ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic 2PM TJ & KD & CH] Hyung, Can we be more than friend?

    ลำดับตอนที่ #16 : Chapter 12 ไอติมรสสตรอว์เบอร์รี่เป็นเหตุ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 53


    Chapter 12 ไอติมรสสตรอว์เบอร์รี่เป็นเหตุ


                    พี่เจย์... วันนี้ไปเที่ยวกันเหอะ เสียงของแมวยักษ์ข้างๆที่ผมใช้เป็นที่ (พึ่ง) พิงดังขึ้น ผมละสายตาออกจาก PSP ในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองมันเล็กน้อย มาไม้ไหนของมันเนี่ย...

                    วันนี้เหรอ? ผมถามกลับไปด้วยสีหน้านิ่ง พอได้ยินผมถามกลับไปแบบนั้นไอ้แทคมันก็ทำหน้าบึ้ง

                    อ้อ... หรือว่าพี่จะมีนัดกับลีจุนโฮอะไรนั่น งั้นก็ขอให้มีความสุขนะครับ ผมไม่ยุ่งด้วยแล้วว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนีไปด้านข้างด้วยท่าทางงอนๆ ผมเห็นแบบนั้นแล้วแทนที่จะรู้สึกผิดแต่กลับขำเสียมากกว่า

                    โธ่เอ๊ยยย ไอ้เหมียว... นี่แกงอนอยู่ใช่มั้ยเนี่ย? ผมพูดออกไปด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ก็มันขำจริงๆนี่นา ไม่เอาน่า... อย่างอนฉันเลยนะแทค

                    ไม่ได้งอนซะหน่อย... เชอะ รู้สึกคำพูดมันขัดกับการกระทำยังไงก็ไม่รู้นะ

                    โอเคๆ ก็ได้ๆ งั้นวันนี้ไปเที่ยวกัน

                    จริงนะ? พอผมยอมพูดคำนั้นออกไปแทคก็หันกลับมาทำหน้าระรื่นใส่ในทันที

                    หรือจะไม่เอาล่ะ... ไม่เอาก็ได้นะ ฉันจะได้อยู่บ้านเล่นเกมส์สบายๆ ผมกล่าวกลับอย่างไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็แค่แกล้งพูดไปงั้นแหล่ะ เพราะผมก็เองอยากจะออกไปเที่ยวอยู่เหมือนกัน

                    โธ่พี่เจย์~~~ ไปเหอะๆ น่านะ~~”

                    ให้มันได้อย่างงี้สิ ผมเคาะ PSP ในมือลงบนหัวของแมวยักษ์ขี้อ้อนที่นั่งอยู่ข้างๆเล็กน้อย ก่อนที่จะกระเด้งตัวลุกขึ้นจากโซฟา แล้วจะไปกันเลยมั้ยล่ะ

                    ไปสิพี่แทคเองก็ลุกขึ้นจากโซฟาเหมือนกัน

     

                    ไม่นึกเลยว่าหน้าอย่างนายจะพาฉันมาในที่แบบนี้ได้

                    อ้าว... ทำไมล่ะครับ?

                    ก็นะ... เห็นหน้านายแล้วไม่นึกว่าจะเป็นคนที่สนใจใน... เอ่อ... งานศิลป์อ่ะ ผมกล่าวด้วยเสียงที่อ่อนลงเรื่อยๆพลางกวาดตามองรูปภาพต่างๆที่จิตรกรแต่ละคนบรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมาติดอยู่ตามผนังต่างๆ ผมเองก็ไม่ใช่คนที่จะไม่สนใจในความสวยงามของรูปภาพที่แต่งแต้มไปด้วยสีสันแบบนี้อยู่แล้วด้วย แต่ก็ไม่นึกว่า... ไอ้แมวยักษ์ข้างๆนี่ก็เหมือนกัน

                    ... แทคปรายตามามองผมด้วยสายตาบอกบุญไม่รับ รูปลักษณ์ภายนอกมันแสดงถึงจิตใจของคนได้ด้วยเหรอครับ? เหมือนพี่กำลังหลอกด่าผมอยู่เลยนะ

