ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic 2PM TJ & KD & CH] Hyung, Can we be more than friend?

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 จากอเมริกา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 776
      5
      8 ต.ค. 53

    Chapter 1 จากอเมริกา

                “แทคยอน... นายไปรับพี่เจย์ให้หน่อยสิ...”

                หา??? นายว่าอะไรนะ??? พี่เจย์น่ะเพื่อนนายไม่ใช่เหรอ???

                “เอาน่า เพื่อนฉันก็เหมือนเพื่อนนายน่ะแหล่ะ ทีนี้ไปได้แล้ว”

                ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นเฟ้ย!!! ปัญหามันอยู่ที่พี่เจย์หน้าตาเป็นยังไงต่างหาก!!!

     

                    สวัสดี สวีดัดครับท่านผู้อ่านทั้งหลาย ผมชื่ออ๊ค แทคยอน หนุ่มหล่อมาดเข้มหน้าตาเหมือนแมว (ไอ้คุณมันบอกอ่ะครับ) ตอนนี้ผมกำลังตามหาคนอยู่ที่สนามบินกรุงโซล มันดูไม่แปลกเลยใช่มั้ยล่ะครับ แต่มันแปลกตรงผมไม่รู้ว่าเขาเป็นใครและหน้าตายังไงน่ะสิ คิดแล้วก็แค้นไอ้ตัวต้นคิดที่ให้ผมมาที่นี่... จะใครซะอีกก็ไอ้นิชคุณเพื่อนผมน่ะสิครับ มันขี้เกียจสันหลังยาวไม่ทำงานทำการ รู้งี้ไม่ยกโซฟาให้มันนอนเล่นซะตั้งแต่แรกหรอก เพราะโซฟาที่บ้านผมมันทั้งนุ่มสบายและสะอาดหมดจด (เพิ่งซื้อใหม่มาแหม่บๆ เพราะตัวเก่านั้นแทบจะเรียกไม่ได้ว่าเป็น”สิ่งของที่ควรจะอยู่บนโลกนี้” แล้ว) อืม... จะว่าไปก่อนออกมาจากหอพักไอ้คุณมันให้รูปถ่ายมานี่ ผมรีบค้นในกระเป๋ากางเกงทันที ว้าว... ในที่สุดก็เจอซะแล้ว ขอบคุณพระเจ้า เท่านี้ผมก็คงจะไม่ต้องเดินตามหารอบสนามบินอย่างไร้ทิศทางเหมือนคนบ้าแล้วสินะ?

                    พรวด!!!

                    ผมแทบจะพ่นพรูดออกมาทันทีเมื่อก้มลงมองรูปถ่ายในมือ อืม... ถ่ายชัดดี แต่แมร่งเป็นบ้าอะไรถึงต้องไปถ่ายข้างหลังด้วยฟะ??? ไอ้คุณ... นี่มึงมีรูปนี้อยู่รูปเดียวหรือมึงแกล้งกูวะเนี่ย??? แถมถ่ายซะ... แหม... ชัดเชียว ไม่ย้อนแสงด้วย แต่รบกวนช่วยเรียกนายแบบให้หันหน้ามาหน่อยได้มั้ยครับนี่?

                    ผมตบหน้าผากตัวเองอย่างจนใจ แล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้... ไอ้คุณมันเคยเอาโทรศัพท์ผมไปเล่นนี่นา แล้วมันก็โหลดรูปอะไรของมันเยอะแยะลงไปด้วย จะต้องมีรูปของพี่เจย์อยู่แน่นอน ทำไมผมถึงคิดอย่างนี้นะเหรอครับ? เพราะว่าไอ้คุณมันทั้งรักและแสนจะนับถือพี่คนนี้ยังกับเทพเจ้า (ถ้าเกิดมันเอาขึ้นหิ้งบูชาได้คงจะทำไปแล้วล่ะ) ผมรีบล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือ แล้วก็กดเปิดดูไฟล์รูปทันที โอ๊ะ!นี่ไงๆ!

        แต่คงจะไม่ใช่...

                    เดจาวู!!!!!!

