ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic 2PM TJ & KD & CH] Hyung, Can we be more than friend?

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 บ้าน... รูมเมท กับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 651
      6
      9 ต.ค. 53

    Chapter 2 บ้าน... รูมเมท กับอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด


                    “คุณ... คุณ.. ไอ้คุณแกหายหัวไปไหน?” ผมเรียกชื่อของรูมเมทผมหลายสิบรอบ แต่ไอ้คนที่ว่าก็ยังไม่โผล่หัวออกมา แสดงว่ามันยังไม่กลับหรือไม่ก็หลับเป็นตายอยู่ในห้องนอน แต่ไม่น่าใช่อย่างที่สองเพราะถ้าเกิดไอ้คุณคิดจะนอนกลางวันมันจะมานอนกลางบ้านเลยไม่เข้าไปในห้องให้เมื่อย เพราะฉะนั้นอย่างแรกน่ะแหล่ะถูกแล้ว

                    มันติดธุระจริงๆ... หรือแม่งหนีปัญหากันแน่???

                    เออ... จะอะไรก็ช่างมันเถอะ... ผมหันไปหาคนตัวเล็กที่เดินตามเข้ามา พี่เจย์หันมองซ้ายมองขวาอย่างระหวาดระแวง สงสัยจะกลัวผมพามาฆาตกรรมโหดหมกโถส้วม แต่ผมไม่ทำอะไรผิดศีลธรรมอย่างนั้นหรอกครับ ไม่งั้นก็ต้องลำบากเทศบาลให้มาลอกท่ออีก... เอ๊ย... ไม่ใช่... ผมคนดีศรีอ๊ค แทคยอนนะครับ

                    ผมถอนหายใจเบาๆ เวลาแบบนี้ไอ้คุณมันมัวไปแรดอยู่ที่ไหนกันล่ะเนี่ย? นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ผมคิดถึงไอ้คุณสุดขั้วหัวใจ เมื่อไหร่ที่แกกลับมาล่ะก็พ่อจะซัดให้เดี้ยงไปเลยไม่ต้องไปเรียนสักอาทิตย์ แต่ไม่เอาดีกว่า... เดี๋ยวผมจะพลอยต้องรับกรรมต้องจดเลคเชอร์ไปให้ กลายเป็นว่าผมต้องปั่นงานคูณสองเลย ไม่เอาหรอกแบบนี้...

                    “Where’s Khun? (คุณอยู่ไหน?)” ถามได้ตรงประเด็นมากครับพี่... ผมเองก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันน่ะแหล่ะ

                    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะพี่... คันปากยิบๆ อยากจะตอบเป็นบ้า แต่ถ้าเกิดตอบไปพี่แกอาจจะเสยคางเข้าให้ก็ได้ ข้อหาพูดคุยโดยไม่ได้รับอนุญาต พี่เจย์ไม่ได้ถามเพื่อให้ตอบอยู่แล้วล่ะ... โดยเฉพาะกับผม...

                    “I ask you. Answer my question (ฉันถามนาย ตอบมาสิ)” แล้วใครจะไปตรัสรู้ล่ะว่าพี่จะมาอารมณ์ไหน ตอบไปแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวเดี๋ยวก็เจอของดีเข้าให้

                    “I’m sorry, I don’t know (ผมไม่รู้ครับพี่)” ผมตอบ “I’ll call to Khun, please wait (เดี๋ยวผมโทรหาคุณให้ รอเดี๋ยวนะครับ)”

                    “No. I don’t care (ไม่ต้อง... ไม่สน)”

                    เดาไม่ถูกจริงๆว่าจะมาอารมณ์ไหน.....

                    แต่กูอยากโทรนี่หว่า.....

                    “ฮัลโหลคุณ” ในที่สุดผมก็กดโทรไปจนได้ พี่เจย์หันมามองผมแว่บหนึ่งแล้วก็เบือนสายตาไปทางอื่น ยังไม่อยู่ในสายตาเช่นเคยสินะ...

                    “หวัดดีแทค” ไอ้คุณตอบกลับมา เสียงมันดูดี๊ด๊าชอบกล นี่มันไปก่อเรื่องอะไรไว้ที่ไหนรึเปล่าเนี่ย ยังไงก็ตามแต่อย่าให้ฉันโดนหางเลขไปด้วยนะเว้ย

                    “แกอยู่ไหน?” สั้นๆ ง่ายๆ ไม่อ้อมค้อม

                    “อยู่บ้าน”

                    “ที่ฉันสถิตอยู่เนี่ยแหล่ะบ้านแก” (บ้านผมด้วยแหล่ะ...) มันเข้าห้องผิดรึเปล่าเนี่ย

                    “บ้านเพื่อน”

                    “เพื่อนที่ไหน?”

