ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic 2PM TJ & KD & CH] Hyung, Can we be more than friend?

    ลำดับตอนที่ #20 : Chapter 15 ศัตรูตัวที่สองมาแล้ว

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 53


    Chapter 15 ศัตรูตัวที่สองมาแล้ว


                    หลังผ่านพ้นสองอาทิตย์ที่แสนทรหดจากการป่วยเป็นไข้ที่ได้นางพยาบาลสาว (?) สวยหมวยสุดๆมาคอยดูแลแบบถึงเนื้อถึงตัว ผมก็ได้ออกมาโลดแล่นภายในโลกกว้างได้ดังเช่นปกติ และวันนี้เพื่อฉลองการหายป่วย ผมก็ได้ควงพี่เจย์ออกมาเที่ยวในย่านตลาดสวยหรูตามประสาคู่ใหม่ปลามัน (ทึกทักเอาเอง) ใครๆเห็นเป็นต้องอิจฉาตาร้อน หึๆ ก็หมวยของผมออกจะน่ารักขนาดนี้ ใครไม่หลงก็บ้าแล้ว ผมคนหนึ่งล่ะที่หลงในความหมวยนั้นเสียจนหัวปักหัวปำ ถ้าว่ากันตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานปี 2553 แล้วแบบนี้จะเรียกว่า เดท ใช่มั้ยนะ?? แต่จะเรียกว่าเดทได้อย่างเต็มปากเต็มคำรึเปล่าผมเองก็ยังไม่รู้เพราะเจ้าตัวอาจจะไม่ได้คิดมากเช่นนั้น แต่ไม่เป็นไรครับ... ผมเป็นคนชอบคิดเองเออเอง เป็นอันสรุปว่าเรามาเดทกัน

                    อา... ถึงจะไม่ใช่เดทก็เถอะ แต่การได้ออกมาเที่ยวแบบสองต่อสองกับพี่เจย์เนี่ยมันดีจริงๆเลย

                    ขอแค่อย่างเดียว... ขอแค่ไม่มีตัวป่วนอย่างลีจุนโฮก็เพียงพอแล้ว... ขอแค่นั้นเองนะ...

                    พี่อยากได้อะไรมั้ยครับ? ผมถามขึ้น พลางเกิดเสียงดังลั่นขึ้นมาในใจ... ถึงจะต้องทุ่มสุดตัวเราก็จะต้องพิชิตใจผู้ชายคนนี้ให้ได้!!

                    ไม่อ่ะ ตอบได้อย่างแล้งน้ำใจสุดๆเลยจริงๆเชียว... อ็คแทคยอนช้ำในนะเนี่ย

                    ไม่อยากได้อะไรจริงๆเหรอ ผมจะซื้อให้พี่เองนะ ยังคงเซ้าซี้ต่อไปอย่างไม่ละความพยายาม ด้วยเหตุผลที่ว่า... ผมอยากเสียเงิน (ถ้าได้ทำเพื่อพี่เจย์อะไรๆผมก็ยอมทั้งนั้น)

                    แล้วนายจะเซ้าซี้ทำไมเนี่ย? อ๊ะ... เปล่านะ ถามจริง... นี่นายคิดอะไรกับฉันรึเปล่าเนี่ย

                    ก็... เปล่าซะหน่อย ผมเบือนหน้าหนีหลบสายตาคาดคั้นที่จ้องมองตรงมาเขม็ง ถึงยังไง... ตอนนี้ก็ยังให้รู้ไม่ได้ ว่าแต่ว่า... เรื่องของจุนโฮล่ะครับ

                    หา?

                    ที่ออกมากับผมได้แบบนี้แปลว่าวันนี้จุนโฮไม่ได้โทรมานัดไปไหนเหรอครับ?

                    พี่เจย์เอียงคอมองอย่างงงๆ ก่อนที่จะนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ แล้วนายเกี่ยวอะไรด้วย

                    ผมย่นคิ้วอย่างมีน้ำโห... อ๋อ ใช่สิ คนอย่างผมมันมีสิทธิ์อะไรไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของ ว่าที่แฟน ของพี่กันล่ะ?

                    ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย... ทำไมมีแต่ผม

                    อ๋อ เหรอครับ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ด้วยความที่เริ่มจะอารมณ์เสียทำให้ผมเผลอตัวกระแทกเสียงตอบกลับไป ยิ่งคิดผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี... ไอ้เรื่องพรรค์นี้ผมอยากจะลืมๆมันไปซะจริงๆเลย ผมพึมพำออกมาเสียงเบาหวิว ยังไงๆก็ไม่มีสิทธิ์อยู่แล้วนี่...

