ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Androgyny - หัวใจไร้สถานะ [ Yaoi ] -END-

    ลำดับตอนที่ #4 : 04 ทำกูนี้

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 62


    04


    น้องขาวอีกแล้วเหรอ เดียร์คิด
    “มันแค่เป็นแผลนิดเดียวค่ะ วันก่อนผ่านไปก็เห็นสบายดีแล้ว”
    พี่เลยิ้ม ตาดำใหญ่เหมือนใส่บิ๊กอายเป็นประกายแพรวพราว หันไปมองทางท้ายแถวเหมือนไม่ตั้งใจ 
    แต่สบตาเข้ากับสายตาโกรธเกรี้ยวของใครบางคนที่ส่งพลังมาข้ามห้อง 
    เลยยิ้มมากขึ้นเห็นฟันกระจ่างขึ้นอีกนิดหนึ่ง
    “ดีจัง” 
    อะไรดี น้องหมาหายเป็นแผลเลยดีงั้นเหรอ ไม่เข้าใจ

    “แกร๊ๆๆๆ ยังจะว่าชั้นมโนอีกเหรอ”
    หญิงเมย์สะกิดยิก เก๋เอื้อมมือมาตีต้นแขนบั้กๆ โว้ยเจ็บนะ
    “หมั่นไส้โว้ย เนื้อหอมเกินไปแล้ว”
    “สาบานว่าชั้นจะเก็บหมาขี้เรื้อนทุกตัวมาเลี้ยงให้หมด” 
    หญิงเมย์เพ้อ พวกนี้รู้ว่าฟานเองก็เจอกับเดียร์วันรถชนหมาเหมือนกัน 
    “ทำบุญกับหมานี่ยิ่งกว่ากู้ชาติอีกเหรอ”

    วันนั้นกว่าการซ้อมร้องเพลงจะจบก็ทุ่มกว่า ทุกคนหอบสาระร่างบอบช้ำมาเจอกันหน้าคณะ 
    ตกลงกันได้ว่าจะไปกินข้าวในตลาดด้วยกันก่อนกลับบ้าน 
    ตลาดมีคนเป็นล้านเบียดเสียดกันอยู่กว่าจะได้ร้านนั่ง

    ฟานดูผิดที่ผิดทางที่สุด ความเหนื่อยไม่สามารถลดทอนความดูดีของหนังหน้าและบุคลิกหยิ่งผยองได้เลย
    นั่งไขว่ห้างมือเท้าคางยังดูเหมือนโพสต์ถ่ายแบบ 
    ขณะที่คนอื่นเหมือนหมาหอบแดดฟุบกับโต๊ะอาหารหน้าฟอร์ไมก้ามันๆอย่างหมดแรง 
    นั่งซัดก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กันคนละจาน โอ๊ะเอ๋วอีกคนละถ้วยแล้วเลยแยกย้ายกันไป 
    เดียร์กับฟานทางนึง ส่วนเดอะแกงค์สี่คนไปทางเดียวกัน

    “ไอ้พี่บ้านั่นมันคุยอะไรกับเดียร์” 
    ฟานถามเสียงเข้มเมื่อถึงลานจอดรถ
    “พี่เล น่ะเหรอ” เดียร์นึก “อ๋อ เขาถามถึงน้องขาวน่ะ วันนั้นที่มีเรื่องเขาก็เดินผ่าน”
    ฟานทำสีหน้าไม่พอใจขึ้นมานิดนึง
    “ยุ่งไรด้วย” 
    เขาบ่นพึมพำ

    มีคนยืนตะคุ่มตรงรถยุโรปคันนั้นอีกแล้ว แต่คราวนี้สองคน 
    ฟานจึงส่องไฟฉายจากแฟลชมือถือนำไปก่อน 
    แปลกใจนิดนึงเมื่อเห็นคนที่ไม่ถูกชะตาถึงสองคนยืนอยู่ด้วยกัน

    “พี่เล พี่เก้อ” เดียร์ทัก “อ้าวพี่รู้จักกันเหรอคะ”
    คราวนี้ทั้งสองคนมองหน้ากันเหมือนแปลกใจ
    “อ้าว นี่เดียร์ก็รู้จักเก้อด้วยเหรอ อ๋อพี่โรงเรียนใช่ป่ะ”
    “พี่เลโอเป็นพี่ชายพี่เอง ลูกลุง” 
    ไทเกอร์ตอบเสียงเรียบ ปรายตาไปมองคู่กรณียังยืนเก๊กเท่มองอาฆาตเหมือนทุกคราว

