ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic : MY PET นายเป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน !!! BEAST {2JUN}

    ลำดับตอนที่ #6 : {MY PET} : Chapter 5 อย่าบังอาจมายุ่งกับสัตว์เลี้ยงของฉัน !! 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.17K
      2
      20 ส.ค. 54

      

    Chapter – 5 อย่าบังอาจมายุ่งกับสัตว์เลี้ยงของฉัน !!


              “ก็ดีตรงที่... ปากนายมันนิ่มดีน่ะสิ”

                ...

                ..

                .

                “ไอ้ประธานเฮงซวย ! เดี๋ยวพอปั๊ดสาปแช่งให้ท้องผูกห้าวันห้าคืนซะเลยนี่ ! บ้าเอ๊ย ! ไอ้โรคจิต ! ฮึ่ย !

                ผมส่งเสียงโวยวายกับตัวเองอยู่คนเดียวจนให้ความรู้สึกเหมือนคนบ้าที่เพิ่งหลุดออกมาจากศรีธัญญามาหมาดๆ =..= ผมมาลองคิดๆดูแล้วนะ หลังจากที่อยู่กับนังประธานเฮงซวยยุนดูจุนมาสองสามวันผมก็เริ่มจะมีอาการคล้ายคนสติไม่ค่อยจะเต็มมากขึ้นเรื่อยๆ คือแบบ เอาตรงๆเลยก็คือไอ้ดู๋มันกำลังจะทำให้ผมกลายเป็นบ้า อยู่กับมันทีไรก็รู้สึกเหมือนถูกประสาทแดกไปทั้งหัว แล้วจะไปโวยวายอะไรใส่มันมากก็ไม่ได้ เดี๋ยววันดีคืนดีท่านชายเกิดมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วเอารูปในสต็อกไปโพสต์ลงเน็ตให้ว่อนขึ้นมาจะทำยังไง ?? ใช่มะ ?? สถานการณ์แบบนี้ผมตกเป็นรองเห็นๆ ! โลกช่างยุติธรรมกับห้อย T^T

                แล้วเรื่องเมื่อคืนอีกอ่ะ !! คือแบบ คุณคิดเหมือนผมมั้ยว่าผมเนี่ยเป็นผู้เสียหายในทุกๆทางจริงๆ ! แรงแม่งก็เยอะกว่า อำนาจมึงก็ล้นฟ้า แถมยังหื่นไม่เลือกสถานที่และหน้าตาของเคะอีก ! ผมเนี่ยยังไงๆก็เป็นผู้เสียหายชัดๆ !! โอ๊ยย คิดแล้วก็ยังเครียดไม่หาย ผมจะเอายังไงกับริมฝีปากที่มีมลทินของตัวเองนี่ดีวะ T[]T ??

                แถมยังที่ซอกคอนี่อีก อะโห้ยยย ผมว่านะ... วันใดวันนึงที่มันทนไม่ไหวสุดๆแล้วจริงๆขึ้นมา เชื่อดิ่ว่ามันจะต้องตื่นขึ้นมาปล้ำผมกลางดึกแน่เลยอ่ะ ! อ๊ากกกก น่ากลัวววว !!

                ไอ้ดู๋แม่งจะพรากความเป็นเมะไปจากโผ้มมมมม TT[]TT

                พอเหอะ = = ไร้สาระหว่ะ คนเป็นเมะยังไงก็ต้องเมะอยู่วันยังค่ำดิ่ ! คนอย่างยงจุนฮยองอ่ะแมนจะตายเว้ย ! หน้าอย่างเมิงอ่ะไม่มีทางที่จะยัดเยียดความเป็นเคะให้กูได้สำเร็จหรอกไอ้ดู๋ ! กูแมนนะเว้ย ! แมนน่ะ ! เคยได้ยินมั่งมั้ยวะ ?! ยงจุนฮยองแมนเว้ย !!!

                เฮ้อ ~ บอกแล้วไง ว่าผมบ่นคนเดียวจนชักจะเหมือนคนบ้าเข้าไปทุกๆที ยิ่งตอนอยู่กับไอ้ประธานเฮงซวยนั่นยิ่งอาการหนัก = = ทั้งๆที่ปกติผมก็บ่นโน่นบ่นนี่ไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วยนะ เฮ้อ ! เ-ค-รี-ย-ด เว้ย !!

                “อื๋อ ??” ผมสะดุดสายตาอยู่ที่อะไรบางอย่างที่เสียบไว้อยู่ที่ช่องระหว่างบานพับล็อกเกอร์ ผมเอียงคอมองมันหลายๆองศา แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยให้ผมตัดสินใจฟันธงว่ามันคืออะไรได้ตรงไหน ท้ายที่สุดผมก็ตัดสินใจใช้มือซ้ายยื่นออกไปดึงกระดาษแผ่นนั้นออกมา เออเนอะ =..= ดึงออกมาดูตั้งแต่แรกซะก็สิ้นเรื่อง มัวแต่ไปทำตัวติงต๊องเป็นเด็กอนุบาลอยู่ได้ โง่จริงหว่ะเรา =///= อายชิบ (-///-  )ฟุ่บ(  -///-)ฟุ่บ(-///-  )ฟุ่บ(  -///-) (หันซ้ายหันขวา) ตอนนี้มีใครมองกรูอยู่มั่งมั้ยวะ ??

                “อ่ะเฮ้ย หมอนี่อีกแล้วเหรอ ??” ผมพลิกซองจดหมายในมือกลับด้านไปมา อืม ยังไม่มีชื่อเสียงเรียงนามปรากฏให้เห็นเป็นบุญตาอยู่เหมือนเดิม ให้ตายสิโว้ย ! ถ้าเมิงไม่คิดจะเปิดเผยตัวตนกรูก็ไม่คิดที่จะขวนขวายเองหรอกนะเว้ย ! กู-ไม่-ง้อ !! ถึงมึงจะเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้กรูหลงว่าตัวเองหล่อก็เหอะ =..=

                ผมเปิดซองจดหมายออกแล้วเริ่มต้นอ่านอย่างไม่คิดอะไรมาก เชื่อดิ่ ! ถึงเจ้าตัวจะเขียนมาหวานเลี่ยนน่าอ้วกขนาดไหน แต่อ่านไปผมก็ไม่เขินหรอก เพราะอะไรอยากรู้ใช่มั้ย ? ก็เพราะว่าผมยังไม่คุ้นหน้าค่าตาแถมยังไม่รู้จักชื่อของไอ้เด็กมิสเทอรี่คนนี้เลยอ่ะดิ่ = = แล้วอีแบบนี้จะให้ทำใจเขินลงได้ไงวะ ?? เผื่อคนเขียนจริงๆเกิดเป็นไอ้บึ้กบ้ากล้ามแต่ดันใจตุ๊ดขึ้นมาแล้วที่ผมเขินไปมันจะได้อะไรขึ้นมาวะครับ ?!

                สู้ไอ้ดู๋ไม่ได้ ! แค่ผิวเฉียดกันสามจุดสองห้าวินาทีก็เล่นเอาหน้างี้หน้าร้อนผ่าวๆไข้ขึ้น 40 องศาไปหมด หน้าหล่อๆ ตาเข้มๆของมันที่จ้องมาแต่ละทีเหมือนมีมนตร์สะกดทำเอาผมเขินบิดไปบิดมาเป็นไส้เดือนโดนน้ำร้อนลวก คิดดูแล้วระดับของคนที่ไม่เคยเห็นแม้แต่ปลายนิ้วอันเรียวงามกับคนที่ชอบมาหยอดใส่เป็นพักๆเนี่ยมันผิดกันจริงๆนะ นั่นไง ! แค่คิดถึงแม่งก็... =/////////////= อ๊ากกกกกก !!! ไอ้ดู๋มึงทำอะไรกับจิตใต้สำนึกแห่งความเป็นเมะของกูเนี่ย ?!!!

                ไม่ ! ไม่ !! กูไม่ได้เขิน !! กูไม่ได้เขินนะเว้ย !! กูแค่กำลังอยู่ในสภาวะจิตไม่ค่อยปกติ (?) เท่านั้นเอง ! คนอย่างยงจุนฮยองไม่มีวันเขินไอ้คนเนียนได้โล่อย่างยุนดูจุนนั่นหรอกเว้ย !! ไม่มีทาง !!! โนเวย์สเตชั่นนะฮึ (  =^=)ฟุ่บ(=^=  )ฟุ่บ

                วันนี้ผมได้เจอกับพี่ด้วยนะ แต่ไม่รู้ว่าพี่จะจำผมได้รึเปล่าเนี่ยสิ เอาเป็นว่า วันหลังลองหาผมดูแล้วกันนะครับ ^^... อื้อหือ ! ยงจุนฮยอง ! นายเนี่ยก็เนื้อหอมไม่เบานะเนี่ย”

                “เฮ้ย !! ไอ้ซึง !! อย่ามาลักลอบอ่านจดหมายของชาวบ้านดิ่ = =++” แล้วมึงจะอ่านออกเสียงไปหาพระแสงอะไร ?? กูอ่านหนังสือเองเป็นนะเว้ย !!

