ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 10 ผู้ชายพายเรือ
10
“เก้อออ...”
อาร์มเรียกเสียงอ้อนยาว คลานเข่าไปด้านหลังไทเกอร์
แล้วโอบคอเอาคางเกยไหล่มองจอโน้ตบุคของอีกฝ่าย
“ของเก้อเหลือเยอะป่าว ของอาร์มโคตรเยอะเลย”
ไทเกอร์มองจอมือขวาเลื่อนเม้าท์ มือซ้ายยกขึ้นขยี้หัวอาร์ม
“ไม่เยอะ ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวไปช่วย”
“แต๊งค์ครับที่รัก”
ว่าแล้วก็กลับไปจิ้มคอมพ์ดังเดิม
ฟานซึ่งนั่งหลังตรงพิมพ์งานอยู่บนเคานเตอร์แพนทรี่ปรายตามองมาจากด้านหลัง
แอบหมั่นไส้เล็กๆ เชอะ ชวนมาทำงานกลุ่ม
จริงๆอยากสวีทกันสองคนมากกว่าล่ะสิ
อะไรจะขนาดนั้น นอนด้วยกัน กอดกัน อ้อนกัน
แต่แล้วก็แอบถอนใจเล็กๆ
อาร์มก็น่ารักจริงๆนั่นแหละ ตัวเล็กๆแบ๊วๆ บางๆ น่ารักน่ากอดน่าถนอมอะไรขนาดนั้น
หันมาดูไอ้เรานี่หยั่งกะชนเผ่ามาไซ แขนขาก็ยาวเฟื้อยสูงเป็นเปรต
จะผู้ชายก็ไม่ใช่ จะผู้หญิงก็ไม่เชิง
ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ไม่มั่นใจในความเลิศเลอเพอเฟ็คท์ของตัวเอง
มองไปที่เดียร์นั่นก็แรงใช่ย่อย นับแต่ที่เดียร์ได้รู้ใจว่าชอบพี่เลเข้าไปแล้ว ก็เดินหน้าชนเต็มที่
พี่เลอยู่ไหนเดียร์ไปนั่งข้างทันทีไม่เกรงใจแฟนในสื่อแบบเขาเลย
สายตาที่มองพี่เลแวววับเป็นประกายแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตา
ส่วนพี่เลนั้นเล่าก็อมยิ้มตาประกายทุกครั้งที่คุยกับเดียร์
ชัดกันขนาดนี้ทำไมถึงไม่ประกาศเป็นแฟนกันให้รู้แล้วรู้รอดไปนะ
เศษที่เหลืออยู่คนเดียวของห้องก็คือคุณชายฟานนี่แหละ
นั่งเชิดคอแข็งไร้คู่อยู่คนเดียว
ไทเกอร์เหลียวหลังกลับมามอง เจอคนสวยนั่งหน้าหงิกหน้างอก็ลุกมาเอาใจนิดหน่อย
เปิดตู้เย็นหยิบน้ำแร่ที่คุณชายเลือกดื่มมาขวดนึง วางขวดเย็นจัดนั้นแนบแก้มฟาน
อีกฝ่ายสะดุ้งเอียงแก้มหลบ
เมื่อสบสายตาคำถามแล้วมีสายตาอีกคู่สบกันเป็นเชิงตอบว่า รับไม่รับ ฟานก็เอื้อมมือไปรับมา
ยกดื่มเข้าปากจากปวกขวดโดยตรงสองอึก
เมื่อวางขวดที่ดื่มไว้แล้วก็ต้องทำตาโต เมื่อไทเกอร์คว้าขวดนั้นไปดื่มต่อ
นี่มันจูบทางอ้อมในตำนานชัดๆ
คนสวยกัดปากแล้วทำเฉยนั่งพิมพ์งานเหมือนไม่สนใจทั้งที่อกใจเต้นระทึก
ไทเกอร์ยืนซ้อนหลังแล้วชะโงกข้ามบ่ามาดูจอโน้ตบุคเขาที่ตั้งใจพิมพ์งานอยู่