    โบกมือบายแล้วก็ต่างแยกย้ายกลับบ้าน


    วิถีชีวิตของเด็กปีหนึ่งก็วนเวียนจำเจแบบนี้ไปอีกสี่สัปดาห์
    กลางวันเรียน เย็นซ้อมร้องเพลงหรือนัยหนึ่งก็คือซ้อมเชียร์นั่นแหละ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจึงต้องใช้คำนี้แทน 
    เดอะแกงค์ร่างแหลกกันทุกคนไม่ต่างกับปีหนึ่งคนอื่นๆ 
    ขณะที่เดียร์และฟานยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้น

    ในสายตาของทุกคน ไม่รวมเดอะแกงค์ ฟานกับเดียร์เป็นแฟนกันชัดเจน 
    ข่าวคราวเรื่องของเดียร์เป็นแฟนกับฟานมีแอบแซวเล็กๆในเพจใต้เตียงมอ 
    แต่รูปของเดียร์และฟานไม่เคยปรากฏออกสื่ออย่างน่าแปลกใจ ทั้งที่ฟานดังจนไม่รู้จะดังยังไง 
    เดียร์ไปไหนจะมีฟานเดินตามต้อยๆเสมอเป็นที่ขัดสายตาของเหล่าชิปเปอร์จำนวนมาก 
    ล้วนรับไม่ได้กับหนังหน้าที่คอนทราสต์กันรุนแรงเหลือเกินในความคิดของพวกเขา 
    เดียร์ไม่มีอะไรสมกับฟานสักนิดเหมือนที่กิ๊ฟเคยวิจารณ์ไว้ 
    ซุปเปอร์โมเดลกับเนิร์ดหน้าหมาจู 
    ขณะเดียวกันฟานก็เริ่มพัฒนาสกินชิพกับเดียร์มากขึ้นๆ หนักหน่วงขึ้นทุกที 
    กอดคอ โอบไหล่ หอมหัว แบ็คฮัก ลูบผม หนักเข้าเริ่มนอนหนุนตักก็มี
    แต่โดนเดียร์เบิ๊ดกะโหลกเข้าให้จึงหยุดพฤติกรรมน่ารังเกียจในสถานศึกษาลงได้ 
    เยอะอย่างที่เตือนไว้จริงๆเดียร์คิดในใจอย่างเพลียๆ


    “ขอความเข้าใจหน่อยเถอะเดียร์ ก็รู้นะว่าเพื่อน แต่ฟานนี่ถึงเนื้อถึงตัวไปไหมน่ะ” 
    เก๋ทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปาก
    “เก๋เคยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมาไหมล่ะ นั่นล่ะความรู้สึกของเดียร์เวลาฟานเข้ามาทำเยอะๆด้วย”
    เดียร์อธิบายอย่างใจเย็น ด้วยความสัตย์จริง สายตาฟานมองเดียร์ทีไรเอ็นดูทุกครั้ง 
    ทั้งที่เดียร์ไม่ใช่สาวร่างเล็กน่าเอ็นดู เป็นแค่เพิ้งเสื้อใหญ่ๆ กระโปรงโคร่งๆ

    ยิ่งฟานแสดงความสนิทสนมกับเดียร์มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ไม่ได้แปลว่าฟานจะดีกับคนอื่นแบบที่ทำกับเดียร์ 
    กับเดอะแก็งค์ฟานมีไมตรีพอสมควร แต่ไม่ได้ถึงขั้นสนิท 
    ส่วนคนอื่นนั้นแทบเป็นอากาศในสายตาฟาน 
    เดียร์รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาแปลกแปร่ง ทั้งที่เดียร์ไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย 
    นอกจากผิดที่เป็นคนที่ฟานให้ความสนิทอยู่คนเดียว 
    ระหว่างอิจฉากับริษยาไม่รู้ว่าควรใช้คำไหน 
    แต่เดียร์รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบนั้นจากหลายๆคนในหลายๆคลาส

