ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เมามัว
2.
“เกมอะไร? เนื้อทราย”
สายตาของเนื้อทรายบอกว่าสมเพชมิคเต็มที่
เอ หรือว่าเขามาหลอกเอาเงิน เกาะแดก หรือจะแบล็คเมล์เราหรือเปล่าวะ
ยังกับรู้ เนื้อทรายพูดต่อเนิบ ๆ
“พี่อย่าคิดว่าทรายหิวเงิน มาเกาะปอกลอกพี่นะ น้ำเน่าน่ะ หวังว่าคงจำได้ว่าอะไร ๆ ที่ทรายได้จากพี่ ทรายไม่ได้ขอ พี่ให้ทรายเอง แล้วทรายเองไม่ได้เห็นจะอยากได้เลย ไอ้เงินทองข้าวของอะไรนั้นของพี่ คนเราจุดหมายชีวิตที่ตั้งไว้มันต่างกันพี่เข้าใจรึเปล่า”
มิคงง ๆ อึ้ง ๆ ว่ามันเกี่ยวอะไรกับจุดหมายขีวิต
“ไม่เข้าใจล่ะสิ เอางี้ ทรายถามพี่ พี่ตอบมา ว่า พี่มองชีวิตพี่ไว้แบบไหน อนาคตแบบไหนบ้าง”
“ก็มีแฟน สร้างครอบครัวมีเราสองคน ทำงานหาเงิน ไปเที่ยวด้วยกัน”
“ก็นั่นไง ที่ทรายจะบอก ไอ้ชีวิตที่พี่มองไว้น่ะมันไม่ใช่ชีวิตแบบที่ทรายใช้เลย”
เนื้อทรายพูดเรื่อย ๆ ไร้อารมณ์
“เป้าหมายของทรายคือ ชีวิตต้องใช้ให้คุ้มที่เกิด ชีวิตไม่มีพรุ่งนี้ ไม่มีเมื่อวาน ทรายใช้ชีวิตมาคุ้มกว่าพี่มากและจะใช้มันต่อไปร่างกายเป็นแค่สิ่งสมมติพี่ พระท่านก็ยังบอกไว้”
หือม์ พระที่ไหนบอก พระบ้านแกเหรอ
“ดังนั้น อย่ายึดมั่นถือมั่นมันมาก อะไร ๆ ก็ปล่อยตามธรรมชาติเหอะ คนเรากินขี้ปี้นอนมันเรื่องธรรมชาติ หิวก็กิน อยากได้ก็เอากัน แปลกตรงไหน ซื่อสัตย์ต่อสัญชาตญานตัวเอง อย่าเรียกว่าทรายล่าแต้ม เพราะทรายไม่ได้นับ และนับไม่ถ้วนหรอกนะว่าเอามาเท่าไหร่แล้ว ตั้งแต่ขึ้นมอสี่ก็ห้าปีแล้วนะพี่ ใจคอจะให้นับไหวยังไง”
“แล้วคนนั้น ฌองปอล...”
“บัดดี้น่ะ ไม่ใช่ตัวจริงตัวสำรองอะไรหรอก friend with benefit น่ะพี่ ทรายกับฌองปอลเจอที่มอเดิมของทรายตั้งแต่ปีหนึ่งแล้ว เราคอเดียวกันน่ะ”
ได้ยินคำว่าคอเดียวกันมิคแอบฮาทั้งที่หดหู่สุด ๆ
“เอาจริง ๆ นะ ทรายไม่ใช่ดี้ ไม่เคยได้ทอมไม่ถูกรสนิยมเอาเลย”
เนื้อทรายชะงักนิด ๆ
“แต่ทรายแอ๊บไร้เดียงสาล่อพี่มาตั้งนาน จะให้โชะง่าย ๆ ก็เสียฟอร์มหมด แล้วก็เป็นเพราะพี่มิคนั่นแหละเอาก็ไม่เอา แต่เล่นตามทรายทั้งวันทั้งคืน แวบไปไหนก็ไม่ได้จนทรายของขาด วันนั้นทรายก็ต้องโกหกพี่ไปหาฌองปอลแล้วมันชวนกินเหล้ากับเล่นไอซ์ก่อนเมคกัน แต่ฌองปอลมันซัดไปเยอะหลับไปก่อนยังไม่ทันเมคอะไรเลย ทรายขึ้นแล้วแต่ต้องกลับมาหอเพราะพี่รอ เจอพี่หลับอ่อยอยู่พอดี บอกตรง ๆ ที่ทรายปล้ำพี่ เพราะพี่มิคน่ากินมาก แล้วเสียดายมากทรายควรได้เปิดซิงพี่นะ ในฐานะแฟนคนแรก”
