คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : Chapter 19 สัญญาณอันตราย
Chapter 19 สัญญาณอันตราย
ก๊อก... ก๊อก...
หลับอยู่งั้นเหรอ?
ผมแนบหูลงกับบานประตูไม้เพื่อฟังเสียงที่ดังจากข้างใน แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรผิดปกติหรือเสียงพูดคุยทั้งนั้น แปลว่าพี่เจย์ที่ตอนนี้อยู่ในห้องกำลังหลับอยู่จริงๆ ผมชั่งใจอยู่หน้าประตูสักพักว่าจะเข้าไปดีมั้ย ถ้าทำอย่างนั้นจะโดนหาว่าเป็นการล่วงล้ำพื้นที่ส่วนบุคคลรึเปล่า ในที่สุดก็เลยตัดสินใจได้ว่า... ไม่เอาดีกว่า ปล่อยให้เขาหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอย่างนี้เนี่ยแหล่ะดีที่สุด
จากนั้นผมจึงปลีกตัวห่างออกมาจากพื้นที่บริเวณหน้าห้องของพี่เจย์แล้วไปนั่งแหมะอยู่บนโซฟา ในขณะที่นิชคุณกำลังเล่นคอมพิวเตอร์อย่างสนุกสนานและตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิงอยู่ที่อีกมุมหนึ่งของห้อง คาดว่ากำลังแชทอยู่กับน้องด้งสุดที่รักของมันกระมัง หนอยไอ้เพื่อนเวร... ได้ทีล่ะทิ้งเพื่อนเลยนะเอ็ง ลองมาเป็นฉันมั่งสิฟะจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วนรกมันเป็นยังไง รักสามเส้าที่กำลังจะเพิ่มมาเป็นสี่เส้ามันหนักหัวสมองอันฉลาดหลักแหลมของฉันจนจะเป็นบ้าอยู่แล้วนะเฟ้ย!!
บ่นไปก็ไม่ได้สาระอันใดขึ้นมา... ยังไงก็ไม่มีใครรับฟังเสียงนกเสียงกาของเราอยู่แล้ว เอาเวลาที่เสียไปมาดูทีวีดีกว่า แก้เซ็งได้ดีกว่ากันเยอะ
แต่ที่ผมคิดไว้มันผิดถนัด... ผมยกรีโมทขึ้นมาและกดเปิดทีวีด้วยความเซ็งสุดแสนจะบรรยาย และยิ่งเซ็งหนักมากขึ้นไปอีกเมื่อช่องที่ผมเปิดขึ้นมานั้นเป็นช่องที่กำลังถ่ายทอดข่าวบันเทิงพอดี และถ้าพูดถึงวงการบันเทิงก็คงจะขาดใครไปไม่ได้... นอกจากผู้หญิงคนนั้นที่เป็นดารานักแสดงหญิงมือหนึ่งที่แสดงละครได้แนบเนียนซะยิ่งกว่าเรื่องจริงเสียอีก ความจริงข้อนี้ผมเคยพิสูจน์มาแล้ว ใช่ครับ... เจสสิก้า จองซูยองนั่นเองไม่ใช่ใครอื่น
ผมกำรีโมทแน่นโดยที่ไม่ได้ตั้งตัว พอเห็นหน้ายัยเป็ดนั่นแล้วก็พลันรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันตาเห็น มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ส่วนหนึ่งผมรู้ว่าเป็นเพราะว่าผมหึงเขาที่ยัยเป็ดนั่นชอบ... และอีกส่วนหนึ่ง ค่อนข้างมั่นใจว่าจะเป็นเพราะความหมั่นไส้ส่วนตัว