                    เวร... ไอ้คุณแม่งโรคจิตเปล่าวะเนี่ยที่ถ่ายแต่หลัง แถมยังมีรูปเดียวในเครื่องอีก ไอ้เพื่อนชั่ว... แกจะโหลดทั้งทีก็โหลดให้มันเยอะๆหน่อยสิวะ แต่คิดๆไปแล้ว... จะเป็นยังไงนะถ้าเกิดไอ้คุณมันเป็นพวกโรคจิตชอบแอบถ่าย แถมถ่ายได้แต่ข้างหลังอีก อืม... น่าคิดๆ

                    แต่มันไม่ใช่ตอนนี้!!! เครื่องลงจอดไปกว่า 10 นาทีแล้ว!!! ยิ่งไม่มีเวลาอยู่ด้วย แถมไอ้ความหวังหนึ่งเดียวนั้นก็สลายเป็นสายลมไปแล้ว นี่ปล่อยให้พี่เจย์รอนานอย่างนี้แล้วเขาจะโกรธมั้ยนะเนี่ย ทั้งหมดนี้ความผิดไอ้คุณ! ถ้าฉันกลับไปที่ห้องเมื่อไหร่ล่ะแกตายแน่!!

                    ผมเดินหาทั่วสนามบิน วันนี้มันวันซวยอะไรของแทควะเนี่ย??? ชักเริ่มเหนื่อยแล้วอ่ะ... ทั้งๆที่ผมเคยชนะงานแข่งวิ่งมาราธอนของโรงเรียนเลยนะเนี่ย ว่าแต่สนามบินนี้มันกว้างขนาดไหนกัน? อีกกี่ชั่วโมงผมถึงจะเจอ?

                    หงุดหงิดเฟ้ย... ไอ้คุณเพื่อนชั่ว...

                    ผมกระทืบเท้าด้วยความขัดใจแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์โทรทันที ถือสายสักพักก็มีคนรับ

                    “ฮัลโหล”

                    “ไอ้เวร!!! รูปที่แกให้น่ะมันรูปหลังว้อย!!!! นี่แกคิดว่าฉันเป็นเชอร์ลอคโฮล์มรึไงวะ!!???” ผมกรอกเสียงใส่โทรศัพท์ทันทีโดยที่ไม่เว้นจังหวะให้อีกฝ่ายพูดอะไร

                    “ใจเย็นๆนะแทคนะ นี่นายยังไม่เจอพี่เจย์อีกเหรอเนี่ย?? ระวังพี่เจย์เหวี่ยงนะเฟ้ย”

                    กูนี่แหล่ะจะเหวี่ยงมึง... ไอ้เพื่อนเวร...

                    “โอเคๆ เดี๋ยวฉันจะโทรหาพี่เจย์ให้ นายคอยแปปนึงนะ” ไอ้คุณสรุปแล้วตัดสายไป ผมก็เลือกที่จะทำตามมันถึงแม้จะรู้สึกขัดใจ

                    ผ่านไป 10 นาที... 15 นาที... 20 นาที... จนเกือบจะเป็นชั่วโมงอยู่แล้ว ไอ้โทรศัพท์มือถือก็ยังไม่มีเค้าที่จะดังขึ้น ไอ้คุณแม่งหายหัวไปไหนเป็นชั่วโมงแล้ววะ ผมก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ... เครื่องลงจอดไปเป็นชั่วโมงแล้ว ไม่สนแล้วว่าพี่เจย์จะรู้สึกยังไง เพราะตอนนี้ผมเมื่อย!!!

                    ทนไม่ไหวแล้ว... หยิบมือถือขึ้นมาโทรออกทันที

                    “ฮัลโหลแทค”

                    แมร่งรับด้วยโว้ย... มึงหายหัวไปไหนมา???

                    “ไอ้คุณเมิงคร้าบ หายหัวไปอยู่ไหนมาวะ??? แล้วทำไมไม่โทรมา???” ผมตะคอกเสียงดังจนคนรอบข้างหันมามองเป็นตาเดียว มองอะไร?? ไม่เคยเห็นคน รมณ์บ่จอยเรอะ???

                    “โทษทีๆ พอดีดูทีวีเพลินไปหน่อย”

                    ไอ้.......... (ไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาอธิบายแล้ว)

                    “แล้วเรื่องพี่เจย์ล่ะ?”

                    “ไม่รับสายว่ะ”

                    ปรี๊ดแตกเลยสิครับงานนี้...

