ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic 2PM TJ & KD & CH] Hyung, Can we be more than friend?

    ลำดับตอนที่ #18 : Chapter 14 ขอผมอ้อนพี่แบบนี้ได้มั้ย...

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 53


    Chapter 14 ขอผมอ้อนพี่แบบนี้ได้มั้ย...


                    ฮ้าดดด... ชิ้ววววว!!!!!!!”

                    โธ่เอ๊ย... ไอ้แมวเอ๊ย ฉันอุตส่าห์เตือนแกแล้วนะแต่แกไม่ฟังเอง เป็นไงล่ะ... หวัดกินหัวเลยเนี่ย นิชคุณบ่นออกมาเป็นชุดด้วยท่าทางหน่ายๆพลางปรายสายตามามองผมที่นั่งตัวสั่นงันงกเป็นเจ้าเข้าอยู่บนเตียง ทั้งๆที่ผมเองก็ใส่ชุดกันหนาวมาตั้งหลายชั้นแล้วแท้ๆ ผมใส่เสื้อยืดแขนยาวที่มีเนื้อผ้าหนาที่สุดในบ้านไว้ด้านใน ทับด้วยเสื้อกันหนาวมีฮู้ดที่มีเนื้อผ้าหนากว่าเพื่อป้องกันความหนาวไว้อีกชั้นหนึ่ง เสริมเกราะป้องกันด้วยเสื้อโค้ทที่นิชคุณลงทุนขนกลับมาจากเมืองนอกเมื่อสองปีที่แล้ว แค่นี้ยังไม่พอ... พี่เจย์สุดที่รักของผมยังอุตส่าห์สละผ้าพันคอผืนหนายี่ห้อหลุยส์ติงต๊องให้ผมพันคอไว้ป้องกันความหนาวอีกต่างหาก (ซาบซึ้ง...) แต่ไข้ก็ยังดูจะไม่บรรเทาลงเลยซักที

                    ก็ฉันไม่นึกว่ามันจะหนักขนาดนี้นี่หว่า ฮ้าดเช้ยยยย...!!” ผมกล่าวออกมาด้วยเสียงสั่นเครือก่อนที่จะส่งเสียงจามดังสนั่นออกมาอีกรอบ น้ำมูกไหลเยิ้มลงมาจากจมูกทำให้ต้องสูดมันกลับเข้าไปอย่างยากลำบาก เพิ่งรู้ว่าการเป็นหวัดเนี่ยมันทรมานอย่างนี้นี่เอง

                    ตึก...

                    เสียงเปิดประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างของใครบางคนที่เดินถือถาดข้าวต้มควันฉุยเข้ามาในห้อง พี่เจย์วางถาดข้าวต้มร้อนๆนั้นไว้ที่โต๊ะข้างเตียงก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้กับผม เขาวางมือลงบนหน้าผากของผมอย่างแผ่วเบาแล้วทำหน้าเหมือนกับกำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง ในวินาทีนั้นเองใจของผมมันก็เต้นตึกตักขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...

                    เอ่อ...

                    ตัวร้อนมากเลยนะนาย โธ่เอ๊ย... เมื่อวานทำเป็นอวดเก่ง พี่เจย์บ่นใส่ด้วยสีหน้าหน่ายใจเหมือนกับนิชคุณเมื่อกี้นี้ แต่ว่าให้ความรู้สึกแตกต่างกันลิบลับ ถ้าเป็นพี่เจย์ล่ะก็... ต่อให้ต้องโดนบ่นเสียจนหูชาผมก็ยอม เอ้า กินข้าวต้มนี่ซะสิ ฉันทำมาให้

                    เขาเป็นห่วงเราด้วยแหล่ะ... ดีใจจังเลย...

                    อ่ะ... อ้า... ท่าทางงานนี้ให้พี่เจย์ดูแลจะดีกว่างั้นสินะ งั้นเดี๋ยวส่วนเกินขอไปโทรหาน้องอูด้งก่อนแล้วกัน บ๊ายบาย นิชคุณกล่าวขึ้นก่อนที่จะรีบปลีกตัวออกไปจากห้องนี้โดยไว ทำได้ดีมากไอ้เพื่อนเลิฟ... ผมได้คิดอย่างนี้อยู่ในใจแล้วชูนิ้วโป้งไปทางมันด้วยความซาบซึ้ง แกช่างเป็นเพื่อนที่ดีอะไรอย่างงี้... เดี๋ยววันหลังฉันจะตอบแทนให้โดยการช่วยเรื่องเหลือของแกกับน้องอูยองก็แล้วกัน

                    กินเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาด้วยนะ แล้วก็......