“คุณเจสสิก้าครับ เร็วๆนี้มีข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคุณและลีทงเฮแห่งวงซูเปอร์จูเนียร์ ไม่ทราบว่ามันมีความเป็นมายังไงกันครับ” นักข่าวหนุ่มไฟแรงคนหนึ่งกล่าวถามขึ้นเสียงใส ชั่วแว่บหนึ่งผมสังเกตเห็นว่าสายตาของยัยเป็ดนั่นตวัดกลับมามองนักข่าวคนนั้นอย่างกินเลือดกินเนื้อ แต่ก็เพียงแค่แว่บเดียวจริงๆจนแทบจะมองไม่ทัน ถ้าไม่ใช่คนที่เพิ่งจะผ่านประสบการณ์ที่ว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ” มาแหม่บๆอย่างผมล่ะก็คงจะไม่สังเกตหรอก
“อ่อ... ถ้าเรื่องเกี่ยวกับพี่ทงเฮนะคะ เราสองคนก็เป็นแค่พี่น้องกันเท่านั้นน่ะแหล่ะค่ะ เพราะพี่ทงเฮอยู่กองถ่ายละครเรื่องเดียวกันกับเจส เราเลยสนิทกันเหมือนกับพี่น้องจริงๆเลย คงจะเข้าใจกันนะคะ” เจสสิก้ากล่าวตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล รอยยิ้มหวานจ๋อยถูกส่งให้นักข่าวทั้งหลายที่ยืนออกันอยู่ตรงเบื้องหน้า แต่ในสายตาลึกๆของเธอนั้น... น่าเสียวสันหลังสุดจะบรรยาย
แหงสิ... คนในวงการบันเทิงมีหรือที่จะยอมรับกันตรงๆน่ะว่ารักชอบกันอยู่ แถมมันคงจะดูไม่ดีเท่าไหร่นักเพราะว่าเธอประกาศออกมาตรงๆต่อหน้าของผมแล้วว่าเธอชอบพี่เจย์และไม่ยอมให้ไอ้แมวหน้าไหนคาบไปกินก่อนเธอแน่ๆ เฮ้อ... คิดแล้วก็เครียดขึ้นมาจับใจ
“เปลี่ยนช่องดีกว่า” ผมรีบกดรีโมทเปลี่ยนช่องทันทีที่นึกได้ และดูเหมือนว่าด้วยอารมณ์ด้านลบที่พลุ่งพล่านมันทำให้ผมออมแรงไม่เป็น ผมกดปุ่มอย่างรุนแรงเสียจนปุ่มบนรีโมทเกือบบุบ
“หาวว... อรุณสวัสดิ์ ข้าวเช้าวันนี้อะไรวะแทค?” พี่เจย์ที่คาดว่าเพิ่งจะตื่นนอนเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางสะโหลสะเหล เขาอ้าปากหาวไปพลางเกาหัวแกร่กๆไปด้วย ช่างเป็นภาพที่พาลทำให้เจ้าตัวเสียภาพพจน์ดีชะมัด อะฮ้า... อย่างนี้ต้องถ่ายรูปไว้แบล็คเมล์ ถึงจะเดินออกมาด้วยสภาพเหมือนเพิ่งขุดขึ้นมาจากที่นอนอย่างนี้แต่ยังไงก็ดูน่ารักในสายตาของผมอยู่ดีนะ ฮ่าๆ
“มองอะไร? เดี๋ยวโดนเสยคางหรอกไอ้แมวนี่นิ” เพราะคำพูดนั้นของพี่เจย์ทำให้ผมแทบจะถอนสายตาไม่ทัน โคตรโหดดด... เดี๋ยวนี้หมวยของผมชักจะโหดจนน่ากลัวซะแล้วสิ แต่เอาเถอะ... โหดๆอย่างนี้แหล่ะดูน่ารักดีออก
“ผมเปล่ามองน้า... แค่สายตามันบังเอิญมองไปทางพี่พอดีต่างหาก” ผมแก้ตัวออกไปน้ำขุ่นๆ จะให้พี่เขารู้ได้ยังไงกันล่ะว่าผมแอบมองเขาตลอดมา ว้ากก... เลี่ยนเกินๆ
