คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Chapter 7 ฟังให้ดี... ฉันคนนี้ชื่ออ๊คแทคยอน!!!
Chapter 7 ฟังให้ดี... ฉันคนนี้ชื่ออ๊คแทคยอน!!!
RRRRRRRRR
RRRRRRRRR
เสียงนี้ดังขึ้นเป็นรอบที่ล้านแล้วเท่าที่ผมจำได้ มันเป็นเสียงที่มักจะดังขึ้นเวลานี้ทุกๆเช้าเสียจนจะกลายเป็นเสียงนาฬิกาปลุกให้ผมตื่นขึ้นมานั่งเซ็งอยู่แล้ว ข้อดีของมันก็คือจะได้ไม่ต้องไปหาซื้อนาฬิกาปลุกให้เสียทั้งเงินและเวลา แต่ข้อเสียของมันก็คือทำให้ผมหงุดหงิดขึ้นมาเป็นเท่าตัวหลังจากที่ได้ยินเสียงเสียงพี่เจย์คุยกับคนที่อยู่ปลายสายอย่างสนุกสนาน ทำไมคนๆนั้นไม่ใช่ผม?!!
โกรธ... โมโห... เซ็ง... เครียด... โว้ยยย!!!! อยากแดกแอปเปิ้ล!!!!
ฮือๆๆๆ ป๊าคร้าบ~~ ม๊าคร้าบ~~ อ๊คแคทอยากกลับบ้าน~~~
อ๊คแคทช้ำรัก... หาลูกสะใภ้ให้สืบวงศ์ตระกูลมิด้ายยยย...
“หา... อะไรนะ วันนี้เหรอ แล้วจะไปที่ไหนล่ะ?” ผมหูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินอะไรบางอย่างขึ้นมาจากห้องข้างๆ ตะกี้ได้ยินไม่ค่อยชัด... ได้ยินแค่ว่าจะไปอะไรกันเนี่ยแหล่ะ ไม่ได้แล้ว... ต้องแอบฟัง ว่าแล้วผมก็แนบหูกับกำแพงที่กั้นระหว่างห้องของสองเราเอาไว้ทันทีเพื่อปฏิบัติการลับ หรือพูดง่ายๆก็คือยุ่งเรื่องของชาวบ้าน
“เฮ้ย... ไอ้แทคไปกินข้าวเช้าได้แล้วเว้ย แล้วนั่นกำลังทำบ้าอะไรอยู่นั่นน่ะ” มารมาผจญจนได้... นิชคุณเคาะตะหลิวกับประตูห้องเป็นเชิงเร่ง เสียงดังน่ารำคาญจากของแข็งสองประเภทกระทบกันนั้นทำให้ผมไม่สามารถได้ยินเลยว่าพี่เจย์กำลังคุยเรื่องอะไรกับไอ้หน้าตี๋นั่น แต่ก็ช่างมัน... ยังไงๆผมก็จะต้องไปป่วนจนได้ล่ะ
“เออๆ วันนี้มีอะไรกินอ่ะคุณ?” ผมเดินเนียนเข้าไปกอดคอนิชคุณไว้เหมือนกับไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อน แล้วหลังจากนี้ผมก็จะต้องทำเป็นใสซื่อขอตามติดชีวิตปาร์คเจย์ไปด้วยทุกหนทุกแห่ง หึๆๆๆ แผนผมเด็ดใช่มั้ยล่ะครับ
ดีไม่ดีอาจจะได้หัวของไอ้เด็กหน้าตี๋มาทำเป็นต้มยำกุ้งด้วย....
“นี่แกหายเศร้าเรื่องพี่เจย์กับจุนโฮแล้วเหรอเนี่ย?” ฉึก... แทงใจดำเต็มๆ ผมตวัดสายตาหันกลับไปมองนิชคุณตาขวางทันที อย่ามา... สะกิดแผลในใจของฉันนะ
“ไอ้เพื่อนชั่ว!!! รู้ทั้งรู้ว่าฉันกำลังแกล้งทำตัวเป็นเข้มแข็งแล้วยังจะมาตอกย้ำอีกนะเมิง!!!” ผมพุ่งเข้าไปบีบคอมันหวังจะให้อ้วกแตกออกมาตรงนี้ ถ้าเกิดตอนนี้ควักตับของมันออกมากินได้ผมก็คงจะทำไปแล้วล่ะ แต่สงสารน้องอูด้งของมัน...