                    ว้าว... ข้าวต้มนี่น่าอร่อยดีจัง ผมกระดึ้บๆตัวไปยังเบื้องหน้าของชามข้าวต้มที่วางแน่นิ่งส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนที่จะหันกลับไปทำสายตาวิ๊งวับที่ใครเห็นก็เป็นต้องใจอ่อน (หรือไม่ก็รู้สึกอยากกระทืบให้จมดิน) ใส่อีกคน ถ้ามีใครป้อนให้ก็คงดีสินะ

                    หา? พี่เจย์ทำหน้าเหวอ ส่วนผมก็เพียงแค่ทำลอยหน้าลอยตาไปอย่างนั้น

                    โอ๊ยย... วันนี้ผมรู้สึกไม่มีแรงเลย ไข้ขึ้นสูงด้วย อยากให้มีใครสักคนคอยช่วยเหลือจังเลยน้า จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนักหรอกนะครับ อิอิ ผมก็แค่อยากจะลองทำตัวตอแหลเหมือนนิชคุณดูเท่านั้นเอง (นิชคุณ : แกว่าอะไรนะ??)

                    อีกสาเหตุหนึ่งที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ... ผมเพียงแค่อยากที่จะเรียกร้องความสนใจจากเขาบ้างก็เท่านั้นเอง...

                    อือ... ก็ได้ๆ เดี๋ยวฉันป้อนให้นายแล้วกัน พี่เจย์ตอบรับพร้อมส่งเสียงถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างหน่ายๆ เย้... ตอนนี้ผมดีใจเสียยิ่งกว่าตอนซื้อหวยถูกรางวัลที่หนึ่งซะอีก พี่เจย์ลากเก้าอี้มานั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับผมแล้วหยิบช้อนขึ้นมาจิ้มลงไปบนผิวหน้าของข้าวต้มในชามนั้น ผมมองหน้าเขาไปพลางๆด้วยความสุขอุรา เพียงแค่ได้เฝ้ามองเขาอยู่อย่างนี้ ทั้งชีวิตนี้ผมก็คงจะไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

                    คุณคิดว่าผมจะพูดอย่างนั้นสินะ... แต่เปล่าหรอก... ผมน่ะเป็นคนโลภมากจะตาย...

                    เอ้า... ช้อนโลหะที่มีข้าวต้มจำนวนหนึ่งอยู่ข้างบนถูกยื่นมาที่เบื้องหน้าของผม กินสิ

                    ผมฉีกยิ้มกว้างก่อนที่จะอ้าปากแล้วงับข้าวต้มคำโตนั้นเข้าไปเต็มๆ แต่ทว่า...

                    นี่แทค... พี่เจย์กล่าวขึ้นทั้งๆที่ยังคงถือช้อนค้างไว้อย่างนั้น เรื่องเมื่อวาน... ขอบคุณนะ

                    ...

                    ถ้าหากฉันไม่ได้นายช่วยไว้ในตอนนั้น ฉันก็คงจะตายไปแล้ว

                    นี่พี่... รู้อะไรมั้ย? ผมกล่าวขึ้น

                    เอ๊ะ?

                    ว่าข้าวต้มของพี่น่ะ... มัน... ร้อน!!!!!!!” ผมร้องออกมาสุดเสียงก่อนที่จะรีบพ่นข้าวต้มที่เพิ่งกินไปเมื่อกี้ออกมาแทบจะในทันที เหมือนมีตุ่มอะไรเล็กๆผุดขึ้นอยู่บนลิ้นเต็มไปหมด อ๊ากก... ลิ้นโผ๊มม

                    อ่า... ขอโทษๆ เดี๋ยวฉันเอาน้ำมาให้นะ พี่เจย์ที่เห็นดังนั้นจึงรีบกระวีกระวาดหาน้ำใส่แก้วมาให้ผมดื่มทันทีก่อนที่ลิ้นมันจะสุกเกินไปมากกว่านี้ โอ๊ยยย... แสบลิ้นจริงๆ ทันทีที่ผมได้รับแก้วน้ำมาอยู่ในมือก็รีบเทมันเข้าไปในปากรวดเดียวทันทีเพื่อร่นระยะเวลา อา... เย็นชื่นจายย