“นิชคุณ เลิกเล่นคอมได้แล้ว เดี๋ยวสายตาเสีย” พี่เจย์หันกลับไปดุนิชคุณที่นั่งจุ้มปุ้กอยู่หน้าจอคอมเป็นเวลานาน แต่เจ้าตัวดีก็ยังคงทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินอะไร เสียงกดแป้นคีย์บอร์ดดังกริ๊กๆดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอ เพราะเสียงนั่นและท่าทางแบบนั้นของนิชคุณทำให้พี่เจย์เริ่มของขึ้น ชักจะท่าไม่ดีซะแล้วสิ... ต้องรีบหาทางชิ่งหนีเพื่อไม่ให้โดนลูกหลง
“นิชคุณ ฉันเตือนนายเป็นครั้งที่สอง เลิกเล่นคอมซะ!!” พี่เจย์เริ่มที่จะขึ้นเสียง แต่เจ้าตัวดีก็ยังคงนิ่ง คุณเอ๊ยย... แกทำผิดอย่างมหันต์ไปซะแล้วล่ะ รู้ไว้ซะด้วย
“Are you deaf?!! I said turn off the computer!!!!!” เริ่มแล้วไง... พี่เจย์ตวาดลั่นขึ้นด้วยภาษาอังกฤษที่เจ้าตัวถนัดก่อนที่จะมุ่งหน้าเดินไปหาเจ้าตัวดีที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทันที นิชคุณแทบจะถอดหูฟังออกแล้วปิดคอมแทบไม่ทัน ไม่อย่างนั้นคอมสุดที่รักของมันคงจะต้องโดนทุบแหลกสลายไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว... ครั้งนี้คอมพิวเตอร์แกโชคดีว่ะคุณ แต่แกอ่ะอับโชคแน่นอน
“W
What??” นิชคุณถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ขนาดผมอยู่ตรงนี้ยังเสียวสันหลังว่าบๆเลย แล้วคนที่อยู่ต่อหน้าอย่างนิชคุณจะเป็นยังไงบ้างนะ ยังไงก็เถอะ... ขอให้แกโชคดีแล้วกันนะไอ้คุณ
ผมวางรีโมทลงแล้วผุดลุกขึ้นจากโซฟาอย่างเงียบเชียบ รีบสาวเท้าเดินห่างออกมาจากเขตอันตรายทันทีเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องโดนลากเข้าไปมีเอี่ยวด้วย หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงโวยวายของพี่เจย์ซึ่งเป็นภาษาเกาหลีปนอังกฤษดังตามมาเป็นระยะๆ ดีเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น...
กิ๊ง... ก่อง... กิ๊ง... ก่อง...
เสียงออดหน้าบ้านอันเป็นเสียงที่ผมจำได้ดีดังขึ้น ผมเอี้ยวตัวมองไปยังหน้าประตูเล็กน้อยอย่างสงสัยก่อนที่จะมุ่งหน้าเดินไปเปิดทันที ใครมาเอาเวลานี้กันนะ
“ใครครับ?” ผมถามพร้อมเปิดแง้มประตูบ้านออกไป ผู้ที่ปรากฏอยู่ที่เบื้องหน้าของผมคือรปภ.ประจำหอพักของผมนี่เอง ว่าแต่เขามาทำอะไรที่นี่กันนะ... หรือว่านิชคุณเพื่อนผมจะไปทำอะไรขัดหูขัดตาเขาเข้า? หรือว่าหน้าตาของผมมันหล่อเลิศโดดเด่นเกินหน้าเกินตาทำให้เขารู้สึกหมั่นไส้? หรือว่า... หรือว่า...
“พอดีมีคนฝากของมาให้น่ะครับ” คุณรปภ.ไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อเขาเห็นว่าผมทำหน้าสงสัยใส่เขาอย่างนั้นเขาก็เลยไขข้อสงสัยให้ทันทีอย่างไม่ต้องให้ถามก่อน ช่างเป็นรปภ.ที่รู้งานรู้การดีเสียจริง
“เหรอครับ? ใครครับ?”