                    เปล่าซะหน่อยนึง... ฉันแค่บอกว่านึกไม่ถึงว่านายก็ชอบมาดูงานแบบนี้ต่างหากเล่า

                    น้องสาวของผมเธอชอบดูงานศิลป์แบบนี้มาก แทคบอก ทำให้ผมอดที่จะคิดไม่ได้ว่าหน้าอย่างไอ้หมอนี่ก็มีน้องสาวด้วยเหรอเนี่ย... เมื่อก่อนแถวบ้านผมมีหอศิลป์แบบนี้อยู่ น้องสาวของผมเลยชอบพาผมไปดูบ่อยๆครับ ตอนนี้เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปะอยู่ที่โซลเนี่ยแหล่ะครับ

                    พี่กับน้องเนี่ยคนละเรื่องกันเลยวุ้ย...

                    จะว่าไป... เมื่อก่อนจุนโฮก็ชอบพาฉันมาในที่แบบนี้บ่อยๆอยู่เหมือนกัน นึกถึงเรื่องในสมัยก่อน... สมัยที่เรายังอยู่ม.ปลายด้วยกัน เที่ยวเล่นสนุกสนานไปวันๆตามประสาพี่น้อง แต่ตอนนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนแปลงไปเยอะ...

                    แทคได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหน้าบึ้ง...

                    เหรอครับ...? เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนที่จะหันหน้าหนีไปด้านข้าง ทำท่าเหมือนกับกำลังดูรูปภาพอยู่อย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ส่วนผมก็มองเขาอย่างงงๆ

                    แทคๆ นายดูรูปนี้สิ... สวยมากเลยนะ ผมพะยักพะเยิดไปทางแทคยอนแล้วชี้ไปยังรูปภาพบนผนัง มันเป็นภาพของดอกไม้ที่วางรวมกลุ่มกันบนพื้นสีขาว ดอกไม้แต่ละดอกมีสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามแสงที่กระทบ แทคยอนหันมามองตามที่นิ้วของผมชี้ไปแล้เริ่มที่จะอธิบาย

                    อ๋อ... รูปนี้เป็นรูปที่จิตรกรชื่อ เวย์น ธีโบด์ (Wayne Thiebaud จิตรกรชาวอเมริกัน) เขียนขึ้นในปี 1983 ครับ ชื่อภาพว่า Flower Fan” แทคยอนอธิบายให้ผมฟัง อืม... ชักจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมมันถึงเลือกที่จะเข้าหอศิลป์ รู้เรื่องพวกนี้ดีจริงๆเลยนะ

                    สวยดีจัง ฉันเองก็อยากจะวาดให้ได้อย่างนี้เหมือนกันนะ

                    ใครๆก็อยากทั้งนั้นแหล่ะครับ แทคยิ้มตอบ เมื่อก่อนผมเองก็ชอบวาดรูปนะ แต่คนมันไม่มีพรสวรรค์หนิ เลยเลิกราไปซะก่อน

                    จริงๆถ้าเกิดนายยังฝึกอยู่นายอาจจะได้เป็นศิลปินใหญ่แล้วก็ได้นา

                    เหอะๆ คงไม่ไหวมั้งครับ

                    ผมกับแทคเดินวนไปวนมาอยู่ภาพในหอศิลป์เป็นเวลาค่อนข้างจะหลายชั่วโมงอยู่ ผมชี้ให้แทคดูภาพทางนู้นที ทางนี้ที ส่วนแทคเองก็เปิดปากอธิบายอยู่ตลอดเวลาเช่นกันในขณะที่ผมชี้ไปที่รูปนั้นรูปนี้ พอฟังไปนานๆแล้วก็รับรู้ได้เลยว่าไอ้หมอนี่มันรู้เรื่องพวกนี้ลึกถึงแก่นเลยจริงๆ ขนาดความคิดของจิตรกรมันยังบรรยายออกมาได้ซะละเอียดยิบ ไม่รู้ว่ามันเอาความคิดแบบนั้นมาจากไหน เคยอ่านเจอ... หรือว่ามันมาตามสายเลือดกันแน่...

                    หรืออีกอย่างหนึ่ง... ก็คือมั่วเอาเอง...

