ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic 2PM TJ & KD & CH] Hyung, Can we be more than friend?

    ลำดับตอนที่ #17 : Chapter 13 ถ้าเป็นจุนโฮ... ก็คงจะทำแบบนี้ใช่ไหมครับ?

    • อัปเดตล่าสุด 26 ต.ค. 53


    Chapter 13 ถ้าเป็นจุนโฮ... ก็คงจะทำแบบนี้ใช่ไหมครับ?


                    เราสองคนกลับบ้านกันเร็วกว่าที่คิด ระหว่างทางแทบจะไม่มีใครปริปากพูดอะไรขึ้นมาเลย เรื่องส่วนใหญ่ที่เราคุยกันจะเป็นประมาณเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนซะส่วนใหญ่ เพราะเปิดเทอมหน้าผมเองก็จะต้องไปเรียนแล้วเหมือนกัน เรากลับถึงบ้านเป็นเวลาห้าโมงกว่าๆ พอเข้ามาในห้องแล้วก็เจอกับนิชคุณที่นั่งดูรายการตลกในโทรทัศน์และขำกลิ้งอยู่คนเดียว น่าแปลกที่วันนี้ไม่ได้โทรศัพท์คุยกับเด็กที่ชื่ออูยองเหมือนอย่างเคย และดูเหมือนกับว่าแทคเองก็คงจะสงสัยไม่แพ้กัน

                    เฮ้ยไอ้คุณ... น้องด้งแกล่ะ?? แทคตะโกนถามออกไป เรียกให้คนที่กำลังนั่งขำกลิ้งให้กับมุกอะไรก็ไม่รู้ในทีวีหันขวับกลับมามองตาขวาง

                    อยู่โรงพยาบาล นิชคุณกล่าวตอบด้วยเสียงเรียบก่อนที่จะหันกลับไปดูทีวีต่อ แต่เสียงหัวเราะกลับขาดหายไปซะอย่างนั้น ผมกับแทคหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ นี่มันเรื่องอะไรกันนะ

                    ทำไมเหรอ? คราวนี้ผมเป็นฝ่ายถามออกไปบ้าง

                    มีเรื่องนิดหน่อย...

                    ก็ไอ้เรื่องที่ว่านั่นมันคืออะไรล่ะโว้ยย แทคเริ่มที่จะอดรนทนไม่ไหวกับท่าทางไม่ยี่หระของมัน ผมเองก็เหมือนกันนะ แต่แค่ไม่แสดงอาการออกไปอย่างโจ่งแจ้งก็เท่านั้นเอง

                    ... นิชคุณนิ่งไป ท่าทางเรื่องที่ว่าจะไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่เลย แทค... ถ้าหากคนที่แกชอบมีคู่หมั้นอยู่แล้วแกจะทำยังไงวะ?

                    ห๊ะ?? แทคอุทานขึ้นด้วยความงุนงง ส่วนผมเองก็ย่นคิ้ว

                    แล้ว... ถ้าหากว่าคู่หมั้นของคนที่นายชอบป่วยเป็นโรคร้ายแรงล่ะ? นายจะปลอบเขาว่ายังไง?

                    เดี๋ยวๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ? ผมถามออกไป ตอนนี้ผมสับสนไปหมดแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันคือเรื่องอะไรกันแน่ ไอ้คุณก็ดูมีท่าทางที่แปลกออกไปจากเดิม ยิ่งทำให้ผมสงสัยมากขึ้น เรื่องร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอ

                    ... แทคนิ่งไป เขาจ้องมองนิชคุณนิ่งราวกับจะสื่อสารกันทางสายตา ถ้าเป็นฉัน... ฉันจะบอกเขาว่าอย่าคิดมากเลยนะ

                    แล้วถ้านายอยากจะรั้งเขาไว้ให้อยู่กับนายล่ะ... นายจะบอกเขาว่ายังไง

                    ฉันจะบอกกับเขาว่า... แทคเว้นจังหวะ เขาเหลือบตามามองผมเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวต่อ ผมชอบคุณครับ...

                    เอ๊ะ...ทำไมอยู่ๆผมถึงได้รู้สึกใจเต้นขึ้นมาอย่างนี้ล่ะเนี่ย เขามองมาทางผมอย่างนั้นเหรอ... เอ๊ะ... หรือว่าบังเอิญ

                    บังเอิญแน่ๆเลย... เขาไม่มีทางพูดกับผมอย่างนั้นแน่ๆ...