                    เป็นยังไงบ้าง

                    ... ก็แค่ปากพองนิดหน่อยเท่านั้นเอง... ถึงจะร้อนไปหน่อย... แต่ก็อร่อยดีนะครับ

                    ... พี่เจย์ก้มหน้างุดๆด้วยความเขิน (ล่ะมั้งนะ... เข้าข้างตัวเองนิดหน่อย) ขอบใจ

                    พี่พูดแบบนี้หลายครั้งแล้วนะ พี่รู้มั้ย... ว่าพี่น่ะน่ารักมากเลย... น่ารักเสียจนผมอยากจะได้พี่มาเป็นของผมคนเดียว

                    ก็นายช่วยฉันเอาไว้ตั้งสองครั้งแล้วนี่นา พี่เจย์บ่นอุบอิบ แต่ผมได้ยินชัดเจนแจ่มแจ๋ว ตั้งแต่ตอนนั้น...

                    ผมก็ไปบอกแล้วไง... ว่าผมจะเป็นคนปกป้องพี่เองนะถึงจะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามที...

                    คนบ้า... พี่เจย์ตีแขนของผมเบาๆแก้เขิน (เข้าข้างตัวเองเล็กน้อย...) โอ๊ย... เจ็บจังเลย แต่ถ้าพี่เจย์เป็นคนตีล่ะก็ต่อให้ต้องโดนตีสักร้อยทีผมก็ยอม ฮี่ๆ

                    ฉันไม่ป้อนให้แล้ว กินเองแล้วกัน

                    อ้าว ทำอย่างงี้ได้ยังไงอ่า

                    เชอะ...

                    ... ผมยิ้มกริ่ม เอาเถอะ... ขอแค่อาหารมื้อนี้เป็นฝีมือของพี่เจย์ก็เพียงพอ

                    RRRRRRRR… RRRRRRRRR…

                    อ๊ะ... โทรศัพท์ เพราะเสียงนั้น... เสียงที่บ่งบอกถึงลางร้าย... ทำให้ผมถึงกับหน้าบึ้ง

                    มันมาอีกแล้ว...

                    อุตส่าห์หลงนึกดีใจเพราะมันหายหัวเข้ากลีบเมฆไปตั้งนาน... แต่มันคิดจะมาทำลายความสุขเล็กๆของผมอีกแล้วอย่างนั้นเรอะ...??

                    เฮอะ... ไอ้จุนโฮ... แกรู้จักฉันน้อยไปแล้วนะ...

                    โอ๊ย!!!!” ผมส่งเสียงร้องครวญครางขึ้นมาอย่างเจ็บปวด พลางใช้มือทั้งสองข้างกุมท้องไว้ให้อีกคนได้รับรู้ว่าเราเจ็บปวดมากขนาดไหนเพื่อเสริมความแนบเนียน และมันก็ได้ผล... พี่เจย์รีบวางโทรศัพท์มือถือที่ยังคงส่งเสียงดังไม่ขาดสายนั้นไว้บนโต๊ะแล้วรีบบึ่งมาดูอาการของผมที่นอนดิ้นเป็นปลิงตากแห้งอยู่บนเตียงทันที เป็นไปตามแผนเป๊ะ...

                    แทค... เป็นยังไงบ้าง ลุกไหวมั้ย ให้ฉันช่วยอะไรรึเปล่า? พี่เจย์พ่นคำถามออกมารวดเดียวด้วยความเป็นห่วง อา... แค่เห็นหน้าพี่แค่นี้ผมก็รู้สึกว่าตัวเองหายปวดเป็นปลิดทิ้งแล้วล่ะครับ

                    ม... ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็แค่... โอ๊ย!!” นั่น... ยังคงเล่นละครต่อไปอย่างสมบทบาท ไอ้ลีจุนโฮแกอยากจะถือสายรอต่อไปก็เรื่องของแกเถอะนะ เพราะฝ่ายนี้จะไม่มีวันรับสายของแกแน่ๆ

                    แทค... เดี๋ยวฉันจะหายาแก้ปวดมาให้นะ รอเดี๋ยว เอ่อ... มันชักจะออกนอกแผนการไปหน่อยแล้วนะ ในตอนนั้นที่พี่เจย์กล่าวขึ้นมาพอดีกับตอนที่เสียงโทรศัพท์เงียบลงไปพอดี

                    อ๋อ... ไม่เป็นไรหรอกครับ... ผมหายปวดแล้วล่ะ ผมยิ้มแฉ่งตอบไป ส่วนพี่เจย์ก็ทำสีหน้าลังเลอยู่พักหนึ่ง

                    แน่ใจนะ ฮะฮ้า... ถามอย่างงี้แปลว่าตะเองเป็นห่วงเค้าอ่ะดิ

                    เป็นห่วงผมเหรอครับ?

