ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic : MY PET นายเป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน !!! BEAST {2JUN}

    ลำดับตอนที่ #3 : {MY PET} : Chapter 2 การแก้แค้นของยุนดูจุน 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.37K
      2
      20 ส.ค. 54

      

    Chapter – 2 การแก้แค้นของยุนดูจุน

                เบื่อหว่ะ ผมบ่นออกมาในขณะที่สายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างชั้น 3 ในมือถือดินสอกดที่วาดรูปเขี่ยๆบนกระดาษสมุดวิชาคณิตศาสตร์ด้วยความไม่มีอะไรทำ สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดในโลกใบนี้ก็คือชั่วโมงเรียนที่ไม่ว่าจะเป็นวิชาอะไรก็ตาม ผมไม่เข้าใจหรอกนะว่าพวกกระทรวงศึกษาธิการเขาคิดอะไรกันอยู่ แต่ผมรู้ว่าเด็กส่วนใหญ่ในประเทศก็คงจะคิดเหมือนกับผมแน่นอน ว่า อยากกระทืบคนที่คิดค้นและก่อตั้งสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เรียกว่า โรงเรียน ขึ้นมาซะจริงๆ

                แต่มันก็ดีตรงที่ พอเรามีชั่วโมงเรียนก็ทำให้เรามีเวลาว่างที่จะคิดอะไรต่อมิอะไรมากขึ้นกว่าเดิม เพราะยังไงๆผมก็ไม่เคยที่จะใส่ใจในเรื่องที่อาจารย์แก่ๆหน้าห้องแกบ่นอยู่แล้ว การที่ปล่อยให้มันผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาไปแล้วค่อยมาเก็บตกตอนช่วงก่อนสอบทีเดียวมันก็มีค่าเท่าๆกันน่ะแหล่ะ

                แตกต่างกับจางฮยอนซึง ผู้ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนร่วมห้อง เพื่อนสนิท และรูมเมทภายในเวลาเดียวกันของผม ฮยอนซึงเป็นคนฉลาดเสียจนเรียกได้ว่าหัวดีเกินไป ไม่ว่าจะสอบกลางภาค สอบปลายภาค สอบแข่งขัน หรือแม้แต่สอบเก็บคะแนนมันก็ได้ท๊อปหมด (ยกเว้นวิชาพละไว้เรื่องนึงเพราะผมกินขาดมันตลอด เห็นมั้ยล่ะครับว่าคนเราก็ต่างมีความถนัดไม่เหมือนกัน) ด้วยเหตุนี้แม่เลยชอบเปรียบเทียบผมกับฮยอนซึงบ่อยๆ แถมยังบ่นใส่อีกว่าทำไมไม่หัดเอาอย่างหมอนี่บ้าง อย่างผมน่ะเรียกได้ว่าอยู่ในระดับผ่านเกณฑ์มาอย่างฉิวเฉียดต่างหากเล่า อย่างน้อยก็ยังดีกว่าตกไม่ใช่เหรอครับ ?! แต่พอนำผลสอบมาเปรียบเทียบกับไอ้ซึงแล้ว ผมเลยดูตกต่ำไปโดยปริยาย ก็บอกแล้วไงว่าไอ้ซึงมันหัวดีเกินไป !

                กรี๊งงง... กริ๊งงงง...

                “เอาล่ะ นักเรียน วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน หัวหน้าบอกเลิกชั้นได้”

                เสียงของอาจารย์วัยไม้ใกล้ฝั่งดังขึ้นหลังจากเสียงกริ๊งบ่งบอกเวลาเลิกเรียนที่แสนยาวนานจบลงประมาณสองสามวินาที ผมหย่อนดินสอกดคู่ใจที่มักเอาไว้ใช้สรรค์สร้างรูปวาดระดับยอดฝีมือที่ขนาดแว่นโก้หรือด้าหวินชี่มาเห็นแล้วยังทึ่งลงไปในกระเป๋าดินสอเพื่อเตรียมตัวจะกลับบ้าน ผมตบไหล่ฮยอนซึงแรงๆซักทีนึงอย่างไร้สาเหตุ ซึ่งเจ้าตัวก็แค่หันกลับมามองค้อนแล้วผมก็แล่บลิ้นใส่อย่างไม่สนใจก็แค่นั้น คิดไรมาก ? มันเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องเข้าใจ เวลาไม่มีอะไรทำผมก็ร้าวรานชาวบ้านไปทั่วเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว (เพื่อความสะใจของตัวเองทั้งนั้นแหล่ะ =..=)

                “ไป กลับบ้านๆ”

                “แบบนี้มันตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า ยุติธรรมชะมัดเลยนะนายนี่ = =

                ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจเป็นการตอบ แต่ในใจก็นึกหัวเราะด้วยความขำ ช่างตรงกับคอนเส็ปแกล้งคนวันละนิดจิตใจยงจุนฮยองเบิกบานซะจริงๆ

                “ยงจุนฮยอง ยงจุนฮยองใช่รึเปล่าครับ ?” อยู่ดีๆก็มีเด็กปีหนึ่งวิ่งเข้ามาหาผมด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ผมมองเขากลับไปอย่างงงๆ ถึงจะสงสัยว่าเรียกทำไมแต่ก็ขี้เกียจถามให้เมื่อยปาก รอให้อีกฝ่ายอธิบายบอกมาเองดีกว่าว่ามีธุระอะไร

                “ผมเป็นกรรมการนักเรียนครับ แล้วพอดี ตอนนี้ประธานนักเรียนเขาอยากจะพบพี่น่ะครับ เขาก็เลยให้ผมมาตาม”

                พอได้ยินว่าคนที่อยากจะพบหน้าผมนักหนาจนถึงขั้นให้ลูกน้องในคอนโทรลมาตามเป็นใคร ความอยากรู้อยากเห็นในตัวก็เลยลดลงอย่างฮวบฮาบไปในพริบตา ถ้าหากเทียบอัตราความอยากรู้อยากเห็นของผมเป็นกราฟแล้วล่ะก็ ตอนนี้มันคงจะดิ่งลงมาอย่างกับเล่นบันจี้จัมพ์เลยทีเดียว

                “อ้อ ประธานนักเรียนยุนดูจุนนั่นน่ะเรอะ ? ฝากกลับไปบอกหมอนั่นให้ด้วยว่า ตูไม่ไปหว่ะ มีปัญหามะ ?”

                “โธ่ พี่ครับ ถ้าผมพาพี่ไปไม่ได้เนี่ยผมต้องตายแน่ๆเลย ช่วยผมหน่อยเหอะน่า ถือว่าผมขอร้องล่ะนะคร้าบ ~

                “เรื่องของแกดิ จะไปไม่ไปมันก็เรื่องของฉัน กลับกันเหอะไอ้ซึง” ผมสะบัดหน้าหันขวับไปอีกทางหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจ เหอะ ! รู้จักยงจุนฮยองน้อยไปเสียแล้ว ระดับนี้ไม่มีทางยอมแพ้ต่อลูกอ้อนของเด็กๆง่ายๆร้อก ! จ้างให้ก็ไม่ไปด้วยหรอกเว้ย !

                ถ้าจะให้ไปเจอยุนดูจุน ยงจุนฮยองขอกระโดดน้ำตายดีกว่าเหอะ !!

                “งั้นผมต้องขอโทษด้วยนะครับพี่”

                “ไม่รับคำขอโทษเฟ้ย กลับไปหาไอ้ประธานนักเรียนบ้านั่นของแกเหอะ ฮะ เฮ้ย !!! ทำอะไรวะ ?!!

                รู้สึกเหมือนอยู่ดีๆก็มีอะไรบางอย่างคล้ายๆถุงสีดำครอบลงมาบนหัวของผม ตอนแรกผมถึงกับผงะไปชั่วขณะด้วยความตกใจจนลืมไปว่าต้องรีบต่อต้านซะเดี๋ยวนี้ เมื่อนึกได้แล้วผมก็เลยพยายามที่จะดึงถุงสีดำนั่นออกจากหัวของผมสุดแรงเกิด ใครจะไปยอมให้จับตัวกันง่ายๆเล่าวะ ?!! รู้จักยงจุนฮยองน้อยไปซะแล้ว !! แต่ไม่ทันแล้วอ่ะ มันมัดปากถุงที่คอของผมซะแล้ว TT[]TT เว้ย อย่ารัดคอกันอย่างงี้ดิวะเดี๋ยวหายใจไม่ออกตายพอดี ไอ้ซึง ~ เวลาแบบนี้แกหายหัวไปหน๊ายยย ~ ทำไมไม่เคยช่วยอะไรกันมั่งเลยวะ ?!!!

