คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3 Arrive Taecyoens home
“ที่นี่แหล่ะ...” เสียงแทคกล่าวขึ้นเมื่อเดินทางมาได้สักพักใหญ่ๆ การเดินป่านี่มันกินพลังงานไปเยอะน่าดูเลยทีเดียว เส้นทางก็ขรุขระแถมยังมีสิ่งกีดขวางเต็มไปหมด เล่นเอาร่างกายสะบักสะบอมจากการที่เซ่อซ่าสะดุดนี่สะดุดนั่นไปเรื่อยตลอดทาง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมแทคยอนถึงแข็งแรงนัก
“ที่นี่เหรอ... โว้ว...” ผมร้องทันทีเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า ถึงแม้เราจะยังไม่ออกจากป่าทึบแต่ผมก็กลับพบกับหมู่บ้านเข้าเสียก่อน... เป็นหมู่บ้านที่ไม่ใหญ่นักแต่ก็เป็นชุมชนที่อยู่กันอย่างมีความสุข บ้านหลายหลังนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาและสูงขึ้นไปเป็นระดับ ส่วนบ้านที่เหลือก็ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าด้านล่างจากเชิงเขา ถึงจะมีต้นไม้หนาทึบแต่ก็ดูปลอดโปร่งเพราะแสงแดดสามารถส่องลงมาได้
บ้านเรือนที่ตั้งก็แลดูแปลกตา... มันเป็นบ้านสไตล์แอฟริกันผสมกับอินเดียนแดง ผมก็แยกไม่ค่อยออกหรอกระหว่างวัฒนะธรรมของสองชนเผ่านี้ เอาเป็นว่าหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านคล้ายๆกับชนเผ่าอินเดียนแดงก็แล้วกัน เพราะว่าบ้านเรือนที่ใช่อาศัยอยู่นั้นมีลักษณะคล้ายกับซุ้ม แต่ก็มีหลายหลังที่เป็นบ้านที่สร้างจากดินเผาผสมผสานกันไป โทนสีหลักที่ใช้ก็เป็นสีออกแนวน้ำตาลดูสบายตาและอบอุ่น ส่วนสีที่ใช้ตกแต่งก็เป็นสีแดงดูตัดกันดี
ผู้คนที่เดินเผ่นผ่านไปมา... บ้างก็เกาะกลุ่มคุยกัน... บ้างก็ทำงาน... สวมใส่ชุดที่ดูทะมัดทะแมงและขยับตัวง่าย วัยรุ่นชายใส่เพียงแค่กางเกงเลขาสามส่วนสั้นถึงเข่าสีน้ำตาลเข้มเพียงตัวเดียว แต่บางคนก็ใส่เสื้อไม่มีแขนคอวีสีนวลตาด้วยเพื่อปิดบังส่วนบน ส่วนพวกผู้หญิงนั้นส่วนใหญ่ใส่ชุดกระโปรงสั้นสีต่างกันไปตามความชอบของแต่ละคน บางคนก็ใส่เสื้อแขนสั้นที่ดูเหมือนกับจงใจฉีกขาด กับกางเกงขาสั้น ถึงแม้ว่าชุดของแต่ละคนนั้นจะดูคล้ายๆกันไปทั้งหมด แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงตามความสร้างสรรค์ของแต่ละคน แต่ที่เห็นๆอยู่... ทุกคนนั้นมีสิ่งที่เหมือนๆกันคือเรื่องเครื่องประดับ
“นั่น... อะไรน่ะแทค?” ผมหันกลับไปถามผู้รอบรู้พลางชี้ไปที่สร้อยของเด็กผู้หญิงพื้นเมืองคนหนึ่ง เป็นสร้อยที่ดูเหมือนกับว่าทำจากหินสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ มีจี้เป็นหินแร่สีฟ้าขุ่นๆดูแปลกตา
“เครื่องประดับน่ะ...” แทคตอบเรียบๆ “แต่ละคนก็ใส่เครื่องประดับแตกต่างกันออกไปตามความเชื่อ อย่างเด็กคนนั้นที่พี่พูดถึง... สร้อยที่เธอสวมอยู่เป็นสร้อยของเทวีแห่งการสงคราม เชื่อว่ามันจะคุ้มกันจากภัยร้ายทั้งปวง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเด็กๆใส่ของแบบนี้ เพื่อปกป้องตัวเองน่ะ”
“เครื่องรางงั้นสิ...”
“ประมาณนั้นแหล่ะ...” แทคตอบ “เดี๋ยวผมจะพาไปที่บ้านของผมนะ”
“รออยู่แล้วเนี่ย”
“เฮ้ย... แทค” เสียงห้าวๆดังขึ้นจากทางด้านข้างของแทคยอน เรียกให้ผมหันไปสนใจด้วยความอยากรู้อยากเห็นเป็นที่หนึ่ง... คนที่เดินเข้ามาทักและกอดคอแทคอย่างสนิทสนมนั้นเป็นชายหนุ่มร่างสูง (ที่เตี้ยกว่าแทคเล็กน้อย) เขามีผมสีน้ำตาลที่ดูดีและดูเท่ห์... เดี๋ยวผมจะไปทำสีผมแบบนั้นบ้างเผื่อว่าจะเท่ห์ขึ้นเหมือนหมอนั่น
“อ้าว... จุนซู... มายังไงเนี่ย?”
“ถามควายๆ ก็เดินมาสิเฟ้ย... นี่... เพื่อนๆก็อยู่นั่นน่ะ” ผู้ที่ถูกเรียกว่าจุนซูชี้ไปที่น้ำตกที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของภูเขา มันเป็นเหมือนกับหน้าผาที่มีน้ำจากลำธารไหลลงไปเบื้องล่าง ถ้าตกลงไปล่ะก็ไม่อยากแม้แต่จะนึกถึง...
“ไปโดดน้ำกันอีกแล้วเหรอ?” แทคถามกลับอย่างหน่ายใจ สงสัยมันคงจะเซ็งมากเพราะผมได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆออกมาจากจมูกใหญ่ๆของมัน “ทำอย่างนี้สนุกกันนักรึไงนะ?”
“ก็แกอ่ะแหล่ะเป็นตัวต้นคิด” จุนซูหันกลับมาทำสายตาจิกใส่แทคยอนที่ทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราว จนผมหลุดขำพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ว่าแต่นี่เด็กนายเหรอวะ?”