                    ... พี่เจย์ขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด เขาจ้องมองมาทางผมนิ่ง สายตาเย็นชาที่เปรียบดั่งเข็มเล่มเล็กๆแต่กลับมีจำนวนมากทิ่มแทงหัวใจของผม ถึงแม้จะเป็นเพียงการแสดงออกจากการกระทำ... แต่มันเจ็บไม่แพ้คำพูดเลย

                    ผมถอนหายใจออกอย่างแผ่วเบาด้วยความเหนื่อยล้า... ช่างมันเถอะ....

                    เราไปหาอะไรกินกันเถอะ ท่าทางพี่คงจะหิวแล้วใช่มั้ยล่ะครับ?

                    แล้วในตอนนั้นก็มีอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาด้วยเร็วแสงมาทางพวกผม และไม่รู้ว่าด้วยความที่พุ่งมาด้วยความเร็วหรืออย่างไรทำให้เจ้าสิ่งที่ว่านั้นไม่ได้สังเกตเห็นอะไรที่กำลังยืนหัวโด่เป็นตอไม้อยู่ตรงนี้ หลังของผมถูกกระแทกอย่างแรงจนเกิดเสียงดังปั้กและเอนตัวเซไปตามแรงจนเกือบล้มหัวทิ่มพื้น โอ๊ยยย มันเจ็บนะเฟ้ยไอ้เบื้อก!! ขอดูหน้าหน่อยเหอะนะว่าแกเป็นใคร?!!

                    แทค เป็นไงบ้าง? พี่เจย์วิ่งรี่เข้ามาหาผมแล้วถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง อา... ความน่ารักของพี่ช่างวิเศษจริงๆ สามารถทำให้อาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวหายได้เป็นปลิดทิ้ง

                    ไม่เป็นไรครับ... ผมยิ้มตอบ แค่เห็นหน้าพี่ผมก็หายแล้ว... อิอิ

                    คุณครับ... คุณเป็นยังไงบ้าง?หลังจากนั้นพี่เจย์ก็หันไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามานั่งยองๆทำท่าคุดคู้อยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมดูไม่ออกว่าเธอเป็นใครกันแน่เพราะเธอก้มหน้าลงและกุมหัวด้วยความเจ็บปวดทำให้ผมยาวเหยียดตรงสีน้ำตาลทองของเธอนั้นสยายลงมาปิดบังใบหน้าไว้เสียหมด แต่เรื่องนั้นจะเป็นยังไงก็ช่าง... แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอารมณ์เสียกับผู้หญิงคนนี้เสียจริงๆ

                    เพราะอะไรน่ะเหรอ?... ก็เพราะผมหึงน่ะสิ!!!

                    พี่เจย์ประคองเธอให้ลุกขึ้นราวกับเป็นแก้วบางที่อาจจะแตกหักได้ง่ายๆ และถามเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความห่วงไยอย่างไม่ปิดบัง ผมรู้ดีครับว่าพี่เจย์น่ะทำตัวดีและสุภาพกับทุกคน แต่เพราะเขาเป็นอย่างนั้นจึงทำให้ผมรู้สึกหึงได้ง่ายๆ ผมไม่ชอบแบบนี้เลยจริงๆนะ!!

                    คุณครับ เป็นยังไงบ้างครับ? ให้ผมช่วยมั้ย? ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นที่ไม่ได้ตั้งใจให้มันออกมาเป็นแบบนั้น จิตใต้สำนึกลึกๆภายในใจของผมปฏิเสธผู้หญิงคนนี้อย่างเต็มที่และพร้อมที่จะขยุ้มคอหอยเธอได้ทุกเมื่อ แต่ผมก็พยายามเก็บอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นไว้ภายใต้ใบหน้าที่ฉาบไปด้วยรอยยิ้ม ผมเข้าไปประคองแขนของเธออีกข้าง... ใจจริงอยากจะบีบมันให้หักไปซะตรงนี้เลยเสียมากกว่า แต่ผมเป็นผู้ชาย จะไปรังแกผู้หญิงได้ยังไงกันล่ะ สายตาของผมจึงเบนไปสนใจที่พี่เจย์แทน

                    เมื่อพบว่าพี่เจย์กำลังจับแขนของผู้หญิงคนนั้นอย่างแผ่วเบา... มือของผมก็เกร็งกระตุกขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

                    โอ๊ยย เจ็บนะ!!” ผู้หญิงคนนั้นส่งเสียงร้องออกมา โอ้ เจ็บเหรอ... ขอโทษทีนะ พอดีไม่ได้ตั้งใจ แต่จิตใต้สำนึกมันบอกมาว่าให้ทำอย่างนั้น