                “ไอ้ซึง !!! ไอ้ซึง !!! ช่วยหน่อยดิวะ !!! เว้ย !!! ปล่อยนะเว้ย !!! ไอ้ประธานบ้านั่นมันอยากเจอฉันขนาดถึงต้องทำรุนแรงอย่างงี้เลยเหรอวะ ?!!! ปล๊อย !!!!

                เหมือนผมจะถูกทอดทิ้งให้อยู่ในโลกมืดๆเพียงคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว เมื่อไม่มีเสียงใดตอบรับผมกลับมาเลยซักเสียงแม้แต่เสียงยุงบิน ช่างเห็นความสำคัญกันซะจริงๆเลยนะ ไอ้พวกเวร TT^TT

                แล้วก็... ยุนดูจุน !! มึงจะเอาอะไรกับกรูนักเนี่ย TT[]TT !! แค่นี้มึงยังทำให้กรูเกลียดขี้หน้ามึงไม่พอใช่ม๊ายยย ?!! ได้เสียสิวะ !! แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่ยุนดูจุน !!!

    +++++++++

                ว่าไง... ยงจุนฮยอง ?

                ผมกล่าวขึ้นในขณะที่ใช้สายตาปราดมองไปยังผู้ชายท่าทางนักเลงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้... ในใจก็ได้แต่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นด้วยความสะใจที่บอกไม่ถูกว่ามันเกิดขึ้นมาจากไหน รู้แต่ว่าสะใจเป็นอย่างมากก็เพียงพอ แต่ด้วยความที่ผมไม่สามารถแสดงความสะใจนั้นออกมาตรงๆได้ (เพราะเดี๋ยวเสียภาพพจน์ยุนดูจุนประธานนักเรียนที่หล่อที่สุดในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกหมด =..=) ผมจึงได้แต่เก็กหน้าขรึมและ... หล่อ (มากๆ) ใส่คนตรงหน้าเพียงอย่างเดียว

                นายนั่นแหล่ะว่าไง ?? ยงจุนฮยองจ้องผมเขม็งด้วยสายตากินเลือดกินเนื้อ... น่ากลัวหว่ะ อย่างกับหมาบ้าเลยยังไงยังงั้น = = “มีอะไรวะ ?? อยากมีเรื่องก็พูดมาตรงๆดิ๊ ?!”

                มีเรื่องเรอะ ?? บ้าป่าว ?? ใครมันจะยอมลดตัวไปมีเรื่องกับไอ้หมาบ้าอย่างแกกันฟระ =..= ไร้สาระสิ้นดี ยุนดูจุนรับไม่ด๊ายยย

                ฉันไม่ได้เรียกนายมาเพราะอยากทะเลาะด้วยหรอกนะ แต่ที่ฉันเรียกนายมา... เพราะฉันมีเรื่องที่อยากจะคุยกับนาย ผมกล่าวขึ้นด้วยท่าทางเคร่งขรึมและน้ำเสียงที่นิ่งเรียบ บรรยากาศเหมือนคุณปู่คุยกับหลานยังไงก็ไม่รู้ เฮ้ย งั้นอย่างงี้เราก็ต้องเป็นปู่มันอ่ะดิวะ ไม่เอาๆ เลิกคิดๆ = =

                เรื่องอะไร ??? ยงจุนฮยองกระชากเสียงถามกลับมา ก็กำลังจะบอกอยู่เนี่ย ทำไมใจร้อนจังวะพ่อคนนี้ รอให้คนเขาพูดขึ้นมาก่อนไม่ได้รึไง

                เรื่องนี้ไง ผมยื่นแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับยงจุนฮยองที่ตวัดมือรับมันไปอ่านทันทีอย่างรวดเร็ว หมอนั่นกวาดสายตามองแผ่นกระดาษที่ผมยื่นให้ในมือสักพัก ก่อนที่จะเบิกตาโพล่งและตวัดสายตากลับมามองผมอย่างกินเลือดกินเนื้ออีกครั้ง... สายตาเหมือนไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เป๊ะๆ... วุ้ย ยิ่งดูนานๆก็ยิ่งหงุดหงิด

                นี่มันอะไร ?? อีกฝ่ายถามด้วยเสียงกึ่งตะคอก ฟันธงได้เลยว่าหมอนี่ไอคิวต่ำกว่าเด็กประถมแน่ๆ หรือไม่มันก็อ่านหนังสือไม่ออก ขนาดบนโปสเตอร์มีหัวข้อที่เขียนด้วยตัวอักษรขนาดใหญ่เท่าฝาหม้อแถมยังสีสดใสกระแทกตาแล้วมันยังถามมาได้ว่า นี่มันอะไร ??

                ก็ป้ายประกาศคัดเลือกเมดของประธานนักเรียนยังไงล่ะ ไม่เคยเห็นเหรอ ?? ทำท่าตกใจอย่างกับเห็นภาพยุนดูจุนกลายเป็นลิงงั้นแหล่ะ =..= บ้านนายอยู่หลังเขารึไงเนี่ยยงจุนฮยอง ??

                ไอ้บ้า !! ฉันไม่ได้หมายถึงว่ามันคืออะไร แต่ฉันหมายถึงว่าแกจะเอาไอ้นี่มาให้ฉันดูทำไมต่างหากเล่า ?!” คำถามนี่ก็โคตรโง่เหมือนกัน... สงสัยนายจะไอคิวต่ำกว่าเด็กประถมจริงๆด้วยสินะยงจุนฮยอง ไม่สิ แบบนี้น่าจะต่ำกว่าเด็กอนุบาลซะอีก =..=

                ถ้าขนาดให้ดูโปสเตอร์แล้วคนโง่ยังไม่เข้าใจ... ถ้างั้นคนฉลาดจะชี้แจงจุดประสงค์ให้เอง !!

                นายน่าจะรู้นะ... ฉันก็จะให้นายมาเป็น เมดของฉันน่ะสิ ยงจุนฮยอง !!!!”

                “O[ ]O;; ?!!!!!”

                ยงจุนฮยองเบิกตากว้างสุดฤทธิ์ เมื่อได้เห็นภาพนั้นแล้วเสียงหัวเราะลั่นดังขึ้นในความคิดของผมอีกครั้ง สะใจหว่ะ สะใจโคตรๆ !!!

                นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อแก้แค้นล่ะก็ คนอย่างยุนดูคงไม่รับไอ้คนที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้เรื่องแถมยังอารมณ์ขึ้นๆลงๆอย่างยงจุนฮยองมาเป็นเมดหรอก !!! เสียทั้งแรงเสียทั้งเวลา !!!

                คราวนี้แหล่ะ ยงจุนฮยอง นายได้เจอดีของจริงแน่ !!!

                เฮ้ย !!! จะบ้าเหรอ ?!! นี่ !! คิดผิดคิดใหม่ได้นะ ถึงจะได้ฉันไปเป็นเมดฉันก็ทำอะไรให้นายไม่เป็นหรอก =[]=” เจ้าตัวพยายามจะหาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้ผมปล่อยตัวมันไปสุดชีวิต เผื่อว่าถ้าเจรจาด้วยเหตุผลล่ะก็ผมอาจจะถอดใจที่จะรับมันมาเป็นเมดก็ได้ แต่นายคิดตื้นๆไปแล้วไอ้หมาน้อย ไม่มีใครที่จะสามารถหยุดยั้งความมุ่งมั่น (ในการแก้แค้น) ของยุนดูจุนคนนี้ได้หรอก !! เรื่องงงเรื่องงานอะไรช่างหัวมัน !! เพราะตอนนี้เรื่องแก้แค้นต้องมาก่อนเป็นอันดับหนึ่ง !!