“เปล่า... เขาชื่อพี่เจย์... เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียน”
“รุ่นพี่เหรอ? ทำไมเตี้....?” ก่อนที่คำต้องห้ามจะหลุดออกมาจากปากของจุนซู แทคยอนก็เอื้อมมือไปอุดปากไว้ได้ทันท่วงที ไม่งั้นผมคงได้ตั๊นหน้าใครบางคนเป็นของฝากก่อนกลับบ้านแล้ว...
“อย่าพูดว่าพี่เจย์เตี้ยนะ... พี่เขาไม่ชอบมากเลยล่ะ... กับคำว่าเตี้ยน่ะ” มึงนี่... แกล้งเซ่อหรืออยากเจอดีกันแน่วะ... กูรู้ว่ามึงทำโดยเจตนานะเฟ้ย... เดี๋ยวปั๊ดเจี๋ยนเลยนี่...
“แกแกล้งพี่เขาเยอะไปเปล่าวะ?” ถึงจะไม่ถูกใจนักแต่แกก็พูดได้ดีมาก... ไอ้จุนซู “ถ้าขัดใจล่ะเปิ๊ดกะโหลกมันไปเลยนะครับ... ไอ้หมอนี่น่ะไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต”
มึงพูดถูกใจกูมาก... เดี๋ยวกูจัดให้นะบัดนาว...
“เฮ้ยๆๆ รุมกันนิหน่า” เอ็งเริ่มก่อนนะไอ้แมว...
“เออใช่... แล้วนี่แกจะไปเยี่ยมยุนอาใช่ป่ะ? เดี๋ยวฉันฝากของไปให้ด้วยดิ”
“ใช่แล้ว... เฮ้ย... ฉันลืมไปเลยว่ะ”
ใครคือยุนอา?
ฟังจากชื่อแล้วน่าจะเป็นผู้หญิง... แต่ว่า... ทำไมรู้สึกขัดใจจังเลยนะ??
“งั้นฉันจะไปรออยู่ที่น้ำตกนะเว้ย รีบๆไปเก็บของที่บ้านก่อนแล้วค่อยมาเจอกัน ไปก่อนนะเว้ยเดี๋ยวไอ้พวกนั้นมันรอนาน” จุนซูรีบตัดบทสนทนาอันแสนสุขลงแต่โดยเร็วแล้ววิ่งกลับไปเส้นทางเดิมที่เขามาทันที ส่วนผมกับแทคก็เดินแยกมาอีกทางหนึ่งเพื่อกลับไปที่บ้าน
ว่าแต่... บ้านของมันจะเป็นยังไงกันนะ??
ผมมัวแต่คิดถึงรูปร่างและลักษณะของบ้านแทคอยู่นานตลอดทางที่เดินมา จนไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองนั้นเดินขึ้นเขามานานเท่าไหร่แล้ว ทำไมบ้านมันถึงต้องไปอยู่บนเชิงเขาด้วยวะเนี่ย ให้เดินซะเมื่อยไปหมดเลย ปวดขาด้วยอ่ะ... ฉันเป็นพวกอินดอร์นะเฟ้ยจะให้มาทำตัวติดดินแบบไอ้ถึกอย่างแกก็กะไรอยู่
“นั่นเหรอ?” หลังจากที่เดินขึ้นเขามานานทีเดียวก็พบเจอกับบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง... เป็นบ้านที่ทำจากดินเผาสีน้ำตาลเกือบแดงดูมีสีสัน หลังคาบ้านถูกปูด้วยสิ่งที่ลักษณะเหมือนกับฟางดูไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าเกิดมีพายุลูกใหญ่พัดมาแถวนี้หลังคาคงถูกกลืนหายไปหมดจนนอนดูดาวกลางบ้านได้เลยซะล่ะมั้ง บ้านของแทคนี่จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็เกินไป เอาเป็นว่าขนาดกลางๆระดับสามัญชนก็แล้วกัน
“เข้าไปกันเถอะ” ผมเดินตามแทคที่นำเข้าไปในบ้าน ข้างในก็ไม่ต่างจากที่คิดเท่าไหร่นัก ผนังห้องก็เป็นผนังดินเผาที่ฉาบไม่ค่อยจะเรียบนัก มีรอยขรุขระอยู่เล็กน้อยแต่ก็ดูดีไปอีกแบบ ทาด้วยสีนวลตาต่างจากผนังที่เป็นสีแดงนอกตัวบ้าน ของตกแต่งนั้นมีจากหน้ากากแปลกๆไปถึงอาวุธของคนยุคหิน รสนิยมไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่แต่ก็อยู่ในขั้นที่พอรับได้
“แล้วพ่อกับแม่นายล่ะ?” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในบ้านและออกมาต้อนรับเราอย่างที่น่าจะเป็น... ก็เพื่อนลูกอุตส่าห์มาหาทั้งทีนี่นา
“อ๋อ...” แทคพยายามนึกหาคำตอบ “ไป... ต่างประเทศน่ะ หมู่นี้ไม่ค่อยจะกลับบ้านหรอก”
“เหรอ?” อุตส่าห์มาถึงนี่เพื่อมาดูหน้าพ่อกับแม่ของแทคมันเลยนะเนี่ย
“ผมไปหาเสื้อให้พี่ใส่ก่อนนะ แปปนึง”
“ฉันใส่ตัวนี้ไม่ได้เหรอ?”
“มันเป็นธรรมเนียมที่ทุกคนต้องใส่เสื้อประจำถิ่นน่ะครับ ถึงจะเป็นนักท่องเที่ยวก็เถอะ”
“อ๋อ...” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ มันเป็นธรรมเนียม... นั่นสินะ...
สายตาของผมที่พิจารณารอบๆตัวไปสะดุดอยู่กับสิ่งหนึ่งที่แขวนตกแต่งอยู่บนผนัง... มันคือกรอบรูปที่ใส่รูปของครอบครัวหนึ่งไว้ ใบหน้าของทุกคนในรูปนั้นดูออกเลยว่าแสดงความสุขออกมาเต็มที่อย่างไม่เอียงอาย ดูสดใสและเป็นธรรมชาติกันดีจนผมอดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ รูปของเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ริมซ้ายของหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆชายหนุ่มนั้น... ถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นแทคยอน หน้าก็ไม่ได้แตกต่างจากตอนนี้เท่าไหร่นักหรอกเลยจำได้
ว่าแต่... เด็กผู้ชายคนที่นั่งอยู่ระหว่างหญิงสาวกับชายหนุ่ม... เป็นใครกันน่ะ??
