ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic 2PM TJ & KD & CH] Hyung, Can we be more than friend?

    ลำดับตอนที่ #13 : Chapter 10 เรื่องของฉันกับเขา... (2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 341
      1
      17 ต.ค. 53

    Chapter 10 เรื่องของฉันกับเขา... (2)



                    ผมอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ที่ซีแอตเติ้ลมาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว เพื่อนสนิทก็พอจะมีอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก... เอ่อ... จะบอกว่าไม่มากนักมันก็คงจะไม่ถูกซักเท่าไหร่ ควรจะบอกว่าแทบจะไม่มีเลยเสียมากกว่า กลุ่มผมมีกันอยู่สามคน แต่ละคนก็อายุต่างกันทั้งนั้น เรียงจากผมซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุด (พูดง่ายๆคือว่าแก่) รองลงมาก็คือนิชคุณหนุ่มสุดหล่อชาวไทย และสุดท้ายก็คือลีจุนโฮน้องสุดท้องผู้มีดวงตาอันเป็นเอกลักษณ์ เราไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนคนอื่นแทบจะเห็นเราว่าเป็นแฝดสยามอยู่แล้ว (ติดอยู่ตรงที่เราหน้าไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง) เอาเถอะ... ถึงจะมีเพื่อนน้อยก็ไม่เป็นไร เรื่องจำนวนผมไม่ถืออยู่แล้ว ขอเพียงแค่ว่ามีเพื่อนที่พอจะเชื่อใจกันได้เท่านั้นก็เพียงพอ

                    แต่ถึงแม้จะผ่านมาสามเดือนแล้วก็ตามที... ผมก็ยังไม่เคยยิ้มให้คนอื่นเห็นเลยสักครั้งเดียว... แม้แต่กับจุนโฮและนิชคุณ...

                    คงจะเป็นเพราะว่า... แผลเก่าล่ะมั้งนะ... ทำให้ผมถึงกับยิ้มไม่ออก...

                    วันนี้ผมมาเดินเที่ยวเล่นกับจุนโฮเพียงสองคนเพราะว่านิชคุณติดเรียนพิเศษ พอขาดคู่ขาไปคนหนึ่งแล้วเราก็ไม่ได้ทำอะไรมากสักเท่าไหร่ ปกติเวลาผมมาเดินกับจุนโฮสองคนเราจะไปเดินดูเสื้อผ้ากันด้วยสาเหตุว่าเรามีสไตล์การแต่งตัวที่ค่อนข้างคล้ายกัน (ไม่หรอก... จุนโฮเป็นคนมีสไตล์ ผมเลยชอบลอกแบบการแต่งตัวของเขาบ่อยๆ) วันนี้ก็เช่นกัน... เรามาเดินดูเสื้อผ้ากันอีกแล้ว

                    นี่พี่... เห็นแผงลอยขายไอติมอยู่ลิบๆนั่นน่ะ... เดี๋ยวผมไปซื้อให้เอามั้ย? จุนโฮถามขึ้น เราสองคนมีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกัน... ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ... ชอบกินไอติม

                    เปล่าหรอก... ผมแค่ติดใจที่เขาเอามาให้ผมกินในตอนนั้นก็เท่านั้นเอง...

                    อืม... เอารสเดิมนะ ฝากด้วยล่ะ จุนโฮตอบรับโดยการพยักหน้าครั้งหนึ่งแล้วเดินตัวปลิวไปยังแผงลอยขายไอติมที่อยู่ห่างออกไปอีก จะให้ยืนรอมันก็กะไรอยู่... ผมจึงเลือกที่จะเดินไปนั่งรออยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆ

                    ผมนั่งรอไปแล้วก็มองดูรถยนต์ที่แล่นผ่านถนนเส้นนี้ไปด้วยอย่างไม่มีอะไรทำ โอ้... นั่นรถ BMW นี่นา เท่ห์สุดยอด ผมเองก็อยากจะมีรถแบบนั้นเหมือนกันนะ แต่ก็คงจะเป็นได้แค่ฝันเท่านั้นซะล่ะมั้ง... ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่กำลังรอจุนโฮเดินกลับมาอยู่ แล้วในตอนนั้นผมก็เห็นอะไรบางอย่างผิดปกติเบื้องหน้า