                เรื่องเด่ะ ฉันจะให้นายเป็นเมด นายจะต้องมาเป็นเมดของฉัน แค่นี้ชัดมะ ?? ผมตัดบทพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกฝ่ายอย่างกวนทีน ซึ่งมันก็ทำให้เจ้าขี้โมโหที่ผมกำลังคุยด้วยยิ่งโวยวายมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

                จะบ้าเรอะไงวะ ?!!! ใครมันจะไปเป็นเมดให้นายกัน ?!! พูดอย่างงี้เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า !!!” ยงจุนฮยองผุดลุกขึ้นมาจากที่นั่งแล้วเริ่มต้นที่จะแหกปากโวยวายใส่ผม คิดว่าถ้าเกิดผมทำให้มันโมโหมากกว่านี้ล่ะก็มันคงจะยกเก้าอี้ตัวที่มันเคยนั่งขึ้นมาทุ่มใส่หัวผมโดยไม่ต้องพูดอะไรให้ยืดยาวเป็นแน่ (โชคดีเท่าไหร่แล้วที่มันยังไม่ฟิวส์ขาดขนาดนั้น = =)

                ฉันไม่มีวันเป็นเมดให้นายแน่ๆ !!! หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่เอา !!!”

                จริงดิ๊ ?? ผมทำตาโตเหมือนกำลังตกใจเล็กน้อย นายจะปฏิเสธจริงๆเหรอ ?

                แล้วถ้าฉันปฏิเสธแล้วมันจะเป็นอะไรวะฮะ ?? นายไม่มีทางทำอะไรฉันได้หรอก !!”

                ยงจุนฮยอง... แน่ใจแล้วเหรอ ? ผมยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างกับตัวร้ายในหนังประเภทสืบสวนสวบสวน ที่ว่าฉันจะทำอะไรนายไม่ได้น่ะ ?

                แล้วนายจะทำอะไรวะฮะ ???

                ก็... นี่ไง ผมล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาชูให้หมอนั่นดู สิ่งที่อยู่ในมือของผมตอนนี้ก็คือรูปถ่ายประมาณสองสามใบ ยงจุนฮยองเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงว่า นั่นมันคืออะไรผมผิวปากอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะพูดต่อ ดูสิ

                ยงจุนฮยองดูจะมีน้ำโหขึ้นมาเล็กน้อย หมอนั่นยื่นมือออกมาหวังจะแย่งรูปภาพไปจากมือของผม แต่ผมก็เอี้ยวแขนหลบได้อย่างทันท่วงที คิดเหรอว่าคนอย่างนายจะแย่งอะไรมาจากยุนดูจุนคนนี้ได้ ? ฝันไปซะเหอะไอ้หมาน้อย !

                อ๊ะๆ ดูแต่ตามืออย่าต้อง เดี๋ยวของเสีย

                แล้วฉันจะรู้ได้ไงวะฮะว่าไอ้ที่นายถืออยู่มันคืออะไ.......คำพูดที่เหลือถูกกลืนหายลงไปในลำคอของผู้พูดทันทีเมื่อเห็นรูปที่ผมยื่นไปให้ทัศนาเต็มๆตา หมอนั่นเบิกตากว้างและกว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิมด้วยความอึ้งถึงขั้นช็อก สักพักใบหน้าก็ขึ้นสีแดงแปร๊ด... ผมเหยียดยิ้มด้วยความพึงพอใจ

                ก็จะไม่ให้หน้าแดงได้ยังไงล่ะ ? ในเมื่อรูปพวกนั้นมันเป็นรูปของหมอนั่นที่กำลังแต่งตัวแบบครบทุกเม็ดเก็บทุกรายละเอียด ! แบบว่าใครอยากเห็นยงจุนฮยองในสภาพบ็อกเซอร์ตัวเดียวหรือไม่ใส่อะไรเลยล่ะก็นี่แหล่ะ แถมไม่ได้มีแค่นี้นะ... นี่เป็นแค่ example ที่บ้านยังมีอีกเป็นกระตั๊ก !!

                หรือจะเป็นรูปยงจุนฮยองแบบเสียภาพพจน์ ขอบอกเลยว่ารูปแบบนั้นก็มีเก็บไว้เหมือนกัน ! อย่างตอนยงจุนฮยองแคะขี้มูกงี้ ตอนยงจุนฮยองหาวงี้ แต่นั่นก็ยังไม่เด็ดเท่า... ตอนยงจุนฮยองเข้าห้องน้ำ !!!

                แล้วแบบนี้ยังจะกล้าปฏิเสธอยู่มั้ย ? ไอ้หมาน้อย ?

                เอามา !!!” ยงจุนฮยองตวัดมือทำท่าจะแย่งรูปภาพสองสามใบพวกนั้นมาจากมือของผม แต่ยังไม่ทันที่นิ้วจะได้แตะรูปด้วยซ้ำผมก็ชักมือกลับมาเสียก่อน พร้อมส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจไปให้อีกฝ่าย ยงจุนฮยองกำหมัดแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูด แค้นล่ะสิ ?? ฮ่าๆๆๆ สะใจยุนดูจุนจริงว้อยยย !!!

                ตกลงจะรับข้อเสนอของฉันดีๆ... ผมพูดขึ้น พลางโบกรูปภาพในมือไปมา หรือว่า... จะให้ฉันเอารูปพวกนี้ไปประจานลงเน็ตกันล่ะ ?

                ไอ้.......... !!!!” หน้าของยงจุนฮยองกลายเป็นสีแดงแปร๊ดด้วยความโกรธ เอ๊ะ ! หรือว่าความเขินกันแน่นะ ?

                จะอะไรก็ช่างเถอะ แต่แค่รู้ว่า... แบบนี้มันเข้าทางยุนดูจุนชัดๆ

                จะเอายังไง ?? ถึงจะไม่ถามก็คงจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ก็นะ... ยกไพ่ตายขึ้นมาขู่ขนาดนี้ใครยังกล้าปฏิเสธก็คงอภิมหาบรมโคตรโง่แล้วล่ะ ใครๆก็รู้ว่ายุนดูจุนคนนี้พูดจริงทำจริง !!

                ... สายตาของหมอนั่นจ้องตรงมาทางผมเขม็งจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้าตา หมัดทั้งสองข้างกำแน่น ขบกรามจนนูนเป็นสัน... แปลกดี ถึงเจ้าตัวจะโมโหขนาดนั้นแต่ก็ยังไม่ได้โวยวายอะไรออกมาอย่างที่ผมคิด เอาเถอะ ก็ถือว่าเป็นบุญของผมที่ไม่ต้องมานั่งฟังเสียงหมาเห่าก็แล้วกัน

                ผมหัวเราะหึอย่างผู้ชนะ ต่อให้เป็นวัวกระทิงบ้าคลั่งมาจากไหน หรือกุ๊ยข้างถนนคนเถื่อนอะไรก็ตามแต่... ก็ต้องมาสยบแทบเท้าต่อยุนดูจุนผู้นี้ทั้งนั้น !!

                สรุปก็คือ...

              นายต้องมาเป็นเบ๊ให้ฉัน ยงจุนฮยอง !!!”

    +++++++++

                โจ๊กเกอร์ ~ แกหายหัวไปไหนมา ~”

                ดูมัน ดูมัน ดูม๊านนนน !!! ยังมีหน้ามาถามอีกว่าหายหัวไปไหน ?? แนะนำว่ามึงนั่งเงียบๆ แล้วหันหน้าเข้าหาทีวีอย่างที่มึงทำอยู่ก่อนที่กูจะเปิดประตูเข้ามาไม่กี่วิไปเหอะ ก่อนที่คำพูดของมึงจะทำให้กูฟิวส์ขาด และเข้าไปอัด ไปต่อย ไปกระทืบมึงเหมือนอย่างที่อยากทำกับไอ้ยุนดูจุนมากๆในตอนนี้ !!!!

