ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Androgyny - หัวใจไร้สถานะ [ Yaoi ] -END-

    ลำดับตอนที่ #3 : 03 เก้วกาด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.42K
      117
      11 ม.ค. 62

    03


    “ผมไม่ยอม” 
    ฟานเน้นทีละคำ สีหน้าบอกความโกรธชัดเจนเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด

    “ผมจะเป็นเพื่อนกับใครเกี่ยวอะไรกับมันด้วย”

    “แม่ง เสือกมาก” 
    ฟานผรุสวาท ซึ่งผิดกับปรกติ ฟานเป็นคนสุภาพไฮโซตลอดเวลา

    “ผมจะเล่นมันคืนให้สาสม”

    “มันต้องเสียใจที่มายุ่งผิดคน”

    ฟานกัดกรามหน้าเครียด กำมือแน่นจนเป็นข้อขาว 
    เดียร์มองฟานตาปริบๆ ดูว่าฟานจะอินเนอร์แรงเกินไปไหม ขณะที่เดียร์เองยังไม่เท่าไหร่กับสถานการณ์ 
    เดียร์ยกนิ้วขึ้นจุปากชี้ไปทางบอร์ดหน้าห้องที่อาจารย์กำลังฉายสไลด์รายละเอียดวิชา เป็นทีว่าให้ตั้งใจเรียน 
    ฟานจึงค่อยหันหน้าไปมองกระดาน แต่สักพักก็พับโน้ตบุ๊คลงแรงๆ ถอนใจ บ่นเสียงดัง

    “ผมไม่มีสมาธิเรียนแล้ว นี่ผมโกรธมากๆจริงๆนะ” 
    คนรอบข้างเริ่มหันมามอง เดียร์ได้แต่ยิ้มจืดๆให้
    ฟานไถลตัวลง หัวพิงพนักเก้าอี้ เอียงมาเกือบซบไหล่เดียร์
    “ผมห่วงเดียร์ ผมปกป้องเดียร์ไม่ได้” 
    น้ำเสียงแผ่วอ่อนเศร้า
    “เอ๊ย เรายังไม่เป็นไร สบายดีอยู่”
    ฟานเหลือบตาดูรอยแดงเป็นทางบนแก้มของเพื่อน ยกมือขึ้นไล้เบาๆ
    “เจ็บไหม” 
    เดียร์สั่นหน้าเอามือปัดมือฟานออกอย่างสุภาพ
    “ไม่เจ็บ”


    เดอะแก็งค์รู้ข่าวจากเหตุเล่าลือในหน้าเพจเฟสรวมปีหนึ่งมหาวิทยาลัยอันมีชื่อว่าใต้เตียงมอ 
    ต้นข่าวมาจากปากมนมนุษย์ ไทยมุงผู้ซึ่งต้องการเรียกร้องความยุติธรรมให้เดียร์มากกว่าจะอยากนินทา 
    แต่มนรู้โลกรู้ เรื่องจึงโด่งดังใหญ่โตมาก 
    กิ๊ฟนั้นมีลูกเพจให้ลายแทงว่าเป็นสาวรัฐศาสตร์ปีสองผู้โด่งดังจากการสร้างภาพเป็นบิทชี่ร้ายๆแรงๆ 
    ตอนเย็นเดอะแกงค์ทั้งหมดพาเดียร์ไปเดินห้างกินข้าวเป็นนัยว่าปลอบใจปลอบขวัญเล็กๆ 
    ฟานผู้ซึ่งปรกตินิยมแยกตัวเมื่อเที่ยวห้าง ยอมไปด้วยเป็นครั้งแรก 
    ทั้งหกจึงนั่งรถหญิงเมย์ซึ่งเป็น MPV คันใหญ่ไปห้างหรูแหล่งร้านอาหารดัง

    “พี่คะ ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ” 
    ฟานหันไปมอง เป็นสาวน้อยคอนแวนต์จำนวนหยิบมือหนึ่ง

    “คงไม่ได้ครับ” 
    เสียงว้าด้วยความผิดหวังดังลั่น สีหน้าสีตาผิดหวังกันสุดชีวิต 
    ฟานเดินล้วงกระเป๋าตามแบบซุปเปอร์โมเดลจากมา 
    เดอะแกงค์ได้แต่หันไปขอโทษน้องแทน สักพักก้อเปลี่ยนไปสนใจการเลือกร้าน 
    ทุกคนเลือกร้านบุฟเฟต์ สเต๊กสลัดบาร์เจ้าดังประสาเด็กกำลังโต