                    ตกลงแกมีเรื่องอะไรกันแน่ไอ้คุณ?

                    คู่หมั้นของอูยองป่วยเป็นโรคเรื้อรังที่หัวใจ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเขายังไง... อูยองดูจะเป็นห่วงเด็กคนนั้นมากเลยทีเดียว นิชคุณกล่าว ฉันรู้ว่าเขาไม่สามารถทิ้งเด็กคนนั้นได้ ฉันก็เลย... ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อไปดี

                    นี่ไอ้คุณ... แทคกล่าวพลางถอนหายใจออกเบาๆ ที่บอกว่า ทิ้งไปไม่ได้น่ะ... ไม่ได้แปลว่าเขาสองคนนั้นรักกันหรอกนะ

                    ...

                    อูยองอาจจะมีหน้าที่ที่ต้องดูแลเด็กคนนั้นก็จริง แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่าความห่วงไยที่มีต่อเพื่อนก็ได้ แทคกล่าวต่อ นายเองก็คงจะไม่อยากให้อูยองทอดทิ้งผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังป่วยเป็นโรคร้ายไว้คนเดียวหรอกใช่มั้ย

                    นิชคุณส่ายหัว แล้วฉันควรจะทำยังไงดี?

                    รอดูสถานการณ์ไปก่อนสักพักหนึ่ง... แล้วค่อยบอกกับเขาว่าชอบ แทคตอบ ถ้าเกิดบอกไปตอนนี้ก็รังแต่จะทำให้เขาลำบากใจเท่านั้น

                    ถึงจะดูเหมือนเป็นคนไม่ค่อยประสีประสาในเรื่องของความรัก... แต่ในเวลาแบบนี้แทคยอนเองก็เป็นที่พึ่งได้ดีเหมือนกันนะ...

                    ตอนนี้นายก็คอยอยู่เคียงเขาหน่อยก็แล้วกัน ดูเหมือนว่าอูยองจะใช้นายเป็นที่พึ่งพิงอยู่ซะด้วย พยายามทำให้เขารู้สึกสบายใจเข้าไว้... เดี๋ยวอะไรๆมันก็ดีเองน่ะแหล่ะ

                    ดูเหมือนว่าแทคยอนจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีได้... ก็ควรจะให้เขาสองคนได้มีเวลาคุยกันสินะ...

                    จะว่าไปแล้วเรื่องแบบนี้ผมเองก็ช่วยอะไรใครเขาไม่ค่อยได้... ปล่อยให้เขาสองคนคุยกันเองดีกว่า...

                    งั้นนายสองคนก็คุยกันไปก่อนแล้วกันนะ... เดี๋ยวฉันจะขอไปเดินเล่นแถวนี้สักพักหนึ่ง

     

                    ผมหยุดยืนอยู่บนกระเบื้องริมสระว่ายน้ำ ตอนนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว น้ำในสระก็คงจะเย็นเจี๊ยบถึงขั้วหัวใจ ใครที่หลวมตัวลงไปว่ายเล่นล่ะก็มีหวังแข็งตายแน่ ในช่วงเวลาแบบนี้จึงไม่มีใครสักคนเลยที่มานั่งแกร่วอยู่แถวนี้เหมือนกับผม แสงไฟจากใต้สระทำให้ผิวน้ำสะท้อนประกายระยิบระยับ แถมน้ำในสระยังใสแจ๋วจนเห็นพื้นกระเบื้องสีน้ำเงินเบื้องล่าง เสียอย่างเดียวก็คือแถวนี้ลมไม่ค่อยจะมีเพราะโดนอาคารบดบังไว้เสียจนหมด... แต่ผมชอบที่เงียบๆแบบนี้

                    อย่างสมัยตอนที่อยู่ม.ปลายที่ซีแอทเติ้ล นิชคุณกับจุนโฮเป็นพวกที่ชอบว่ายน้ำเอามากๆ โดยเฉพาะจุนโฮที่มีดีกรีเป็นถึงนักกีฬาชั้นแนวหน้าของโรงเรียน หลังเลิกเรียนแล้วผมก็มักจะถูกสองคนนั้นดึงไปสระว่ายน้ำด้วยกันบ่อยๆ ทั้งๆที่ผม... เอ่อ... ว่ายน้ำไม่เป็น (เอาเถอะ) ในขณะที่สองคนนั้นกำลังเฮฮาปาจิงโกะกันอยู่ในสระน้ำตามประสาคนว่ายน้ำเป็น ผมก็ได้แต่นั่งเฝ้ามองอยู่ห่างๆที่เก้าอี้ริมสระ ขอย้ำ! ว่านั่งอยู่ห่างๆจริงๆ ผมไม่กล้าแม้แต่ที่จะเหยียบผิวน้ำเลยด้วยซ้ำ กลัวว่าถ้าหากลื่นตกลงไปคงจะมีสภาพที่ดูไม่ดีนัก