                    “ช่างเหอะ...ช่วยบรรยายสรรพคุณพี่แกหน่อยได้มั้ย? จะได้หาตัวง่ายขึ้น” ที่ไม่ด่ามันไปนี่เพราะว่าผมปลงแล้วล่ะครับ ด่าไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา หน้ามันหนาขนาดเคาะยังไม่แตกแล้วถึงด่ามันไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น

                    “น่ารักสุดยอด”

                    “สรรพคุณ... ไม่ใช่คำเชิดชู”

                    “หน้าหมวย แถมยังเหวี่ยง”

                    “ผู้ชายแน่เหรอวะ??” มาถึงตอนนี้ผมก็ชักสับสน ถ้าเป็นผู้ชายก็ควรจะหล่อตี๋สมชายชาตรีไม่ใช่เรอะ

                    “ชัวร์... แต่แค่หน้าหมวย ตัวเล็กๆเหมือนเด็กมัธยม”

                    “โอเค... ขอบใจเพื่อน แกเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ”

                    “ฉันรู้ตัวอยู่แล้วล่ะไม่ต้องมาชม” ยังมีหน้า... อีกนะเมิง

                    “บาย” ผมบอกลาพร้อมรอยยิ้มสดใสแม้อีกคนจะไม่ได้เห็น แต่พอกดวางสายแล้ว...

                    กลับไป... มึงตายแน่...

                    ผมเดินออกไปจากบริเวณนั้นทันที พลางคิดไปถึงรูปร่างหน้าตาของพี่เจย์ หน้าหมวยๆ? ตัวเล็กๆ? ผมสอดส่องสายตาดูในฝูงชนที่คับคั่งอย่างกับมด แต่ก็ไม่ยักเห็นผู้ชายหน้าหมวย

                    แล้วตอนนั้น... ผมก็เหมือนได้ยินเสียงเรียกนิชคุณ...

                    “นิชคุณ!” ผมหันไปทางต้นเสียง (ไม่รู้ว่าเจอได้ยังไง) เห็นผู้ชายร่างเล็กคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาหันหน้าซ้ายทีขวาทีด้วยความงุนงงเหมือนหลงทาง ใส่เสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีชมพูแปร๋นบาดตาบาดใจเป็นอย่างมาก แถมยังใส่หมวกแก๊บสีดำหันปีกหมวกไปด้านหลัง สะพายเป้ขนาดใหญ่กว่าตัวถึงสองเท่า เขาถือโทรศัพท์มือถือแนบที่หู ผมมองเห็นหน้าเขาไม่ชัด แต่ดูจากการโทรศัพท์แล้วผมว่าน่าจะเป็นเจ้าของเสียงเรียกเมื่อกี้แน่นอน คนนี้แหล่ะใช่เลย! (ไม่ใช่อย่างที่ทุกท่านคิดนะครับ... ผมแค่บอกว่าคนนี้แหล่ะพี่เจย์แน่)

                    ผมเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปหา ซึ่งมันก็ค่อนข้างจะต้องเสี่ยงตายซักหน่อย... ยอมโดนเหยียบนิดเหยียบหน่อย ตบนิดตบหน่อยพอประมาณ หรือไม่ก็โดนผลัก กระทุ้งท้องเล็กน้อย ไม่เจ็บเลย... (กัดฟันพูด) กว่าจะเดินไปหาเป้าหมายได้ก็เล่นเอาสะบักสะบอม ความเจ็บปวดนี้แกต้องได้รับอย่างสาสม... ไอ้นิชคุณ

                    ผู้ชายเบื้องหน้าผม... ตอนแรกผมเห็นหน้าเขาไม่ชัด... น่ารักเป็นบ้า (เหมือนที่ไอ้คุณบอกไว้เลย) ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาเรียวรีแลดูดุ จมูกเชิดขึ้นเล็กน้อยเหมือนคนเอาแต่ใจ ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อน (โอ้ว... พระเจ้า นี่แน่ใจนะว่าชายทั้งแท่ง) แถมยัง... โอ้ว... ขาว... ขาวสุดๆ ผิวเนียนยังกับผู้หญิง อย่างงี้เอาไปเลยสิบเต็ม!

                    “ขอโทษนะครับ คุณ...” ผมเข้าไปทัก ใบหน้าหมวยหันขวับกลับมามอง

                    ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้ถึงหายนะที่คืบคลานเข้ามาใกล้...

                    “คือว่าผม...”

                    “Who are you???”

                    ซวยซ้ำซาก...

                    ภาษาปะกิด!!???

