ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Androgyny - หัวใจไร้สถานะ [ Yaoi ] -END-

    ลำดับตอนที่ #8 : 08 Settle down

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.1K
      100
      11 ม.ค. 62

    08


    ลืมไปว่าห้องสูทในคอนโดหรูนี้เป็นสมบัติร่วมของบ้านเขากับบ้านพี่เล 
    พ่อกับลุงซื้อด้วยกันให้เป็นที่อยู่ของสองหนุ่มที่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน 
    เลจึงรู้จักที่นี่และมีรหัสเข้าห้อง 
    อีกทั้งประมาทประเมินระดับความรักของแฟนฟานต่ำไปนิดนึง ไม่คิดว่าจะตามกันให้ได้ขนาดนี้ 
    กาลจึงปรากฏเป็นความมืนงง เมื่อกลางดึกประตูห้องก็เปิดผางหลังสัญญานคีย์ลอคดังตื๊ด
    เลเปิดไฟ แล้วเดินนำปีหนึ่งทั้งห้าคนเดินตามหลังเข้ามาในห้อง

    “อยู่นี่จริงๆด้วย” 
    เลพูดด้วยน้ำเสียงโล่งใจ

    เด็กๆทั้งห้าเดินตามหลังเข้าห้องมา เหลือบตากวาดมองสภาพห้องอย่างทึ่งๆ 
    คอนโดนี้เป็นคอนโดที่มหาวิทยาลัยสร้างร่วมกับเอกชนเพื่อขายให้กับลูกค้ากลุ่มทริปเปิ้ลเอ 
    ห้องนี้เป็นสูทสองห้องนอน มีห้องนั่งเล่นและแพนทรี 
    ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นอินดัสเตรียลด้วยพื้นปูนขัดมัน 
    เหล็กดำตอกหมุดและไม้มะฮอกกานีสีเข้ม 
    ไฟวอร์มไวท์สีนวลบริเวณโถงทางเข้าสาดรำไรเห็นใครสักคนนอนกอดอกอยู่ที่เดย์เบดหนังตอกหมุดสีเข้ม

    เลคงไม่ได้เข้ามาถึงห้องนี้ 
    ถ้าพอแจ้งข่าวกับเดียร์แล้วหลังบอลจบ พลพรรคเพื่อนฟานจะไม่ตระหนกจนออกอาการหนักกันขนาดนั้น 
    เดียร์ตกใจจนน้ำตาคลอ ผุดลุกผุดนั่งเป็นห่วงฟานจนทำอะไรไม่ถูก 
    จนเขาแปลกใจกับแค่เด็กผู้ชายคนนึงจะหัวหกก้นขวิดนิดหน่อย ไม่เข้าบ้านสักวัน
    แต่ก็อยู่กับน้องเขาอย่างปลอดภัย มีอะไรให้ต้องห่วงกังวลขนาดนั้น 
    หญิงเมย์กับเก๋ โอบไหล่กันหน้าเสีย บีบมือของกันและกันไปมา

    “โธ่ป่านนี้ ฟานจะไม่แพนิคไปแล้วเหรอ” 
    เดียร์ครางหน้าตากังวล
    มากิกับไตตั้น นั่งเอาศอกเท้าเข่ามือยันคาง 
    ไม่ออกอาการมากเหมือนพวกผู้หญิงแต่ก็ขมวดคิ้วหน้าเครียด 
    คนภายนอกไม่มีใครเข้าใจหรอกว่าสถานะของฟานในกลุ่ม ไม่ได้เป็นฟานผู้ยะโสโอหัง 
    แต่เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา ไร้ประสบการณ์ไม่รู้จักโลก 
    ฟานผู้เปราะบางและแตกหักง่าย ฟานที่ไม่เคยใกล้ชิดใครไม่ถูกเนื้อต้องตัวใครเว้นแต่เดียร์ 
    บาดแผลเดิมในจิตใจอาจจะทำให้ฟานสติแตกได้เมื่อไรก็ตาม 
    และแน่นอน พวกเขาเชื่อว่าเรื่องของฟานเกือบทุกเรื่อง 
    น่าจะมีสาเหตุมาจากความสวยของเจ้าตัวเป็นหลัก