                    แต่ว่า... ทำไมวันนี้ผมถึงรู้สึกว่าใจมันหวิวๆจังเลยนะ...

                    ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว... ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วที่เขาจูบผม ผมรู้สึกว่าเขามีอาการแปลกไปจากเดิม แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำถึงขนาดนั้น ใจของผมมันเต้นระรัวอย่างรุนแรงราวกับจะกระเด้งออกมาให้ได้เลยเสียยังไงยังงั้น รู้สึกว่ารอบตัวมันร้อนๆหนาวๆไปหมด เขาทำอย่างนั้นทำไม...

                    แล้วทำไม... ใจของผมมันเต้นแรงขนาดนี้กันล่ะ...

                    ยิ่งตอนที่หมอนั่นพูดคำว่า ผมชอบคุณ ใจของผมมันก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ได้พูดกับผม แต่ในวินาทีนั้นเขาก็หันมามองผมจริงๆ เล่นเอาผมหน้าแดงไปเลยทีเดียว... หมอนั่นกะจะทำอะไรกันแน่

                    เขาคงไม่ได้... ชอบเราหรอกนะ...

                    แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะ... ผมจะทำยังไงดี...

                    แทคยอน...

                    พรืด!!!!!!!!!

                    เหวอ?!!!!!!!!” ผมร้องอุทานขึ้นมาอย่างสุดเสียงด้วยความตกใจ ชั่ววินาทีหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าฝ่าเท้าของผมไถลลื่นไปกับกระเบื้องริมสระน้ำที่ตัวเองกำลังเหยียบอยู่ และชั่ววินาทีเดียวนั้นเองที่ทำให้ผมถึงกับใจเสียและทำอะไรไม่ถูก ร่างของผมจึงสัมผัสกับผิวน้ำและจมดิ่งลงไปใต้สระน้ำนั่นแทบจะภายในวินาทีเดียวกัน ผมว่ายน้ำไม่เป็น... นั่นคือความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวสมองของผม สองมือและสองเท้าตะเกียกตะกายอย่างไร้จุดหมาย... พยายามทุกวิถีทางที่จะดันตัวเองขึ้นไปสู่บนบกอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล ถึงแม้จะพยายามมากขนาดไหน... รอบกายของผมก็มีแต่น้ำ น้ำ น้ำ แล้วน้ำ แล้วคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นอย่างผมล่ะ... จะทำอะไรได้

                    ออกซิเจนเริ่มขาดหายไปทุกๆที... พอขาดออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงหัวสมองแล้ว... หนังตาก็เริ่มที่จะปิดลง...

                    สิ่งสุดท้ายที่ประสาทของผมพอจะรับรู้ได้ก็คือ... เสียงตะโกนของใครบางคน...

                    พี่เจย์!!!!!!!!!!!!!”

                    ก่อนที่ผมจะไม่รับรู้ถึงอะไรอีกต่อไป...

     

                    พี่เจย์... พี่เจย์... ตื่นเถอะครับ...

                    ... เสียงใคร...?

                    พี่เจย์... โธ่เว้ย... พี่เจย์ตื่นเถอะ...

                    แทคยอนเหรอ...?