                    ในที่สุดเราก็ได้เยื้องย่างออกจากหอศิลป์กันซะที มาถึงตอนนี้น้ำย่อยในกระเพาะของผมก็เริ่มที่จะทำงานตามหน้าที่ของมันแล้ว ส่งเสียงดังครืดคราดโครกครากดังสนั่นได้อย่างน่าเห็นใจเป็นที่สุด ผมจึงเริ่มที่จะออกปากชิงพูดขึ้นเสียก่อนที่อีกฝ่ายจะได้เสนอความคิดเห็นอะไรขึ้นมา

                    เออนี่แทค ท้องฉันเริ่มร้องเสียงดังโครกครากแล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ ถ้าจะให้ดีน่ะนายต้องเลี้ยงฉันด้วยนะ

                    ก็ดีเหมือนกันนะ แล้วพี่อยากกินอะไรล่ะครับ? แทคหันหน้ามาถามผมที่เดินเคียงกัน ไอ้บ้านี่... ทำไมชอบปัดภาระการตัดสินใจมาที่ฉันอยู่เรื่อยเลยฟะ ไม่ใช่ว่าแก่แล้วจะมีความรับผิดชอบสูงนะเฟ้ย

                    แล้วนายอยากกินอะไรล่ะ เอ็งคิดมั่งเถอะ...

                    ผมอยากกินก๋วยจั๊บอ่ะ ไปกินกันเหอะ

                    ... ไม่เอาอ่ะ เอาอย่างอื่น

                    งั้นไปกินราดหน้าก็ได้นะ

                    ก็ไม่เอาอีกอ่ะแหล่ะ

                    แล้วพี่จะกินอะไรล่ะครับ

                    เอ้า... ก็แล้วแต่นายดิ

                    ผมชักจะอยากกินบะหมี่แล้วอ่ะ

                    ไม่เอาอ่ะ... เออใช่... ไปกินแกงกะหรี่กันเหอะ

                    ว่าแล้วผมก็รีบลากแขนของเจ้าแมวเหมียวตัวใหญ่ออกมาจากตรงนั้นทันทีตามแบบฉบับอาร์ตตัวแม่ ได้ยินเสียงพึมพำออกมาบ้างจากคนข้างหลังว่า แล้วจะถามเพื่อ... แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจอะไรแล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าร้านแกงกะหรี่ไปทันที จะบอกว่าผมอยากกินแกงกะหรี่จริงๆรึเปล่าอย่างนั้นน่ะเหรอ... เอ่อ ไม่หรอกมั้ง... แต่ผมแค่อยากแกล้งใครบางคน

                    ใช่... แค่อยากแกล้งใครบางคน

                    เมื่อก่อนผมเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ไปที่ไหนก็ไปคนเดียวมาตลอด กินข้าว... เดินเล่น... แม้แต่ทำรายงานก็ยังทำคนเดียว พอเข้ามาม.ปลายแล้วก็ได้เจอกับนิชคุณและจุนโฮที่คอยเป็นเพื่อนสนิทให้กันมาตลอด ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมาก และพอมาอยู่ที่เกาหลี... ผมก็ได้เจอกับเขา...

                    แทคยอน...

                    ถึงตอนแรกจะไม่ค่อยชอบไอ้หมอนี่เท่าไหร่นัก (เรียกได้ว่าเกลียดเลยก็คงไม่ผิด) แต่พอคบกันไปสักระยะหนึ่งแล้วก็รู้ว่าแทคเป็นคนที่นิสัยดีมากขนาดไหน เขาเป็นคนแรกที่พยายามเข้าหาผมมาตลอดหลังจากที่ผมมาถึงที่เกาหลีนี่แล้ว ตอนแรกๆก็รู้สึกรำคาญอยู่บ้าง แต่หลังๆก็รู้สึกว่ามันก็ไม่เลวนะ เวลาผมไม่มีอะไรจะทำ... ก็มีเขาเป็นคนแรกเนี่ยแหล่ะที่คอยอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที... แต่แค่มีเขาคอยอยู่เป็นเพื่อนผมก็รู้สึกสบายใจแล้วล่ะนะ

                    ผมเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพี่ชอบกินแกงกะหรี่ แทคกล่าวขึ้นด้วยท่าทางใสซื่อเสียจนน่าถีบให้ตกเก้าอี้ ใครบอกกันว่าฉันชอบกินแกงกะหรี่ฟระ...

