ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Androgyny - หัวใจไร้สถานะ [ Yaoi ] -END-

    ลำดับตอนที่ #10 : 10 ผู้ชายพายเรือ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.19K
      96
      11 ม.ค. 62

    10


    “เก้อออ...”
    อาร์มเรียกเสียงอ้อนยาว คลานเข่าไปด้านหลังไทเกอร์
    แล้วโอบคอเอาคางเกยไหล่มองจอโน้ตบุคของอีกฝ่าย
    “ของเก้อเหลือเยอะป่าว ของอาร์มโคตรเยอะเลย” 
    ไทเกอร์มองจอมือขวาเลื่อนเม้าท์ มือซ้ายยกขึ้นขยี้หัวอาร์ม
    “ไม่เยอะ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวไปช่วย”
    “แต๊งค์ครับที่รัก” 
    ว่าแล้วก็กลับไปจิ้มคอมพ์ดังเดิม

    ฟานซึ่งนั่งหลังตรงพิมพ์งานอยู่บนเคานเตอร์แพนทรี่ปรายตามองมาจากด้านหลัง 
    แอบหมั่นไส้เล็กๆ เชอะ ชวนมาทำงานกลุ่ม 
    จริงๆอยากสวีทกันสองคนมากกว่าล่ะสิ 
    อะไรจะขนาดนั้น นอนด้วยกัน กอดกัน อ้อนกัน 
    แต่แล้วก็แอบถอนใจเล็กๆ 
    อาร์มก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ ตัวเล็กๆแบ๊วๆ บางๆ น่ารักน่ากอดน่าถนอมอะไรขนาดนั้น 
    หันมาดูไอ้เรานี่หยั่งกะชนเผ่ามาไซ แขนขาก็ยาวเฟื้อยสูงเป็นเปรต 
    จะผู้ชายก็ไม่ใช่ จะผู้หญิงก็ไม่เชิง 
    ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ไม่มั่นใจในความเลิศเลอเพอเฟ็คท์ของตัวเอง 

    มองไปที่เดียร์นั่นก็แรงใช่ย่อย นับแต่ที่เดียร์ได้รู้ใจว่าชอบพี่เลเข้าไปแล้ว ก็เดินหน้าชนเต็มที่ 
    พี่เลอยู่ไหนเดียร์ไปนั่งข้างทันทีไม่เกรงใจแฟนในสื่อแบบเขาเลย 
    สายตาที่มองพี่เลแวววับเป็นประกายแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตา 
    ส่วนพี่เลนั้นเล่าก็อมยิ้มตาประกายทุกครั้งที่คุยกับเดียร์ 
    ชัดกันขนาดนี้ทำไมถึงไม่ประกาศเป็นแฟนกันให้รู้แล้วรู้รอดไปนะ 
    เศษที่เหลืออยู่คนเดียวของห้องก็คือคุณชายฟานนี่แหละ 
    นั่งเชิดคอแข็งไร้คู่อยู่คนเดียว

    ไทเกอร์เหลียวหลังกลับมามอง เจอคนสวยนั่งหน้าหงิกหน้างอก็ลุกมาเอาใจนิดหน่อย 
    เปิดตู้เย็นหยิบน้ำแร่ที่คุณชายเลือกดื่มมาขวดนึง วางขวดเย็นจัดนั้นแนบแก้มฟาน 
    อีกฝ่ายสะดุ้งเอียงแก้มหลบ 
    เมื่อสบสายตาคำถามแล้วมีสายตาอีกคู่สบกันเป็นเชิงตอบว่า รับไม่รับ ฟานก็เอื้อมมือไปรับมา 
    ยกดื่มเข้าปากจากปวกขวดโดยตรงสองอึก 
    เมื่อวางขวดที่ดื่มไว้แล้วก็ต้องทำตาโต เมื่อไทเกอร์คว้าขวดนั้นไปดื่มต่อ 
    นี่มันจูบทางอ้อมในตำนานชัดๆ 
    คนสวยกัดปากแล้วทำเฉยนั่งพิมพ์งานเหมือนไม่สนใจทั้งที่อกใจเต้นระทึก 
    ไทเกอร์ยืนซ้อนหลังแล้วชะโงกข้ามบ่ามาดูจอโน้ตบุคเขาที่ตั้งใจพิมพ์งานอยู่