                “ใครส่งมาอ่ะ อย่าบอกนะว่า... กิ๊กนาย ??” ทำไมวันนี้หน้าตาจางฮยอนซึงถึงน่าหมั่นไส้อย่างงี้วะครับ ?? จะมีใครว่าอะไรผมมั้ยถ้าผมขออนุญาตตบหน้าสวยๆของมันซักฉาดสองฉาดเนี่ย = =+ ??

                “กิ๊กบงกิ๊กบ้าห่าเหวอะไรของแก ??”

                “อ้อ ลืมไป นายมีท่านประธานดู๋สุดหล่อล้นฟ้าอยู่แล้วนี่เนอะ =^^=” อ๊ากกก !! ไอ้ซึง !! มาๆ พูดแบบนี้มาตบกับกูเลยเหอะ !! ดูหมิ่นศักดิ์ในความเป็นชายชาตรีของกูจริงเว้ย -*- !!

                “ฉันบอกไปแล้วไงว่า ฉัน-ไม่-ได้-เป็น-อะ-ไร-กับ-ไอ้-ประ-ธาน-เฮง-ซวย-นั่น !!! พูดอย่างงี้หาเรื่องรึไงวะ ?!!

                “ก็ได้ๆ ไม่ได้เป็นอะไรก็ไม่ได้เป็นอะไร อ๊ะๆ อย่าเพิ่งลงมือกับเพื่อนฝูงสิ” ฮยอนซึงทำหน้าแหยๆพูดขึ้นในขณะที่ผมกำลังจะพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อมันด้วยความโมโห บ๊ะ !! ชอบทำตัวแส่หาเรื่องกันจริงว้อยแต่ละคน -*- !! หงุดหงิดดดด !!!

                “ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับไอ้ประธานเฮงซวยนั่นนะเว้ย !!” ย้ำให้ฟังชัดๆอีกซักทีเพื่อนคนมิติที่สี่จะฟังภาษาของคนมิติที่หนึ่งไม่ออก = =

                “เออๆ รู้แล้วๆ นายออกจะแมนใช่มั้ยล่ะ ??” รู้ใจกันจริงนะเพื่อนกรู =_= ดีมาก !! อย่างงี้สิถึงจะสมกับเป็นท็อปเฟรนของยงจุนฮยอง ! เพื่อนมึงแมนมึงต้องเข้าใจ !

                “ใช่ ! ฉันแมนเว้ย !!!

                แค่นี้พอจะเข้าใจมั้ยห๊ะนังประธานยุนดูจุน ?! กู-แมน !!!

                แล้วมึงก็ไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมายัดเยียดความเป็นเคะให้กูด้วย !!! ขอบอกว่ายงจุนฮยองคนนี้ครองตำแหน่งเมะตลอดกาลเว้ย !!! เมะจริงๆนะเชื่อดิ่ !!!

                ไม่ใช่ว่ากูจะกลายเป็นเคะเองซะหน่อย ~ !! โว้ย !!! จะมีใครเข้าใจกูมั่งเนี่ยะ TT___TT ??

    +++++++++

                เหมือนได้ยินเสียงหมาหอนมาแต่ไกล =_= ??

                อั่นแหน่ ! คุณคงคิดว่าผมจะกำลังคิดถึงหมอนั่นอยู่ใช่มะ ?? ขอตอบว่า....

                ...

                ..

                .

                ... ไม่ =_=

                แล้วทำไมผมจะต้องไปคิดถึงหมอนั่นด้วยล่ะ ?? มีเหตุผลอะไรที่สลักสำคัญจนถึงขั้นต้องโหยหาถึงมันตลอดทั้งวันทั้งชั่วโมงจนเห็นสูตรตรีโกณฑ์เป็นปากห้อยๆนั่นเลยเรอะ ?? ฮาล่ะ =..= ขอบอกเลยนะว่าคนอย่างผมน่ะไม่จำเป็นต้องคิดถึงมันหรอก ! มันน่ะสิที่ต้องคิดถึงผม !!!

                จริงมั้ยล่ะ ?? ก็ผมออกจะเป็นคนที่น่าจดจำซะขนาดนี้ =..=

                ทั้งกดขี่ ข่มเหง พยายามจะปล้ำ แถมท้ายด้วยการขโมยจูบอีก ทำขนาดนี้แล้วถ้าเป้าหมายยังไม่จดจำเราไว้ในเบื้องลึกสุดกู่ของหัวใจอีกก็แฟนทาสติกโฟร์แล้ว !!!

                ทำไมพูดไปแล้วดูเหมือนเราเป็นคนเลวเลยวะ = = ? บ้าดิ่ ! ออกจะหล่อเท่ห์ เพอร์เฟ็คแมนซะขนาดนี้ แล้วผมจะหลุดออกจากตำแหน่งคนดีศรียุนดูจุนไปได้ยังไง ?? ใช่ม้าๆ บิวตี้เห็นด้วยกับผมใช่ป่ะ ? ว่าผมเป็นคนดี ?!

                ... (โห่ ~ )

                ... (-*-) อะไรกัน ? ส่งเสียงโห่ไปหาวิมานบ้านแม่สามีของพวกคุณรึไงวะครับ ?? เห็นด้วยกับผมหน่อยสิโว้ย !!

                ผมว่าผมรีบๆไปหาข้าวเที่ยงกินดีกว่าจะได้กลับมาเรียนคาบบ่ายต่อ มัวแต่เสียเวลาไปกับการพล่ามอะไรไร้สาระอยู่นั่นแหล่ะ จะบอกให้ว่าผมน่ะเป็นพวกคิวรัดตัวนะครับ ! ทั้งเรื่องเรียนงี้ แล้วยังมีเรื่องงานในฐานะประธานนักเรียนอีก ผมเนี่ยยุ่งจนตัวเป็นเกลียวไปหมดแล้วเนี่ยขอบอกๆ

                “กรี๊ดด นี่เธอว่าอะไรนะ ?!!

                ... เสียงผู้หญิง ?

                ผมหันซ้ายหันขวาไปมาเพื่อมองหาต้นเสียง แล้วก็ได้เจอกับกลุ่มผู้หญิงสามคนที่ยืนเกาะกลุ่มอยู่หน้าล็อกเกอร์ จริงๆแล้วการแอบฟังผู้หญิงซุบซิบนินทากันมันไม่ใช่เรื่องที่สุภาพบุรุษควรจะทำหรอกนะ แต่... ผมใช่สุภาพบุรุษซะที่ไหนกันล่ะ ? จริงมั้ย ?

                อ่ะโห่... ทีงี้ล่ะรีบพยักหน้ากันเชียวนะ -*-

                “ให้ตายเถอะ !! หมอนั่นหนีไปได้งั้นเหรอ ?!

                “อืม ฉันได้ยินเจ้าพวกนั้นบอกมาว่าอย่างงั้นน่ะ น่าเสียดายจริงๆเลยนะเธอ ไม่งั้นหมอนั่นคงได้เละไปแล้วแน่ๆ”

                “ฮึ่ย ! ฉันไม่น่าจ้างไอ้พวกบ้านั่นจริงๆเลยแฮะ โฮ้ย ! หงุดหงิดย่ะ !!

                “ฉันไม่เข้าใจเลยนะ ว่าทำไมประธานถึงต้องเลือกคนอย่างหมอนั่นเป็นเมดด้วย ? ทำไมไม่เป็นฉัน ? ฉันไม่เข้าใจเลย !

                “นั่นน่ะสิ ทำไมไม่เป็นพวกเรา ? ทำไมไม่เป็นฉันนะ ?! ทำไมต้องไปเลือกนายคนหน้าเถื่อนอย่างนั้นด้วยก็ไม่รู้ ?! ไม่เห็นจะมีอะไรดีตรงไหนเล้ย !

                “แล้วนี่จะทำยังไงต่อยะ ?”

                “ถามได้ ! ก็ต้องตามจองล้างจองผลาญมันต่อไปเนี่ยแหล่ะ บังอาจมายุ่งกับประธานของฉันนักก็สมควรแล้วที่จะโดนแบบนี้ !