                เชททท ทำไมกูถึงไม่มีวาสนาได้ทำอะไรตามใจแบบนั้นมั่งวะ ?? แถมซวยซ้ำซาก ! กูยังต้องไปทำตาม (ความเอาแต่) ใจของมันอี๊กกกก อยากถามจริงๆว่าชาติก่อนกูทำบาปมามากขนาดนั้นเลยใช่ม๊ายย ? กูไปฆ่าหั่นศพคนมาร้อยคนรึงายย ? ทำไมชาตินี้ชีวิตกรูถึงได้เฮงซวยกระแทกจิตขนาดเน้ TT^TT

                ไอ้ซึง ช่วยพากูไปกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรหน่อยดิ่ ชาติก่อนกูต้องเคยทำกรรมไว้เยอะแยะมหาศาลแน่ เพราะชีวิตกูช่วงนี้แม่งอภิมหาบรมโคตรๆๆๆเฮงซวยแสรดเลย

                เผื่อไปทำบุญแล้วกูอาจจะได้อัดไอ้ประธานบ้านั่นซักสองสามหมัด หรือกระทืบซักสองสามยก แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด ช่วยเอารูปเวรตะไลที่แม่งแอบซ่อนกล้องถ่ายผมในสภาพโคตรน่าอายพวกนั้นไปเผาทิ้งทีเท้ออออ กรูจะได้หลุดพ้นจากขุมนรกกระทะทองแดงซะที TT^TT

                รู้น่ะว่าเป็นไปไม่ได้ อย่ามาซ้ำเติมกันดิ่ T__T

                เฮ้ยยย ไรวะ ? แกไปโดนอะไรมาเนี่ย ?

                ก็มึงแหล่ะไม่ช่วยกู !!!” ผมโวยวายแล้วชี้หน้าผู้ต้องสงสัยอย่างหาเรื่อง ถ้าเกิดตอนนั้นมึงเสียสละแรงและเวลาอันมีค่าของมึงเพื่อช่วยเพื่อนของมึงคนนี้ซักนิด กูก็คงจะไม่ต้องโนไอ้ประธานบ้านั่นย่ำยีถึงขนาดเน้ !!! TT^TT”

                ห๊ะ ?!!!” จางฮยอนซึงที่ใครๆก็ว่าแม่งหน้าสวยอย่างกับผู้หญิง พอเบิกตากว้างอย่างกับไข่นกกระจอกเทศแล้วทำหน้าเหวอๆมันจะเป็นการทำให้ความสวยลดลงฮวบฮาบได้อย่างน่าเหลือเชื่อ... อย่างตอนนี้เป็นต้นไง

                นี่... อย่าบอกนะว่า มึงเข้าใจกูแล้วใช่ม๊ายยย มึงเข้าใจกูแล้วใช่มั้ยว่ากูชอกช้ำระกำใจขนาดไหน T_T (กระซิกๆ) อย่าบอกนะว่า แกโดนประธานยุนดูจุนทำมีดีมิร้าย ???

                ใช่ TT__TT กูถูกมันกอด จูบ ลูบไล้ไปทั้งตัวเลย... เว้ย !!!! บ้าดิ่ !!! มึงเอาสมองส่วนไหนคิดวะจางฮยอนซึง ?!! มึงเอาส้นเท้ามึงคิดรึไง ??!!! ความคิดแบบว่าแม่งโคตรบรรเจิดอ่ะ !! โคตรคิดได้ !! เล่นเอากูเสียวไปหมดจนสันหลังคดแล้วเนี่ย !!

                นี่เป็นแผนของมึงใช่มั้ย ? นี่มึงมีแผนจะทำให้กูเสื่อมเสียมากกว่าเดิมใช่มั้ยเนี่ย แผนแม่งโคตรร้ายกาจอ่ะไอ้ซึง กูแม่งโคตรอยากจะกราบตีนมึงเลย TT^TT

                แต่ถ้ามึงคิดอย่างที่มึงพูดจริง... กูก็อยากจะเปลี่ยนว่าโคตรอยากจะกระทืบมึงเลย T^T

                จะบ้าเหรอวะ ?!! ฉันกับมันเป็นผู้ชายเหมือนกันนะเว้ย !! ไอ้บ้า !! เอาความคิดของมึงไปไกลๆก่อนที่หมัดของกูจะพุ่งเข้าอัดหน้ามึงโดยไม่รู้ตัว !!”

                ก็มึงบอกว่าถูกมันย่ำยีอ่ะ แล้วให้คิดว่าไงล่ะวะ = = ถ้าอย่างงั้นมึงจะช่วยอธิบายให้กระจ่างแจ้งซะก่อนที่กูจะคิดเลยเถิดออกไปนอกอวกาศจะได้มั้ยล่ะ ??

                ไอ้... ไอ้คนมิติที่สี่... ไอ้มนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก... ถ้าอย่างงั้นมึงจะช่วยคิดว่ากูถูกมันทำร้ายหรืออะไรอย่างอื่นที่มันดูมีสาระมากกว่านี้จะได้ป่ะล่ะ ?? ทำไมมึงต้องคิดว่ากูถูกมันลวนลามด้วยยย TT^TT

                ตกลงว่าแกโดนมันทำอะไรกันแน่วะยงจุนฮยอง มึงถูกมันอัด ? มึงถูกมันต่อย ? มึงถูกมันยกพวกมากระทืบเละ ? หรือ... หรือ... หรือมึง... มึงถูกมันจูด๊วบจูด๊วบ =3= ?!” กร๊าซซซซ !! ไอ้จางฮยอนซึง !! มึงจะทำกูพ่นไฟได้อยู่แล้วนะเนี่ย ?! ความคิดแต่ละอย่างของมึงเนี่ยแบบ... แถมยังมีท่าและเสียงประกอบชวนให้เสียววูบว่าบไปทั้งตัวอีก ?? มึงไปทำงานกับทีมพากษ์พันธมิตรเหอะ แบบนั้นกูจะสนับสนุนม้ากมาก =..=

                ไม่ได้จูด๊วบจูดึ๋ยบ้าบอคอแตกอะไรทั้งนั้นแหล่ะ ! มันแค่บอกให้ฉันไปเป็น เมด ของมัน !! เข้าใจมั้ย ?! เมด น่ะ !!! แค่นี้ชัดพอมั้ยแว๊ะ ? TT^TT”

                อ่ะ... อ้อ... คือยุนดูจุนจะให้แกไปเป็นเมดของมันใช่มะ คือแบบว่า... แบบว่า...

                ไม่ต้องมาแบบวงแบบว่าอะไรทั้งนั้นแหล่ะ สรุปง่ายๆ ไอ้ประธานนักเรียนรุ่นที่ 25 ที่ฉันแม่งโคตรจะเกลียดเสือกเลือกวิธีแก้แค้นโดยการเลือกฉันไปเป็นเบ๊ของมัน ! เรื่องก็มีแค่นี้แหล่ะ ! แม่งโคตร.... ว้อยย !!!”

                ผมรู้สึกเหมือนเห็นหนทางที่ตัวเองจะกลายเป็นคนประสาทอยู่ร่ำไร แค่ตอนนี้ผมก็ประสาทแดกจนโวยวายอะไรออกมาไม่เป็นภาษามนุษย์อยู่แล้วเนี่ย ?! แล้วถ้าผมต้องไปอยู่กับมันจริง... โว้ย ! ไม่อยากจะคิด !!!

                เอางี้... ผมจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นให้ฟังแบบครบทุกเม็ดเลยก็แล้วกัน ตั้งใจฟังดีๆล่ะ ! แล้วจะรู้ว่าแม่งโคตรช็อกสะท้านโลกขนาดไหน !

                ...

                ..

                .

                นายจะต้องมาเป็นเบ๊ให้ฉัน ยงจุนฮยอง !!!”

                ไอ้บ้า ไอ้บ้า ไอ้ประธานเฮงซวย มึงบ้าไปแล้ว มึงเลือกคนที่ทำอะไรไม่เป็นไปเป็นเมดมึงเนี่ยนะ ?? มึงฉลาดเกินไปจนเพี้ยนรึไงวะเนี่ย T__T

                หน้าที่นายจะต้องเริ่มตั้งแต่หนึ่งทุ่มวันนี้ แล้วฉันจะบอกนายที่หลังว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ขั้นแรก....

                เดี๋ยวเสร่ะ... แล้วทำไมต้องหนึ่งทุ่มวันนี้ด้วยฟระ ? รอให้พระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้แล้วมีเสียงไก่ขันแกว๊กๆ เอ๊ย... กะต๊ากๆบ่งบอกถึงการเริ่มต้นวันใหม่อันแสนสดใสก่อนไม่ได้รึไง ทำไมต้องเริ่มวันนี้ด้วยฟระ ?? แล้วกูจะเอาเวลาไหนไปถวายการรับใช้ให้มึง ??