    ตลอดเวลาที่ซ้อมร้องเพลงแทบทุกวัน พี่เลจะเดินมาทักเดียร์สองสามคำ 
    ทำเหมือนนั่นเป็นกิจวัตรปฏิบัติที่ต้องทำ ดวงตาดำนั้นเป็นประกายวับทุกครั้งที่มองเดียร์ 
    ไม่ใช่แค่หญิงเมย์กับหญิงเก๋ รู้กันหมดคณะว่าพี่เลปีนเกลียวซึ่งๆหน้า 
    ไปแอบแซ่บแฟนของฟานทุกเวลาเพลงเชียร์ 
    บางคราวที่เจอเดียร์เล่นกับหมาแมวคณะ พี่เลจะเดินเข้ามาเมียงมองแล้วแอบแชะรูปด้วยสีหน้ายิ้มๆเสมอ 
    ส่วนฟานไม่พอใจข่าวลือนั้นออกหน้าออกตาทั้งที่ไม่ได้เป็นแฟนเดียร์
    แต่ความหึงหวงเพื่อนของฟานนั้นสูงปรี๊ดมาก 
    เดียร์เองก็ได้แต่อ่อนใจอยากบอกฟานว่าช่วยพิจารณาหนังหน้าเพื่อนเธอหน่อย 
    ใครผู้ชายมีสติดีๆ แบบไหนเขาอยากได้บ้าง

    เมื่อวานเป็นวันซ้อมร้องเพลงวันสุดท้าย 
    บรรยากาศซึ้งกินใจน่าดูเมื่อรุ่นพี่แอบมีการทำพิธีรับขวัญน้องผูกข้อมือข้อแขนในแสงเทียน 
    ความขุ่นข้องหมองใจตลอดหนึ่งเดือนหายวับไปกับตา
    เหลือเพียงความตราตรึงซาบซึ้งในมิตรภาพระหว่างพี่น้องร่วมสถาบัน 
    เดียร์ลุกจากแถวตั้งท่าจะเดินไปหาพี่สา พี่ปีสองที่น่ารักถูกอัธยาศัยกันดี ให้ผูกข้อมือให้ 
    แต่พี่สาดันเดินสวนเข้ามาอมยิ้ม แล้วจูงมือเดียร์มาหารุ่นพี่ที่นั่งรออยู่อีกคนหนึ่ง 
    หล่อขาวสว่างอยู่ในกลางแสงเทียนวูบไหว

    “พี่เล ผูกแขนให้น้องหน่อย” 
    พี่เลมองมาตรงๆ แสงเทียนไหวทำให้ดวงตาดำนั้นดูระยิบระยับกว่าปรกติไหมนะ 
    เดียร์อึกอัก จะว่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ว่าพี่เลมีอาการแปลกๆให้ตัวเองก็ดูจะบื้อเกินไป 
    ตลอดเดือนที่ผ่านมา พี่เลออกหน้าออกตาจนเกินเหตุ 
    แต่จะให้ยอมรับก็กลัวจะกลายเป็นการมโนเอาเองว่าพี่เขาชอบตัวเอง 
    จึงทำท่าไม่รู้ไม่ชี้เหมือนเดิม ยื่นแขนออกไปตรงๆ

    พี่เลก้มเข้ามาใกล้กว่าเดิม ตัวหอมจัง 
    เดียร์แอบแซ่บเล็กๆ

    “ขอให้น้องเดียร์อยู่กับพี่ที่คณะอย่างมีความสุขนะครับ”

    ความหมายมันแปลกๆไหม เดียร์ไม่กล้าแปลได้แต่รับคำอุบๆอิบๆรู้สึกวูบวาบพิกล 
    เลไม่ได้ทำอะไรเยอะกว่านั้นอีกนอกจากผูกแขนแล้วก็ปล่อยเดียร์กลับไปนั่งที่เดิม 