                    เปล่า... แค่ขี้เกียจที่จะต้องแบกภาระมากไปกว่านี้ ชะอุ๋ย... โดนเขาเหมารวมว่าเราเป็นภาระซะอย่างนั้น เชอะๆๆๆ ผมไม่ใช่ภาระของพี่ซะหน่อยนึง

                    ล้อเล่นน่าๆ นี่ฉันเป็นห่วงนายจริงๆนะ

                    จริงๆเหรอครับ? เริ่มจะใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยถึงปานกลาง... เอ๊ย... ถึงระดับสูงสุดเลยแล้วกัน

                    จริงสิ... ไม่งั้นฉันจะมานั่งเฝ้านายอยู่อย่างนี้มั้ยล่ะ?

                    โว้ว... ดีใจสุดๆ... ยิ่งกว่าตอนที่ได้เจอกับพี่เรนไอด้อลระดับโลกขวัญใจของผมอีกนะเนี่ย...

                    RRRRRR… RRRRRR…

                    มันมาอีกแล้ว... หน๊อย ไอ้นี่... ตายยากจริงนะมึง...

                    เอ่อ... ผมกล่าวขัดขึ้นเพื่อรั้งไว้ไม่ให้อีกคนไปรับสาย แต่ว่าในหัวสมองของผมมันคิดมุกอะไรไม่ออกเลย ทำให้ไม่สามารถห้ามไว้ได้ทัน...

                    ฮัลโหล... ไง จุนโฮ พี่เจย์ตอบรับเสียงปลายสายไปด้วยน้ำเสียงร่าเริงเหมือนปกติที่สองคนนั้นเขาอยู่ด้วยกัน ทำให้ผมรู้สึกจี๊ดขึ้นมาในใจอย่างตะหงิดๆ

                    อ๋อ... วันนี้เหรอ เอ่อ... หูของผมฝึ่งออกเพื่อรับเสียงเต็มที่ทันทีเมื่อได้ยินคำๆนั้นออกมาจากปากของพี่เจย์ ว่าไงนะไอ้เด็กหน้าตี๋ แกมีแผนการอะไรอีก?? โทษทีนะ... คงจะไม่ได้หรอก พอดีมีธุระนิดหน่อยนะ

                    ... เมื่อได้ยินอย่างนี้ผมเองก็ถึงกับอึ้งไปเลยเช่นกัน นี่พี่เจย์อุตส่าห์ลงทุนปฏิเสธคนที่ชอบ... เพื่อเราเลยเหรอเนี่ย

                    อืมใช่... ไว้เดี๋ยวค่อยโทรคุยกันทีหลังแล้วกัน ขอโทษนะ พี่เจย์พูดทิ้งท้ายกับคนปลายสายไว้เพียงเท่านั้นก่อนที่จะกดปุ่มตัดสายทิ้ง เขาหันกลับมาผมที่ได้แต่นั่งทำหน้ามึนงงอยู่ที่เตียง ทำหน้าแบบนั้นมีอะไรจะบอกฉันงั้นเหรอ?

                    เอ่อ...

                    นายคงคิดว่าฉันจะไปกับจุนโฮสินะ ถูกเผงเลย... อย่างพี่น่าจะไปทำหน้าที่แทนหมอรักษ์ฟันธงได้นะ ไม่หรอก... ฉันไม่ใช่คนไร้ความรับผิดชอบอย่างนั้น

                    เอ๋?

                    ก็คนที่ทำให้นายต้องเป็นอย่างนี้น่ะมันฉันไม่ใช่รึไง อ่า... ไม่ใช่หรอก ผมทำตัวเองมากกว่านะงานนี้ ฉันก็เลยต้องมาดูแลนาย... อย่างนี้ไง

                    ผมนิ่งเงียบไป... หางคิ้วของผมตกลงเล็กน้อย...