เนื้อทรายพูดถึงเซ็กซ์เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ราวกับเดินถือเงินไปซื้อของเซเว่น
ขณะที่มิคนั่งอ้าปากค้าง ขนลุกเกรียว หน้าเห่อจนชาไปหมด
“ที่ทรายบอกว่าเกม เพราะทรายแข่งกับฌองปอล เราสองคนเจอมาทุกรูปแบบแล้ว ทุกอย่างซ้ำซากจำเจ แต่เรายังสเตรทอยู่ ทรายไม่เคยได้ทอม ฌองปอลก็ไม่เคยได้ผู้ชาย ก็แข่งกันเปิดโลกวิญญานไงพี่ แปลกดี ใครเป็นไบได้ก่อนกันคนนั้นชนะ ขนาดตอนนี้ฌองปอลยังหาผู้ชายไม่ได้เลย เสียดายจังถ้าวันเดียวกันนั้นคนคุยฌองปอลไม่แวะมาไม่ฉวยโอกาสมันหลับเปิดมือถือแล้วรู้ความลับ ก็คงไม่มีคลิปหลุด แล้วทรายคงชนะแล้วล่ะ”
เนื้อทรายพูดหน้าตาเฉย ขณะที่มิคเริ่มตาแดงเรื่อ
“เรื่องของเรามันจะว่ายากก็ยากว่าง่ายก็ง่าย ง่ายเพราะทรายว่าพี่อีอ่อนน่ะ ทรายอ่อยนิดเดียวเองก็หลงลืมหูลืมตาไม่ขึ้นแล้ว แต่ยากเพราะพี่ไม่มีน้ำยาให้ทรายอ่อยเล่นลีลาอยู่ตั้งนาน พี่โง่มากไม่เห็นทำอะไรสักที ทำไม่เป็นเพราะไม่เคยใช่ไหมล่ะ นี่วันนั้นทรายบุ่มบ่ามไปหน่อยเลยไก่ตื่น ถ้าเรื่องไม่แตกทรายก็ว่าจะลองคบกับพี่ต่อนะ ทอมชอบเซอร์วิสอยู่แล้ว พี่สปอยล์จนทรายเคยตัวแล้วที่มีคนมาเอาใจขนาดนี้ แต่ว่านะ..นี่ไม่เกี่ยวกับเงินทองข้าวของที่พี่ให้หรอก แต่มันเกี่ยวกับวิธีใช้ชีวิตของเรา เราต่างกัน ทรายใช้แบบนี้ ทรายว่ามันใช่แล้วล่ะ”
“ทรายคิดกับพี่แบบนี้ได้ยังไง ทำลงคอได้ยังไง ไม่เห็นหรือว่าพี่รักขนาดไหน จริงจังกับทรายขนาดไหน แค่เอาชนะฌองปอลทรายจะทำลายพี่ให้ตายทั้งเป็นเลยเหรอ”
มิคตาแดงหน้าแดงแล้วสักพักก็ซีด
“ทำลายอะไรพี่ กะอีแค่นอนกันเอากัน”
ทรายหัวเราะ
“ เยอะและพี่เยอะและ อีกอย่างทรายสงสัยว่าว่าพี่แอ๊บทอม พี่ไม่ใช่ทอมหรอก แค่ชอบแต่งตัวเหมือนผู้ชายเฉย ๆ ”
“พี่ไม่ได้เคยพูดว่าตัวเองเป็นทอมตรงไหนเลย คิดกันไปเองพูดกันไปเองทั้งนั้น”
“ไม่เป็นทอมแล้วทำไมต้องแต่งตัวเป็นผู้ชาย ต้องมีแฟนผู้หญิง ทำไมเป็นแฟนทราย ต้องมาหอมมากอด ขนาดนี้ยังว่าไม่ใช่ทอมอีกเหรอ”
เนื้อทรายพูดเยาะ แต่แล้วก็งันไป เมื่อมิคขยับนั่งตัวตรง มองตาเนื้อทรายด้วยสายตาปวดร้าว
“ทรายพูดแบบทรายไม่รู้จักพี่เลย เราคบกันมาเดือนนึงถึงน้อยแต่ก็นับว่านาน พี่ไม่รู้ว่าทอมเป็นยังไง ไม่สนใจด้วย ใครว่าพี่เป็นอะไรก็เรื่องของเขา พี่รู้ดีว่าพี่เป็นอะไร"
...