                “ประธานของเธอซะที่ไหน ? ประธานน่ะของฉันต่างหากย่ะ !!

                “เอ๊ะ !! นี่เธอกล้าหาเรื่องฉันงั้นเหรอ ?!! ประธานน่ะ.... !!

                “ฉันทำไม ?”

                ผมกล่าวแทรกขึ้นด้วยเสียงที่ดังพอจะขัดบทสนทนาของเด็กนักเรียนหญิงสองคนให้หยุดลงชั่วคราวได้ จริงๆผมก็ไม่ค่อยอยากยุ่งกับผู้หญิงพวกนี้นักหรอก กะอีแค่แฟนคลับที่กรี๊ดกร๊าดกันไปวันๆเหมือนกับชีวิตนี้ไม่มีอะไรทำอีกแล้วยังไงยังงั้น เหอะ อยากจะบอกว่าน่ารำคาญเป็นบ้า แต่ที่ผมต้องยอมลงทุนมาพูดคุยด้วยทั้งๆที่กระดากปากจะตายเนี่ย... เพราะว่าเรื่องที่ยัยพวกนี้พูดถึงเป็นเรื่องของ หมอนั่น หรอกนะ !

                “อ... เอ่อ... ค... คือ...”

                “พวกเธอกำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่ ?”

                “...” ผู้หญิงสามคนพร้อมใจกันปิดปากเงียบอย่างกับนัดกันมาก่อน หรือไม่ก็คงพากันกลัวหัวหดไปจนหมด กะอีแค่ที่ผมเก๊กหน้าเครียดใส่นิดหน่อยเท่านั้นเอง ผมถอนหายใจเงียบๆกับตัวเองด้วยความสังเวชใจ ผู้หญิงพวกนี้มันอะไรกันวะ ? ลับหลังน่ะพูดได้พูดดี ประธานของฉันอย่างโง้นอย่างงี้ แต่พอเจอตัวจริงมายืนเก๊กหน้าหล่อใส่ตรงหน้าแล้วเป็นไงล่ะ ? พากันเงียบกริบอย่างกับป่าช้า แล้วแรงที่ใช้พูดเสียงหวีดแหลมกระแทกประสาทอยู่ตลอดเวลามันหายไปไหนหมดวะ ?

                “ว่าไงล่ะ ? มีปัญหาอะไรกับฉันฮึ ?”

                เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งในกลุ่มสามสาวนั่นหันมองเพื่อนอีกสองคนเลิ่กลั่กเป็นเชิงว่าทำไมพวกเมิงแม่งไม่พูดอะไรกันเลยวะ ?? ก่อนที่เจ้าตัวจะทนกับความเงียบไม่ไหวและตัดสินใจเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาเป็นคนแรก

                “ประธานคะ ทำไมประธานถึงได้เลือกยงจุนฮยองเป็นเมดล่ะคะ ?” คำถามไร้สาระเป็นบ้า =_= เรื่องแบบนี้มันต้องมีเหตุผลด้วยรึไงวะ ? “ถ้าไม่มีอะไรที่สำคัญล่ะก็... ให้ฉันเป็นเมดคุณแทนเขาได้มั้ยคะ ??”

                สุดท้ายก็ไม่หลุดจากคอนเส็ปเดิมอยู่ดี รำคาญจริงว่ะแม่ง = =++

                “ยัยโซอา !!!” เสียงแหลมๆของเพื่อนอีกสองคนดังขึ้นทันทีที่ผู้หญิงคนนั้นพูดในสิ่งที่เธอต้องการจบ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้พากันปิดปากเงียบอย่างกับคนเป็นใบ้ไปเจ็ดชั่วโคตร โว้ย หนวกหู = = !!

                “ฉันก็อยากจะเป็นเมดของคุณนะคะ !!

                “หนอยยย ยัยมีรัน !!... ฉันด้วยค่ะ !! ฉันเองก็อยากเป็นเมดของคุณนะคะ !!!

                “เอาเถอะๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว” ทนไม่ไหวแล้วเว้ย = =++ ถ้าขืนพวกหล่อนยังแผดเสียงแปดหลอดแข่งกันในสถานที่ศึกษาอันแสนศักดิ์สิทธิ์นี่อีกล่ะก็คราวนี้จะเตือนด้วยเท้าจริงๆด้วย ! “ฉันจะไม่เลือกใครเป็นเมดทั้งนั้นนอกจากยงจุนฮยอง เข้าใจมั้ย ??”

                “ทำไมล่ะคะ ?!!” แล้วมันหนักหัวพวกเธอขนาดนั้นเลยรึไง = =++

                “อย่างน้อย เขาก็ดีกว่าคนที่เอะอะอะไรๆก็ทะเลาะกันอย่างพวกเธอก็แล้วกัน !” หมอนั่นก็แค่ชอบทำปากห้อย ขี้บ่น ขี้โวยวายไปร้อยแปดพันอย่างเท่านั้นเอง อย่างน้อยก็ยังดีกว่าพวกผู้หญิงสะเก็ดตีนเมรุพวกนี้แหล่ะวะ ! ใครได้ไปเป็นเมดคงอิสสะปวดเฮดตายพอดี !

                “พวกเราไม่ได้ทะเลาะกันนะคะ ! ใช่มั้ยพวกเรา ?!

                “ใช่ค่ะ ! พวกเรารักกันจะตายนะ !

                ยังแหลต่อเว้ย = =

                “เรื่องพรรค์นั้นฉันไม่สน แต่ที่ฉันสนก็คือเรื่องที่พวกเธอคุยกันก่อนหน้านี้มากกว่า”

                “ร... เรื่องอะไรคะ ??”

                “อย่ามาแกล้งทำเป็นไม่รู้นะ จะบอกให้ว่าฉันเกลียดผู้หญิงขี้โกหก !

                “... ก็เขา... อยากจะมายุ่งกับคุณเองนี่คะ”

                “อะไรนะ ??”

                “เพราะว่ายงจุนฮยองมายุ่งกับคุณ พวกเราก็เลยต้องหาทางกำจัดไงคะ !! หมอนั่นผิดเองที่เสนอหน้ามายุ่งกับคุณก่อน !!

                “ด้วยเหตุผลแค่นั้นน่ะนะ ??”

                “ใช่ค่ะ ! หมอนั่นมันดีตรงไหนเหรอคะ ?? หมอนั่นมันดีจนถึงขนาดที่คุณจะต้องเลือกเป็นเมดเลยเหรอคะ ?? หมอนั่นดีกว่าฉันตรงไหน ?!!

                “ถามได้...” ผมพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ “เพราะว่าเขาจริงใจกว่าคนอย่างพวกเธอไง”

                “จริงใจ ?? คุณหมายความว่าอะไรกันคะ ?? พวกเราไม่จริงใจอย่างนั้นเหรอ ?!

                “ใช่ พวกเธอไม่จริงใจซักนิด แถมยังคิดจะทำร้ายคนอื่นอีก”

                “แต่ที่ฉันทำ... เพราะพวกเรา... ไม่สิ... เพราะฉันรักคุณนะคะ !!!

                “นี่ !!! ยัยจีซอง !!! เธอไม่เห็นหัวพวกเราเลยรึไงยะ ?!!!” อีกสองคนเริ่มโวยวายเมื่อเห็นเพื่อนออกปากพูดคำสารภาพออกมาแบบสายฟ้าแล่บ เอาจริงๆก็คือตอนแรกผมเองก็อึ้งกิมกี่ไปเหมือนกัน แต่ด้วยความที่คนเขาเจอแบบนี้มาบ่อยไงก็เลยทำตัวเฉยๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ ยัยนี่ร้ายแฮะ... แถมยังทำตัวไม่เห็นหัวเพื่อนสนิทเลยซักคนอีกด้วย คนแบบนี้คบด้วยไม่ไหวหว่ะ

                แต่สิ่งที่ผิดมหันต์สำหรับทั้งสามคนนี้ก็คือ... บังอาจสะเออะเสนอหน้ามายุ่งกับสัตว์เลี้ยงของผม !!!

    กล้ามากที่บังอาจมาหาเรื่องกับยงจุนฮยองเมดของยุนดูจุน ! แบบนี้ต่อให้จับรวบหัวรวบหางไปเหวี่ยงให้จระเข้ในบ่อกินเป็นของว่างก็ยังไม่สาสมซะด้วยซ้ำ !!! จะบอกให้ว่าผมมีสิทธิ์ในตัวเขา เพียง-คน-เดียว เท่านั้น จำไว้ !!!