“นี่... เจอแล้ว... พี่เจย์” ร่างของแทคเดินออกมาจากประตูที่ต่อเข้าไปในห้องอะไรสักอย่างที่ผมไม่รู้ หลังจากที่เสียงตะโกนบอกนั้นเงียบลงสักพัก แขนยาวๆที่เต็มไปด้วยกองเสื้อผ้าทั้งสองข้างปล่อยสิ่งที่อยู่ในมือลงบนเตียงราวกับปลดภาระออก “ใส่นี่สิครับ... ผมคิดว่าน่าจะพอดี”
“หา?” ผมเอื้อมไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาพิจารนา... มันเป็นเสื้อแขนสั้นคอวีกว้างพอสมควร กับกางเกงเลทำด้วยผ้าฝ้ายสีน้ำตาลแดงมีเชือกผูกที่เอวเหมือนเข็มขัด
“ลองใส่ดูสิครับ... ไซส์นี้น่าจะพอดีนะ”
“อืม...” จะว่าอายก็อายอยู่หรอก... แต่จะให้เดินไปแต่งตัวที่อื่นก็ไม่รู้จะไปทางไหน ก็เลยตัดสินใจถอดเสื้อยืดออกตรงนั้นเลยอย่างไม่อายใคร ก็ผู้ชายด้วยกันนี่นา... ไม่เห็นเป็นไรเลย
“พี่ครับ...” ในขณะที่ผมกำลังถอดเสื้อออก แทคก็เรียกด้วยเสียงเรียบๆ ผมหันไปมองอย่างงงๆ
“อะไร??”
“ถ้าจะเปลี่ยน... ก็ไปเปลี่ยนในห้องก็ได้นะ” ทำไม... เห็นกล้ามฉันแล้วแกอิจฉารึไง มันช่วยไม่ได้... ก็คนมันรูปร่างดีนี่นา...
“ทำไม? ในบ้านนี้ก็มีแค่ฉันกับนาย หรือถ้านายอายแทนฉันนักนายก็ไปเปลี่ยนเสื้อซะไป” ผมออกปากไล่ทันทีทั้งๆที่ไม่ใช่เจ้าของบ้าน แต่หน้าด้านซะอย่างนี่... ไอดอนท์แคร์ (I don’t care eh eh eh eh eh)
“ก็ได้”
“นี่... ถามก่อน...” ผมเรียกอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องที่คิดจะถามก่อนหน้านี้แต่ดันเผลอลืมไปออก “เด็กคนนั้นใครเหรอ??”
เด็กคนที่ว่านั้น... แน่นอน... เด็กที่อยู่ในรูป...
“อ๋อ... ถ้าหมายถึงเด็กในรูปล่ะก็...” แทคเว้นจังหวะเล็กน้อยเพื่อนึกหาคำตอบ... อีกแล้ว... “น้องชายผมน่ะ”
“แล้ว... น้องชายนายไปอยู่ต่างประเทศกับพ่อแม่งั้นเหรอ?”
“เปล่าหรอก... เขาไม่อยู่... ไม่ว่าที่ไหนก็ตาม...”
ห้องทั้งห้องเงียบลงในทันที...
“งั้นเหรอ?” ผมกล่าวตอบด้วยใบหน้าเศร้า “ฉันเสียใจกับเรื่องน้องชายนายด้วยนะ”
“เฮ้ยๆ อย่ามาแช่งน้องผมสิ” แทครีบแก้ข่าวให้ผมที่เข้าใจประโยคนั้นผิดไป อ่าว... ก็เห็นพูดอย่างนั้นนี่นา “เขาแค่หนีออกจากบ้านไป เพราะมีปากเสียงกับพ่อแม่น่ะ”
“อ้าวเหรอ?”
“ที่ผมบอกว่าเขาไม่อยู่ที่ไหนอีกแล้วน่ะ... หมายความว่าเขาอาจจะไปอยู่ต่างประเทศแล้วก็ได้”
“อ๋อ... อย่างนั้นนี่เอง” เสียหน้าเล็กน้อยถึงปานกลาง... อยากเอาหน้าแทรกแผ่นธรนีหนีไปเลยเป็นบ้า
“งั้นเดี๋ยวผมไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ”
“เดี๋ยว... อีกคำถาม” ผมรีบรั้งเอาไว้เพื่อไม่ให้มันเดินหนีไปไหนได้ แล้วเริ่มต้นถามเรื่องที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อตอนที่คุยอยู่กับคนที่ชื่อจุนซู “ยุนอา... เป็นใคร”
แทคยอนเงียบ... แล้วทำท่านึก... ขอเหอะ... จะมีสักวันมั้ยที่ฉันถามแล้วแกจะตอบทันทีโดยไม่ต้องคิดน่ะ??
“อะไรเล่า? รีบๆตอบได้มั้ยวะ??”
“ยุนอาน่ะเหรอ? เขาเป็นคู่หมั้นผมเองแหล่ะ”
คู่หมั้น??
หมายความว่า... เป็นแฟนกัน??
“คู่หมั้น?”
“คือพ่อแม่ของพวกเราอยากให้แต่งงานกันน่ะ... แล้วโดยส่วนตัวแล้วพวกเราก็ชอบพอกันอยู่แล้วด้วย”
เป็นเรื่องที่น่าดีใจกับมันก็จริงอยู่... ว่ามันมีเจ้าสาวเป็นตัวเป็นตนแล้ว... แต่ทำไม... ผมถึงไม่รู้สึกอยากจะยินดียินร้ายอะไรกับมันด้วยเลยนะ?
“งั้นผมจะไปเปลี่ยนเสื้อนะครับ... เดี๋ยวมา”
ถึงแม้ว่าแทคยอนจะเดินหายเข้าไปในห้องแล้ว ผมก็ยังคงนิ่งเงียบ อยากจะคิดมากแต่ก็ไม่รู้ว่าจะคิดเรื่องอะไรดี... คิดเรื่องที่มันแต่งงานงั้นรึ? ไร้สาระน่า... เรื่องพรรค์นั้นทำไมต้องเก็บไปคิดให้หนักหัวด้วย
เรื่องพรรค์นี้... คิดไปก็หนักหัวเปล่าๆ...
