณะอื่นๆอยู่ในห้องนั้น 
    เดียร์กับเดอะแกงค์และฟาน นั่งอยู่กลางห้องใหญ่ 
    ซึ่งไม่ว่าจะนั่งตรงไหน หรือเข้าช้าเข้าเร็ว ฟานจะเป็นผู้ดึงดูดสายตาจากทุกสารทิศเสมอ 
    ผิวสว่างกับผมสีอ่อน ตาสีอ่อน ปากแดงเจ่อนิดๆ 
    จะว่าหล่อมากก็ใช่ จะว่าสวยมากก็ได้ขายาวไขว่ห้างดูเก๋ เสื้อนิสิตนั้นดูเข้ารูปคัทติ้งเนี้ยบ 
    ฟานเหมือนมีสปอทไลท์ส่องอยู่ตลอดเวลา เจ้าตัวนั่งนิ่ง หน้าเฉยไร้อารมณ์เช่นเคย

    คลาสแรกยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากชี้แจงรายละเอียดการเรียนอาจารย์จึงปล่อยเร็ว
    ส่วนช่วงบ่ายเป็นวิชาที่มีแค่ฟาน กับเดียร์ และไตตั้นที่เจอห้องเรียนใกล้กัน 
    ซึ่งคนหลังเดินเข้ามาหลังคลาสเช้าเลิก
    “ไปเดินดูชมรมกันไหม” 
    ไตตั้นชวน ทั้งหมดเห็นด้วยจึงพากันเดินด้วยกันไปที่สนามกีฬากลาง ซึ่งจัดเป็นบูธของชมรมต่างๆไว้ 
    ก่อนจะเดินเข้าสนามกีฬา ฟานรั้งแขนเสื้อเดียร์ไว้ให้หยุด อีกฝ่ายจึงหันไปมองหน้า

    “เดียร์ดูเน็คไทให้หน่อยครับ เบี้ยวไหม”

    เดียร์มองไปทีjเนคไท ไม่ทันคิดก็ขยับเข้าไปใกล้ 
    เอื้อมมือไปจัดแต่งให้เรียบร้อย ขณะที่ฟานก้มลงมองและยิ้มนิดๆ 
    อากัปกิริยาทั้งสองที่ขวางทาง กลางทางเดิน จนทุกสายตามองกันเป็นตาเดียว 
    เดียร์จัดเสร็จก็รู้สึกอึ้งๆ อายขึ้นมานิดนึง หันเดินไปนำหน้าฟานอย่างว่อง 
    อดรู้สึกขึ้นมานิดๆว่าเหมือนโดนฟานจัดฉากอวดความสัมพันธ์อย่างไรพิกล

    “เก๋เล็งชมรมไหน” เดียร์ถาม
    “กำลังคิดอยู่ ว่า จริงๆแล้วเราควรเอาสกิลที่มีไปพัฒนาชมรม หรือให้ชมรมมาสร้างสกิลใหม่ให้เราดีกว่ากัน” 
    เก๋ว่า ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่เข้าทีดี
    “ผมอยู่ชมรมเดียวกับเดียร์นะ” 
    ฟานโพล่ง มาอีกแล้วอวัยวะของฉัน ทุกคนคิดตรงกันหมด จะติ่งอะไรนักหนาวะ

    “เดียร์” 
    มือใครคนหนึ่งคว้าเข้าที่ข้อมือเดียร์ 
    เดียร์หันไปมองก็เจอกับร่างสูงเพรียวในชุดนิสิตชาย ยิ้มกระจ่างมาให้ 
    ฉับพลันทันทีมือขาวเรียวของคนที่เดินอยู่ข้างๆก็ทับลงไปแล้วงัดปลิดมือนั้นออกจากข้อมือเดียร์ 
    แทรกตัวมายืนบังเดียร์ไว้ข้างหลังทันที

    “สุภาพหน่อยครับพี่” 