    “ทำไมล่ะฟาน ทำไมไม่ให้น้องถ่ายรูป”
    บนโต๊ะอาหาร มากิหนุ่มแว่นถามด้วยความอยากรู้ 
    เป็นครั้งแรกที่มาด้วยกันแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ 
    ฟานมีสีหน้าเหมือนเหนื่อยใจเล็กๆ ไม่พูด เดียร์จึงถามย้ำแทน
    “ทำไมเหรอฟาน”
    ทีนี้ตอบเมื่อเป็นคำถามของเดียร์

    “คนเราควรรู้จักเคารพสิทธิของคนอื่นบ้าง” 

    เดียร์ฟังแล้วรู้สึกใจหาย  สงสารฟานขึ้นมากะทันหัน 
    จริงสินะ ฟานเป็นคนหน้าตาดีเกินมาตรฐานคนหน้าตาดีทั่วไป 
    นั่นทำให้ทุกสายตาหันมาจับจ้องมองฟาน ทำให้ทุกคนอยากเข้าถึงฟาน 
    ตอนนี้เป็นเวลาส่วนตัวของฟานกับเพื่อนแท้ๆ 
    แต่ใครก็ไม่รู้ เข้ามาเกาะแกะเข้ามาอยากมีส่วนร่วมอยากมีโมเมนต์หนึ่งในชีวิตของฟาน 
    แล้วนี่ตลอดเวลา18ปี ฟานเจอเหตุการณ์แบบนี้มาเท่าไหร่ 
    ต้องรู้สึกถูกก้ำเกินละเมิดสิทธิเท่าไหร่

    “สมัยก่อน ผมใส่หูฟังนะ ใส่เฉยๆไม่เปิดเพลงเพราะรำคาญคนเข้ามาทัก” 
    เขาพูดต่อ
    “แต่เชื่อไหม คนเดี๋ยวนี้เขาไม่รู้จักความเกรงใจกันแล้ว หลายคนมากระชากหูฟังผมออกดื้อๆก็มี คิดว่าความกักขฬะเรียกร้องความสนใจได้ว่างั้น”
    เป็นครั้งแรกที่ฟานเล่าเรื่องส่วนตัว โดยเฉพาะให้เดอะแก็งค์ได้ยิน 
    ส่วนเดียร์นั้นพอจะเคยได้ยินความคิดของฟานมาบ้างอยู่ก่อน

    “อ๊ะ อย่ามามองผมด้วยสายตาสงสาร ผมไม่ได้น่าสังเวชขนาดนั้น” 
    ฟานยกมือห้ามยิ้มๆ เมื่อสมาชิกในโต๊ะมีสีหน้าซึ้งขึ้นมากันทุกคน


    “เป็นครั้งแรกนะที่เรารู้สึกว่าฟานเปิดกับพวกเรา” 
    เมื่อฟานขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เก๋ก็เอ่ยปากขึ้น ทุกคนพยักหน้าเป็นเสียงเดียวกัน
    “กับเดียร์ ฟานเปิดมากกว่านี้ไหม”
    “ก็เปิดนะ คุยกันเยอะแยะหลายเรื่อง”
    “แล้วตกลงเป็นอะไรกัน ทั้งเรื่องตอนเช้า เรื่องตอนบ่าย มีแต่เรื่องฟานทั้งนั้น” 
    หญิงเมย์ว่า
    “ไม่ได้เป็นไรกัน เป็นเพื่อน เพื่อนจริงๆ”
    “แล้วเรื่องชีกิ๊ฟที่มาตบเดียร์นั่นล่ะ เดียร์จะทำยังไงเลิกคบตามมันขู่หรือเปล่า”
    “ไม่ทำยังไง คนมันบ้า มิตรภาพที่ดีใช่ว่าหาง่ายๆ ทำไมเดียร์จะต้องเลิกคบกับฟานเพื่อความพอใจของใครก็ไม่รู้ ฟานเป็นเพื่อนที่ดี จนนึกไม่ออกว่าทำไมถึงจะต้องไม่คบ แล้วคนเป็นเพื่อนกันทำไมต้องจำกัดว่าเป็นเพื่อนต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ จะไปจำกัดความมันทำไม”