    เช้าวันนี้เป็นวันถัดมาเป็นวันรับน้อง 
    ตามแบบฉบับสถาบันการศึกษายุคใหม่ที่ทิ้งความกดขี่ทารุณก็จะมีแต่กิจกรรมการนันทนาการ 
    ฟานคือคนที่โดนเยอะที่สุดตามแบบฉบับคนหน้าตาดี 
    ทว่าแค่ผ่านซุ้มแรกไปแล้วหลังจากนั้นฟานก็หายตัวไปไม่อยู่ในงานอีกเลย 
    ส่วนเดียร์ก็โดนเยอะไม่น้อย เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ
    ในฐานหมั่นไส้ที่เป็นแฟนของฟานตามความเข้าใจของทุกคน 
    ตกเย็นทุกคนก็อาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อย เวลาเย็นเป็นเวลาของงานเลี้ยงฉลอง 
    งานจัดกลางสนามบอลหน้าคณะท่ามกลางความกังวลของทุกคนในสภาพอากาศหน้าฝน 
    หากทว่าความสามารถในการปักตะไคร้ของสาวๆหลายคนก็เรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาได้

    เดอะแกงค์เช่าห้องสูทของโรงแรมห้าดาวในละแวกนั้นเพื่ออาบน้ำแต่งตัว 
    ส่วนฟานที่หายตัวไปไลน์มาว่าจะมารวมตัวกันโดยมาจากบ้าน 
    หญิงเมย์มาในชุดราตรีสั้นสีชมพูโอลด์โรส 
    ดูหวานซ่อนเปรี้ยวเมื่อเข้ากับผมซอยสั้นสีบาเลยาจ ทรงสั้นสีส้มทอง 
    เก๋มาในชุดเอี๊ยมขาวทำให้ร่างอ้วนป้อมดูน่ารักน่าเอ็นดู 
    มากิใส่สูทครีมเป็นหนุ่มแว่นคลีนสะอาด 
    ไตตั้นตัวสูงเข้มคมมาในสูทดำที่ทุกคนพากันทักว่าเหมือนกัปตันร้านอาหาร จนเจ้าตัวงอนนั่งกระฟัดกระเฟียด 
    เดียร์มาในแนวข้ามเพศใส่สูทสีเทาเข้มพรางทรงดูหล่อพ่อพวงมาลัยเนิร์ดแบบทอมๆ 
    เสียงเคาะประตูเรียกให้เก๋ลุกไปเปิดแล้วทุกคนก็ต้องแทบอุดหูกับเสียงกรี๊ดของสาวเก๋

    “แอร๊ยยยย อร๊ากกกก”

    เมื่อหันไปมองพร้อมกันก็ต้องร้องฮือฮาไม่ต่างจากเก๋ 
    ฟานยืนในสูทสีควันบุหรี่กับกางเกงเดฟรองเท้าหนัง 
    ผมยาวประบ่ามัดเป็นแมนบันมีด้านหน้าห้อยย้อยลงมาบังหน้าผากมนๆไว้นิดนึง 
    ว่าทุกวันหล่อแล้ววันนี้ยิ่งหล่อขึ้นไปอีก ดูหล่อดูคูลเหมือนเดินมาจากเพจแฟชั่น

    “มึงจะมาฆ่ากูเหรอ”
    ไตตั้นบ่นหันกลับมาดูชุดกัปตันตัวเองด้วยความแค้น 
    ฟานยิ้มๆแล้วเดินเข้ามาแบ็คฮักเดียร์ต่อหน้าทุกคน อย่างไม่สนใจใคร 
    มองไปที่กระจกส่องแล้วพูดกับเดียร์ว่า
    “น่ารักมากๆ”
    “ไม่มีใครชมก็ชมกันเอง”
    เดียร์ตีมือให้คลายกอดลง เยอะและเยอะ

    พวกเรานั่งแท็กซี่กันสองคัน คันละสามคน 
    ฟานเกาะติดกับเดียร์แนบแน่น อีกคนที่ไปด้วยคันเดียวกันจึงได้แก่ไตตั้น 
    เมื่อเดินเข้าไปหน้าตึกคณะที่เป็นที่จัดงาน เสียงฮือฮาถึงภาพลักษณ์สวยงามของแต่ละคนก็ดังกัน 
    ต่างคนก็ชมกันไปมา ส่วนคนที่คนหวีดสุดก็คงหนีไม่พ้นฟานซุปเปอร์โมเดล ซึ่งยืนเกาะเดียร์ทำหน้าตาเฉยๆ 
    วันนี้จะมีการโหวตเดือนดาวคณะด้วย ดูทรงแล้วคงหนีไม่พ้นฟานแน่นอน 
    ส่วนดาวคณะอาจจะเป็นอิงค์คนสวยแสนดีสตรีสุภาพ