    เสียงหล่อพูดเบาๆ ขณะที่อีกฝ่ายอึ้งหุบยิ้ม หน้าเครียดแล้วยกมือกอดอก 
    หน้าขาวตาคมดุ ดูดุขึ้นอีกเป็นทวีคูณ กระแสไฟฟ้าเปรี๊ยะปร๊ะ เต็มไปหมดทั้งบริเวณ

    “นี่น้องกู มึงเป็นใคร เกี่ยวอะไร”

    ฟานจ้องกลับเขม็งไม่ลดละ 
    ด้วยความสูงระดับไล่เลี่ยกันทำให้จ้องเกือบตรงกันพอดี

    “เพื่อนผมเป็นผู้หญิง โตกันแล้วมาจับมือถือแขนไม่เหมาะมั้ง”

    “เสือก”

    เดียร์รีบเดินไปขวางกลางระหว่างสองชาย ขณะที่คนรอบข้างเริ่มหยุดเดินแล้วกลายร่างเป็นไทยมุง  
    เก๋ มากิ ไตตั้นหน้าตื่นรีบเข้ามาแทรกช่วย
    “พี่เก้อ”
    “ พี่เก้อ หวัดดี”
    “พี่เก้อ ไม่ได้เจอกันนานหล่อขึ้นได้อีกนะพี่”เก๋ทักเสียงแจ๋ว
    “นี่คนกันเองพี่ นี่ฟาน นี่พี่ไทเกอร์ พี่วิศวะ พี่โรงเรียนเราเอง”

    ฟานยืนนิ่งจ้องกลับด้วยหน้าไร้อารมณ์ 
    ขณะที่ไทเกอร์กอดอกจ้องเขม็งไม่ตอบกลับ 
    เก๋ป้องปากใส่หูเดียร์
    “แกร วันนี้แกรซ้วยสวย มีผู้แย่งอ่ะแกร”
    “บ้าแล้ว” 
    เดียร์หน้าถอดสี กระทุ้งศอกใส่เก๋

    “พี่เก้อ ไม่มีอะไรพี่ เพื่อนเดียร์เข้าใจผิดนิดหน่อยมั้ง ใช่มั้ยฟาน”
    “พี่เก้อมาทำอะไร โปรโมทชมรมเทควันโดเหรอพี่”
    “ชวนตั้นมั่งดิ”
    “ได้น้องเข้าชมรมกี่คนแล้วล่ะ”

    เหล่ามวลสมาชิกระดมพูด คลายบรรยากาศมาคุ 
    ไทเกอร์มองน้องๆ เหลือบตามองไอ้หน้าสวยที่เชิดหน้ามองนิ่งกลับมา 
    แล้วก็คลายความฉุนเฉียวลง เปิดปากพูด
    “ยังไม่ได้เลย เพิ่งเปิดบูธได้เมื่อกี้เอง สมาชิกชมรมคนอื่นยังไม่มาเลย แล้วนี่พวกเราอยู่คณะไหนกัน”
    “อยู่เศดสาดนี่เองพี่” 
    มากิว่า 
    “มีมากันห้าคน ผม ตั้น เก๋ หญิงเมย์ เดียร์”

    แม้จะรู้ว่าเป็นการตอบถึงสมาชิกจากโรงเรียนเก่า 
    แต่คนที่เหลืออยู่หนึ่งคน รู้สึกระคายใจเล็กๆจากคำตอบนั้นเหมือนว่าเป็นส่วนเกินขึ้นมานิดๆ 
    ร้อนหน้าขึ้นมาจึงก้มบอกเดียร์
    “ผมเดินไปรอที่สุดทางนะ” 
    สะบัดหางตามองคิ้วเข้มตาคมตรงข้ามแวบหนึ่ง แล้วเชิดหน้าเดินนำออกไป

    “เพื่อนเดียร์คนนั้นมันเป็นนะ”
    ไทเกอร์มองอีกฝ่ายจนลับตา
    “เป็นอะไร เป็นเกย์น่ะเหรอ”
    “เปล่า ไม่ได้ว่าอย่างนั้น เออไม่มีอะไรหรอก"