                    ผมตบหน้าผากตัวเองเป็นรอบที่สองของวัน ภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ผมเกลียดที่สุดอันดับหนึ่ง (รองลงมาก็คณิตศาสตร์) เคยเป็นบ้างมั้ยล่ะครับ... เวลาเราได้ยินสำเนียงแบบผู้ดีจ๋าจากอาจารย์ที่อายุอานามก็พอสมควรแล้ว หนังตาก็เริ่มหนักอึ้งขึ้นมาเสียอย่างนั้น แล้วสุดท้ายก็คงไม่รอดจากภวังค์หลับใหล เป็นอย่างนี้ทุกครั้งแหล่ะครับ

                    ว่าแต่ ‘Who are you?’ นี่... ผมก็ไม่ได้โง่ขนาดคำถามเบื้องต้นที่เด็กอนุบาลยังแปลได้ก็ยังเสือกควายแปลไม่ออกนะครับ ด้วยสมองอันชาญฉลาด (น้อย) ของผมแปลออกได้ประมาณว่า “เมิงเป็นใคร? มายุ่งอะไรกะกู??” นี่ขนาดเขาถามมาแค่ประโยคเดียวนะครับนี่... ผมยังแปลเจตนารมณ์ของเขาได้อย่างละเอียดถี่ยิบเลย ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมีความสามารถมากขนาดนี้ (โฮะๆๆๆ)

                    แล้วผมควรจะตอบยังไงดีล่ะ? แนะนำตัว? บอกว่าเป็นเพื่อนไอ้คุณ... หรือบอกว่าโดนไอ้คุณใช้งาน? แล้วใช้งานนี้ภาษาอังกฤษเขาว่าไงอ่ะ?

                    “My name is Ok Taecyoen” ว้าว... เก่งขึ้นจริงๆนะครับนี่ “I’m Khun’s…”

                    “Khun’s friend.” พี่เจย์พูดขึ้นโดยที่ไม่รอให้ผมพูดจบประโยด สงสัยพี่เขาจะหงุดหงิดที่ผมพูดแบบตะกุกตะกัก “Nichkhun had told me about you”

                    ฉลาดนะเนี่ย... ไอ้คุณไหนบอกว่าโทรไม่ติดไงฟะ??

                    “Khun had asked me to receive you” ผมกล่าว ‘You’re Jay hyung, right?”

                    “Yes, I’m Jay” พี่เจย์ตอบกลับมา “But, I don’t want to go with you”

                    หา...?

                    ‘But, I don’t want to go with you’ นี่แปลว่า... ฉันไม่อยากจะไปกะแก หรือจะว่าไป... ก็ประโยคปฏิเสธดีๆนี่เอง แล้วถ้าพี่ไม่กลับบ้านกับผมแล้วพี่จะกลับยังไง พูดเกาหลีก็ไม่เป็น ถ้าเกิดหลงทางล่ะซวยเลยนะนั่น

                    “But….”

                    “I don’t want to go anywhere with stranger”

                    คนแปลกหน้า... อืม... ก็จริง...

                    “I’m Khun’s friend. You can trust me”

                    “But I don’t. Get away”

                    น่าน... มาไล่กันซะงั้น... คอยดูเหอะเดี๋ยวหาว่าหล่อไม่เตือน...

                    “โทรหาไอ้คุณดีกว่า... เวลานี้คนไร้ประโยชน์อย่างมันช่วยได้เยอะ” ผมตัดสินใจแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ก็เหลือบไปเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังจะเดินหนีไปอย่างไม่ใส่ใจ

                    “พี่เจย์! อย่าเพิ่งไป!” ผมเผลอตะโกนเป็นภาษาเกาหลีออกไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งพี่เขาคงจะฟังไม่ออกและไม่ใส่ใจ จังหวะเดียวกันนั้นเอง... ไอ้คุณก็รับโทรศัพท์พอดี

                    “ฮัลโหลแทค นายเจอพี่เจย์แล้วใช่มั้ย??”

                    โว้ย... ทำไมปัญหามันต้องมาสุมเอาเวลาเดียวกันด้วยวะเนี่ย??

                    “ฉันเจอพี่เจย์แล้ว ตอนนี้พี่เขากำลังจะหนีฉัน” เข้าใจหน่อยนะโว้ย... ว่าแกต้องมาเดี๋ยวนี้...