“อรุณสวัสดิ์ทุกคน... แล้วนี่ทำอะไรกันอยู่น่ะ??” พี่เจย์ที่คาดว่าน่าจะเพิ่งคุยโทรศัพท์กับไอ้เด็กหน้าตี๋เสร็จออกมาจากห้องของตัวเองแล้วก็เริ่มต้นที่จะโวยวายขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าผมกำลังอยู่ในท่าบีบคอนิชคุณ พอโดนโวยวายใส่แล้วผมก็ได้แต่พัวเราะแหะๆ แล้วผมก็ค่อยๆปล่อยมือออกจากคอของนิชคุณอย่างเชื่องช้า
“เออ... นิชคุณ แกมาเรียกฉันไปกินข้าวใช่มั้ย? งั้นก็ไปกันเถอะ พี่เจย์ครับไปกินข้าวกันเถอะนะ!” ผมกล่าวทุกประโยคขึ้นอย่างรวบรับโดยที่ไม่ได้เปิดโอกาสให้คนอื่นได้พูดแทรกเลยซักนิด จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปพวดไว้บนบ่าของทั้งสองคนที่ผมเรียกแล้วลากไปกินข้าวกันในทันที
เราทั้งสามคนนั่งล้อมวงกินข้าวเช้ากันที่โต๊ะเหมือนวันอื่นๆ หยิบยกประเด็นไรสาระขึ้นมาพูดคุยกันเพื่อไม่ให้บรรยากาศน่าเบื่อเสียจนเกินไป ผมแอบชำเลืองมองพี่เจย์ที่นั่งอยู่ข้างๆเล็กน้อย... ใจหนึ่งก็อยากจะขอไปเที่ยวด้วย แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวขึ้นมานิดๆว่าอีกฝ่ายจะปฏิเสธ
อะไรเล่าอ๊คแทคยอน... ไหนแกบอกว่าถึงฟ้าจะถล่ม ดินจะทลาย ก็จะแยกไอ้เด็กนั่นให้ออกชีวิตพี่เจย์ให้จงได้ไม่ใช่เหรอ แกน่ะมันหน้าด้านหน้าทนอยู่แล้วไม่ใช่รึยังไงกัน จะมาปอดแหกกับเรื่องขี้ปะติ๋วแค่นี้ได้ยังไง (พอเถอะๆ หลังๆนี่ชักจะกลายเป็นด่าตัวเองมากขึ้น)
“เออนี่ทั้งสองคน วันนี้ฉันอาจจะไม่อยู่บ้านนะ” นั่นไง... พี่เจย์เข้าประเด็นสำคัญให้แล้ว ไอ้อ๊คแคทแกต้องสู้ตายสิโว้ยยย
“พี่จะไปไหนเหรอครับ?” นิชคุณถามขึ้น จะไปที่ไหนก็แล้วแต่... แต่ขออ๊คแทคยอนคนนี้ติดสอยห้อยตามไปด้วย!!
“คือจุนโฮชวนไปน่ะ ไปที่..............”
“ผมขอตามไปด้วยได้มั้ยครับ?” สายตาทั้งสองคู่ของเพื่อนร่วมโต๊ะกินอาหารหันขวับมามองผมกันเป็นตาเดียวเมื่อเห็นผมโพล่งอะไรออกมาโดยไม่ได้คิดให้ดีซะก่อน ผมก็ทำเป็นเหมือนกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแล้วจ้วงข้าวเข้าปากเหมือนปกติ ในขณะที่อีกสองคนทำตาโตเท่าไข่ห่านจ้องเขม็งมายังผม
“นายจะไปด้วยเหรอ?” พี่เจย์ถามย้ำด้วยความไม่เชื่อหู พี่น่ะไม่รู้อะไร... ผมน่ะเป็นคนพูดจริงทำจริงอยู่แล้ว
“เอาแล้วไงเพื่อนกรู...” นิชคุณก้มลงกระซิบบอกตัวเอง แต่มีหรือจะรอดพ้นจากสายตาของอ๊คแทคยอนคนนี้
“เอ่อ... แต่ว่า...”