                    อือ.......... แรงเขย่าจากแขนของใครบางคนปลุกผมให้ตื่นขึ้น ผมส่งเสียงงึมงำออกมาจากในลำคอเมื่อเริ่มรู้สึกตัวแล้ว ก่อนที่ผมจะเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ในตอนแรกภาพเบื้องหน้ายังคงเป็นภาพบางๆเพราะมีหยดน้ำเล็กๆเกาะอยู่ที่แพขนตาเต็มไปหมด สักพักผมก็เริ่มที่จะเห็นชัดขึ้น สิ่งแรกที่ผมลืมตาขึ้นมาและเห็นก็คือ... แทคยอน

                    พี่เจย์... พี่เป็นยังไงบ้างครับ? แทครีบยิงคำถามใส่ผมทันทีด้วยสีหน้าแตกตื่นเมื่อเห็นว่าผมลืมตาแล้ว รู้สึกว่าเสื้อผ้าของตัวเองเปียกชื้นไปหมดเสียจนแนบเนื้อ สภาพของคนตรงหน้าเองก็ไม่ต่างจากกันนัก... อย่างกับลูกหมาตกน้ำเลย หยดน้ำจากเส้นผมของแทคหยดติ๋งลงมาบนแก้มของผม... ทำให้รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังอยู่ในอ้อมกอดของแทคยอน

                    แทค... ผมเรียกชื่อของเขาออกไป รู้สึกหนาว... หนาวสั่นไปหมดทั้งตัว... เมื่อกี้...

                    เมื่อกี้พี่จมน้ำน่ะครับ แทคตอบ พี่ว่ายน้ำไม่เป็นใช่มั้ย?

                    นายรู้...? นิชคุณบอกแน่ๆเลย

                    นี่ถ้าผมช่วยเอาไว้ไม่ทันเนี่ยพี่ก็คงจะตายไปแล้วนะครับ แทคกล่าวด้วยสีหน้าบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธ แต่เขาจะโกรธอะไรกันล่ะ วันหลังอย่าทำอะไรอันตรายๆแบบนี้อีกนะครับ... ผมขอร้อง

                    แทค...

                    พี่เจย์!!! แทค!!! เป็นยังไงบ้าง?!!” เสียงตะโกนของใครอีกคนดังขึ้นเรียกให้เราทั้งสองคนหันกลับไปสนใจแทบจะในทันที ร่างของเจ้าของเสียงวิ่งกระหืดกระหอบมาทางนี้พร้อมผ้าขนหนูผืนหนาสองผืน พี่เจย์... พี่ไม่เป็นไรใช่มั้ย

                    นิชคุณ... เอ่อ... ไม่เป็นไร

                    นี่พี่รู้มั้ย? ไอ้แทคมันอุตส่าห์กระโดดลงมาจากระเบียงชั้น 10 เพื่อช่วยพี่เลยนะ ห๊ะ... ชั้น 10 เนี่ยนะ... จะลงทุนไปหน่อยรึเปล่า... พอเห็นว่าพี่กำลังจะจมน้ำไอ้แทคมันก็เลยเป็นห่วงพี่เอามากๆ บอกว่าถึงจะวิ่งลงบันไดไปช่วยก็คงจะไม่ทัน มันก็เลยไม่คิดอะไรแล้วกระโดดตูมลงมาอย่างที่เห็นเนี่ยแหล่ะ... แต่ขอยอมรับเลยนะว่าแกเนี่ยหนังเหนียวจริงๆ

                    ใช่เวลามาพูดเล่นมั้ยวะไอ้คุณ เอาผ้าขนหนูมาเร็ว แทคขู่ฟ่อใส่ทันทีเมื่อเห็นว่าเสียเวลาทำมาหากินไปมากแล้ว นิชคุณจึงยื่นผ้าขนหนูทั้งสองผืนที่ตัวเองถือมาให้กับแทคทันที ผมมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆ... หมอนี่ลงทุนทำถึงขนาดนี้เพื่อช่วยผมเลยเหรอ

                    นายทำอย่างนี้... นายไม่กลัวว่าตัวเองจะเป็นอะไรไปมั่งเลยเหรอ? ผมถามออกไป แต่แทคเพียงแค่ปรายตามามองผมนิ่งๆเท่านั้น ก่อนที่เจ้าตัวจะจัดการกางผ้าขนหนูผืนหนึ่งออกแล้วนำมันมาคลุมให้กับผม

                    ถ้าเป็นจุนโฮ... ก็คงจะทำแบบนี้ใช่มั้ยล่ะครับ? แทคกล่าวขึ้น... ก่อนที่จะนำผ้าขนหนูอีกผืนมาคลุมทับให้กับผมอีก ผมน่ะไม่กลัวตายหรอก... กลัวว่าพี่จะจากผมไปเสียมากกว่า

                    ... แก้มของผมเริ่มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อเมื่อเขากล่าวคำๆนั้นออกมา ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันล่ะเนี่ย

                    ฮะ ฮะ เมื่อเห็นว่าผมมีท่าทางแบบนั้นแทคจึงหัวเราะออกมาเล็กน้อยและยื่นมือออกมาวางไว้บนศรีษะของผมอย่างแผ่วเบา... ทั้งๆที่ผมแก่กว่ามันตั้งปีกว่าๆ ไอ้นี่ชักจะเอาใหญ่ซะแล้ว...