                    ขอโทษครับๆ ผมกล่าวขอโทษขอโพยทันทีที่สบกับสายตาไม่พอใจภายใต้แว่นกันแดดสีดำของเธอ ทั้งๆที่ลึกๆก็แอบสะใจอยู่ไม่น้อย

                    คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ? พี่เจย์กล่าวถามออกมาอีกครั้ง สายตาของเขาที่จ้องมองผู้หญิงคนนั้นทำให้ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาโดยใช่เหตุ ถึงจะใจดีกับทุกคนก็เถอะ... แต่นี่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยแล้วนะ

                    ไม่ค่ะ ผมหญิงคนนั้นหันขวับกลับไปยิ้มให้อีกฝ่าย หนอย... มารยาร้อยเล่มเกวียนจริงๆนะเธอ พอดีเลย คุณช่วยพาฉันหนีหน่อยได้มั้ย?

                    หา?? พี่เจย์อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ แต่คนที่ช็อกซินิม่าที่สุดก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากผม ยัยนี่... เธอว่าอะไรนะ?!!

                    นี่คุณ...!!!!”

                    ช่วยมาทางนี้กับฉันหน่อยนะคะ ยังไม่ทันที่ผมจะได้แย้งอะไรขึ้นมาผู้หญิงคนนั้นก็ลากแขนของพี่เจย์ให้ออกวิ่งตามไปด้วยทันที ผมยืนนิ่งด้วยความอึ้งอยู่สักประมาณสองวินาที ก่อนที่จะยกมือขึ้นมากุมขมับ... อยู่ดีๆก็รู้สึกปวดตุ้บๆที่หัว ยัยนั่น... เล่นไม้นี้ใช่มั้ย? เอาเลย!!

     

                    นี่คุณ จะพาพวกเราไปไหนกันน่ะ? ผมถามขึ้นเสียงดังหลังจากที่ออกตัววิ่งมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว ความไม่พอใจถูกแสดงออกมาทางสีหน้าอย่างเต็มที่ ผมไม่ได้ไม่พอใจที่ต้องวิ่งตามตูดเธอมาต้อยๆ แต่ผมแค่ไม่พอใจที่ผู้หญิงคนนั้นกุมมือของพี่เจย์อยู่ต่างหากล่ะ

                    เส้นประสาทที่สมองของผมเริ่มสั่นคลอน... อะไรของยัยนี่กันนะ?? ฝ่ามือนั่นมีไว้แค่ให้คนหน้าตาดี หล่อ เทห์ สมาร์ทอย่างฉันกุมเท่านั้นนะเฟ้ย!!!

                    ฉันกำลังถูกตามตัวอยู่ เงียบๆแล้วตามมาดีๆเถอะน่า เธอหันกลับมาตวาดแว้ดเสียงสูงใส่ผมก่อนที่สะบัดหน้าใส่อย่างไม่สนใจจนทำให้ผมยาวสีน้ำตาลทองของเธอนั้นพลิ้วไหวไปตามแรง ผมเริ่มที่จะชักสีหน้า ในตอนนั้นเหมือนมีอะไรอย่างอย่างถูกดีดออกมาจากสมอง... และผมรู้ว่านั่นคือ เส้นสติสัมปชัญญะ

                    แล้วคุณกำลังหนีอะไรอยู่เหรอครับ? พี่เจย์ที่ถูกเธอจับมือและลากให้วิ่งตามเอ่ยถาม ผู้หญิงคนนั้นหันกลับมายิ้มให้ก่อนตอบ... ช่างแตกต่างกับปฏิกิริยาที่มีต่อผมจริงๆ

                    อย่ารู้เลยจะดีกว่านะ เธอยิ้มตอบพร้อมหัวเราะน้อยๆอย่างนางมารร้ายในความคิดของผม ผมไม่ใช่คนที่มีอคติกับใครง่ายๆ แต่พอมาเจอกับเขาผมก็เริ่มที่จะมีอคติกับผู้คนมากขึ้น ใครหน้าไหนก็ตามที่มาทำตัวเกาะแกะกับพี่เจย์เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง... คนๆนั้นจะถูกเหมารวมว่าเป็นศัตรูทันที

                    รวมถึงยัยผู้หญิงคนนั้นกับลีจุนโฮด้วย!!!

                    มาทางนี้หน่อยนะคะ... ผู้หญิงคนนั้นกล่าวขึ้นอย่างรวบรัดก่อนที่จะดึงแขนของพี่เจย์ให้วิ่งไปพร้อมกับเธอในอีกทิศทางหนึ่ง ผมมองตามร่างของคนสองคนนั้นไปด้วยความสงสัยระคนหมั่นไส้ ทำไมถึงตามคนไปได้อย่างง่ายๆอย่างนั้นกันนะพี่เจย์

                    คุณจะทำอะไร.......