    งานจัดอย่างหรู สมเป็นคณะเศรษฐศาสตร์ ซุ้มอาหารเครื่องดื่มดูดีมีชาติตระกูล 
    ทุกอย่างเป็นประกายเอี่ยมอ่อง ไฟสีวอร์มไวท์ ดนตรีบรรเลงสามชิ้นเป็นโทนแจ๊สบางๆ ฟังดูโก้หรู 
    แต่ดึกๆได้ข่าวว่าจะมีวงร็อคชื่อดังมาแจม 
    ใครสักคนผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ทั้งที่รับปากกันกับอาจารย์กิจกรรมนิสิตว่าโนแอลกอฮอล์ 
    บรรยากาศจึงชื่นมื่นรื่นรมย์กว่าเดิม

    เสียงหัวเราะ เสียงชนแก้ว จ้อแจ้กเต็มไปหมดทั้งงาน ทุกคนดูดี เปล่งประกายไปหมด 
    เดียร์เองซัดเครื่องดื่มผสมแอลกอออล์ไปสองสามแก้วทั้งที่ไม่เคยคุ้นนัก จากคนในวงที่เฮกันเป็นวงใหญ่ 
    จนแก้วที่สี่ ก็มีมือแข็งแรงมาแย่งแก้วไป ฟานนั่นเอง
    “พอแล้วเบบี๋ เดี๋ยวเมา”
    กระนั้นก็มีคนยัดแก้วที่ห้าเข้ามาในมือ แล้วทุกคนโดยรอบก็เงียบเสียง
    เมื่อมีมืออีกมือหนึ่งเข้ามาคว้าแก้วไปจากมือเดียร์

    “พี่รับแทนเองครับ” 
    พี่เลนั่นเอง มาอย่างหล่ออลังการในสูทเทาเมทัลลิค หล่อยังกะสลอทแมชินมาเอง 

    “พี่ไม่ต้องก็ได้ครับ”
    ฟานเอื้อมมือไปคว้าแก้วในมือพี่เล
    แต่พลาด พี่เลพลิกมือหลบแล้วกระเดือกเอื๊อกลงคอเดี๋ยวนั้น 
    ฟานจิบแก้วในมือวนไป หน้าตึงบ่งความไม่สบอารมณ์อย่างแรง 
    คนที่ยืนอยู่มุมนั้นมีกันเป็นสิบกว่าคน ต่างซุบซิบๆกันถึงศึกหน้านางระหว่างหนุ่มหล่อสองคน 
    เพื่อเนิร์ดหน้าหมาจูชุดสูทเทา บรรยากาศเคมุไกกันพักใหญ่ ชาติปีสองก็แทรกตัวมาทำตลกเกลื่อนบรรยากาศ 
    เดียร์จึงหน้าชื่นขึ้นนิดกลัวสองคนจะฟาดปากกันเองจะแย่ 
    โอ๊ยดูหนังหน้ากูหน่อยน่าแย่งจะตายแล้ว 
    หางตามองแวบๆเห็นใครสักคนหน้าเหมือนชีกิ๊ฟมองจ้องมาจากที่ไกลๆ

    เริ่มดึกขึ้น บรรยากาศเริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวงร็อคอินดี้ขึ้นเวที 
    แสงไฟส้มเขียวแดงน้ำเงิน สลับสีกันตามจังหวะดนตรี 
    หนุ่มสาวในชุดทั้งสูททั้งชุดราตรีพากันโดดเย้วๆอย่างมันในอารมณ์ 
    เดียร์กรี๊ดจนคอแห้ง หันไปหันมาอวัยวะที่เรียกว่าฟานหายตัวไปเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว 
    ลางสังหรณ์อะไรบางอย่างทำให้เดียร์ใจคอไม่ดี คอยืดคอยาวมองหาฟานเท่าไหร่ก็ไม่เจอ 
    เดียร์วิ่งไปหาหญิงเมย์กับเก๋ ที่กอดคอกันโดดเหยงๆอยู่ข้างเวที