    เมื่อแยกตัวกลับกันสองคนมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อเอารถฟาน ก็ค่อนข้างมืดแล้ว 
    ที่จอดรถสมาคมมีไฟเพียงรุบหรู่ รถยุโรปสีดำเจ้าประจำที่จอดข้างๆ มีคนยืนตะคุ่มๆ 
    ฟานผลักเดียร์ไปด้านหลังตัวเอง เปิดแฟลชมือถือส่องนำทางไปที่รถ

    “อ้าว พี่เก้อ” 
    ไอ้หน้าหล่อศัตรูเก่าของเขานั่นเอง ฟานเม้มปาก
    “ไปไหนมากลับค่ำเชียวพี่”
    “ซ้อมกีฬา แล้วเดียร์ล่ะ” 
    ไม่ถามว่าเดียร์กับเพื่อนล่ะ เพราะความระคายใจยังมีอยู่ละสิ 
    รถสีดำคันนี้ของมันเองเหรอ ดูมีฐานะเข้าขั้นนะเนี่ย ถึงว่าดูกร่างๆ มันหล่อรวยนี่เอง

    ไทเกอร์มองไอ้หน้าสวยคู่กรณีจากเมื่อเช้า ยืนกอดอกกางขาท่าซุเปอร์โมเดลประจำตัว 
    มันเมินหน้าไม่มองเขา ผมปลิวๆในสายลมดูสวยขึ้นอีกเท่าตัว หมั่นไส้ว่ะ

    “กินข้าวมา กำลังจะกลับกับฟาน”
    ไทเกอร์พยักหน้ารับ 
    “พี่ไปล่ะบาย”
    ไม่ได้ถามเดียร์ถึงข่าวดังประจำวันของมหาวิทยาลัย 
    ต้นเหตุคือไอ้คนอยู่ข้างๆ ดีแต่หน้าตาดีไปวันๆ ดูแลผู้หญิงก็ไม่ได้ 
    แล้วเมื่อเช้าทำเก๊กแมนใหญ่เลยนะ ตุ๊ดเอ๊ย กระจอกว่ะ


    คืนนั้น ฟานส่งข้อความไลน์มาบอกว่า 
    พรุ่งนี้เช้าไม่ได้มารับนะติดธุระ ตอนเย็นหลังซ้อมร้องเพลงคณะกลับด้วยกันนะ 
    แม้ว่าตอนเช้าจะฝนตกแต่เดียร์ไม่รู้สึกลำบากอะไร นอกจากสบายใจที่ได้อยู่ในบรรยากาศคุ้นเคย
    นั่งมองทางสองข้าง ดูชีวิตคนบนรถเมล์บ้าง 
    ชีวิตของเดียร์เรียบง่ายมาตลอดมีมาตื่นเต้นเล็กๆ ก็ตอนคบกับฟานนี่แหละ 
    นั่งเก๊กเอ็มวีบนรถปอ.สักพักก็เห็นรถสีขาวคุ้นตาอยู่ด้านขวามือ 
    รถใช่ทะเบียนใช่ ส่องดูเห็นมือขาวๆ ก็ใช่นี่หว่า 
    เอ๊ะยังไงกัน นี่ก็ทางไปมหาลัย 
    หรือยังไง หรือฟานจะเลิกไปรับส่งเพราะไม่อยากให้เดียร์เจอเหตุการณ์เหล่านั้นหรือเปล่า 
    เอ จะคิดมากไปทำไม เดี๋ยวฟานก็มาเฉลยเองแหละ 
    คิดตกได้อย่างนั้น เดียร์ก็เลิกคิด

    แต่เรื่องไม่ได้เรียบง่ายอย่างนั้นหรอก 
    เพียงแค่ก่อนเก้าโมงเข้าคลาส ยังไม่ทันเปิดไฟลท์โหมดไลน์ก็เด้งกระหึ่ม 
    เดียร์จึงควักมือถือออกมาอ่าน เดอะแกงค์ส่งข่าวให้เข้าไปอ่านเพจใต้เตียงมอ เพจโพสต์ว่า


    ความเก้วกาดของหลัว/ ข่าวเม้าท์จร้า เช้านี้เกิดเหตุการณ์หักหน้าล่าล้างแค้นแล้วจร้า จากข่าวดังเมื่อวานบ่ายหนูน้อยโดนสาวสวยดักตบชิงหลัว วันนี้หลัวนางมาล้างแค้นให้จร้า ผู้ของหนูน้อยทิ้งถุงหนมชีกิ๊ฟต่อหน้าเอาเกือกบี้ขยี้ซ้ำแล้วตอกย้ำด้วยคำว่าเสนียด กลางโรงอาหารรัดสาด สะพรึงไปทั้งคณะ!!!!