                    เขากำลังจะตามตัวพวกเราทันแล้ว ต้องขอโทษล่วงหน้าด้วยนะคะที่อาจจะล่วงเกินอะไรไปบ้าง ผู้หญิงคนนั้นฉีกยิ้มหวานก่อนที่จะรวบผมของตัวเองให้ตึงและหยิบยางเส้นหนึ่งขึ้นมามัดไว้เป็นหางม้า สวมหมวกแก๊บสีสดใสเพื่อช่วยปกปิดใบหน้าไว้ไม่ให้คนอื่นเห็น หลังจากนั้นเธอก็หันขวับกลับมาถามผมด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่แตกต่างจากเดิมอย่างลิบลับ นี่นาย... ขอยืมแจ็คเก็ตนายหน่อยได้มั้ย?

                    ห๊ะ? ผมชี้นิ้วไปที่ตัวเองอย่างงงๆ ด้วยท่าทางเก้ๆกังๆของผมทำให้เธอเริ่มที่จะทำสีหน้าหงุดหงิด จึงพุ่งเข้ามาถอดมันออกไปใส่ไว้ด้วยตัวของตัวเอง เฮ้ย!! ยัยบ้า นี่เธอจะทำอะไรของเธอเนี่ยห๊ะ??

                    อย่างนี้จะได้ไม่มีใครจำได้ เอาแว่นของฉันไปใส่ซะ เธอกล่าวแต่ละประโยคขึ้นอย่างรวดเร็วจนทำให้ผมจับใจความตามไม่ทัน เธอถอดแว่นของตัวเองออกและยัดมันใส่ฝ่ามือของผมทันที พอไม่ได้สวมใส่แว่นกันแดดปิดบังแววตาไว้แล้วก็ยิ่งเห็นหน้าได้ชัดขึ้นมากว่าเดิม... แต่โครงหน้าแบบนี้มันคุ้นๆที่ไหนกันนะ พี่คะ... ช่วยทำตามฉันหน่อยนะ

                    เธอกล่าวประโยคคลุมเครือทิ้งไว้เพียงเท่านั้นก่อนที่จะยื่นแขนออกไปคล้องไว้กับแขนของพี่เจย์ทันที เพราะภาพนั้นทำให้ผมถึงกับช็อก นี่เธอคิดจะทำอะไรกับพี่เจย์ของฉันกันแน่ห๊ะยัยบ้าห้าร้อยจำพวก!!!

                    นี่คุณ.....!!”

                    ชู่วว เงียบๆสิ บอกแล้วไงว่าให้ทำตามฉัน ผู้หญิงคนนั้นยกมือขึ้นและใช้นิ้วชี้แตะไปที่ริมฝีปากของพี่เจย์ที่ผมแสนจะหวงแหน ผมรู้สึกว่าภูเขาไฟลูกใหญ่ภายในหัวใจของผมมันกำลังจะระเบิดตู้ม และเมื่อถึงเวลานั้นมันจะเผาทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวให้กลายเป็นจุณ ผมใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีแล้วนะ!!! ตอนนี้พี่ช่วยเล่นเป็นแฟนฉันหน่อยนะคะ

                    นี่เธอ!!!” ผมพุ่งตัวเข้าไปกระชากไหล่ของผู้หญิงคนนั้นให้ออกจากร่างของพี่เจย์ทันที ยัยนี่มันปลาหมึกพอลกลับชาติมาเกิดแท้ๆเลย ฮึ่ย... ทำไมมันถึงได้เกาะติดแน่นเหนียวหนึบขนาดนี้นะ แต่เพียงผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวจะไปทนแรงของผู้ชายตัวใหญ่อย่างผมได้ยังไง เมื่อก่อนผมเคยนับถือสัจจะธรรมที่ว่าจะไม่ทำร้ายผู้หญิงเป็นอันเด็ดขาด... แต่ตอนนี้ผมขอถอนคำพูด!!! เธอจะมาทำอย่างนี้ได้ยังไง? พี่เจย์เขาไม่ใช่แฟนของเธอซะหน่อย!!”

                    แล้วนายมายุ่งอะไรด้วยล่ะ?? หนอย... ยัยนี่

                    ทำไมฉันจะยุ่งไม่ได้... ก็ฉัน!!!” คำพูดต่อไปถูกกลืนหายลงไปในลำคอทันทีหลังจากที่สบเข้ากับนัยน์ตาของพี่เจย์ที่จ้องเขม็งมาด้วยความตกใจ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก็ฉัน... เป็นน้องชายของเขานี่นา... น้องชายไม่มีสิทธิ์หวงพี่ชายเลยหรือไงกันน่ะห๊ะ??!!”