กลิ่นน้ำหอม
โอ๊ยย มือสั่น ใจสั่น พิมพ์จะไม่ถูกแล้ว จะมาดูทำไมกันเนี่ย
ไทเกอร์ไม่ทำอะไรมากกว่านั้นแค่ได้ใกล้ชิดนิดหน่อยเขาก็พอใจที่สุดแล้ว
แฟนของฟานเองก็ยังอยู่ที่นี่แม้ว่าเจ้าเดียร์พักหลังๆความประพฤติไม่ดีจนออกนอกหน้า
แต่ฟานก็ยังมีเดียร์เป็นแฟน จะให้เขาแย่งของคนอื่นนั้นเห็นจะรับตัวเองไม่ไหว
สงสารแต่ฟาน ทุกครั้งที่เดียร์ไปหาเลเขาเห็นความเศร้าของฟานชัดเจน
อยากจะเข้าไปกุมมือปลอบให้ตาสวยนั้นหายเศร้า
แต่ก็เกรงใจรู้ว่าฟานไม่ชอบสกินชิพกับผู้ชาย หลงแต่เดียร์จนโงหัวไม่ขึ้น
ความรู้สึกแบบนี้เขาเข้าใจในเมื่อเขาเองก็เหมือนกันกับฟาน
ได้แต่มอง ได้แต่รอคอยคนคนเดียว ให้หันไปหาใครมาทดแทนก็ดูจะหาคนแทนไม่ได้
นับวันก็มีแต่มองคนๆนี้ ไม่สามารถมองคนอื่นอีกต่อไปแล้ว
“ใครไปฟิตเนสมั่ง”
ไทเกอร์ชวน แต่มองเลเขม็งเป็นเชิงกดดัน เลโอเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม แล้วก็บิดกายยืนอย่างขี้คร้าน
“ว่ายน้ำนะ”
สามคนที่เหลือไม่หือไม่อือ สองพี่น้องเลยเปลี่ยนชุดว่ายน้ำแล้วสวมเสื้อยืดทับ ลงลิฟต์ไปพิตเนสชั้น 7
ชำระร่างกาย วอร์มนิดนึงก่อนลงไปแช่แล้วฟรีสไตล์ไปกลับสองรอบ
ก่อนไทเกอร์จะเหนี่ยวร่างขึ้นไปนั่งขอบสระ เลลอยตัวเข้ามาใกล้ๆ มองหน้าเป็นเชิงถาม
“มีอะไร ต้องมาพูดไกลๆ”
“ตรงนั้นคนเยอะพูดยาก”
เขาตอบก่อนจะถามสิ่งที่ค้างคาใจ
“ตกลงพี่เลกับเดียร์นี่ยังไง”
เลจุ่มกายลงในน้ำผมเปียกลู่แนบไปกับหนังศีรษะ
ใบหน้าขาวนั้นขับให้ขาวขึ้นเมื่อคิ้วดำและผมเข้มขึ้น เขาตอบช้าๆ
“เก้อคิดว่าไงล่ะ”
“คิดว่า พี่เลกำลังผิดศีลธรรม” เขาเน้นเสียงตอบ
“แฟนเขานั่งอยู่ตรงนั้นซึ่งหน้าเลยนะ พี่กล้าเล่นกับผู้หญิงต่อหน้าแฟนเขาเลยได้ไง คิดให้มากหน่อยได้ไหมพี่เล คนอื่นเขาก็มีหัวจิตหัวใจนะ ผมเริ่มโกรธเดียร์กับพี่เลมากขึ้นทุกวันแล้ว ไม่อยากให้คนที่เรารักกลายเป็นคนเลวแบบนี้เลย”
“ขนาดนั้นเลย”
“เฮ้ย! พี่เลโอ มึงเห็นมันเป็นเรื่องตลกหรือไง มันไม่ตลกนะเว้ย การเหยียบย่ำความรู้สึกคนอื่นมันไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษควรทำนะ”
“ กูพูดว่า มึงจริงจังกับฟานขนาดนั้นเลย”
ไทเกอร์คอแข็งมองดูเงาไฟเลื่อมพรายบนผิวน้ำ