                ก็หัดฟังคนอื่นพูดให้จบก่อนดิ่ ก็กำลังจะบอกอยู่แล้วเนี่ย !!” อ่ะ จ๊ะๆ ตกลงนี่กูผิดใช่มะ อ๋อใช่ซิ ?! ก็กูมันเป็นเบ๊มึงนี่หว่า -*- แสรดเอ๊ย อย่าให้ถึงทีกูมั้งนะ เดี๋ยวจะเอาคืนทั้งต้นทั้งดอกทั้งใบเลยคอยดู ชิชะ

                ปกติแล้วงานของเมดคนอื่นๆจะเป็นการคอยรับใช้ฉันระหว่างตอนอยู่ที่โรงเรียน แต่สำหรับนายที่ฉันเอ็นดูมากเป็นพิเศษ... ถุย ! เอ็นดูห่าเหวอะไรของเมิง ?? ฉันจะเพิ่มงานนาย เป็นการดูแลฉันตลอด 24 ชม.

                ห๊ะ ?? อะไรนะ ?! เมื่อกี้มึงพูดอะไรของมึง ?! รีพีทใหม่ทีเสร่ะ เผื่อมันจะไม่ใช้อย่างที่กรูได้ยินน T^T

                นอกจากตาบอดแล้วยังหูหนวกอีกรึไงวะ ?? ฉันบอกว่า... ในฐานะที่นายเป็นเมดของฉัน เพราะฉะนั้นนายจะต้องติดตามดูแลฉันตลอด 24 ชม. !! ชัดมั้ย ?!”

                ชัดเลย ชัดมว้ากกก TT__TT กูไม่น่าโง่หวังลมๆแล้งๆว่าหูตัวเองมันจะเพี้ยนเล้ยยย

                แล้วจะให้ฉันเอาเวลาไหนไปดูแลเมิง... เอ๊ย... แก ในเมื่อเราพักอยู่กันคนละห้องนะเว้ย !”

                ไม่เห็นจะยากตรงไหน นายนี่โง่จริงอะไรจริงหว่ะยงจุนฮยอง มึงก็ด่ากูจริงอะไรจริงเหมือนกันยุนดูจุน กูเปิดช่องเมื่อไหร่มึงก็ใส่กูยับทุกทีอ่ะ T_T “นายก็เปลี่ยนมาเป็นรูมเมทฉันแทนซะเลยสิ !!”

                เออ ความคิดดี ฮะ เฮ้ย !! จะบ้าเรอะ ?! งั้นแปลว่า... แปลว่า ฉันต้องไปอยู่กับแกอ่ะดิ่ ?!”

                นายอย่าแสดงความโง่ออกมาบ่อยนักเลยยงจุนฮยอง เรื่องง่ายๆแค่นี้หัดทำความเข้าใจเองจะได้มะ ? เชททท ครั้งที่สามแล้วนะมึง ถ้าไม่รวมกับที่มึงคิดในใจด้วยอ่ะ ครั้งนี้มึงหลอกด่ากูเป็นครั้งที่สามแล้วนะเว้ยครับ (แบบนี้คงไม่ใช่หลอกด่าแล้วล่ะ... ด่าแม่งตรงๆเลยมากกว่า) TT__TT

                เอาเป็นว่า วันนี้ตอนสี่ทุ่มฉันจะไปรับนายที่ห้อง เอาเบอร์มือถือนายมาด้วย

                มึงจะเอาอะไรกับกรูมากนักเนี่ยยย TT^TT

                เตรียมจัดกระเป๋ารอไว้เลยแล้วกัน ไม่ต้องเอาของไปเยอะนะ เกะกะ !!”

                คร้าบๆ แล้วทำไมกูต้องทำตามคำสั่งมึงด้วยฟระ = = อ๋อใช่ซิ ?! ก็กรูมันเป็นเบ๊มึงนี่หว่า โลกนี้มันช่างยุติธรรมซะจริงจริ๊ง T^T

                ...

                ..

                .

                เรื่องจบลงด้วยประการละฉะนี้... แต่ในความเป็นจริง นี่เป็นเพียงแค่บทเริ่มต้นแห่งความซวยเท่านั้น !!!

                แล้วแกจะเอาอะไรไปมั่งวะจุนฮยอง ?

                อย่าถามได้มั้ย กรูยังไม่รู้เลยว่ากรูจะเอายังไงกับชีวิตกรูดี TT__TT”

                งั้นฉันช่วยแกเก็บแล้วกัน สองหัวดีกว่าหัวเดียว

                อ... ไอ้ซึง ไหงแกถึงคิดจะทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีขึ้นมาวันนี้ฟระ =_= ??

                ไอ้ซึง เมื่อเช้ามึงกินยาไม่เขย่าขวดป่ะวะ = = ??

                ไรมึง =_= ??

                หรือมึงป่วย ? ไหนๆ มาดูดิ๊ ตัวร้อนป่ะวะ ??

                ไอ้จุนฮยอง !! มึงเป็นบ้าอะไรของมึงเนี่ย ?!”

                ก็มันแปลกอ่ะ แปลกโคตรๆ ผมว่าด้วยท่าทางอึ้ง ทึ่ง และช็อก ปกติมึงเคยเป็นเพื่อนที่ดีของกรูซะที่ไหน แล้วไหงมึง... ไหงวันนี้มึงถึงได้ทำตัวดีกับกรูแบบนี้ =_= ??

                อ้อ ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก ไอ้ซึงตอบหน้าตาย เพราะหลังจากนี้ ชีวิตหลังเลิกเรียนของกูก็จะไม่มีไอ้ตัวปัญหาที่ชื่อว่ายงจุนฮยอง หรือไอ้ห้อยโจ๊กเกอร์ มาวนเวียนในชีวิตอีกต่อไปแล้วน่ะสิ ไหนๆวันนี้มึงก็จะไปแล้ว กูก็เลยอยากจะแสดงน้ำใจในฐานะที่เป็นรูมเมทของมึงมาหลายปีโดยการช่วยมึงเก็บของและไล่ส่งมึงให้ไปที่ไหนก็ไปตามเวรตามกรรมของมึงซะ

                แร๊งส์ !!! แรงจริงอะไรจริงหว่ะไอ้ซึง TT^TT ไอ้เพื่อนทรโย้ดดด การที่มึงช่วยกูเก็บของนี่คือการขับไล่ไสส่งกูทางอ้อมใช่ม๊ายยย แผนมึงโคตรร้ายกาจอ่ะ กูเนี่ยแบบโคตรนับถือมึงเลย T__T

                เฮ้ย เมื่อกี้กูแค่ล้อเล่นนะ อย่าไปคิดไรมาก ล้อเล่นเฉยๆ

                ล้อเล่นเร๊าะ ? แต่ตอนพูดเนี่ยมึงทำหน้าตายแบบว่า... แม่งโคตรจริงจังอ่ะ นี่มึงล้อเล่นแรงไปมั้ย ?? มึงจะทำร้ายจิตใจคนไปเอาโล่หรา T__T ??

                ไอ้ซึง มึงกำลังจะทำให้กูเกลียดมึงมากขึ้นทุกที T^T” จริงๆนะ... กูงอนมึงแหล่ว ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีกับกูเล้ย ! เรา-ขาด-กัน !!

                โธ่ อย่าเพิ่งงอนสิโจ๊กเกอร์ ~ เมิงก็รู้ว่ากรูรักเมิงขนาดไหนอ่า ~ กรูไม่มีทางไล่เมิงไปร้อก กรูออกจะเสียใจ เนี่ยะ ! ดูหน้ากรูสิ T^T”

                =..=

                ไม่อยากจะเซ้ดหว่ะ คือแบบ... ถ้าสตรอเบอร์รี่เรียกมึงว่าพี่ สตรอเบอร์แหลก็คงเรียกมึงว่าป้าอ่ะนะ สรุปคือ ณ ตอนนี้มึงแหลจริงอะไรจริงหว่ะไอ้ซึง มีคำพูดไหนที่กูพอจะเชื่อมึงได้มั่งมั้ย ?? ขอบอกว่าไม่ = =

                หน้ามึงเฟคโคตร เน้นนะ ! เฟค เฟค เฟค !! =..=”

                ทำร้ายจิตใจกูมากมาย TT^TT”

                คือแบบ... นี่แน่ใจนะว่ามึงเสียดายที่กูต้องไปจริงๆอ่ะ ?? มีส่วนไหนที่พอจะทำให้กูรู้สึกว่า เออ แม่งซึ้งหว่ะ แม่งโคตรน่าประทับใจอ่ะที่มึงพูดแบบนี้กับกรู แต่นี่มีมั้ย ?? ไอ้ซึง กูขอแนะนำว่า มึงไปเรียนวิธีการบิ้วอารมณ์ดราม่าจากละครน้ำเน่าแหลกแหกกระจายหลังข่าวก่อนที่จะมาพูดอะไรแบบนี้เหอะ = =”

                ไอ้ห้อย มึงแรงมว้ากก มึงแม่งปากจัดยิ่งกว่าที่กรูคิดซะอีกอ่ะ T__T”

                ขอบใจ = =”

                นี่กรูด่ามึงนะ T__T”

                ก็กูจะติ๊ต่างว่ามันเป็นคำชมอ่ะ =_= แล้วนี่ กี่โมงแล้ววะ ??