                    “อ๋อ... พี่เขาไม่ชอบไปกับคนแปลกหน้าน่ะ”

                    “ก็รู้อยู่ แต่แกช่วยรีบๆมาหน่อยได้มั้ยก่อนฉันจะสมองระเบิดตายเพราะวิชาที่หลับทุกคาบ”

                    “ทำไมวะ? แกออกจะเก่งภาษาอังกฤษ... เออๆ เดี๋ยวฉันไปแล้วกัน บอกพี่เจย์ว่าเดี๋ยวฉันไปนะ” ไอ้เพื่อนสุดที่เลิฟของผมตัดบทแล้วชิงวางสายก่อน ทีเรื่องหยังงี้เร็วจริงนะเมิง....

                    “Jay, please wait” ผมตะโกนเรียก ซึ่งก็เรียกได้อย่างทันท่วงที พี่เจย์หันกลับมามองด้วยสายตาหงุดหงิด

                    “I want to go by myself!” เสียงหนักๆประมาณว่าพูดด้วยความไม่สบอารมณ์ดังขึ้น และย้ำนักย้ำหนาตรงที่คำสุดท้าย

                    “Jay hyung!!!!” เสียงสวรรค์ดังขึ้น (ทำไมมาเร็วจังฟระ???) ผมเห็นร่างของเพื่อนสนิทแสนอินเตอร์ของผมวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับอ้าแขนเตรียมกอด ผมรู้ว่ามันจะทำอะไรจึงเข้าไปกอดมันตอบทันที หึๆ ผมแค่แกล้งมันเพราะหมั่นไส้ และตามที่คาด... ไอ้คุณมันเหยียบเบรกได้ทันท่วงทีก่อนที่จะถลาเข้ามากอดผม

                    “ไอ้บ้า... แกมาขวางทางฉันทำไมวะ??”

                    “หึๆ ฉันมาแจ้งข่าวร้ายกับแก” ผมกล่าวด้วยเสียงที่ฟังก็รู้เลยว่าแฝงเจตนารมณ์ร้าย ไอ้คุณเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “กลับบ้านไป... แกซวยแน่ไอ้คุณ”

                    “ซวย??” ไอ้คุณทวนคำด้วยความงง แล้วก็เดินผ่านผมไปอย่างไม่สนใจเพื่อถลาเข้าไปกอดสุดที่รักของมัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่เต็มใจ “Honey, I miss you very much, you know?”

                    อุแหว่ะ... อยากจะอาเจียน...

                    “I don’t know cause I’ve never miss you” ตอกได้เจ็บมากครับ... ไอ้คุณมันคงจะช็อคไปเลยล่ะสิท่า “And, who is your honey???”

                    “It’s you, honey” แน่ะ... ไอ้คุณยังฉีกยิ้มกว้าง ชักอยากจะอ้วกกับความหวานเลี่ยนของมันซะแล้วล่ะสิ ดูหน้าพี่เจย์สิ... พี่เจย์ทำหน้าบิดเบี้ยวอย่างขยะแขยง อืม... ผมเห็นใจพี่นะ

                    “I remember that I’ve ever told you, I ain’t your honey!!!” พี่เจย์ตะคอกใส่ด้วยอารมณ์โมโหสุดฉุดไม่อยู่ ส่วนไอ้คนที่โดนด่าก็ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อน น่าอนาจจริง... เพื่อนใครวะเนี่ย? (เพื่อนเมิงแหล่ะ)

                    “Take me home, now!!!” ตอนนี้พี่เจย์เหมือนจะอารมณ์เสียแบบกู่ไม่กลับแล้ว ผมอยากจะชิ่งหนีให้ไอ้ตัวต้นเหตุรับกรรมไปคนเดียว เพื่อน... กูรักมึงว่ะ แต่มึงโชคดีนะเว้ย

                    “เดี๋ยวสิแทค... ฉันเป็นเพื่อนนายใช่มั้ย??” เออ... กูตัดเพื่อนกับมึงแล้ว ไม่ต้องมาเรียกใช้งานกูอีก

                    “อะไร?”