                    “เพื่อนที่สวรรค์” มามุขไหนวะเนี่ย จะเล่นมุขก็บอกกันก่อนดิจะได้รับมุขง่ายๆหน่อย

                    “หน้าอย่างแกน่าจะมีเพื่อนเป็นยมบาล พากันไปทัวร์นรก”

                    “ก็มีแกคนนึงแล้วไง” กูเรอะ... หน้าอย่างกูอ่ะเทพบุตรลงมาจุติโว้ย

                    “ตาไม่ถึงอย่ามาวอน”

                    “กูไม่วอนมึงหรอก... เสียเวลา”

                    ไอ้บ้านิ... ทำไมกวนฟุตขึ้นเป็นกองเลยวะ???

                    “ตกลงแกอยู่ที่ไหน?” วกเข้ามาประเด็นหลักก่อนเรื่องจะเลยเถิด

                    “อยู่ที่บ้าน”

                    “ก็บ้านใครล่ะโว้ย” นี่กูกับเมิงพูดภาษาเดียวกันอยู่ป่าววะ หรือเมิงเพี้ยนหลุดนอกอวกาศไปแล้ว

                    “บ้านของคน...” คนประเภทไหนล่ะเนี่ย ถ้าเกิดเป็นคนบ้าล่ะก็ศรีธัญญาลูกเดียว

                    “ใครล่ะ?”

                    ......... เงียบ..........

                    เฮ้ย.... อย่าบอกนะ.... ว่าน็อกไปแล้ว.....

                    “สวัสดีครับ... ต้องขอโทษจริงๆนะครับ คุณเป็นเพื่อนของคนไข้สินะ?” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงไอ้คุณนิหว่า ขออย่าให้เป็นหมอจิตแพทย์เล้ย เพี้ยง...

                    “คุณเป็นใครครับ?”

                    “ผมเป็นหมอครับ”

                    “หมอ? เพื่อนผมเป็นอะไรครับ?”

                    “เพื่อนคุณถูกรถเฉี่ยว” อ๋อ... รถเฉี่ยวนี่เอง... ค่อยสบายใจหน่อย....

                    เฮ้ย.... รถเฉี่ยว.....

                    แม่งหนักกว่าเป็นบ้าอีกนี่หว่า!!!!!!!

                    มิน่าล่ะ... ไอ้คุณถึงได้ดูเหมือนกับสติไม่สมค่อยประกอบ แต่จะว่าไปเรื่องนั้นไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่เพราะมันบ้าอยู่แล้ว เรื่องที่น่าห่วงก็คือ....

                    “แล้วเพื่อนผมเป็นยังไงบ้างล่ะครับตอนนี้...?”

                    แล้วถ้าเกิดคำตอบ.........

                    “โชดดีหน่อยก็แค่กระดูกแหลก แต่ถ้าโชคร้าย... ก็ซี้ม่องเท่ง”

                    เพื่อนกรู~~~~~~~~~~~~~~~~~

                    “ฮ่าๆๆๆ โธ่เอ๊ย...” หัวเราะอะไรครับคุณหมอ อย่าบอกนะว่าเพื่อนผมอาการหนักมากจนทำให้คุณหมอเพี้ยน “ตอนแรกหมอก็นึกว่าคนไข้จะบาดเจ็บหนักซะอีก แต่ที่ไหนได้... สลบไปแค่ครึ่งชั่วโมงเอง พอตื่นขึ้นมาก็มีอาการดี๊ด๊าอย่างที่เห็นนี่ล่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”

                    ก็นี่ล่ะครับ... เพื่อนผม....

                    จะว่าไปไอ้คุณก็หนังเหนียวใช่ย่อยนะเนี่ย... สมแล้วที่กินเนื้อสัตว์ทุกวัน... (เกี่ยวไหม???)