“พาผมไปด้วยนะ นะๆๆพี่เจย์” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าจะปฏิเสธก็เริ่มต้นปฏิบัติการอ้อนทันที เจอไม้นี้เข้าไปใครไม่เก็ทไอ้หมอนั่นมันก็โง่แล้ว (ยกเว้นหมวยของผม) ผมเหลือบไปเห็นไอ้คุณส่ายหน้าอย่างหน่ายๆแล้วตักข้าวเข้าไปต่อไปอย่างไม่ใส่ใจ เออ... มีเพื่อนดีๆอย่างมึงนี่กูซาบซึ้งถึงทรวงในจริงๆ
“ก... ก็ได้ แต่ไปแล้วห้ามกวนฉันนะเฟ้ย”
ห้ามกวน = กูอยากอยู่สองต่อสองกับคนที่กูชอบ
คนที่กู (พี่เจย์) ชอบ = ลีจุนโฮ
ลีจุนโฮ = ศัตรูคู่อาฆาตของผม
อย่าหวัง!!!!!!
“ครับ~~ ผมสัญญาว่าผมจะไม่กวนตีนพี่เลยจริงๆนะ” แต่จะไปกวนตีนไอ้เด็กหน้าตี๋นั่นแทน... หึๆๆๆ
“งั้นก็ได้” พี่เจย์ตอบรับคำง่ายๆเหมือนกับไม่อยากเถียงให้เสียเวลานัก เมื่อได้ยินเช่นนั้นผมจึงยิ้มแฉ่งจนหน้าแทบจะบานเทียบเคียงจานดาวเทียมได้อยู่แล้ว เพียงแค่ว่าผมรับสัญญาณโทรทัศน์ไม่ได้เท่านั้นเอง
ผมหันไปยักคิ้วให้นิชคุณเล็กน้อย ส่วนมันก็แค่ยักไหล่ตอบ ทำท่าเหมือนกับอยากจะบอกว่ามึงจะทำอะไรมึงก็ทำไปเถอะ กูไม่แคร์ (กูแคร์แค่น้องด้งของกูเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว)... อะไรประมาณนั้นเลย
ได้... แล้วอย่าหาว่าร้ายก็แล้วกันนะ... ลีจุนโฮ!!!
“พี่เจย์ครับ... ผมมาแล้ว ว่าแต่... คุณคนนั้นน่ะใครกันครับ?” ลีจุนโฮกล่าวขึ้นในขณะที่กำลังสาวเท้าเดินมาทางนี้ เขายิ้มกว้างให้กับพี่เจย์เสียจนผมเห็นแล้วรู้สึกอยากจะเลาะฟันของมันออกมาให้หมดปากไปเลยยังไงยังงั้น ก่อนที่จะหันมาค้อมหลังน้อยๆให้ผมเป็นเชิงทักทาย เหอะ... แกอย่าคิดเลยว่าฉันจะทำตัวสุภาพกับแกกลับ
“อ๋อ... เขาเป็นเพื่อนของนิชคุณนะ แชร์ห้องกันอยู่ด้วย” พี่เจย์ออกหน้าตอบแทน ส่วนผมก็ได้แต่ทำสายตาอาฆาตแค้นทั้งๆที่ยังคงตีสีหน้ายิ้มแย้มตอบไปจนเห็นฟันครบทั้งสามสิบสองซี่ คอยดูเหอะ... ฟันสวยๆที่น่าภูมิใจของฉันเนี่ยแหล่ะที่จะพุ่งเข้าไปเฉาะหัวของแกเป็นอันดับแรก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...” ลีจุนโฮกล่าวกับผมอย่างสุภาพ ผมก็ได้แต่แอบเป้ปากอยู่คนเดียว... ปากหวานอย่างงี้ สุภาพแสนดีอย่างงั้น มิน่าล่ะพี่เจย์ถึงได้ชอบ “ตอนนั้นผมยังไม่ได้ถามชื่อคุณเลย คุณชื่ออะไรเหรอครับ?”