    กลิ่นน้ำหอม

    โอ๊ยย มือสั่น ใจสั่น พิมพ์จะไม่ถูกแล้ว จะมาดูทำไมกันเนี่ย

    ไทเกอร์ไม่ทำอะไรมากกว่านั้นแค่ได้ใกล้ชิดนิดหน่อยเขาก็พอใจที่สุดแล้ว 
    แฟนของฟานเองก็ยังอยู่ที่นี่แม้ว่าเจ้าเดียร์พักหลังๆความประพฤติไม่ดีจนออกนอกหน้า 
    แต่ฟานก็ยังมีเดียร์เป็นแฟน จะให้เขาแย่งของคนอื่นนั้นเห็นจะรับตัวเองไม่ไหว 
    สงสารแต่ฟาน ทุกครั้งที่เดียร์ไปหาเลเขาเห็นความเศร้าของฟานชัดเจน 
    อยากจะเข้าไปกุมมือปลอบให้ตาสวยนั้นหายเศร้า
    แต่ก็เกรงใจรู้ว่าฟานไม่ชอบสกินชิพกับผู้ชาย หลงแต่เดียร์จนโงหัวไม่ขึ้น 
    ความรู้สึกแบบนี้เขาเข้าใจในเมื่อเขาเองก็เหมือนกันกับฟาน 
    ได้แต่มอง ได้แต่รอคอยคนคนเดียว ให้หันไปหาใครมาทดแทนก็ดูจะหาคนแทนไม่ได้ 
    นับวันก็มีแต่มองคนๆนี้ ไม่สามารถมองคนอื่นอีกต่อไปแล้ว

    “ใครไปฟิตเนสมั่ง” 
    ไทเกอร์ชวน แต่มองเลเขม็งเป็นเชิงกดดัน เลโอเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แล้วก็บิดกายยืนอย่างขี้คร้าน 
    “ว่ายน้ำนะ” 
    สามคนที่เหลือไม่หือไม่อือ สองพี่น้องเลยเปลี่ยนชุดว่ายน้ำแล้วสวมเสื้อยืดทับ ลงลิฟต์ไปพิตเนสชั้น 7

    ชำระร่างกาย วอร์มนิดนึงก่อนลงไปแช่แล้วฟรีสไตล์ไปกลับสองรอบ
    ก่อนไทเกอร์จะเหนี่ยวร่างขึ้นไปนั่งขอบสระ เลลอยตัวเข้ามาใกล้ๆ มองหน้าเป็นเชิงถาม
    “มีอะไร ต้องมาพูดไกลๆ”
    “ตรงนั้นคนเยอะพูดยาก”
    เขาตอบก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ
    “ตกลงพี่เลกับเดียร์นี่ยังไง” 
    เลจุ่มกายลงในน้ำผมเปียกลู่แนบไปกับหนังศีรษะ 
    ใบหน้าขาวนั้นขับให้ขาวขึ้นเมื่อคิ้วดำและผมเข้มขึ้น เขาตอบช้าๆ

    “เก้อคิดว่าไงล่ะ”
    “คิดว่า พี่เลกำลังผิดศีลธรรม” เขาเน้นเสียงตอบ
    “แฟนเขานั่งอยู่ตรงนั้นซึ่งหน้าเลยนะ พี่กล้าเล่นกับผู้หญิงต่อหน้าแฟนเขาเลยได้ไง คิดให้มากหน่อยได้ไหมพี่เล คนอื่นเขาก็มีหัวจิตหัวใจนะ ผมเริ่มโกรธเดียร์กับพี่เลมากขึ้นทุกวันแล้ว ไม่อยากให้คนที่เรารักกลายเป็นคนเลวแบบนี้เลย”
    “ขนาดนั้นเลย”
    “เฮ้ย! พี่เลโอ มึงเห็นมันเป็นเรื่องตลกหรือไง มันไม่ตลกนะเว้ย การเหยียบย่ำความรู้สึกคนอื่นมันไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษควรทำนะ”
    “ กูพูดว่า มึงจริงจังกับฟานขนาดนั้นเลย” 