                    จะไปหวงทำไมเล่า ฉันไม่ได้จะขอเขาเป็นแฟนจริงๆซะหน่อย ขอแค่ให้ช่วยเล่นละครตบตาเท่านั้นเอง!!”

                    ถึงจะแค่นั้นก็ไม่ได้!!!”

                    ทำไมล่ะยะ?!!!” ยัยนี่... ถามอยู่ได้ น่ารำคาญจริงๆเลย!!

                    มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอไงฟะ?!!!!”

                    นายมันคนไร้เหตุผล เพราะฉะนั้นฉันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฟังนาย!! ไม่มีเวลาแล้ว พี่คะช่วยฉันเถอะนะ ยัยผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นหันกลับไปถามพี่เจย์ด้วยสายตาอ้อนวอน แย่ล่ะสิ... พี่เจย์ยิ่งเป็นคนใจอ่อนอยู่ซะด้วย อย่าเผลอตัวตอบรับยัยนั่นนะพี่เจย์!!

                    เอ่อ... พี่เจย์ทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยความงุนงง อยู่ดีๆก็ถูกโยนภาระหน้าที่การตัดสินใจมาให้เป็นใครๆก็ต้องงงกันเป็นธรรมดา แต่มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ผมยอมไม่ได้จริงๆ ขอร้องล่ะ อย่าตอบรับไปนะ เธอกำลังมีปัญหาอยู่อย่างนั้นใช่มั้ย?

                    ใช่ค่ะ ฉันกำลังโดนตามตัว ช่วยฉันหน่อยเถอะนะคะ หน๊อยย ยัยนี่... อย่างนี้มันชักจะเกินหน้าเกินตาไปหน่อยแล้วนะ

                    เฮ่อ... เขาถอนหายใจออกอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนที่หันมาทางผม แทคยอน... ถ้ามีคนต้องการความช่วยเหลือเราก็ควรที่จะให้ความช่วยเหลือกับเขานะ

                    อย่างที่คาดการณ์ไว้เป๊ะ... ฮึ่มม... ผมกำหมัดแน่นข่มอารมณ์บางอย่างที่ไหลเวียนไปทั่วร่างกายก่อนที่จะกดเสียงต่ำกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม งั้นก็ได้ครับ

                    เมื่อยัยผู้หญิงคนนั้นได้รับคำตอบที่น่าพึงพอใจแล้วเธอก็ฉีกยิ้มกว้างทันที เห็นกี่ทีก็รู้สึกว่ามันช่างน่าหมั่นไส้จริงๆ ขอบคุณค่ะ

                    เธอตอบรับเสียงใสก่อนที่จะเข้าไปคล้องแขนกับพี่เจย์ไว้ดังเดิมทันทีโดยที่ไม่ต้องให้สั่ง ดี... เอาเลย! อยากจะทำอะไรก็เชิญตามสบายเถอะนะ! เพราะนั่นเป็นความต้องการของเขานี่นา ถึงจะรู้สึกขัดใจนิดๆ... ไม่ใช่สิ... ขัดใจสุดๆก็เถอะ

                    ผมเดินตามสองคนนั้นที่เดินนำหน้าไปด้วยท่าทางกระหนุงหนิงราวกับว่าเป็นคู่รักกันจริงๆ ผมมองตามแผ่นหลังของสองคนนั้นไปตลอดทางพลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจเป็นระยะๆ ยิ่งเดินตามไปมากขึ้นเท่าไหร่ผมก็ยิ่งจะรู้สึก... ยัยนี่แสดงละครได้อย่างสมบทบาทจริงๆ อย่างกับเป็นมืออาชีพเลยให้ตายสิ

                    ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ผมรอคอย... เวลาที่ผู้หญิงคนนั้นไปให้ไกลๆหูๆไกลๆตาซะที!!!

                    อ่า... ขอบคุณนะคะพี่ที่ช่วยฉัน วันนี้ฉันสนุกมากๆเลยล่ะค่ะ ผู้หญิงคนนั้นกล่าวพร้อมแย้มรอยยิ้มน่ารัก แต่ในสายตาของผมมันกลับน่าหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก ส่วนพี่เจย์ก็ได้แต่ทำสีหน้ายิ้มแย้มตอบ ในขณะที่ผมที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันนั้นเอาแต่ทำหน้าบูดบึ้งราวกับไปกินรังแตนที่ไหนมาตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนที่สบสายตากับผู้หญิงคนนั้นเข้า นายด้วยนะ ขอบคุณสำหรับแจ็คเก็ต มันช่วยได้ดีมากๆเลยล่ะ

                    ฉันเองก็ขอบคุณสำหรับแว่นกันแดดของเธอด้วยแล้วกันนะ มันช่วยได้มากเลยล่ะ... โดยเฉพาะเรื่องที่เห็นหน้าของเธอไม่ชัดเหมือนตอนนี้

                    ไม่เป็นไรหรอก พี่เจย์ตอบพร้อมรอยยิ้ม พี่อย่ายิ้มพร่ำเพรื่อแบบนี้สิ!! ผมหวงนะ!! แค่กับไอ้ลีจุนโฮผมก็แทบจะประสาทกินหมดแล้ว!!