                ฮยอนซึงก้มหน้าลงมองนาฬิกาข้อมือ สามทุ่มห้าเก้า

                อีกหนึ่งนาทีสี่ทุ่ม... เวลาที่เราจะกระโดดลงกระทะทองแดงที่เรียกให้เข้าใจว่า ห้องของยุนดูจุน

                แต่ว่า... อีกหนึ่งนาที มันคงจะไม่มาแบบแม่งเป๊ะทุกสถานการณ์หรอกจริงมั้ย ?? เลทนิดเลทหน่อยหนึ่งนาทีสองนาทีมันเป็นเรื่องปกติ คือแบบ... ถ้าเอาตามคนปกติแล้วถ้านัดเอาไว้หนึ่งทุ่ม ก็คงจะมาประมาณหนึ่งทุ่มห้านาที เพราะต้องเสียเวลาไปกับการเอ้อระเหยลอยชายสัมปะเหลเฮฮาลั้ลลาอยู่ซักสองสามนาที โดยเฉพาะอินังประธานนักเรียนเฮงซวยนี่คงจะเป็นตัวพ่อเลยแหล่ะ เรื่องตรงเวลาบ้าบออะไรแม่งก็คงจะไม่สนอยู่แล้วเพราะเจ้าตัวยึดหลัก ตัวเองคือจุดศูนย์กลางของทุกสิ่งเพราะฉะนั้น... การตรงต่อเวลาแบบเป๊ะ เป๊ะ เป๊ะ จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย = =

                ล่ะมั้ง... ??

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ปังๆๆๆ !!!!

                ... =..=;;;

                ความคิดถูกพังทลายลงภายในพริบตา...

                ขอถอนรากถอนโคนความคิดที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งนาทีที่แล้วให้เหี้ยน คือแบบ... แม่งเป๊ะจริงอะไรจริงหว่ะไอ้ประธาน = = คือ... ไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าคนที่ชอบพูดว่า โอ้ว !! โรงเรียนนี้กูเป็นคนที่สำคัญที่สุด !!’ อย่างมึงจะทำอะไรตามระเบียบอย่างการตรงต่อเวลาแบบนี้เป็นด้วย ?? มึงทำเอากูช็อกซินิม่าที่สุดในสามโลกจริงๆหว่ะ...

                หมอนั่นมาแล้วแน่เลย หุบปากเถอะ... กรูยังไม่อยากยอมรับความจริง =..=;;;

                ปังๆๆๆๆๆ !!!

                ทุบแรงอย่างงี้ เอาบาซูก้ามายิงถล่มแล้วซ้ำด้วยการปาระเบิดใส่เอาให้แม่งสนั่นไปทั้งหอพักเลยดีมั้ยวะ ?! คืออยากจะตะโกนด่ามันนะ แบบคันปากยิบๆจนต้องยกมือขึ้นเกาแล้วเนี่ย แต่ความรับผิดชอบชั่วดีที่พอจะมีอยู่หยิบมือในตัวมันบอกให้เกรงใจคนห้องข้างๆมากกว่าอ่ะ = =

                มาแล้วเร๊าะ = = ? ถามออกไปคำแรกด้วยสีหน้าเบื่อโลก ส่วนอีกฝ่าย... ก็ทำสีหน้าเบื่อโลกกลับมาเหมือนกัน

                “=^=” คืออยากถามว่า... มึงไปดมตดที่ไหนมาเร๊าะ ? ทำไมหน้ามึงถึงได้บูดบี้แบบนี้ = =

                มีไร =_= ??

                นายมาเปิดประตูช้าไป... สามจุดสามวินาที

                อ่ะโห... ไอ่หอก !! นี่ถ้าในสถานการณ์ที่กรูกะลังจะใส่กางเกง สภาพตอนนั้นคือนุ่งบอกซ์เซอร์ตัวเดียวและกางเกงคาอยู่ที่เข่า แล้วเมิงก็โทรมานัดให้กรูออกไป ณ ตอนนี้ เวลานี้และเดี๋ยวนี้ มึงจะให้กรูกระเตงๆกางเกงหลุดตูดออกไปหามึงเพื่อไม่ให้เสียเวลาซักสองสามวินาทีเพื่อใส่กางเกงให้เรียบร้อยก่อนรึไงวะ ?!!

                ถ้านายจะทำงานกับฉันน่ะนะ นายจะต้องตรงต่อเวลาแบบเป๊ะๆ จะเลทไปสองสามวินาทีอย่างนี้ไม่ได้ !!”

                พ่อมรึงเป็นคนผลิตนาฬิกาเหรอไงวะครับ ? ทำไมมึงถึงได้เป็นเอามากกับเรื่องเวลาขนาดนี้ = = ?

                แล้วนี่จัดของเสร็จยัง ??

                เสร็จแล้ว ก็รอแกมาอยู่เนี่ย = =”

                งั้นก็รีบๆไปเหอะ ไปดิ่ !! รีบไปขนของ !!”

                ผมไม่ใช่วัวควาย ที่คุณจะมาต้อนผมให้ไปนู่นไปนี่ได้นะเว้ยครับ = =”

                นายไม่ใช่วัวควาย แต่สำหรับฉัน... นายเป็นหมา ! นายเป็นสัตว์เลี้ยงของฉัน ! เพราะฉะนั้นรีบๆไปทำตามคำสั่งฉันซะ !!”

                อ่ะโห่... TT__TT แค่เบ๊เนี่ยคือยังไม่พอใช่มั้ย ? นี่มึงถึงกับให้กูเป็นหมาเลยเหรอวะ ? หวังว่ามึงคงจะไม่ต้องเลี้ยงกูด้วย เอ่อ... เพ็ดดีกรี หรือรอยัลคานินอะไรเทือกนั้นนะ นี่มึงเหยียบย่ำศักดิ์ศรีกรูเกินไปมั้ยเนี่ย T^T

                หลังจากนั้นผมก็เข้าไปในห้องเพื่อขนของออกไปให้หมดสำหรับการย้ายห้องใหม่ เป็นช่วงเวลาที่ผมอยากหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายโลหิตที่สุด T__T กร๊าซซซ ทำไมชีวิตผมถึงได้ซวย ซวย ซวย !! เยี่ยงเน้ ?!

                เป็นเวลาเกือบสิบนาทีที่ผมขนของเข้าห้องพักใหม่จนเสร็จสรรพ ไอ้ประธานเฮงซวยแม่ง... ไม่เคยช่วยอะไรกรูเลยจริงจริ๊ง T__T แค่ช่วยถือกระเป๋าให้ซักใบยังไม่เคยมี นับประสาอะไรกับการช่วยขนของเข้าห้อง เชททท เป็นเจ้านายที่ใจจืดใจดำจริงอะไรจริงหว่ะครับ !

                เอ้า ! แล้วทีนี้... ผมกวาดสายตามองไปรอบห้อง จะให้ฉันนอนที่ไหน = =”

                ที่ระเบียงมั้ง ?? เลือกเองเหอะ นอนที่ไหนก็นอนไป

                “-*-”

                นอกจากจะใจจืดใจดำแล้วยังกวนส้นเท้าที่สุดในสามโลกอีกต่างหาก เป็นเจ้านายที่โคตรจะดีเลยเว้ยครับ !