“กูไม่มีอะไรต้องอธิบายหรือแก้ตัว เพียงแต่คิดว่ามึงควรเปิดตาให้กว้างกว่านี้ เรื่องทั้งหมดนี่มันแค่พลิกมุมนิดเดียวแค่นั้นเองแหละเก้อเอ๊ย”
วักน้ำลูบหน้า
“ส่วนความรู้สึกของมึงนั้น มึงควรซื่อสัตย์กับตัวเองให้มาก แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
เลโอผละว่ายออกไปห่าง แล้วต่างคนก็ต่างว่าย ต่างขึ้นไปบนห้องคนละคราว
สรุปกันว่า วัสดุก่อสร้างพื้นถิ่นนั้นจะเป็นผลผลิตจากไม้ตาล
ดังนั้นชุมชนที่จะต้องไปศึกษาและเป็นต้นแบบคือจังหวัดเพชรบุรี
ระหว่างนั้นไทเกอร์กับอาร์มก็ยกประเด็นขึ้นมาวิเคราะห์ว่า
มันควรนำเป็นวัสดุก่อสร้างเพื่อคอนสตรัคชั่น คือก่อสร้าง หรือเพื่อเดคอเรชันคือตกแต่ง
เลเลยให้พวกเศดสาดนำเสนอการตัดสินใจในเชิงคุณค่า
การเรียนโดยการทำโครงงานมันก็สนุกแบบนี้ตรงที่ได้ความคิดหลากหลาย
เลติดต่อประสานชุมชนไว้แล้วเพื่อจัดโฟกัสกรุ๊ป
งานนี้ก็ถือว่าเป็นงานใหญ่สำหรับเด็กนิสิตตัวเล็กๆ
เลจึงเสนอให้เดอะแกงค์ไปด้วยเพื่อช่วยงาน
ตลอดเวลาสิบกว่าวันของกลุ่มทำงาน
กิจวัตรประจำวันคือ ไปเรียนกลางวัน เย็นกลับมาทำงาน ถ้าดึกไม่มากก็กลับบ้าน
แต่ถ้าดึกมากหรือมีเรียนเข้าก็ค้างคอนโด ทำงานด้วยกัน
มวลหมู่สมาชิกต่างเรียนรู้กันและกันมากขึ้น
ข้อแรกคือทุกคนที่อยู่ตรงนี้เป็นคนทำงานและตั้งใจเรียนกันจริงจัง ต่างก็รู้สึกนับถือกันเองอยู่ในที
ข้อสองคือเป็นมนุษย์คอมโพรไมซ์หรือคนอะลุ้มอล่วย
ไม่หักหาญแต่ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ต่างเป็นคนถึกคล้ายๆกัน
ที่ทำให้ฟานประหลาดใจที่สุดคือวันหนึ่งมีเสียงกริ่งที่ประตูห้อง
อาร์มหน้าแป้นวิ่งไปเปิดรับแล้วเดินนำเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กๆหน้าแบ๊วยิ่งกว่าอาร์มมาคนหนึ่ง
ยืนอยู่ข้างกันแล้วหยั่งกับตุ๊กตาทั้งคู่
“แฟนผมครับพี่เล ทุกคนครับจุ้ยเมียกูเอง”
ฟานตะลึงแทบเป็นลม
หันขวับไปจ้องหน้าไทเกอร์ที่มองตอบมางงๆว่าจ้องหน้าเขาทำไม
นี่ตลอดเวลาสิบกว่าวันนี้ เขานึกมาตลอดว่าอาร์มเป็นเด็กของไทเกอร์ไปแล้ว
มันทั้งออเซาะ ฉอเลาะ อ้อนไทเกอร์สารพัด
นอกจากนั้น บ่อยครั้งที่ตื่นมาเจอสองคนนอนกอดกัน เอ๊ะหรือว่า อาร์มมันโบทวะ
“ตัวเอง มึงนี่ไทเกอร์ กูเผลอกอดนอนแทนกอดมึงบ่อยเลย”
โอเค เรื่องของคนติดเมีย
อารมณ์ดีขึ้นกะทันหัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