    “ไม่เป็นไรมั้ง อยู่กับเก้อ น้องๆก็รู้จักเก้อดีนี่ว่าไว้ใจได้”
    “ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่พี่เก้อค่ะ มันอยู่ที่ความรู้สึกฟาน”เก๋ว่า
    “เราไม่รู้ว่าฟานมีเรื่องอะไร และไม่รู้ว่าฟานจะอยู่แบบไหน ฟานไม่เคยออกนอกกรอบมาก่อนนะคะ”
    หญิงเมย์เสริม
    “พี่เล พอจะนึกออกไหมคะว่า พี่เก้อจะอยู่ที่ไหน”เดียร์ถาม 
    “เราต้องเจอฟานให้ได้ค่ะพี่ พวกเราห่วงเพื่อนจริงๆ”

    “ช่วยหน่อยได้ไหมคะพี่เล” 
    เดียร์เดินเข้ามาใกล้ เงยหน้าสบตาเขาขอร้อง
    เลโอใจอ่อนยวบ กับหน้าซื่อตาแป๋วนั้น กระแอมนิดนึงแก้เขินกับสายตารอบตัว 
    มือถือไทเกอร์ปิด เน็ทก็ไม่เปิดทั้งโทรมิสด์คอลเป็นสิบสาย ทั้งไลน์ทั้งเฟซก็ไม่อ่าน 
    เลโทรถามที่บ้านเก้อ ได้ความว่าไม่เห็นคุณชายเข้าบ้าน รถก็ไม่มี 
    เดินไปดูที่จอดรถสมาคม ทั้งรถฟานกับรถไทเกอร์ยังอยู่ที่จอดทั้งสองคน 
    น้องๆโทรหาเพื่อนโรงเรียนเก้อก็ไม่มีใครเห็น ส่วนเขาโทรหาแก๊งค์เพื่อนคณะ
    ได้ข่าวว่าตั้งแต่ครึ่งแรกก็เห็นไทเกอร์เดินออกไปจากสนามไปทางด้านหลังไปคนเดียวว่างั้น 
    นึกขึ้นมาได้ถึงคอนโดที่พ่อกับอาซื้อไว้ให้เขากับเก้อเป็นที่ซุกหัวนอนเวลากลับดึกๆ 
    แต่พวกเขารักความสบายของที่บ้านมากกว่าจึงแทบไม่ค่อยได้ใช้ 
    หญิงเมย์อาสาเป็นคนขับรถเพื่อพาทั้งหกคนไปที่คอนโดนั้น 
    อันอยู่เรียกว่าชิดติดกับเขตมหาวิทยาลัยกันเลยทีเดียว 
    ทั้งหมดเดินออกมาที่ชั้น22 คอนโดเงียบกริบ ในโถงเปิดแอร์เย็นฉ่ำ 
    พื้นแกรนิตดำมิดไนท์ส่องประกายแวบวับในแสงไฟสีนวล 
    เลกดรหัสประตูห้องแล้วผลักเข้าไปเต็มแรง ความเย็นของเครื่องปรับอากาศส่งปะทะ 
    มองเห็นไทเกอร์นอนกอดอกอยู่หน้าทีวีก็ค่อยโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

    “ฮึ” 

    ไทเกอร์ยกมือป้องแสง ผงกตัวขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย เลเดินไปตบบ่าน้องชาย
    “แล้วมึงจะปิดมือถือทำซากอะไรวะเก้อ กูล่ะงงมึงจริงๆ” 
    เลบ่น
    “พี่เก้อ ฟานอยู่ไหน” 
    พลพรรคถามเขาเป็นเสียงเดียวกัน ไทเกอร์บุ้ยปากไปทางห้องนอนเขา 
    เด็กๆจึงรีบตรงไปเข้าห้องนั้นอย่างดีใจ 