“ไอ้บ้าอ๊คเอ๊ย” ไม่รู้ว่าจะโทษใคร... โทษมันแหล่ะเป็นดี
“ใส่พอดีด้วยแฮะ... แปลกดี” กางเกงนั้นไม่มีส่วนใดที่ดูเหมือนจะหลวมหรือคับเกินไปเลย ใส่ได้อย่างสบายๆเลยทีเดียว ส่วนเสื้อนั้นอาจจะดูโคร่งไปหน่อยแต่มันก็เป็นแฟชั่น
“ใส่ได้มั้ยพี่? มันคับไปรึเปล่า?”
“นี่แกคิดว่าฉันบึ้กขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เปล่านะ...” ผมหันไปมองที่ประตูที่แทคเดินเข้าไปในตอนนั้นด้วยสายตาเฉี่ยวของตัวเอง พอดี๊พอดีกับตอนที่ร่างกำยำของคนที่กล่าวถึงนั้นเดินสวนออกมาพอดี
ในวินาทีนั้นผมแทบจะอึ้งไปเลย... แมร่ง... คนอะไร...
คนอะไร... รูปร่างดีอย่างนี้นะ...
แทคเดินออกมาด้วยสภาพที่ว่า... ใส่เพียงแค่กางเกงผ้าฝ้ายโปร่งๆสีน้ำตาลแก่เหมือนเปลือกไม้เพื่อปกปิดท่อนล่างไม่ให้ดูอุจาดตาเกินไปเท่านั้น ส่วนท่อนบนอย่าไปพูดถึง... โชว์แผงอกและกล้ามเนื้อหน้าท้องล้วนๆ
ว่าไปนั่น... จริงๆแล้วผมน่ะก็มีกล้ามเนื้อหน้าท้องเหมือนกันนะ... ติดแต่ว่าผมตัวเตี้ยเท่านั้นแหล่ะถึงได้ดูไม่แมน...
“ไปกันเถอะ... จุนซูกับคนอื่นๆมันรอผมอยู่”
ผมชี้นิ้วไปที่ตัวเองอย่างงงๆ “ให้ฉันไปด้วยเหรอ?”
“หรือถ้าไม่อยากไปก็รออยู่ที่นี่แหล่ะ... ตามใจ”
“เปล่าซะหน่อย... ไปก็ไปฟะ”
“เฮ้... จุนซู... ฉันมาแล้ว”
“มาแล้วเหรอ? เฮ้ย... ทุกคน... เจ้าชายผู้ยิ่งใหญ่กลับมาแล้วเว้ย”
ฟังแล้วละเหี่ยใจจริงๆ... ไอ้พวกนี้มีผู้ยิ่งใหญ่เป็นไอ้บ้าห้าร้อยอ๊ค แทคยอนเนี่ยนะ... หาคนที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วรึไงน้อ? หรือว่าทุกคนในที่นี้มีแต่พวกไม่เต็มสลึง?
“พี่แทคกลับมาแล้ว... ตรงโน้นเป็นไงบ้างล่ะครับ?” เสียงของเด็กหนุ่มร่างยักษ์หน้าตาไม่เป็นมิตรดังขึ้น ผมหันไปมองต้นเสียงอย่างงๆ... อย่าบอกนะว่าไอ้พวกนี้ซุกหัวอยู่แต่ในถิ่นของมัน
“ก็ดี... มีเพื่อนใหม่ให้เพียบ... เออนี่ทุกคน... นี่พี่เจย์” เออ... เจริญ... กว่าเมิงจะเห็นหัวกูนะไอ้น้องบ้า “แนะนำตัวสิครับพี่”
“เจย์ครับ... ยินดีที่ได้รู้จัก” ผมโค้งทักทายตามมารยาทอย่างนอบน้อม ไอ้อายมันก็อายอยู่อ่ะ... แต่ให้ทำไงได้
“กิ๊กใหม่มึงเร้อไอ้แทค?” อ้าวไอ้นี่... ปากไม่มีหูรูดรึไงวะมึง? ถ้าให้กูเป็นกิ๊กกับไอ้เห่ยนี่กูขอยอมเป็นแฟนกับแมวข้างถนนดีกว่า...
“ไม่ใช่ๆ... พี่เจย์เขาเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนต่างหากเล่าไอ้นี่นิ”
“เออว่ะ... แทคมันมียุนอาอยู่แล้วนี่หว่า” ไอ้เด็กปากไม่มีหูรูดคนเดิมหันกลับไปจ้อกับเพื่อนของมันอีกคนที่ร่วมหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน จะว่าไปแล้ว... ยุนอาอะไรนี่เป็นคู่หมั้นของแทคนี่หว่า
คู่หมั้น??
ผมเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร เพียงแค่รู้สึกเหมือนกับว่าไม่พอใจในอะไรบางอย่าง...
แล้วอะไรบางอย่างที่ว่านั่นคืออะไรกันล่ะ??
“โธ่เอ๊ยจินอุน... มันไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย” ผมหันไปทางต้นเสียงที่อยู่อีกมุมหนึ่ง... เจ้าของเสียงเธอเป็นผู้หญิงผู้มีผมยาวเหยียดตรงสีดำขลับ หน้าตาดูสะสวยพอใช้ได้ รูปร่างก็... อืม... ก็อย่างงั้นแหล่ะ...
ถ้าเดาไม่ผิด... ผู้หญิงคนนี้ก็คือ... ยุนอา...