"สำหรับพี่ความรักเป็นเรื่องของใจ ความรักไม่มีเพศ อยากจะรักก็รัก คนที่เรารักเป็นเพศไหนเราก็รัก เขาเป็นยังไงเราก็รัก เรืองแต่งตัวก็คนละแบบกับเรื่องความรัก พี่ชอบแบบนี้ แต่งตัวแบบนี้ ทำผมแบบนี้ หน้าตาแบบนี้ ไม่รู้ว่ามันเป็นเงื่อนไขตรงไหนกำหนดว่าถ้าใครแต่งตัวเป็นผู้ชายต้องชอบผู้หญิง ถ้าใครแต่งตัวเป็นผู้หญิงต้องชอบผู้ชาย พี่อยากแต่งอะไรพี่ก็แต่ง พี่อยากจะมีความรักแบบไหนพี่ก็รัก ไม่เคยแคร์ว่าใครจะเรียกพี่เป็นอะไรแบบไหน"
...
" ที่ผ่านมาเนื้อทรายก็เห็นแล้วว่าพี่ไม่ประสาเรื่องแบบนี้ ทำอะไรก็ทำไม่เป็น จูบยังเป็นเด็กอนุบาลอยู่เลย ขณะที่เนื้อทรายไปเว่ลไหนแล้ว ซึ่งที่จริงไม่ต้องห่วงเลยพี่รักทรายยังไงก็จะทำทุกอย่างที่คนรักควรจะทำกัน พี่จะทำเพื่อคนที่พี่รักให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเป็นผู้ชายเป็นผู้หญิงเป็นเกย์เป็นกระเทย อย่าเอาเพศสภาพมาจำกัดความรักของพี่ดีกว่า"
...
"อีกอย่างพี่ไม่สนใจว่าทรายผ่านอะไรมาโชกโชนแค่ไหน แต่ที่พี่เสียใจคือเนื้อทรายหักหลังพี่ โกหกพี่ ทรยศพี่ มุ่งร้ายพี่ นอกใจพี่ ทรายอยากจะใช้ชีวิตแบบไหนมันเป็นชีวิตทราย ก็ใช้มันไปจะตกต่ำพินาศก็เรื่องของทราย แต่ทรายมีสิทธิอะไรมาละเมิดชีวิตพี่ เบียดเบียนยัดเยียดชีวิตแบบทรายให้พี่ ถามพี่หรือยังว่าพี่อยากได้อะไร”
“ถ้าที่ผ่านมาทรายไม่มัวแอ๊บ แต่ได้คุยกันได้รู้จักพี่แบบวันนี้ก็คงดี แต่ก็สายไปแล้วล่ะ ถึงจุดนี้ทรายกับฌองปอลก็ไม่ขนะ เสมอกัน”
“แล้วฌองปอลจะรู้ได้ไงว่าทรายชนะ”
ทรายหัวเราะเสียงใส เอียงคออย่างน่ารัก
“ว้า พลาดพูดออกไปซะแล้ว แต่ไหน ๆ ก็ไหน ๆ บอกก็ได้ ทรายก็ตั้งกล้องถ่ายไว้เหมือนกันแหละพี่”
ปรเมศร์กับบราลีนั่งแท็กซี่ตามมาที่ร้านหลังจากนั้นอีกชั่วโมง มิคก็เริ่มเมาพอดี นั่งตาเยิ้มอยู่คนเดียว
“เค้าไปแล้ว เค้าบอกว่าเค้าพนันแข่งกะเพื่อนว่าจะฟันเราให้ได้ นี่มิคเกือบเป็นดารามีคลิปออกขายที่คลองถมแล้วนะ เมศร์ ปุ่น” มิคกินเหล้าเป็น แต่ความเจ็บช้ำทำให้รั้งสติไม่อยู่ กระดกแบล็คเพียวก็เอา แรก ๆ ก็บาดคอ หลัง ๆ เริ่มรู้สึกชา
“เมศร์ ปุ่น ขอนะ อย่าเล่าให้ใครฟัง มิคไม่อายที่โดนหลอก แต่มิคไม่อยากให้ทรายเสียไปกว่านี้“
พยายามคีพลุคแมนเต็มที่ ปรเมศร์หัวเราะหึ ๆ ขณะที่บราลีทำหน้ากลุ้มใจ
“อ้าว แล้วจะให้เราบอกเพื่อน ๆ ว่าไงถ้าคนถามว่าทำไมเลิกกัน ขาเผือกทั้งคณะน่ะแก”
“บอกว่ามิคเซ็กส์ห่วย เลยโดนทรายทิ้ง “
“แบบนี้ก็ได้เหรอ!”