    ฟานนอนสงบนิ่งอยู่กลางเตียงบนผ้าปูและผ้าห่มสีเข้มเข้าชุด 
    ประสานมือไว้กลางอกประหนึ่งเจ้าหญิงนิทรารอเจ้าชายมาจุมพิต เพื่อนๆต่างเข้าไปรุมล้อมรอบตัว 
    ภาพเดียร์ลูบหน้าผากฟานอย่างห่วงใย ทำให้รุ่นพี่ที่ตามมายืนดูเมินหน้าไปด้วยอารมณ์บางอย่างที่บอกไม่ถูก 
    ลูกผู้พี่ของเขาเดินตามเข้ามาในห้องกอดอกมองภาพนั้นยิ้มๆ
    “สบายใจแล้วสิ เจอตัวแล้วนะ”
    “พี่เก้อครับ เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงพี่”
    นักบอลถาม ไทเกอร์จึงเอ่ยปากเล่าถึงความระแวงของเขา
    นำมาสู่การตามและเรียกการ์ดมหาลัยเข้าไปช่วยตะลุมบอนกับเดนมนุษย์พวกนั้น 
    การที่ฟานโดนกรอกยาและเขาพามาพักที่ห้อง

    “ทำไมไม่พาไปเต็นท์อำนวยการพักห้องพยาบาลล่ะพี่”
    “ถ้าพาไปก็ต้องโดนตรวจร่างกายแล้วก็เป็นเรื่อง ฟานดูเหมือนไม่อยากเป็นเรื่องเป็นข่าว ยาก็อ้วกบางส่วนออกมาแล้ว เลยคิดว่าแค่หาที่นอนก็พอ”
    เขาคิดแบบนั้นจริงๆ ไม่ได้เป็นอย่างอื่น 
    เด็กๆพยักหน้าและเห็นความจริงใจของรุ่นพึ่

    “เดียร์ขอบคุณพี่เก้อมากๆ”
    เดียร์พนมมือไหว้ด้วยความซาบซึ้ง
    “พวกนั้นมันจะทำอะไรฟานก็ไม่รู้ ฟานรอดมือพวกนั้นตลอดปลอดภัยไม่บุบสลายเลยเพราะพี่เก้อแท้ๆ”
    ไทเกอร์อ้อมแอ้มรับคำ 
    พิรุธในใจทำให้เขามองหน้าน้องๆไม่สนิท

    “แล้วทำไมต้องปิดมือถือด้วย” เลซัก
    “พอดีจะเช็ดตัวให้น้องมันไง แล้วมือลื่นไปกดปิดเข้า จังหวะชุลมุนก็เลยลืมเปิด” แถซึ่งหน้า “แล้วเอาไงเนี่ย จะเอากลับบ้านหรือให้นอนนี่” 
    เด็กๆหันไปปรึกษากันสักพัก ก็ตกลงกันว่าให้ไตตั้นนอนเฝ้า 
    ส่วนเดียร์จะเป็นคนโทรบอกที่บ้านฟานเองว่า ฟานไม่สบายนอนบ้านรุ่นพี่
    “แล้วพี่เลล่ะ เอาไง”ไทเกอร์ถาม
    “เก้อนอนคนนึงแล้ว พี่กลับบ้านดีกว่า ไปละอย่าลืมเปิดมือถือด้วย”