“ไม่ต้องปฏิเสธหรอกน่าสาวน้อย... ใครๆก็รู้ว่าเธอกับแทคน่ะกุ๊กกิ๊กกันอยู่”
“หุบปากบ้างน่ะเป็นมั้ยห๊ะนาย??” ผิดกับที่ผมคิดไว้ถนัดตา... เด็กสาวที่ดูเหมือนจะอ่อนหวานเรียบร้อย กลับตวาดไอ้บ้าปากไม่มีหูรูดคนนั้นด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรงเล็กน้อยอย่างไม่ไว้หน้า ส่วนฝ่ายที่ถูกด่าไปเต็มๆนั้น... ตอนแรกผมนึกว่ามันจะอึ้งเสียอีก... แต่กลับหัวเราะร่าอย่างชอบใจเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
“มาแนวโหดอีกแล้วนะ... แต่แบบนี้แหล่ะฉันชอบ” ขอยอมรับเลยว่าคนที่นี่หน้าหนาจิ๊บเป๋ง... ขนาดโดนตวาดลั่นขนาดนั้นแล้วยังคงมีอารมณ์มาเล่นลิ้นอีก แต่ประโยคต่อไปที่เจ้าตัวกล่าวออกมานั้นค่อนข้างไปในทางน่ากลัวเสียมากกว่า “จะเอามั้ยล่ะยัยถึกร้อยแรงม้า... ถึงเป็นผู้หญิงฉันก็ไม่ไว้หน้าหรอกนะ”
“อย่าเพิ่งมาตีกันตอนนี้สิพวก... จะเสียมารยาทกับแขกรึไง?” เสียงของคนๆหนึ่งที่ดังขึ้นหยุดบรรยากาศมาคุไว้ได้อย่างทันท่วงที... ซึ่งไอ้พระเอกจำเป็นนั้นก็ไม่ใช่ใคร... นอกจากอ๊ค แทคยอนผู้นี้นี่เอง
“อย่าไปใส่ใจเลยนะพี่เจย์... เรื่องปกติธรรมดาของเราน่ะ”
“สำหรับฉันนี่มัน ‘เกินธรรมดา’ ว่ะ” ผมโต้กลับไป ส่วนแทคก็หัวเราะน้อยๆอย่างชอบใจในประโยคนั้น
“แทค... พี่นายน่ารักดีนะ” ผู้หญิงที่ชื่อยุนอากล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ประดับบนใบหน้า อยากจะขอบคุณหรอกนะ... แต่เปลี่ยนคำว่าน่ารักเป็นหล่อบาดจิตได้มั้ยอ่ะ
“ใช่มั้ยล่ะ?” แทคก็ยิ้มตอบอย่างภาดภูมิใจ เฮ้ยๆ ยุนอาชมฉันนะไม่ได้ชมแก “พี่เจย์... ผู้หญิงคนนี้ชื่ออิม ยุนอา”
“สวัสดีครับ” ผมยิ้มทักทายตามมารยาท ทั้งๆที่ในใจรู้สึกขัดๆพิกล
“สวัสดีค่ะ... ขอเรียกว่าพี่เจย์ได้มั้ย?”
“ก็ได้”
“นี่ๆๆ ไม่คิดจะแนะนำให้ผมรู้จักมั่งเลยรึไงพี่แทค?” ไอ้เด็กหน้ายักษ์ที่กล่าวถึงไปในตอนแรกโผล่หน้าเข้ามาแทรกกลางวงสนทนาของเรา คือขอโทษนะ... รู้จักมั้ยคำว่ามารยาทน่ะ
“ผมชื่อชานซองครับ... ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
“พี่เจย์... เดี๋ยวพี่ไปกับฉันได้มั้ย? พอดีฉันมีเรื่องอะไรที่อยากคุยกับพี่หน่อยน่ะ” ยุนอาถามขึ้น ซึ่งเป็นคำตอบที่ค่อนข้างจะตอบยากซะหน่อย...
“เอ่อ...” ผมหันไปหาแทคอย่างขอความช่วยเหลือ แต่แม่งมึงช่างเป็นน้องที่ดีเหลือเกิน... หลบหน้ากูหาอะไรฟะไอ้เด็กเวร “ก็ได้... ก็ดีเหมือนกัน”
อาจจะผิดกับแทคยอนนิสนึง... แต่ก็ให้ทำไงได้ล่ะมึงไม่ยอมช่วยกูเองนิฟ่า...
“ดีจังเลย... พี่น่ารักจัง” เอ่อ... คือคุณเธอเห็นหัวคุณคู่หมั้นที่ยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่ตรงนี้มั้ยเนี่ย
“งั้นฉันขอยืมตัว ‘คนของนาย’ ไปก่อนนะแทคยอน” ยุนอาหันไปกล่าวกับแทคยอนเรียบๆพร้อมรอยยิ้มกว้าง ผมรู้สึกไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั่นเลยแฮะ...
คนของนาย... งั้นเหรอ?
“ตามใจ...” แทคยอนเบือนหน้าหนีแล้วลากคอชานซองเด็กยักษ์ข้างๆไปด้วยกันในอีกทิศทางหนึ่ง เหมือนกับว่ากำลังพยายามหลบหน้าใครอยู่...
ผมมองท่าทางนั้นอย่างไม่เข้าใจ... แต่ถึงยังไงก็ไม่ชอบให้เขาเป็นอย่างนี้เลย...
ผมหันหลังหนีเมื่อเห็นแทคยอนเดินจากไปไกลแล้ว ทำให้ไม่ได้ยินอะไรที่ชานซองพูดกับแทคยอนในตอนนั้น...
“นั่นน่ะ... ‘ของพี่’ ใช่มั้ยล่ะ?”
“... ไม่ใช่...” แทคยอนตอบกลับเรียบๆด้วยท่าทางนิ่งๆเหมือนโกรธใครมา “... ในตอนนี้... แต่สักวัน...”
“คือยังไงก็จะเอาเขามาให้ได้งั้นสิ...” ชานซองกล่าวพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้า “คงจะยากหน่อยนา... เพราะยังไง... พี่ก็คงไปกับเขาไม่รอดอยู่แล้ว...”
“...”
“ก็พี่กับเขาน่ะเป็นคนละสายพันธุ์กันนี่นา...” ชานซองยังคงกล่าวต่อไป “แต่ถ้าเกิดพี่บอกเขาก่อนล่ะก็คงจะไม่เป็นไรล่ะมั้ง?”
“นั่นสินะ...” แทคยอนตอบด้วยสีหน้าที่อ่อนลงเล็กน้อย “เหมือนกับเขาอยากจะถามฉันหลายครั้ง... ส่วนฉันก็พยายามที่จะบอกเขาเหมือนกัน... แต่ยังไง... ก็ไม่กล้าพูดออกไปซักที...”
“เฮ้อออ... ไม่น่าเชื่อว่าคนถึกร้อยแรงม้าอย่างพี่จะใจเสาะเป็นด้วย”
“มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ...” แทคยอนขบฟันจนเกิดเสียงดังกรอดๆ แสดงถึงอารมณ์โทสะที่พุ่งสูงขึ้นภายในเวลาไม่กี่วินาที “เขามีตัวกาฝากคอยประกบอยู่ข้างๆตลอดเวลาเลย”
“กาฝาก?”