                    “งั้นก็แปลว่าไม่เป็นอะไรเลยสิครับ”

                    “คุณครับ... แค่รถเฉี่ยวเองนะครับ ถ้าโดนรถชนล่ะว่าไปอย่าง... บาดแผลที่ได้ก็เกิดจากการล้มไปกระแทกกับพื้นถนนเท่านั้นล่ะครับ”

                    “แล้วนี่ผมต้องไปเยี่ยมมั้ยเนี่ย” ถามไปงั้น... ถึงยังไงผมก็ไม่ไปรับอยู่แล้ว ปล่อยให้มันคลานกลับบ้านเองน่ะแหล่ะ

                    “ไม่ต้องหรอกครับ อีกแปปเดียวก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ”

                    อ้าว... แต่ยังไงคนจ่ายค่าพยาบาลก็ต้องเป็นตรูอยู่ดีนิหว่า...

                    “แต่ผมก็ต้องไปจ่ายค่ารักษาสินะครับ”

                    “ไม่เป็นไรครับ... มีคนจ่ายไปแล้ว”

                    “อ๋อ... เหรอครับ” โล่งไป...

                    เหอ?? แล้วใครเป็นคนจ่ายให้ล่ะ???

                    “เดี๋ยวนะครับ... คนจ่ายที่ว่าน่ะใครกันครับ?”

                    “เห็นบอกว่าเป็นญาตินะครับ”

                    ญาติเหรอ? แต่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลของมันอยู่ที่ไทยนี่หว่า??

                    “งั้นขอผมคุยกับคนๆนั้นหน่อยนะครับ”

                    “ได้ครับ.. สักครู่... คุณจาง อูยองครับ...” จาง อูยอง? ชื่อนี้ไม่เห็นจะคุ้น?

                    “ครับ... สวัสดีครับ” เสียงเปลี่ยนไปแล้ว ท่าทางคุณหมอจะยื่นโทรศัพท์ให้คุณจางอูยองคุยแทนล่ะสิ

                    “ผมเป็นเพื่อนนิชคุณน่ะครับ ชื่อแทคยอน คือว่าคุณเป็นใครครับ?”.... สูเป็นไผอ่ะ?

                    “เพื่อนของนิชคุณเหรอครับ? ต้องขอโทษจริงๆนะครับ ยกโทษให้ผมด้วย” แล้วจะมาขอโทษเพื่อ? ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่ได้บอกจะยกโทษให้มันก็แปลกๆนะ

                    “ไม่ทราบว่า... คุณเป็นใครครับ” ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมถามไปแล้วนะ

                    “ผมเป็นคนที่ขับรถชนนิชคุณน่ะครับ ต้องขอโทษจริงๆนะ” เฮ้ยๆ แค่รถเฉี่ยวไม่ใช่เหรอ? “คือผมจ่ายค่ารักษาให้แล้วนะครับเป็นการไถ่โทษ อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

                    โกรธทำไมครับ? ต้องกราบเท้าขอบคุณเสียมากกว่า... คนอย่างไอ้คุณไม่ตายไม่หายบ้าหรอก...

                    “ครับ... แล้วทำอีท่าไหนเพื่อนผมถึงโดนรถเฉี่ยวได้ล่ะ?”

                    “ขอโทษนะครับ” มาอีกละ... ไอ้คำนี้ กระผมไม่ได้ต้องการคำขอโทษครับพ่อคุณเอ๊ย “คือผมไม่ได้มองทาง... ไม่นึกว่าจะมีคนมายืนอยู่กลางถนน แถมดูเหมือนว่ากำลังเหม่ออยู่ด้วย ผมก็กำลังรีบๆอยู่เลยขับรถชนเข้าให้น่ะครับ ขอโทษจริงๆนะครับ”

                    ไอ้คุณ... งานนี้มึงทำตัวเองนี่หว่า....

                    ไปยืนเหม่อกลางถนนให้รถเสยเล่นทำไมวะ???

                    “ครับ... จริงๆแล้วเพื่อนผมผิดเองล่ะ” แล้วยังมีหน้า... ให้เขาจ่ายค่าพยาบาลให้อีกนะ

                    “ไม่หรอกครับ... ผมไม่มองเองล่ะ ผมผิดเองครับ”

                    จะว่าไป... มีคนยืนหัวโด่อยู่กลางถนน... ทำไมแมร่งมองไม่เห็นวะ??

                    “แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงมั่งล่ะครับ?” ห่วงเพื่อนไว้ก่อน... ผมก็เป็นคนดีอย่างนี้แหล่ะครับ

                    “อูยองจ๋า~~~ ปอกแอปเปิ้ลให้หน่อยน้า~~~~~~” เสียงกวนตรีนแบบนั้น... เป็นใครไมได้นอกจาก.....