    เลเดินนำสามสาวหนึ่งหนุ่มออกจากห้อง และอาศัยรถหญิงเมย์กลับไปที่คณะ 
    เวลาก็ล่วงไปตีหนึ่งแล้ว หญิงเมย์จะขับรถข้ามเมืองไปส่งเดียร์ก่อนกลับบ้านกับเก๋และมากิ 
    เลจึงแย้งขอไปส่งเดียร์แทนเองเพราะเป็นทางผ่านกลับบ้านเขาได้ 
    พวกน้องๆลังเลสักพักก็พยักหน้าอย่างไว้ใจ 
    เลเดินนำน้องไปที่รถของเขา โกยสมบัติตรงที่นั่งข้างคนขับไปไว้เบาะหลัง 
    เดียร์ยิ้มในหน้านิดนึง แปลว่าปรกติไม่มีคนนั่งหน้าใช่ไหมคะ 
    นั่งตามคำเชิญรัดเข็มขัดแล้วก็นั่งรอเงียบๆ เพลงบรรเลงในรถฟังอ่อนโยนเหมือนเจ้าของรถเลย 
    แอร์เย็นรถเงียบแทบไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์

    “เดียร์หิวไหม” เลเอ่ย
    “ไม่ค่ะ พี่เลหิวเหรอคะ” 
    ถามด้วยความเกรงใจ พี่เลวิ่งวุ่นช่วยมาตลอดคืนทั้งที่อะไรเอ่ยไม่เกี่ยวข้องแท้ๆ
    “นิดนึง ขอแวะเซเว่นแล้วกัน” 
    ลงไปเลือกของกินกันแป๊บนึงก็ขับต่อ
    “เดียร์บอกทางพี่นะ” เลสั่ง “ พี่อยากกินหนมจีบกุ้ง”

    เดียร์ก้มหน้าค้นถุงแล้วก็จิ้มขนมจีบส่งไม้ให้พี่เล เขาส่ายหน้าชี้ให้ดูว่ามือจับพวงมาลัย 
    เดียร์จึงต้องจิ้มไม้ป้อนเข้าปากเพียงห้าคำก็หมดถุง 
    ต้องประคองโค้กแคนใส่หลอดให้คุณชายดูดน้ำอีก 
    พระเจ้า นี่มันภารกิจคนเป็นแฟนชัดๆ 
    เดียร์อยากจะร้องกรี๊ดในใจ ไม่รู้จะวางแขน วางมือ วางหน้ายังไงแล้ว 
    มือก็สั่นๆแก้มก็ร้อนๆ แต่ดูสิพี่เขาทำท่าเฉยๆไม่เห็นรู้สึกอะไรสักนิด 
    หยุดใจสั่นเดี๋ยวนี้อุณาโลม

    “พี่ยังไม่มีเบอร์โทรเดียร์เลย” เขาอุทธรณ์
    เดียร์นั่งนิ่งๆ อยากจะประชดแบบคนแสนงอนว่า 
    มีเบอร์พี่ริกาก็พอแล้วนี่คะ จะเอาเบอร์เดียร์ไปทำอะไร 
    แต่ปรกติแล้วเป็นคนซื่อบื้อ งอนไม่เป็น ประชดไม่เป็น 
    อย่างมากก็แอบนึกประชดในใจ แต่ปากก็พูดตรงๆเหมือนเดิม

    “เบอร์พี่เลเบอร์อะไรคะ เดี่ยวเดียร์ยิงไปเอง” 
    สุดท้ายที่ทำก็คือให้เบอร์เขาไปอย่างว่าง่าย

    ก่อนลงจากรถพี่เลที่หน้าบ้าน เดียร์พนมมือไหว้เขาอย่างตั้งใจ
    “เดียร์ขอบคุณพี่มากๆค่ะ วันนี้ถ้าไม่มีพี่เล เดียร์กับเพื่อนไม่รู้จะเป็นยังไง ขอบคุณพี่ที่สุด ไม่รู้จะขอบคุณยังไงแล้ว”
    “ไม่เป็นไร เป็นพี่ก็ต้องดูแลน้องอยู่แล้ว”
    “พวกเดียร์ไม่รู้จะตอบแทนพี่ยังไงดี”
    “วันหลังพาพี่ไปเลี้ยงข้าวสิ”
    เดียร์อมยิ้ม พยักหน้า
    “ตกลงค่ะ แล้วนัดกันวันหลังนะ”
    เดียร์ก้าวลงจากรถโบกมือบ๊ายบาย 
    “แล้วเจอกันนะคะพี่เล”