                “ฉันจะบอกให้พวกเธอรู้ไว้นะว่า ยงจุนฮยองไม่ใช่คนที่เข้าหาฉัน”

                “... เอ๋ ?”

                “แต่ว่า ฉันต่างหากล่ะที่เลือกเขา”

                “อะไรนะคะ ?? นี่คุณจะบอกว่าคุณเลือกเขาแทนที่จะเป็นผู้หญิงสวยๆอย่างพวกเรารึยังไงกัน ?? คุณจะบ้าไปแล้วเหรอคะ ?!

                “ก็เพราะพวกเธอเป็นอย่างนี้ไงฉันเลยไม่เลือกพวกเธอ ! เข้าใจรึยัง ?! มันน่ารำคาญน่ะ !!

                ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบพักหนึ่ง... ที่บอกว่าพักหนึ่งแต่ก็แค่แปปเดียวเท่านั้น ความเงียบปกคลุมเพียงชั่ววินาทีก่อนที่เสียงกรีดร้องร่วมแปดหลอดของทั้งสามคนจะดังขึ้นประสานกันจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นวงออเคสตร้าที่สยองขวัญที่สุดในโลกได้อยู่แล้ว จนผมถึงกับต้องยกมือขึ้นมาป้องหูก่อนที่แก้วหูมันจะถูกเสียงนรกแตกนั่นทำลายทิ้งย่อยยับไม่เหลือชิ้นดีซะก่อน

                “กรี๊ดดดดดดดดดดดด !!!

                “พอที หุบปากได้แล้ว ! ฉันรำคาญ !” ผมตะคอกใส่ยัยบ้านั่นเพียงครั้งเดียวก็เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับหุบปากนิ่งเงียบไปโดยปริยาย ผมจ้องหน้าเด็กนักเรียนหญิงพวกนั้นทีละคนด้วยสายตาราวกับเคียดแค้นกันมาแต่ชาติปางไหน “นี่ ฉันจะบอกอะไรซักอย่างให้คนไม่มีหัวคิดอย่างพวกเธอได้รับรู้ไว้นะ...”

                “?!!

                “อย่าบังอาจมายุ่งกับสัตว์เลี้ยงของฉัน” ผมพูดขึ้น ก่อนที่จะใช้สายตาเฉือดเฉือนจิกมองพวกเธอเป็นรายคน “ไม่อย่างนั้นพวกเธอไม่รอดแน่ !!

                “อ... อึ๋ย...” สามคนนั้นก้มหน้าลงหลบสายตาทันทีราวกับว่าไม่กล้าสู้หน้าตรงๆ ท่าทางล่อกแล่กอย่างกับรู้ชะตากรรมว่าตัวเองจะต้องโดนคนตรงหน้าเอาไม้หน้าสามฟาดเลือดกลบปากซ้ำด้วยการใช้ฝ่าเท้ากระทุ้งท้องจนสลบเหมือดไปข้างแน่ๆ แต่เสียดายที่ผมไม่ได้พกของแบบนั้นติดตัวเดินร่อนไปร่อนมาในโรงเรียนซะด้วยสิ ! ยัยพวกนี้รอดตัวไปหวุดหวิด !

                “ยงจุนฮยองเป็นของฉัน ! จำไว้ ! พวกชั้นปลายแถวอย่างพวกเธอน่ะไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะแตะต้องหมอนั่น ! ถ้าเธอกล้าหาเรื่องหมอนั่น นั่นก็แปลว่าเธอหาเรื่องฉันด้วย แน่นอนว่าเรื่องมันจะไม่ได้จบลงแค่ที่เธอเท่านั้นแน่ๆ !!

                “ก..........”

                อย่าบังอาจมายุ่งกับฉัน และของๆฉันอีก”

                นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ผมทิ้งไว้ให้นักเรียนหญิงพวกนั้น ก่อนที่จะหันหลังกลับและเดินจากไปโดยไม่สนใจว่าจะมีเสียงกรีดร้องหวีดแหลมสยองโลกดังตามขึ้นมาติดๆ

                กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!!

    +++++++++

                “จุนฮยอง ไปหาอะไรกินเหอะ หิวแล้วว่ะ” ฮยอนซึงพูดพลางวางแขนพาดบ่าของผม จะว่าไปน้ำย่อยในกระเพาะของผมก็ดูเหมือนจะเริ่มทำงานกันแล้วด้วยนี่นะ แถมยังส่งเสียงร้องโอดครวญได้อย่างน่าสงสารที่สุดในสามโลกอีกด้วย ผมเป็นห่วงว่าตัวเองจะเป็นโรคกระเพาะน่ะสิครับ

                “เออ ไปกันเหอะ ท้องชักเริ่มร้องแล้ว”

                “นายจะกินอะไรอ่ะ?” ในขณะที่เดินมุ่งหน้าไปยังโรงอาหารด้วยกันไอ้ฮยอนซึงก็ถามขึ้น แต่พอผมกำลังจะหันกลับไปตอบมันก็เสือกเครื่องดับกลางคันอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนทำให้ผมที่เดินต่อด้วยอัตราเร็วคงที่แทบจะสะดุดล้มหัวทิ่ม คือมันเอาแขนของมันพาดบ่าของผมไว้อ่ะครับ พอมันหยุดผมก็เลยต้องพาลหยุดตามมันไปด้วย แบบคุณคงจะจินตนาการออกนะว่าผมอยู่ในอาการงงเต็กขนาดไหน อยู่ดีๆมึงก็หยุด เป็นบ้าอะไรวะไอ้ซึง ?!

                “อ้าว กีกวัง ?” ในตอนที่ผมอ้าปากทำท่าเหมือนจะโวยใส่มันเต็มอัตราศึกฮยอนซึงก็ชิงเรียกชื่อใครก็ไม่รู้ขึ้นก่อน ไอ้นี่ก็จังหวะดีอีกล่ะครับ ผมเนี่ยไม่เคยโวยใส่มันสำเร็จเลยซักครั้ง ! ว่าแต่กีกวังเนี่ยใครวะ ? ชื่อคุ้นๆเว้ย =..= ?

                “อ้าว สวัสดีครับพี่ฮยอนซึง แล้วก็...”

                O.O !! อ้อ !! จำได้แล้ว !! ไอ้เด็กติดอ่างที่เจอเมื่อวานนี่นา ?!! โรงเรียนเราเนี่ยมันเล็กจริงเว้ยแฮะ = =;;;

                “รุ่นพี่จุนฮยอง ?” หมอนี่ก็จำผมได้เหมือนกันนี่ ? โอ้ ! แสดงว่าความหล่อของเราก็ไม่เป็นสองรองใครนี่เนอะ ? (ใครโห่ = =++ ??)

                “อ้าว ? นายนี่เอง หวัดดี เจอกันอีกแล้วนะ” นี่ผมทำตัวสนิทสนมเกินไปป่าวหว่า =__=;;

                “เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ” อาฮะ... ไอ้อาการอ้ำอึ้งแถมยังก้มหน้าก้มตาเป็นคนหาหอยแบบเนี้ย บ่งบอกว่าเป็นไอ้เด็กอีกีกวังที่เจอเมื่อวานชัวร์ๆไม่ผิดตัวแน่ =_=

                “เออ พวกพี่กำลังจะไปหาข้าวเที่ยงกินกันพอดี นายจะไปด้วยมั้ย ?” ฮยอนซึงถาม เฮ้ ! ก่อนจะพูดอะไรมึงช่วยถามความสมัครใจจากเพื่อนมึงหน่อยได้มั้ยวะ ? เห็นกูเป็นวิญญาณสัมภเวสีรึยังไงครับไอ้คุณจาง = =++

                แต่ก็ช่างเหอะ ผมไม่ถือเว้ยครับ !

                “จะดีเหรอครับ ? แล้วพี่จุนฮยอง...”

                “ฉันน่ะนะ ? อ่า ไม่ ไม่ว่าอะไรหรอก”

                “ไปเหอะน่า” จางฮยอนซึงเริ่มทำการเซ้าซี้อีกแล้วครับทั่น = =

                “ขอบคุณครับ” ผมขอบอกว่าอีกีกวังช่างเป็นเด็กมารยาทดีจริงอะไรจริง แค่ชวนไปกินข้าวด้วย (โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยง) ยังอุตส่าห์มีการมาโค้งขอบคุณอีกแหน่ะ = =;;; แหม๊ ! ทำไมนิสัยช่างแตกต่างกับเราปีที่แล้วแบบว่าโคตรเยอะ ไม่อยากจะเซ้ดแบบนี้เลยจริงๆนะ ! เพราะมันทำให้เราดูตกต่ำ =..= ช่างเหอะ ! หล่อซะอย่างไม่แคร์เฟ้ย !