    ไม่ใช่ มันเป็นงาน หมายถึงว่ามันเป็นเรื่องป้องกันตัวต่างหาก มันงัดมือเขาถูกวิธีถูกหลักการด้วย 
    ยืนสนทนากับน้องๆสักครู่ เดอะแกงค์ก็โบกมือบ๊ายบาย 
    ไม่มีใครสนใจเข้าชมรมเทควันโดสักคน มองตามไปเห็นไอ้หน้าสวยยืนโพสต์ท่าเท่ รออยู่ไกลๆ
    มีสาวๆยืนล้อมเต็มไปหมด

    หญิงเมย์ตามมาทันพอดี จึงร่วมเดินกันต่อ 
    บรรดารุ่นพี่ต่างโฆษณาชมรมกันไม่ยั้ง โหวกเหวกโวยวายโห่ฮา จ้อกแจ้กจอแจไปทั้งพื้นที่สนามกีฬา 
    เบียดเสียดกันเดินอยู่อีกชั่วโมงก็เมื่อยขา ได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้ว 
    ทั้งหมดหารือกันตกลงได้ว่าจะออกไปกินส้มตำตรงตลาดใกล้ๆกับสนามกีฬา 
    ฟานผู้นิ่งเงียบไม่เสนอความเห็นเป็นปรกติอยู่แล้ว เดินตามมาเงียบๆ ก่อนจะรั้งเดียร์ให้หยุดเดิน 
    ผองเพื่อนปรายตามองแล้วก็เดินนำไปล่วงหน้าปล่อยทั้งสองคนไว้

    “โกรธผมไหม” 
    น้ำเสียงนุ่มนั้นเจืออ้อนวอนอย่างเห็นได้ชัด
    “ไม่ได้โกรธ แต่ถ้าไม่เกิดขึ้นอีกจะดีมากๆ” 
    ฟานกัดปากก้มมองพื้น ดูไม่มั่นใจขึ้นมาแวบหนึ่งซึ่งผิดปรกติกับอาการเชิดเริดหยิ่งประจำตัว

    “ผมหวง” 
    ว้าย กรี๊ด นี่สารภาพรักฉันหรืออย่างไร
    “หวงบ้าอะไร เราเป็นเพื่อนกัน เพิ่งเป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ” 
    ดวงตาสีอ่อนนั้นหม่นลงนิดๆ
    “ผมไม่ได้หวงแบบนั้น เดียร์เป็นเพื่อนผม ผมอยากให้เราเป็นเพื่อนกันตลอดไป”
    “ก็เป็นเพื่อนอยู่นี่ไง มา อย่าคิดมาก ไปกินข้าวกันเหอะ”

    ดวงตาสวยคู่นั้นมองสบลงมา อ่อนเชื่อม ให้ความรู้สึกเหมือนลูกหมาหลงทาง 
    ฟานกัดปากแล้วพยักหน้าเดินเร่งฝีเท้าไปทันกลุ่มพร้อมเดียร์ 
    เมื่อกินข้าวเสร็จหญิงเมย์เก๋และมากิก็โบกมือบ๊ายบายไปเรียนที่อื่น 
    ส่วนฟานเดียร์ไตตั้น เรียนตึกเดียวกัน

    เดียร์วางเป้จองที่นั่งไว้ข้างๆฟาน 
    เดินไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่กลางอาคารไกลจากห้องเรียนเล็กน้อย 
    ล้างมือยังไม่ทันเสร็จก็รู้สึกได้ถึงการถูกล้อมกรอบ 
    ประตูหน้าห้องน้ำที่ปรกติเปิดค้างอยู่ถูกงับปิดสนิท สาวๆสามสี่คนยืนขวางทาง 
    มีคนนอกคนหนึ่งที่เข้าห้องน้ำมาพร้อมกันกับเดียร์ตอนแรก ยืนตัวสั่นตกใจมองสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