                    แมวสีขาวตัวหนึ่งกำลังเดินเอ้อระเหยลอยชายข้ามจากถนนฝั่งนั้นมายังฝั่งนี้ทั้งๆที่ยังมีรถวิ่งอย่างไม่ขาดสาย ถ้าหากว่าเป็นแมวเดินธรรมดาๆผมจะไม่ช่วยอะไรเลยเพราะว่าปกติแล้วแมวมันเป็นสัตว์ที่มีสัญชาติญาณในการหลบหนีอยู่แล้วเป็นธรรมชาติของมัน แต่ว่าสิ่งที่ทำให้แขนของผมถึงกับกระตุกด้วยความตกใจก็คือ... เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งมาอุ้มแมวตัวนั้น... กับ... รถกระบะที่กำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วสูง

                    เด็กผู้หญิงคนนั้น... มองไม่เห็น??!! ไม่สิ... ไม่ทันมองต่างหาก!!!

                    ยัยหนู... หลบเร็ว!!!!” ถึงจะตะโกนออกไปผมก็คงจะช่วยอะไรเด็กคนนั้นไม่ได้ ไม่มีเวลาแล้ว... หลังจากนั้นผมก็ไม่คิดอะไรใดๆทั้งสิ้นแล้วพุ่งตัวเข้าไปหาเด็กผู้หญิงคนนั้นในทันที ทั้งๆที่อีกเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นรถกระบะก็จะพุ่งเข้ามาชนอยู่แล้ว และในเสี้ยววินาทีนั้นเอง... ที่จุนโฮเพิ่งซื้อไอติมเสร็จและเดินกลับมาหาผมพอดี

                    พี่เจย์....?

                    เอี๊ยดดด!!!!!!

                    เสียงล้อรถไถลไปกับพื้นถนนลาดยางดังขึ้นเมื่อคนขับรถเบรกกระทันหัน ผมหลับตาปี๋ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาพบกับสภาพความาเป็นจริงในตอนนี้ รู้สึกถึงร่างเล็กๆของใครบางคนที่อยู่ในอ้อมกอดของผมซึ่งผมกอดเขาไว้แน่น กับแขนของใครบางคนที่พาดร่างของผมเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง ผมลืมตาขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ... เด็กผู้หญิงคนนั้นปลอดภัย เธอกำลังนอนหลับตาปี๋อยู่ในอ้อมแขนของผม แต่ทว่า... ใครอีกคนหนึ่งนั้น....

                    จุนโฮ??!!!!”

                    พี่... เจย์... เป็นยังไงบ้างครับ... ปลอดภัยดีใช่มั้ย...?จุนโฮถามขึ้นด้วยเสียงอ่อนแรง ถึงที่ร่างกายของเขาจะไม่มีบาดแผล... มีรอยฟกช้ำอยู่บ้างจากการกระแทก แต่ที่ขาข้างซ้ายของเขา... มีแผลเลือดออกเป็นแนวยาว

                    จุนโฮ... ขานาย... เมื่อผมเห็นเลือดสีแดงสดไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสายจากขาข้างซ้ายของเขาแล้วนั้น... ผมก็เริ่มที่จะทำอะไรไม่ถูก น้ำตาเอ่อล้นอยู่ที่เบ้าตาร ทั้งๆที่ผมน่าจะตั้งสติให้ดีแล้วโทรเรียกรถพยาบาล... แต่ตอนนั้นผมกลับขยับไม่ออก จนคนขับรถกระบะคันนั้นต้องรีบลงมาดูอาการ

                    คุณครับ?? คุณ?? เป็นอะไรมากมั้ยครับ??? คนขับรถกระบะกล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เขาจะหันกลับไปบอกคนอื่นๆที่อยู่รอบๆบริเวณนั้น ใครก็ได้... โทรเรียกรถพยาบาลให้ที

                    โอ๊ย... จุนโฮร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด เสียงร้องนั้นทำให้ผมถึงกับหน้าชา

                    จุนโฮ... นายจะต้องไม่เป็นไรนะ ผมพูดขึ้น น้ำใสๆไหลลงมาจากดวงตาทั้งสองข้าง... ผมทำอะไรไม่ถูกจริงๆแล้วตอนนี้ ฉันขอโทษ... ฉันขอโทษจริงๆนะจุนโฮ... เพราะฉัน...