                “นี่นายไปรู้จักกับกีกวังตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ ?” ฮยอนซึงหันกลับมาถามผมด้วยท่าทางเซอร์ไพรส์สุดชีวิตอย่างกับเห็นว่าผมแปลงร่างกลายเป็นสไปเดอร์แมน (ฮาล่ะกู = =;;;) อ้อ จะว่าไปแล้วผมก็ยังไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อวานให้มันฟังเลยนี่นะ พอดีเห็นว่าไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่เนี่ยดิ่ =..=

                “เจอกันเมื่อเย็นวานน่ะ พอดีตอนกำลังจะกลับบ้านอยู่ดีๆฉันก็ถูกไอ้พวกนักเลงเข้ามาหาเรื่อง กีกวังเห็นก็เลยพาฉันหนีไปหลบในห้องน้ำ” ผมเล่าเหตุการณ์แบบรวบรัดตัดตอนสุดๆ ส่วนที่ไม่สำคัญอย่างเช่นตอนที่มียุนดูจุนอยู่ด้วยก็ตัดทิ้งไปซะ นี่ผมไม่ได้อคติกับมันนะ (สารภาพก็ได้ว่าจริงๆแล้วก็นิดหน่อยล่ะ = =;) แต่ผมแค่ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเสียเวลาฟังผมพล่ามน้ำไหลไฟดับไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำเท่านั้นเอ๊ง !

                “ห๊ะ ! นายถูกหาเรื่องเนี่ยนะ ??”

                “เออ ฟังแล้วไม่เก็ทรึไงวะ -*-“ อย่าบอกนะว่าไอ้บ้านี่มันหลุดออกจากมิติที่สี่ไปอยู่มิติที่ห้าแล้ว ?? ผมถึงได้คุยกับมันไม่รู้เรื่อง ?? โอ้ ไม่นะ =__=;;;

                “พวกนั้นเป็นใครวะ ?”

                “บ๊ะ ! ถ้าฉันรู้ฉันก็คงจะบอกนายไปตั้งแต่แรกแล้วแหล่ะเว้ย -*-

                “ดุฉันไมเนี่ย =_= ?”

                “ไม่รู้แหล่ะ มันหงุดหงิด =3=

                “เอ้อ ช่างหัวนายแล้วกัน ไปกินข้าวเหอะ” เป็นพระคุณอย่างสูง = =++

                “~Love is over 너와의 약속도~ Love is over 함께한 시간도~ Love 지워진 아무리 불러도~”

                “จุนฮยอง ริงโทนมือถือนายดังแหน่ะ” อ่ะแหม่ !! จำเสียงริงโทนได้ด้วย ?? ฉลาดจริงนะจางฮยอนซึง นี่ขนาดตัวเจ้าของโทรศัพท์เองยังลืมไปแล้วนะเนี่ย =_=;;

                ผมขุดไอโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ชื่อของคนที่ปรากฏเด่นหราอยู่บนหน้าจอทัชสกรีนก็ไม่ใช่ใครหรอก ท่านประธานยุนดูจุนเจ้าเก่านั่นแหล่ะ = = เอ่อ จนป่านนี้ก็ไม่ค่อยจะแปลกใจอะไรเท่าไหร่แล้วอ่ะ ขนาดห่างกันไม่ถึงห้านิ้วด้วยซ้ำไอ้คุณมึงก็ยังเคยกดโทรมาเลยนี่หว่า

                “มีอะไรขอรับคุณประธานที่น่าเคารพอย่างสุดตรีน ^^*

                (ว่ายังไงนะ = =++ ??)

                “เปล่าๆ =_=;; แล้วนายมีอะไรล่ะ ?”

                (ฉันกำลังจะไปโรงอาหาร ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย ?)

                “อ่า...”

                (ฉันไม่ได้ถามให้นายปฏิเสธ ไปกินข้าวกับฉันเดี๋ยวนี้)

                ไอ้... =_=++ มีใครเคยเตือนมั้ยว่ามึงแม่งน่าหมั่นไส้สุดตรีนจริงๆเว้ยไอ้ประธานเฮงซวย !!

                “ไปก็ไปเว้ย ไอ้ประธานบ้า จำไว้เลยนะ -*-

                (ฉันจะรออยู่ที่โรงอาหารแล้วกัน เร็วๆนะเว้ย)...... ปี๊บ

                ดู๊ !! ดูมันดิ่ ! มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยสั่งโน่นสั่งนี่แล้วก็อันตรธานหายไปกับสายลม เนี่ย ! ถามหน่อยเหอะว่าแบบนี้มันน่าตบมั้ย ?? มีใครอยากร่วมแผนการดักกระทืบยุนดูจุนกับผมมั่งขอให้ยกมือขึ้น -*-

                “ซึง ฉันมีธุระหว่ะ ขอปลีกตัวไปตอนนี้เลยได้มั้ย ?”

                “ไม่ต้องถามก็รู้ เรื่องของประธานยุนอีกล่ะสิ ไปเหอะๆ กลัวนายโดนแบล็กเมล์หว่ะ =_=” รู้ทันอีกแหน่ะ =..= สมกับที่ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นมนุษย์มิติที่สี่จริงๆหว่ะจางฮยอนซึง ถ้ามีเวลาล่ะก็จะหมอบกราบให้ซักหนึ่งทีด้วยความนับถือ แต่เสียดายอ่ะที่ผมไม่มีเวลาว่างมากขนาดนั้น ไม่งั้นคนทั้งโรงเรียนคงได้ทัศนารูปถ่ายของยงจุนฮยองในสภาพเรท 18+ ชัวร์ป้าด ผมเนี่ยแม่นยิ่งกว่าหมอรักษ์ ฟันธงซะอีกนะจะบอกให้ !

                “ไปก่อนนะกีกวัง วันหลังเจอกัน” ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่ที่ดีและอยากให้เหล่ารุ่นน้องที่น่ารักยกย่องผมจึงไม่ลืมที่จะหันกลับไปโบกไม้โบกมือให้กีกวังที่ยืนทำหน้าเอ๋ออยู่แถวๆนั้น ก่อนที่จะติดเกียร์หมาแล้วโกยอ้าวสี่คูณร้อยล่วงหน้าไปยังจุดมุ่งหมายก่อนใครเพื่อนทันที

    +++++++++

                “อืม มาเร็วดี ครั้งนี้นายรอดตัวไปนะไอ้หมาน้อย”

                “ขอบคุณ = =++

                ผมมองไอ้ประธานบ้าที่จงใจทำท่าทางกวนตีนผมโดยการยกแขนขึ้นมาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ คือแบบมองไปแล้วมันก็หมั่นไส้นะ หงุดหงิดด้วย ทั้งหมั่นไส้ทั้งหงุดหงิดนั่นแหล่ะ แต่คนมันพยายามทำตัวเหมือนไม่คิดอะไรไง มัน ชิ-น ซะแล้วล่ะ = = !

                “ไปหาอะไรกินกันเหอะ เดี๋ยวฉันต้องรีบขึ้นไปเรียนต่อ”

                “ขอโทษทีเหอะ กระผมเองก็เหมือนกันนะครับ = =*

                “บ๊ะ ! นี่ไอ้หมาน้อย เมื่อไหร่นายจะเลิกกวนฉันวะฮะ = =++ ??”

                “แล้วใครล่ะที่มันเริ่มกวนก่อน = =++ ??”

                =____=

                =____=

                “เป็นแค่สัตว์เลี้ยง ห้ามเถียง”

                แม่ง !!! มึงจะอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ไปถึงไหนแว๊ะ =[]= ?! นี่กูรำคาญมึงนานแล้วนะไอ้ประธานเวรตะไล =___=++ !!!

                “ไปกินข้าวกันเหอะ”

                “เฮ้ย ! ห้ามแตะ !” ผมรีบสะบัดมือออกทันทีเมื่อเห็นไอ้ประธานบ้านั่นแอบเนียนยื่นมือของมันออกมาจับมือผม แหน่ะ ! เนียนได้โล่ทุกสถานการณ์จริงๆนะยุนดูจุน ! ไม่เอาด้วยแล้วเว้ย ! กูขอประกาศกร้าว ณ ที่นี้เลยนะว่านับจากวินาทีต่อจากนี้ไปกูจะไม่ยอมให้มึงเนียนกับกูได้อีกต่อไปแล้ว ! กูหวงเว้ย !! =3=

                “ใจร้ายเป็นบ้า =_=

                “ไม่สนเว้ย !!” มีปัญญาด่าก็ด่าไปดิ่ !