                    นี่แปลว่าถ้าหากไม่มีอะไรติดพันล่ะก็ พี่ก็คงจะไม่มาทำอะไรอย่างนี้ใช่มั้ยครับ?

                    ห๊ะ? นี่นายพูดบ้าอะไรของนายกันน่ะ??

                    เปล่าหรอกครับ... อย่าไปใส่ใจเลยดีกว่า ผมตอบปัดๆไปอย่างนั้นแล้วทิ้งตัวลงนอนทันที ผมนี่มัน... ใจเสาะจริงๆด้วย ถ้าจะออกไปล่ะก็อย่าลืมปิดไฟด้วยนะครับ... ผมจะนอนแล้ว

                    ... พี่เจย์เงียบไปพักหนึ่ง นายยังกินข้าวไม่หมดเลยนะ

                    เดี๋ยวผมกินต่อครับ เอาไว้อย่างนี้แหล่ะ

                    ... งั้นฉันไม่รบกวนนายแล้วก็ได้ พี่เจย์กล่าว ตอนกินข้าวเสร็จอย่าลืมกินยาด้วยนะ นายจะได้หายเร็วๆยังไงล่ะ ฉันไปก่อนนะ

                    ... แต่ผมกลับอยากป่วยอย่างนี้นานๆเสียมากกว่า...

                    ถ้าเกิดมีอะไรก็เรียกฉันนะ ฉันอยู่ในห้องนั่งเล่นตลอด พี่เจย์ทิ้งท้ายไว้กับผมเพียงเท่านั้น ก่อนที่ไฟในห้องจะมืดลง และเสียงปิดประตูอย่างแผ่วเบาที่ดังตามขึ้นมาติดๆ

                    ผมขอโทษนะครับ... ที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่ดีอย่างนี้... แต่ผมแค่หึงเท่านั้นเองนะ...

                    กินข้าวแล้วอย่าลืมกินยาอย่างนั้นเหรอ... หึ...

                    ผมยันตัวลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วจดจ้องไปยังชามข้าวต้มที่ยังคงอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนั้นเหมือนเมื่อหลายนาทีก่อนหน้านี้ ไอความร้อนของมันเบาบางลงไปมากเสียจนเรียกได้ว่าหายไปเลยก็คงจะไม่ผิดนัก ผมหยิบช้อนขึ้นมาคนๆข้าวต้มที่อยู่ภายในชามนั้นแล้วตักขึ้นมาคำหนึ่ง

                    อื้ม... ผมกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ ถึงจะเย็นแล้ว... แต่ยังไงก็อร่อยนะ

     

                    นี่ก็สองวันผ่านไปแล้วหลังจากที่ผมป่วยเป็นหวัดนอนซมมาสักพักใหญ่ๆ แต่มันกลับเป็นช่วงที่ทำให้ผมรู้สึกสุขอุราเป็นที่สุด ทำไมน่ะเหรอ? หุๆๆๆ เพราะว่าพี่เจย์ (ว่าที่) ศรีภรรยาสุดที่รักของผมคอยดูแลผมอยู่ไม่ให้ขาดเลยยังไงล่ะ แหม่... ทำข้าวต้มมาให้กินทั้งมือเช้า มื้อเที่ยง มื้อเย็นก็ด้วย แต่ผมไม่เบื่อหรอก ก็ฝีมือสุดที่รักน่ะอร่อยเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว จริงมั้ยล่ะครับ?

                    แถมอีกอย่างหนึ่งก็คือ... ช่วงนี้ถึงแม้ว่าจุนโฮโทรมาหาแล้วชวนไปไหนมาไหนด้วยกัน พี่เจย์ก็จะปัดทิ้งออกไปเสียหมดทั้งๆที่จริงๆเจ้าตัวก็คงจะรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย แถมระยะเวลาการพูดคุยก็ยังร่นลงไปอีกตั้งเยอะเพราะเขามีหน้าที่ต้องมาคอยดูแลผมที่เป็นคนป่วยเคสหนัก มีแค่ช่วงเวลาแบบนี้เท่านั้นที่ผมจะสามารยื้อเขาให้อยู่กับผมแบบนี้ได้