    อยากได้ยินแบบนี้ทุกวันเลย เลยิ้ม

     
    ภาพเพดานห้อง เตียง ม่าน เฟอร์นิเจอร์โมเดิร์นพวกนี้ไม่คุ้นตาเลย 
    ฟานมองไปรอบๆแล้วกระพริบตาบนพื้นห้องมีคนปูผ้านอนแผ่อยู่คือไตตั้น 
    เขาชันตัวขึ้นนั่งชันเข่าแขนพาดไว้ที่หัวเข่าด้วย มือเสยผมยุ่งไปมา 
    อ้าวแล้วนี่เสื้อนอนก็ไม่ใส่ นี่ห้องใคร เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน 
    ฟื้นความจำอันเลือนรางได้ถึงอ้อมแขนของใครสักคนที่ช่วยพยุงขึ้นลิฟต์แล้วส่งให้ถึงเตียง 
    แวบเห็นภาพเคลื่อนไหวบางอย่างที่ประตู 
    ใครคนหนึ่งเปลือยท่อนบนยืนเท้ากรอบประตูห้องส่งสายตาปริศนามาให้

    ไทเกอร์!

    “จำได้ยัง ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น”
    ไตตั้นรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาพอดี นั่งงอขางัวเงียกันอยู่บนที่นอน
    “ฟานตื่นแล้ว ดีจัง มึงเป็นไงมั่ง” 
    ไตตั้นตะกายขึ้นมานอนบนเตียง ขณะที่ฟานขยับกายให้เพื่อนขึ้นมานอนข้างๆ 
    “เล่าให้ฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น” 
    ฟานว่า เขาจึงเล่าสรุปความตามที่ไทเกอร์บอกเล่าให้ฟังเมื่อคืน อย่างครบถ้วนทุกกระบวนความ  
    แปลว่าไทเกอร์เป็นคนช่วยเขาจากหายนะครั้งนี้หรือเนี่ย ฟานคอแข็ง

    “ผู้ชายคนที่ลงมือกับมึงก็คือ ไอ้บีวิศวะที่เคยเอาของมาให้มึงไง จำได้ยัง” 
    คนนั้นนี่เอง ถึงว่าคุ้นหน้านัก 
    ไตตั้นมองหน้าอกฟานเพิ่งเห็นเป็นรอยแดงตรงเนื้อหน้าอกเพื่อน เลยพูดต่อ
    “อ้าว ไอ้สาระเลว นี่มันล้วงมาหยิกนมมึงด้วยอ่ะฟาน เป็นรอยเลย” 
    ไทเกอร์กระแอมไอแค็ก

    รู้สึกอายสายตาคนอื่นที่จับจ้องเนื้อตัวเปล่าเปลือยขึ้นมา 
    ฟานไม่เคยชินกับการสนิทสนมถึงเนื้อถึงตัวมาก่อน ไม่ชอบการโดนโลมเลียด้วยสายตา 
    ปรกติต้องแสดงการไม่แคร์สายตาด้วยการเชิดหน้าไม่มองสบตาใคร 
    แต่นี่โดนผู้ชายหันมามองนม ทำให้รู้สึกอายขึ้นมาบ้าง 
    มันเริ่มจากหูแดงลามลงมาที่คอแล้วก็ที่อก 
    ผ้าเช็ดตัวถูกเหวี่ยงมาโปะครอบหัวจากมือเจ้าของห้อง นับว่าช่วยได้มาก

    นึกถึงสภาวะเสี่ยงเมื่อวาน อยู่ๆใจก็หวิวขึ้นมา 
    ฟานเริ่มตัวสั่น หายใจขัด หน้าเริ่มซีดมือเริ่มเกร็ง 
    ไตตั้นเห็นอาการรีบเรียกชื่อกันใหญ่