                    “อย่างที่ได้ยินเมื่อกี้แหล่ะครับ... เดี๋ยวผมขอตัวไปจัดการก่อนนะ” นึกแล้วไม่มีผิด ไอ้คุณมันหาเรื่องใส่หัวชาวบ้านเขาไปทั่วเลยวุ้ย

                    เพื่อนกู.... น่าอนาจจิตจริงเชียะ....

                    “ขอผมคุยกับนิชคุณหน่อยได้มั้ย?” ต้องคุยให้กระจ่างแจ้ง... เดี๋ยวจะมีคนหาว่าเพื่อนกูเป็นบ้า

                    “ได้ครับ... พี่คุณ... คุณแทคยอนขอคุยด้วยแหน่ะ...”

                    “แทคยอนที่หนาย~~~ อั๊วม่ายรู้จาก~~ ปอกแอปเปิ้ลให้กินเดี๋ยวเน้~~~~~” อะไรนะเมิง... หายไปแค่ครึ่งวันนี่เมิงถึงกับจำเพื่อนสนิทมิตรสหายไม่ได้เลยเรอะ

                    “ไอ้เพื่อนเวรตะไลหาดีไม่เจอ!!! เอ็งลืมเพื่อนซี้สุดที่รักคนนี้ไปแล้วเหรอวะ??!!” ผมไม่สนหรอกว่าอูยองจะยื่นโทรศัพท์ให้หูไอ้คุณมันรึยัง ชั่วๆอย่างมันต้องโดนกรอกหูอย่างงี้

                    “อ้าวเพื่อนรัก... แกหายไปไหนมา? แล้วที่รักฉันล่ะ?” ไอ้ชั่ว.... เวลาอย่างงี้ยังมีหน้ามาถามถึงที่รักของแกอีกเร้อ

                    “แกให้ฉันต้องผจญวิบากกรรมคนเดียว ความผิดนี้แกต้องได้รับอย่างสาสมไอ้คุณ”

                    “เหอ? วิบากกรรมอะไรทำไมฉันถึงไม่รู้?” หน้าหนาจริงๆ อย่างงี้น่าซัดซักเปรี้ยงให้หน้ามันบางลงมั่งแล้วค่อยคุย

                    “งั้นคืนนี้นอนที่ระเบียงไปแล้วกัน...” อย่างมันต้องเล่นไม้นี้...

                    “เฮ้ย... ฉันขอโทษนะแทค ฉันขอโต๊ดดดดดด” เผยสันดานออกมาแล้วล่ะสิ

                    “เออๆ แล้วตอนนี้แกเป็นยังไงบ้าง?”

                    “ไม่เป็นไรมาก ก็แค่แผลถลอก”

                    “ฉันไม่ได้พูดถึงแก ฉันหมายความว่าแกไปป่วนอะไรคุณจางอูยองรึเปล่าต่างหาก ตกลงว่าไง?”

                    “ป่วนอะร้าย??? เราออกจะรักใคร่กลมเกลียวกันเป็นลูกบอล ใช่ม้ายล่าอูยอง??” กูไม่เชื่อ... ที่เมิงพูดอ่ะหาเหตุผลไม่เจอเลยจริงๆ

                    “คงงั้นล่ะมั้ง” เสียงของคุณจางอูยองตอบกลับมา ฟังดูก็รู้เลยว่าไม่ได้เต็มใจเลยแม้สักนิดเดียว

                    “นี่คุณอูยองเขาไปเออออห่อหมกกับแกตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?” เอ็งใช้กำลังข่มขู่เอาอ๊ะป่าว

                    “ทำไมวะ?? นี่ฉันจะสนิทกับใครไม่ได้เลยรึยังงาย???”

                    “เปล่า... ฉันแค่จะบอกว่า... คุณอูยองเขาออกจะเป็นคนนิสัยดี”

                    “อะไรของแก? คนหน้าตาดีกับคนจิตใจงดงามน่ะเหมาะกันจะตาย หน้าแมวเหมียวง่าวอย่างแกจะไปเข้าใจอะไร” นี่มันหลอกด่ากูเหรอเนี่ย? อย่างเมิงอ่ะจำใส่กะลาหัวไว้เลยว่าหล่อซะเปล่าแต่ไม่เจียมบอดี้

                    “ฉันอาจจะหน้าเหมือนแมว แต่ฉันก็หล่ออย่างแมวๆนะโว้ย จิตใจงามด้วยไม่เหมือนหล่อแต่หน้าสันดานไม่ให้อย่างแก” ประโยคแรกอาจจะดูแปลกๆไปสักนิด... แต่ประโยคหลังนี่มีเหตุมีผล...