    ไทเกอร์คอแข็งมองดูเงาไฟเลื่อมพรายบนผิวน้ำ
    “กูไม่มีอะไรต้องอธิบายหรือแก้ตัว เพียงแต่คิดว่ามึงควรเปิดตาให้กว้างกว่านี้ เรื่องทั้งหมดนี่มันแค่พลิกมุมนิดเดียวแค่นั้นเองแหละเก้อเอ๊ย” 
    วักน้ำลูบหน้า
    “ส่วนความรู้สึกของมึงนั้น มึงควรซื่อสัตย์กับตัวเองให้มาก แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
    เลโอผละว่ายออกไปห่าง แล้วต่างคนก็ต่างว่าย ต่างขึ้นไปบนห้องคนละคราว


    สรุปกันว่า วัสดุก่อสร้างพื้นถิ่นนั้นจะเป็นผลผลิตจากไม้ตาล 
    ดังนั้นชุมชนที่จะต้องไปศึกษาและเป็นต้นแบบคือจังหวัดเพชรบุรี 
    ระหว่างนั้นไทเกอร์กับอาร์มก็ยกประเด็นขึ้นมาวิเคราะห์ว่า 
    มันควรนำเป็นวัสดุก่อสร้างเพื่อคอนสตรัคชั่น คือก่อสร้าง หรือเพื่อเดคอเรชันคือตกแต่ง 
    เลเลยให้พวกเศดสาดนำเสนอการตัดสินใจในเชิงคุณค่า 
    การเรียนโดยการทำโครงงานมันก็สนุกแบบนี้ตรงที่ได้ความคิดหลากหลาย 
    เลติดต่อประสานชุมชนไว้แล้วเพื่อจัดโฟกัสกรุ๊ป 
    งานนี้ก็ถือว่าเป็นงานใหญ่สำหรับเด็กนิสิตตัวเล็กๆ 
    เลจึงเสนอให้เดอะแกงค์ไปด้วยเพื่อช่วยงาน 

    ตลอดเวลาสิบกว่าวันของกลุ่มทำงาน 
    กิจวัตรประจำวันคือ ไปเรียนกลางวัน เย็นกลับมาทำงาน ถ้าดึกไม่มากก็กลับบ้าน 
    แต่ถ้าดึกมากหรือมีเรียนเข้าก็ค้างคอนโด ทำงานด้วยกัน 
    มวลหมู่สมาชิกต่างเรียนรู้กันและกันมากขึ้น 
    ข้อแรกคือทุกคนที่อยู่ตรงนี้เป็นคนทำงานและตั้งใจเรียนกันจริงจัง ต่างก็รู้สึกนับถือกันเองอยู่ในที 
    ข้อสองคือเป็นมนุษย์คอมโพรไมซ์หรือคนอะลุ้มอล่วย 
    ไม่หักหาญแต่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ต่างเป็นคนถึกคล้ายๆกัน 

    ที่ทำให้ฟานประหลาดใจที่สุดคือวันหนึ่งมีเสียงกริ่งที่ประตูห้อง 
    อาร์มหน้าแป้นวิ่งไปเปิดรับแล้วเดินนำเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กๆหน้าแบ๊วยิ่งกว่าอาร์มมาคนหนึ่ง 
    ยืนอยู่ข้างกันแล้วหยั่งกับตุ๊กตาทั้งคู่

    “แฟนผมครับพี่เล ทุกคนครับจุ้ยเมียกูเอง”

    ฟานตะลึงแทบเป็นลม 
    หันขวับไปจ้องหน้าไทเกอร์ที่มองตอบมางงๆว่าจ้องหน้าเขาทำไม 
    นี่ตลอดเวลาสิบกว่าวันนี้ เขานึกมาตลอดว่าอาร์มเป็นเด็กของไทเกอร์ไปแล้ว 
    มันทั้งออเซาะ ฉอเลาะ อ้อนไทเกอร์สารพัด 
    นอกจากนั้น บ่อยครั้งที่ตื่นมาเจอสองคนนอนกอดกัน เอ๊ะหรือว่า อาร์มมันโบทวะ