    อุแม่จ้าว! เดียร์ตาค้าง นี่คือธุระของฟานเหรอเนี่ย

    ใครบางคนเคาะโต๊ะพับด้านหน้า 
    เดียร์เงยหน้าขึ้นมองก็เจอคนในข่าวยืนหน้านิ่งๆ แล้วนั่งลงฝั่งซ้ายของเดียร์ 
    นี่ก็สังเกตมาหลายครั้งอยู่เหมือนกันว่า ฟานจะนั่งกันไม่ให้ใครนั่งใกล้เดียร์เสมอเว้นแต่เดอะแกงค์เท่านั้น

    “ไปทำแบบนั้นทำไม” 
    เดียร์ยื่นโทรศัพท์ให้ฟานดู ขณะที่อีกฝ่ายแค่ปรายตามอง
    “ยังไม่สาแก่ใจ ผมจะเล่นมันอีก ให้มันรู้จักอาย” 
    เย้ย จะหนักเกินไปแล้วลูกพี่
    “เอ้อ ฟาน เดียร์ไม่ได้อะไรหนักหนานะ พอเหอะมั้ง”

    “มันไม่เกี่ยวกับเดียร์หรอก” 
    ความรู้สึกของเดียร์ก็บอกเช่นกันว่า ฟานอินกับเรื่องนี้มากผิดปรกติ 
    เหมือนมีอะไรกับประเด็นเหล่านี้มาก่อน แล้วอยากระบายอารมณ์ย้อนหลัง

    “เรื่องแบบนี้เคยเกิดมาก่อนใช่ไหมฟาน” 
    เดียร์ถามเสียงอ่อนโยน เอื้อมมือไปจับต้นแขนฟานเบาๆ 
    อีกฝ่ายนิ่งไปนิดหนึ่งไม่ตอบ
    “เดียร์เป็นคนสำคัญของผม ผมต้องดูแลเดียร์ได้” 
    ตอบมาอย่างเข้มเชียวนะคุณขา

    “นี่ เธอๆ” 
    เสียงเรียกจากใครคนหนึ่งที่เดินก้าวฉับๆมาจากหน้าห้อง 
    เอมสาวฆาตกรฆ่าน้องขาวนั่นเอง ผมยาวประบ่าใสสวยสไตล์ลูกคุณหนู หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม 
    เสียงเรียกของเอมเหมือนเรียกเดียร์ แต่สายตาจับจ้องไปที่ฟานเป็นประกายวาววับ

    “อ้อ เอม”
    อีกฝ่ายถือวิสาสะนั่งเก้าอี้แถวหน้าแล้วหันหลังมาคุยกับเดียร์ แต่ปรายตาไปที่ฟานบ่อยๆ
    “ไม่เห็นบอกค่ารักษามาอีกเลย นี่เอมก็รออยู่นะ” 
    ได้ข่าวว่าเธอก็มีเบอร์ฉันนะ
    “ไม่กี่ตังค์เลยไม่ได้บอกไป โทษทีที่ให้รอ”
    เอมพยักหน้า หันไปมองสบตาฟาน 
    อีกฝ่ายนิ่งแล้วเมินไปมองนอกหน้าต่างด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

    “เดียร์ไม่เห็นแนะนำเพื่อนเลย ฟานใช่ไหม นี่เอมนะคะ” 
    ฟานยังนิ่ง 
    เอมนั่งยิ้มค้างรอทักอยู่นานก็ไร้ผล เลยหันมาคุยกับเดียร์เรื่องน้องขาวสองสามคำ 
    อึดอัดสักพักก็ทนไม่ไหว ลุกขึ้นยืนอำลา 
    “เอมไปนั่งกับเพื่อนบริหารละ แล้วเจอกันนะคะ เดียร์ ฟาน”

    “ไม่คุยกับเขาบ้างเล่า เขาอุตส่าห์มาทัก”
    “คนแบบนี้ มีอะไรให้พูดด้วย”
    จร้า เอาที่พี่สบายใจ