“เจ้าแวมไพร์งี่เง่า...” เสียงที่ดังลอดไรฟันออกมานั้นนิ่งเรียบเสียจนน่ากลัว “แวมไพร์ตัวนั้นมันชอบมาเกาแกะเขาอยู่ตลอดเวลา... ทำตัวอย่างกับกาฝากโง่ๆ”
“...” ชานซองที่มองท่าทางของแทคยอนนิ่งๆมาตลอดเริ่มรู้สึกถึงอารมณ์แปลกๆที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงราวกับไฟแผดเผาในตัวของเขาเอง... เมื่อได้ยินคำนั้น... คำว่า ‘แวมไพร์’...
“ไม่เห็นจะยากตรงไหน...” ชานซองเอื้อมมือไปวางไว้บนไหล่ของแทคยอน “ก็แงะกาฝากตัวนั้นออกมาซะเลยซี่... ถอนรากถอนโคนมันให้เหี้ยน... ถ้าพี่ไม่ทำเดี๋ยวผมไปทำให้ก็ได้”
“มันไม่ง่ายอย่างที่นายคิดน่ะสิชานซอง” แทคยอนกล่าว “แวมไพร์ตัวนั้นน่ะดูๆแล้วก็เก่งไม่ใช่เล่น... แถม... ยังเป็นคนสำคัญของเขาด้วย”
“...” ชานซองถอนหายใจออกมาหนักๆอย่างระอาใจ “เขาคนนั้นคงสำคัญกับพี่มากเลยสินะ?”
“อื้อ...” แทคยอนเพียงแค่พยักหน้าเบาๆตอบรับเพียงเท่านั้น
“ช่างเถอะ...” ชานซองกล่าวด้วยท่าทางเหมือนกับว่าไม่อยากจะใส่ใจอะไรให้มากนักจนเกินไป “แบบนี้ก็ดีแล้ว... ผมชอบด้านนี้ของพี่มากกว่าเยอะเลย”
“ขอบใจ”
“ก็พี่ด้านนั้นน่ะน่ากลัวจะตายไป แค่คิดก็ยังสยองเลย... บรื๋อ...”
“ไอ้เด็กเวร... ไปทางโน้นเลยไป๊”
“เฮอะ... ถึงไม่บอกก็ไปอยู่แล้วเฟ้ย”
“พี่คะ... มานั่งตรงนี้สิ” เด็กสาวสวยนามยุนอาชักชวนผมให้นั่งลงที่บริเวณพื้นหญ้าข้างๆ ซึ่งก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องไปปฏิเสธเธอ เพราะถึงยังไงการยืนคุยก็เป็นการเสียมารยาท ผมจึงหย่อนตัวลงนั่งแต่โดยดี
“นี่... ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย?” ไม่รอให้อีกฝ่ายเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนาผมก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ได้สิคะ”
“คือว่า...” เริ่มไม่ถูกแฮะ “เธอเป็นอะไรกับแทคยอนกันแน่??”
“...คะ?”
“เอ่อ... เธอเป็นอะไรกับแทคยอนงั้นเหรอ?” ขอแก้ใหม่นะจ๊ะ
“แล้วพี่จะรู้ไปทำไมกันคะ?” เอ่อ...นั่นสิ... จะรู้ไปทำไม...
ก็แค่... รู้สึกไม่พอใจ...
“คือว่า... พอดีก่อนที่จะมาเจอเธอน่ะฉันได้ยินมาจากคนอื่นว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกัน ฉันก็เลย... อยากรู้ความจริง”
“...” ยุนอาเบิกตากว้างมองผมอย่างงงๆ ส่วนผมก็ได้แต่ตีหน้าใสซื่อกลับไป “พี่ได้ยินมาจากใครน่ะ?”
“อ้อ... พอดีมีคนบอก” ผมตอบ “ไม่ใช่ใครหรอก... แทคยอนน่ะ”
“หมอนั่นพูดอย่างนั้นไปเหรอเนี่ย?” ยุนอาพึมพำด้วยเสียงเบาๆ แต่คนหูดีและชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านอย่างผมมีหรือที่จะไม่ได้ยิน “อ๋อ... ใช่... เราเป็นแฟนกันน่ะ”
งั้น... เหรอ?...
แล้วจะทำไมล่ะ...?? นี่เรากำลังผิดหวังงั้นเหรอ...?
บ้าไปแล้วรึไงเนี่ยเจย์??
“พ่อของเราสองคนเป็นเพื่อนกัน เลยจับให้เราหมั้นกันตั้งแต่เด็กๆ” ยุนอากล่าวอธิบายตั้งแต่เริ่มเรื่อง ซึ่งมันทำให้ผมต้องหรุบตาลงต่ำ “โดยส่วนตัวฉันเองก็ไม่คิดอะไรที่พวกท่านตัดสินใจโดยพลการ... เพราะยังไงๆแทคยอนก็เป็นเพียงคนๆเดียวที่คอยปกป้องฉันมาตลอด”
ผู้หญิงคนนี้... สำคัญกับนายมากเลยสินะแทคยอน...
ซึ่ง... มันก็ไม่เห็นจะเป็นไร...
“งั้น... เธอก็คงจะต้องชอบเขาอยู่บ้างสินะ?”
“คนมันจะเป็นแฟนกันไม่ได้หรอกค่ะถ้าเกิดไม่ได้รักกันน่ะ”
... ก็จริง...
“แต่ในวันหนึ่งเขาก็จากที่นี่ไป...” ยุนอากล่าวต่อจากที่ค้างไว้ ซึ่งผมคิดว่ายุนอาตั้งใจจะหมายความว่าช่วงเวลาที่เขาเข้ามาอยู่ที่ในเมือง และดันมาอยู่บ้านข้างๆผมทำให้เราได้รู้จักกันโดยบังเอิญ “โดยไม่ได้บอกอะไรพวกเราเลยสักคำเดียว”
“...”
ผมหันไปมองใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว สายตาของเธอทอดมองออกไปไกลราวกับไม่มีจุดหมายที่จ้องมองอยู่ รอยยิ้มที่ผุดขึ้นน้อยๆที่มุมปากของเธอนั้นไม่สามารถตีความได้ว่าตัวเธอเองรู้สึกอย่างไร
“แต่ว่า...” อยู่ๆเธอก็หันกลับมาโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว รอยยิ้มที่มุมปากนั้นกว้างยิ่งขึ้นกว่าเดิมเมื่อเธอจ้องลงไปในดวงตาของผม “ฉันดีใจที่เขากลับมาพร้อมกับพี่”
“หา??” หมายความว่าไงอ่ะ...
