ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Androgyny - หัวใจไร้สถานะ [ Yaoi ] -END-

    ลำดับตอนที่ #11 : 11 ปลาสองมือ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.23K
      93
      11 ม.ค. 62

    11


    “อาร์มว่าเราตั้งใจทำงานกันเกินเหตุไปมั้ยอ่ะ” 
    อาร์มประท้วงตอนดึกคืนนั้น

    หลังกลับจากเมืองเพชร เหลือเวลาทำงานอีกสิบกว่าวัน กว่าจะถึงเดดไลน์  
    แต่สมาชิกสองคนคือไทเกอร์และฟาน ทำเหมือนกับจะต้องส่งงานในวันนี้พรุ่งนี้ 
    หักโหมทำโดยไม่พูดจาไม่มองหน้า ไม่พูดเล่นไม่หัวเราะ 
    ฟานนั่งประจำตำแหน่งที่เคานเตอร์ครัว โคมส่องลงผมสีอ่อนนั้นพอดี 
    แถมใส่เสื้อขาวอีกจึงขาวเจิดจ้าอยู่กลางแสงไฟ
    นั่งเชิดหน้าเป็นโมเดลสาธิตฮาวทูพิมพ์โน้ตบุ๊คอย่างไรให้สวยสง่า 

    ไทเกอร์นั่งที่โต๊ะรับแขกกลางเยื้องมุมมองให้เห็นแพนทรี่ได้ 
    นานๆก็ส่งสายตาเว้าวอนไปหาคนที่นั่งเด่นเป็นสง่า
    คางเชิด พิมพ์งานรัวเป็นข้าวตอกแตกอยู่ตรงเคานเตอร์บาร์ 
    แต่อีกฝ่ายจะสนใจใยดีก็หาไม่ 
    แรงกดดันจากสองคนทำให้บรรยากาศโดยรวมเครียดเข้มและหนักอึ้งไปด้วย 
    คนที่ทำท่าว่าจะรู้ดีคือเล แต่ก็เอาแต่อมยิ้มไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน 
    สายอินโนเซ้นท์อย่างอาร์มเป็นคนที่ลำบากใจที่สุด 
    เพราะคิดไม่ออกเดาสาเหตุเชื่อมโยงไม่ได้ว่าสองคนนี้โกรธกันเรื่องอะไร 
    นี่จึงเป็นสาเหตุการออกปากประท้วงของอาร์มเมื่อผ่านไปสองวัน

    เดียร์เดินไปหาเพื่อนด้วยความกังวลใจ 
    ไม่เคยเห็นฟานเป็นแบบนี้มาก่อนตลอดเกือบสามเดือนที่รู้จักกัน 
    เดินไปกระแซะข้างๆเพื่อน ฟานเลยหันมาโอบเอวกระชับใกล้ตัวแล้วก้มมาหอมหัวทีหนึ่ง 
    ปรกติแล้วจะตั้งใจให้อยู่ในสายตาของเลศัตรูหัวใจตัวฉกาจ เพื่อประกาศศักดาและอวดเบ่ง 
    แม้จะรู้ว่าทำอะไรเลไม่ได้อยู่ดีโดนมองกลับแบบฮาๆทุกครั้ง 
    แต่ครั้งนี้ตั้งใจโชว์ใครอีกคนที่มองละห้อยอยู่ทั้งวันต่างหาก 
    แล้วก็สมใจเมื่อมีคนส่งสายตาปวดใจมาให้เห็นแต่แล้วก็ทำเมินเสีย 
    เดียร์ตามใจเพื่อนอยู่แป๊บละก็เลยเดินกลับมานั่งทำงานต่อ

    คู่กรณียังเงียบทั้งคู่ 
    เลโอกวักมือเรียกเดียร์กับอาร์มมาสุมหัวใกล้ๆกัน ซุบซิบอะไรบางอย่าง 
    ฉับพลันโดยไม่พูดไม่จา สามคนก็พากันลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูออกไป 
    ไทเกอร์กับฟานหน้าตื่น

    “อ้าวเฮ้ยไปไหนกันน่ะ ไม่ชวน”

    เลหันไปชี้หน้าไทเกอร์ 
    “ใครนิสัยไม่ดีไม่ต้องมา เฝ้าห้องเลย คนนิสัยดี จะไปหาหนมกิน”