    “ตัวเอง มึงนี่ไทเกอร์ กูเผลอกอดนอนแทนกอดมึงบ่อยเลย” 
    โอเค เรื่องของคนติดเมีย

    อารมณ์ดีขึ้นกะทันหัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร 
    แต่ดูไปทุกอย่างน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด 
    อีพี่เลยังน่ารักเลย เห็นแอบเอานิ้วก้อยเกี่ยวก้อยของเดียร์เขาเห็นนะ 
    แต่ก็ยังรู้สึกว่าน่ารักอยู่ดี ไม่ยักน่าโมโหเหมือนทุกวัน


    ก่อนวันเดินทางเป็นวันเตรียมงาน 
    ฟานกับไทเกอร์นั่งข้างกันจุ๊กจิ๊กช่วยกันพรินท์โปสเตอร์แปะฟิวเจอร์บอร์ดเพื่อเตรียมพรีเซนท์
    ส่วนพาวเวอร์พอยนท์นั้นอาร์มปั่นเสร็จแล้ว 
    เลกับเดียร์เตรียมพรินท์แฮนด์เอาท์ไว้30ชุดสำหรับแจกคนเข้าฟัง 
    พอถึงเช้าวันเดินทางเลโอเปลี่ยนรถเป็นรถ แวน15ที่นั่งคันใหญ่ของที่บ้าน 
    กว้างขวางพอสำหรับ9 ชีวิตและสัมภาระ มีคนขับพร้อม 
    หญิงเมย์กับเก๋ตาเป็นประกาย บอกว่าใครได้เป็นแฟนพี่เลโคตรแห่งความโชคดี เ
    ดียร์นี่อยากจะชี้เข้าตัวเองจริงๆ แต่ผู้ชายยังไม่เอ่ยปากก็พูดไม่ได้ 
    แม้ว่าความสัมพันธ์จะคืบหน้าไปอย่างดีมากๆก็ตาม 
    ที่ประจำในการทำงานของเดียร์คือข้างพี่เลเสมอ เลเป็นคนเก่ง 
    การนั่งทำงานข้างเลจึงทำให้เดียร์ทำงานเก่งขึ้นเป็นงานมากขึ้น ไวขึ้น 
    ขณะที่เลเองก็ชื่นชมความฉลาดเฉลียว ความไว ความอึดถึกของเดียร์ 
    นั่งด้วยกันคุยโน่นนี่มากกว่าแค่งาน รู้จักนิสัย รู้เรื่องที่บ้านมากขึ้น ความรู้สึกที่มีให้กันก็มากขึ้นๆ

    “พี่เลมีฝึกงานหรือเปล่า”
    “ไม่มีในหลักสูตร แต่พี่คิดว่าจะไปสภาพัฒน์น่ะ”
    “โหพี่ หรูมากๆเลย”
    “ถ้าได้นะ ถ้าได้”
    ก็น่าจะได้แหละ นอกจากบ้านรวยนามสกุลดัง เลยังเรียนเริ่ดขนาดนี้ ไปไหนใครก็ต้อนรับทั้งนั้น

    การเดินทางเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ 
    อาร์มเข้ากับสี่คนที่เหลือได้ดี จึงเกิดการอำกันอย่างมหาศาลไม่มีใครยอมใคร 
    เมื่อถึงชุมชนรถนำไปจนถึงที่ทำการอบต.ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน 
    ทั้งหมดลงไปติดตั้งเพลทงานในห้องประชุมสำหรับพรุ่งนี้เช้า ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี 

    ที่พักคืนนั้นเป็นโฮมสเตย์ของชุมชน เป็นบ้านของผู้ใหญ่บ้านเป็นเรือนไทยโบราณเรือ่นหมู่ขนาดใหญ่ริมน้ำ 
    แม้ว่าจะดูมีไอเรื่องผีๆสักนิด แต่สวยงามน่าดูชม 
    อาหารเย็นก็จัดมาโดยชุมชน ข้าวแกงเมืองเพชรรสจัดเข้มข้นอร่อย เติมข้าวกันไปแทบทุกคน 
    กลางคืนมาปูเสื่อนอนดูดาวกัน 
    คนที่อินที่สุดคือฟาน ผู้ไม่เคยเหยียบย่างออกนอกเส้นทางโรงเรียนและกทม. 
    การใช้ชีวิตกับเพื่อนๆทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บนฟองสบู่พรายรุ้ง กลัวเหลือเกินว่ามันจะแตกสลายลง