“ก็พี่ไม่ได้มาที่นี่นานแล้วนี่นา” เธอยิ้มจนตาสวยๆคู่นั้นหรี่ลงทำให้ไม่สามารถมองลงไปในสายตาที่แท้จริงของเธอได้ ผมไม่เข้าใจในประโยคที่เธอพูดเลยซักนิด... ตีความได้คร่าวๆว่า...
ผมเคยมาที่นี่??
“ช่างเถอะค่ะพี่... ฉันก็พูดไปงั้นแหล่ะ” เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวหันใบหน้าของตัวเองกลับไป
... ไม่มั้ง??... สมัยนี้คนหน้าเหมือนกันเยอะจะตายไป...
ในที่สุดผมก็ตัดสินใจเลือกที่จะไม่สนใจ...
“แล้วแทคยอนอยู่ที่นั่นเป็นไงบ้างคะ?”
“อืม... เท่าที่ดูก็โอเคนะ” ผมตอบกลับไป ที่จริงแล้วผมก็ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวของเขามากนักหรอกเพราะเจอกันแค่สองสามวันเอง ขนาดเรื่องที่มาที่ไปยังไม่เคยกล้าถามเลย... “ถึงจะเป็นเพื่อนบ้านและรุ่นน้องที่กวนประสาทไปนิด... แต่เขาก็เป็นคนดี”
ถ้าไม่นับรวมนิสัยแปลกๆแบบโยนหนังสือของชาวบ้านทิ้งลงถังขยะอ่ะนะ...
“ฮิ” ยุนอาหันมายิ้มให้อีกครั้ง แล้วกล่าวประโยคต่อไป “แปลว่าสนิทกันพอสมควรเลยสินะคะ?”
“หา...” ผมทำหน้าเหยเก “จะบอกว่าใช่มันก็ไม่เชิงอ่ะนะ... แต่ว่าคนที่หมอนั่นรู้จักที่นั่นก็มีแค่ฉันคนเดียว”
ที่จริงมีไอ้คุณอีกคน... แต่รายนั้นคงนับรวมเป็นเพื่อนไม่ได้หรอก...
“แทคยอนน่ะ... ถึงจะดูเหมือนเขาเป็นพวกขี้เล่นอย่างนี้ก็เถอะ แต่จริงๆแล้วเขาก็เป็นคนอย่างนี้น่ะแหล่ะ” ยุนอาพูดติดตลกนิดๆ ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าตัวคุณเธออยากจะบอกอะไรกันแน่ “หมายถึงว่า... ช่วยดูแลเขาให้มากๆหน่อยแล้วกันนะคะ”
“อ่า...” จะให้ตรูรับหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กโข่งว่างั้นเหอะ...
“แต่พี่แน่ใจนะคะว่าการมาคบกับแทคยอนแล้วพี่จะไม่เสียใจทีหลัง?” อยู่ดีๆบรรยากาศสบายๆก็กลายไปเป็นบรรยากาศที่ตึงเครียดไปซะอย่างนั้นเมื่อยุนอาพูดประโยคนั้นขึ้นมาโดยที่ไม่ได้มีท่าทางล้อเล่นแต่อย่างใด “พี่ยังมีเรื่องที่ไม่รู้เกี่ยวกับตัวเขาอีกเยอะ... แน่ใจเหรอคะว่าถ้ารู้ความจริงแล้วพี่จะรับได้?”
“เอ๋...”
“พี่คะ... ฉันจริงจังนะ”
...........
พูดแบบนี้ยิ่งตอบยากเข้าไปใหญ่... เพราะในแววตาของเธอไม่ได้มีอาการล้อเล่นแต่อย่างใด...
“หึ...” ในที่สุดก็มีเสียงหัวเราะหลุดออกมาจากปากของเด็กสาวเบื้องหน้า “แต่ฉันคิดว่าที่พี่ไม่รู้อะไรเลยน่ะดีแล้ว... ฉันอยากให้พี่คบกับแทคยอนอย่างนี้ต่อไปมากกว่า”
“หา??” เป็นอีกครั้งที่ผมต้องอุทานคำนี้ออกมาจากจิตสำนึกส่วนลึกของหัวใจ
“พูดจริงๆนะคะ... ฉันอยากให้พี่เป็นแบบนี้มากกว่า”
“แล้ว... ถ้าอย่างนั้นอะไรคือความจริงที่เธอบอกล่ะ?” ผมถาม
“มันพูดยากน่ะค่ะพี่”
“พูดมาเหอะน่า” อันที่จริงไม่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านหรอกนะ... แต่จิตใจฝ่ายดีมันดันมีน้อยกว่าจิตใจฝ่ายชั่วน่ะสิ
“เอาเป็นว่า...” ยุนอาทำท่าจะบอก... แต่ก็ไม่บอกซักทีอ่ะ “แทคยอนคิดอยากจะพูดเมื่อไร... เดี๋ยวหมอนั่นก็มาบอกพี่เองแหล่ะค่ะ”
“หา??” อีกครั้ง... ด้วยความไม่เข้าใจ... แต่จิตใจฝ่ายดีมันก็ดันชนะขึ้นมาเอาซะดื้อๆทำให้ผมไม่คิดอยากที่จะสอดรู้สอดเห็นให้มากกว่านี้อีกต่อไป
“แต่พี่ต้องสัญญากับฉันนะคะ... ว่าถึงยังไงพี่ก็จะไม่หลงลมปากของคนอื่นนอกจากแทคยอน”
“อ่า... ก็ได้ๆ พี่สัญญาว่าพี่จะเชื่อแทคยอนไม่ว่ายังไงก็ตาม” อันที่จริงมันก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วล่ะ... ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน...
ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่มีเรื่องทะเลาะกับรุ่นน้องคนสำคัญของผมจนถึงขนาดเกิดเสียงดังซะขนาดนั้นก็ตาม...
“ขอบคุณค่ะพี่... ฉันเชื่อใจพี่นะ” ยุนอายิ้ม “เพราะนั่นแปลว่าพี่เชื่อใจฉันเหมือนกัน”
“อืม” ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไหร่... แต่มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
“พี่คะ... ฉันขอโทษนะ”
“ขอโทษอะไร?” ผมตีสีหน้างงๆตอบกลับไป
“ก็เรื่องที่ฉันบอกพี่ในตอนแรกน่ะ... ไอ้คู่หมั้นๆอะไรนั่น” ยุนอาหรุบตาลงต่ำเหมือนคนกำลังหลบหนีความผิด ในขณะที่ผมยังคงทู่ซี้มองหน้าเธออยู่เป็นการคาดคั้นเอาคำตอบ
“มันเป็นเรื่องโกหก”
“เฮ้ย” ผมอุทานเสียลั่น... ด้วยความตกใจบวกกับความเซอร์ไพรส์เหมือนตอนชิงโชครางวัล แต่นี่มันค่อนข้างคล้ายกับตอนที่มีเหตุอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากกว่า... เหมือนในตอนนี้
แปลว่า... สองคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันงั้นเหรอ??...