                ผมสะบัดตูดเดินหนีไปอย่างไม่สน เอ๊ =_= ? แล้วคนแมนๆอย่างผมจะทำตัวเป็นอาร์ตตัวแม่ตามพี่โน้ตอุดมไปเพื่ออะไรกันวะ ? อาการแบบนี้มันอาการของเคะชัดๆเลยไม่ใช่เร๊าะ =[]= ?? อ่ะเห้ย ไม่ใช่นะ ! คือแบบ... คือ... ผมก็แค่หงุดหงิดไปตามภาษาของผมเท่านั้นเองแหล่ะน่า ! ไม่ได้งอนหรือไม่ได้อยากให้ใครมาง้อเลยจริงๆนะ ! เชื่อดิ่ !

                ให้ตายเถาะ ! ยิ่งพูดยิ่งเข้าตัวเว้ยครับ =[]=;; !! เปล่านะ ! ผมไม่ได้อยากให้ไอ้ยุนดูจุนมาง้อซะหน่อย !! ห๊ะ O[]O ?! เมื่อกี้ผมเผลอหลุดปากพูดชื่อมันออกไปงั้นเรอะ ?? (เอิ๊ก งานเข้าแล้วไงกรู =__=;;;) เปล๊า !! ผมไม่ได้หมายถึงมัน ! คือ ผม.. ผม... ผมหมายถึงยุนดูจุนวง BEAST ต่างหากเล่า ! T____T

                “จุนฮยอง นายไปจองโต๊ะนะ เดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวให้จะได้ไม่เปลืองเวลา นายอยากกินอะไรล่ะ ?”

                “อะไรก็ได้ที่นายไม่กิน จะเป็นพระคุณอย่างล้นเหลือ =_=

                = = กวนตีนนะเราน่ะ คอยดูเหอะ กลับบ้านไปเจอยาวแน่ยงจุนฮยอง !

                =[]=;;; ?!” เจอ ? เจอไรวะ ?? =_=;;; อ่ะเห้ย สายตาของมึงแม่งน่ากลัวชิบ !

                หลังจากที่แผ่นหลังของดูจุนถูกกลืนหายไปกับกลุ่มนักเรียนที่ไม่รู้ว่ายกพวกกรูกันขึ้นมาจากหลุมไหนถึงได้เยอะปานนี้ ผมก็เดินไปหาโต๊ะนั่งตามที่ไอ้บ้านั่นสั่งมา ผมแอบรู้สึกโล่งใจเล็กๆเพราะอย่างน้อยมันก็ไม่ได้สั่งให้ผมฝ่าเข้าไปในสมรภูมิรบที่ต่างคนต่างแก่งแย่งชิงดีกันเพื่อปากท้องอันหิวโซของตัวเอง ไม่งั้นกว่าผมจะมีชีวิตรอดกลับออกมาได้ก็คงอีกเจ็ดชาติหน้าน่ะแหล่ะ =_=;;; ก็ผมไม่ได้มีอำนาจล้นฟ้าแถมยังมีสาวตามกรี๊ดติดตูดเป็นทิวแถวเหมือนไอ้ประธานบ้านั่นนี่หว่า แค่เห็นมันเดินเฉิดฉายทอดน่องฝ่าเข้าไปกลางกลุ่มแค่นั้นทุกๆคนก็แทบจะพร้อมใจกันปูพรมแดงเป็นทางเดินให้มันอยู่แล้ว บ๊ะ ! คนหล่อหมั่นไส้เว้ย -*-

                “อ๊ะ !! ขอโทษค่ะ !!!

                ทันทีที่ผมหันกลับไปหาต้นเสียงน้ำเย็นๆก็สาดซัดใส่หน้าของผมอย่างจัง แต่ไม่ใช่แค่นั้นนะ ! เสื้อนักเรียนของผมที่โดนลูกหลงเข้าเต็มๆก็เปียกโชกอย่างกับเอาไปจุ่มน้ำมาจนชุ่มเลยยังไงยังงั้น แล้วตกลงนี่มันน้ำเวรอะไรกันวะ ?? ไหงมันมีกลิ่นหวานๆติดมาเต็มหึ่งเลยวะเนี่ย ?? แถม... อื้อหือ ! สียังแดงสดใสบาดลูกตาอีกต่างหากเว้ยครับ ! เวร ! เสื้อนักเรียนกู !! บ้าชิบ ! นี่กูไม่ได้อยากย้อมสีเสื้อเพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับพวกเสื้อแดงนะเว้ยยย !!

                “ทำบ้าอะไรวะ ?!!” ผมรู้ดีว่าการด่าสุภาพสตรีเป็นสิ่งที่ไม่ดี ผู้ชายแมนๆอกสามศอกไม่พึงจะทำกันมีแต่ตุ๊ดเท่านั้นที่ปากจัดไม่เลือกที่ได้ = = แต่ขอโทษ ! นี่ผมหงุดหงิดจริงนะเว้ย ! จะซุ่มซ่ามก็ให้มีขีดจำกัดหน่อยดิ่วะ ! เสื้อกู ! ก่อนหน้านี้แม่งขาวเผือกๆนะเว้ย ! แล้วนี่อะไร ? สาดน้ำแดงใส่เต็มแม็กซ์ขนาดเนี้ยแสดงว่าอิจฉาที่กูใช้โอโม่พลัสสัมฤทธิ์ผลใช่ป่าวล่ะ ?! =.,=

                “อุ๊ย ! ขอโทษจริงๆนะคะ” อย่ามาสตอเบอร์รี่เรี่ยราดแถวนี้นะเว้ย =___=++ จะขอโทษซักทีก็ให้ดูดีมีสกุลหน่อยดิ่วะ ! มาๆ คุกเข่าต่อหน้ากูเลยเด๊ะ !

                “ไม่ยกโทษเว้ย ! ชดใช้ค่าเสียหายมาเลย !” ค่าเสียหายที่ทำให้กรูต้องแบกหน้าไปซักเสื้อในห้องน้ำในสภาพแดงเถือกทั้งตัวและหัวใจ = =

                “ถ้าไม่แล้วจะทำไมคะ ^__^ ?”

                “หือ -___-^ ??”

                “แหม ! น่าเสียดายจังเลยนะ กะจะให้โดนเต็มๆแท้ๆ ฉันนี่ไม่แม่นเอาซะเลย” นังสตอเบอร์รี่เรียกยายทวดหันกลับไปหัวเราะคิกคักกับเพื่อนๆที่ตอมหึ่งเป็นฝูงแมลงวันอยู่ข้างหลัง เอ๊ะ ! แต่เดี๋ยว เมื่อกี้หล่อนว่าอะไรนะ =___=++ ?!

                “นี่เธอจงใจใช่มั้ย =___=++ ??” ผมเก็กหน้าเครียดเป็นลิงกอริลล่าตกส้วมให้ผู้หญิงพวกนั้นเป็นเชิงบอกว่าไม่เล่นด้วยนะเว้ย ! แต่ผู้หญิงพวกนั้นก็ยังคงทำลอยหน้าลอยตาอย่างไม่ยอมรับผิด แหน่ะ ! มีการหันมายักคิ้วหลิ่วตาให้อีก = =* ฮ่วย ! จะเอาอะไรจากคนหล่อนักวะ ?!

                “นี่ ! ฉันจะบอกให้นายรู้ไว้นะยงจุนฮยอง ว่าในโรงเรียนนี้น่ะนายมีศัตรูอยู่เป็นร้อย ! ถ้าไม่ระวังตัวล่ะก็... หึๆ ระวังจะโดนดีก็แล้วกันนะ !

                “พูดบ้าอะไรของเธอเนี่ย = = ?”

                “อะไรยะ ?! นี่ฉันอุตส่าห์พูดถึงขนาดนี้แล้วนะ ! นายไม่เกิดอาการอะไรเลยรึไง ??”

                “แล้วจะให้เกิดอาการอะไรล่ะ ? อาการเหมือนเจอคนบ้าสติไม่เต็มเต็งเข้ามาพล่ามอะไรไร้สาระให้ฟังงั้นดิ่ ?”