                    เปล่าหรอก ก็แค่อยากจะแกล้งเล่นๆเฉยๆ ไม่ได้ชอบกินหรอกนะไอ้แกงกะหรี่เนี่ย

                    ถ้าอย่างนั้น... แล้วพี่ชอบกินอะไรล่ะครับ

                    ผมเงยหน้าขึ้นมองมันอย่างสงสัย

                    แล้วนี่แกจะถามฉันไปเพื่ออะไร

                    อ๋อ... เรื่องนั้น... แทคอ้ำอึ้ง ผมพอจะทำอาหารเป็นอยู่บ้าง ถ้าผมรู้ว่าพี่ชอบกินอะไรผมก็จะได้ทำให้พี่กินยังไงล่ะครับ

                    ...? ผมมองหน้ามันด้วยสายตาบ่งบอกถึงความสงสัยถึงขีดสุด เพื่ออะไร??

                    เพื่ออะไรน่ะเหรอ พี่เนี่ยถามแปลกๆนะ แทคมองหน้าผมกลับเช่นกัน เพื่อ... เอ่อ... เพื่อพี่ยังไงล่ะ

                    .... แก้มของผมเริ่มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อเมื่อคำๆนั้นออกมาจากปากของแทค ถึงจะไม่รู้ว่าคนพูดจะมีเจตนาอย่างไรก็ตามทีเถอะ ผมรีบก้มลงจ้วงข้าวในจานต่อไปทันทีเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต (แต่มันน่าจะทำให้ผิดสังเกตมากกว่านะ)

                    พอแทคเห็นท่าทีแบบนั้นของผมก็หลุดขำออกมาน้อยๆ ผมจึงรีบเงยหน้าขึ้นมาทำตาขวางใส่ทันที

                    ขำอะไรไอ้เหมียว??

                    อ้อ... เปล่า เจ้าตัวรีบปฏิเสธทันควัน ก็พี่น่ารักดีอ่ะ

                    ... ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก ก่อนที่จะก้มลงจ้วงข้าวเข้าปากต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งอย่างกับจะไปแข่งขันชิงรางวัลกินเร็วได้โล่เลยยังไงยังงั้น ไอ้เด็กบ้า...

                    ... แทคเองก็ไม่ได้พูดตอบอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มกว้างแล้วก้มลงจัดการกับข้าวในจานของตัวเองต่อไปเช่นเดียวกัน (ถึงจะไม่ได้ชิงรางวัลกินเร็วได้โล่เหมือนอย่างผมก็ตามที)

                    พอผมกับแทคจัดการโซ้ยแกงกะหรี่กันคนละชาม (บิ๊กๆ) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็เดินออกมาจากร้านนั่นโดยที่ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนกันต่อดี ผมเพิ่งนึกได้ว่าไม่ไกลจากที่นี่มากนักมีสวนสาธารณะแห่งหนึ่งอยู่ สามารถใช้เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจชั่วคราวได้ พอถามแล้วแทคก็บอกว่าดีเหมือนกัน ผมกับแทคเลยตัดสินใจว่าจะเดินทางไปยังที่แห่งนั้น

                    นี่ๆ พี่เจย์

                    อะไร??

                    รออยู่ตรงนี้แปปนึงนะ เดี๋ยวผมขอตัวไปทำอะไรสักหน่อย

                    แล้วนายจะไปไหนกันล่ะ??

                    เอาเถอะน่า... เดี๋ยวผมก็กลับมาแล้ว แปปนึงนะ เจ้าตัวการว่าไปเพียงแค่นั้นแล้วก็ติดเกียร์หมาโกยแน่บไปในทันที ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆแล้วทิ้งตัวนั่งลงตรงเก้าอี้สาธารณะที่ตั้งอยู่แถวๆนั้น จะว่าไป... หมอนั่นมีธุระอะไรกันนะ

                    จะเป็นธุระอะไรก็ช่างหัว... แต่อย่าทิ้งให้ฉันต้องมานั่งกร่อยอยู่ตรงนี้นานนักล่ะเฟ้ย...