แต่ดูไปทุกอย่างน่ารักน่าเอ็นดูไปหมด
อีพี่เลยังน่ารักเลย เห็นแอบเอานิ้วก้อยเกี่ยวก้อยของเดียร์เขาเห็นนะ
แต่ก็ยังรู้สึกว่าน่ารักอยู่ดี ไม่ยักน่าโมโหเหมือนทุกวัน
ก่อนวันเดินทางเป็นวันเตรียมงาน
ฟานกับไทเกอร์นั่งข้างกันจุ๊กจิ๊กช่วยกันพรินท์โปสเตอร์แปะฟิวเจอร์บอร์ดเพื่อเตรียมพรีเซนท์
ส่วนพาวเวอร์พอยนท์นั้นอาร์มปั่นเสร็จแล้ว
เลกับเดียร์เตรียมพรินท์แฮนด์เอาท์ไว้30ชุดสำหรับแจกคนเข้าฟัง
พอถึงเช้าวันเดินทางเลโอเปลี่ยนรถเป็นรถ แวน15ที่นั่งคันใหญ่ของที่บ้าน
กว้างขวางพอสำหรับ9 ชีวิตและสัมภาระ มีคนขับพร้อม
หญิงเมย์กับเก๋ตาเป็นประกาย บอกว่าใครได้เป็นแฟนพี่เลโคตรแห่งความโชคดี เ
ดียร์นี่อยากจะชี้เข้าตัวเองจริงๆ แต่ผู้ชายยังไม่เอ่ยปากก็พูดไม่ได้
แม้ว่าความสัมพันธ์จะคืบหน้าไปอย่างดีมากๆก็ตาม
ที่ประจำในการทำงานของเดียร์คือข้างพี่เลเสมอ เลเป็นคนเก่ง
การนั่งทำงานข้างเลจึงทำให้เดียร์ทำงานเก่งขึ้นเป็นงานมากขึ้น ไวขึ้น
ขณะที่เลเองก็ชื่นชมความฉลาดเฉลียว ความไว ความอึดถึกของเดียร์
นั่งด้วยกันคุยโน่นนี่มากกว่าแค่งาน รู้จักนิสัย รู้เรื่องที่บ้านมากขึ้น ความรู้สึกที่มีให้กันก็มากขึ้นๆ
“พี่เลมีฝึกงานหรือเปล่า”
“ไม่มีในหลักสูตร แต่พี่คิดว่าจะไปสภาพัฒน์น่ะ”
“โหพี่ หรูมากๆเลย”
“ถ้าได้นะ ถ้าได้”
ก็น่าจะได้แหละ นอกจากบ้านรวยนามสกุลดัง เลยังเรียนเริ่ดขนาดนี้ ไปไหนใครก็ต้อนรับทั้งนั้น
การเดินทางเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
อาร์มเข้ากับสี่คนที่เหลือได้ดี จึงเกิดการอำกันอย่างมหาศาลไม่มีใครยอมใคร
เมื่อถึงชุมชนรถนำไปจนถึงที่ทำการอบต.ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน
ทั้งหมดลงไปติดตั้งเพลทงานในห้องประชุมสำหรับพรุ่งนี้เช้า ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
ที่พักคืนนั้นเป็นโฮมสเตย์ของชุมชน เป็นบ้านของผู้ใหญ่บ้านเป็นเรือนไทยโบราณเรือ่นหมู่ขนาดใหญ่ริมน้ำ
แม้ว่าจะดูมีไอเรื่องผีๆสักนิด แต่สวยงามน่าดูชม
อาหารเย็นก็จัดมาโดยชุมชน ข้าวแกงเมืองเพชรรสจัดเข้มข้นอร่อย เติมข้าวกันไปแทบทุกคน
กลางคืนมาปูเสื่อนอนดูดาวกัน
คนที่อินที่สุดคือฟาน ผู้ไม่เคยเหยียบย่างออกนอกเส้นทางโรงเรียนและกทม.