“ไม่รู้ครับ... เขาแค่บอกกับผมว่าฝากให้คุณปาร์คแจบอมที่อยู่ห้อง 304 นี้ด้วย”
“พี่เจย์...?” ผมพึมพำออกมาเสียงเบาหวิว พลันในตอนนั้นก็นึกหน้าของใครบางคนออก หรือว่า... ยัยนั่น “ที่เขาฝากมาให้คุณปาร์คแจบอมน่ะคืออะไรกันครับ”
“นี่ครับ” เขายื่นสิ่งนั้นให้ตรงหน้าผม มันเป็นกล่องพัสดุสีขาวขนาดเล็กแถมยังแบนราบ ผมรับมันมาอย่างงงๆ ยัยนั่นมันส่งอะไรมาให้กันแน่นะ
“ขอบคุณครับ”
“งั้นผมขอตัวครับ” รปภ.กล่างพร้อมตะเบ๊ะให้ผมอย่างขยันขันแข็งจนผมอดที่จะทำท่าตะเบ๊ะตอบไปโดยอัตโนมัติไม่ได้ รปภ.ที่นี่ดูท่าทางจะเอาการเอางานกันดีจริงๆ
ผมพลิกวัตถุแปลกประหลาดที่ไร้ที่มานั่นด้วยความสงสัยปนระหวาดระแวง ให้ตายเถอะ... ยัยนั่นส่งอะไรมากันแน่นะ แต่ปัญหาก็คือยัยนั่นจะเป็นคนที่ส่งมาจริงๆรึเปล่าเหอะ
“หือ? การ์ด?” ผมกล่าวขึ้นเมื่อพบกับแผ่นกระดาษเล็กๆที่ห้อยต่องแต่งติดไว้ตรงมุมพัสดุ ผมเปิดมันออกและอ่านเนื้อความข้างในด้วยความสนอกสนใจ
‘ช็อกโกแลตของดีจากเบลเยี่ยม... หวังว่าจะชอบนะคะ... เจสสิก้า...’
แกร่บ...
ฝ่ามือของผมที่ถือการ์ดอยู่นั้นกำเข้าหากันโดยทันทีทั้งๆที่ยังอ่านเนื้อความไม่ทันจบซะด้วยซ้ำ นี่ยัยเจสสิก้านั่นอุตส่าห์ลงทุนซื้อช็อกโกแลตมาให้พี่เจย์เลยเหรอเนี่ย แถมยังเป็นของแท้จากเบลเยี่ยมอีก อย่างนี้มันจะเกินไปมั้ย??
“นั่นอะไรน่ะแทค??” เสียงที่ดังตามหลังขึ้นมานั้นทำให้ผมรีบเอามือไขว้หลังทันทีด้วยความตกใจ ผมหันไปยิ้มแหะๆให้กับพี่เจย์ ส่วนเขาใช้ตาเฉี่ยวๆของเขาจ้องเขม็งมองตรงมาทางผมอย่างระหวาดระแวง แล้วอย่างนี้จะให้โกหกยังไงดีล่ะเนี่ย
“อ่ะ... พี่เจย์กินข้าวเสร็จแล้วเหรอครับ?” ผมรีบเบี่ยงประเด็นไปถามเรื่องอื่นแทน เผื่อว่ามันอาจจะทำให้เขาเลิกสนใจกับสิ่งที่อยู่ในมือของผมตอนนี้ แต่มีเหรอ...
“เอามาให้ฉันดูซิ” เมื่อพี่เจย์เห็นว่าผมมีท่าทางเหมือนจะไม่ยอมให้สิ่งนั้นในมือกับเขาง่ายๆเขาก็เอื้อมมืออกมาหวังจะแย่งไปในทันที ฝันไปเถอะ... คนแขนสั้นๆอย่างพี่น่ะคิดรึว่าจะแย่งอะไรมาจากผมได้??
“อ๊ะ” ผมเอี้ยวตัวหลบทันทีเมื่อเห็นเขายื่นแขนออกมา พี่เจย์กัดปากอย่างเจ็บใจก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้วิธีการตวาดแว้ดใส่แทน
“นี่!! ขอดูนิดเดียวไม่ได้รึไง??” พี่เจย์ตวาดลั่นด้วยความโมโห “มันสำคัญขนาดให้ฉันจับต้องไม่ได้เลยเหรอ??”
อ๋า... อย่าเพิ่งเข้าใจผิดน้า... สำหรับผมพี่อ่ะสำคัญที่สุดในโลกอยู่แล้ว...