                “กรี๊ดด ! นี่นายพูดอย่างนี้ได้ยังไงกันยะ ?! หนอย...” ยัยเสียงเป็ดเงื้อฝ่ามือพิฆาตมารขึ้นทำท่าเหมือนจะตบหน้าผมซักฉาดข้อหาปากไม่มีหูดรูด แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรสาวเจ้ากลับชะงักกึกไปซะก่อนอย่างกับเครื่องสะดุดกะทันหัน ผมมองหน้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดนั้นอย่างงงๆ ผีจูออนเข้ารึไงวะ = =;;; ?

                “อ... เอ่อ เอาเป็นว่าวันนี้นายรอดตัวไปแล้วกัน ! ไปเหอะพวกเรา” ยัยจูออนเสียงเป็ดนั่นทำสายตาล่อกแล่กไปมาพร้อมกับบอกผมด้วยเสียงสะดุดๆอย่างกับกลัวอะไรบางอย่างแต่ก็ยังไม่วายที่จะทำตัวกร่างเป็นการปิดท้ายให้ครบสูตร =_= ก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมเพื่อนด้วยท่าทางงึกๆงักๆเหมือนคนเป็นง่อย ปล่อยทิ้งให้สุดหล่ออย่างผมทำปากห้อยมองตามหลังไปด้วยความงง ตกลงมันอะไรกันวะเนี่ย ? สวยซะเปล่าแต่นิสัยแปลกๆนะผู้หญิงพวกนี้ = =;;;

                ผมหันหน้ากลับไปมองข้างหลังเพื่อดูว่าอะไรที่มันทำให้ยัยเสียงเป็ดกับเพื่อนถึงกับต้องพากันกลัวหัวหดถึงขนาดนั้น ? แต่ส่องไปแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่หว่า ? เอ๊ะ ! ว่าแต่ไอ้ที่ยืนเก็กหล่อแถมยังทำสายตาคมกริบอยู่ลิบๆนั่นใช่ไอ้ดูจุนป่าววะ =..= ? ทำหน้าเครียดจนย่นไปหมดทั้งหน้าแบบนั้นถามจริงเหอะว่าไปกินรังแตนที่ไหนมาวะครับเนี่ย ?

                “เว้ย ! ลืมเรื่องเสื้อไปซะสนิท ! บ้าจริงว้อยยยย” ผมตบหน้าผากตัวเองดังแป๊ะด้วยความหงุดหงิด พอรวบรวมความกล้าใช้สายตามองลงไปเบื้องล่างก็พบกับสีแดงสดใสกระแทกตาที่เปื้อนอยู่บนเสื้อเชิ้ต (ที่เคย) สีขาวสะอาดเป็นหย่อมๆเข้าอย่างจัง แล้วก็ต้องเงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจออกหมดปอดด้วยความเครียด ว้อย ! ชีวิต T__T ชีวิตช่างแซ้ดอะไรอย่างงี้น้อ ~ TT^TT อยากถามจริงแท้ว่าทำไมสวรรค์ถึงได้ชอบแกล้งโจ๊กเกอร์นักวะครับ ?

                ผมกระแทกตัวนั่งลงที่เก้าอี้ด้วยความหงุดหงิด ในสภาพที่แอบว่าโคตรน่าอายสวดๆ TT___TT ผมงี้เปียกมะล่อกอย่างกับโดนรดน้ำมนตร์ใส่มาเต็มถัง แถมยังมีน้ำสีแดงไหลย้อยลงมาจากหนังศีรษะไหลไปตามรูปหน้าและตบท้ายด้วยการหยดติ๋งลงบนพื้น รวมถึงเสื้อนักเรียนที่แดงสดอย่างไม่เกรงใจใครนี่อีก ! คุณลองจินตนาการตามที่ผมบอกไปดูดิ่ แล้วลองจินตนาการต่อยอดไปว่าไอ้สีแดงๆนั่นไม่ใช่น้ำแดงแต่เป็นอย่างอื่นที่สีแดงเหมือนกันแต่ไหลออกมาจากตัวเรา... แม่ม ! โคตรน่าสยองเลยว่ะครับ !

                “ใส่ซะ” เสียงทุ้มๆนั่นดังขึ้นพร้อมกับเวลาที่อะไรไม่รู้แต่มีลักษณะคล้ายผ้าถูกโยนลงมาคลุมหัวของผม ผมดึงมันลงมาทัศนาก่อนที่จะรับรู้ได้ว่ามันเป็นเสื้อนักเรียนชายตัวนอกของใครคนหนึ่ง

                “ดูจุน ?”

                “นายรีบไปซักเสื้อที่ห้องน้ำเหอะ เดี๋ยวฉันจะไปขอเสื้อสำรองที่ห้องธุรการให้ แต่ตอนนี้ถอดเสื้อนอกของนายออกแล้วใส่เสื้อของฉันไปก่อนแล้วกัน เปียกโชกแบบนั้นเดินตากลมแล้วเดี๋ยวเป็นหวัดหมด”

                “นายพูดเหมือนฉันป่วยง่ายนัก ?”

                “ง่ายไม่ง่ายไม่รู้หว่ะ แต่ฉันเป็นห่วงนาย พอใจยัง ?”

                =/////////=” ไอ้บ้า... กูเขิลลลล “แล้ว... เอ่อ... ข้าวเที่ยงล่ะ ?”

                “ซื้อมาแล้ว เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วค่อยเอาขึ้นไปกินที่บนห้องแล้วกัน ใส่ซะทีดิ๊ ! แล้วรีบๆไปซักเสื้อได้แล้ว เดี๋ยวปล่อยไว้นานๆกลายเป็นคราบติดล้างไม่ออกขึ้นมาอันนี้ฉันไม่รู้ด้วยนะเออ”

                “เออๆ รู้แล้วเว้ย ! ไอ้คนเผด็จการ -*-

    +++++++++

                หลังจากที่ผมจัดการเปลี่ยนจากเสื้อตัวเก่าที่เลอะน้ำแดงเป็นหย่อมๆไปเป็นเสื้อตัวใหม่ที่ดูจุนเอามาให้ และลงมือซักเสื้อตัวเก่าโดยไม่มีการพึ่งแม้แต่เครื่องทุ่นแรงอย่างโอโม่พลัสหรือบรี้สเอ็กเซลล์เสร็จเรียบร้อยครบถ้วนกระบวนความแล้วนั้น ผมกับดูจุนก็ขึ้นไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันที่ห้องกรรมการในตอนที่เกือบจะหมดช่วงพักเที่ยงอยู่แล้ว =_=;;; ในใจก็ได้แต่บนคนเดียวอยู่อย่างเงียบๆว่า เชททท ! แล้วงานนี้ผมจะเข้าชั่วโมงเรียนไม่ทันจนพาลทำให้โดนอาจารย์ป้าแกด่าเช็ดไปทั้งโคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเลยป่าวฟระ ?? T__T

                “นี่ ไอ้หมาน้อย”

                “อะไร ?”

                “เรื่องเมื่อคืน... นายไม่ได้โกรธใช่มั้ยวะ ?”

                เฮ้ย ! -*- ไอ่หอกเอ๊ย จะรื้อฟื้นขึ้นมาทำบ้าอะไรเนี่ย ?! คนอุตส่าห์ลืมๆมันไปได้แล้วนะ !

                “ไม่โกรธ”

                “จริงดิ๊ ??”

                “แต่โกรธมากเว้ย =___=++ !!

                =____=;;;

                แหงดิ่ ! ก็เมิงเล่นขโมยจุ๊บไปจากปากห้อยๆที่กูแสนจะหวงนักหวงหนาและกะจะเก็บไว้ให้สาวน้อยน่ารักคนอื่นแทนที่จะเป็นไอ้บ้าหน้าหื่นตัวดำอย่างเมิงนี่หว่าไอ้ประธานเฮงซวย !! แล้วตกลงอีแบบนี้กูจะเขินหรือตั้งท่าเหวี่ยงแหลกใส่มันดีวะ -*-

                “โกรธไมอ่ะ ?”

                อื้อหือมึง -*- เป็นคำถามที่โคตรน่ากระทืบสวดๆ ถามจริงเหอะนี่ตอแหลแกล้งโง่หรือสมองบัพฟาโล่มาตั้งแต่เกิดแล้ววะฮะ ?!

                “ไอ้หมาน้อย โกรธทำไมวะ ?” คราวนี้ไม่ได้มาแค่คำถามอย่างเดียว มือไม้นี่แม่งมาหมด ไอ้ดูจุนบีบแก้มป่องๆของผมเล่นอย่างหนุกหนานจนมันใกล้จะเหี่ยวอยู่รอมร่อแล้วเนี่ย ! อยากจะเอาตะเกียบมาจิ้มลูกกะตามันแทนใช้คีบคิมบับในกล่องข้าวจริงๆเว้ย = =++

                “เอามือแกออกไปก่อนที่ฉันจะใช้ตะเกียบแทงตาแกซะ = =++ !!