“ผมชื่ออ๊ค แทคยอนครับ” ผมตอบกลับไปด้วยเสียงหนักแน่น แหกหูแหกตา (ตี่ๆ) ของแกและฟังให้ดี... ไอ้หมอนี่เนี่ยแหล่ะที่จะมาเป็นคู่แข่งของนาย
จำชื่อฉันไว้ให้ดีๆแล้วกัน!!! ต่อจากนี้ไปเราคงจะได้เจอกันบ่อย!!!
“ครับ... ผมชื่อลี จุนโฮนะครับ เผื่อว่าคุณจะลืมผมไปแล้ว”
ลืมไปเหรอ? จำได้ขึ้นใจเลยต่างหากเล่าไอ้เบื้อก!!!!
ชื่อของแกมักจะมาวนเวียนอยู่ในประสาทการรับรู้ของฉันอยู่เสมอๆผ่านจากปากของพี่เจย์... จุนโฮจ๊ะ จุนโฮจ๋า จุนโฮอย่างโน้นอย่างนี้... ไม่มีเลยสักครั้งที่จะเอ่ยชื่อของแมวตาดำๆน่าสงสารตัวนี้นอกจากจะมีเรื่องสำคัญจริงๆ แกชักจะผูกขาดสิทธิ์ในตัวของพี่เจย์มากเกินไปแล้วนะไอ้เด็กเมื่อวานซืน!!!!
“ครับ... ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ผมข่มอารมณ์หงุดหงิดที่พลุ่งพล่านเต็มหัวสมองแล้วกัดฟันกล่าวตอบออกไป ต่อหน้านางเอกหน้าหมวยสุดที่รักแล้วผมก็จำเป็นต้องทำตัวเป็นพระเอกแสนดี... แต่จริงๆแล้วอยากจะเข้าไปอัดไอ้หมอนี่เต็มที่แล้ว หมั่นไส้กับความเป็นผู้ดีของมันจริงๆเลยวุ้ย
“ผมเรียกคุณว่าพี่แทคได้มั้ยครับ?” ไอ้เด็กนี่... ชักจะเหิมเกริมมากเกินไปแล้วนะ
“ได้สิครับ...” ตอบรับออกไป ทั้งๆที่อยากจะเข้าไปอัดปากเต็มที
“งั้นพี่เจย์... พี่แทค... เราไปกันเถอะครับ” ลีจุนโฮ... ไม่ใช่สิ... ไอ้จุนโฮพูดขึ้น ส่วนพี่เจย์เพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเดินตามผู้นำขบวนไปเท่านั้นเอง ท่ามกลางความสงสัยของผม
“ไอ้แทค... รออะไรอยู่ล่ะเฟ้ย รีบๆมาดิ” พี่เจย์หันกลับมาส่งเสียงเรียกผมที่ได้ยืนค้างมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
“เอ่อ... แล้วเราจะไปไหน?” ผมถามออกไป
“จุนโฮเขาจะไปซื้อเสื้อผ้าน่ะ” พี่เจย์ตอบ อา... หมวยของผมเนี่ยน่ารักเกินห้ามใจจริงๆเลย
“ถ้าผมมีเวลาหยุดเมื่อไหร่ผมจะมาเดินดูเสื้อผ้าน่ะครับ” ไอ้จุนโฮพูดเสริมขึ้นพร้อมรอยยิ้มกว้างเสียจนตากลายเป็นรูปโค้ง หรือพูดง่ายๆก็คือขีดๆเดียวนั่นแหล่ะ ผมแอบมองค้อนมันไปทีนึงโดยไม่ให้ใครเห็น... ใครบอกให้แกตอบกัน