    เรียนเสร็จ ฝนลงเม็ดพอดี เดียร์ควักร่มพกออกมากาง ฟานถือวิสาสะหยิบมาถือแทนแล้ว
    เดินลงบันไดไปด้วยกันจากตึกเรียนรวมมุ่งหน้าไปคณะเพื่อซ้อมร้องเพลง 
    คนที่ยืนรอติดฝนพากันซุบซิบถึงเหตุการณ์ในสองวันที่เกี่ยวข้องกับทั้งสองคนอย่างเพลินปาก 
    ทุกคนเหมือนจะเชื่อไปแล้วว่าเดียร์กับฟานเป็นแฟนกันแน่นอน และนี่เป็นภาพคู่รักกลางสายฝน 
    แต่เดียร์ไม่สนใจเสียงซุบซิบพวกนั้น ความมั่นใจในตัวเองของเดียร์มีสูงกว่าที่คนอื่นเข้าใจ

    “จริงๆแล้ว ถ้าไม่มีเดียร์ผมไม่เข้าร้องเพลงคณะหรอกนะ”
    “อ้าวทำไมล่ะ “
    “ผมไม่แคร์ ไม่ได้อยากสังคมกับใคร”
    “ผมแคร์เดียร์”
    เดียร์ก้าวเท้าไปเรื่อยๆ นิ่งคิด

    “ฟาน ฟานคิดแบบนั้นก็อาจจะถูกของฟาน แต่ในความเห็นเดียร์ เดียร์แคร์สังคมนะ แคร์ไม่ได้แปลว่าอยากให้คนยอมรับ แต่หมายถึงว่าสังคมคือคน และคนทุกคนมีตัวตนมีอารมณ์มีความรู้สึกรู้สา เป็นคนเท่าๆกัน เดียร์ชอบที่ทุกคนมีความสุข โดยเฉพาะคนรอบๆตัวเดียร์”
    “ผมไม่ต้องการเพื่อนคนอื่น ผมมีเดียร์ก็พอ”
    “ แล้วถ้าวันนึงเดียร์หายไป ฟานจะทำยังไงล่ะ”
    ฟานนิ่งไปนิดหนึ่ง

    “เรื่องทางสังคมทุกอย่างมันอาจจะจบลงวันนั้นก็ได้นะครับ” 
    ตกใจว่ะ ตกใจ
    “เฮ้ย ไม่สิฟาน คุณค่าของฟานไม่ควรขึ้นกับใครทั้งนั้น รวมถึงเดียร์ด้วย” 
    อารมณ์ผูกพันลึกซึ้งของฟานรุนแรงกว่าที่เดียร์คิดนัก 
    นี่ขนาดเพิ่งเป็นเพื่อนกันได้สองสัปดาห์ยังขนาดนี้ ผ่านไปปีนึงจะขนาดไหน

    “เราเพิ่งเป็นเพื่อนกันได้สิบกว่าวันเองนะฟาน”
    “เวลาไม่สำคัญเลยครับเดียร์ ผมให้เดียร์เห็นทุกอย่างของผม และผมเห็นเดียร์ชัดมากๆครับ”
    “เดียร์น่ะเหรอ ฟานเห็นอะไรในตัวเดียร์”
    “เดียร์เป็นคนดีมากๆ เป็นคนใจดีมากๆ”
    แอบรู้สึกพอใจแฮะ
    “ยังไง”

    “เดียร์รู้ไหม ผมอยากเป็นเพื่อนกับเดียร์เพราะน้องขาวเลยนะ” เขาบอก “เดียร์ใจดีกับสัตว์ แล้วยังใจดีกับคน คนอย่างเอมที่เห็นแก่ตัวไม่รับผิดชอบ เดียร์ยังช่วยเขาเลย”
    เดียร์พยักหน้าหงึก เพิ่งรู้วันนี้เอง
    “เดียร์ไม่ได้ใจดี ใครอยู่ตรงนั้นก็ทำแบบนั้นทั้งนั้นแหละ”
    “ผมก็อยู่ตรงนั้น ผมยังไม่ทำเลย” 
    เขาแย้ง มือขวาย้ายมาจับร่ม ส่วนแขนซ้ายคล้องฉับที่แขนเดียร์

    “ทนผมหน่อยนะ จริงๆผมเป็นคนเยอะๆหน่อย แต่สงวนท่าทีอยู่เท่านั้นเอง” 
    เอนศีรษะผมยุ่งๆนั้นมาซบหัวเดียร์ เดียร์เบนออกปรามเบาๆ
    “อย่าเยอะๆอายคนมั่ง ไหนด่าอีพี่เก้อแล้วมาทำรุ่มร่ามเอง”
    “อันนั้นหวง หวงเพื่อนมากๆ บอกตรงๆ”