                    เฮ้... ไข้ลดลงตั้งเยอะแล้วนี่นา ใกล้หายแล้วนี่แก นิชคุณเพื่อนสุดที่รักสุดใจขาดดิ้นกล่าวขึ้นหลังจากที่หยิบปรอทหวัดไข้ขึ้นมาดูแล้ว ในขณะเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างขยี้หัวผมไปด้วย ดีใจด้วยนะ หลังจากนี้แกก็จะได้ออกไปโลดแล่นภายในโลกกว้างได้เหมือนดั่งปกติแล้ว

                    ... ผมเงียบไป... อยู่ดีๆใบหน้าของคนๆนั้นก็ผุดขึ้นมาภายในความคิด แต่ฉันกลับอยากป่วยอยู่อย่างนี้มากกว่านะ

                    เฮ้ย นายบ้าไปแล้วรึเปล่าเนี่ย?

                    ไม่หรอก... ก็แค่คิดว่า... จะไม่ได้มีช่วงเวลาแบบนี้อีกแล้ว เอ่อ... แต่ฉันคิดว่าฉันยังคงมึนๆหัวอยู่เลยนะ โอ๊ย... ปวดท้องด้วย คงอีกซักพักกว่าจะหายล่ะนะ ขอนอนพักก่อนแหล่ะ

                    อืม... ได้ๆ นิชคุณตอบรับทันที งั้นถ้ามีอะไรก็เรียกฉันแล้วกันนะ หรือไม่ก็เรียกพี่เจย์ก็ได้... รายนั้นคอยดูแลนายอยู่ตลอดเลยนี่นา

                    อืม... นั่นแหล่ะ... สาเหตุที่ผมอยากจะยืดเวลาป่วยออกไปให้มากกว่านี้

                    บายนะ... ขอให้หายเร็วๆล่ะไอ้เพื่อนเลิฟ บทสนทนาของผมกับนิชคุณถูกตัดฉับลงไปเพียงเท่านั้นก่อนที่เสียงปิดประตูจะดังขึ้น เปลี่ยนจากหายเร็วๆ เป็นหายช้าๆได้มั้ยวะ

                    ถ้าจะให้ดี... ขอให้หายหวัดปีหน้าเลยทีเถอะ...

                    อืมๆ อาการก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ... เสียงคุยของผู้มาใหม่ที่เพิ่งเปิดประตูและเดินเข้ามาเมื่อกี้นี้ดังขึ้น ผมแกล้งทำเป็นหลับตาลงให้เหมือนกับตัวเองกำลังนอนอยู่เพื่อไม่ให้เขาสงสัย แต่ก็พยายามที่จะเงี่ยหูฟังเต็มที่

                    ก็ให้กินแต่ข้าวต้มล่ะนะ... นอกเหนือจากนั้นคงจะกินไม่ได้หรอก ห๊ะ... นายว่าอะไรนะ จะบอกว่าฉันทำเป็นแค่อย่างเดียวอย่างนั้นน่ะเหรอ ไอ้นี่... เดี๋ยวปั๊ดเสยคาง ถึงจะเป็นรุ่นน้องแต่ก็ใช่ว่าฉันจะยอมนะเฟ้ย เวลาที่พี่เจย์ใช้น้ำเสียงแบบนี้ก็สามารถเดาได้เลยว่าคนที่อยู่ปลายสายนั้นควรที่จะเป็นใครมากที่สุด เขากำลังคุยเรื่องของผมอยู่อย่างนั้นน่ะเหรอ...

                    ขอโทษทีนะจุนโฮ แต่ช่วงนี้ฉันต้องดูแลแทคน่ะ คงอีกสักพัก... ดูแลผมอย่างนั้นเหรอ... งั้นเดี๋ยวไว้ค่อยไปเที่ยวกันใหม่แล้วกันนะ จะได้ชวนแทคไปด้วยเลยไง

                    จริงๆแล้ว... ผมก็ใกล้จะหายอยู่แล้วล่ะ...

                    คิดว่าวันนี้พี่คงจะออกไปเที่ยวกับจุนโฮอย่างที่ต้องการได้แล้ว...

                    แต่ขอเถอะนะ... ขอให้ผมอ้อนพี่แบบนี้อีกสักนิดได้มั้ย...

                    ถึงจะถูกหาว่าทำตัวเอาแต่ใจก็ไม่เป็นไร... แต่ผมอยากขออ้อนพี่อยู่อย่างนี้อีกสักพัก...