“จุนโฮเขาเป็นคนมีสไตล์น่ะ ฮ่าๆๆ” พี่เจย์พูดกลั้วเสียงหัวเราะ ส่วนจุนโฮที่ได้รับคำชมก็เกาท้ายทอยอย่างเขินๆ ฮึ่ย... เห็นแล้วหมั่นไส้ อยากจะเข้าไปทึ้งหัวจริงๆเลยว่ะ
“งั้นเราไปกันเถอะครับ” ว่าแล้วเราก็เดินตามผู้นำขบวนไปอย่างว่าง่าย... ยกเว้นผมที่ได้บ่นกระปอดกระแปดตลอดทาง
ระหว่างที่เรากำลังเดินดูร้านรวงต่างๆที่อยู่ทั้งสองข้างทาง... ไม่เคยมีเลยสักวินาทีเดียวที่จะไม่มีเสียงของจุนโฮดังขึ้นมา จุนโฮเป็นคนที่คุยเก่งมากๆ คุยเก่งเสียจนบางทีผมก็รู้สึกรำคาญแทนพี่จย์ที่ยืนอยู่ข้างๆมัน แต่ดูท่าทางพี่เจย์จะถูกอกถูกใจอยู่พอสมควร ก็แหงล่ะ... ได้คุยกับคนที่ตัวเองชอบนี่นา คิดแล้วก็อยากจะเอาหัวหล่อๆของตัวเองโขกกับเสาไฟฟ้าจริงๆเล้ย ไม่เอาๆ... เอาหัวของได้เด็กนั่นโขกแทนดีกว่า ทำตัวน่าหมั่นไส้นัก
จุนโฮไม่ได้คุยแต่กับพี่เจย์อยู่เพียงคนเดียว เขาหันมาคุยกับผมด้วย บ่อยครั้งที่เขาหันมาถามเรื่องราวต่างๆกับผม... อยากเช่นชอบเสื้อผ้าแนวไหน ชอบฟังเพลงอะไร หรือเรื่องอื่นๆที่เราพอจะสนทนากันได้ ถึงผมจะรู้หมั่นไส้มันตลอดบทสนทนา แต่ก็โกหกไม่ได้หรอกว่าผมเองก็รู้สึกถูกใจไอ้เด็กนี่ไม่น้อย จุนโฮไม่ใช่คนดีแค่เปลือกนอกอย่างที่ผมเคยคิด... ยิ่งพูดคุยด้วยก็ยิ่งรู้ เขาทั้งเป็นสุภาพบุรุษ น่ารัก แถมยังนิสัยดี หรือจะบอกว่าเพอร์เฟ็คไปซะหมดทุกอย่าง (ยกเว้นดวงตา) เลยก็ว่าได้... มิน่าพี่เจย์ถึงได้ชอบมันซะขนาดนั้น
แต่ยิ่งเป็นคนดีมาเท่าไหร่... ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้นเท่านั้น...
หมอนี่ดูเหมือนจะเล่นด้วยยากจริงๆ... แล้วอย่างผมจะเอาอะไรไปสู้เขาได้ล่ะเนี่ย... นอกจากความสูงที่แตกต่างกับหน้าตาที่หล่อเหลากว่าเท่าตัว... แต่ประเด็นสำคัญที่ทำให้หมอนั่นได้เปรียบยิ่งขึ้นก็คือ... มันชอบพี่เจย์มาก่อนผม... แล้วซวยซ้ำซาก... พี่เจย์ดันชอบมันกลับอีก...
แต่เอาเถอะ... ผมเองก็มั่นใจในความรักของตัวเองที่มีให้กับเขาเหมือนกันนะ!