    เดียร์เชื่อที่ฟานพูด เท่าที่คบกันมาฟานไม่เคยปดกับเดียร์ อย่างมากก็ไม่พูดอย่างกรณีเช้านี้เป็นต้น 
    ฟานเหมือนคนขาด ไม่เต็มและต้องการสิ่งเติมเต็ม โดยเฉพาะขาดเพื่อน 
    เดียร์เชื่อคำพูดว่าฟานมองเดียร์เป็นเพื่อนอย่างแน่นอนไม่มีอย่างอื่นเจือปน 
    ดูจะหวังจะมาเรียกร้องมิตรภาพสมบูรณ์แบบเอากับเดียร์ 
    เพียงแต่เวลาที่คบกันยังไม่มากพอจะทำให้ฟานเล่าทุกอย่างให้เดียร์ฟัง 
    จนเดียร์ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าฟานที่แท้จริงเป็นอะไรกันแน่


    วันนี้เป็นวันซ้อมร้องเพลงวันแรกของคณะ 
    ฟานส่งสายตาอาลัยอาวรณ์มาให้เดียร์เมื่อแถวโดนแบ่งชายหญิง หกคนโดนแยกชายสามหญิงสาม 
    คณะนี้เป็นคณะใหญ่ ทั้งคณะหลายพันคนแค่ปีหนึ่งก็เกือบพันไปแล้ว 
    ฟานอยู่กับมากิไตตั้น อดทนกับสถานการณ์อย่างที่เขาไม่เคยอดทนมาก่อน 
    ทั้งหมดก็เพราะเดียร์ เมื่อเดียร์อยู่ เขาก็จะอยู่ 
    รุ่นพี่สวมบทกากเกรียนได้สมบทบาทมากจนฟานแทบจะทนไม่ไหว จะหลุดหลายครั้ง 
    แต่เมื่อนึกถึงเดียร์ก็ได้แต่นั่งทนหน้าหงิกงอไป

    เดียร์นั่งเป็นหัวแถวถัดไปเป็นหญิงเมย์กับเก๋ พากันแหกปากร้องเพลงตามพี่ว้ากจนเสียงแหบเสียงแห้ง 
    จนได้เวลาพักจึงนั่งฟุบหน้าลงกับพื้นที่นั่งขัดสมาธิอยู่ 
    ฝีเท้าใครสักคนมาหยุดอยู่ข้างขวา เดียร์ยันกายหันไปมอง 
    เป็นรุ่นพี่ปีสามคนหนึ่ง สังเกตเห็นตั้งแต่เข้าคลาสเชียร์แล้วว่ามองมาที่เดียร์บ่อยๆ

    “ไหวหรือเปล่าเราน่ะ”
    รุ่นพี่หน้าตาโอปป้าสุดขีดคนนั้นนั่งยองๆ เอาดินสอเขี่ยๆแขนเสื้อเดียร์ 
    นี่คนนะไม่ใช่ขยะ
    “ไหว ไม่ได้เป็นอะไร...ค่ะ” 
    เสียงสาวๆแถวถัดไปกระซิบกระซาบ พี่เลๆ
    พี่เลพยักหน้าแล้วลุกขึ้นเดินไปด้านหน้าส่องไปตามแถวอื่นๆต่อ

    “ขายดีจังแก อะไรจะผู้พัวพันเยอะขนาดนี้” 
    หญิงเมย์แซวเบาๆ 
    เออนั่นดิเท่าที่เป็นอยู่นี่ก็มั่นใจนะว่าเรียกแขกไม่ได้ 
    ทั้งผมทรงกะลาทั้งแว่นเนิร์ดขนาดนี้แล้ว
    “เฮ้ย ไม่ใช่หรอก พี่เค้านึกว่าเดียร์ไม่สบายเฉยๆ” 
    อ้าวเดินกลับมาอีกแล้ว 
    เดียร์นั่งตัวแข็งๆ พี่เลคุกเข่าลงข้างนึงชันเข่าข้างนึง ตรงข้างๆเดียร์

    “เจ้าหมาเป็นยังไงมั่ง” เจ้าหมา?
    “ตัวที่โดนรถชนวันปฐมนิเทศ” 
    อ๊ะ พี่เห็นด้วยเหรอ เดียร์ทำตาเป็นประโยคคำถาม
    “พี่เดินผ่านพอดี จำน้องได้ ทั้งทรงผมกับแว่นนี่ด้วย”








    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×