                    อย่าพูดคำนั้นอีกเลยนะครับ... พี่เจย์... เขากล่าวอย่างอ่อนระโหยโรยแรงแล้วจับมือของผมไปกุมไว้ เขาบีบมือของผมเสียแน่น ถ้าหากว่าพี่ไม่ทำแบบนี้... แล้วเด็กผู้หญิงคนนั้น... จะเป็นยังไงล่ะครับ

                    แต่ว่า... ขาของนาย...

                    เพียงแค่ขาข้างซ้ายของผมเท่านั้นเอง... แล้วแผลแบบนี้ก็ไม่ได้ลึกซักเท่าไหร่ด้วย... มันทดแทนให้กับชีวิตของคนๆหนึ่งไม่ได้หรอกนะครับ...

                    ผมมองไปยังเด็กผู้หญิงคนนั้นที่ยังคงหลับตาปี๋ทั้งๆที่มีน้ำตาไหลอย่าไม่ขาดสาย ร่างกายของเธอสั่นระริกด้วยความหวาดกลัว ผมยื่นมืออกไปลูบศรีษะของเด็กคนนั้นอย่างแผ่วเบาเป็นเชิงว่าอย่ากลัวเลยนะ... ไม่ใช่ผมหรอกที่ช่วยเธอเอาไว้... แต่เป็น...

                    ตายแล้ว... แอนนา... ลูกเป็นยังไงบ้าง??? ผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูจะมีอายุพอสมควรวิ่งตรงมาหาเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยความร้อนรน เธอเช็กตามเนื้อตัวของลูกสาวของเธอด้วยความกระวนกระวายใจว่ามีตรงส่วนไหนที่บาดเจ็บบ้างหรือเปล่า ก่อนที่จะหันมาโค้งให้กับผม ขอบคุณนะคะ ขอบคุณมากจริงๆที่คุณได้ช่วยชีวิตของลูกสาวดิฉันเอาไว้ ขอบคุณมากเลยจริงๆนะคะ

                    อ่ะ... อ่า... ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะว่าคนที่ช่วยเด็กคนนั้นไว้ไม่ใช่ผมหรอก... แต่เป็นจุนโฮต่างหาก...

                    ถ้าหากเขาไม่ได้เข้ามาผลักผมออกไปในตอนนั้นล่ะก็... ชีวิตของเด็กผู้หญิงคนนั้นรวมถึงชีวิตของแมวคงจะต้องถูกคร่าไปพร้อมกับชีวิตของผมเป็นแน่...

                    จุนโฮ... ทนไหวมั้ย? ผมถามพร้อมโอบกอดร่างของรุ่นน้องไว้อย่างแผ่วเบา บาดแผลนั้นใหญ่มากเลยจริงๆ และเลือดที่ออกมานั้นก็ไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลยด้วย ทำให้ผมอดที่จะใจหายว่าบไม่ได้ ไม่เป็นไรนะ... อีกไม่นานรถพยาบาลก็มาแล้ว

                    ผมไม่เป็นไรครับพี่... อุ๊บ!!”

                    จุนโฮ!!” เสียงร้องนั่นทำให้ผมถึงกับใจหายว่าบ ผมบีบมือของจุนโฮไว้เสียแน่น ทำไมเวลาแบบนี้ทีไร... ผมถึงเป็นคนที่ไร้ประโยชน์แบบนี้นะ ฉันทำอะไรให้นายไม่ได้เลยเหรอ?

                    ยิ้มสิครับ...

                    ห๊ะ?