    “เดียร์ใช่มั้ย” 
    คนยืนหน้า ผมยาวสยายถึงเอวไม่ได้ใส่กระโปรงพลีทแบบปีหนึ่ง 
    ใบหน้าสวยและจมูกสันโด่งเว่อจนดูไม่เข้ากันกับใบหน้าเอาเลย 
    รองเท้าส้นเข็ม เสื้อนิสิตและกระโปรงไซส์เอสเอส รัดรูปจนแทบปริกระดุมปลิ้น อกตู้ม เอวบาง ก้นมน 
    หล่อนคนนั้นเดินเข้ามาเชยคางเดียร์เหมือนนางร้ายในละคร

    “ใช่มีอะไร”
    เดียร์ยืนตัวตรง กอดอกหันไปมองจ้องตรงๆ

    “เป็นอะไรกับฟาน” 
    กรูว่าแล้ว อยู่ใกล้คนหล่อต้องเจอแบบนี้เข้าสักวัน
    “เป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับใคร”
    “อย่าเยอะให้มันมากคนเรา เจียมตัว เจียมหนังหน้าหน่อย”
    เดียร์ร้อนหน้าวาบๆ

    “เป็นอิเนิร์ดหน้าหมาจูนะมึงน่ะ เกาะฟานหวังดังอ่ะดิ บ้าคนหล่อเหมือนกันนะเรา”
    อะไรวะ นี่ก็อยู่ดีๆนะ ฟานด้วยซ้ำเป็นคนเข้ามาหามาขอเป็นเพื่อนด้วย เดียร์กัดฟันแน่นไม่ตอบโต้
    “นี่มาเตือนนะ ฟานควรจะได้รู้จักคนอื่นบ้าง อย่าสะเออะขวางทางคนอื่นให้มาก ด้วยความหวังดี”

    ขาดคำ เจ้าหล่อนคนนั้นก็เงื้อมือสุดฟาดลงที่ใบหน้า  
    เดียร์ยกมือปัด เอียงหลบ 
    ทำให้โดนปลายมือเฉี่ยวเข้าที่แก้ม คนร่วมเหตุการณ์ที่ยืนดูอยู่ถึงกับกรี๊ดแทน

    เจ้าหล่อนคนนั้นเสียหลักเซแถ่ดๆไปนิดหนึ่ง ก็หันขวับ
    สลัดผมยาวเฟื้อยเซ็กซี่นั้น หันมามองหน้าเดียร์อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ 
    หมู่มวลสมาชิกขยับเข้ามา

    “เอาเลยมั้ยกิ๊ฟ”

    ทันใดนั้นเสียงตบประตูก็ดังก้อง
    “ใครอยู่นั้นคะ แม่บ้านไม่ได้ล็อคไว้นี่นะ” 
    เสียงแม่บ้านดังลอดเข้ามา 

    แกงค์สาวมือตบมองหน้ากันแล้วก็พยักหน้าจัดแต่งเสื้อแล้วเดินแถวไปเปิดประตูออกไป 
    มีแม่บ้านเดินสวนเข้ามาอย่างงงๆ ปล่อยเดียร์ให้ยืนใจเต้นหอบเบาๆ 
    ไทยมุงหนึ่งเดียวเดินเข้ามาจับมือบีบเบาๆ
    “ไม่เป็นไรนะเธอ ยังไงถ้าเอาเรื่อง เราเป็นพยานให้ได้ มนมนุษย์ปีหนึ่งนะ มีไรตามเราได้”

    เดียร์เดินตามออกมา กลับไปเข้าห้องเรียนอย่างเพลียๆ 
    ฟานที่จ้องประตูรอขมวดคิ้วเมื่อเห็นสีหน้าเดียร์ ลุกพรวดเดินเข้ามาจับมือเดียร์อย่างเผลอตัว

    “มีอะไรเดียร์”





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×