เพื่อนทั้งสองร้อง ขณะที่มิคส่ายคองอกแงกเพราะความเมา
สองคนนั่งเจี๋ยมเจี้ยมมองมิคกระดกหมดแก้ว ๆ อย่างเอือมระอาและห่วงระคนกัน
“สองทุ่มแล้ว มิคกลับบ้านเหอะ”
ปุ่นทนไม่ไหว
“รักตัวเองมั่งดิวะ รักเค้าแล้วทำลายตัวเองไม่ไหวนะ”
มิคยกแก้วเปล่าขึ้นมอง หัวยุ่ง ตาเยิ้มหน้าแดง ยังน่ารักประสา ทอมมุ้งมิ้ง
ปรเมศร์นั่งพิงเบาะกอดอกมองเพื่อนอย่างระอาใจ
“อาทิตย์หน้าสอบกลางภาค นี่ต้องมานั่งเฝ้าเพื่อนแม่งแดกเหล้าเหรอวะ ปุ่น ฮะ เราสองคนน่ะ”
ปุ่นเงยหน้าจากโทรศัพท์ที่ไถเล่นไปเรื่อยเปื่อย
“ก็งั้นดิ นี่รายงานในไลน์กลุ่มอยู่ ฝากเผือกมา อิ่มมาก มีความเผือกมาก”
ปุ่นวางโทรศัพท์ แล้วหันไปเขย่าแขนมิคที่นั่งก้มหน้ากุมแก้วเหล้า
“มิค พอแล้ว กลับได้แล้ว ป๊าม้ากับเฮีย ๆ จะเป็นห่วงนะ “
”เอาดิ แล้วสองคนมาไง เดี๋ยวมิคขับไปส่งนะเพื่อน อุตส่าห์มาเป็นเพื่อนมิค”
เจ้าตัวเงยหน้าตาปรือ พูดยานคาง
“ชิปเป๋งดิ เมาแล้วขับถูกจับแน่”
บราลีร้องจ๊าก
” เมศร์ ซวยแล้ว มิคเมาแล้วจะกลับยังไง ชั้นกับเธอขับรถเป็นที่ไหนกันเล่า”
มิคโบกมือ
“โอ๊ย ชิว ๆ มิคขับไหว ปวดเฉ่ ไปห้องน้ำเดี๋ยวมา”
ปุ่นเข้าไปประคอง แต่อีกฝ่ายโบกมือจริงจังทำหน้าเครียด
”มิคไหว ปุ่น ปล่อย เดี๋ยว มา “
ชักดึก เริ่มพูดเป็นคำ ๆ ไม่เป็นประโยค ปุ่นทำหน้าเซ็งหันหน้าไปมองปรเมศร์ซึ่งยักไหล่ส่ายหัวอย่างเดียว
โดนตำรวจจับก็เรื่องนึงแต่มันเรื่องอะไรต้องเสี่ยงตายไปนั่งรถที่คนเมาขับ
มิคเดินสะเงาะสะแงะ โซเซไปตามทางเข้าห้องน้ำ
ร้านอาหารยามกลางวันและเย็น ปรับสภาพเป็นกึ่งผับในยามค่ำคืน กีต้าอคูสติกกับนักร้องเสียงแหบ ๆ
บาดใจกับเพลง ที่ช่างตรงกับสถานการณ์ let her go ฟังแล้วบาดใจทุกคำ
Cause love comes slow and it goes so fast
Well you see her when you fall asleep
But never to touch and never to keep
'Cause you loved her too much and you dive too deep
มิคพยายามรวบรวมสติ ถามตัวเองว่าที่ปวดใจอยู่นี่ มันเพราะอะไรกัน
ทุกอย่างเร็วเกินไปสับสนเกินไป ในหัวมีแต่คำถาม ๆ ๆ ๆ ที่ไม่รู้ว่าใครจะตอบให้
เข้าห้องน้ำล้างหน้าเรียบร้อย มิคก็ยืนจ้องเงาตัวเองในกระจก
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มิครู้จักคำว่าอกหัก หล่อเลือกได้แบบมิค เคยแต่ทิ้งผู้หญิง ถึงยังไม่เป็นแฟน เป็นแค่คนคุยก็เหอะ
มิคคิดถึงตั่วเฮีย ยี่เฮีย เฮียสาม เหลือเกิน เฮียทุกคนแต่งงานหมดแล้ว ซ้อของมิคทั้งสามคนฉลาดใจดีน่ารัก
และทุกคนเอาใจมิคเพราะนี่คือโซ้ยหมวยสุดเลิฟของเฮีย ๆ และป๊าม้า
ไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อนในชีวิต อะไรที่มิคอยากได้ ไม่เคยไม่ได้