                    ยิ้มให้ผมเห็นหน่อย... เถอะนะ... แค่นั้นเอง

                    แค่นั้นเองเหรอ? แค่นั้นเนี่ยนะ??

                    แค่นั้นนี่แหล่ะครับ... พี่จะทำให้ผมได้มั้ย?

                    จ... จุนโฮ...

                    เถอะนะครับ... สักครั้งก็ยังดี

                    ... ผมเงียบไป ก่อนที่จะเหยียดยิ้มออกมาทั้งๆที่น้ำตายังคงไหลนองเต็มใบหน้า ทั้งๆที่เศร้ามากถึงขนาดนี้... แต่ทำไมผมถึงยังยิ้มออกล่ะ... เพื่อเขาอย่างนั้นเหรอ

                    ใช่แล้ว... เพื่อเขา... ผมทำได้...

                    ทนหน่อยนะจุนโฮ ผมกล่าวทั้งๆที่ปากยังคงแย้มรอยยิ้ม ยื่นมืออกไปลูบไล้ใบหน้าของเขาอย่างนิ่มนวล ทนหน่อยนะ... อีกไม่นานรถพยาบาลก็จะมาแล้ว

                    ครับ... พี่เจย์... จุนโฮกล่าวพร้อมยิ้มให้กับผม

                    คุณครับ... เมื่อไหร่รถพยาบาลจะมาล่ะ? ผมเงยหน้าขึ้นถามคนขับรถกระบะคนนั้น น้องของผมกำลังจะแย่นะครับ รีบๆหน่อยได้มั้ย

                    งั้นเอางี้... เดี๋ยวผมจะขับไปส่งให้ที่โรงพยาบาลแล้วกันนะครับ ทำไมแกถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้ฟะ?!! มัวอืดอาดยืดยาดอยู่ตั้งนาน!!! ฮ่วย!!!

                    แต่ผมก็ไม่ได้โวยวายออกไปอย่างที่ใจคิด... คนขับรถกระบะคนนั้นเข้ามาช่วยผมหามร่างของจุนโฮเข้าไปนอนบนที่นั่งด้านหลังเพราะว่าจะให้ผมคนเดียวแบกก็คงจะไม่ไหวแน่ หลังจากนั้นรถกระบะก็เคลื่อนตัวออกจากที่และวิ่งฉิวไปยังโรงพยาบาลในทันที ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่แผลที่ขา... ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต... แต่ตลอดทางที่เดินทางไปยังโรงพยาบาลนั้นผมก็เอาแต่พร่ำสวดภาวนา...

                    พระผู้เป็นเจ้า... ได้โปรดอย่าให้น้องของผมเป็นอะไรเลยนะครับ... ขอร้องล่ะ...

     

                    โชคดีที่แผลที่ขานั้นไม่ได้ส่งผลอะไรกระทบกระเทือนมากเสียจนขาพิการ... จุนโฮเพียงแค่ต้องพันแผลเอาไว้สักสองสามอาทิตย์เพียงเท่านั้นกว่าที่แผลจะหายสนิท ถือว่าเป็นโชคดีจริงๆที่แผลไม่ได้ลึกมาถึงขนาดโดนเส้นประสาท เพราะว่าถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็อาจจะมีโอกาสพิการได้ แต่ถึงกระนั้นแผลก็ยังส่งผลให้จุนโฮต้องเดินกะเผลกๆเป็นคนขาเดี้ยงไปได้ซักระยะหนึ่งเลยทีเดียว ถึงจะรู้สึกสงสารอยู่บ้างแต่ว่ามันรู้สึกฮามากกว่าเวลาเห็นท่าเดินเหมือนเป็ดแบบนั้นของจุนโฮ นิชคุณเห็นแล้วก็ฮากระจายเช่นกัน... หลังจากที่ถามไถ่เรื่องราวทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แล้วยังมาบอกอีกนะว่าผมอ่ะเป็นคนใจบุญเกินไป... ทำให้เฉียดเส้นตายไปแค่นิดเดียวเอง แต่ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ... ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรเลยนี่นา