การใช้ชีวิตกับเพื่อนๆทำให้รู้สึกเหมือนอยู่บนฟองสบู่พรายรุ้ง กลัวเหลือเกินว่ามันจะแตกสลายลง
เช้ามาทั้งหมดเริ่มกิจกรรมโครงการกัน เลโอเป็นโมเดอเรเตอร์คุมการประชุม
มีทีมงานบรรยายการนำเสนอทีละคน ซึ่งผลสุดท้ายประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ชาวบ้านให้ความเห็น ให้ความรู้และร่วมมือกันดีมาก
เดอะแกงค์หญิงเมย์เก๋ไตตั้นทำมายด์แมป ข้อเสนอสรุปการประชุมไว้อย่างละเอียดลออ
มากิเป็นทีมงานถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอก็ทำได้อย่างดี
ครั้นสุดท้ายเมื่อรวมกันรับประทานอาหารเที่ยงกับชาวบ้านแล้ว
ก็ถือว่าโครงการสำเร็จลุล่วงเหลือเพียงกลับไปรายงานผลก็จบแล้ว
ตอนบ่ายจึงพากันไปเดินเที่ยวดูเมืองเพชร ไปเขาวังและซื้อขนม
ตอนเย็นแวะกินข้าวริมแม่น้ำเพชร
คืนนี้มีกลุ่มเล็กตกลงกันว่าจะไปดูหิ่งห้อยในป่าแสมกัน นั่งเรือสองลำ ลำละ 3 คน
ลำที่เดียร์นั่งประกอบไปด้วย เดียร์ฟานและไทเกอร์
ตกลงกันแล้วว่าทุ่มนึงเรือจะมาหน้าบ้าน
ไทเกอร์นั่งหย่อนขาอยู่ริมท่าน้ำลำพังเงียบๆอย่างมีความในใจ
ฟานเดินลงมาคนเดียวในเสื้อสีครีมคอวีแขนยาวและกางเกงเล
“อ้าวเดียร์ล่ะ “
“ปวดท้อง พวกสามคนอีกลำนั้นก็ไม่ไป ผมก็ว่าจะไม่ไปแล้วล่ะ”
“แต่จ่ายตังค์ไปแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรนี่ ไม่กี่บาท ไปกันนิดเดียวเหงาแย่ไม่สนุกหรอก” พูดเหมือนที่ผ่านมามีเพื่อนเยอะแยะว่างั้น
“แต่ฟานไม่เคยดูหิ่งห้อยไม่ใช่หรือ ไปสิ ไปเถอะ ครั้งนึงในชีวิตนะ”
ฟานนิ่งสักพักก็ใจอ่อน
“ไปก็ได้”
คนพายเรือพายมาเทียบเงียบๆ แม่น้ำกลางคืนดูคล้ำมืดดำ
เงาป่าจากโดนลมไหวอยู่แสกสาก
ไทเกอร์ลงไปก่อน แล้วหันหลังมาจับมือฟานให้ค่อยๆก้าวลงเรือ
“นี่ผมต้องนั่งหันหลังให้หัวเรือ หรือหันหน้าไปข้างหน้า”
“ก็ตามใจแบบไหนก็ได้”
ฟานเลือกนั่งหันหน้ามาเจอกับไทเกอร์และหันหลังให้หัวเรือ
ฝีพายออกเรือเสียงพายตัดผิวน้ำดังจ๋อมๆ
แม่น้ำนั้นมืด จนฟานเปิดแฟลชมือถือหากโดนไทเกอร์ดุให้ปิดไม่ให้ทำลายบรรยากาศ
สักพักเมื่อชินกับแสงดาว รอบตัวก็ดูสว่าง
ฟานมองสบตาวาวๆของไทเกอร์ในความมืด เงียบเย็นแต่ก็ไม่อึดอัด
“กลัวไหม”เสียงถามมานุ่มๆ
“กลัวอะไร” ฟานถามกลับ
“ความมืด”
“ผมกลัวความไม่รู้มากกว่า”
ได้ยินเสียงหัวเราะตอบกลับมาเบาๆ
นั่งไปสักพัก ก็รู้สึกได้ว่ามือคนที่อยู่ตรงข้ามเอื้อมมากำข้อมือเขาไปหลวมๆ ไล้นิ้วที่ข้อมือไปมา