“พี่เจย์... ผมว่าเสื้อตัวนี้เหมาะกับพี่มากเลยนะ” จุนโอกล่าวขึ้นพลางยื่นเสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีน้ำตาลให้พี่เจย์ที่รับมาอย่างงงๆ ส่วนผมที่เห็นท่าทางเหวอๆของพี่เจย์แล้วก็อดที่จะหลุดขำออกมาไม่ได้ จุนโฮทาบเสื้อกันหนาวตัวนั้นกับร่างของพี่เจย์ จากที่ผมมีความรู้สึกขำนิดๆ... แต่ตอนนี้มันกลับเป็นความรู้สึกอยากเข้าไปตั๊นหน้าใครบางคนแทน
“เอาจริงอ่ะ... นี่แทค ฉันเป็นไง?” พี่เจย์หันขวับกลับมาถามผม โอ้... ฟ้ามีตาเทวดามีจริง พี่เจย์อ่ะใส่อะไรก็น่ารัก... เอ๊ย... ดูดีไปซะทั้งหมดอยู่แล้วล่ะครับ คึๆๆๆ
“ดูดีออก เนอะพี่แทค...” จุนโอกล่าวชมแล้วหันกลับมาขอความเห็นกับผม นี่ฉันไปเออออห่อหมกกับแกตั้งแต่เมื่อไหร่มิทราบไอ้เด็กหน้าตี๋ไม่เจียมกะลาหัว
“พี่เจย์เขาใส่อะไรก็ดูดีไปทั้งหมดน่ะแหล่ะ” อ๊าคค... พูดออกไปแล้ว ผมเหลือบไปเห็นแก้มของพี่เจย์ขึ้นสีชมพูฝาดขึ้นมานิดๆเมื่อผมกล่าวประโยคนั้นออกไป กร๊ากกก... แทคยอนคนนี้สุขใจจริงๆ
“ฮ่าๆๆๆ ผมเห็นด้วย” เฮ้ยไอ้หน้าตี๋... อย่าบังอาจมาลอกความคิดของชาวบ้านนะเฟ้ย คิดเองไม่เป็นไงฟระ “ผมว่า... ตัวนี้ก็เหมาะกับพี่นะครับพี่แทค”
ว่าพลางหยิบเสื้อเชิ้ตสีดำตัวหนึ่งขึ้นมาให้ผมดู จบด้วยการยิ้มตาหยีให้ แต่ขอโทษ... ฉันไม่พิศวาสความตี๋ของแกหรอกนะ
“ไหนดูซิ” ผมรับเสื้อตัวนั้นมาทาบกับร่างกายตัวเอง เอ่อ... จะว่าไปเสื้อตัวนี้ก็ดูดีไม่หยอก ไอ้หน้าตี๋นี่มันมีสไตล์อย่างที่พี่เจย์บอกจริงๆด้วย พี่เจย์หันกลับมาแล่บลิ้นใส่ผมเล็กน้อยก่อนเอ่ย
“ดำอยู่แล้ว... ยังจะใส่สีดำอีก เดี๋ยวก็มืดจนมองไม่เห็นหรอกไอ้เหมียว” พี่เจย์แขวะผมเข้าให้ก่อนที่จะแล่บลิ้นล้อเลียนใส่อีกครั้ง อา... ขนาดตอนกวนตีนยังน่ารัก นี่ถ้าเป็นนิชคุณหรือคนอื่นๆทำล่ะก็ผมตบกลิ้งไปแล้วนะเนี่ย
“พี่เจย์ใจร้ายยยย อย่างนี้เขาเรียกผิวสีแทนต่างหากเล่า สมัยเนี้ยเค้านิยมกันมากเลยนะรู้ป่ะ?” ผมอดไม่ได้ที่จะกวนกลับ เพราะอยากเห็นหน้าเหวี่ยงๆอย่างที่พี่เจย์มักจะทำอีกสักครั้ง และก็ได้เห็นดั่งที่ใจคิดจริงๆราวกับอีกฝ่ายได้ยินคำขอที่ดังขึ้นในใจของผม
“ไอ้ดำเอ๊ยยย”
“ฮ่าๆๆๆ พี่จะว่าอะไรผมก็ไม่สนหรอก”
“เชอะ...”