                    หลังจากนั้นผมก็ยิ้มแล้วก็หัวเราะมากขึ้นหลังจากที่ไม่ได้เป็นมาแล้วเป็นเวลานานหลายปีกับอีกหลายเดือน ในตอนแรกที่ผมยิ้มทำเอานิชคุณถึงกับช็อกไปเลยทีเดียว ส่วนจุนโฮก็เพียงแค่ยิ้มตอบเหมือนเดิม ดูเหมือนว่ารอยยิ้มของเขาจะสดใสขึ้น... เอ่อ... ล่ะมั้งนะ (คิดเอาเอง) เราทั้งสามคนเฮฮาสนุกสนานกันตามประสาพี่น้องรักกันดีเหมือนเดิม แต่ว่า... มันมีอะไรแปลกไปเหมือนกันนะ...

                    ที่ผมชอบกินไอติมน่ะ... ไม่ใช่เพราะว่าประทับใจอะไรในรสชาติของมันหรอกนะ...

                    แต่ว่าผมชอบเวลาที่ใครคนหนึ่งมาพูดกับผมว่า กินไอติมกันมั้ย?... ก็เท่านั้นเอง...

                    วันนี้ร้อนเป็นบ้าเลยว่ะ... ว่ามั้ยจุนโฮ? ผมกล่าวขึ้นพลางแล่บลิ้นออกมาด้วยความร้อนจัด... ก็แหงสิ วันนี้น่ะอุณหภูมิตั้ง 32 องศาเชียวนะ ถ้าจะไม่ให้ร้อนก็ประหลาดเกินไปแล้ว และด้วยความร้อนมากจนเกินไปเสียทำให้รู้สึกไม่คิดอยากจะทำอะไรใดๆเลย... ส่งผลให้ผมต้องมานอนแผ่อยู่ที่พื้นห้องเนี่ยแหล่ะครับ

                    นั่นสิพี่เจย์... จุนโฮที่นอนแผ่อยู่ข้างๆผมตอบด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยจะแตกต่างกันนัก วันอากาศร้อนๆแบบนี้ใครๆก็คงไม่คิดอยากจะทำอะไรเป็นธรรมดา อ้อ... ยกเว้นคนหนึ่ง...

                    ไอ้คนที่หายหัวไปไหนก็ไม่รู้ตั้งแต่เช้า... ใช่ครับ... นิชคุณ...

                    อยากกินไอติมจังเลย... ร้อนนน ผมผุดลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังคงอยากจะนอนต่อ แต่ว่ามันจะทำให้ผมกลายเป็นคนขี้เกียจสันหลังยาว ผมหันกลับไปมองจุนโฮที่ยังคงนอนแผ่อยู่บนพื้นห้องด้วยท่าทางหมดสภาพ

                    พี่เจย์ จุนโฮหันหน้ามามองผมด้วยสายตาเหมือนกับว่ามีอะไรจะบอก ผมมีเรื่อง... อยากจะบอกพี่ครับ

                    เรื่อง? ผมเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ เฮ้ย... นายจะทำอะไร?

                    ผมอุทานขึ้นเสียงหลงเมื่อคนตรงหน้าดึงร่างของผมให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ได้บอกกล่าวกันล่วงหน้า ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย??

                    จุนโฮ... เดี๋ยวดิ... นี่มันอะไร...

                    พี่เจย์ จุนโฮพูดขึ้น... ผมไม่รู้ว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่กันแน่ รู้เพียงแต่ว่าเขาคงจะทำหน้าลำบากใจอยู่พอสมควร... ฟังจากน้ำเสียงของเขา ถ้าผมบอกไป.......

                    เรื่องอะไรจุนโฮ บอกฉันมาสิ

                    ผมรักพี่ครับ...

                    ห๊ะ... นายว่า...