ถึงมิคจะเป็นคนนิสัยดีน่ารักแต่ก็ไม่มีภูมิคุ้มกันกับความผิดหวังมาก่อน
ด้วยความที่เรียนเก่งใช้ได้ หน้าตาดี นิสัยดี บ้านรวย คนแบบมิคไปไหนใครก็รัก ใครก็ต้อนรับ
ยี่สิบปีของมิคสวยงาม สะอาดสดใส แต่เพียงแค่วันเดียวเนื้อทรายกระชากแว่นสีขมพูออกจากตาของมิค
เพิ่งรู้ว่าคนเราทำร้ายกันได้ง่ายขนาดนี้ ดาร์คขนาดนี้
เด็กผู้หญิงอายุน้อยอย่างเนื้อทรายกลับโสมมโสโครกได้ขนาดนี้
แค่เพื่อชนะพนันเก็บแต้มล่าเหยื่อ เนื้อทรายถึงกับวางแผนทำลายชีวิตคนคนหนึ่งได้อย่างเลือดเย็น
แล้วคนคนนั้น คือคนที่รักเนื้อทรายที่สุดทำเพื่อเนื้อทรายอย่างที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน
นี่ปีศาจจากขุมนรกไหนกันถึงได้ต่ำทรามขนาดนี้
เราต้องตกต่ำอยู่ในโลกที่มีคนเลวขนาดนี้ด้วยหรือ
แล้วเราถึงกับเคยปล่อยให้คนแบบนี้เข้าถึง แตะเนื้อต้องตัวอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ความขยะแขยงก็วิ่งซู่ไปทั่วร่าง มิครีบวักน้ำล้างหน้าตา
มองกระจกเห็นหัวเปียกเป็นกระจุก ปรกหน้าเหมือนเด็กผู้ชาย ตาแดงก่ำ ปากแดงเจ่อด้วยความร้อนของพิษเหล้า
มิคโซเซเดินออกจากห้องน้ำ ลมพัดจากสวนหย่อมด้านขวาวูบแรงจนทำให้เหลียวไปมอง
พอดีเห็นเงาสูงกับเชิ้ตขาว ๆ ยืนหันหลังตะคุ่มพึมพำอะไรเบา ๆ อยู่กับโทรศัพท์
เฮียสามของน้องมิค
มิคตาปรือ เดินเซเข้าไปข้างหลังแล้วกอดหมับเข้าให้ แล้วก็ซัดโฮ
“เฮียสาม ๆ ฮือ...ฮือ สงสารน้องมิคมั้ย เฮียสาม”
หิรัณสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ ก็มีแขนมากอดแน่นจากข้างหลัง พร้อมเสียงอุ้อี้ ๆ ปนสะอื้นของใครคนหนึ่ง
ยกศอกว่าจะถองเต็มแรงก็ยกค้าง เพราะเนื้อตัวที่โถมเข้ามากอดเต็มแรงนั้นนุ่มนิ่มพิกลแม้ทรงจะเหมือนเด็กผู้ชายก็เหอะ
เขาแกะมือที่พัลวันกอดเหนียวเป็นตุ๊กแกออก
“เฮ้ย ๆ ช้าก่อนสหาย ไอ้น้องใจเย็น”
หน้าเมา ๆ นั้นน่ารักไม่น้อย ดูกึ่ง ๆ จะหล่อก็ไม่เชิง สวยก็พอได้ แต่ทรงดูแล้วก็ทอมเราดี ๆ นี่แหละ
มิคไม่ฟัง พลังเมาหูตาลาย มองคนข้างหน้าดูยังไงนี่ก็เฮียสาม
“เฮียสาม ทำไมคนเราถึงใจร้ายขนาดนี้ น้องมิคดีกับเขาขนาดนี้ ทำไมเขาถึงใจร้าย เฮียสามมมม ฮือ”
มิคกอดเฮียสามไว้แน่น เอาหน้าเปื้อนน้ำตาถูกับอกเสื้อพี่ชายในมโน
หิรัณหันหน้าหันหลังหวังจะขอความช่วยเหลือ ก็หาไม่มีสักคน
สวนหย่อมนั้นไว้สำหรับพวกสูบบุหรี่หลังแวะมาชิ้งฉ่อง ตอนนี้ยังหัวค่ำนัก เลยไม่มีใครโผล่เข้ามา
มิคทิ้งน้ำหนักใส่ตัวเฮียสามเต็มที่ร้องไห้ไปพลางถูหน้าไปพลางกอดไปพลาง