    สามคนหัวเราะกันกิ๊กกั๊กแล้วปิดประตูฉับ เหลือไว้เพียงสองคนในห้อง 
    บรรยากาศเครียดกันไปใหญ่ ฟานนั่งคอแข็งแล้วก็ทำท่าไม่สนใจ พิมพ์งานต่อไป 
    นั่งทนไปได้ห้านาทีไทเกอร์ก็ยอมแพ้ ถอนใจเฮือกใหญ่มือพับฝาโน้ตบุ๊คปิดลงฉับ 
    แล้วลุกพรวดเดินก้าวยาวๆมาที่ฟาน 
    เจ้าตัวรีบกระโดดลงจากสตูล ถอยกรูดไปจนติดเคาน์เตอร์ด้านหลัง 
    ขณะที่ไทเกอร์ยังตามก้าวเข้าไปจนประชิดตัว 
    กางแขนคร่อมล็อคโอบขังไว้กับเคาน์เตอร์ ยื่นหน้าเข้าไปแทบจะชิดกัน 
    อะไรที่อยู่ในใจสื่อออกมาหมดด้วยสายตาเว้าวอนและยอมจำนน

     

    “อะไร ยังไง ทำไม” 

    ไม่ได้คุกคามกระชากกระชั้นเสียงใส่ แต่ถามเสียงเบาและนุ่ม
    ฟานไม่สบตา เม้มปากนิดๆ ไม่ตอบ
    “โกรธพี่เหรอ.. ขอโทษนะถ้าทำให้โกรธ” 
    เขาก้มลงกระซิบใกล้ๆกับแก้มขาว

    “แต่ไม่ขอโทษสำหรับอะไรก็ตามที่ได้ทำลงไป ทำเพราะอยากทำ”
    “...”
    “และยังมีอีกหลายอย่างเลยที่อยากทำ ถึงรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ถ้าขอจะอนุญาตไหม”
    “...”
     “ก็รู้ตัวนะว่าเลว แต่จะทำยังไงได้ ถ้าจะหักห้ามใจไม่ได้ขนาดนี้ ให้คนด่าว่าเลวก็คงต้องยอม”
    “...”
     “โกรธพี่ก็โกรธเถอะนะ แต่อย่าเกลียดได้ไหม ทำท่าเมินเฉยแบบนี้เอามีดมาแทงเลยก็ได้”
    “...”
     “อย่าทรมานพี่ด้วยการแสดงความรักคนอื่นต่อหน้าเลยได้ไหม พี่เจ็บนะ ไม่สงสารพี่บ้างสักนิดเลยเหรอ”
    “...”

     ฟานกัดริมฝีปาก ฟังคำหวานง้องอนพรั่งพรูพวกนี้แล้วเหมือนหัวใจจะละลาย 
    ไม่รู้ไปหัดมาจากไหนสมคงพูดกับใครมาเป็นสิบแล้วสิถึงได้คล่องนัก 
    ใกล้จนใจมันสั่นไปหมดแล้ว ลมหายใจปัดแผ่วที่แก้มทำให้รู้สึกวาบไหวอย่างประหลาด 
    ที่ผ่านมาเขามีคนมาจีบเป็นร้อยทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิง 
    แต่ไม่เคยมีใครผ่านด่านจนสามารถเรียกได้ว่าเป็นคนคุยเลยด้วยซ้ำอย่าว่าแต่เป็นแฟนเลย 
    เอาเข้าจริงแล้วเขาก็นับเป็นแค่ไก่อ่อนธรรมดา ไร้ประสบการณ์คนหนึ่ง

    เท่าที่ฟังไทเกอร์ระบายออกมานี่คิดว่าเขากับเดียร์เป็นแฟนกันเหมือนคนอื่นทั่วไปคิดกัน
     แต่แปลกใจที่ไทเกอร์กล้าทรยศน้อง กล้าทำกับแฟนคนอื่นแบบนี้

     “คนทรยศมีสิทธิ์เรียกร้องกับเขาได้ด้วยเหรอ”
    ฟานสวนเบาๆ แต่แรงจนจุก 
    สมไปด่าเลไว้มากเจอเข้ากับตัวเองเป็นไงล่ะ 
    ได้แต่ร้องเฮ้อในใจ สีหน้าสำนึกผิดของไทเกอร์ทำเอาฟานรู้สึกสงสาร 
    อยากจะเอื้อมมือไปจับแก้มไปจับมือให้รู้สึกดีขึ้น แต่ก็สมควรโดนล่ะนะ