                    จบเรื่องแล้ว... งั้นเรากลับกันเถอะครับ ผมรีบกล่าวขึ้นมาเป็นเชิงต้อนให้ออกไปจากที่นี่ไวๆก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นมากยิ่งไปกว่านี้ สำหรับพี่เจย์ผมไม่ค่อยจะกังวลเท่าไหร่เพราะพี่เจย์ชอบไอ้เด็กลีจุนโฮอยู่แล้วเป็นทุนเดิมและเขาก็คงจะไม่เปลี่ยนใจไปรักใครคนอื่นง่ายๆ (ฮึก... พูดแล้วเจ็บกระดองหัวใจ...) แต่ที่ผมกลัวก็คือผู้หญิงคนนี้...

                    พี่เจย์ยิ่งทำให้คนอื่นหลงใหลได้ง่ายๆอยู่แล้วด้วย... แล้วถ้าเกิดเป็นอย่างนั้นขึ้นมากับผู้หญิงคนนี้อีกล่ะก็ ลำบากแน่ๆ...

                    ไปเถอะครับ... พี่เจย์หันกลับมามองผมแล้วพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แต่ในตอนที่ผมแทบจะลากให้พี่เจย์ออกมาจากตรงนั้นอยู่แล้วผู้หญิงคนนั้นก็ทำอะไรบางอย่าง ท่าจะไม่ดีซะแล้ว...

                    เดี๋ยวก่อนค่ะ ขอถามอะไรหน่อยนะคะ เธอคนนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงชัดเจน ถึงเธอจะคิดทำอะไรก็ตามแต่... แต่ผมก็รับรู้ได้เลยว่านี่มันแย่แล้ว พี่ชื่ออะไรเหรอคะ?

                    ยัยนี่... ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลยเถอะนะ...

                    ชื่อ.....

                    พี่ครับ เรากลับกันเถอะนะ พี่เจย์หันขวับมามองผมทันทีที่ผมกล่าวคำนั้นขึ้น ผมส่ายศรีษะ... อย่าเลยนะ ได้โปรด

                    รู้มั้ย... พี่กำลังทำร้ายผม... ทีละนิดๆโดยที่ไม่รู้ตัว...

                    แทคยอน...

                    พี่คะ ชื่อของพี่น่ะค่ะ... บอกฉันหน่อยได้มั้ย? เธอเริ่มที่จะกดเสียงต่ำลงแต่ก็ยังคงยิ้มหวานอยู่บนใบหน้า เธอใช้สายตาจิกกัดมายังผม... ขนาดเธอยังจะเอาอะไรไปจากฉันอีกเหรอ? แค่ฉันมาหลังจากเขามันยังสาแก่ใจไม่พออีกหรือไง?

                    ขอเพียงแค่เรื่องนี้เถอะนะ... ขอแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว... อย่าทำให้ฉันต้องปวดใจอีกต่อไปเลย...

                    ... พี่เจย์หันกลับมามองผมเล็กน้อยด้วยสีหน้าลำบากใจ ก่อนที่จะกล่าวตอบเธอไปในที่สุด ปาร์ค แจบอมครับ

                    ในวินาทีนั้นผมหลับตาลง... พระเจ้า... แค่ผมมาหลังจากเขาก็ยังเจ็บปวดไม่พออีกหรือครับ?

                    ฉันชื่อจอง ซูยองนะคะ เธอยิ้มตอบด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความปิติยินดีถึงขีดสุด แตกต่างจากสีหน้าของผมในตอนนี้อย่างลิบลับ เพราะว่าพี่ช่วยฉันไว้ ฉันก็เลยอยากจะให้อะไรตอบแทนพี่ซะหน่อย

                    เธอกล่าวแล้วยัดบางอย่างใส่เข้าไปในฝ่ามือของพี่เจย์ทันทีโดยที่ไม่ให้เจ้าตัวได้ทันตั้งตัว สิ่งที่เธอยื่นมาให้นั้นเป็นเพียงแค่กระดาษแผ่นเล็กๆเหมือนโพสอิทโน้ตที่ถูกขยุ้มเสียจนยับยู่ยี่ไปหมด เก็บไว้ดีๆนะคะ อย่าลืมติดต่อมาล่ะ ฉันจะรอนะ