หิรัณถอยหลังตามแรงโถมผลักจนที่สุดก็นั่งหงายหลังผลึ่งลงไปที่เก้าอี้ไม้ตัวยาว
ชูสองมือขึ้น โดยมีตุ๊กแกทอมตัวนั้นเกาะทับลงไปแบบไม่สนตุ่ยอะไรทั้งสิ้น ร้องอย่างเดียว
นึกขึ้นมาได้ว่ามือกำลังจะกดโทรศัพท์หานะมามิให้ออกมารับหน่อย เพราะกินข้าวกับลูกค้าส่งขึ้นรถเสร็จแล้ว
ยังกดค้างอยู่ เลยกดปิด ตั้งสติในความมืดฟังเสียงรำพันคร่ำครวญของตุ๊กแกตัวนั้น
สภาพตอนนี้ เขาคือเฮียสามในมโนภาพ เขาฟังเรื่องของเด็กสาวโลกสวยที่โดนเพื่อนหญิงหลอกลวงทำร้ายเอาอย่างน่ารังเกียจ
ฟังคำรำพันแล้วก็ถอนใจ โอยนี่ลูกเต้าเหล่าใคร ถึงได้เฉียดใกล้ความพินาศขนาดนี้
เกิดมาไม่เคยผิดหวังเลยหรือเปล่าถึงได้เป็นเอาหนัก ประโยคถัดมาทำเอาอมยิ้ม ด้วยความขำ
“เขาบอกว่าเสียดายไม่ได้เปิดซิงน้องมิคน่ะเฮีย ฮือออ” หิรัณ เอามือตบบ่าเล็ก ๆ นั้นเบา ๆ เป็นเชิงปลอบ
“เอา ๆ ไว้คราวหน้าเราก็ชิงเปิดมันก่อนเลย ดีไหม”
“ทำไมเนื้อทรายไม่เหมือนซาซ้อเลย น้องมิคอยากแต่งงานอยู่กับเค้าเหมือนพวกเฮีย ๆ ”
หือม์ ทอมเด็กอยากแต่งงาน เพ้อแล้วหนู
“ขี้แยเป็นตุ๊ดไปได้ แมน ๆ หน่อยเฮ่ย น้อง”
จากโถมทับนาน ๆ ไป มิคก็เริ่มขดไปขดมา รำพันร้องไห้ ที่สุดก็ขดตัวนั่งตักซุกอกเฮียสามในมโนพลางสะอื้นพลาง
หิรัณเหลียวซ้ายแลขวา พยายามจะลุกเทอีกฝ่ายลงนั่งเก้าอี้ แต่ตุ๊กแกทอมตัวนั้นเกาะสาบเสื้อเขาไว้แน่น
อ้าวไหน ๆ ก็ไหน แขกของเขาก็กลับไปแล้ว นั่งปลอบเด็กอีกพักแล้วกัน
กลิ่นแอลกอฮอล์ปนกลิ่นพาร์ฟูมคูลวอเตอร์กรุ่นอยู่เบาบาง
สักห้านาทีแรงดึงเสื้อก็อ่อนลงไม่มีเสียงร้องไห้ หิรัณก้มมองดูเห็นเด็กนั่นหลับไปแล้ว คราบน้ำตายังเลอะสองแก้มอยู่เลย
เขาค่อย ๆ อุ้มพยุงร่างนั้นวางลงบนเก้าอี้ นายหรือยายนั่นเลยนอนขดหลับบนเก้าอี้ต่อ จนฝ่ายชายเกาหัวแกรก ๆ
แล้วจะยังไงเนี่ย จะทิ้งให้เมาหลับหรือ แล้วนี่มาไงมากับใคร เอาไงดีวะ
แต่แล้วก็ได้ยินเสียงพูดคุยร้อนรน เร่งเดินเข้ามาใกล้
“มิคอยู่นี่ไง “
โล่งใจมีคนมาตามหาแล้วด้วย ชายหญิงวัยรุ่นคู่หนึ่งเดินเร็ว ๆ เข้ามา
ฝ่ายชายชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นเขา แล้วทักด้วยเสียงดีใจเว่อวังสุดขีด
“พี่รัณ พี่รัณ จริง ๆ ด้วย พระมาโปรด พี่ไปไงมาไงเนี่ย”
เขาเลิกคิ้ว ด้วยความแปลกใจ น้องชายปรมินทร์นี่เอง
“เมศร์ มาไง เด็กคนนี้มากับเมศร์เหรอ”
“ครับพี่ เพื่อนที่คณะ หญิงเท อกหักหนักมาก เมาหมาเลยพี่”
“เออ ดี มาก็ดีแล้ว นี่ร้องไห้ใส่พี่อยู่นานมาก แกะก็ไม่ออก พี่นี่แบกจนนี่เมาหลับไปแล้วเนี่ย เป็นสาวเป็นนางอะไรจะเละเทะขนาดนี้”
ปรเมศร์หัวเราะแหะ ๆ
“มาก็ดีแล้วจัดการกันเองต่อนะ พี่ไปล่ะ”
หมับ!
“เดี๋ยวพี่..”