“อ่ะ... อ๊า... มันไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่” ผมแก้ตัวออกไป ในขณะเดียวกันหัวสมองก็พยายามคิดหาเหตุผลข้างๆคูๆมารองรับแทบตายจนหัวสมองแทบแตก แต่... ทำไมคิดไม่ออกฟะ? คิดให้ออกสิเฟ้ยหัวสมองอันฉลาดหลักแหลมของฉัน!!
“ทำไม? มันคืออะไรงั้นเหรอ?? ถ้ามันสำคัญจริงๆก็บอกมาเซ่ว่ามันคืออะไร??!!” เวรล่ะ... หมวยของขึ้น จ๊ากก อย่าเพิ่งโมโหผมเลยนะพี่ อ๊คแทคยอนคนนี้รักพี่คนเดียวนะไม่มีใครอื่นนน
“มันคือ... อ๋อ!! มันคือคางคกตากแห้งแบบแบนน่ะครับ พี่คงไม่อยากดูร้อกของแบบเนี้ย!!”
คิดหาเหตุผลได้... สร้างสรรค์ดีมาก
“จริงม้า พี่คงไม่อยากดูหรอก หรือจะดูก็ได้นะ... อ่ะ ผมให้ เชิญเปิดดูตามสบาย” ผมกล่าวไปอย่างนั้นเพื่อเพิ่มความสมจริงสำหรับข้ออ้างมากขึ้น ทั้งๆที่หัวใจมันเต้นตุ้มๆต่อมๆมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ถ้าเกิดพี่เจย์ชอบของแปลกขึ้นมาล่ะ... ซวยแท้ๆเลย เป็นเรื่องแน่...
“อึ๋ย!! ไม่เอาอ่ะ เอาไปไกลๆเลยนะ!!!” เห็นมั้ย ผมบอกแล้ว... ใครเห็นก็ต้องอี๋แหย่ะเป็นธรรมดา แต่หารู้ไม่ว่าเนื้อในของมันน่ะเป็นช็อกโกแลตแท้ๆจากเบลเยี่ยมเลยทีเดียวเชียว ผมขอโทษนะพี่เจย์... แต่ผมมีเหตุผลที่จะให้สิ่งนี้กับพี่ไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆ บอกแล้วไม่เชื่อ” ผมหัวเราะร่าอย่างสะใจ การได้แกล้งพี่เจย์เป็นอะไรที่มีความสุขซะจริงๆ
“เชอะ ฉันไม่คุยกับนายแล้ว!!! ไปอาบน้ำดีกว่า” พี่เจย์ตวาดแว้ดด้วยความไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะทำท่ากระฟัดฟระเฟียดเดินเข้าห้องของตัวเองไป เมื่อเห็นว่าประตูถูกปิดลงแล้วผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เฮ้อ... รอดตัวไป
ปัญหาก็คือ... จะจัดการกับไอ้เจ้านี่ยังไงดีนะ?
ส่งมันลงกระเพาะตัวเองซะเลยดีมั้ย? ไม่ดีๆ ถึงมันจะเป็นช็อกโกแลตแท้หอมหวานแถมยังน่าอร่อยขนาดไหนก็ตาม แต่ยังไงๆสิ่งนี้มันก็เป็นของศัตรู เราจะกินมันไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถึงกระเพาะมันจะทรยศขนาดไหนก็เถอะ... เห้ออ... ชีวิตช่างเศร้า ทั้งๆที่ครั้งนี้น่าจะเป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่ผมจะได้ลิ้มรสช็อกโกแลตจากเบลเยี่ยมนะเนี่ย ช่างเป็นเรื่องที่น่าสลดใจเสียจริง อ๊ากกก เสียดายโว้ยยย
“บ๊ายบาย เจ้าช็อกโกแลต ถือซะว่าครั้งนี้เราไม่มีวาสนาต่อกันก็แล้วกัน” ผมส่งมันลงถังขยะไปอย่างอาลัยอาวรณ์ กระซิกๆ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยนะเนี่ยที่ผมนึกเสียดายมากมายขนาดนี้ นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อพี่เจย์ล่ะก็... ผมก็คงจะจัดการส่งมันลงไปให้น้ำย่อยในกระเพาะย่อยหมดแล้วนะเนี่ย
ไม่เป็นไรครับ ถ้าเพื่อเขาแล้ว... ผมยอมเสียช็อกโกแลตเบลเยี่ยมไปดีกว่า
ถึงจะเสียดายนิดๆก็เหอะ...