                มานั่งนี่สิ เดี่ยวจะชี้แจงเรื่องที่นายต้องทำให้ฟัง นังประธานนักเรียนเฮงซวยทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาแล้วตบลงบนเบาะซักสองสามทีเป็นการชวนให้ผมนั่งด้วย เอ้า ไอ้หมาน้อย รีบมานั่งเร็วๆ

                “= =++ (ปึ่ดๆ) หมาน้อยบ้านยายทวดมึงเสร่ะ

                จะทำไมฮะ ?? ไอ้-หมา-น้อย

                ว่าพร้อมยักคิ้วหลั่วตาให้ทีนึง โธ่เว้ย ! นี่ถ้าไม่ใช่มันผมคงจะฟิวส์ขาดแล้วเข้าไปอัดให้ดั้งยุบซ้ำด้วยการฟาดให้เลือดกลบปากไปแล้วล่ะ -*-

                ในวันปกติ ตอนเช้านายมีหน้าที่ที่จะต้องปลุกฉันให้ตื่นตอนเจ็ดโมง เตรียมข้าวเช้าให้ฉันกิน หลังจากนั้นก็เดินไปโรงเรียนด้วยกัน ฉันอนุญาตให้นายเข้าเรียนได้เป็นปกติ แต่ถ้าฉันโทรเรียกนายเมื่อไหร่นายก็ต้องหาทางมาเจอฉันให้ได้ นายจะต้องรู้ว่าฉันมีงานอะไรบ้าง นายจะต้องรู้ว่าฉันต้องใช้เอกสารอะไรและเก็บมันไว้ที่ไหน ส่วนวันเสาร์อาทิตย์ฉันอนุญาตให้นายตื่นสายได้ แต่นายมีหน้าที่ต้องทำงานบ้าน เช็ดถูทำความสะอาดห้องนี้ให้ปิ๊ง นั่นคือหน้าที่ทั้งหมดในการเป็นเมดของนาย

                ฟังๆไปแล้วมันอาจจะดูเป็นงานที่ไม่หนักหนาซักเท่าไหร่ แต่ใครจะไปรู้ ? ว่าพอเอาเข้าจริงแล้วการทำงานกับคนที่เอาแต่ใจเป็นอันดับต้นๆของเกาหลีจะเหนื่อยสายตัวแทบขาดขนาดไหน ผมจะทำให้ไอ้เจ้านายประสาทกลับคนนี้พอใจได้มั้ย ? อันนี้ก็ต้องลองดู (ถึงจะไม่อยากเลยซักนิดก็เหอะ -*-)

                แค่นี้ พอจะทำให้ได้มั้ย ??

                แล้วถ้าตอบว่าไม่ล่ะ กรูจะไม่มีทางจะทำอะไรยุ่งยากแบบนั้นให้มึงเด็ดขาด -*- นี่กูสามารถตอบแบบนั้นได้ด้วยเหรอ ??

                แน่นอนว่าไม่ = =

                เออ =_=”

                ดีมากไอ้หมาน้อย ^^”

                นี่ ! ใครหมาแกไม่ทราบ = =* ?? อย่ามากวนติงนะเว้ย เดี๊ยะโดนบอดี้แสลม

                ก็นายไง นายเป็นสัตว์เลี้ยงของฉันยงจุนฮยอง !”

                เป็นพระคุณอย่างสูง TT^TT

                ส่วนกฏในการเป็นเมดของฉัน ยังจะมีต่ออีกเร๊อ ?? ขอกูนอนเหอะได้โปรด T^T “ข้อแรก นายจะต้องตรงต่อเวลาห้ามเกินไปซักวินาทีเดียว ไอ้ที่ก่อนเวลาน่ะพอรับได้ แต่ถ้าเลทไปล่ะก็... ฉันจะเอาไอ้นี่ไปประจานลงในเน็ต

                ไอ้รูปถ่ายเวรตะไลแม่งถูกยกขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการขู่ให้ผมกลัวอีกแล้วครับทั่น T^T แล้วนี่มึงมีเก็บไว้กี่กระบุงกันแน่วะเนี่ย ?? ทำไมมันเยอะไม่มีที่สิ้นสุดยังงี้ฟระ T_T ??

                ข้อสอง... มันยังมีต่อ = = “ถ้าฉันสั่งอะไรไป นายจะต้องทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆทั้งสิ้น ฉันอนุญาติให้นายค้านได้ แต่ฉันจะไม่มีวันฟังเสียงหมาโวยวายเด็ดขาด เพราะฉะนั้น งานทุกงานที่ฉันสั่งไป นายจะต้องทำมันให้สำเร็จ

                คำก็หมา สองคำก็หมา เดี๋ยวพ่อปั๊ดกระโดดงับหูแม่งเลยดีมั้ยวะเนี่ย ??

                ข้อที่สาม... ข้อนี้สำคัญที่สุด ถ้านายแหกกฏข้อนี้เมื่อไหร่ล่ะก็ นายตายแน่

                “= =” แค่อยู่กับมึง กูก็ว่าชีวิตกูแซ้ดมากพอแล้วนะ แล้วยังจะมีกฏบ้ากฏบออะไรนี่อีก คอยดูเสร่ะ เดี๋ยวตูจะแหกให้หมดเลยคอยดู !

                ในฐานะที่นายเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของฉัน ฉันจะไม่อนุญาตให้นายมีแฟนเด็ดขาด ! แต่ถ้านายอยากจะมีแฟน นายจะต้องมาขออนุญาตกับฉันก่อน

                “=_=”

                อะไร ?? ทำหน้าแบบนั้นมีปัญหากับข้อตกลงของฉันรึไงวะฮะ ?!”

                เปล่า แค่คิดว่า มีแค่นี้เหรอ ?ผมพูดหน้าตาย แล้วก็... ไอ้กฏข้อที่สามนี่มันอะไรกันวะฮะ ?? ไอ้เรื่องมีฟงมีแฟนนี่ต้องขออนุญาตก่อนด้วยเรอะ ?? นายนี่ท่าจะโรคจิตจริงเว้ยแฮะ = =”

                เฮ้ย กฏข้อสามเนี่ยโคตรสำคัญเลยนะ ถ้านายคิดจะแหกกฏข้อนี้เมื่อไหร่ ฉันจะเอารูปพวกนี้ไปประจาน !”

                ครับๆ โธ่เว้ย... ไอ้ประธานเฮงซวย ฝากไว้ก่อนเหอะ !” อย่าให้รู้นะเว้ยว่าเก็บไอ้รูปพวกนี้ไว้ที่ไหน ถ้าเจอเมื่อไหร่เดี๋ยวตูจะเอาไปเผาทิ้งทั้งโคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเลยคอยดู !!

                นี่เลิกเรียกฉันว่าประธานเฮงซวยทีเหอะ

                งั้นนายก็เลิกเรียกฉันว่าไอ้หมาน้อยซะทีเสร่ะ

                ถ้าไม่แล้วจะทำไม =_= ?

                ฉันก็จะเรียกแกว่าไอ้ประธานเฮงซวยต่อไปน่ะสิ... เอ้อ ครับๆ คุณประธานยุนดูจุน = =;;” ผมรีบกลับคำพูดทันทีเมื่อไอ้ประธานเฮงซวยชูรูปขึ้นมาขู่อีกครั้ง อยากจะบอกว่า... ไอ้รูปถ่ายพวกนี้แม่งใช้ได้ผลโคตรป้าเลยเหอะ T^T

                เรียกฉันว่าดูจุนก็พอ โอเคป่ะ ? จุนฮยอง

                เอ้อ... ยุนดูจุน มึงจะเรียกใครดีๆก็เป็นเหมือนกันนิหว่า =..=

                จุนฮยอง... ไอ้หมาน้อย = =”

                ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้ไปให้หมดเลยแล้วกัน หน้าอย่างยุนดูจุนคงจะเรียกใครดีๆไม่เป็นอยู่แล้ว !!!

                ไอ้ประธานเฮงซวย = =*

                นอนเหอะ สี่ทุ่มกว่าแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้นายจะตื่นมาทำงานไม่ทันนะ ดูจุนว่าแล้วคลานขึ้นเตียงไป อย่างแกคงจะเป็นห่วงแค่เรื่องนี้สินะ ไอ้เวรเอ๊ย =_=

                แล้วตกลงจะให้ฉันนอนที่ไหน ? ผมมองไปยังเตียงเพียงหนึ่งเดียวที่ตั้งอยู่ในห้อง เดี๋ยวนะ... มีเตียงเดียว แถมยังเป็นเตียงคู่ ??