ว่าแล้วก็สะบัดหน้าหนีไปอย่างเม้งๆ ผมอดที่จะขำไม่ได้เมื่อเห็นว่าพี่เจย์มีท่าทางแบบนั้นตอบสนองกับสิ่งที่ผมทำลงไป ผมชอบจังเลยเวลาที่ได้แกล้งพี่เจย์เนี่ย... ฮ่าๆๆ
“พวกพี่ๆหิวกันรึยังล่ะครับ?” หลังจากที่เดินเลือกซื้อเสื้อผ้ากันมาอีกซักระยะหนึ่งจุนโฮก็ถามขึ้น อันที่จริงตอนนี้ผมเองก็ชักจะรู้สึกหิวๆขึ้นมามั่งแล้วล่ะ แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรไป แล้วหันไปทำสายตาขอความเห็นจากพี่เจย์แทน
“ฉันเองก็ชักจะหิวแล้วล่ะ งั้นเราไปกันเถอะจุนโฮ” ประโยคแรกนั้นพี่เจย์หันมาพูดกับผมพร้อมกับส่งสายตาค้อนๆใส่ ส่วนประโยคที่สอง... ดันวิ่งรี่เข้าไปหาไอ้หน้าตี๋ซะอย่างนั้น
อุ๊ก... รู้สึกเหมือนโดนแทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจ...
“นายเองจะตามมาก็ได้นะแทค” แต่ก็ยังดีที่พี่เจย์ยังเห็นหัวผม ถึงแม้จะเจ้าตัวต้องการแค่จะกวนประสาทก็ตามทีเถอะ แต่ยังไงผมก็ยังซาบซึ้งใจ
“ถึงไม่บอกก็ตามไปอยู่แล้วล่ะน่า”
“จุนโฮ... แล้วเราจะไปกินไหนกันดีล่ะ” แหม๊... พูดอย่างกับไปเดทกันสองต่อสองเลยยังงั้นแหล่ะ ลืมแมวดำตัวน้อยๆที่เดินตามมาต้อยๆนี้ไปแล้วรึยังไงกัน
แต่ที่ทำให้ผมเจ็บใจ... มันไม่ใช่เพราะเรื่องแค่นั้น...
แต่ว่ามันเป็นเพราะ...
“พี่อยากไปที่ไหนล่ะครับ?”
“แน่ะ... โยนให้ฉันคิดอีกแล้วนะ”
มือของลีจุนโฮที่กำลังกุมมือของพี่เจย์อยู่ต่างหาก...
พอเห็นภาพนั้นแล้ว... มันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บจี๊ดในอกขึ้นมาราวกับโดนเข็มทิ่ม ถึงจะเป็นเข็มเล็กๆแต่มันก็ไม่ได้มีเพียงเล่มเดียว... มันมีเป็นพันๆเล่ม
เมื่อไหร่กันนะ... ที่ผมจะสามารถกุมมือของเขาได้เหมือนอย่างที่หมอนั่นทำ...
เพียงแค่คิด... หัวใจก็รู้สึกอ่อนล้าแล้ว...
แต่ก็ใช่ว่าผมจะท้อถอยและอมแพ้ไปง่ายๆอย่างนี้ ถึงแม้ว่าพี่เจย์จะชอบหมอนั่นเอามากๆก็ตามที แต่ยังไงๆผมก็จะแย่งเขามาให้เป็นของผมเพียงคนเดียวให้ได้...
เราได้เห็นดีกันแน่...
“งั้นผมไปก่อนนะครับ... สวัสดีครับพี่แทค แล้วเจอกันนะครับพี่เจย์” จุนโฮกล่าวขึ้นพร้อมยิ้มตาหยี พลางค้อมตัวลงต่ำเป็นการบอกลา พี่เจย์ตอบรับโดยการโบกมือให้หยอยๆ ส่วนผมน่ะเหรอ... สุดที่รักทำอะไรผมก็จะทำตามทั้งหมดน่ะแหล่ะ
หลังจากที่จุนโฮนั้นเดินจากไปแล้วเราสองคนก็เดินทางกลับหอพัก ระหว่างทางเดินกลับพี่เจย์ก็ไม่ได้ปริปากพูดอะไรขึ้นมาเลยสักคำแม้แต่คำว่า “วันนี้สนุกไหม”... เช่นเดียวกันกับผมที่เคียงกันมาอย่างเงียบๆ จนผมอดที่จะผมแอบรู้สึกน้อยใจนิดๆไม่ได้ ก็ตอนที่เดินไปกับจุนโฮในตอนบ่ายน่ะ... พี่เจย์เขาคุยไม่หยุดเลยนี่นา
ผมสู้หมอนั่นไม่ได้จริงๆด้วยสินะ... ก็แหงล่ะ... หมอนั่นน่ะเป็นทั้งสุภาพบุรุษ มีน้ำใจ แถมยังน่ารักอีก... ก็สมควรแล้วที่พี่เจย์จะชอบเขา
ไม่เหมือนกับผม... ทั้งดำทั้งเถื่อน แถมยังหน้าแมวอีก ชอบกวนประสาท พูดหรือทำอะไรไปก็ไม่เคยที่จะถูกเลยสักครั้งในสายตาของเขา และเหนื่ออื่นใด... เป็นคนที่เขาเคยเกลียดเข้ากระดูกดำ
มันต่างกันมากถึงเพียงนี้เชียวรึ...