                    เธอกล่าวไว้เพียงเท่านั้นและยกมือขึ้นโบกลา ก่อนที่ร่างของเธอจะค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ ผมมองแผ่นหลังของผู้หญิงคนนั้นที่เล็กลงๆทุกทีจนหายวับไปกับสายตา... ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

                    นั่นคืออะไรเหรอครับ? ผมกล่าวถามทันที ถึงแม้จะไม่อยากรับรู้... แต่จิตใต้สำนึกมันสั่งให้ผมต้องรู้ให้ได้

                    ฉันก็ไม่รู้ พี่เจย์ตอบแล้วเริ่มต้นที่จะคลี่กระดาษที่ยับยู่ยี่แผ่นนั้นออกอย่างเบามือ ภายในกระดาษสีขาวนั้นปรากฏตัวหนังสือที่เขียนด้วยปากกาสีน้ำเงินธรรมดาๆขึ้น ผมก้มลงมองและอ่านมันไปพร้อมๆกับอีกคนที่ถือแผ่นกระดาษนั้นไว้ในมือ ประโยคที่เชียนไว้บนนั้นก็คือ... ชื่อของผู้หญิงคนนั้น กับเบอร์โทรศัพท์ของใครคนหนึ่ง

                    ยัยนั่น... เล่นไม้นี้เลยเหรอ?

                    ... ด้วยความโมโหเสียจนลืมตัวทำให้ผมคว้ากระดาษนั้นออกมาจากมือของเขาแล้วเริ่มต้นที่จะฉีกมันออกจากกันทันที และมันคงจะแยกออกกลายเป็นสองส่วนไปแล้วถ้าหากไม่มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นห้ามไว้

                    แทคยอน นายจะทำอะไรน่ะ?? พี่เจย์มองมาทางผมด้วยสีหน้าตกใจ ผมหันขวับกลับไปมองเขาด้วยสีหน้าขุ่นมัว

                    ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาจากไหนเราก็ยังไม่รู้ แค่ครึ่งวันที่เราอยู่กับเขามามันไม่ได้ยืนยันอะไรหรอกนะครับว่าผู้หญิงคนนั้นสามารถให้ความไว้เนื้อเชื่อใจได้ ผมกล่าวตบ พี่เจย์ พี่ต้องเข้าใจนะว่าผมไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นจริงๆ

                    แต่นายจะมองคนอื่นด้วยความอคติไม่ได้หรอกนะ เพราะคำๆนั้นมันทำให้ผมรู้สึกฉุนกึก... ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะใครกันล่ะ

                    ผมไม่เคยมองคนอื่นด้วยความอคติ แต่ผมแค่....!!” ประโยคต่อไปถูกกลืนหายเงียบลงไปในลำคอ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นทำให้เมื่อกี้ผมกล่าวอะไรแบบนั้นออกไป และผมก็เพิ่งรู้สึกตัวเองว่าได้พูดอะไรที่ไม่สมควรไปแล้ว

                    เพราะ... เพราะอะไร?เขาถามออกมาอย่างคาดคั้น นัยน์ตาเรียวของเขาหรี่เล็กลงด้วยความสงสัย ผมกำหมัดแน่น... คำตอบเพียงคำตอบเดียวถูกกู่ร้องตะโกนอยู่ภายในใจเพียงเท่านั้นโดยที่ไม่ได้มีการกล่าวออกไปแต่อย่างใด

                    เพราะว่า... พี่ไงล่ะ...

                    เพราะว่าอะไรก็ช่างเถอะครับ แค่รู้ว่าผมไม่ชอบผู้หญิงคนนั้นเลยก็พอแล้ว ผมกล่าวและออกแรงเล็กน้อยเพื่อฉีกกระดาษนั้นให้ขาดออกจากกันเป็นสองส่วนทันทีอย่างไม่ลังเล ในขณะที่อีกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

                    แทค!!!”

                    ผู้หญิงคนนั้นดูไม่จริงใจเลย เหมือนกับเธอกำลังแสดงละครตบตาให้พี่เห็นอยู่เพียงเท่านั้น อย่าไปเชื่อใจเธอเลยนะครับ ผมกล่าวในขณะที่ทำให้กระดาษสองส่วนนั้นทับกันแล้วลงมือฉีกมันออกจากกันอีกครั้ง... และอีกครั้งต่อไปเรื่อยๆ

                    ไปกันเถอะครับ เมื่อผมฉีกกระดาษแผ่นนั้นเสร็จแล้วผมจึงหันหลังกลับเพื่อเดินจากไปจากตรงนั้นทันที ทิ้งไว้เพียงแค่เศษกระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้กระจัดกระจายอยู่เบื้องหลังเพียงเท่านั้น...