                    แต่ก็... ช่างมันเถอะ...

                    รู้ว่าตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นอยู่แล้วนี่ วันหลังอย่าทำอะไรอย่างนี้อีกนะครับ ถึงมันจะเป็นอุบัติเหตุก็เถอะ แทคกล่าว แต่ถึงมันจะเกิดขึ้นก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะผมจะเป็นคนปกป้องพี่เองนะ

                    อ... ไอ้บ้า... พูดอย่างนี้... คนอย่างฉันก็เขินเป็นเหมือนกันนะเฟ้ยไอ้เด็กบ้าเอ๊ย

                    แต่มันก็... รู้สึกดีแปลกๆนะ...

                    เอ้าๆ จะหวานกันไปถึงไหนครับคุณทั้งสองคน ในที่สุดนิชคุณก็ออกปากขัดขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหวเพราะว่าตัวเองยืนหัวโด่เป็นตอไม้อยู่ตรงนี้โดยที่ไม่ได้รับความสนใจไยดีอะไรใดๆมาตั้งนานแล้ว และเพราะคำๆนั้นที่มันพูดออกมาทำให้ผมถึงกับหน้าแดง... ส่วนแทคก็เอาแต่หัวเราะร่า นี่ไอ้แทค... ฉันเอาผ้าอีกผืนหนึ่งมาให้แกนะโว้ย แกไม่กลัวว่าตัวเองเป็นหวัดมั่งเลยรึยังไงวะ

                    แกเองก็เคยบอกนี่ว่าฉันเป็นไอ้แมวถึกไม่กลัวตาย... พี่เจย์เขาน่ะอ่อนแอบอบบางกว่าฉันเยอะ แกว่าใครอ่อนแอบอบบางนะไอ้แมวยักษ์... เดี๋ยวปั๊ดกัดหูขาดเลยนี่

                    เออๆ ตามใจแกแล้วกัน กลับห้องกันเหอะ ขืนตากลมอยู่อย่างงี้เดี๋ยวที่รักของฉันก็หวัดกินหมด

                    ใครที่รักแกมิทราบวะไอ้คุณ?!!” ไม่ได้เล่นมุขนี้ซะนานเลยทีเดียว

                    ก็ใครซะอีกล่ะ... น้องด้งของมันไง อิอิอิ แทคกล่าวพร้อมส่งเสียงขำคิกคัก ส่วนผมเองก็พยักหน้าแรงๆเป็นเชิงเห็นด้วย... ก็พักหลังนี่เขาทั้งสองคนตัวติดกันจะตายนี่นา

                    อ่ะ.... นิชคุณถึงกับหน้าแดงแปร๊ดเป็นสีลูกตำลึงสุกเลยทีเดียว ใครบอกกันเล่า?!!... ฉัน... ฉัน...

                    ฉันหยุดรักอูยองไม่ได้แล้วใช่มั้ยล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

                    แก!!!!!! ไอ้แมวยักษ์!!!!! แกไม่ได้ตายดีแน่!!!!!”

                    ... ในที่สุดพาร์ทนี้ก็จบลงด้วยประการฉะนี้...

    ______________________________________________________________________________

    Talk with Writer :

    แง้ว~~~ พรุ่งนี้ไรเตอร์ก็เปิดเทอมอีกแล้วอ่า~~~ T^T
    คงจะมาอัพช่วงเย็นๆหลังโรงเรียนเลิกนะคะ ถ้าหากเห็นว่าไรเตอร์หายหัวไปนานล่ะก็อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า~~ ไรเตอร์พยายามแหล่ว T^T
    เขียนๆไปแล้วรู้สึกอยากเป็นเจยืขึ้นมายังไงก็ไม่รู้... มีผู้ชายที่แสนดีทั้งสองคนมาคอยดูแล (ถ้าเกิดไรเตอร์เป็นเจย์ล่ะก็คงกรี๊ดแตกไปสามโลกแล้ว) วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันนะคะ ช่วยเม้นและช่วยโหวตกันด้วยเด้ออ~~
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×