                    “ถ้านายเห็นฉันเป็นเพื่อนรัก ช่วยพาพี่เจย์กลับบ้านทีเถอะ... วันนี้ฉันมีธุระ ไปล่ะ” ไอ้คุณเข้ามาจับมือผมพร้อมแย้มยิ้มเทพบุตร ผ่านไปหลายวินาทีผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าที่มันทำไปเป็นการแตะสลับตัว กว่าจะรู้ตัว... ไอ้เพื่อนชั่วมันก็ติดเกียร์หมาไปไกลแล้ว

                    ผมนวดขมับตัวเอง... อยู่ๆมันก็รู้สึกปวดจี๊ดที่หัวขึ้นมา เหมือนกับเส้นสมองกำลังเต้นเบรกแดนซ์ ผมหันกลับไปหาพี่เจย์เพื่อทำการเจรจาอย่างสันติ แต่เจ้าตัวก็ทำท่าเหมือนกำลังจะเดินหนีไปอีกคน

                    “Well, do you want me to take you home?”

                    พี่เจย์หันกลับมามองด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ

                    “No way”

                    รู้อยู่แล้วล่ะ...

                    งั้นเล่นไม่นี้...

                    “Hey!!! What the hell are you doing!!” พี่เจย์ตวาดลั่น หมัดเล็กๆทุบรัวบนแผ่นหลังของผมไม่หยุดจนกว่าผมจะยอมปล่อยลงไป แต่เรื่องสิ... ถ้าผมปล่อยพี่ลงไปพี่จะต้องหนีแน่นอน ผมอุ้มพี่เจย์ไปตลอดทางจนเรียกแท็กซี่ได้สำเร็จ

                    “ช่วยไปส่งที่....หน่อยครับ” ผมบอกคนขับทั้งๆที่ยังไม่ปล่อยตัวพี่เจย์ คนที่ถูกผมลักพาตัวขึ้นรถมาได้แต่ดิ้นแล้วก็ดิ้น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหลุดไปจากวงแขนของผมได้ และไม่รู้เพราะความเหนื่อยหรืออะไร... เจ้าตัวแสบก็หยุดดิ้นไปเฉยๆซะอย่างนั้น

                    พี่เจย์มองหน้าผมด้วยความไม่สบอารมณ์...

                    “Stop moving, right?” ผมกล่าวถามแบบกวนๆ พี่เจย์สะบัดหน้าหนี

                    “You’re a jerk” แน่ะ... ด่าอีก

                    “Excuse me?”

                    “I hate you”

                    เอาล่ะ... จะไม่ไหวแล้วนะโว้ย ถึงผมกับพี่จะเพิ่งเจอกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะทำอะไรไม่ได้นะ

                    เดี๋ยวก่อนสิแทค... เย็นไว้ๆ เราไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่าม ไอ้คุณก็เคยบอกกับเราบ่อยๆว่าพี่เจย์น่ะไม่ค่อยจะไว้ใจใคร บางทีก็ถึงกับทำท่าทีหยาบคายใส่ แต่ถ้าสนิทกับใครเข้าแล้วจะติดแหง็กเลย จริงๆเขาเป็นคนที่น่ารักและนิสัยดีมาก ถึงจะเป็นคนตรงๆไปหน่อยก็เหอะ

                    เพราะฉะนั้นเราจะต้องสนิทกับพี่เจย์ให้เร็วที่สุด... พี่เจย์จะได้ยอมรับเรา

                    “พวกคุณเป็นแฟนกันเหรอครับ?” คุณลุงคนขับเอ่ยถามเมื่อสังเกตเห็นท่าทีของผมกับอีกคนมาสักพักแล้ว

                    “เปล่าครับ... พวกเราแค่เพื่อนกันนะ”

                    “อย่าเลยครับคุณ... ผมเห็นพวกคุณกอดกันซะแนบชิดอย่างนี้ ไม่ใช่เพื่อนธรรมดาแน่นอนเลยครับ”

                    เปล่านะครับลุง... ผมแค่กลัวว่าพี่เขาจะกระโดดลงจากรถแล้วไปชนรถคันอื่นเข้าน่ะสิ ทั้งๆที่อยากบอกอย่างนี้นะ แต่อีกใจหนึ่งมันกลับรู้สึกดีแบบแปลกๆ

                    “ท่าทางพวกคุณจะทะเลาะกันมาสินะครับนี่”

                    “ครับ... เราทะเลาะกันเล็กน้อยน่ะครับ”

                    “พวกคุณเพิ่งกลับมาจากเมืองนอกสินะครับ เห็นจ้อภาษาอังกฤษกันซะคล่องเชียว”

                    “ประมาณนั้นน่ะครับ” ผมก้มลงมองพี่เจย์เล็กน้อย อ้าว... หลับไปแล้ว ทำไมหลับเร็วจัง

                    พอไม่ทำตัวซ่าส์แล้ว... ดูอย่างงี้... พี่เจย์ก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะ...