    “ขอโทษอีกครั้งจริงๆ สัญญาว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีกแล้ว” 
    เขากล่าวเสียงเข้ม หน้าสลดเศร้า 
    ฟานมองด้วยความสงสารใจหนึ่งก็อยากบอกความจริง 
    แต่อีกใจก็คิดว่ากล้าดีนักก็ควรโดนดัดเสียบ้าง

    “กลับมาเหมือนเดิมนะ พี่รู้ตัวแล้วว่าควรอยู่จุดไหนตรงนี้”
    เขาจับมือฟานมาทาบกับแก้มของตัวเอง 
    จูบแผ่วที่ปลายนิ้ว แล้วเลื่อนมือนั้นไปไว้แนบหัวใจ 
    ส่งสายตาน้อยใจอย่างน่าสงสาร 
    ฟานมองตาทำหน้าเฉยๆทั้งที่ปั่นป่วนไปทั้งใจ ในท้องเหมือนมีผีเสื้อมาบินวนเวียนอยู่สองสามตัว 
    สบตาแล้วก็เมินไปพยักหน้านิดหนึ่ง 
    ไทเกอร์ยิ้มอย่างดีใจค่อยถอยออกมายืนห่างๆ

    “ไลน์ไปบอกพวกนั้นด้วยให้ซื้อขนมมาฝาก”
     คนสวยสั่ง ทาสก็รีบจัดการให้งกๆ

     
    เลแอบเอียงหน้ากระซิบถามหลังกลับเข้ามาว่าเป็นยังไง 
    ไทเกอร์ได้แต่ยิ้มแหะๆ ไม่ตอบพี่ชาย แต่บรรยากาศโดยรวมกลับมาเป็นเหมือนเดิม ไม่ตึงเขม็งเครียด 
    ไทเกอร์รักษาระยะห่างของเขากับฟานเป็นอย่างดี 
    แต่หักห้ามใจไม่ได้คอยส่งสายตาพร้อมความในใจล้นปรี่นั้น 
    ตั้งใจว่าต้องเป็นสุภาพบุรุษที่ดีที่สุดให้ได้ เพื่อเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเอง 
    และจะไม่ลากคนคนนั้นให้ต้องเป็นคนเลวตกต่ำแม้ว่านั่นจะเป็นความต้องการของใจก็ตาม

    เดียร์เองพอบรรยากาศกลับมาดีก็รู้สึกดีมากๆ 
    เดียร์เป็นสุขนิยมตัวแม่คนหนึ่ง ชอบความสุขความปรองดองความง่ายสบายใจ 
    การได้อยู่ท่ามกลางความสุขของคนที่เดียร์รักทั้งหมดเป็นสุดยอดแห่งความพอใจของเดียร์แล้ว 
    คุณสมบัติของเดียร์ตรงนี้ ยิ่งเลได้รู้จักได้ใกล้ชิดยิ่งทำให้เลรู้สึกอยากอยู่ใกล้กับเดียร์มากยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีก
    ส่วนความเครียดนั้นแม้ว่าโดยรวมมันจะไม่ดี
    แต่ผลมันสำหรับการทำงานของกลุ่มในช่วงหลังก็ทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น 
    พวกเขาปิดเล่มได้ภายในสัปดาห์เดียว ก่อนกำหนดเดดไลน์หนึ่งสัปดาห์ 
    ทุกคนต่างร้องเฮลั่นห้องเมื่อเลพรินท์ปกเสร็จ เหลือรอเย็บเล่ม 
    ห้าคนต่างทิ้งกายนอนระเนระนาดอยู่ในห้องสูท 
    อยู่กันมาเป็นเดือนจนเหมือนที่นี่จะเป็นบ้านแล้ว

    “ไปฉลองกันเหอะ อาร์มอยากแดกเหล้า เอาเดี๋ยวนี้เลย” 
    อาร์มผู้ถนัดเรื่องกินดื่มกว่าทุกคนเรียกร้อง