                “อ่ะโห่ นายจะโหดไปถึงไหนวะยงจุนฮยอง =3=” ถึงจะว่างั้นงี้แต่มันก็ยอมโยกย้ายมือทั้งสองข้างของมันออกไปจากแก้มผมแต่โดยดี เหอะ ! จริงๆแล้วกลัวต่างหากล่ะสิไม่ว่า =__=

                ~ OH LISTEN TO MY HEART  들어봐 어떤 말로도 너를 표현할 없지만~

                “นั่น... ริงโทนนายเหรอ =__=;;; ??” อยากจะบอกว่าเพลงแม่งแอ๊บแบ๊วโคตรป้า ฟังดูแล้วไม่เห็นจะรู้สึกถึงความเหมาะสมกับหนังหน้าอย่างแกตรงไหนเลยหว่ะ = =;;;

                “อืม แปปนึงนะ เอ่อ... ถ้านายกินข้าวเสร็จแล้วก็ไม่ต้องรอฉันนะ ไปเรียนก่อนได้เลย”

                “หา ?? ... อืม โอเค” ผมมองมันที่กดรับสายโทรศัพท์แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไปหลบอยู่ที่มุมห้องด้วยสายตางงๆ สลับกับก้มลงมองกล่องข้าวของตัวเอง นี่ผมเพิ่งกินไปได้แค่ครึ่งนึงเองนะ ?? แสดงว่ากะคุยยาวเลยสิงานนี้ = =;;; อยากรู้ชะมัดว่าใครโทรมา แต่ถ้าถามไปก็โดนหาว่าเสือกอีก โอ๊ย ! ห้อยอยากรู้เว้ยครับ !

                แฟนมันไงวะ ?? ถึงได้ทำท่าทางกระตือรือร้นที่จะรับสายซะขนาดนั้น ? หรือแม่มัน ?! บ้าล่ะ เรื่องเล็กเรื่องน้อยผมเนี่ยคิดล่วงหน้าไปสามร้อยเมตรเลยเชียว = =;;;

                หวังว่าจะไม่ใช่แฟนมันนะ...

                แล้วผมจะหวังว่าไปทำซากอะไรวะเนี่ย =_= ??

                บ้าและ ผมพูดแค่เนี้ยอย่าเพิ่งคิดเลยเถิดออกนอกชั้นบรรยากาศกันไปซะก่อนดิ่ =_= ผมก็แค่คิดว่ามันคงจะเป็นเรื่องน่าขำปนสยองโลกเล็กน้อยที่คนอย่างไอ้ดู๋เนี่ยนะจะมีแฟน ? สงสัยผู้หญิงคนนั้นคงจะอยากลองของ หรือไม่ก็คงจะประสาทกลับจนเพี้ยนหลุดโลกไปแล้วแน่ๆ = =;;;

                ไม่ได้เกิดจากการที่ผมหึงมันซะหน่อย ! พวกคุณเนี่ยชอบคิดอะไรให้ความเป็นเมะของผมหดหายอยู่เรื่อย =_=;;;

                “โอเค งั้นเดี๋ยวตอนสี่โมงเจอกันที่เดิมแล้วกันนะ”

                =____= หือ ???

                “ฮ่าๆ ไม่ลืมหรอก อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนอัลไซเมอร์นักดิ่ =_=

                =____= อะไรนะ ?? มีลงมีลืมอะไรด้วย ?? ฮ่วย ! ไอ้ดู๋มึงจะช่วยพูดดังๆให้หมาแถวๆนี้ได้ยินซักหน่อยจะได้มะ ?? กูเกิดอารมณ์อยากเสือกจนเครื่องในแทบจะปลิ้นออกมาจากปากอยู่แล้วเนี่ยยยยย

                “วู้ววววว ไอ้ดู๋ ~ แฟนเหรอวะ ? อื้อหืออออ ไม่ใช่เล่นเลยนะมึง ~” ผมแกล้งทำเป็นส่งเสียงเอะอะโวยวายหวังจะให้ได้ยินถึงคนปลายสาย ซึ่งก็ได้ผล ! ไอ้ดู๋หันมาทำตาขวางให้ผมเล็กน้อยเป็นเชิงว่า “มึง... อย่ามาเสือก” ก่อนที่จะหันกลับไปคุยหวีดหวานจี๋จ๋ากับคู่สนทนาที่อยู่ปลายสายต่อ (แล้วถ้าเกิดคนปลายสายดันเป็นผู้ชายล่ะ =_=;;; เวรแมร่มมม) เอาเหอะ ถ้าวิเคราะห์จากท่าทางกิริยาและน้ำเสียงในการคุยของมัน ณ ตอนนี้แล้ว ยงจุนฮยองขอฟันธง ! ไม่ผู้หญิงก็กะเทยชัวร์ป๊าดล่ะวะ !

                “อ่ะๆ งั้นกูไม่กวนมึงและ ! ไปดีกว่า ~ ปล่อยคนมีแฟนไว้ที่นี่เนี่ยแหล่ะ ฮ่าๆๆๆ” ผมส่งเสียงหัวเราะร่าแล้วยันตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ โดยไม่ลืมที่จะเก็บกล่องคิมบับที่ยังคงกินทิ้งไว้ในสภาพค้างๆคาๆใส่ถุงถือติดมือกลับไปด้วย (ก็คนมันเสียดายอ่ะ = =) ถึงแม้เวลาอยู่ในห้องผมจะทำตัวเล่นๆ พยายามจะหาทางกวนตีนมันที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา แต่พอผมออกมาจากตรงนั้นแล้ว... พอลองมาคิดดูอีกทีทำไมมันถึงไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลยวะ ?

                แล้วไอ้ความหงุดหงิดพวกนี้มันมาจากไหนกันล่ะเนี่ย ? โอ้ ไม่นะ หรือว่างานนี้ผมจะบ้าไปแล้วจริงๆวะครับ = =;;;

                เซ็งอ่ะ =3= โจ๊กเกอร์หงุดหงิดเว้ยครับ ! (ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรก็เห้อ = =;;;)

                “อ้าว ? พี่จุนฮยอง ? เจอกันอีกแล้วนะครับ”

                รุ่นน้องร่างเล็กกระทัดรัด (พูดภาษาบ้านๆก็คือเตี้ยนั่นแหล่ะ = =) เดินเข้ามาทักทายผมพร้อมโค้งให้เล็กน้อยพอเป็นพิธี เอ้อ... หน้าคุ้นๆแบบนี้จะว่าไปเราเพิ่งเจอกันเมื่อตอนเดินไปโรงอาหารเองนี่หว่า =_= ?

                “อ้าว ! กีกวังนี่นา” โรงเรียนเรามันเล็กอีกแล้วนะครับ = =;;; “แล้วฮยอนซึงล่ะ ?”

                “พี่ฮยอนซึงเขาแยกตัวไปเข้าเรียนแล้วล่ะครับ แล้วว่าแต่พี่ล่ะ ? พี่ไม่ไปเข้าเรียนเหรอครับ ? พี่อยู่ห้องเดียวกับพี่ฮยอนซึงไม่ใช่เหรอ ?”

                เอ้อ.. ใช่ ! นี่ก็คงเป็นอีกเรื่องที่ลืมไปเสียสนิท = =;;; เวรแม่ง !! นี่แปลว่ากูสายแล้วใช่มั้ยเนี่ยยย ?!!

                “แล้วนายล่ะ ? ไม่ไปเข้าเรียนเหรอ ?” ผมหันกลับไปถามรุ่นน้องด้วยความหวังดี (จริงๆนะ ดูหน้าผมสิ *_*)

                “ผมก็กำลังไปเนี่ยแหล่ะครับ... พอดีห้องเรียนของผมมันอยู่ทางนี้พอดี”

                “เออดี งั้นเราไปด้วยกันเลยเหอะ !

                “เอ่อ... จะดีเหรอครับ ?”

                บ๊ะ ! -*- ทำไมเด็กสมัยนี้มันหวงตัวกันจังเลยฟระ ?? รุ่นพี่อุตส่าห์ออกปากชวนเองเลยนะเฟ้ย !!

                “ตกลงจะไปไม่ไป ??”

                “ไป... ไปครับ”

                เอ้อ ! ก็ตอบแค่นี้ทำไมต้องให้คนเขาคะยั้นคะยอด้วยเนี่ยะ = =

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×