     

                           แต่หารู้ไม่ว่า... ในขณะเดียวกันนั้นก็มีใครอีกคนที่เฝ้ามองการกระทำของคนทั้งสองอยู่...

                    รองเท้าส้นสูงสีดำที่กระทบกับพื้นถนนคอนกรีตทำให้เกิดเสียงดังก๊อกๆขึ้นตลอดระยะเวลาที่ก้าวเดิน ที่ใต้ฝ่าเท้ามีอะไรบางอย่างหล่นกระจายเกลื่อนกลาดอยู่อย่างไร้ทิศทาง สายตาของเธอจ้องมองลงไปยังแผ่นกระดาษที่ถูกฉีกทิ้งพวกนั้นอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก พลันรอยยิ้มเล็กๆก็ปรากฏขึ้นให้เห็นที่มุมปาก

                    แหมๆ... เล่นกันรุนแรงจังเลยนะ ถึงขนาดฉีกทิ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยขนาดนี้เลยเหรอ? เธอกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้แสดงถึงความรู้สึกร้อนร้นแต่อย่างใด รอยยิ้มที่มุมปากแสดงออกให้เห็นว่าเธอกำลังรู้สึกสนุกอยู่ไม่น้อย เอาเถอะ.... แต่ก็เป็นอย่างที่คิดล่ะนะ

                    ภาพของผู้ชายร่างเล็กผิวขาวคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาให้เห็นภายในหัว... ตามมาติดๆด้วยภาพของผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ตามติดผู้ชายคนแรกนั้นตลอดเวลา และมักจะทำสีหน้าหึงหวงและไม่พอใจมาทางเขาอยู่เสมอๆ...

                    คิกๆ หมอนั่นตลกดีนะ

                    ท่าทางแบบนั้น... ที่ปากบอกว่าเป็นน้องชายน่ะแต่เจ้าตัวก็คงจะไม่ได้คิดว่าเป็นน้องชายธรรมดาๆหรอกล่ะมั้ง... ถ้าจะให้เดานะ... หึหึ

                    แต่ช่างน่าสงสาจริงๆ... เพราะพี่ชายคนที่ว่านั่นไม่รู้ตัวเลยน่ะสิ...

                    อืม... พี่ชายปาร์ค แจบอมอย่างนั้นเหรอ เธอยกมือขึ้นลูบคางตัวเองเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด เมื่อคิดถึงใบหน้าของผู้ชายคนนั้นและสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปก็รู้สึกสนุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

                    ก็เอาสิ... นายหน้าแมว ฉันจะเป็นคนที่ทำให้ฝันของนายพังทลายลงเอง คอยดูเถอะ!!!”

    ______________________________________________________________________________

    Talk with Writer :

    อ่า.. หายหน้าหายตาไปนานเลยนะ ท่าทางจะมีรีดเดอร์หลายๆคนหลงคิดไปว่าไรเตอร์ตายไปแล้ว - -" ช่วงนี้ไรเตอร์การบ้านเยอะมากมาย พ่วงมาด้วยความที่สมองตันไปชั่วขณะ ทำให้ไม่สามารถแต่งนิยายให้ได้อย่างใจ ก็เลยดองมาจนป่านนี้เนี่ยแหล่ะค่า (แฮ่ๆ ไรเตอร์ไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้นะ แต่มันเป็นไปเอ๊งง) ในที่สุดเจสสิก้า จองสุดสวยของเราก็มีบทสักทีนะคะ อ๊ะๆ ดักคอไว้ก่อนเผื่อว่าจะมีรีดเดอร์ท่านใดที่กำลังจะตั้งป้อมโจมตีน้องนางสิกก้าสุดสวยผู้นี้ ในเรื่องนี้สิกก้าไม่ได้เป็นตัวร้ายโดยสมบูรณ์นะคะ (ถึงแม้จะเปิดตัวออกมาแบบนางร้ายเต็มพิกัดก็เถอะ) แต่นิสัยของคนเรามันเปลี่ยนกันได้ รอติดตามชมกันต่อไป ส่วนเรื่องของชาน - -; อ่า... แม่ยกทั้งหลายคงตั้งตารอชานโฮใจจะขาดอยู่แล้ว รอร้อรอนานเท่าไรก็ยังไม่ออกมาซะที มีแต่โฮเจย์ โฮเจย์ และก็โฮเจย์อีก แต่การอดทนไม่ได้เลวร้ายเสมอไป รับรองว่าต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีกลับมาอย่างแน่นอนค่ะ (แหม... พูดซะหรูเชียวนะเรา เหอๆ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×