    “ไปทรงนี้อ่ะนะ” 
    คุณชายฟานท้วง เขาแทบไม่เคยอยู่ในสภาพยับเยินในที่สาธารณะให้ใครเห็นเลย 
    ขนาดอยู่ในที่รโหฐานอย่างสเตชั่นนี้เสื้อผ้าแต่ละชิ้นของฟานยังดูดีดูคูล 
    ส่วนในสายตาของไทเกอร์ต่อให้ฟานอยู่ในเสื้อขอทานฟานก็ยังดูดีดูน่ามองสำหรับเขาอยู่ดี 
    ส่วนเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์นั้นแม้ว่าจะเป็นเรื่องปรกติธรรมดาของวัยรุ่นในมหาวิทยาลัย 
    แต่สำหรับพวกเขานั้นค่อนข้างอยู่ห่างมันพอสมควร 
    นานแสนนานถึงจะพากันไปเหยียบสถานอโคจรกัน

    “ยังหัวค่ำอยู่เลย” เลดูนาฬิกา “เรียกคนอื่นไปด้วยดีกว่า ไปสนุกด้วยกัน”

    ปฏิบัติการรวมพลจึงเกิดขึ้น อาร์มแยกตัวกลับบ้านไปรับจุ้ยก่อนแล้วเดี๋ยวจะตามไป 
    เดอะแกงค์รับปากว่าจะตามไป 
    ร้านดังกล่าวเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ริมแม่น้ำ เป็นที่นิยมของวัยรุ่นผู้มีอันจะกินในมหานคร 
    คนอาจจะแน่นสักหน่อย แต่เลใช้อภิสิทธิ์จองพื้นที่ริมน้ำไว้แล้ว จึงไม่ต้องยืนคอยโต๊ะ 
    รถสปอร์ตคันหรูของเลหราอยู่หน้าร้านที่จัดเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับพวกซุปเปอร์คาร์ 
    เลเป็นคนขับเพราะน้องๆประกาศเจตนารมณ์ว่าวันนี้จะเมา 
    คนที่ยืนออกันอยู่หน้าทางเข้าต่างหันกันมาดูเป็นตาเดียว
    เมื่อ ทั้งสี่ก้าวลงจากรถ แทบทุกคนโดดเด่นสะดุดตา 
    ส่วนที่โดดเด่นที่สุดก็คือฟานเหมือนเดิม 
    เสื้อฮาวายสับปะรดทรงคูลหลวมๆทิ้งตัวลงแนบเนื้อเปิดอกปลดกระดุมสองเม็ดเห็นเนื้อขาวๆ
    กางเกงเดฟห้าส่วนขาลอย กับรองเท้าทรงโบทชูส์ 
    ไทเกอร์ใส่แขนยาวสีเข้มคอวีกับยีนส์แบรนด์และสนิคเกอร์แบรนด์ดัง 
    เสื้อเข้มขับผิวหน้าขาวคิ้วเข้มตาคมผมดำให้ดูเด่นเด้ง 
    เลใส่เสื้อยืดพอดีตัวคอวีสีขาวเข้ารูป เน้นเห็นอกแน่น แพ็คเบาๆ 
    แขนมีกล้ามลีนกับยีนส์ผ้าดิบ ดูขาวกระจ่างเข้ากับผิวขาวปากแดงแนวโอปป้าของเขา 
    เดียร์เป็นข้อใดเอ่ยไม่เข้าพวกด้วยหน้าเนิร์ดชุดเสื้อกางเกงเนวีไม่เข้าทรงรองเท้าแวน 

    ความดูดีผนวกกับความรวยยิ่งทำให้ดูเด่นเป็นเป้าสายตามากขึ้น 
    บริกรเดินนำทั้งกลุ่มไปที่โต๊ะจองเป็นเก้าอี้ยาวทรงรีสอร์ท 
    พร้อมโซฟากว้างนอนได้มีหมอนอิงให้เสร็จสรรพ เป็นหวายบุผ้าสีขาว 
    โต๊ะกลางเตี้ยใหญ่แทบเป็นเตียง วางแก้วเทียนกระจายไว้จำนวนมาก 
    พวกหญิงเมย์กับอาร์มรออยู่แล้ว ต่างทักทายกันเสียงลั่น 
    เลกลายเป็นเหมือนหัวหน้าแกงค์เด็กไปกลายๆ เป็นพี่ใหญ่ที่ดูแลน้องๆเป็นอย่างดี