                    พี่เจย์... ผมรักพี่นะครับ

                    จุนโฮ... ผมผละออกจากอ้อมกอดของเขาในทันที อยู่ดีๆก็มาบอกกันแบบนี้... ใครจะตั้งตัวทันกันเล่า นี่นาย... ล้อฉันเล่นอยู่รึเปล่าเนี่ย มัน... ไม่ขำเลยนะ

                    ผมพูดจริงครับ... จุนโฮกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ในดวงตาของเขา... ไม่ได้แฝงแววขี้เล่นอยู่แต่อย่างใด

                    นี่มัน... เรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย...

                    จุนโฮ ฉ... ฉัน... ผมพูดอะไรไม่ถูก เพราะความรู้สึกที่ผมมีให้กับเขาก็ยังคงคลุมเครือ... ถ้าเกิดคำตอบของผมจะเป็นการทำร้ายจิตใจเขาล่ะ ผมจะทำยังไงดี

                    จุนโฮเห็นผมมีท่าทางสับสนแบบนั้นจึงถอนใจออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนที่จะแย้มรอยยิ้มอ่อนโยนให้กับผม

                    อย่าให้คำตอบกับผมเลยนะครับ

                    ห๊ะ? ผมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย... ทำไมกัน... ทำไมถึงบอกว่า อย่าคำให้ตอบ ล่ะ...

                    ผมน่ะ... ให้พี่มาชอบไม่ได้หรอกนะครับ

                    หมายความว่ายังไง?

                    ... จุนโฮหลับตาลงราวกับว่าเขากำลังข่มความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นและกล่าวตอบออกมาพร้อมรอยยิ้ม เพราะว่าคืนนี้... ผมก็จะต้องกลับไปที่เกาหลีแล้วครับ

                    ห๊ะ?!!” เรื่องนี้ทำให้ผมช็อกยิ่งกว่าเรื่องที่เขามาสารภาพรักกับผมเสียอีก ท... ทำไมนายไม่บอกฉันก่อนหน้านี้เล่า?!!”

                    ผมพยายามหาโอกาสที่จะบอกพี่แล้วครับ แต่ผมก็... ทำไม่ลง จุนโฮกล่าวขึ้น... ในดวงตาของเขานั้นส่องแววหม่นหมองอย่างบอกไม่ถูก ผมไม่อยากให้พี่ต้องเสียใจ... จริงๆนะครับ

                    ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย!!!” ผมผลักไหล่ของเขาเบาๆ แต่มันก็ทำให้เขาถึงกับทรงตัวไม่อยู่ได้... รู้สึกถึงสายน้ำอุ่นๆที่ไหลลงมาจากดวงตา นี่นายไม่คิดเลยรึยังไงว่าที่ต้องมาได้ยินตอนที่สายไปแล้วมันน่าเสียใจซะมากกว่าอีก!!!”

                    พี่เจย์...

                    ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย... ผมปาดน้ำตาที่ไหลลงมาอย่างลวกๆ มาบอกกันตอนนี้... ฉันเตรียมใจไม่ทันนะรู้มั้ย?

                    เพียงแค่คิดว่าพรุ่งนี้ก็จะไม่ได้เห็นหน้ากันแล้ว... ในใจมันก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก...

                    ผมขอโทษ... เขาเอื้อมแขนออกมาโอบกอดร่างกายที่สั่นสะท้านจากแรงสะอื้นของผมเอาไว้อย่างหลวมๆ เขาลูบหลังของผมเบาๆเป็นการปลอบโยน ผมซุกหน้าลงกับหน้าอกของเขาด้วยความโหยหาอย่างบอกไม่ถูก อ้อมกอดของจุนโฮช่างอบอุ่น... แต่ต่อจากนี้ไป... ผมก็จะไม่ได้รับสิ่งนี้อีกแล้วอย่างนั้นน่ะเหรอ...

                    ไอ้เด็กบ้า... ผมกล่าวขึ้นด้วยเสียงอู้อี้... น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างไม่ขาดสายนั้นทำให้เสื้อของจุนโฮเปียกเป็นวงกว้าง แล้วยังจะมา... ทิ้งคำว่า รักให้กับฉันก่อนที่จะจากไปอีกนะ

                    ไม่รู้เหรอ... ว่าฉันเองก็มีหัวใจ... เจ็บปวดได้เหมือนกันนะ...