ปรเมศร์คว้าเขนหิรัณไว้
“พี่รัณมาไง เอารถมาป่าว”
“เปล่า เผื่อกินเหล้าน่ะ แต่วันนี้ไม่ได้กิน นี่จะโทรเรียกนะมามิออกมารับ”
“งั้นพี่รัณ ผมไหว้พี่ละครับ ผมขอความช่วยเหลือพี่อีกหน่อย พวกผมขับรถไม่เป็น พี่ขับรถพาพวกผมไปสงบ้านมิคหน่อยได้ไหม”
“หือม์”
หิรัณทำตาโต ทำหน้าคิดตรองดูสักพักก็พยักหน้า
“เอ้าได้ ๆ ช่วยกัน”
ปรเมศร์แทบกระโดดด้วยความดีใจที่แก้ปัญหาได้
ตอนแรกที่เห็นตัวสูง ๆ หน้าคมผมมวยกับเครานั้น จำแทบไม่ได้ นึกว่ามิคจะโดนลวนลามหรือเปล่า
แต่พอมองถนัดจำได้ว่าเป็นหิรัณก็เบาใจ เพราะรู้จักอัธยาศัยใจคอสนิทสนมกันดีอยู่แล้ว
ความที่เคยเห็นหิรัณเคยขลุกกับปรมินทร์ที่บ้าน กินเที่ยวด้วยกัน รู้ว่าไว้ใจได้
ด้วยความสามารถทางการเงินของครอบครัวกับรสนิยมวิไลของดีไซเนอร์ ปรกติมิคจึงขับรถมินิคันจ้อยที่แพงระยับ
แต่วันนี้อะไรบางอย่างดลใจให้เอาเบนซ์ทรงอึ่งอ่างมาใช้ เมื่อยัดเข้ามาสี่คนจึงไม่แน่นรถ
พอขับมาถึงบ้านมิคซึ่งเป็นตึกเจ็ดชั้น สภาพการณ์ของคุณหนู เอ๊ย อาเสี่ย ที่ทุกคนในบ้านพะเน้าพะนอก็ทำให้หิรัณอมยิ้ม
เรื่มจากพี่สะใภ้ทั้งสามบ้าน ตามด้วยพี่ชายทั้งสาม เสียงบ่น เสียงโวยวายขโมงโฉงเฉง
เฮียสามหุ่นใกล้เคียงกับเขาจริง ๆ ด้วย สูงเพรียวหนาไล่เลี่ยกัน
ข้างฝ่ายบ้านมิค ดูเข้าอกเข้าใจดี ไม่โทษอะไรใคร แต่ความเป็นห่วงประเดประดังล้นหลามเหลือเกิน
เฮียสามเข้าไปควักน้องสาวทูนหัวทูนเกล้าออกจากรถเบนซ์อุ้มขึ้นแนบอกเข้าบ้าน
มีซาซ้อวิ่งหน้าเริ่ดไปสั่งเด็กเตรียมที่นอนให้น้องสาวคนโปรด
แขกแลกนามบัตรกับเฮีย ๆ ของมิคนิดหน่อยตามมารยาท
พอทั้งสามคนขอตัวลา ตั่วเฮียก็เสียงแข็งไม่อนุญาตให้เรียกแท็กซี่แต่ให้คนขับรถเอารถที่บ้านออกสองคัน
ส่งเขาหนึ่งคันและเพื่อนมิคอีกคัน กว่าหิรัณจะถึงบ้านก็เข้าไปห้าทุ่ม
นะมามิเดินทำหน้ามึน ๆ ลงมาส่องดูเมื่อเขาไขกุญแจเข้าบ้าน แล้วก็เดินกลับไปเงียบ ๆ
เสียงกริ่งตอนเช้า วันอาทิตย์ทำให้หิรัณตื่น เด็กลูกจ้างมาเคาะห้องรายงาน
บ้านน้องมิคส่งกระเช้าผลไม้ขอบคุณมาให้คุณหิรัณ เขาพยักหน้ารับ
พอเดินลงมาที่ข้างล่างก็ทำเฉย ๆ ไม่ตอบสายตาส่งคำถามของแม่ที่ส่งมา อดรนทนไม่ไหวแม่เลยต้องออกปากถาม
” น้องมิคไหนน่ะรัณ”
“เพื่อนน้องเพื่อนน่ะแม่”
ตื่นเช้าลงมากินข้าวข้างล่าง มิคโดนอาเฮียทั้งสามด่ากระจายที่เมากลับมาเละเทะขนาดนั้น
เฮีย ๆ ทั้งสามของมิคมีลูกก็ตั่วเฮีย ยี่เฮีย แต่หลานนั้นแก่กว่ามิคไปเรียนต่อกันหมด
ที่บ้านไม่มีเด็กเล็กสักคน เล็กสุดก็มิคนี่ล่ะ และความที่มิคเป็นลูกหลงอายุห่างกับพี่ ๆ มาก ทำให้มิคไม่เหมือนน้องสาว