“นี่แทค...” ในที่สุดพี่เจย์ก็ส่งเสียงเรียกผมขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เดินด้วยกันมาเป็นเวลาพอสมควร
“ครับ...?” ผมตอบรับไปอย่างสงสัย ด้วยท่าทางที่ดูสงบนิ่งมากยิ่งกว่าปกติ...
“นายจำได้มั้ย... ที่ฉันเคยถามนายไปน่ะ” ยิ่งฟังเขาพูดแล้วผมก็ยิ่งสงสัย... พี่เจย์พูดถึงอะไรกันนะ “ที่ฉันถามว่า... นายเคยมีความรักมั้ย”
“...” ผมเงียบไป... จริงๆแล้วยิ่งกว่าจำได้เสียอีก มันฝังเข้าไปในสายเลือดไปซะแล้วล่ะ ผมไม่อาจจะลืมสิ่งที่เขาพูดออกมาในตอนนั้นได้หรอกนะ คำๆนั้นมันเจ็บยิ่งกว่าโดนเข็มทิ่มเสียอีก...
“ผมจำไม่ได้แล้วล่ะครับ” ผมหันหน้าหนี ขอร้องล่ะ... อย่าทำร้ายจิตใจกันมากเกินไปกว่านี้อีกเลยนะ
“ฉันน่ะ... เคยมีความรักนะ” เขากล่าวขึ้น แต่ผมกลับไม่อยากฟัง “ฉันรักเขามาก... แต่เขากลับต้องจากฉันไปเสียก่อน”
“พี่ชอบเขา” ผมกล่าวขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว “พี่ชอบจุนโฮ.......”
เขาดูมีท่าทางตกใจเล็กน้อยเมื่อผมเอ่ยประโยคนั้นออกไป ผมเห็นสีหน้าแบบนั้นเลยรีบกลับคำทันที...
“เอ่อ..... เหรอครับ....?”
“...” เขาก้มหน้าลงหลบสายตา ไม่พูดไม่จาอะไรเลยสักคำ เหมือนกับว่าเขาอึดอัดที่จะพูดมันออกมายังไงยังงั้น
แปลว่า... ผมแก้ไม่ทันสินะเนี่ย...
“พี่ชอบเขาจริงๆใช่มั้ยครับ?” ยังไงๆก็แก้ไม่ทันอยู่แล้ว... เดินหน้าต่อไปเลยก็แล้วกันนะ
“ฉันดูโจ่งแจ้งขนาดนั้นเลย”
“ผมดูคนเก่งต่างหาก” จริงๆนะ... แค่เห็นแก้มแดงๆของพี่ผมก็รู้แล้วล่ะ ว่าพี่คงกำลังชอบไอ้หมอนี่อยู่แน่ๆเลย
“...” พี่เจย์ยิ้ม... เขาส่ายหน้าอย่างช้าๆ “นายดูไม่ผิดหรอก... ฉันชอบเขาจริงๆ”
“ทำไมเหรอครับ?”
“?”
“เอ่อ... ทำไมพี่ถึงชอบเขาล่ะครับ?”
“อ๋อ... เรื่องนั้นน่ะเอง” เขากล่าวขึ้น “รู้แล้วเหยียบไว้นะ ฉันจะบอกแค่นายคนเดียว”
“อ่า... ครับ”
________________________________________________________________________________
ความคิดเห็น