                    “ฉันออกจะเลิศเลอเพอร์เฟ็ค”

                    “ใครเป็นคนบอกกันน่ะ?”

                    “มีแล้วกัน”

                    “แล้วคุณอูยองเป็นคนยังไง?”

                    “น่าร้ากกก น่ารัก”

                    อะไรของมัน???

                    “แก้มอูมๆ ยิ้มสวยด้วยล่ะเออ” ผมพยายามจินตนาการตามมัน อิมเมจมันคนละเรื่องกับพี่เจย์เลยแฮะ...

                    พี่เจย์อ่ะหมวยจ๋า ส่วนอูยองนี่... นึกไม่ออกแฮะ

                    “เอาเหอะ... ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ก็โทรบอกแล้วกันนะเพื่อน เดี๋ยวจะไปรับ”

                    “ไม่เอาอ่ะ... จะกลับกับอูยอง”

                    “นี่แกรบกวนเขากี่เรื่องแล้วเนี่ย?”

                    “เอ... หนึ่ง สอง สาม... ลืมไปแล้วว่ะ”

                    “มากจนนับไม่ถ้วนเลยเหรอเฮ้ย”

                    “อูยองเขาเต็มใจทำ... เพื่อคนรูปหล่ออย่างฉันไงล่ะ” แหวะ... อยากจะอ้วก

                    “งั้นก็ฝากด้วยละกัน อย่าไปก่อเรื่องเข้าล่ะ ออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่ก็โทรบอกด้วย โชคดีนะเพื่อน” ผมบอกลาแล้วตัดสายทิ้งในทันที หันไปชำเลืองมองคนข้างๆเล็กน้อย พี่เจย์ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย... สงสัยว่าพวกมันคุยเรื่องบ้าอะไรกัน

                    “Khun is at the hospital (คุณอยู่ที่โรงพยาบาล)”

                    “What’s the matter? (มันเป็นอะไร?)”

                    “He was attached by a car (เขาโดนรถเฉี่ยว)”

                    “Is he OK? (แล้วตอนนี้มันโอเคอยู่มั้ย)”

                    “Yeah, He’s OK (ก็ดีครับ)” เสียแต่ว่าสมองกลับจนเพี้ยนไปนิดนึงเท่านั้นเอง...

                    “God bless you, Khun (ขอพระเจ้าคุ้มครองนาย... คุณ)” พี่เจย์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่เคยเห็นพี่แกทำท่าทางแบบนี้มาก่อนเลยอ่ะ

                    ห่วงกันมากขนาดนี้เลยเหรอ? ทำไมเราถึงรู้สึกขัดใจนักนะ?

                    “Can you speak Korean? (พี่พูดภาษาเกาหลีได้มั้ยครับ?)” ผมถาม

                    “A little bit (นิดหน่อย)” พี่เจย์ตอบไปพลางทำมือประกอบไปด้วย ผมพยักหน้าเล็กน้อย

                    “พี่เข้าใจที่ผมพูดมั้ย?” ทดสอบดูหน่อยละกัน

                    พี่เจย์พยักหน้าเล็กน้อย...

                    “Try to speak (พยายามที่จะพูดหน่อยสิครับ)”

                    “ฉันเข้าใจ...” ตอบได้ด้วย... งี้ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากยากเย็นอะไรที่จะสอนสินะ

                    “More… (มากกว่านี้อีก)”

                    “Why?? (ทำไม??)”

                    “Jay hyung, I want to help you (พี่เจย์... ผมอยากจะช่วยพี่นะ)”

                    “I told you that I don’t want your help!! (ฉันบอกไปแล้วว่าฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือของนาย!!)”

                    พี่เจย์... ทำยังไงผมถึงจะทำให้พี่เปิดใจให้ผมได้นะ?

    ________________________________________________________________________________

    Talk with Writer :

    ตอนสองมาแล้วจ้า~~!!
    เดี๋ยวจะไปแปลภาษาอังกฤษของตอนที่แล้วให้นะคะ ถ้าใครอ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ
    ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นเลยนะ ขอให้เป็นอย่างนี้ต่อไปอย่างสม่ำเสมอ (ฮี่ๆ ^^)
    ติดตามนะคะ อย่าเลิกรากันไปกลางคันล่ะ สัญญากับไรเตอร์นะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×