แต่เหมือนมีพ่ออีกสามคน คอยเอาอกเอาใจน้องเล็ก
บ้านมิคเป็นตระกูลจีนที่ยังจีนเอามากอยู่ ยังอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่
เฮียทั้งสามกับซ้อกระจายกำลังกันดูแลบริษัทในเครือ
ตึกซึ่งเป็นบ้านที่อยู่อาศัยนี้แบ่งเป็นเจ็ดชั้นชั้นหนึ่งและสองเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ชั้นสามเป็นของพ่อแม่
ชั้นสี่ถึงหกเป็นของครอบครัวเฮีย ๆ คนละชั้น ส่วนชั้นเจ็ดเพนท์เฮ้าส์ เป็นของน้องมิคคนเดียว
“เพราะม่ะม้ามีน้องมิคตอนแก่ ถึงได้ออกมาปัญญาอ่อนขนาดนี้ไง”
ตั่วเฮียบ่น ตั่วเฮียห่างกับมิคยี่สิบกว่าปีแม่มีมิคตอนอายุได้สี่สิบกว่าแล้ว
“รู้แล้ว ๆ ทีหลังไม่กล้าเมาแล้ว”
มิคเดินไปซบบ่าอย่างเอาใจ
“เป็นแบบนี้ไม่รู้จักโต ไหนว่าแมนนัก เจอผู้หญิงหักอกทีเดียวกลายเป็นหมาเลย”
ยี่เฮียนั่งจิบกาแฟไปบ่นไป
มิคกรากไปคุกเข่า เอาคางเกยเข่า แล้วทำตาปริบ ๆ อ้อนอุ๋ง จนอีกฝ่ายอดขำไม่ได้เอามือขยี้หัวจนยุ่ง
“เป็นสาวเป็นนาง เมาเละขนาดนี้ถ้าเจอคนไม่ดีเอาเปรียบจะทำยังไง นี่เฮียโมโหมากนะ โกรธมากด้วย น้องมิคเหลวไหลขนาดนี้ได้ไง”
พี่ชายสามที่อายุใกล้กันที่สุด คือห่างกันสิบห้าปีสำทับมาอีก
ระหว่างยืนเก๊กเท่หันหลังถือแก้วกาแฟมองออกไปที่ลานน้ำพุข้างบ้าน
มิคเดินไปแบ็คฮักหมับเอาหน้าแนบหลังพี่ อันเป็นท่าถนัดไม้ตายอ้อนพี่ แต่เอ๊ะทำไมรู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเมื่อคืนก็เจอเฮียสามนี่หว่า
ร้องไห้ใส่เฮียสามไปเยอะมาก
“เมื่อคืนน้องมิคร้องใส่เฮียสามเยอะมาก เค้าเผลอพูดอะไรไปมั่งป่ะตัวเอง”
“ร้องใส่อะไรกันเล่ายังไม่รู้สำนึกอีก” เฮียสามเอ็ดเอา “เพื่อนกับพี่เพื่อนแบกมาบ้านเมาเป็นหมาหลับไม่รู้เรื่องเลย นี่ไปร้องไห้กอดใครมาถึงนึกว่าเป็นเฮีย”
มิคตกใจปล่อยกอดพี่ชายหน้าเหวอ
โอมายก๊อด ตายแล้วนี่เมื่อคืนไปกอดใครเข้าเนี่ย พี่ชายหันหลังกลับมาดู แล้วก็ดึงน้องเล็กมากอด
“เป็นสาวเป็นนาง ถึงทำเป็นทอมก็เหอะ เมาแล้วเปลืองเนื้อเปลืองตัวแบบนี้ไม่ไหวนะ น้องมิค”
อ๊าก! ท่านี้เลย เมื่อคืนจำได้แล้ว !
โอยตาย ๆ ๆ ขายหน้าที่สุด ใครคนนั้นในความทรงจำเหมือนเฮียสามนี่แหละ เหมือนจะรวบมวยผม
ตอนเอาหน้าแนบหลังกับอก จำได้ว่าตัวตึง ๆ มีกลิ่นตัวผู้ชายหอม ๆ
เท่านั้นจากที่ซีด ๆ เมาค้าง มิคก็แดงขึ้นทั้งตัวอ้อมแอ้มขอตัวไปอ่านหนังสือสอบ
แล้วก็วิ่งกลับไปเข้าห้อง ขยำขยี้ตุ๊กตาบนเตียงกระเจิงด้วยความอับอาย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น