    เช้ามาทั้งหมดเริ่มกิจกรรมโครงการกัน เลโอเป็นโมเดอเรเตอร์คุมการประชุม 
    มีทีมงานบรรยายการนำเสนอทีละคน ซึ่งผลสุดท้ายประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี 
    ชาวบ้านให้ความเห็น ให้ความรู้และร่วมมือกันดีมาก 
    เดอะแกงค์หญิงเมย์เก๋ไตตั้นทำมายด์แมป ข้อเสนอสรุปการประชุมไว้อย่างละเอียดลออ 
    มากิเป็นทีมงานถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอก็ทำได้อย่างดี 
    ครั้นสุดท้ายเมื่อรวมกันรับประทานอาหารเที่ยงกับชาวบ้านแล้ว 
    ก็ถือว่าโครงการสำเร็จลุล่วงเหลือเพียงกลับไปรายงานผลก็จบแล้ว 
    ตอนบ่ายจึงพากันไปเดินเที่ยวดูเมืองเพชร ไปเขาวังและซื้อขนม 
    ตอนเย็นแวะกินข้าวริมแม่น้ำเพชร 
    คืนนี้มีกลุ่มเล็กตกลงกันว่าจะไปดูหิ่งห้อยในป่าแสมกัน นั่งเรือสองลำ ลำละ 3 คน



    ลำที่เดียร์นั่งประกอบไปด้วย เดียร์ฟานและไทเกอร์ 
    ตกลงกันแล้วว่าทุ่มนึงเรือจะมาหน้าบ้าน
    ไทเกอร์นั่งหย่อนขาอยู่ริมท่าน้ำลำพังเงียบๆอย่างมีความในใจ 
    ฟานเดินลงมาคนเดียวในเสื้อสีครีมคอวีแขนยาวและกางเกงเล

    “อ้าวเดียร์ล่ะ “
    “ปวดท้อง พวกสามคนอีกลำนั้นก็ไม่ไป ผมก็ว่าจะไม่ไปแล้วล่ะ”
    “แต่จ่ายตังค์ไปแล้วนะ”
    “ไม่เป็นไรนี่ ไม่กี่บาท ไปกันนิดเดียวเหงาแย่ไม่สนุกหรอก” พูดเหมือนที่ผ่านมามีเพื่อนเยอะแยะว่างั้น
    “แต่ฟานไม่เคยดูหิ่งห้อยไม่ใช่หรือ ไปสิ ไปเถอะ ครั้งนึงในชีวิตนะ”
    ฟานนิ่งสักพักก็ใจอ่อน 
    “ไปก็ได้”

    คนพายเรือพายมาเทียบเงียบๆ แม่น้ำกลางคืนดูคล้ำมืดดำ
    เงาป่าจากโดนลมไหวอยู่แสกสาก 
    ไทเกอร์ลงไปก่อน แล้วหันหลังมาจับมือฟานให้ค่อยๆก้าวลงเรือ

    “นี่ผมต้องนั่งหันหลังให้หัวเรือ หรือหันหน้าไปข้างหน้า”
    “ก็ตามใจแบบไหนก็ได้” 
    ฟานเลือกนั่งหันหน้ามาเจอกับไทเกอร์และหันหลังให้หัวเรือ 
    ฝีพายออกเรือเสียงพายตัดผิวน้ำดังจ๋อมๆ 
    แม่น้ำนั้นมืด จนฟานเปิดแฟลชมือถือหากโดนไทเกอร์ดุให้ปิดไม่ให้ทำลายบรรยากาศ 
    สักพักเมื่อชินกับแสงดาว รอบตัวก็ดูสว่าง 
    ฟานมองสบตาวาวๆของไทเกอร์ในความมืด เงียบเย็นแต่ก็ไม่อึดอัด

    “กลัวไหม”เสียงถามมานุ่มๆ
    “กลัวอะไร” ฟานถามกลับ
    “ความมืด”
    “ผมกลัวความไม่รู้มากกว่า” 
    ได้ยินเสียงหัวเราะตอบกลับมาเบาๆ