    “ฟาน ฟาน มึงใจดีๆ ไม่มีอะไรแล้ว” 
    รู้สึกถึงแรงกดที่ข้อมือในเมื่อวาน นึกถึงน้ำที่กรอกปาก มือที่บีบคาง 
    ผะอืดผะอมจนอยากจะอาเจียน ฟานลุกพรวด 
    ไทเกอร์เหมือนจะเข้าใจ รีบเข้ามาลากมือเขาไปที่ห้องน้ำ 
    ฟานโก่งคออาเจียนจนหมดไส้หมดพุง 
    รู้สึกแขยง รู้สึกเหมือนอยู่ให้ตู้ปิดตายบีบรัดไปหมด 
    มือใครสักคนตบหลัง ยื่นขวดน้ำให้กลั้วคอ ไตตั้นนั่นเอง

    ไทเกอร์มองสภาพฟานแล้วชักเริ่มเข้าใจว่าทำไมแฟนและเพื่อนถึงเป็นห่วงต้องตามหาตัวให้เจอให้ได้ 
    อาการนี้ไม่ปรกตินัก ไม่น่าเชื่อว่าคนเย่อหยิ่งขนาดนี้จริงๆแล้วอ่อนแอเปราะบางดูน่าถนอมแบบนี้ 
    ฟานเดินสะโหลสะเหลคลุมผ้าเช็ดตัวห่มลงมานั่งที่เตียง 
    สายตาช้อนมองไทเกอร์ รับน้ำขวดมาถือบอกขอบคุณเบาๆ 
    สักพักก็เงยหน้า

    “ขอบคุณนะครับ ..พี่เก้อ” 
    เป็นครั้งแรกที่ฟานเรียกชื่อนั้นออกมา หลังจากไม่ถูกกันมาเป็นเดือนๆ
    ไทเกอร์พยักหน้ารับง่ายๆ

    เนื่องจากไทเกอร์เดินลงไปซื้อของกินตอนเช้าจากเซเว่นด้านล่างมาให้ทุกคนแล้ว 
    ทั้งหมดจึงนั่งล้อมเคาน์เตอร์แพนทรี่ กินอาหารเช้าด้วยกัน

    “แล้วจะเอายังไงต่อไป เอาเรื่องมันหรือเปล่า”
    ฟานนั่งนิ่งๆยังไม่ตอบคำถามของไตตั้น 
    บ้านของเขาเป็นตระกูลเก่า ถือนักเรื่องข่าวคราวเรื่องหน้าตา 
    ฟานเองไม่เคยเป็นข่าวไม่เคยเห็นในที่สาธารณะก็เพราะอิทธิพลของที่บ้าน 
    ใช่ว่าบ้านเขาสิ้นไร้ไม้ตอก ไอ้เรื่องเอาเรื่องเอาราวนั้นเขาไม่ได้กลัวเกรงอะไร

    “คงต้องบอกที่บ้านแล้วให้ทนายจัดการจริงจังแล้วล่ะ”
    ไทเกอร์ฟังแล้วประเมินได้ว่า ฟานเป็นลูกคุณหนูขนานแท้คนหนึ่ง 
    น่าจะมีฐานะไม่น้อยไปกว่าบ้านเขากับเลโอเลย
    “แล้วฟานจะไปหาหมอไหม”
    “คงไปตรวจหาหลักฐานไว้ก่อน เผื่อมีเรื่องทีหลัง แต่อาจจะต้องไปพบจิตแพทย์ด้วย เพราะเจอมาสองหนแล้ว กลัวจะฝันร้ายต่อเนื่อง” 
    ฟานเล่าเนิบๆ แต่สะดุดหูอีกสองหนุ่ม 
    แปลว่าเรื่องพวกนี้เป็นประเด็นของฟานจริงๆ 
    ฟานไม่ใช่แค่คนหยิ่งยะโสแต่มันเป็นบุคลิกภาพที่สะท้อนสภาพจิตของเขา 
    นั่นทำให้วิศวะปีสองคนนั้นเกิดความรู้สึกใหม่ เหมือนมองเห็นฟานคนใหม่ 
    คนปุถุชนธรรมดาที่จับต้องได้ เข้าถึงได้มีเลือดเนื้อ ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป 
    ดวงตาคู่คมลอบมองใบหน้าหยิ่งๆ
    ซ่อนไว้ด้วยความรู้สึกระคนกันระหว่างรู้สึกผิด ทึ่ง พึงใจ และใฝ่หาอย่างบางเบา