                    ผมค่อยๆปล่อยพี่เจย์ออกจากอ้อมแขนเพื่อไม่เป็นการปลุกให้พี่เขาตื่น แล้วย้ายพี่เขาไปนั่งอยู่ข้างๆผมเพื่อให้หลับได้สบายๆ อยู่ดีๆศรีษะของคนข้างๆก็เอนลงมาซบไหล่ผมโดยที่ผมไม่ได้ตั้งใจจัดท่าให้

                    สงสัยจะเหนื่อยจากการเดินทาง... แถมยังต้องมายืนรอให้คนไปรับอีกตั้งชั่วโมงกว่า... ซึ่งก็คือความผิดไอ้คุณอีกนั่นแหล่ะ...

                    “ถึงแล้วล่ะครับคุณ... รีบปลุกแฟนคุณเถอะ” เสียงคนขับรถดังขึ้นเป็นเชิงให้รีบหน่อย ผมพยักหน้าน้อยๆรับคำ

                    “พี่เจย์... ตื่น...” ผมเรียก พลางเขย่าตัวเขาเบาๆไปด้วย พี่เจย์ลืมตาขึ้นแล้วยกมือขึ้นขยี้ตา หน้าตอนตื่นนอนนี่ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่

                    “We arrive home now. Please wake up” ผมเรียกอีกครั้งแล้วหันไปจ่ายตังค์ค่ารถแท็กซี่ให้คนขับ พอดีกับตอนที่พี่เจย์กำลังจะลงจากรถพอดี เขาเดินไปเปิดฝากระโปรงหลังเพื่อหยิบสัมภาระขนาดใหญ่ (ใหญ่ขนาดไหนก็ลองจินตนาการถึงภาพที่เด็กประถมขนกระเป๋าเป้ของพ่อแม่ดูแล้วกัน)

                    “May I help you?” ผทเสนอตัวเข้าช่วยทันที “It’s very heavy. And maybe you were tired of a journey”

                    “I can carry it by myself. Thank you but I don’t want your help” พี่เจย์ตะคอกใส่เบาๆแล้วแย่งสัมภาระออกมาจากมือของผม เขาเดินเชิ่ดหน้าเข้าไปในหอพักโดยที่ไม่สนใจคนที่อยู่ข้างหลังเลย

                    แต่ไม่นาน... พี่เจย์ก็ทรุดฮวบลงอย่างไร้สาเหตุ ผมรีบรี่เข้าไปดูอาการทันที

                    “What’s the matter, Jay hyung???”

                    เมื่อตอนนั้นเองผมก็เหลือบไปเห็นบาดแผลที่ข้อเท้าของพี่เจย์... เป็นแผลที่ขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่ใช่แผลเล็กๆ ดูแล้วน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน แต่เหมือนจะเป็นแบบนี้มานานแล้วโดยที่เจ้าตัวไม่ได้สนใจ ปฐมพยาบาลไว้ลวกๆโดยที่แปะผ้าก๊อซไว้เท่านั้น สงสัยจะมีเหตุเร่งด่วนทำให้ต้องรีบทำ ผมเอื้อมมือหวังจะไปแตะ

                    “Don’t touch!!!” เสียงตวาดลั่นดังมาจากคนตรงหน้า เขามองผมด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ผมจึงต้องจำใจชักมือกลับ

                    “You’re injured” ผมกล่าวอย่างเป็นห่วง

                    “It’s not your business, get away!”

                    “Walk carefully, Jay"

                         “I can walk!!!” เสียงตะคอกตอบกลับมาทำให้ผมจี๊ด... หึย... ทำตัวไม่น่ารักอย่างนี้ระวังเหอะ... เดี๋ยวไอ้เหมียวคนนี้จะเอาคืนให้สาสม
    ________________________________________________________________________________

    Talk with Writer :


    มาแล้วกับตอนที่หนึ่ง!!!

    ตอนนี้ถือว่ายาวพอสมควร แต่อย่าตกใจนะคะถ้าหากหลังๆมันจะสั้นลงเรื่อยๆ

    ตอนแรกนี่... ไม่ขอพูดคุยอะไรมาก อยากบอกเพียงแค่ว่า... ขอคอมเม้นด้วยนะจ๊ะ ^^



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×