    ลมพัดเย็นชื่นใจ บรรยากาศรื่นรมย์ในหมู่มวลมิตรอบอวลไปหมด

    “สนุกไหม” 
    เลนั่งข้างเดียร์ เขาเอียงหน้า ชะโงกไปใกล้นิดนึงแล้วถามรุ่นน้อง 
    เดียร์อมยิ้มพยักหน้าอย่างง่ายๆตามสไตล์เล่นตัวไม่เป็นต่อปากต่อคำไม่เป็นลีลาไม่เป็น
    “สนุกมากเลยค่ะ พี่เลชอบไหม” 
    เดียร์เอียงคอมองกลับ ความรู้สึกอะไรในใจไม่เคยปิดบัง 
    สาดออกจากตาผ่านแว่นใสคู่นั้น ยิ่งวันนี้มีความสุขเดียร์หน้าบาน นั่งฟังเพื่อนอำกัน โดนอำมั่งฮาๆกันไป
    “ชอบครับ ชอบมากๆ” 
    ดวงตาบิ๊กอายเป็นประกายแวววาวจากแสงเทียนจ้องกลับ แล้วพูดเน้นเสียง 
    บอกให้รู้ว่าไม่ได้แค่ชอบ แต่ชอบอย่างอื่นด้วย  
    เดียร์กัดปากนิดๆ เหมือนมีครอบแก้วขังเดียร์กับพี่เลไว้สองคนจากคนอื่น

    “งานเสร็จแล้วเดียร์คงคิดถึงช่วงเวลานี้ไปอีกนานเลย” 
    ดวงตาส่งความหมายไปให้เลอย่างตรงไปตรงมา 
    เขารับสารนั้นด้วยความยินดี มองสาวน้อยตรงหน้าอย่างเอ็นดู 
    ยกนิ้วก้อยไปเกี่ยวก้อยเดียร์ขึ้นมาสั่นเบาๆ

    “พี่สัญญาว่า จะยังมีโมเมนท์ดีๆอยู่ในอนาคตนะครับ”

    เลไม่เคยพูดถึงความสัมพันธ์และสถานะของเขากับเดียร์ตรงๆ แต่ใช้คำพูดมีนัยแฝงเร้นกับเดียร์เสมอ 
    ข้างหนึ่งก็เดียร์คนซื่อ ความในใจของเดียร์ที่มีให้เขาไม่ปิดบังซ่อนเร้น 
    เดียร์สาดความชื่นชม แสดงความรู้สึกพิเศษออกมาเสมอ 
    เอาอกเอาใจและแสดงความห่วงใยทุกครั้งที่มีโอกาส 
    ประหนึ่งว่าเป็นแฟนคลับของเขาอย่างนั้นก็ไม่ปาน 
    ผู้ชายที่มักทะนงตัวภาคภูมิใจตัวเองก็แพ้ทางผู้หญิงที่แสดงความชื่นชมตัวเองแบบนี้เป็นธรรมดา 
    ส่วนเขาก็ไม่ปิดบังความรู้สึกที่มีต่อเดียร์ 
    แต่ก็ไม่เคยแสดงกริยาไม่เหมาะสมเกินควรต่อหน้าคนอื่นนั่นเป็นการให้เกียรติทั้งฝ่ายหญิงและตัวเอง 
    ทว่าในทำนองเดียวกันเรื่องการแสดงออกนี้ 
    สกินชิพของฟานกับเดียร์กลับเป็นสิ่งที่เขามองแล้วไม่รู้สึกอะไร
    นอกจากการแสดงออกแบบเด็กๆดูน่ารักปนตลกดี 
    ส่วนที่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเดียร์จะมีจุดสุกงอมจนเปลี่ยนสถานะนั้นเมื่อไหร่ 
    เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ การเป็นคนคุยกันแบบนี้หยอดนิดๆแบบนี้ทุกวันก็ชุ่มชื่นใจมากอยู่แล้ว

    ฟานนั่งหน้าหงิกปรายตาดูเดียร์ที่นั่งข้างๆส่งสายตากับเลไปมา 
    เห็นไหมล่ะ เวลาสุขสันต์ของเขากับเดียร์ลดน้อยถอยลงไปอีกแล้วเพราะไอ้พี่เลนี่แหละ 
    เดียร์ไม่มองเขาเลยคุยแต่กับพี่เล หึงโว้ยหึง 
    ฟานลุกพรวดแรงจนเดียร์ตกใจหันมามอง 
    เลยโดนเพื่อนคว้าข้อมือลากให้ลุก