     
    “เรื่องก็เป็นอย่างนี้ครับพ่อ”
    พ่อของฟานนั่งนิ่งสักพัก ก็ตบโต๊ะปัง แม่นั่งซับน้ำตาป้อยด้วยความสงสารลูก
    “มันกล้าทำกับลูกแบบนี้เชียวหรือ” 
    ร่างสูงบึกบึนลุกพรวดขึ้นยืน หนวดเฟิ้มนั้นกระดิกริกๆ 
    “จะเอามันไว้ทำไม พ่อจะฆ่ามัน”
    “ฟานยังไม่เป็นอะไรมากครับพ่อ แค่เจอยากล่อมประสาทอย่างแรง”
    “พอแล้วๆ พ่อไม่ให้ฟานอยู่เมืองไทยแล้ว มีแต่คนเลวๆ ลูกพ่อเจอมาสารพัดพอได้แล้ว พ่อรับไม่ไหวอีกแล้วฟาน”

    ย้อนนึกถึงช่วงเกรดสี่ ฟานยังเป็นเด็กชายน้อยหน้าตาสะสวย 
    ความสวยนั้นเชื้อเชิญเหล่าpedophile ให้เข้ามารุมไต่ตอม 
    โรงเรียนหรูราคาแพงลิปที่พ่อส่งฟานเรียนนั้นเชิญครูต่างชาติมาสอน 
    ครูสอนดนตรีคนนั้นเป็นหนุ่มใหญ่ผมทองเปียนิสต์ชื่อดัง 
    มีผลงานออกซิงเกิลของตัวเองในระดับนานาชาติ 
    เขาเป็นอาจารย์พิเศษที่มาสอนเสริมเป็นแขกรับเชิญของโรงเรียน 
    ไม่มีใครสังเกตว่าดวงตาที่มองฟานนั้นเจอแววปรารถนาล้ำลึก 
    มีการติวงานเปียโนพีซตัวต่อตัวกับฟานด้วยเหตผลว่า ฟานเป็นจีเนียส 
    จนเมื่อฟานมาเล่าให้ที่บ้านฟังแม้ครูจะขู่ห้ามไว้แล้วว่า 
    เขาไม่สบายใจที่ครูจับต้องฟานน้อยของเขา 
    จึงเป็นเหตุให้เกิดการรื้อเทปวงจรปิด 
    พบพฤติกรรมการเริ่มแตะต้องตัวของครู 
    ตามมาด้วยการแจ้งความจับครู การฟ้องร้องโรงเรียนจากครอบครัวฟาน 
    กว่าเรื่องจะจบก็เป็นปี

    นั่นเป็นเพียงหนึ่งเรื่องของอีกหลายเรื่องที่ฟานได้รับพิษภัยจากความงามของตัวเอง
    “พ่อครับ บ้านฟานอยู่นี่ ฟานยังต้องมีชีวิตอยู่อีกนานในเมืองไทย ให้ฟานอยู่ที่นี่ต่อเถอะครับ”
    พ่อให้ทนายประจำตระกูลดำเนินการทางคดีความ 
    พร้อมหลักฐานจาก โรงพยาบาล 
    ในที่สุดเรื่องออกมาว่า กี๊ฟกับบีขอดร็อปทั้งเทอมไปอย่างเงียบเชียบ







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×