                    ถึงจะห่างไกลกันมากขนาดไหนแต่ผมก็ยังจะรักพี่เหมือนเดิมนะครับ... จุนโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมจะรักพี่... รักพี่เพียงคนเดียวเท่านั้น

                    จุนโฮ...

                    แต่พี่น่ะ... จะมารักผมไม่ได้หรอกนะครับ จุนโฮกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างออกไปจากเดิมเล็กน้อย เหมือนเขากำลังเจ็บปวด... แต่ก็ไม่ได้หลั่งน้ำตาออกมาให้เห็น ผมไม่อยากจะให้พี่เจ็บปวด... เหมือนอย่างที่ผมเป็นอยู่ในตอนนี้

                    ... ผมเงียบไป... จุนโฮเองก็เช่นกัน... ไม่มีใครซักคนที่ปริปากพูดอะไรออกมาหลังจากนั้น... มีเพียงเสียงกระซิบอวยพรเบาๆที่ดังออกมาจากผม เดินทางปลอดภัยนะ... โชคดี

                    ในคืนนั้นเอง... จุนโฮก็กลับไปยังบ้านเกิดของเขา... กลับไปยังเกาหลี... ผมไม่ได้ไปส่งเขาที่สนามบิน กลัวว่าจะบ่อน้ำตาแตกออกมาท่ามกลางฝูงชน ผมเพียงแค่ส่งเขาที่หน้าหอพักเพียงเท่านั้นเอง เราไม่ได้พูดอะไรกันมากซักเท่าไหร่นักในการร่ำลา ผมบอกกับเขาว่าขอให้โชคดี... ส่วนจุนโฮเองก็ยิ้มรับ... นิชคุณเองก็อวยพรอะไรยาวยืดตามประสาของเขา ก่อนที่จุนโฮจะขึ้นแท็กซี่ไปยังสนามบิน ภาพของแท็กซี่ที่เคลื่อนตัวห่างออกไปจากหอพักเรื่อยๆนั้นทำให้ผมรู้สึกปวดใจ พรุ่งนี้... และต่อจากนี้ไป... หอพักนี้คงจะต้องเงียบเหงาลงมากอย่างแน่ๆเลย...

                    คำพูดสุดท้ายที่จุนโฮทิ้งไว้ให้กับผม... ผมยังคงจำมันได้จนถึงบัดนี้...

                    ไม่ต้องรักผมตอบก็ได้... แต่อย่าลืมผมล่ะ... ลาก่อนครับ... พี่เจย์...

    ______________________________________________________________________________

    Talk with Writer :

    พาร์ทสองจบแล้ววว (เย้!!!)
    พาร์ทนี้เขียนไปซึ้งไป เป็นตอนที่ดูจะซึ้งที่สุดในเรื่องแล้ว (ล่ะมั้ง?)
    ส่วนเรื่องของด้งกับคุณ อย่าเพิ่งเข้าใจด้งผิดนะคะว่าหลอกพี่คุณอยู่
    แต่ด้งเขาแค่ต้องมีภาระหน้าที่ที่จะต้องดูแล "เธอ" เท่านั้นเอง
    "เธอ" เป็นคนที่น่าสงสารมากที่สุดในเรื่องเลย ลองเดากันดูนะคะว่าเป็นใคร
    เจสสิก้าใกล้จะมีบทแล้วเด้อ~~ ติดตามๆ (ส่วนชานซองจะมีบทหลังจากเรื่องของเจสสิก้าจบลงนะคะ เอิ่ม... รอไปก่อน - -;)
    แล้วเหมียวกับหมวยก็ใกล้จะมีฉากอะไรหวานๆกันแล้วด้วย~ ^^
    ติดตามชมตอนต่อไป ^^ คอมเม้นด้วยนะ ไรเตอร์รออยู่

    ปล. มีใครจากจะแอดไรเตอร์มั่งมั้ย? เมล์ไรเตอร์คือ rattana_keawsai@hotmail.com
    แอดกันมาได้เลยนะคะ ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×