                    กลับมาแล้วครับ

                    ทำไมเร็วจังฟะ แล้วนี่นายหายไปไหน........... เย้ย!!!!!” ถ้าเกิดผมชะงักไม่ทันล่ะก็ป่านนี้แก้มของผมก็คงจะเละเทะไปด้วยของกินอะไรสักอย่างที่ไอ้คนข้างหลังมันยื่นมาให้ซะแล้วล่ะ ก็ซาบซึ้งในน้ำใจอันเหลือล้นของแกอยู่หรอกนะ... แต่ทำไมต้องให้ด้วยวิธีพิศดารแบบนี้ด้วยฟะ คนอย่างฉันเองก็ตกใจเป็นเหมือนกันนะเฟ้ยยย

                    ผมซื้อไอ้นี่มาให้น่ะครับ

                    แล้วนาย... เอ๋... นี่มันไอติมนี่ พอมองชัดๆแล้วจึงรู้ได้ว่าไอ้ที่เกือบจะปะทะเข้ากับหนังหน้าของผมแล้วนั่นมันคืออะไร สิ่งที่อยู่ในมือของแทคที่ถูกยื่นมาให้นั่นก็คือไอติมลูกกลมๆสีชมพูสวยหวานโปะอยู่บนโคนที่ทำด้วยขนมปังกรอบๆ ผมรับมันมาถือไว้ในมือจากไอ้เหมียวที่มีน้ำใจซื้อมาให้ ขอบใจนะ

                    ไม่เป็นไรครับ แทคยิ้มกว้างรับแล้วยกไอติมรสช็อกโกแล็ตสีน้ำตาลน่ากินในมือของตัวเองขึ้นมาเลียแผล่บๆ พี่เคยบอกว่าพี่ชอบกินไอติมรสนี้ ผมเลย... ไปซื้อมาให้

                    หมายถึงตอนที่ผมเล่าเรื่องจุนโฮให้ฟังสินะ อ้าว... แล้วทำไมไอ้เหมียวมันทำหน้าเสียเอาดื้อๆซะอย่างนั้นล่ะ

                    แทค... แกเป็นอะไร? ผมถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ก็แหงสิ... แทคเองก็เป็นหนึ่งในรุ่นน้องของผมเหมือนกันนี่นา

                    เปล่าครับ แค่ไอติมมันเย็นมากไปหน่อยเท่านั้นเอง สาเหตุมั่วซั่วมากไอ้เด็กบ้า... แต่ก็เอาเถอะ ไม่เป็นไรก็คือไม่เป็นไร เขาเองก็คงไม่อยากให้ผมเป็นห่วงมากนักหรอกจริงมั้ย

                    อืม... งั้นก็ค่อยๆกินแล้วกัน ผมตอบรับไปก่อนที่จะก้มลงเลียไอติมสีชมพูในมือของตัวเองบ้าง หวานอ่ะ ไม่ได้กินตั้งนานแล้วเลยลืมไปบ้างว่ารสชาติมันเป็นยังไง แต่กินไอติมรสนี้ทีไรก็ต้องนึกถึงจุนโฮขึ้นมาทุกทีสิน่า...

                    นี่แทค ผมหันหน้าไปเรียกคนที่เดินกินไอติมรสช็อกโกแลตอยู่ข้างๆ ขอชิมของนายหน่อยดิ

                    ห๊ะ??

                    หมายถึง... ไอติมน่ะ ไอ้บ้านี่คิดไปถึงไหนแล้วฟะ

                    อ้อ... ได้สิครับ ถ้าพี่ไม่รังเกียจน้ำลายของผมล่ะก็นะ ตอนนี้อ่ะไม่... แต่ถ้าเกิดมีโรคพิษแมวบ้า 2009 เกิดขึ้นล่ะก็ไม่แน่

                    เอาเถอะน่า ผมตอบ แล้วหลังจากนั้นแทคก็ยื่นไอติมในมือของตัวเองมาให้ผม สีน้ำตาลเข้มๆของช็อกโกแลตเนี่ยมันดูแล้วน่ากินจริงๆเสียด้วย

                    หวาน... ปนขมนิดๆ... แต่ก็... อร่อยดี...