                    โอเค... บาย พี่เจย์ตัดบทสนทนาลงเพียงเท่านั้นก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงตู้ดคล้ายกับเสียงกดตัดสายดังขึ้น ผมรีบหลับตาปี๋ทันทีเมื่อรู้สึกว่าพี่เจย์กำลังจ้องมองตรงมาทางนี้ หวาย... เขาเดินเข้ามาแล้ว

                    อืม... รู้สึกถึงฝ่ามือที่สัมผัสลงมาบนใบหน้า เวรกรรม... อย่างงี้เขาก็รู้หมดสิว่าตัวเราไม่ร้อนแล้ว แต่ผมก็ยังคงหลับตาแน่นอยู่อย่างนั้น ฝ่ามือของพี่เจย์ถูไปถูมาอยู่ที่บริเวณนั้นที่เดียว... ทำเอาหัวใจของมันเต้นตุ้บตั้บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

                    เวลานายเงียบๆแบบนี้ก็ดูน่ารักดีเหมือนกันนะแปลว่าปกติพี่ไม่เคยเห็นผมน่ารักเลยใช่มั้ยเนี่ย (ทั้งๆที่ผมออกจะแอ๊บแบ๊วขนาดนี้แล้วแท้ๆนะ) แต่ฉันชอบเวลานายกวนฉันมากกว่า

                    ไม่นึกเลยว่าพี่เจย์จะมีรสนิยมแบบนี้... จัดไปอย่าให้เสีย ฮ่าๆๆ

                    อ... อ้าว ตื่นแล้วเหรอ? จริงๆผมตื่นตั้งแต่ตอนที่พี่เข้ามาแล้วล่ะ อิอิ แต่ผมแค่แกล้งหลับเท่านั้นเอง

                    เพิ่งตื่นเมื่อกี้นี้เองครับ พี่มีอะไรรึเปล่า? ผมแกล้งทำสีหน้างัวเงียเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนแล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงมึนงงแบบสุดๆ ฮะๆ แกล้งพี่เจย์เนี่ยสนุกที่สุดในโลกเลยนะพวกคุณรู้มั้ย

                    เปล่าหรอก ก็แค่เข้ามาดูอาการนายน่ะ หายแล้วเหรอ?

                    พี่อยากให้ผมหายไวๆเหรอครับ?

                    ก็หายหวัดมันเป็นเรื่องดีไม่ใช่เหรอ? ทำไมล่ะ?พี่เจย์ที่เห็นว่าผมทำสีหน้าแปลกประหลาดไปจึงเอ่ยถามขึ้น ปกติแล้วผมเองก็เห็นว่าการหายหวัดมันเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน มีอะไรรึเปล่า... บอกฉันได้นะ

                    ... ผมเงียบไป ถ้าหากว่าผมหายป่วยแล้ว... พี่ก็จะกลับไปหาจุนโฮเหมือนเดิมใช่มั้ยล่ะครับ?

                    เพราะอย่างนั้น... ผมถึงจะหายป่วยไวๆไม่ได้เลย...

    ______________________________________________________________________________

    Talk with Writer :

    ไรเตอร์กลับมาแล้วจ้า~~ การเปิดเทอมเป็นอะไรที่สนุกสุดเหวี่ยงไปเลย (เอ่อ... อันที่จริงไปโรงเรียนช้ากว่าเพื่อนๆคนอื่นตั้งสองวันแหน่ะ ด้วยความที่ว่าเกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อยากจะอาเจียน - -") และนั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆว่าทำไมไรเตอร์ไม่ได้เข้ามาอัพตั้งสองวัน หวังว่าคงจะไม่ลืมกันนะ...
    พาร์ทนี้เป็นพาร์ทที่เขียนอย่างทรหดมาก นั่งคิดอยู่ตั้งนานจนหัวแทบแตกว่าจะทำยังไงให้อิเหมียวดูเหมือนคนป่วยดี (คือว่าจินตนาการไม่ออกน่ะ) มีจุนโฮโผล่มาแพลมๆ ไว้ทรมานใจแทคเล่น อิอิ แต่ก็แค่แพลมๆจริง (น่าสงสารน้องโฮเนอะ - -" แต่อย่างนี้แทคมันควรจะดีใจใช่มั้ย?) เม้น+โหวตกันด้วยนะคะ (ไรเตอร์ยัง 0% อยู่เลยอ่ะ - -; ช่วยๆกันหน่อยนะฮิ)


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×