                นี่มันให้ท่า (?) กันชัดๆนี่หว่า = =

                เหอะ !!! ถึงยังไงคนอยากยงจุนฮยองก็ไม่มีทางนอนเตียงเดียวกับไอ้ประธานนักเรียนเฮงซวยคนนี้เด็ดขาด !! หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่มีวัน !! เดี๋ยวติดเชื้อรา (?) หมด =^=

                เชอะ !!” ผมที่ถูกทอดทิ้งให้นั่งเป็นหมางงอยู่ที่โซฟาคนเดียวทิ้งตัวลงนอนทันทีอย่างหงุดหงิด ไม่ง้อหรอกเว้ย !! มึงไม่จัดแจงที่นอนให้กูก็นอนแม่งที่โซฟาเนี่ยแหล่ะ !

                จะนอนตรงนั้นจริงง่ะ ?? เสียงของไอ้ประธานเฮงซวยดังเข้ามาในโสตประสาท ผมหันกลับไปแยกเขี้ยวใส่มันทันทีเหมือนระบบตอบสนองอัฒโนมัติที่ถูกตั้งโปรแกรมเอาไว้

                แล้วจะทำไม ??

                มานอนด้วยกันป่ะ ?

                ป๊าดด ไม่ได้พูดอย่างเดียวเว้ยเฮ้ย มีการขยับให้ท่า (?) กันอีก คิดว่าทำแบบนี้แล้วมันจะกระตุ้นอารมณ์ให้กรูอยากขึ้นไปนอนกับมึงเรอะไงวะ ?! ปัญญาอ่อน = = ขอนอนยันอีกครั้งว่าคนอย่างยงจุนฮยองจะไม่มีวันนอนร่วมเตียงกับอินังประธานเฮงซวยยุนดูจุนเด็ดขาด !!

                ไม่ !!” ผมตวาดแว้ดแล้วพลิกตัวหันไปอีกทางหนึ่งทันที หลังจากนั้นก็ปิดหูปิดตาทำท่าเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ต่อให้หมาแมวห่าเหวหน้าไหนขุดให้กูลุกออกจากโซฟา กูก็จะไม่มีวันลุกออกไปเด็ดขาด !! กูไม่อยากนอนกับไอ้ยุนดูจุนมัน !!

                งั้นก็ตามใจนายแล้วกันนะ แต่อยากเตือนไว้อย่าง... ทำไมต้องลากเสียงยาวทำให้กูขนลุกด้วยฟะ อย่าบอกนะว่า... ว่า... ว่าห้องมึงมีใครอีกคนอยู่ด้วย = =lll เฮ้ย อย่าดิ่ กูยิ่งเป็นพวกขวัญอ่อนอยู่ซะด้วยนะ T^T

                ตอนกลางคืนน่ะ โคตรหนาวเลยนะขอบอก

                ถุย !! นึกว่าจะพูดเรื่องผอสระอีซะอีก !! โธ่เอ๊ย !! ไอ้เรื่องหนาวๆเนี่ยยงจุนฮยองบ่ยั่นอยู่แล้วเว้ย !! อย่าเอามาเป็นสาเหตุชวนให้กรูขึ้นไปนอนกับมึงเลยเหอะ ไม่ได้ผลหรอกหว่ะ !!!

                ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะไอ้หมาน้อย ^^”

                หอกเอ๊ย = =++ ฝันดีเว้ยไอ้ประธานเฮงซวย !!!!

                ...

                ..

                .

                ติ๊ก ต็อก ติ๊ก ต็อก...

                เสียงนาฬิกาที่ว่าโคตรเบา ดังขึ้นในโสตประสาทของผมอย่างกับติดระบบสเตอริโอเอาไว้ แม่ง... มึงจะดังไปไหน ?? มึงจะส่งเสียงติ๊กต็อกไปหาคนผลิตมึงเหรอ ?? แล้ว... แล้วทำไมกรูต้องกลัวด้วยฟระ T^T

                ก็รู้นะว่าไอ้เรื่องพวกนี้มันไม่มีจริง โธ่เว้ย !! ผีเผอมันมีซะที่ไหนกันล่ะ ?! มันไม่มีเหตุผลไหนที่กูจะต้องกลัวเลยนี่หว่า !! สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ผีมันไม่มีจริงซะหน่อย !!!

                TT^TT

                แต่... ถึงจะว่าอย่างโง้นอย่างงี้กรูก็ยังกลัวอยู่ดีอ่ะแหล่ะ T__T

                หนาวเว้ย... หนาว... โอ๊ย เสียงกรูทำไมแม่งสั่นพั่บๆอย่างงี้วะ ? แถมยังแหบโคตรอีก อุบาทว์ชิบหาย หนาวเว้ยยย...

                ใครก็ได้... ส่งผ้าห่มให้กรูที ก่อนที่กรูจะหนาวตายกลายเป็นอาหารแช่แข็งยี่ห้อซีพีซะตรงนี้ TT[]TT

                ชักจะเชื่อในคำเตือนของไอ้ประธานบ้านั่นขึ้นมาตะหงิดๆแล้วดิ่ TT__TT

    +++++++++

                ...

                เงียบไปแล้ว...

                ผมลองเงี่ยหูฟังดูอีกครั้ง เงียบไปแล้วจริงๆด้วย สงสัยหมอนั่นคงจะหลับไปแล้วล่ะมั้ง ?

                ผมค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่โซฟาอย่างเงียบเชียบ สภาพของจุนฮยองตอนนี้อย่างกับคนที่ไปอดอาหารตายอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ หน้าขาวซีด ปากแห้งแตกระแหงไปหมด ผมถอนหายใจกับตัวเองด้วยความปลง คนเขาอุตส่าห์เตือนแล้วนะว่ามันหนาว แล้วยังไม่ยอมฟังอีก นี่ความผิดนายเองนะยงจุนฮยอง

                เฮ้อ นายเนี่ยน้า นายเนี่ยมันดื้อด้านจริงๆยงจุนฮยอง โง่ด้วย ผมค่อยๆหยิบเสื้อคลุมตัวบางที่ตอนนี้ใช้เป็นดั่งผ้าห่มเพื่อป้องกันความหนาวออกมาจากบนตัวเขาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะยื่นแขนออกไปช้อนร่างของเขาแล้วยกขึ้นอย่างแผ่วเบาที่สุดเพื่อไม่ให้เจ้าตัวตื่นแล้วแหกปากโวยวายใส่ผม ดีนะที่มันหลับสนิทเป็นตาย ไม่งั้นผมคงต้องฟังเสียงหมาเห่าไปอีกซักพัก ผมเดินกลับไปที่เตียงแล้ววางหมอนั่นลงที่พื้นที่บนเตียงใกล้ๆกับที่ผมนอน แล้วห่มผ้าห่มให้เขาอย่างเบามือที่สุด

                หลังจากนั้นผมก็เดินอ้อมกลับไปที่นอนของผม ผมคลานขึ้นไปนั่งบนเตียงและในตอนนั้นก็มีอะไรไม่รู้ดลใจให้ผมมองหน้าของไอ้หมาน้อยที่นอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวข้างๆซักพัก ใบหน้าของหมอนั่นเริ่มมีสีเลือดฝาด แก้มป่องๆ ปากห้อยๆ ตาแม่งเฉี่ยวอีก หน้าตาของหมอนี่มันมีอะไรดีมั่งนะ ? สู้ผมไม่ได้ หล่อเทพกว่าตั้งเยอะ -*-

                ไอ้หมาน้อยเอ๊ย ผมยื่นมือออกไปลูบหัวหมอนั่นอย่างไม่มีสาเหตุ เอ้า? แล้วต้องมีสาเหตุด้วยเหรอ ? การที่เจ้าของจะลูบหัวสัตว์เลี้ยงด้วยความเอ็นดูน่ะ -*- “เงียบๆแบบนี้ค่อยน่ารักสมกับเป็นไอ้ลูกหมาหน่อย ถ้านายเป็นอย่างงี้ตลอดก็ดีสิ ตอนตื่นน่ะนายขี้โวยวายอย่างกับหมาบ้า =_=”

                ฝันดีเว้ย ไอ้หมาน้อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×