    นั่งไปสักพัก ก็รู้สึกได้ว่ามือคนที่อยู่ตรงข้ามเอื้อมมากำข้อมือเขาไปหลวมๆ ไล้นิ้วที่ข้อมือไปมา 
    พอจะชักกลับก็กำไว้แน่น พอโอนอ่อน ก็ปล่อย 
    ปลายนิ้วที่ต้องกันเหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆ แปลบปลาบไปทุกสัมผัส 
    ไม่มีสักคำพูดระหว่างนั้นแต่เหมือนปลายนิ้วแทนคำกระซิบความในใจที่ไร้เสียง 
    พอได้ทีเผลอฟานก็ดึงกลับ ค่อยๆกระดื๊บขยับตัวหมุนหันหน้าไปทางหัวเรือ หันหลังให้ไทเกอร์ซะงั้น

    ในความเงียบที่อึงอลไปด้วยความคิด  สักพักมือสองข้างก็สอดมาข้างเอวกอดเขาไว้เบาๆ 
    ไม่ได้น่ากลัว ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงหรือรู้สึกว่าถูกล่วงเกินแต่อย่างไร 
    แต่เป็นสัมผัสอ่อนโยน อ่อนหวาน 
    คนข้างหลังรั้งเพียงนิดหนึ่งเขาก็เซหงายลงไปพิงอกคนคนนั้น
    ท่ามกลางแสงดาวมัวๆ เริ่มเห็นหิ่งห้อยเปล่งแสงกระพริบอยู่ประปราย ก่อนจะค่อยๆทวีหนา 
    หลายครั้งที่มันกระพริบพร้อมกันพร่างพรูสว่างเป็นจุดแต้มอยู่ในดงไม้มืดสองข้างฝั่งน้ำ 
    อยากจะลุกขึ้นผลักคนที่แนบชิดอยู่นั้นออกไป
    แต่สัมผัสของเขากลับไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยคิดไว้ว่าจะกลัว 
    ทุกอย่างของท่วงท่าอิงแนบนั้นมันพอดี
    เหมือนว่าเป็นตำแหน่งของเขาที่ควรอยู่แบบนี้ควรอยู่ในวงแขนที่กอดไว้เช่นนี้


    เรือหยุดพาย ปล่อยให้ลอยลำกระเพื่อมอยู่ในผืนน้ำมืด 
    ท่ามกลางเงาหิ่งห้อยพร่าพรายอยู่ในสายน้ำ 


    หัวใจของเขาเต้นแรงจนกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน 
    มือสองข้างนั้นคืบเข้ามาประสานมือของเขาไว้แนบแน่น 
    บางจังหวะก็คลายมือออกไล้ตามวงแขนจนถึงแก้ม 
    มืออุ่นแตะมาที่ปากไล้โลมไปมา เหมือนปลายนิ้วนั้นแทนจูบล่วงเกินริมฝีปาก 
    แล้วก็รู้สึกได้ว่าใครคนนั้นแนบริมฝีปากอุ่นจูบหนักๆที่ข้างหู


    รู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ 
    เสียงลมพัดใบแสมเกรียวกราว 
    หิ่งห้อยก็บินวูบกันเป็นพรวน 
    อ้อมกอดก็แน่นขึ้นแล้วคลาย  
    เรือค่อยๆพายวนหมุนกลับทวนน้ำ 
    เมื่อใกล้ถึงเรือน อ้อมกอดนั้นก็คลายออกดึงให้เขานั่งตัวตรง 
    เขาได้แต่นั่งเงียบๆ หัวสมองไร้เรื่องราวอื่นใด 
    จำได้แต่ภาพและสัมผัสเมื่อครู่สะพัดพรั่งวาบหวามอยู่ในห้วงความคิด 


    เมื่อถึงเรือนและเรือเทียบท่า ฟานรีบลุกขึ้นจากเรืออย่างเร็ว สาวเท้าก้าวบันไดทีละสองขั้นพรวดๆ 
    บรรดาสมาชิกที่เบี้ยวเรือทั้งหมดต่างปูเสื่อบนระเบียงนอนดูดาวกัน 
    ร้องถามกันเกรียวว่าสนุกไหมแต่ฟานไม่ตอบ
    แล้วเดินแกมวิ่งเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ร่วมกับอาร์มปิดประตูอย่างเร็ว 
    ใครสักคนจึงหาว่าฟานปวดขี้



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×