อืม... ช่างมันเถอะ มันก็แค่ช็อกโกแลตราคาแพงแค่นั้นเอง ไอ้อร่อยก็อร่อยอยู่หรอกนะ แต่มันก็เป็นสิ่งที่หาได้ตามท้องตลาดทั่วไปน่ะแหล่ะ ไม่เหมือนกับพี่เจย์... คนๆนี้ผมไม่สามารถหาที่ไหนได้อีกแล้ว คนที่ผมล็อกหัวใจเอาไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอกัน ผมจะไม่ยอมเสียเขาไปแน่
ว่าแล้วก็ไปง้อดีกว่า... พี่เจย์ยิ่งขี้งอนอยู่ด้วย ฮ่าๆ ไม่เป็นไร วันนี้ผมมีแผน
“พี่เจย์ วันนี้ออกไปด้วยกันนะ” ผมเปิดประตูผ่างออกไปโดยลืมที่จะเคาะประตูขออนุญาตจากเจ้าของห้องเสียก่อน ด้วยความที่เห็นว่าประตูไม่ได้ล็อกอยู่ผมเลยถือวิสาสะเปิดเข้าไปเลยด้วยความเคยชิน ปรากฏว่า... “พี่เจ.......”
“เฮ้ย!!! ไอ้บ้า!!! ใครอนุญาตให้เข้ามาตอนนี้!!!!” พี่เจย์สะดุ้งโหยงสุดตัวก่อนที่จะหันกลับมาตวาดแว้ดเสียงสูงใส่ผม แก้มของเขากลายเป็นสีแดงระเรื่อ ภาพที่ปรากฏให้ผมเห็นเป็นที่ประจักษ์ตาในตอนนี้นั้น... คือภาพของพี่เจย์ที่ยังคงใส่เสื้อผ้าไม่เสร็จ ท่อนบนของเขานั้นเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างสวมเพียงแค่บ็อกเซอร์สีน้ำเงินตัวเดียวเท่านั้นเอง
“ข... ขอโทษครับ!!!” ก่อนที่เลือดกำเดาจะไหลออกมาจากจมูก ผมรีบยกมือขึ้นปิดตาทันทีโดยอัตโนมัติถึงแม้ว่าที่จริงแล้วจะนึกเสียดายที่ไม่ได้เห็น แต่ถ้าเกิดผมไม่รีบบดบังทัศนวิสัยของตัวเองเดี๋ยวนี้ล่ะก็ผมคงจะต้องโดนเจ้าตัวอาละวาดใส่แน่ๆเลย “ผม... ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ผมแค่เห็นว่าประตูมันไม่ได้ล็อกก็เลยเข้ามาเท่านั้นเอง ไม่ได้อยากดูอะไรของพี่เลยจริงๆนะ”
แต่... ก็โชคดีเหมือนกันนะเนี่ยเรา
ผมได้ยินเสียงรูดซิบอะไรบางอย่างดังขึ้น ถึงจะไม่ได้เห็นภาพแต่ผมก็เข้าใจว่าตอนนี้พี่เจย์คงจะสวมใส่กางเกงเสร็จแล้ว ผมค่อยๆลดมือลงอย่างช้าๆ ตอนนี้พี่เจย์อยู่ในชุดเสื้อยืดสีดำเรียบๆกับกางเกงยีนส์ที่มีรอยขาดอยู่เต็มไปหมด ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามันเป็นแฟชั่น สงสัยว่าพี่เจย์คงจะใช้งานส่วนล่างมากเกินไปแน่ๆกางเกงมันถึงได้เป็นรอยขาดๆแหว่งๆอย่างสมบุกสมบันแบบนั้น
“ฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรนายหรอกนะ ส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะฉันเลินเล่อเองน่ะแหล่ะ” พี่เจย์กล่าว แต่ผมว่านะ... ความเลินเล่อของพี่เจย์แบบนั้นน่ะดีแล้ว เพราะมันทำให้ผมได้ดูอะไรที่ชวนทำให้เลือดกำเดาไหลจริงๆ “แล้วนายมีธุระอะไรเหรอ?”