    “เมย์ เก๋ ฟานหาย” 
    ทั้งสองคนมองมาทำหน้าเฉยๆ
    “ไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า”
    “เขาใจไม่ดีน่ะตัวเอง ไปช่วยกันตามหาหน่อย” 
    เมย์กับเก๋หันไปหามากิกับไตตั้นที่ยืนสะเงาะสะแงะอยู่ตรงโถเครื่องดื่ม
    “ฟานหาย” 
    เก๋ป้องปากใส่หูสองหนุ่ม 
    “ไปช่วยเดียร์ตามหากันเร็ว”

    ทั้งห้าคนพากันเดินไปทางห้องน้ำชาย ผู้คนล้นหลาม บางคนสูบบุหรี่ทอดอารมณ์อยู่ 
    เสียงเพลงตรงนี้ไม่ดังนักแค่พอได้ยินแว่วๆ 
    เดียร์รุ่มร้อนไปหมด ถามใครก็ไม่มีใครเห็นฟาน 
    ทะลุจากห้องน้ำไปเป็นลานจอดรถ มุมหนึ่งมืดนั้นเอง เดียร์เห็นคนจับกลุ่มอยู่ 3-4 คน 
    ร่างสีขาวๆคุกเข่าอยู่ มีเงาดำๆสองข้างยึดกางสองแขนไว้ 
    ข้างหน้ายืนไว้เป็นสาวในชุดราตรีสั้นสีดำ กี๊ฟนั่นเอง 
    หล่อนจิกหัวร่างขาวๆนั้นขึ้นมาบริภาษอะไรสักอย่างใส่หน้าแล้วตบฉาดเข้าให้จนหน้าหงาย

    เดียร์หัวใจวูบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว 
    จิกกระชากผมยาวๆบนหัวกิ๊ฟที่ยืนเต๊ะท่าอยู่และไม่ทันรู้ตัวว่าจะเจอดีมิใช่น้อย 
    แล้วยกตีนยันท้องน้อยถีบอย่างแรง
    จนหล่อนร้องกรี๊ดหงายท้องกลิ้งโค่โร่ไปบนพื้นหญ้าในสวนที่ติดกับที่จอดรถ 
    กระโปรงสั้นเลิกขึ้นเห็นไปถึงไหนต่อไหน 
    เหมือนรู้เลยเว้ยเราดีจริงที่วันนี้ใส่กางเกงมา

    “อีเลว”เดียร์กรี๊ด
    “ ทำฟานทำไม ทำฟานทำไม ทำกูนี้”

    เดียร์โมโหจนเนื้อตัวสั่น 
    มากิกับไตตั้นเองพุ่งเข้าไปกระโดดเตะเงามืดสองข้างที่จับแขนฟานไว้ 
    จากนั้นก็ตะลุมบอนไม่สนสี่สนแปด 
    เดียร์วิ่งเข้าไปประคองฟานที่นอนอยู่กับพื้น 
    ส่วนหญิงเมย์กับเก๋ กระโดดเข้าไปฟัดกับชีกี๊ฟอย่างไม่กลัวเจ็บ

    “มึงทำเพื่อนกู” 
    ปรกติเดอะแก็งค์สุภาพและไฮโซกันสุดๆ แทบไม่เคยพูดหยาบออกสื่อ 
    วันนี้เป็นครั้งแรกที่สุดแห่งความแค้น จนหลุดกูมึงออกมา 
    เก๋ล็อคแขนนางตัวร้ายไว้ด้านหลังส่วนหญิงเมย์ตบซ้ายฃวาเข้าให้ไม่ยั้งมือ

    เดียร์ประคองฟานไว้ในอ้อมแขน 
    หน้าสวยอ่อนเยาว์นั้นเป็นรอยแดงสองข้างจากการโดนตบไม่ยั้งมือ 
    ปากแตกมีเลือดซึม ตัวสั่นระริกตาปิดแน่น เดียร์กอดเพื่อนไว้แน่นสงสารสุดหัวใจ

    “ไม่เป็นไรนะฟาน ไม่เป็นไร” 
    เดียร์พูดเบาๆ อดเสียงสั่นไม่ได้ 
    “เดียร์อยู่นี่แล้ว ปลอดภัยแล้ว”
    ฟานสะอื้นฮักโอบคอเดียร์ไว้แน่น ร้องไห้เหมือนเด็กหลงทาง




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×