    “ไปเป็นเพื่อนเข้าห้องน้ำหน่อย”

    “ไปเองดิ๊ เดียร์เข้าห้องน้ำชายได้ที่ไหนเล่า”

    “เออน่าไปเฝ้าหน่อย ไปไหนคนเดียวทีไรเป็นเรื่องทุกที”

    ข้อนี้จริง ฟานนี่เป็นตัวสร้างงานในชนบท ดึงดูดเรื่องยุ่งยากเก่งมาก 
    ทั้งที่ไม่เคยไปสร้างเรื่องไปก่อเรื่องอะไรกับใคร 
    ออกมาจากห้องน้ำฟานเดินจูงมือเดียร์มารับลมมองสะพานข้ามแม่น้ำที่สาดไฟส่องดูสวยในยามค่ำคืน 
    ยืนพิงราวกันตก กอดเพื่อนไว้ทั้งตัว หอมหัวเบาๆ

     “วันไหนได้เป็นแฟนพี่เล อย่าทิ้งผมนะ” อ้อนเสียงเฉาๆ
    “ว่าแต่ตัวเองเหอะ ถ้าเป็นแฟนพี่เก้ออย่าทิ้งเดียร์แล้วกัน”
    เหมือนฟ้าผ่า ฟานปล่อยเดียร์ออกจับหมุนมาสบตา
    “เอาอะไรมาพูด พูดอะไรออกมา”ละล่ำละลัก

    เดียร์อมยิ้ม
    “ไม่ได้โง่นะ เห็นๆอยู่ พี่เก้อแทบจะจับฟานแดกทั้งตัวอยู่แล้ว”
    รู้สึกเขิน แต่ยังต้องไว้ฟอร์ม ปั้นหน้าเชิดคางหยิ่งๆ
    “ไม่ได้สนใจสักหน่อย”
    “ปากแข็งนักนะเราน่ะ”

    หัวเราะต่อกระซิกกับเดียร์สักพักจนพอใจที่เพื่อนสนใจ ก็ควงแขนเดินกลับมาที่โต๊ะ 
    มองไปดูทุกคนทำไมนั่งเรียบร้อยกันจัง ก็พอดีเห็นแขกแปลกปลอมนั่งชิดอยู่ข้างเลโอ 
    สวยใสเกาหลีคุณหนูมากๆ เอริกานั่นเอง

    ก็ไม่ได้ถึงขั้นฟ้าผ่าอะไรขนาดนั้น 
    แต่นิดนึงไหมความรู้สึกก็เปลี่ยนบรรยากาศก็เปลี่ยน 
    เลดูไม่ผ่อนคลายอย่างช่วงแรกๆนั่งหลังตรงเป็นทางการ แต่ก็ยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นปรกติ 
    ส่วนเอริกานั้นดูแจ่มใสน่ารักร่าเริงเป็นธรรมชาติแบบลูกคุณหนูมากๆ 
    เดียร์ไม่แสดงพิรุธอะไรออกสีหน้า ทำหน้าปรกติยิ้มแย้มทักทายแขก 
    แต่ย้ายจากนั่งข้างเล ไปแทรกตัวนั่งฝั่งเดียวกันมากิไตตั้น

    “สวัสดีค่ะ น้องฟาน น้องเดียร์”
    เอริกายิ้มแย้มโบกมือทักทายด้วยท่าทางร่าเริงแจ่มใส 
    ดูผุดผ่องด้วยแซ็คสั้นล่วดลายแนวเวอร์ซาเช่ กับรองเท้าสายหนังพันข้อเท้าเปิดเท้าเปลือย 
    ผุดผ่องแจ่มกระจ่างไปทั้งตัว หน้าตาน่ารักนั้นแต่งไว้อ่อนๆ
    “พี่มากับเพื่อนที่คณะค่ะ นั่งอยู่ตรงนู้น” 
    ชี้ไปไกลๆด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู

    “เลหายตัวไปเลยนะ เดือนที่ผ่านมานี่”
    “ผมยุ่งทำโครงงานกับน้องๆนี่แหละครับ”
    “ไม่ส่งข่าวบ้างเลย ไม่กลัวริกาคิดถึงเหรอ” 
    หยอดแรง เลยิ้มรับนิ่งๆไม่ตอบ
    “พี่บอยฝากบอกว่า ถ้ายังอยากกินฟองดูแบบวันนั้น ให้ริกาไลน์ไปบอกล่วงหน้านะ”
    แน่ะ โมเมนท์ความเป็นส่วนตัวเฉพาะเราสองคนก็มา

    ทั้งกลุ่มก็เออๆคะๆไปตามนั้น แต่บ่อยครั้งที่สายตามองเดียร์อย่างเห็นใจ 
    นี่ถ้าเอริกามาแบบนางร้ายคงจะดีกว่านี้ จะได้มีข้อตำหนิข้อด้อยเมื่อเปรียบเทียบกับเดียร์บ้าง 
    แต่นี่เอริกาทั้งน่ารัก ทั้งสวย นิสัยก็ดีวางตัวก็ดี ไม่รู้จะเอาอะไรมารังเกียจ 
    ส่วนเลเองก็ไม่ชัดเจนเลยว่าตกลงความสัมพันธ์คลุมเครือที่มีให้ผู้หญิงสองคนคืออะไรกันแน่

    คนที่โมโหที่สุดคือฟาน คุณชายฟานหายไปเหลือแต่ฟานผู้โก้เก๋และยะโสโอหัง 
    พูดน้อยเก๊กท่าเสียเยอะ และคอยส่งสายตาเกลียดชังไปหาเลเสมอ 
    อีกคนที่นิ่งไปคือไทเกอร์มองสลับไปมากับความสัมพันธ์สับสนระหว่าง เล เดียร์ ริกา ฟาน และตัวเอง 
    สักพักริกาขอตัวกลับไปหาเพื่อนก่อนบ๊ายบายทุกคน ดูชัดเสียยิ่งกว่าชัดว่าผูกพันกับเลขนาดไหน 
    หลังริกาลุกไป ทุกอย่างก็ยังเป็นปรกติไม่ได้กร่อยอย่างที่กลัว

    เมื่อกลับถึงคอนโด ฟานกับเดียร์ก็แยกตัวกลับบ้าน 
    ไทเกอร์กับเลที่วันนี้ค้างที่คอนโดจึงขึ้นลิฟต์ไปที่ห้อง 
    เมื่อก้าวเข้าไปภายใน ไทเกอร์โผโดดลงไปที่เดย์เบด
    ถอนใจดังเฮือกก่อนจะลุกนั่งมองเลที่เดินไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำ

    “เรื่องริกากับเดียร์นี่เอายังไง”
    เลโบกมือส่ายหน้า
    “มึงไม่ต้องยุ่ง เรื่องของกู กูดีลเอง ดูแลชายฟานของมึงไปเหอะ”

    ก็นี่แหละถึงได้ปวดหัว สงสารฟานสุดหัวใจ
    จะเสียใจแค่ไหนที่แฟนตัวเองเฟิร์ลตกับผู้ชายคนอื่นต่อหน้า 
    ทั้งที่ฟานทั้งรักทั้งหลงเดียร์ขนาดนั้น เหมือนยอมเป็นตัวสำรองก็เอา 
    เดียร์เองก็จับปลาสองมือ ทำไมไม่รู้จักเกรงใจฟานบ้าง 
    แสดงท่าทีกับเลอย่างเปิดเผยขนาดนั้น แล้วก็มายอมให้ฟานกอดต่อหน้าเล  
    พี่เขาเองก็เหมือนกันคนหนึ่งก็เมียชาวบ้านเห็นๆ กล้าเป็นชู้เสียเปิดเผย 
    แต่แล้วก็ยังคบซ้อนมีริกาอีกคน อยากด่าให้แม่งเสียคนจริงๆ 

    ส่วนเขาผู้ทำอะไรไม่ได้ เพราะศีลธรรมค้ำคอร์
    แถมโดนด่าว่าทรยศน้องอีกต่างหาก จะว่าใช่เรื่องของตัวก็ไม่ใช่ 
    แต่จะไม่ใช่ก็เกี่ยวพันถึงความรู้สึกตัวเอง ประสาทจะแดกแล้ว
    “เออจับปลาสองมือนะมึงพี่เล พลาดมาระวังน้ำตาเช็ดหัวเข่า” 
    ก็ได้แต่เตือน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×