พอจะชักกลับก็กำไว้แน่น พอโอนอ่อน ก็ปล่อย
ปลายนิ้วที่ต้องกันเหมือนมีกระแสไฟอ่อนๆ แปลบปลาบไปทุกสัมผัส
ไม่มีสักคำพูดระหว่างนั้นแต่เหมือนปลายนิ้วแทนคำกระซิบความในใจที่ไร้เสียง
พอได้ทีเผลอฟานก็ดึงกลับ ค่อยๆกระดื๊บขยับตัวหมุนหันหน้าไปทางหัวเรือ หันหลังให้ไทเกอร์ซะงั้น
ในความเงียบที่อึงอลไปด้วยความคิด สักพักมือสองข้างก็สอดมาข้างเอวกอดเขาไว้เบาๆ
ไม่ได้น่ากลัว ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงหรือรู้สึกว่าถูกล่วงเกินแต่อย่างไร
แต่เป็นสัมผัสอ่อนโยน อ่อนหวาน
คนข้างหลังรั้งเพียงนิดหนึ่งเขาก็เซหงายลงไปพิงอกคนคนนั้น
ท่ามกลางแสงดาวมัวๆ เริ่มเห็นหิ่งห้อยเปล่งแสงกระพริบอยู่ประปราย ก่อนจะค่อยๆทวีหนา
หลายครั้งที่มันกระพริบพร้อมกันพร่างพรูสว่างเป็นจุดแต้มอยู่ในดงไม้มืดสองข้างฝั่งน้ำ
อยากจะลุกขึ้นผลักคนที่แนบชิดอยู่นั้นออกไป
แต่สัมผัสของเขากลับไม่น่ากลัวเหมือนที่เคยคิดไว้ว่าจะกลัว
ทุกอย่างของท่วงท่าอิงแนบนั้นมันพอดี
เหมือนว่าเป็นตำแหน่งของเขาที่ควรอยู่แบบนี้ควรอยู่ในวงแขนที่กอดไว้เช่นนี้
เรือหยุดพาย ปล่อยให้ลอยลำกระเพื่อมอยู่ในผืนน้ำมืด
ท่ามกลางเงาหิ่งห้อยพร่าพรายอยู่ในสายน้ำ
หัวใจของเขาเต้นแรงจนกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
มือสองข้างนั้นคืบเข้ามาประสานมือของเขาไว้แนบแน่น
บางจังหวะก็คลายมือออกไล้ตามวงแขนจนถึงแก้ม
มืออุ่นแตะมาที่ปากไล้โลมไปมา เหมือนปลายนิ้วนั้นแทนจูบล่วงเกินริมฝีปาก
แล้วก็รู้สึกได้ว่าใครคนนั้นแนบริมฝีปากอุ่นจูบหนักๆที่ข้างหู
รู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ
เสียงลมพัดใบแสมเกรียวกราว
หิ่งห้อยก็บินวูบกันเป็นพรวน
อ้อมกอดก็แน่นขึ้นแล้วคลาย
เรือค่อยๆพายวนหมุนกลับทวนน้ำ
เมื่อใกล้ถึงเรือน อ้อมกอดนั้นก็คลายออกดึงให้เขานั่งตัวตรง
เขาได้แต่นั่งเงียบๆ หัวสมองไร้เรื่องราวอื่นใด
จำได้แต่ภาพและสัมผัสเมื่อครู่สะพัดพรั่งวาบหวามอยู่ในห้วงความคิด
เมื่อถึงเรือนและเรือเทียบท่า ฟานรีบลุกขึ้นจากเรืออย่างเร็ว สาวเท้าก้าวบันไดทีละสองขั้นพรวดๆ
บรรดาสมาชิกที่เบี้ยวเรือทั้งหมดต่างปูเสื่อบนระเบียงนอนดูดาวกัน
ร้องถามกันเกรียวว่าสนุกไหมแต่ฟานไม่ตอบ
แล้วเดินแกมวิ่งเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ร่วมกับอาร์มปิดประตูอย่างเร็ว
ใครสักคนจึงหาว่าฟานปวดขี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น