“เดี๋ยวสิ... ก็เธอบอกว่า...”
“โกหกจ้ะ... แหะๆ”
งั้นก็หมายความว่า.......
ผมเผลอตัวกัดฟันกรอดด้วยความโมโหถึงขีดสุดราวกับเวลาที่ภูเขาไฟกำลังจะปะทุ...
ไอ้อ๊ค แทคยอน.........
“จริงๆนะ... ฉันกับแทคยอนไม่ได้เป็นอะไรกันซักหน่อย ถึงคนอื่นๆจะชอบคิดกันไปอย่างนั้นก็เถอะ สำหรับฉันแทคยอนก็เป็นแค่เพื่อนสนิทเท่านั้นแหล่ะ... และฉันก็ค่อนข้างแน่ใจว่าแทคยอนก็คิดกับฉันอย่างนั้น ขอโทษนะคะที่หลอกพี่อ่ะ...”
สำหรับยุนอาน่ะเหรอ?... ผมไม่โกรธเลย... ออกจะขำๆเสียมากกว่า... เพราะเขาเป็นน้องสาวที่น่ารัก...
แต่อย่างหมอนี่... มันน่าจิกหัวฟาดกับพื้นเสียให้เข็ด...
“พี่ครับ~~ ไปไหนตั้งนานน่ะ~~~”
จี๊ด... จี๊ดสิครับ... ดูมันทำท่าทางเป็นทองไม่รู้ร้อนเซ่... น่าจับเอาหัวโขกพื้นจริงๆนะเนี่ย...
“ไอ้อ๊ค... มานี่ทีเด๊ะ” ผมเรียกด้วยน้ำเสียงห้วนๆทำให้มันทำท่าทางไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก เรียกได้ว่าตอนนี้มันกำลังงงเต๊กแบบสุดๆ แต่เชื่อว่าอีกไม่นานมันคงจะบรรลุสัจธรรมอย่างชัดเจนแจ่มแจ๋ว ไม่งั้นมันโดนผมจิกหัวโขกพื้นอย่างแน่นอน... ไม่ได้ขู่นะ...
“พี่... มีอะไรอ๊ะป่าว?” ไอ้มีอ่ะมีแน่... แต่เอาไว้หลังจากที่ฉันฟาดแกให้หายแค้นซะก่อนแล้วกัน โอ๊ย... ประสาทจะแดรก
“แกโกหกฉัน...รู้ตัวใช่มั้ย?”
“อื้ม... ใช่” ดูมันหน้าด้านยอมรับ...
“แล้วแกทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไรหา!!!??” ผมตวาดเสียงดังลั่นจนแทคยอนแทบจะยกมือขึ้นมาปิดหูไม่ทัน มันรู้สึกเจ็บที่ใจเล็กน้อยที่เขายอมรับตรงๆอย่างนั้น สู้โกหกหลีกไปเลยจะยังดีซะกว่า มันกำลังทำให้ผมเจ็บ... เป็นอย่างมาก
ทั้งๆที่ไม่รู้แม้แต่สาเหตุว่าเพราะอะไร?
“เพราะมันสนุกดี” เสียงหัวเราะดังขึ้นด้วยความสนุกสนาน แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าฉันไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกันแกด้วย มันเจ็บ... เจ็บเกินกว่าที่จะขำออก...
“ไอ้อ๊ค... แกหลอกฉัน” น้ำเสียงของผมไม่มีท่าทางล้อเล่นแต่อย่างใดถึงแม้มันจะฟังดูแล้วอ่อนลงเล็กน้อยก็ตาม ทุกเรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่ผมคิดจริงจังทั้งนั้น...
“พี่... ผมขอโทษ” แทคยอนที่เห็นผมมีท่าทีแปลกไปก็รีบกล่าวขอโทษขอโพยแล้วมาทำท่าเป็นห่วงเป็นไยทันที ฝ่ามือถูกยื่นมาหวังจะวางลงบนไหล่ของผมแต่ผมกลับปัดมันออก
“ฉันไม่อยากได้คำขอโทษนะแทค” ผมช้อนตาขึ้นมองมันนิ่งๆ “ฉันแค่ไม่ชอบ...”
“โอเค... พี่ไม่ชอบอะไรบอกผมมาได้เลยนะ วันหลังผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
“ฉันไม่ชอบ... ไม่ชอบ...”
“ไม่ชอบอะไรล่ะครับ?”
แค่ไม่ชอบ... ที่นายอยู่ใกล้กับเขา...
เพียงแค่สิ่งนี้เท่านั้น... นายจะทำให้ได้รึเปล่าล่ะ??...
ไม่... ไม่มีวัน...
“ฉันไม่ชอบให้ใครโกหกฉัน” ผมกล่าว “ไม่... ไม่ชอบเลย”
ถึงแม้มันจะไม่ใช่เหตุผลหลัก... แต่ผมก็ไม่ชอบจริงๆ...
ยิ่งโกหกเรื่องแบบนั้นด้วยแล้ว.........
“ได้ครับพี่” แทคยอนค่อยๆเอื้อมฝ่ามืออบอุ่นมาปาดน้ำตาให้ออกไปจากใบหน้าของผม และผมเองก็ไม่มีท่าทางขัดขืนแต่อย่างใด
“สัญญานะ”
“ผมให้สัญญา... แน่นอนผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
ผมยิ้ม “ฉันเชื่อนายนะแทค”
“ผมก็เชื่อพี่ครับ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาเป็นการตอบกลับ
Talk with Writer :
มาต่อให้อีกตอนแล้วนะคะ (เย้!!!)
ตอนนี้แทคเจย์มีสวีทหวานแหววกันซะด้วย วี้ดวิ้ว!
เจย์หึงแทคด้วยอ่ะ
ผลสอบออกมาแล้วง่า~~ ได้ดีกว่าที่คิดซะอีกแฮะ ดีใจจัง เย้ๆ
ช่วยกันเม้นๆๆๆ หน่อยนะค้า~~~
ความคิดเห็น