                    เป็นไงครับ?

                    ไม่หวานเกินไป... เอิ่ม... ก็อร่อยดีอ่ะนะ ว่าแล้วก็จัดการกินไอติมสีชมพูในมือของตัวเองต่อ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบรสสตรอว์เบอร์รี่มากกว่าแฮะ วันหลังฉันจะลองซื้อมากินดูมั่ง

                    งั้นผมขอชิมของพี่บ้างสิ แทคกล่าวขึ้นบ้าง แลกกันไง

                    ให้ชิมเฉยๆนะเฟ้ย... เอ้า ผมยื่นไอติมในมือของตัวเองไปให้อีกฝ่าย แต่แทคกลับไม่รับมันไป... แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแทน วินาทีนั้นผมตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้ถอยหลังหนี... อยู่ดีๆก็ยื่นหน้าเข้ามาแบบนี้มัน...

                    เฮ้ย... นายจะทำ...........

                    ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรใดๆ หรือไม่รีรอที่จะให้ผมพูดจบประโยคเสียก่อน ริมฝีปากอ่อนนุ่มของคนตรงหน้าก็ทาบทับลงมาบนริมฝีปากของผมทันที ชั่ววินาทีนั้นผมตกใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้ผลักไสไล่ส่งอะไรใดๆ ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดอยู่ในโพรงปากของผมราวกับว่าเจ้าตัวกำลังหยอกล้อ รู้สึกถึงรสชาติหวานๆขมๆของไอติมรสช็อกโกแลตผสมปนเปไปกับรสสตรอว์เบอร์รีที่อยู่ภายในปาก จูบของคนตรงหน้าทำเอาหัวใจของผมเต้นระรัวราวกับกำลังตีกลองศึก ชั่ววินาทีหนึ่งผมเองก็ถึงกับเคลิ้มเคลิ้มไปกับรสจูบนั้น แต่... เฮ้ย นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ

                    อะไรกัน... หมอนี่... กำลังจูบผม!!!!!!

                    แทค!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” เมื่อผมรู้สึกตัวผมจึงใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเองดันร่างของแทคออกไปแทบจะในทันที ถึงแม้ทำไปแล้วจะไม่ได้ผลเท่าไหร่นักก็ตามที แต่มันก็พอจะทำให้เจ้าตัวรู้สึกตัวได้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แทคถอนริมฝีปากออกและเริ่มต้นที่จะทำสีหน้าตกใจ ก่อนที่จะก้มหัวลงเป็นการขอโทษขอโพยกับผม ถ้าหากแถวนี้มีมีดล่ะก็มันคงจะใช้มีดคว้านท้องตัวเองชดใช้ความผิดไปแล้วล่ะ แต่ผมเองก็คงจะไม่ยอมให้มันทำแบบนั้นแน่

                    ผมขอโทษครับพี่เจย์!!!! ผม... ผมผิดไปแล้ว!!!! ขอโทษจริงๆนะครับ!!!” ถึงจะไม่รู้ว่าที่หมอนั่นจูบผมไปเพราะว่าสาเหตุอะไร... แต่ผมก็ไม่อยากที่จะเอาผิดกับมันเท่าไหร่นัก

                    แต่จูบเมื่อกี้... ทำเอาเราอ่อนไหวไปชั่ววูบหนึ่งเลยจริงๆนะ... ถึงจะแค่วูบเดียวก็เถอะ...

                    ม... ไม่เป็นไร ถ้านายไม่ได้ตั้งใจล่ะก็... ฉันก็ไม่อยากจะว่าอะไรนาย ผมตอบกลับไป ในตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นตูมตามอย่างกับจะนับถอยหลังระเบิดตัวเองเลยยังไงยังงั้น ใบหน้าเองก็ร้อนผ่าวแถมยังแดงแจ๋อย่างกับน้ำมะเขือเทศโดนต้ม นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย...

                    แล้วทำไมผมถึงไม่ต่อว่าอะไรมันกลับไปเลยล่ะ?? ทำไมผมถึงไม่ต่อยมันให้คว่ำ?? ทำไมผมถึงไม่เอามีดมาปาดคอมันให้ตายโหงไปซะ?? (อันนี้ออกจะซาดิสม์ไปหน่อย...) ทำไม... ทำไมผมถึงไม่โกรธมันล่ะ...?