“อ๋อ คือว่า... วันนี้ผมจะชวนพี่ไปที่ไหนสักแห่งนึงน่ะ” ผมเกาท้ายทอยแกร่กๆอย่างเคอะเขินในขณะที่กล่าวออกไป การได้ชวนเขาไปทำอะไรสักอย่างกันสองต่อสองมันทำให้ผมรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ผมชวนเขาไปไหนมาไหนตั้งหลายครั้งแล้ว คงเพราะว่า... พี่เจย์น่ารักเกินไปล่ะมั้ง “ได้มั้ย วันนี้พี่ว่างใช่มั้ยครับ”
“ก็... ยังไม่ได้มีนัดอะไรกับใครหรอก” คำๆนั้นทำให้ผมสะดุดกึก
“แปลว่า... หลังจากนี้อาจจะมีใครโทรมานัดเหรอครับ?” ผมกล่าวด้วยเสียงตะกุกตะกัก จริงสิ เพราะช่วงนี้อาจจะมีอะไรยุ่งๆเข้ามามากเกินไปทำให้ผมลืมนึกถึงผู้ชายคนนั้นไปเสียสนิท ผู้ชายคนนั้นที่เป็นคนสำคัญของเขา... จุนโฮ
“...” พี่เจย์เอียงคอมองหน้าผมด้วยสีหน้างงๆ “ไม่หรอก แล้วนายจะพาฉันไปไหนกันล่ะ”
“คือเรื่องนั้น...” ผมกล่าวตอบไป “คือผมเห็นมานานตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ว่าพี่น่ะว่ายน้ำไม่เป็น”
“...?”
“วันนี้ผมเลยคิดว่า... จะพาพี่ไปสระว่ายน้ำน่ะครับ”
“สระว่ายน้ำ??” พี่เจย์ทำหน้าขยาดๆ “จะบ้าเหรอ ถ้าฉันลงว่ายฉันก็จมน่ะสิ!”
“ไม่หรอกครับ ถ้ามีผมอยู่” ผมยิ้มอย่างสบายอกสบายใจที่ได้กล่าวคำนั้นออกไป มีโอกาสไม่มากนักหรอกที่ผมจะได้พูดคำๆนี้กับเขา “เอาเป็นว่า เดี๋ยวผมช่วยสอนพี่ให้เองแล้วกันนะครับ”
“แล้วถ้าเกิดฉันจมน้ำขึ้นมาล่ะ ฉันยิ่งเฟอะฟะอยู่ด้วย”
“ไม่ต้องห่วงนะพี่เจย์” ผมยื่นมือออกไปแตะไหล่ของเขา พยายามเก๊กหน้าให้ดูเหมือนพระเอกแสนดีในละครให้มากที่สุด แต่ในใจกลับส่งเสียงร่ำร้องอย่างบ้าคลั่ง อ๊าคค... มีความสุขจริงว้อยย
“ผมเคยสัญญาไว้แล้วนี่ ว่าผมจะเป็นคนปกป้องพี่เองนะ” ผมกล่าวออกไป อา... รอเวลาที่จะได้พูดคำนี้มานานแล้ว “เพราะฉะนั้นอย่าเป็นห่วงไปเลยนะครับ”
“อ... ไอ้บ้า...” พี่เจย์ก้มหน้ามุดดินด้วยความเขินอาย แหม... พอเห็นเจ้าตัวทำท่าทางน่ารักๆแบบนี้รู้สึกอยากจะเข้าไปกอดแล้วหอมสักฟอดนึงจริงๆเลยโว้ย แต่ไม่ได้ๆ เราต้องอดทนรอไปก่อน รอวันที่เราจะอยู่ในฐานะท่าสามารถทำเช่นนั้นได้อย่างสบายใจ
“ตกลงไปนะ?”
“เออ ไปก็ไป”
______________________________________________________________________________
ความคิดเห็น