                    ผมขอโทษจริงๆนะครับ

                    เอาเถอะ!! อย่างน้อยฉันก็ไม่ได้โกรธนาย แต่อย่าทำแบบนี้อีกนะ

                    หรือว่านี่... เป็นจูบแรกของพี่?

                    อึก... แทงใจดำเต็มๆ

                    อ่ะ... ก็ใช่น่ะสิ!!” ผมไม่อยากเห็นเลยว่าตอนนี้หน้าของตัวเองมันออกมาเป็นสภาพแบบไหน ตอนนี้ผมทั้งร้อน ทั้งอาย ทั้งเขิน แต่ก็ไม่ได้โกรธ โธ่เว้ย... นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย

                    พี่คงไม่ได้กะจะ... เก็บไว้ให้จุนโฮสินะครับ?

                    ถามได้จี้จุดมาก... ไอ้เด็กบ้า!!!!!

                    เอาเถอะ... กะอีแค่จูบแรก ฉันไม่ถือหรอกน่า อีกอย่าง... ผมเองก็ไม่ได้คิดว่าจะเก็บให้จุนโฮอยู่แล้วด้วย

                    พี่... รู้อะไรมั้ย ไม่อยากรู้อะไรทั้งนั้นแล้วเฟ้ย ว่านี่น่ะ... ก็เป็นจูบแรกของผมเหมือนกันนะ

                    อ๋อเหรอ? แล้วทำไมถึงจูบเก่งจังฟะ!!

                    เล่นเอาฉันถึงกับละลายได้เลยนะเนี่ย... โธ่ ไอ้เด็กหื่นเอ๊ย!!

                    ช่างมันเถอะ วุ้ย... ไม่อยากจะนึกถึงอีกแล้วโว้ย ภาพมันช่างบาดตาบาดใจเหลือล้น นี่ถ้าจุนโฮมาเห็นจะมิหัวใจวายตายรึยังไงกันนะ เอาเป็นว่า... ฉันยกให้นายแล้วกัน แล้วก็อย่าให้เรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นอีก เข้าใจนะ?!”

                    ครับ

                    นี่ผมคิดไปเองรึเปล่านะ... ว่าเมื่อกี้นี้ไอ้แทคมันยิ้มให้กับผม..??

    ______________________________________________________________________________

    Talk with Writer :

    ไรเตอร์กลับมาแล้วจากการไปค่ายอันยาวนาน คิดถึงกันมั่งม้ายยย (ล้อเล่นๆ ^^)
    ที่ชลบุรีวิวสวยๆมากๆเลยจริงๆนะคะ (โดยเฉพาะตอนที่มองจากเรือจักรีนฤเบศ ข้างบนดาดฟ้าหวาดเสียวสุดๆแต่วิวก็สวยมากจริงๆเลยค่ะ!!) อยากให้รีดเดอร์ไปเห็นกันมั่งจัง ปะการังก็สวย ที่ใต้ทะเลหอยเม่นเยอะมากเลยอ่ะ (มองจากเรือท้องกระจก) ตอนขึ้นเขาเนี่ยเหนื่อยสุดๆเลย (นึกว่าขึ้นเขาเอเวอร์เรสต์!!) แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวค่ะ อ่า... อยากไปค่ายอีกจัง~~~

    อีกไม่นานก็จะถึงเวลาเปิดเทอมอีกแล้ว (ไม่ย้ากไม่อยากเลยจริงๆอ่า~~T^T) แถมใกล้หน้าหนาวแล้วด้วย รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะไรเตอร์คนนี้เป็นห่วง ^^ วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อนแล้วกันเนอะ (รับแทคเจย์กันไปเต็มๆสมใจโดยที่ไม่มีตัวมารอย่างเรนน้อยมาป่วน แถมยังมีฉากเลิฟซีนให้เห็นกันเป็นที่ประจักษ์ตาอีกด้วย หวังว่าตอนนี้จะถูกใจแม่ยกหลายๆคนนะ อิอิ) ขอคอมเม้นด้วยนะคะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×